ความคิดเห็นที่ 5

ข่าวประจำวันที่ 18/09/2008
*-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
รายงานการแข่งขัน: ดินาโม เคียฟ 1 - 1 อาร์เซนอล วิลเลี่ยม กัลลาสช่วยเก็บหนึ่งคะแนนให้อาร์เซนอลได้ในช่วงท้ายเกมของการไปเยือนดินาโม เคียฟเมื่อคืนวันพุธ ซึ่งทำท่าว่าอาถรรพณ์ที่ยูเครนจะยังคงอยู่ต่อไป
เมื่อเหลือเวลาอีกเพียงสองนาที ดูเหมือนลูกจุดโทษปัญหาของอิสมาเอล บังกูร่าในครึ่งหลังจะทำให้ทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ต้องพบกับความพ่ายแพ้รวดทั้ง 4 นัดในการไปเตะที่นั่นตลอดหนึ่งทศวรรษหลังสุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเกมที่ไปเยือนทเวนเต้ในรอบคัดเลือก กัปตันทีมอาร์เซนอลเติมขึ้นมาได้ถูกที่ถูกเวลาที่เสาไกลและจิ้มลูกเปิดเรียดของธีโอ วอลค็อตต์เข้าประตูไป มันเป็นประตูที่ชุลมุนแต่ก็เป็นประตูที่สมควรได้รับ
แม้อาร์เซนอลจะไม่ได้เจอกับงานที่ง่ายเลยในครึ่งแรก แต่พวกเขาก็ยังสร้างโอกาสได้มากพอที่จะนำห่างไปได้
เคียฟเป็นทีมที่ดีกว่าอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง แต่จังหวะเดียวและการตัดสินเดียวก็เปลี่ยนรูปเกมไปในทันที
เวนเกอร์พูดในการแถลงข่าวก่อนเกมว่าผลเสมอจะถือว่าน่าพอใจแล้ว และมันก็ยากที่จะโต้แย้งว่าพวกเขาสมควรได้รับมากกว่านั้น เกมในกลุ่มจียังเหลืออีก 5 นัดให้แข่งขันกันและนี่ก็เป็นการเริ่มต้นที่แข็งแกร่งพอ
เวนเกอร์เปลี่ยนทีมแค่ตำแหน่งเดียวจากชุดที่บุกไปชนะแบล็คเบิร์นอย่างงดงามเมื่อวันเสาร์ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้เจ็บจากเกมที่อีวู้ด ปาร์คแต่ก็ยังฟิตพอที่จะร่วมทีมไปด้วยได้ แต่เอาเข้าจริงเขาก็มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น
ตำแหน่งมิดฟิลด์ริมเส้นถูกแทนที่โดยมิดฟิลด์ตัวกลางอย่างอเล็กซ์ ซงโดยเวนเกอร์ปรับมาเล่นในระบบ 4-5-1 ซงและเดนิลสันรับบทมิดฟิลด์ตัวรับที่กลางสนาม โดยมีเชส ฟาเบรกาส, ธีโอ วอลค็อตต์ และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซึ่งลงเล่นทางฝั่งซ้าย คอยทำหน้าที่ขับเคลื่อนเกมรุก
สนามวาเลรี่ โลบานอฟสกี้ที่ใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งครั้งนี้จุผู้ชมได้แค่ 16,000 คนและแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสนามโอลิมปิสกี้ที่จุดผู้ชมได้ถึง 80,000 คน ซึ่งทีมของเวนเกอร์เคยออกไปแพ้ 2-1 เมื่อ 5 ปีก่อน
นักเตะตัวจริงเพียงคนเดียวจากเกมแห่งฝันร้ายนัดนี้ที่หลงเหลืออยู่ในทีมชุดนี้คือโคโล ตูเร่ โดยกาแอล กลิชี่มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนั้น เวนเกอร์คงจะยืนยันว่าทีมของเขาถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้วหลังจากครั้งนั้น
แม้จะสร้างโอกาสได้มากพอ แต่ฟอร์มการเล่นในครึ่งแรกของอาร์เซนอลก็ไม่ได้สร้างความมั่นใจได้อย่างเต็มที่นัก แม้ทีมเยือนจะเล่นอย่างอดทนและคุมเกมได้แต่ก็ไม่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน
นาทีที่ 2 วอลค็อตต์แทงบอลทะลุช่องให้ฟาน เพอร์ซี่สปีดเข้าไปรับที่มุมของกรอบ 6 หลา หัวหอกชาวดัตช์มีเวลาพอที่จะยิงเล่นทางเลือกแต่เขาเลือกที่จะยิงแรงไว้ก่อนและสตาฟนิสลาฟ โบกุช ผู้รักษาประตูของเคียฟ ก็ใช้ตัวบล็อกไว้ได้ แผนการเล่นของเวนเกอร์ถือว่าค่อนข้างระมัดระวังทำให้อาร์เซนอลไม่สามารถครองความเหนือกว่าเอาไว้ได้หมด แต่พวกเขาก็ยังเป็นทีมที่มีโอกาสทำประตูได้มากกว่า
นาทีที่ 18 โรมัน เอเรเมนโก้ลื่นล้มทำให้เอ็มมานูเอล อเดบายอร์มีโอกาสพาบอลจี้เข้าหาแผงหลังเคียฟ เขาพาบอลผ่านกองหลังสองคนสุดท้ายไปได้ดีแต่หัวหอกชาวโตโกกลับยิงไซด์หลุดกรอบไปนิดเดียว
ทางด้านเคียฟนั้นเล่นอย่างเหนียวแน่นและเป็นระบบอย่างที่เวนเกอร์ทำนายไว้ แต่พวกเขาก็ไม่มีความเฉียบคมมากนัก โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดของพวกเขาในครึ่งแรกเป็นลูกยิงไกลของอังเดร เนสมาชนี่ กัปตันทีม ซึ่งอัลมูเนียก็รับได้สบายๆ
เจ้าถิ่นแข็งแกร่งขึ้นในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่โอกาสยังคงเป็นของอาร์เซนอลเช่นเดิม ก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาทีการทำเกมที่ไหลลื่นลงเอยด้วยการที่บาการี ซานญ่าได้เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากลางและฟาน เพอร์ซี่ก็ซัดเข้าหน้าต่าง
โอกาสที่ดีกว่ามาถึงในสองนาทีถัดไปเมื่ออเดบายอร์เปิดบอลขวางไปที่เสาไกลให้ฟาน เพอร์ซี่แตะกลับไปให้ฟาเบรกาสที่ยืนโล่งๆอยู่อยู่หน้าปากประตูแค่ 6 หลา แต่มิดฟิลด์ชาวสเปนยิงโดนบอลไม่แรงพอทำให้โบกุชรับไว้ได้
อย่างไรก็ตามเมื่อครึ่งหลังผ่านไปเพียงสามนาทีก็เป็นผู้รักษาประตูของอาร์เซนอลที่รู้สึกโล่งใจบ้าง เมื่อเอเรเมนโก้ยิงเรียดจากมุมแคบไปชนเสากระดอนไปชนหลังอัลมูเนียและกลิ้งออกมาที่บริเวณกรอบ 6 หลา แต่นายทวารชาวสเปนยังไวพอที่จะตามไปตะครุบไว้ได้ มันเป็นจังหวะหวาดเสียวที่ไม่ได้เกิดขึ้นใน 45 นาทีแรก
อาร์เซนอลตอบโต้ทันทีแต่ก็มีโอกาสไม่มากนักและต้องถูกลงโทษในนาทีที่ 61 เมื่อบังกูร่าโยนบอลจากฝั่งขวาไปหน้าประตูและบาการี ซานญ่าถูกตัดสินว่าไปผลักอ๊อกเนน วูโคเยวิช
หัวหอกชาวกีนีวิ่งเข้ามาคว้าบอลไปรับหน้าที่สังหารจุดโทษเองและก็ยิงเข้าไปแบบที่อัลมูเนียพุ่งผิดทางทำให้เคียฟขึ้นนำไปก่อน นับเป็นการเสียประตูเพียงแค่ลูกที่สองของอัลมูเนียใน 10 ชั่วโมงของแมตช์แข่งขันจริงในฤดูกาลนี้
เกือบจะทันทีหลังจากนั้นเวนเกอร์ก็เร่งเครื่องทันที เขาส่งนิคลาส เบนดท์เนอร์ลงไปแทนซงโดยลงไปเล่นคู่กับอเดบายอร์ในระบบที่ปรับมาเป็น 4-4-2 อย่างไรก็ตามโอกาสที่ดีกว่าเริ่มกลายมาเป็นของเคียฟแล้วในตอนนี้ การเข้าสกัดบอลจังหวะสุดท้ายของกลิชี่ทำให้เอเรเมนโก้พลาดโอกาสทำประตูในจังหวะที่ดูเหมือนจะหลุดขึ้นไปเดี่ยวๆแล้ว หลังจากนั้นตูเร่ก็ตัดบอลจากทาราส มิคาลิคได้แต่ลูกหลุดไปเข้าทางบังกูร่าที่ซัดไปเข้าหน้าต่าง
ขณะที่เวลาลดน้อยลงเรื่อยๆอาร์เซนอลก็กลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมได้อีกครั้ง พวกเขาได้ลูกเตะมุมอย่างต่อเนื่องแต่มีเพียงลูกโหม่งที่เสาไกลของอเดบายอร์เท่านั้นที่พอมีลุ้น
เวนเกอร์ส่งคาร์ลอส เวล่าและเอบูเอ้ลงไปเสริมเกมรุกเช่นกันเพื่อเร่งเครื่องเต็มที่ในช่วงท้ายเกม และต้องให้เครดิตพวกเขาเมื่อกดดันจนเคียฟต้านไม่อยู่ และประตูของกัลลาสแม้จะไม่สวยงามอะไรแต่ก็มีความหมายอย่างยิ่ง และมันก็ทำให้อาร์เซนอลกลับบ้านด้วยความพอใจ
รายชื่อนักเตะทั้ง 2 ทีม อาร์เซนอล: มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี ซานญ่า (เอ็มาานูเอล เอบูเอ้ 78), โคโล ตูเร่, วิลเลี่ยม กัลลาส, กาแอล กลิชี่, เดนิลสัน, อเล็กซานเดอร์ ซง (นิคลาส เบนดท์เนอร์ 70), เชส ฟาเบรกาส, ธีโอ วอลค็อตต์, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (คาร์ลอส เวล่า 84)
ดินาโม เคียฟ: สตานิสลาฟ โบกุช, เอเบิร์ต เบเทา, อ๊อกเนน วูโคเยวิช, โอเล็คซานเอร์ อาลิเยฟ, ปาเป้ มาลิชคู เดียกาเต้, ลูดบเมีย มิชาลิค, อังเดร เนสมาชนี่, อายิล่า ยูสซูฟ (อซาเทียนี่ 90), มิลอส นินโควิช, อิสมาเอล บังกูร่า, ดมิโทร เอเรเมนโก้
ที่มา Arsenal.com แปลโดย Thailand.Arsenal.com
จากคุณ :
YesterdayOnceMore
- [
18 ก.ย. 51 11:41:45
]
|
|
|