วีระเดช โคธนี่ โบกมือลาวงการดาบไทยหลังร่วงรอบสองดาบเซเบอร์โอลิมปิก 2008 เผยเบื่อระบบการทำงานที่เป็นเพียงลมปาก จวกฟันดาบไทยไร้คนเหลียวแล งบแข่งและเก็บตัวต่างประเทศที่สำรองออกก่อนยังไม่ได้ รับผิดหวังที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ภูมิใจที่ได้เป็นทีมชาติไทย เตรียมหอบลูกกลับทำงานเยอรมัน และอยู่อย่างมีความสุข
ความเคลื่อนไหวของ "วิลลี่" วีระเดช โคธนี่ นักดาบไทย เจ้าของ 2 เหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ปี 2000 ครั้งนั้นลงเล่นในนามทีมชาติเยอรมัน ซึ่ง เพิ่งตกรอบ 2 กีฬาโอลิมปิก 2008 หรือ "ปักกิ่งเกมส์" ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 51 ที่ผ่านมา
เปิดปากลาขาดทีมชาติไทย
วีระเดช โคธนี่ ได้พูดคุยกับบรรดาสื่อมวลชน ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยสีหน้าที่พยายามเก็บอารมณ์อย่างถึงที่สุดแล้วเค้นรอยยิ้มออกมาจนได้ ถึงการแข่งขันกับ ชง หม่า นักดาบเจ้า ถิ่น โดยกล่าวว่า "ตนไม่ขอกล่าวถึงการแข่งขันครั้งนี้ดีกว่า เพราะทุกคนก็เห็นกันอยู่แล้ว แต่อยากจะบอกว่านับแต่นี้ต่อไป ตนเองคงจะมีความสุขและเลิกเครียดกับชีวิตเสียที เพราะต่อไปนี้ตนจะ ไม่ได้เป็นนักกีฬาให้กับทีมชาติไทยอีกต่อไปแล้ว จะขอกลับไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา มีความสุขกับการทำงาน เลี้ยงลูก ไปเหมือนกับคนธรรมดาๆ ทั่วไปคนหนึ่งต่อไปดีกว่า ส่วนฟันดาบนั้นคง จะเป็นแค่อดีตส่วนหนึ่งในชีวิตเท่านั้น"
ยอมรับเบื่อระบบการทำงาน
จากนั้นคำพูดจากใจพรั่งพรูมาจากริมฝีปากของวิลลี่อย่างต่อเนื่อง โดยนักดาบหนุ่มให้เหตุผลถึงการอำลากีฬาฟันดาบและการรับใช้ทีมชาติไทยครั้งนี้ว่า "ตนเองคงไม่สามารถ แบกรับภาระและข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนทุ่มเทและอุทิศตัวให้กับการทำหน้าที่เป็นตัวแทนทีมชาติมาตลอดแต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นมันน่าผิดหวังมากๆ ตน รักการฟันดาบ เป็นกีฬาที่อยู่ในหัวใจ แต่คงไม่สามารถเล่นได้หากการทำงานของสมาคมฯ ยังอยู่ในระบบเดิมๆ ที่ทุกอย่างเป็นแค่เพียงลมปากที่ผ่านไป"
จวกฟันดาบไทยไร้คนแล
วิลลี่ ยังกล่าวต่อไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า "ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้แล้วว่า นักดาบไทยมากันยังไง ขนาดจะลงแข่งขันยังไม่มีโค้ชมาคอยสอน นักกีฬาที่ ลงแข่งคิดได้ ผมเองคิดได้ ว่าคู่ต่อสู้มาแบบไหน แต่ต้องมีคนมาช่วยแนะนำ เพราะคนที่มองเกมอยู่จะรู้และเห็นภาพทั้งหมด สามารถแก้เกมได้ แต่ผมไม่มี นักดาบไทยอีกหลายคนก็ไม่มี ก่อนจะ ลงแข่งขันมีคนแนะนำผมว่า ให้เลือกผู้จัดการทีมมานั่งที่เก้าอี้โค้ช แต่ให้ท่านมาแล้วท่านสอนผมได้มั๊ย ผมจึงเลือก นนทพัฒน์ ให้มาเป็นโค้ช ซึ่งนนทพัฒน์เป็นนักดาบประเภทฟลอยด์ มันไม่ เหมือนกัน แต่ก็เอาเหอะ ผมแพ้แล้วและผมก็จะไม่โทษใครทุกอย่างมันเป็นอดีตผ่านไปแล้ว"
สมาคมฯ มีแต่ลมปากหอมหวาน
นอกจากนั้น วิลลี่ ยังกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า "ตลอดเวลาที่ตนเล่นฟันดาบให้ทีมชาติไทย มีแต่คนที่มาพูดจาให้คำหวาน และคำมั่นสัญญาอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พอเอาเข้าจริงมี ใครทำได้อย่างที่พูดบ้าง การแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ผมได้เงินเบี้ยงเลี้ยงจาก กกท. เดือนละ 9,900 บาท และเงินจากสมาคมฯ เดือนละ 50,000 บาท ฟังดูอาจจะเยอะ แต่ทั้งหมดนี้ ผมต้องจ่ายค่าจ้างโค้ชเอง ค่าคู่ซ้อมเอง ทุกอย่างผมต้องจ่ายเองทั้งสิ้น คิดแล้วมันไม่พอเสียด้วยซ้ำไป และยังต้องไปกู้ธนาคารอีก 4,000 ยูโร หรือประมาณ 200,000 บาทมาใช้จ่าย แต่ผมก็ กัดฟันสู้ในเมื่อเราเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้มันก็ต้องสู้ต่อไป
"มันมีหลายจุดที่ทำให้ท้อแท้นะ ตั้งแต่เอเธนส์ มาจนถึงซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ซีเกมส์ที่โคราช ยังเจอปัญหาเหมือนกัน ทุกคนล้วนแต่ปากหวาน แต่เอาเข้าจริงมีใครทำได้บ้าง ส่วนเงินที่ใช้ อยู่ทุกวันนี้คือเงินเดือนที่ได้มาจากงานที่เยอรมัน ซึ่งผมทำอยู่แต่ลามาเล่นกีฬา ซึ่งเขาก็โอเคและยังให้เงินเดือนอีกเดือนละ 400 ยูโร หรือราว 2 หมื่นบาท ตรงนี้เป็นเงินที่ผมเอามากินมาใช้และ ซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมทุกวันนี้"
วอนอย่าเอานักท่องเที่ยวมาทำงาน
ด้าน วิลลี่ ยังจวกอย่างเจ็บแสบด้วยว่า "การแข่งขันโอลิมปิก ถือเป็นงานใหญ่ เป็นรายการกีฬาระดับโลก แน่นอนนักกีฬาทุกคนต้องการความพร้อมมากที่สุด เพื่อโอกาสที่มากที่สุด แต่สำหรับทีมฟันดาบไทยในโอลิมปิกครั้งนี้มีแต่ปัญหา ทุกอย่างโยนให้นักกีฬาไปแก้ไขกันเอาเอง นักกีฬาต้องการโค้ช ต้องการอุปกรณ์ และต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ไม่ใช่เอาแต่ใครก็ไม่รู้ มาทำงาน ตนรู้ว่าทุกคนล้วนแต่อยากมาโอลิมปิก แต่สำหรับนักกีฬาแล้วตนอยากจะขอวอนไปถึงผู้ใหญ่ว่าอย่าเอานักท่องเที่ยวมาทำงานในโอลิมปิกได้หรือไม่"
เผยเงินอีกครึ่งล้านบาทก็ยังไม่ได้
สำหรับการเตรียมตัวก่อนหน้าที่จะมาโอลิมปิกครั้งนี้ วิลลี่ เผยว่า "ตนได้ปรึกษากับผู้ใหญ่ทางสมาคมว่าจะเดินทางไปแข่งขันและเก็บตัวต่างประเทศ ซึ่งก็มีทั้งทวีปยุโรปและอเมริกา ซึ่งทางสมาคมฯ ก็เห็นด้วยและสนับสนุนให้ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนต้องสำรองค่าใช่จ่ายไปก่อนแล้วจะออกย้อนหลังไปให้ ซึ่งต้องไปกู้เงินธนาคารไปใช้จ่าย เสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ไป 4 พันยูโร หรือ ประมาณ 2 แสนบาท แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีคำตอบว่าผมจะได้เงินคืนเมื่อไหร่รวมๆ แล้วประมาณครึ่งล้าน โทรศัพท์ไปถามก็ได้รับคำตอบเดียวคือ เดี๋ยวก่อนนะ อดทนก่อนนะ รอเดี๋ยวนะ แต่จะ ให้รอไปถึงตอนไหน ผมน่ะรอได้ แต่ธนาคารรอไม่ได้ ผมโดนทวงหนี้ ผมจะพูดกับธนาคารได้หรือเปล่าว่า อดทนหน่อยนะ แล้วที่ตนออกมาพูดอย่างนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตนจะได้รับเงินส่วนนี้อีกหรือ เปล่า ผมพูดไปขนาดนี้แล้วเขายังจะให้ผมอีกหรือพี่..."
แฉนักดาบล้วนหวานอมขมกลืน
วิลลี่ ยังเผยต่อไปว่า "ไม่เพียงแค่ตนเองเท่านั้น แม้แต่นักดาบรุ่นน้องในทีมชาติหลายคนยังโดนเหมือนกัน ไม่เชื่อลองไปถามได้เลยว่าเงินเบี้ยเลี้ยงตั้งแต่ซีเกมส์ได้กันครบแล้วหรือ ยัง มีหลายคนยังไม่ได้ แต่ไม่มีใครกล้าโวย ทุกคนยังเป็นเด็ก โอเคเขาให้ติดทีมชาติก็ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวเอาไว้ มีอะไรก็หวานอมขมกลืนไปก่อน ทุกวันนี้มีแต่ตนกับ นนทพัฒน์ ที่เป็นความหวังของน้องๆ ว่าจะออกมาโวยบ้างก็เท่านั้น"
ผิดหวังแต่ภูมิใจที่เป็นทีมชาติไทย
ต่อข้อถามที่ว่าเมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ วีระเดช เคยรู้สึกว่าคิดผิดหรือไม่ต่อการตัดสินใจย้ายสัญชาติจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติเยอรมันมาเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยนั้น นักดาบหนุ่มกล่าว อย่างไม่ต้องคิดว่า "ถ้าจะถามในแง่ของการเล่นกีฬาแล้วตนยอมรับว่าตนคิดผิด เพราะถ้าเล่นให้กับเยอรมัน ตนน่าจะได้รับการพัฒนาฝีมือได้ดีกว่านี้ เพราะมีระบบการจัดการที่ดีกว่า แต่ถ้ามอง ในแง่ของความภาคภูมิใจแล้ว ตนยืนยันว่าไม่เคยคิดผิด หรือเสียใจเลยที่ได้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย เพราะการได้รับใช้ชาติไทยคือความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างสูงสุด ตนดีใจที่ได้เป็นตัว แทนของคนไทย ของประเทศชาติออกไปทำการแข่งขัน และจนบัดนี้ยังไม่คิดว่าเรื่องการย้ายมาเล่นให้ทีมชาติไทยเป็นเรื่องที่ต้องเสียใจแต่อย่างไร"
หอบลูกกลับทำงานเยอรมัน
ส่วนอนาคตต่อไปนั้น วิลลี่ เผยว่า "ตามกำหนดแล้ว ตนจะเดินทางกลับเมืองไทยในวันที่ 15 สิงหาคม และตามกำหนดแล้วจะเดินทางกลับไปทำงานที่เยอรมันวันที่ 22 สิงหาคม แต่ ตอนนี้อาจจะขอเปลี่ยนตัวเดินทางไปก่อนกำหนด และจะพา "น้องมอร์แกน" ลูกชายวัย 3 ขวบเศษไปด้วย โดยจะไปทำงานเดิมที่บริษัทล็อตโต้ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายล็อตเตอรี่แบบถูกต้องตาม กฎหมายของเยอรมันอยู่ที่เมือง คอปแลนซ์ ห่างจากแฟรงค์เฟิร์ตไปราว 100 กม. แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมา เพราะคงจะพาน้องมอร์แกนกลับเมืองไทยเพื่อเจอกับแม่เขาบ้าง และคงเป็นการกลับ มาเพื่อท่องเที่ยว และเยี่ยมเยียนเท่านั้น ไม่ใช่การกลับมาในฐานะนักกีฬาอีกแต่อย่างไร"
http://www.siamsport.co.th/25510812-067.html
จากคุณ :
Calibre
- [
วันแม่แห่งชาติ 23:27:28
]