ความคิดเห็นที่ 5

ข่าวประจำวันที่ 21/09/2008
*-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
รายงานการแข่งขัน: โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1 - 3 อาร์เซนอล อาร์เซนอลขึ้นเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกหลังแซงกลับมาชนะโบลตัน 3-1 ที่รีบ็อค สเตเดี้ยมเมื่อคืนวันเสาร์
เควิน เดวี่ส์โหม่งทำประตูได้ให้เจ้าถิ่นขึ้นนำในนาทีที่ 14 แต่อาร์เซนอลก็ตอบโต้ด้วยการดาหน้าบุกแหลกก่อนเกมจะครบครึ่งชั่วโมง โดยซัดชนเสาทั้งสองข้างและสร้างโอกาสเหน่งๆได้อีกสองหน
หลังจากเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่หลายครั้ง ทีมเยือนก็ยิงทีเดียวสองลูกในสองนาที เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ทำประตูแรก ซึ่งเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเขา ในนาทีที่ 26 และเกือบจะทันทีหลังจากนั้นนิคลาส เบนดท์เนอร์ก็จบสกอร์จากการทำเกมกันอย่างสวยงามด้วยการจิ้มลูกเปิดเรียดของเดนิลสันเข้าไป
มานูเอล อัลมูเนียโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันลูกยิงของเควิน โนแลนเอาไว้ได้ก่อนจบครึ่งแรก และโบลตันก็เดินหน้าบุกกดดันในครึ่งหลัง แต่อาร์เซนอลก็เล่นกันอย่างเป็นระบบและรับมือได้ดี นายทวารชาวสเปนต้องออกแรงอยู่เป็นระยะๆ แต่เมื่อเกมดำเนินไปเรื่อยๆ งานของเขาก็ค่อยๆลดน้อยลงไป
ทีมเยือนปิดเกมได้ก่อนหมดเวลา 3 นาทีเมื่อเดนิลสันซัดลูกเปิดเรียดเข้ากลางของเอ็มมานูเอล อเดบายอร์เข้าไป
แน่นอนว่าอาร์เซนอลอาจจะเป็นจ่าฝูงได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ได้ เพราะเชลซีสามารถแซงกลับขึ้นไปนำได้ในวันอาทิตย์หากเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้
อย่างไรก็ตามนี่คือสัปดาห์ที่หนักหน่วงของทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ และกุนซือชาวฝรั่งเศสจะมีความสุขอย่างมากแน่นอนกับชัยชนะสองนัดในพรีเมียร์ลีกและหนึ่งคะแนนจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนอกบ้าน
ก่อนการคิกออฟผู้จัดการทีมเปลี่ยนทีมจากชุดที่บุกไปเสมอที่เคียฟเมื่อวันพุธสองตำแหน่ง โดยเอบูเอ้ได้ลงไปแทนธีโอ วอลค็อตต์และเบนดท์เนอร์ได้ลงไปแทนโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยังมีการปรับเปลี่ยนระบบการเล่นด้วย โดยสูตร 4-5-1 ที่ใช้ในยุโรปถูกยกเลิกไปและกลับมาใช้ระบบ 4-4-2 ที่ใช้เป็นปกติในลีกอีกครั้ง โดยเอบูเอ้ลงไปเล่นทางซ้ายและเดนิลสันขึ้นเกมทางขวา
การที่ลิเวอร์พูลทำได้แค่เสมอกับสโต๊คดูเหมือนจะเป็นการปูทางที่ดีสำหรับการก้าวขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของอาร์เซนอล
โบลตันอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่เคยเป็นภายใต้การคุมทีมของแซม อัลลาร์ไดซ์อีกแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นทีมที่อันตรายเสมอยามเล่นในบ้าน พวกเขาเริ่มต้นเกมได้ด้วยความกระหายเหมือนที่เคยเป็น
หลังผ่านไปแค่สองนาทีเควิน โนแลนก็ลองซัดไกลและอัลมูเนียก็ต้องถอยหลังไปเปัดบอลด้วยปลายมือข้ามคานออกไป โบลตันทำเกมได้อย่างมีชีวิตชีวาแต่อาร์เซนอลก็ตอบโต้ได้ดี โดยได้ลูกเตะมุมอยู่หลายครั้ง
อย่างไรก็ตามโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดที่ปืนใหญ่จะขึ้นนำได้คือจังหวะที่อเดบายอร์ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษ แต่ถูกแอนดี้ โอไบรอันเข้าเสียบได้อย่างเหมาะเหม็งก่อนจะสับไกยิง
โบลตันโจมตีทั้งลูกเรียดและลูกกลางอากาศจนแผงหลังอาร์เซนอลปั่นป่วน แท็คติกของพวกเขาอาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่มันก็ได้ผลดี และทำให้พวกเขาได้ลูกเตะมุมซึ่งนำไปสู่ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 14
โจอี้ โอไบรอันเปิดลูกเตะมุมจากฝั่งซ้ายไปหน้าประตูและเดวี่ส์ก็เทกตัวขึ้นโหม่งได้สูงกว่าโคโล ตูเร่ก่อนจะโขกเต็มหัวเสียบเสาไกลเข้าไป มันทำให้นึกถึงหลายประตูที่อาร์เซนอลเสียไปที่สนามแห่งนี้ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
ตอนนี้อาร์เซนอลต้องเจอกับงานหนักแล้ว ตามรูปเกมแล้วพวกเขาไม่สมควรเป็นฝ่ายตามหลัง แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะคร่ำครวญกับโชคชะตาได้ พวกเขาแค่ต้องมีลูกฮึดกลับมาสู่เกมให้ได้แม้จะล้ามาจากการต้องเดินทางไกลก็ตาม และพวกเขาก็ทำได้
ในอีก 13 นาทีต่อจากนั้นอาร์เซนอลมีโอกาสเหน่งๆถึง 6 ครั้งที่จะตีเสมอได้ และพวกเขาก็คว้าสองโอกาสหลังสุดเอาไว้ได้
โอกาสแรกมาจากจังหวะที่เชส ฟาเบรกาสโยนบอลไปที่เสาไกลให้เบนดท์เนอร์พักอกต่อให้ตูเร่ที่เติมขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษ กองหลังชาวไอวอรี่ โคสต์ซัดทันทีแต่บอลหลุดกรอบ
หลังจากนั้นอเดบายอร์ก็ได้หลุดขึ้นไปและเบียดเอาชนะตัวประกบไปได้จนได้ไปดวลตัวต่อตัวกับยุสซี่ ยาสเคไลเนน ลูกยิงของเขาผ่านผู้รักษาประตูไปแล้วแต่ไปชนเสาเหลี่ยมในกระดอนออกไป
เบนดท์เนอร์ได้ซัดจากระยะเผาขนบ้างแต่ไปติดบล็อกของแดนนี่ ชิตตู และจังหวะถัดมาอเล็กซ์ ซงก็ได้โหม่งลูกเตะมุมไปชนเสาอีกครั้ง มันเป็นการบุกแบบไม่ให้หายใจหายคอและต้องลุ้นกันอย่างใจหายใจคว่ำ
แต่ประตูก็มาถึงจนได้ ฟาเบรกาสและเบนดท์เนอร์ประสานงานกันจนเอบูเอ้ได้หลุดขึ้นไปทางซ้ายของกรอบเขตโทษ จังหวะนี้ดูเหมือนจะล้ำหน้าแต่มิดฟิลด์ชาวไอวอรี่ โคสต์ก็ไม่ถูกยกธง และเขาก็พาบอลเข้าไปยิงเรียดเสียงเสาใกล้เข้าไป
อาร์เซนอลเครื่องติดแล้วและนั่นคือสิ่งที่อันตรายสำหรับทุกทีมในโลก หนึ่งนาทีให้หลังและอีกหนึ่งการทำเกมที่สวยงามก็ทำให้เดนิลสันได้หลุดขึ้นไปทางฝั่งซ้าย เขาเปิดเรียดเข้ากลางไปให้เบนดท์เนอร์ซัดที่เสาใกล้
ไม่น่าแปลกใจที่เกมจะผ่อนลงไปบ้างหลังจากนั้น เอบูเอ้น่าจะทำประตูให้อาร์เซนอลนำห่างไปได้อีก แต่หลังจากเลี้ยงบอลตัดเข้าในแล้ว ลูกยิงของเขาก็แฉลบกองหลังออกไป
อาร์เซนอลดูจะคุมเกมได้อย่างสบายๆ แต่ก่อนหมดครึ่งแรกสามนาทีโบลตันก็เกือบจะตีเสมอได้สำเร็จ
ตูเร่ตัดบอลจากริคาร์โด การ์เนอร์ได้สวยในจังหวะที่เขากำลังจะพาบอลจี้เข้าไปหาอัลมูเนีย เจ้าถิ่นยังเก็บบอลได้และจังหวะสุดท้ายเป็นโจอี้ โอไบรอันที่ได้แตะบอลคืนหลังให้โนแลนได้ซัดจากระยะ 12 หลา ลูกยิงเต็มข้อของกัปตันทีมโบลตันทำท่าว่าจะพุ่งเสียบสามเหลี่ยม แต่อัลมูเนียก็โชว์การเซฟที่ยอดเยี่ยมป้องกันไว้ได้
ครึ่งแรกจบลงพร้อมทั้งข่าวร้ายของทีมเยือน ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเดวี่ส์พุ่งเข้าเสียบกาแอล กลิชี่หนักที่หน้าม้านั่งสำรอง หัวหอกโบลตันถูกใบเหลืองไปและแบ๊กซ้ายอาร์เซนอลก็ต้องโขยกเขยกออกจากสนาม
เขาไม่ได้กลับมาลงเล่นอีกในครึ่งหลัง โยฮัน ฌูรูถูกส่งลงไปเล่นแทนในตำแหน่งแบ๊กขวาโดยบาการี ซานญ่าถูกโยกไปยืนฝั่งตรงข้ามแทนเพื่อนร่วมชาติที่บาดเจ็บ
ในไม่กี่นาทีแรกอาร์เซนอลก็เกือบจะทำให้เกมอยู่ในมือพวกเขาได้แล้วเมื่อซงยิงลูกครอสไปที่เสาไกล แต่ยาสเคไลเนนโชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดออกหลังไปได้
อย่างไรก็ตามโบลตันก็ยังคงสู้เต็มที่และสองนาทีถัดมาอัลมูเนียก็ต้องเซฟลูกยิงของการ์ดเนอร์เอาไว้บ้าง
ก่อนเกมจะครบหนึ่งชั่วโมงมิดฟิลด์ชาวจาเมกาก็ได้ยิงเรียดผ่านหน้าปากประตูไปอีกครั้ง และหลังจากนั้นอัลมูเนียก็ต้องใช้เท้าสกัดลูกเปิดเรียดเข้ากลางของเกรตาร์ สตีนส์สันอีกครั้ง เจ้าถิ่นยังคงบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง
อเดบายอร์ได้โหม่งลูกเปิดเข้ากลางของฌูรูหลุดกรอบไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วอาร์เซนอลเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่า
แต่เมื่อเกมดำเนินไปเรื่อยๆ โบลตันก็ไม่สามารถกดดันได้มากเหมือนที่เคย สตีนส์สันได้โหม่งข้ามคานจากระยะเผาขนและริคาร์โด วาซ เตก็ได้ยิงไปตรงตัวอัลมูเนียทั้งที่น่าจะทำได้ดีกว่านั้น
ก่อนหมดเวลา 4 นาทีอาร์เซนอลก็ปิดเกมได้ในที่สุด
วอลค็อตต์พาบอลลุยขึ้นไปจากกลางสนามและไหลออกขวาให้อเดบายอร์เปิดเข้ากลางไปให้เดนิลสันซัดตุงตาข่ายจากระยะเผาขน มิดฟิลด์ชาวบราซิลฉลองด้วยลีลาแซมบา
วอลค็อตต์เกือบจะทำประตูที่ 4 เพิ่มได้อีกหลังจากนั้น แต่แฟนบอลอาร์เซนอลที่ตามมาเชียร์ก็ได้ร้องเพลงกันอย่างมีความสุขหลังจบเกมอยู่ดี
ทีมของพวกเขาทำให้พวกเขาภูมิใจ
[b]รายชื่อนักเตะทั้ง 2 ทีม อาร์เซนอล:บฝิล มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี ซานญ่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, โคโล ตูเร่, กาแอล กลิชี่ (โยฮัน ฌูรู 46), เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ (อารอน แรมซี่ย์ 85), เชส ฟาเบรกาส, อเล็กซานเดอร์ ซง, เดนิลสัน, นิคลาส เบนดท์เนอร์ (ธีโอ วอลค็อตต์ 73), เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
บิลโบลตัน วันเดอเรอร์ส:บฝิล ยุสซี่ ยาสเคไลเนน, เกรตาร์ สตีนส์สัน, แดนนี่ ชิตตู, แอนดรูว์ โอไบรอัน, เจลอยด์ ซามูเอล, เอบี้ สโมลาเร็ค (มุสตาฟา ริก้า 56), ฟาบริซ มูอัมบา (ริคาร์โด วาซ เต 82), เควิน โนแลน, ริคาร์โด การ์ดเนอร์, โจอี้ โอไบรอัน (เกวิน แม็คแคนน์ 61), เควิน เดวี่ส์
ที่มา Arsenal.com แปลโดย Thailand.Arsenal.com
จากคุณ :
YesterdayOnceMore
- [
21 ก.ย. 51 10:51:07
]
|
|
|