ความคิดเห็นที่ 1 เกมนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราไม่สามารถยืนระยะได้ ประกอบกับเดวิด มอยส์ ปลุกพระใส่คอลูกทีมมาดีมากในช่วงพักครึ่ง ทำให้ครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วนกับครึ่งแรกไปซะอย่างนั้น เอาล่ะ ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียด เรามาดูไลน์อัพทีมเรากันก่อนนะครับ ทีมชีตสิบเอ็ดตัวแรก ก็เป็นการก๊อปปี้ทีมชีตจากนัดเจอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนมาเลยทีเดียว มีต่างกันแค่ตำแหน่งเดียว ก็คือเอาบราวน์ลงมาแทนราฟาเอล ไลน์อัพออกมาเป็นแบบนี้               รูนี่ย์     เบอร์บาตอฟ โรนัลโด้     กิ๊กส์   เฟล็ทเชอร์    ปาร์ค เอวร่า        วิดิช       ริโอ        บราวน์                    เดอร์ ชาร์ ในขณะที่เดวิด มอยส์ ก็จัดทัพแบบลงมาสู้เช่นกัน ไม่ได้ยัดทะนานกองกลางห้าตัวเหมือนอย่างที่ผมคาดไว้ล่วงหน้า แต่ส่งคู่ดูโอศูนย์หน้า หลุยส์ ซาฮา และ ยาคูบู ลงมาล่าตาข่ายคู่กัน มีอาร์เตต้า, พีนาร์ และ ออสแมน เป็นตัวเก๋าของทีมคอยกำกับเกมตรงกลางสนาม พีนาร์นี่ฟอร์มดีมาตั้งแต่ปีที่แล้วเลยครับ ส่วนอีกโควต้าหนึ่ง มอยส์ส่งเฟลไลนี่ลงมายืนเป็นไลน์สี่คนตรงกลาง แผงหลังถอยฟิลเนวิลล์ไปยืนแบ๊กโฟร์ร่วมกับโยโบ, เลสคอตต์, และจากิลก้า มีที-โฮเฝ้าเสา ซึ่งเอฟเวอร์ตันทีมนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นยูไนเต็ดสาขาแรกก็ได้ เพราะมีทั้ง ฟิลิปป์ เนวิลล์, หลุยส์ ซาฮา และ ทิม ฮาวเวิร์ด  ย้ายจากยูไนเต็ดมาร่วมทีม จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:24:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มเกมทั้งสองทีมก็จัดเกมเปิดแลกกันให้แฟนๆได้ร่วมลุ้นระทึกกันตั้งแต่แรกทีเดียว ทอฟฟี่เมนตั้งอกตั้งใจมาเล่นเกมรุกในนัดนี้อย่างเต็มที่ สังเกตได้จากสิบห้านาทีแรก ที่ตั้งเกมซดกันได้อย่างเมามัน ยูไนเต็ดที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเครื่องร้อนช้า โดนลูกครอส ลูกเปิด ลูกทะลุทะลวงจากนักเตะทอฟฟี่เล่นเอาหวาดเสียวไม่น้อย อาร์เตต้ากับพีนาร์ สามารถปั่นป่วนแผงหลังยูไนเต็ดได้น่ากลัวทีเดียว โดยหลุยส์ ซาฮา และยาคูบู ก็ช่วยกดดันผู้มาเยือนได้ดี แต่หลังจากนั้น ผ่านสิบห้านาทีแรกไป ยูไนเต็ดก็ครองเกมได้ในที่สุด กดดันทัพนักเตะทอฟฟี่ให้ถอยลงไปเล่นเกมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกดนักเตะทอฟฟี่เอาไว้เต็มๆด้วยเกมรุก กิ๊กส์ และเฟล็ทเชอร์ เริ่มจับจังหวะเกมได้มากขึ้น และโชว์ฟอร์มสุดยอดเปล่งรัศมีอยู่ตรงกลางสนามตลอดเวลาที่เหลือของครึ่งแรก และก็เป็นสองคนนี้ ที่ส่งให้ยูไนเต็ดขึ้นนำได้สำเร็จ จากลูกที่กิ๊กส์แทงทะลุขึ้นหน้าให้เฟล็ทเชอร์สอดทะลุเข้าไปแตะหลบกองหลังก่อนจะยิงลอดขาที-โฮเข้าไปในนาทีที่ยี่สิบกว่าๆเท่านั้น หลังจากนั้น เกมของทอฟฟี่เมนก็ช็อตไปเฉยๆ ปล่อยให้ยูไนเต็ดครองเกมบดเข้าใส่อย่างสบายเท้า โดยมีกิ๊กส์ และเฟล็ทเชอร์เป็นผู้บงการเกมตรงกลางสนาม ซึ่งทั้งคู่ทำผลงานได้เด่นมากๆ และนักเตะทอฟฟี่ก็ไม่ได้เข้ามากดดันมากนัก ทำให้ทั้งคู่มีเวลาครองบอลกับตัวและมองหาตัวจ่ายได้ง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ฟอร์มของโรนัลโด้และปาร์ค ยังคงไม่กลับมาสุดยอดอย่างที่เราเคยเห็น โรนัลโด้ยังไม่สามารถผ่านคู่ต่อสู้ได้แบบขาดกระจุยสักครั้งเดียว ในขณะที่ปาร์คก็เล่นออกไปในแนวตัวไล่บอลมากกว่าจะเซ็ตเกมรุกทะลุทะลวงอย่างที่มักจะทำได้ดี รูนี่ย์ดูจะกดดันตัวเองเกินไปหน่อยกับความพยายามที่จะทำประตูทีมเก่าให้ได้ ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของแฟนๆเจ้าถิ่นทุกๆครั้งที่เขาได้บอล ทั้งสามคนนี้ที่เล่นผิดไปจากฟอร์มดีๆของตัวเองพร้อมๆกัน ทำให้เบอร์บาตอฟต้องเล่นด้วยตัวเองเยอะกว่าปกติ จะเห็นว่าเบอร์บาตอฟเกมนี้ต้องลงไปล้วงบอลและพาบอลขึ้นมาเองหลายครั้งมาก เกมจนจบครึ่งแรกก็ยังคงเป็นยูไนเต็ดที่ครองเกมรุกเข้าใส่เจ้าบ้านชนิดที่ทำให้แฟนๆอย่างผม นั่งดูอย่างสบายอารมณ์ ดูไปยิ้มไป ทั้งๆที่ผู้เล่นแนวรุกเรายังไม่สามารถประสานงานได้อย่างเต็มที่ แต่มันก็เหมือนไม่น่าตกอกตกใจ เพราะนักเตะเจ้าถิ่นเอง ก็ไม่สามารถต่อกรอะไรได้เลย เกมโต้กลับยังไม่สามารถจบได้แบบเข้าเค้าสักครั้งด้วยซ้ำ หลังจากเสียประตูไป บรรยากาศคล้ายๆท้องฟ้าใสๆ สวยๆ ไม่เห็นวี่แววพายุฝนฟ้าคะนองที่กำลังตั้งเค้าแต่ไกลๆเลยแม้แต่น้อย จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เริ่มครึ่งหลัง ทั้งคู่ยังไม่เปลี่ยนตัว ฟ้ายังใสยังสวยสำหรับผม เมื่อคิดว่า เราเครื่องร้อนช้าอีกแล้ว ในขณะที่กองทัพทอฟฟี่เมนที่เพิ่งถูกมอยส์ปลุกพระดีลงมาสู้ใหม่ ผมสังเกตเห็นนักเตะทอฟฟี่เมนทุกๆคน วิ่งเข้าใส่บอลอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับว่าถ้าไม่วิ่งเข้าไล่ ไม่วิ่งเข้าหาบอล จะถูกมอยส์สั่งตัดเงินเดือนอย่างไรอย่างนั้น แต่ผมก็ยังใจเย็น คิดแต่ว่า ทอฟฟี่คงถูกมอยส์จวกมา เดี๋ยวปล่อยให้คึกสักพัก เราเข้าสู่เกมได้ ก็รอประตูที่สองเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอด เรากลับเพลี่ยงพล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ พีนาร์, อาร์เตต้า และ เฟลไลนี่ ที่เล่นได้เด่นในต้นครึ่งแรก กลับมาโดดเด่นกว่าเดิม ออสแมนที่เงียบกริบในสี่สิบห้านาทีแรก กลับวิ่งไล่ตัดบอลเล่นเกมรุกขึ้นหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เว้นแม้แต่ฟิล เนวิลล์ และ จากิลก้า ที่ขึ้นสูงมาเล่นเพรสซิ่งอย่างหายใจรดต้นคอตลอดเวลา ทำเอาปิศาจแดงไปไม่เป็น เดินเกมไม่ถูก แผงหลังที่ครึ่งแรกยังมีลูกเหวอนิดๆหน่อยๆ ก็เริ่มเห็นถี่ขึ้น และลูกติดประมาทของริโอก็นำมาสู่ประตูที่สองที่ผมรอ แต่ดันเป็นประตูของอีกฝั่งซะนี่ ริโอที่ถ่างไปปิดเกมโต้กลับทางกราบขวา อ่านจังหวะบอลผิด เตะวืดเต็มๆ ทำให้บอลถูกพาเข้าพื้นที่อันตรายและเป็นสาเหตุของการเตะมุมที่จังหวะต่อเนื่องจากนั้นทำให้เสียประตู เมื่อเนวิลล์ผู้น้องเปิดอย่างงามเข้ากลางประตู เจอกับขุนศึกกลางอากาศทายาทบิ๊กดังค์อย่างเฟลไลนี่ เทคขึ้นสูงกว่าทั้งริโอ ทั้งวิดิชขวิดเสียบโคนเสาสองสุดปัญญาน้าซาร์จะเซฟ และจังหวะนี้ ทำเอาริโอเจ็บสะโพกไปอีกด้วย ซึ่งเมื่อทอฟฟี่เมนตั้งบอลได้โหมเข้าใส่อีกชุด ริโอซึ่งยังเจ็บอยู่ก็แปบอลคืนโกล์พลาดให้ยาคูบูควบไปยิง ดีที่ติดทั้งน้าซาร์และโคนเสาช่วยเซฟไว้ได้ ไม่งั้นคงเจ๊งไปแล้วครับ เกมของทอฟฟี่ที่ลงมาเน้นเพรสซิ่งเร็วและเข้าหนัก ทำเอากิ๊กส์กับเฟล็ทเชอร์ไปไม่เป็น คุมเกมไม่ได้เลย และเสียบอลตลอดเวลา เกมกลายเป็นของทอฟฟี่ไปทั้งครึ่งเวลาหลัง ในขณะที่นักเตะเกมรุกของยูไนเต็ดไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้มากนัก ท่านเซอร์ร้อนใจเมื่อเห็นลูกทีมเสียกระบวนท่า รีบส่งแอนนี่และนานี่ลงมาในช่วงไล่ๆกัน แทนปาร์ค และรูนี่ย์ ซึ่งรูนี่ย์เริ่มที่จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว ออกอาการยั่วยุแฟนทอฟฟี่หลังจากตัวเองโดนใบเหลืองไป แต่แอนนี่และนานี่ ลงมาก็ไม่ช่วยให้เกมตรงกลางดีขึ้น เมื่อนักเตะทอฟฟี่ยังคงสวมวิญญาณอึดเต็มพิกัด ไล่บี้ทุกลูกทุกซ็อต จนนักเตะยูไนเต็ดที่ถึงแม้จะลงมาใหม่ ก็ยังไม่สามารถทานแรงเสียดสี ไม่สามารถครองบอลไว้ได้ ขนาดเบอร์บาตอฟ ที่ครองบอลกับตัวดีมากๆ ยังถูกเบียดถูกแซะซะจนไปไม่เป็น และท่านเซอร์ก็ต้องส่งเตเวซลงมาแทนเฟล็ทเชอร์ เพื่อเพิ่มจังหวะจบสกอร์ แต่ก็ไม่สามารถจัดให้ได้ เมื่อการประสานงานทุกๆช็อตมักถูกเจ้าบ้านพัวพันตลอด เสียดายก็แต่จังหวะสุดท้ายที่โรนัลโด้ได้บอลจากการครอสของนานี่ เขาเอาบอลลงได้โล่งๆในกรอบโทษทางซ้าย เหลือเพียงเสาโกล์ และที-โฮ ที่เสียจังหวะไปแล้ว แต่โด้กลับยิงออกข้างแบบไม่ได้ลุ้น ทำให้จบเกมไปด้วยการแชร์แต้มไปอย่างน่าหวาดเสียว จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจบเกม ผมซึ่งรู้สึกหงุดหงิดหัวใจอย่างมาก ก็ต้องมานั่งคิดทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเกมๆนี้กันแน่ คิดไปคิดมาก็น่าจะพอเข้าใจถึงความเป็นไปได้ในการอ่านเกมของเดวิด มอยส์ และการเสี่ยงของเขา นั่นคือ การที่มอยส์มองออกว่า กิ๊กส์ และเฟล็ทเชอร์ เป็นคู่กลางเผื่อเลือกของทีม ไม่ใช่คู่กลางอาชีพที่สามารถปรับตัวและยืดหยุ่นกับเกมการเล่นที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ อีกทั้งลูกขยันของเฟล็ทเชอร์ เมื่อมาจูนกับลูกเก๋าและประสบการณ์ของกิ๊กส์ ประกอบกับแดนกลางทอฟฟี่ในครึ่งแรกให้พื้นที่ให้เวลาทั้งคู่มากเกินไป ทำให้เกมตรงกลางถูกคอนโทรลไว้ได้หมดโดยนักเตะผู้มาเยือน ด้วยนักเตะเพียงสองคนเท่านั้น และเมื่อมอยส์มองออก ผมว่าผจก.ทีมอื่นๆก็คงมองออก อยู่ที่ว่าใครจะกล้าเสี่ยงเหมือนมอยส์หรือไม่เท่านั้น เพราะมอยส์กล้าเสี่ยงครับ มอยส์คงเชื่อมั่นว่า ในวันที่ฟอร์มของปาร์คยังไม่กลับมา ฟอร์มของโรนัลโด้ยังคงรูดลงๆ และรูนี่ย์ถูกกดดันด้วยแรงมุ่งมั่นเกินพอดีของเจ้าตัวจนฟอร์มแกว่ง หากหยุดเกมตรงกลางของสองผู้เล่นยูไนเต็ดได้ ทอฟฟี่ก็มีลุ้น และเขาคิดถูก!!! เมื่อในครึ่งหลังปรับหมากลูกทีมมาเน้นเพรสซิ่งสูงทั้งสนาม ดันฟิลล์ ดันจากิลก้าขึ้นมาเล่นเพรสซิ่งเพิ่มด้วย ออสแมนถูกดันขึ้นสูงมากขึ้นเพื่อไล่บี้เกมตรงกลาง ในขณะที่เฟลไลนี่ก็ยืนสูงเพื่อตัดบอลตั้งแต่การเซ็ตเกมรุกขึ้นมาของยูไนเต็ด อาร์เตต้าและพีนาร์ถ่างออกมาเล่นทางกว้างมากขึ้นเพื่อถ่างโซนแนวรับยูไนเต็ด และให้คู่กองหน้าส่ายหาที่ว่างทุกพื้นที่ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นหน้ากรอบ และที่สำคัญก็คือ มอยส์ใส่ยาบ้า...เอ๊ยไม่ใช่ครับ ใส่ความมุ่งมั่น ความกระหายลงไปในจิตใจนักเตะทุกคน ให้ไล่ทุกช็อต ทุกจังหวะ เสียบได้เสียบ จังหวะที่ต้องหยุด ต้องหยุดให้ได้ อย่าให้พลาด นั่นคือที่มาของเกมครึ่งหลังของทอฟฟี่ที่ผมมองไว้ครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากนี้ เกมนี้ ยังเป็นเกมที่ช่วยยืนยันให้เราได้ตระหนักถึงความเป็นจริงข้อหนึ่งด้วย ที่ว่ากิ๊กส์และเฟล็ทเชอร์ยังไม่ใช่ผู้ที่จะยืนเป็นแกนร่วมกันในพื้นที่กลางสนามในเกมใหญ่ได้ อย่างที่ผมเคยคอมเมนต์ไปแล้วว่ากิ๊กส์นั้น เป็นปีกธรรมชาติ เขาเล่นปีกเป็นอาชีพ และแถมยังเป็นปีกสไตล์อนุรักษ์นิยมอีกต่างหาก ยิ่งนับรวมอายุประมาณพ่อเจมส์ วอห์น ที่ถูกมอยส์ส่งลงสนามท้ายเกม นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะจับเขาไปอยู่ตรงไหนของสนาม กิ๊กส์ก็ยังจะเป็นนักเตะที่ต้องการพื้นที่ในการเล่น มากกว่าที่จะพลิกจะม้วนจะป้ายบอลให้เพื่อนได้ในจังหวะเดียวคล่องๆในพื้นที่แคบๆได้เป็นธรรมชาติแบบกองกลางตัวคุมเกมทั่วๆไป เมื่อรวมกับเฟล็ทเชอร์ ที่เพิ่งขึ้นจะมาเนียน แต่ในมุมมองของผมแล้ว เฟล็ทเชอร์ก็ยังคงเป็นนักเตะสไตล์ลูกหาบอยู่มากกว่า เขายังไม่สามารถพาตัวเองทะลุกำแพงขึ้นมาเป็นผู้นำเกมได้อย่างแท้จริง มันคงต้องอาศัยเวลาอีกสักหน่อย กว่าที่เฟล็ทเชอร์จะพาตัวเองไปถึงจุดนั้นได้ ซึ่งข้อนี้ เราจะสังเกตเห็นว่า ฟอร์มของเฟล็ทเชอร์ในแต่ละเกม จึงมักจะถูกผูกติดอยู่กับฟอร์มของคู่ขาตรงกลาง ที่เขาถูกจับมายืนเล่นด้วยกัน เมื่อสองนัดที่แล้ว เราเห็นกิ๊กส์ คู่กับ เฟล็ทเชอร์ ซึ่งเป็นเกมกับ เวสต์บรอมวิช ทั้งคู่มีพื้นที่ในการเล่นพอสมควร ทำให้กิ๊กส์สามารถครองเกมไว้ได้ และทำให้เฟล็ทเชอร์สามารถฉายฟอร์มได้โดดเด่น กับนัดที่แล้ว ที่แอนนี่ลงมาคู่กับเฟล็ทเชอร์ เป็นเกมกับเซลติค ที่มีพื้นที่เยอะเหลือเกิน มีเวลาพอสมควร แอนนี่ยังเล่นบทลูกหาบให้เฟล็ทเชอร์ด้วยอีกในหลายๆจังหวะ จึงเป็นเกมที่เฟล็ทเชอร์ยิ่งฉายแววได้มากขึ้น แต่กับเกมนี้ เขากับกิ๊กส์ ทำได้ดีมากๆแค่ครึ่งเดียว พอครึ่งหลังที่ทอฟฟี่เมนไม่ให้พื้นที่ ไม่ให้เวลา กิ๊กส์คุมเกมตรงกลางไม่ได้เลย เฟล็ทเชอร์จึงถูกลักพาตัวหายตามไปด้วย เมื่อคู่ขาครองเกมไม่ได้ และเขาไม่มีเวลาไม่มีพื้นที่ให้เล่น จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นอกจากนี้ ผลจากเกมนี้ ยังจะพิสูจน์กึ๋นท่านเซอร์และบรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชผีแดงได้อีกด้วย เมื่อเห็นจุดอ่อนอีกมากมายที่ต้องปรับแก้ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการบอมบ์กลางอากาศแบบนันสต๊อป ถ้าจะว่าไป มาหนึ่งลูกสองลูกสามลูกนี่ไม่ค่อยหวั่น แต่ถ้ามาเรื่อยๆแบบนันสต๊อปนี่ยุบเลย อันนั้นข้อแรก ข้อที่สองก็คือมิดฟิลด์ตัวกลาง ที่ตอนนี้ขาดแคลนเหลือเกิน ป๋าจะแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร ให้สามารถยืนระยะต่อไปได้ ไม่หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปเสียก่อน และข้อที่สาม ฟอร์มของลูกทีมในยามโรเตชั่นเช่นนี้ ที่เริ่มตกๆหล่นๆอย่างน่าใจหาย พอนานี่และเฟล็ทเชอร์เริ่มกระเตื้องขึ้นมาพอสมควร ก็ต้องแลกกับการที่ปาร์คและเตเวซฟอร์มดร็อปลงไปมาก โรนัลโด้ก็ยังต้องการเกมเพื่อเรียกจังหวะเดิมๆกลับมา ดังนั้น คงต้องรีเซิร์ฟหนึ่งที่ว่างในไลน์อัพให้กับโรนัลโด้ โดยที่ยังไม่ต้องหวังอะไรจากเขามากนัก แล้วตำแหน่งอื่นจะจัดใครลงไปดีล่ะ เพื่อเค้นฟอร์มโดยรวมของทีมให้ยังดีอยู่ นอกจากอาการบาดเจ็บที่ชิงตัวผู้เล่นไปหลายต่อหลายคน รวมทั้งอาการฟอร์มตกของปาร์คของเตเวซ ที่ทำให้การจัดไลน์อัพต้องปวดหัวมากมาย ผมก็ยังต้องหวังว่า อาการฟอร์มพีคของรูนี่ย์ จะไม่หายไปด้วยพร้อมๆกับการช็อตจากเกมนี้ ที่ถูกตัวเองกดดันจากบทสัมภาษณ์ กรูจะยิงทอฟฟี่ฉลองลูกที่ร้อยเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งเราๆท่านๆก็เห็นแล้วว่ามันเป็นการกดดันตัวเองและเพิ่มความสับสนในจังหวะของตัวเองให้มากขึ้น แทนที่จะลงเล่นด้วยความสบายใจ ชิลด์ๆ แบบช่วงสุดยอดที่ผ่านมา หวังว่าเจ้าน้องหมูคงไม่เสียความมั่นใจง่ายๆนะครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 และหลังจากดูน้องหงส์เตะเมื่อคืน ผมมองว่า ราฟาเอล เบนิเตซ พาลูกทีมก้าวผ่านกำแพงมหึมาไปได้อักอันหนึ่งแล้วครับ หลังจากปีที่แล้ว เพิ่งผ่านข้ามกำแพงที่มีชื่อว่า ระบบทีม มาได้ มาปีนี้แกพาลูกทีมก้าวผ่านกำแพง บิ๊กโฟร์ด้วยกัน ได้แล้ว ด้วยการคว้าหกแต้มเต็มๆจากยูไนเต็ดและเชลซีได้สำเร็จ นั่นคือนิมิตหมายที่ดีของลิเวอร์พูล ในการก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว พวกเขาพบระบบทีมที่ลงตัวและผู้เล่นที่เข้ากับระบบดังกล่าวได้ในที่สุด พวกเขาก้าวผ่านความกดดันยามต้องแข่งกับบิ๊กโฟร์ด้วยกันมาได้แล้ว ก้าวย่างต่อไปของหงส์แดงก็จะเหลือเพียงสองขั้นเท่านั้น ก็คือ หนึ่ง การประคองทีมฝ่าฟันมรสุมนักเตะบาดเจ็บนักเตะแบนให้ได้โดยไม่หลุดวงโคจร ซึ่งผมถือว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ ตอร์เรสและสเคอร์เทลแค่สองคนยังไม่ถือว่าวิกฤติครับ เมื่อมองดูว่าหงส์ยังมีแอ๊กเกอร์ที่เคยเป็นตัวจริงของทีม และยังมี เคาท์ กับ คีน ซึ่งก็ถือเป็นกองหน้าชั้นดีอีกสองคน รอเล่นอยู่ ส่วนอีกกำแพงหนึ่งที่เหลือก็คือ การรักษาฟอร์มและความมุ่งมั่นของทีมไว้ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อฟอร์มตก ก็สามารถดีดกลับมาให้ได้ในนัดหรือสองนัด ไม่ใช่กลายเป็นโดมิโน่เอ็ฟเฟ็คท์ ให้ฟอร์มรูดหายไปสามสี่นัดติดๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ณ ปัจจุบันขณะ ลิเวอร์พูลทีมนี้ ได้ก้าวขึ้นมาไกลจากต้นซีซั่นที่แล้วมากทีเดียวครับ และน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเขา จะสามารถทำได้ดีขนาดไหน ในซีซั่นนี้ จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอาล่ะ เรามาดู โปรแกรมในช่วงเดือนที่จะถึงของเรากันก่อนครับ October 2008 29 Oct    Barclays Premier League      West Ham       H November 2008 01 Nov    Barclays Premier League      Hull City                 H 05 Nov    UEFA Champions League      Celtic                     A 08 Nov    Barclays Premier League      Arsenal                  A 11 Nov    League Cup (Carling)            Queens Park          H 15 Nov    Barclays Premier League     Stoke City              H 22 Nov    Barclays Premier League     Aston Villa             A 25 Nov    UEFA Champions League    Villarreal CF           A 30 Nov    Barclays Premier League     Man City               A มันมีคิวเตะถี่ยิบช่วงนี้เลยนะครับ ไม่มีหยุดพักกลางสัปดาห์จนกว่าจะกลางเดือนหน้าโน่น อย่าลืมตามเชียร์กันนะครับ สงบใจ จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 10:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ครึ่งแรกผมสบายใจเหมือนแฟนผีทุกๆคนเหมือนกันครับ แต่ก็เสรยวๆเพราะว่ายังยิงลูกที่ 2 ไม่ได้สักทีมีแตเฉี่ยวไปๆมาๆ พอพักครึ่งผมกลัวมากเลยครับ ว่าทอฟฟี่จะเล่นเป็นหนังคนละม้วนกับครึ่งแรก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ -*- เป็นแบบนี้มาหลายนัดแล้วนะ จากคุณ : dabodabo55 - [ 27 ต.ค. 51 10:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะ เสียดายครึ่งแรกเล่นดีน่าจะกอบโกยประตูเยอะๆ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 51 10:50:23 จากคุณ : GIRLCHESTER - [ 27 ต.ค. 51 10:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์เช่นเคยครับ น้าหงบ สังเกตุมั๊ยครับว่า... ปีนี้เราเอาชนะ ทีมที่ผูกปีชนะไม่ได้เลยสักทีม ตั้งแต่นิวคาสเซิล นัดเปิด ท๊อฟฟี เมื่อคืน หรือจะรวม...เอ่อ..ทีมจ่าฝูงทีมนั้นด้วยก็ยังได้ กังวลเล็กๆ ครับ ถึงแม้จะเพิ่งเริ่มฤดู หรือมองว่าฟอร์มที่กำลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง (ถ้าไม่สะดุดเมื่อวันเสาร์ซะก่อน) จากคุณ : next station - [ 27 ต.ค. 51 10:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เขียนดีครับ ติดตามผลงานมาตลอด ว่างๆ ถ้าท่านสงบใจ จะเจียดเวลาไป วิพากษ์ ทีมหงส์ของผมบ้าง จะรับฟังด้วยความเต็มใจครับ เพราะแฟนหงส์ ยังขาดคน วิเคราะห์เกมส์หลังแข่ง  ดีๆ อย่างท่านสงบใจ จากคุณ : redem - [ 27 ต.ค. 51 11:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะ ทำไมทีมเราฟอร์มถึงได้บู่เช่นนี้คะ.. ดูแล้วก็เซ็ง .. เฮ้อ... จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา - [ 27 ต.ค. 51 11:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 27 ต.ค. 51 11:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าดันพอสเซบอนขึ้นมาแทนกิ๊กส์จนกว่ากองกลางตัวจริงจะกลับมา คุณสงบใจคิดว่ายังไงครับ จากคุณ : kirofsky - [ 27 ต.ค. 51 11:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับ คุณสงบใจไม่ได้คุยกันซะนาน ผมขอพูดถึงแทคติคก่อนเลย ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจที่ป๋าเฟอร์กี้ จับกิกส์ลงตรงกลางสนาม เพราะในเกมแบบนี้ซึ่งเราต้องเจอกับทีมที่ มีความเป็นบริทเทนสูง แน่นอนว่าคุณโดนบดแน่ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในครึ่งแรกมันก็ทำให้ผมยอมรับว่าผมคิดผิด แต่พอครึ่งหลังสิ่งที่ผมสันนิษฐานไว้ก็ปรากฏออกมา เมื่อแมนยูโดนบดเร็วขึ้นเร่งสปีดเร็วขึ้น ซึ่งช่วงหลังๆผมสังเกตเห็นว่าเทรนด์นี้ฮิตมากๆใน ลาลีกากับพรีเมียร์ ที่ทีมเล็กๆมักจะเล่นสปีดช้าในครึ่งแรกก่อน แล้วค่อยมาปรับสปีดในครึ่งหลัง เวลาเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ ที่เพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์มา อีกประการนึงที่ทำให้ผมนึกถึงเคยรอซคือ ถ้ามีเขาคอยสังการณ์อยู่ข้างสนามแบ๊คคงไม่ลอยสูงมากในครึ่งหลัง หรือขึ้นปุ๊บลงปุ๊บ แต่ก็น่ะแมนยูกลับมาเป็นแมนยูแบบเดิมที่เป็นมวยไฟท์เตอร์ไม่มีการ์ด แบบสมัยก่อนรายละเอียดในเกมน้อยมากนี่จึงเป็นเหตุที่มักปิ๋วในUclตลอด และที่ผมไม่เข้าใจคือริโอที่มีอาการเจ็บอยู่แล้วแทนที่จะให้แบ๊คลงไปช่วย กลับกลายเป็นเติมกันอย่างเมามันแถมเติมก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไรเป็นการขึ้นไปต่อบอลธรรมดาๆ ด้านตัวสำรองผมไม่แน่ใจน่ะไม่ได้ดูรายชื่อครบ เห็นแวบๆมีแกรี่ คือถ้าในลิสต์มีอีแวนส์ผมว่าก็ควรเอาลงมาแทนริโอ แต่ถ้าไม่มีผมอ่านใจป๋าว่า ไม่อยากเสี่ยงหุบบราวน์เข้ามาเพราะผมว่ายิ่งโดนบอมบ์แบบนี้ยิ่งจะป่วนหนัก แต่การเดิมพันครั้งนี้ป๋าแอบมีโชคเล็กๆที่ยังมีแต้มติดมือกลับมา มาพูดถึงการแก้เกมของมอยส์กันบ้าง ยังใช้แนวสี่เหลี่ยมพื้นผ้าแพคแน่นในเขต30หลาลงไปไปเหมือนเดิม เพียงแต่เร่งจังหวะขยี้ให้หนักให้เร็วขึ้น จนแมนยูที่มีคิวแข่งติดๆกันออกอาการเร่งไม่ขึ้น แล้วพอตัดบอลได้จะใช้ตัวนึงเบิ้ลบอลไปให้แนวถัดไปพักบอลก่อนจะเบิ้ลต่อเพื่อนในแนวเดียวกันที่ดันกันมาเป็นแพง กับอีกแทคติคนึงคือทิ้งโด่งใส่ ให้ทางแมนยูหรือทางฝั่งตัวเองเล่น ซึ่งจากการที่แมนยูไม่มีกองกลางยึดพื้นที่ตรงนี้ไว้โอกาสที่บอลจังหวะสองเอฟเวอร์ตันจะเก็บได้มีสูง ซึ่งครั้งแล้วครั้งเล่าผมก็ยังไม่เห็นการปรับแนวรับ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไม และแอบสงสารวิดิช ต้องรับภาระคนเดียวโดยริโอถ่างออกไปด้านข้างเพื่อเก็บอาการ(ซึ่งผมเข้าใจว่าอาการเจ็บคงส่งผลต่อการขึ้นเทค) มาถึงรูนกันบ้าง ช่วงหลังเขาได้พิสูจน์สิ่งที่ผมบอกว่าแผนป๋าไม่ได้มีไว้เพื่อโด้ จะสังเกตได้เลยว่าช่วงหลังรูนไม่ค่อยลงมาเกิน30หลาเลย แถมอยู่ตรงกลางซะเยอะด้วย เล่นเอาเจ้าโด้จ๋อยไปหลายแมตซ์ แต่พอมาแมตซ์นี้ผมไม่อยากจะตำหนิแต่เห็นใจมากกว่าและก็พิสูจน์ให้เห็นได้อีกครั้งว่าหัวใจรูนยังไม่แกร่งพอและค่อนข้างหวั่นไหว ให้เสียงโห่เสียงแซวมามีผลกระทบ จนไม่เป็นตัวของตัวเองพยายามจะลงมาบันดาลเองแบบที่แล้วๆมาแต่ก็ยังถือว่าวิ่งไม่สะเปะสะปะมากเท่าไหร่ อย่างที่บอกถ้าปรับสมาธิและอารมณ์ให้นิ่งได้เขาไม่แพ้ใครหรอก ส่วนการเปลี่ยนตัวเขาออกนั้นผมว่าแล้วแต่จะมองน่ะแต่ป๋ามองระเบียบมาก่อน แต่ผมมองทีมมาก่อนซึ่งในมุมมองผมควรเปลี่ยนโด้ที่ขาอ่อนออกไปดีกว่าแต่อย่างว่าป๋าเชื่อมั่นในตัวเจ้าโด้มาก ซึ่งโดยส่วนตัวผมเชื่อว่ารูนไม่โดนไล่ออกหรอกแต่สิ่งที่เขากระทำลงไป มันเหมือนอัดอั้นอยู่ข้างใน เกมของตัวเองก็เล่นไม่ได้เลยไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ส่วนกิกส์นั้นผมว่าเข้าเหมาะที่จะยืนอยู่หลังกองหน้าเป็นตัวรุกมากกว่าในเกมเยือนน่ะถ้าเกมเหย้าก็โอเคถอยลงมาได้ เพราะตำแหน่งปีกผมว่าคงเก็บเกี่ยวประสิทะภาพจากกิกส์ได้ไม่เต็มที่เหมือนเก่าแล้ว สู้เอามาเลี้ยงกินแดนตรงกลางดีกว่า แถมมีจังหวะกึกกั๊กอีกยังไม่รวมลูกจ่าย ทะลุช่อง ส่วนเทพเฟลท ผมว่าแกใช้ได้ขึ้นเรื่อยๆน่ะ เริ่มรู้จักอ่านเกมไม่ไล่เป็นหมาบ้าแบบแต่ก่อนทำให้จังหวะแกดูดีขึ้นแต่ยังยืนตำแหน่งในการอ่านเกมได้ไม่ดีเท่าคาร์ริค แต่ก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าคู่กลางตัวจริงตอนนี้ผมอยากเห็นคาร์ริคกับเฟลทด้วยซ้ำ อ่อลืมพูดถึงอันเดอร์สันที่ป๋าส่งลงไป เพื่อจะเก็บบอล ผมว่าเป็นแทคติคที่ดี แต่มันดีไม่ได้เพราะหลังยังลอยอยู่กลางยืนสูง ทำให้ตำแหน่งอันเดอร์สันไปอยู่ในโซนที่จะถูกเพรสซิ่ง สุดท้ายเสียแต้มนัดนี้ไปก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอย่าลืมว่าเราชนะกี่นัดรวดแล้วแถมคลีนชีตอีกมันต้องมีเบรคกันบ้าง ส่วนหงส์ผมขอดูอีกยาวๆ มันไม่แลปกหรอกที่พวกเขาชนะเชลซีได้ เพราะเกมเชลซีไม่มีอะไรเลยจริงๆ ผมดูตั้งแต่เจอโรม่าล่ะ และผมเคยพูดไว้ตอนต้นฤดูกาลสกอร์เชลซีออกมาดูดีในแต่ล่ะเกมก็จริง แต่รูปเกมไม่ไหว โบซิงวาเนี่ยคือจุดอ่อนเลย บวกคู่สากกระเบือ มาลูด้ากับคาลู รวมถึงอเนลก้าที่ต้องไปเป็นตัวค้ำโดยจำเป็น ส่วนหงส์จะแรงอีกแค่ไหนคอยดูกัน เพราะบอลลีคยังอีกยาวๆเกิดตัวหลักเจ็บหรือล้าหรืออะไรก็ตามที่เป็นปัจจัยเหมือนอีกBig4ประสบถึงตอนนั้นเบนิเตซคงอ้างตามสไตล์เดิม เพราะปกติช่วงหงส์ฮอตๆก็แบบนี้พอช็อตก็รัวๆแต้มหายกระจาย จากคุณ : กระบี่เก้าสําเนียง - [ 27 ต.ค. 51 11:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เป็น เกมที่ เล่นแย่เกมหนึ่ง ครับ ผมหมายถึง ครึ่งหลัง ผมว่า ปีนี้ เรา แย่ มา 3 นัด ครับ 1  แพ้หงส์ 2  เสมอ เชลซี 3  เสมอ ทอฟฟี่ ซึ่ง หวังว่า คงหมดแล้ว จากคุณ : เทพพิสดาร - [ 27 ต.ค. 51 11:35:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บางทีกิ๊กซ์อาจจะเป็นนักเตะที่เหมาะจะเล่นเกมแค่ครึ่งเวลาไปแล้วนะตอนนี้ เพราะสภาพร่างกายตอนนี้คงยากจะเล่นครบเวลา เป็นที่น่าสนใจว่า จังหวะจ่ายบอลและคุมเกมของกิ๊กซ์ บทจะเด่นก็เด่นเลย แต่บทจะเงียบก็เงียบเลย แต่คงว่าอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่บทบาทที่เจ้าตัวถนัด แค่มารับหน้าที่คุมเกมชั่วคราวแทนสโคลส์และคาริคที่เจ็บไปเท่านั้น จากคุณ : eagle1000 - [ 27 ต.ค. 51 11:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แฟนหงส์นะครับ เฝ้าติดตามผลงานของคุณสงบใจอยู่ตลอดนะครับ ขอบคุณนะครับ ทำให้มีความรู้  ดูบอลสนุกขึ้นอึกเยอะเลยครับ จากคุณ : ทองทา - [ 27 ต.ค. 51 11:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับคุณสงบใจ   ก่อนอื่นต้องชมหัวจิตหัวใจเลือดนักสู้ของเอฟเวอร์ตันครับ ที่ครึ่งหลังกลับมาพลิกฟอร์มได้ดีเหลือเกิน  ขอปรมมือดังๆให้กับเดวิด มอยส์และลูกทีมครับ **************************************** มาถึงแมนฯยู การเสีย 2 แต้ม ถือว่าเสียหายหรือเปล่า ก็ไม่นะถ้ามองในมุมรุปเกมส์และมองถึงคุณภาพของเอฟเวอร์ตันในครึ่งหลัง  แต่จะมองในมุมอีกมุมคือมุมเสียหายก็ไม่แปลกถ้าเทียบกับอีกทีมที่ชนะเกมส์บิ๊กแมตช์ในคืนที่ผ่านมา(เชอะ!!!)  ... แต่สรุปผมถือว่า เกมนี้ "แมนฯยูทำตัวให้ยุ่งยากไปเอง"  เล่นเกมด้วยความประมาทก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญหลังได้ประตูนำ1-0 ครึ่งหลังก็เกิดความชะล่าใจ กับเอฟเวอร์ตัน แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือที่มาของคำว่าหายนะเลยทีเดียว ผมไม่ยากให้แมนฯยุเป็นอย่างนี้นะ ซึ่งตรงนี้ เซอร์เฟอร์กี้แกก็มอง ไว้เหมือนกัน  ดังจะเห็นได้จาก บทสัมภาษณ์หลังเกมส์ว่า "เราควบคุมอารมณ์กันไม่ได้เอง ทั้งๆที่เราคุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมดแล้ว ปั๊ดโธ่!!! เราพลาดอีก 2 คะแนนไปอย่างน่าเสียดาย ลูกทีมป๋มมีเกมส์ดี เราเริ่มต้นกันอย่างยอดเยี่ยม แต่คุณก็ต้องให้เครดิตกับเอฟเวอร์ตันเช่นกัน ดังนั้นเราควรมามองตัวเราเองและร่วมกันรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น(วันซ้อมพวกมรึงโดนไดร์เป่าแน่ๆกุรับรอง) เอฟเวอร์ตันสมควรได้แต้มเช่นกัน "  www.manutd.com นักเตะที่โดเด่นนอกจากพี่วีแล้ว ไรอัน กิกส์ก็คืออีกคนในกลุ่มนั้น  มาดูว่ากิกส์คุยอะไรหลังเกมส์ครับ " อูยยยยยยย  พอนำ1-0 เราก็คิดว่าเราต้องทำประตูที่สองให้ได้  ไม่มี๊หรอกกกที่ได้ 1-0 แล้วเราจะรออุดประตูหน่ะ แต่ผับผ่าสิ!!!เอฟเวอร์ตันมันก็มีเหมือนกันนะโว้ยยยยยย  สร้างความกดดันให้กับเราชิกหายครับ กุเหนื่อยเป็นบ้าเลย  เอฟเวอร์ตันพยายามวางบอลให้ 2 กองหน้า ( ซาฮา,ยาคูบู) เก็บบอลและก็สร้าง ความกดดันให้เราหนอยไอ้ดุกนะไอ้ดุก (กิกสืออกลูกหมั่นใส้ซะงั้น) " www.manutd.com มาถึงนักเตะอีกคนที่ได้รับการจับตามอง  นั่นคือ เวนส์ รูนีย์ (มันลงด้วยเหรอ  อิอิ) มาดูป๋าพุดถึงไอ้อ้วนว่าไง " ให้ตายสิ!! ลองผมไม่เอามันออกรับรองมันต่อยผู้ตัดสินแน่นอนเชื่อป๋าสิ!!!! ป๋ามองดูแล้วว่า ผู้ตัดสินกำลังมองดูรูนีย์อย่างหนักหลังจากได้ใบเหลืองแรกไป เพราะอารมณ์ในสนามตอนนั้นมันพลุ่งพล่านดีเหลือเกิน พร้อมจะเอาเรื่องกับทุกคนไม่เว้นแม่ยายตัวเอง ป๋าเลยตัดสินใจเอามันออกด่วนที่สุดนะเซ้!!!! " www.manutd.com มาฝั่งเอฟเวอร์ตันกันบ้าง  มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดการปะทะกันทั้งสองฝ่าย  โดยเฉพาะเอฟเวอร์ตันที่มี ฟิล เนวิวล์นำขบวน แหม่ คนรู้จักกันแท้ๆ  แม่มจะเอาให้ตายกันเลยหรือไงไม่ทราบ ปั๊ดโธ่!!! ....เนววิล์ผู้น้องพูดดังนี้ครับ  "เรามีกองกำลังที่พร้อมปิดล้อมทำเนียบ !! เอ้ย!! ไม่ใช่ .. ผมแค่บอกพวกเข้าไปว่า เฮ้ย!!! แมนฯยู-เอฟเวอร์ตัน มันจะจริงจังอะไรปานนั้นมันไม่ใช่ดาร์บี้แมตช์สักกะหน่อยหนึ่ง ไม่ได้ชี้เป็นชี้ตายขนาดนั้น  แต่คุณรู้ไหมว่าพวกเค้าตอบผมมาว่ายังไง   "  ไอ้ห่...เอ็งเงียบไปเลย " นั่นคือคำพูดจากฝั่งแมนฯยูที่ผมได้ยินเต็มสองหู .... ดังนั้นมันทำให้ผมมุ่งมั่นที่จะเอาชนะพวกเขา... www.evertonfc.com มาถึง มอยส์  ให้การเป็นคนสุดท้าย  นักข่าวถามไปว่า "ท่านค่ะจะมีการโฟนอินข้ามประเทศในรายการความจริงฯ หรือเปล่าค่ะ "  เอ้ย. ไม่ใช่ถามถึงกรณี เนวิววิ่งไปสอยโรนัลโด  .. มอยส์พูดดังนี้ครับ "อั๊วไม่เห็นเหตุการณ์วะ(น่านนน  ไอ้โด้นอนกลิ้งเป็นขุนนอย่างนั้นมันยังไม่เห็นอีก) อั๊วคิดว่าเค้าคงไม่โฟนอินข้ามประเทศเพื่ออกทีวีแน่นอนแต่ถ้าผ่านเน็ตไม่แน่ .. เอ๊ะ!! นี่คุณชวนผมคุยเรื่องอะไรเนี่ยยยยคุณนักข่าว ... แต่ผมคิดว่าเนวิวล์มีความมุ่งมั่นเต็มที่ที่จะเอาชนะซึ่งมันก็คือบุคคลิกของนักฟุตบอลอาชีพอยู่แล้วหล่ะ  อย่าซีเรียสเซ่...!!!...."   ป่ะกินข้าวเดี๋ยวป๋มเลี้ยงเองก๊วยเตี๋ยวหลังสวนดีมั้ย  ...แถวนั้นไม่น่าจะมีมือตบนะ... www.thesun.co.uk... **************************************** มาลุ้นวันพุธต่อครับ  ว่าจะเอาเวตส์แฮมฯ อยู่หรือเปล่า ...... จากคุณ : พริบพรรณดาว - [ 27 ต.ค. 51 11:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วสยกับหลายๆท่านนะครับ โดยเฉพาะคุณกระบี่เก้าสำเนียง ที่ยังคงเจาะลึกในรายละเอียดของเกมได้อย่างน่าชื่นชมจริงๆครับ ผมเห็นด้วยในจุดที่ว่า ริโอมีอาการเจ็บขนาดวิ่งไม่ออกอยู่ประมาณสิบถึงสิบห้านาที ทำไมใจเย็นกันจัง ไม่เปลี่ยนตัวออกสักที หรือว่าจะรอเสี่ยงเดิมพัน เพื่อส่งตัวรุกไปช่วยจบสกอร์ช่วงท้ายก้ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ช่วงที่ริโอเจ็บเนี่ย ทอฟฟี่โหมเกมตรงจุดอ่อนได้ดีมากๆ จุดที่สองคือรูนี่ย์ อารมณ์และสมาธิของเขายังไม่แกร่งพอครับ ยังคงหวั่นไหวง่ายตามสิ่งยั่วยุเหมือนเคย และส่งผลต่อฟอร์มในสนามเป็นอย่างมาก แต่ที่กระทบไปเต็มๆ็ก็คือดิมี่ ซึ่งกำลังเข้าที่ กำลังคลิ๊กกับรูนี่ย์ ต้องถูกรูนี่ย์เอ็ฟเฟ็คท์กลายเป็นโดดเดี่ยวไปซะงั้น ส่วนเฟล็ทเชอร์ อย่างที่ผมเคยคอมเมนต์ครับ ผมยังมองว่าฟอร์มของเฟล็ทช์ จะขึ้นอยู่กับคู่ขาของเขาและรูปเกมเป็นหลัก หากเป็นเกมเร็วเกมหนัก แต่คู่ขาเขาคุมเกมได้อยู่หมัด เฟล็ทช์จะเป็นลูกหาบตัวไล่ฝีเท้าจัดขึ้นมาเลย เช่นคู่กับสโคลส์หรือคาร์ริคอย่างที่คุณกระบี่ว่ามา หรือถ้าเป็นเกมเบาๆ พื้นที่เยอะๆ จะจับคู่กับแอนนี่หรือกิ๊กส์ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเกมเร็วและหนักและคู่ขาครองเกมไม่ได้ เฟล็ทช์ก็จะหายไปด้วยครับ ส่วนแอนนี่ หากเป็นเกมปกติ แกคงทำได้ดีกว่านี้ แต่นี่แกลงมาตอนรูปเกมเข้าทางทอฟฟี่ไปหมดแล้ว และแอนนี่ลำพังก้ไม่สามารถเหวี่ยงโมเมนตัวกลับมาเข้าทางเราได้ ได้แต่คอยเก็บบอลไล่บอลอยู่ตรงกลาง ดังนั้นหากจะถามว่า พอสเซบอนคู่กับเฟล็ทช์ได้ไหม ผมคงยังบอกเหมือนเดิมครับ ว่าต้องเป็นเกมที่เบากว่านี้ มีพื้นที่กว่านี้ หากเอาพอสเซบอนลงมาเจอเกมหนักเกมเร็วแบบนี้ โดยที่ประสบการณ์ในลีกยังไม่มาก ก็อาจเดี้ยงเหมือนตอนเจอโบโร่นั่นแหละครับ ตอนนี้ผมว่าดวงเราซวยมากกว่า ที่ตัวหลักตรงกลางดันเจ็บพร้อมๆกันสามคนครับ คาร์ริค, ฮาร์โก้ และสโคลส์ ทำให้ตัวที่เก๋าพอจะประคองรูปเกมได้แบบยืดหยุ่นหน่อย ไม่เหลือเลย ส่วนเชลซี ผมยังจะขอดูนานกว่านี้หน่อย ว่าบิ๊กฟิลจะเปลี่ยนอะไรของทีมไปทางไหน แต่จากที่เห็นตอนนี้ เริ่มเผยจุดอ่อนออกมามากขึ้น โดยเฉพาะแผงหลังที่ยืนกันมานานมากแล้ว เริ่มจะโรยลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะคู่เทอร์รี่-ริคกี้ ที่มีพลาดมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเช็คเองก็มีลูกเซฟมหัศจรรย์น้อยลงไปกว่าแต่ก่อน จุดเด่นของเชลซีผมว่ากองกลางนี่แหละ มิเกลพุ่งขึ้นมาเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เดโก้เองยังคงเล่นได้ดี มีทั้งบัลลัคและแลมพาร์ดคอยสนับสนุน ไหนจะเอสเซียงอีกที่รอโอกาสหายเจ็บกลับมา แต่แดนหน้าก็อย่างที่คุณกระบี่ฯว่ามา เรื่องหงส์แดง ผมคงไม่มีเวลาไปช่วยวิพากษ์ครับผม คุณ redem แค่นี้ผมก็แย่แล้วครับ แฮ่ๆ แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าหงส์มาถูกทางแล้ว รอแค่การข้ามกำแพงวิกฤติ ขาดผู้เล่นตัวหลักหลายรายให้ได้เมื่อมันมาถึง และรอข้ามกำแพงความคงเส้นคงวา ดูว่ามีโมเมนตัมที่จะดีดกลับเมื่อฟอร์มตก หรือแพ้แบบห่วยๆ หากข้ามสองข้อนั้นได้เมื่อไหร่ ก็ลุ้นแค่อันเดียวเท่านั้น คือดวงแชมป์จะอยู่กับใครครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 11:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปล. มาขำแบบนี้คลายเครียดดีครับ คุณพริบฯ แตที่งงก็คือ เฮียดุกปลดแอกอาการชอกช้ำได้สำเร็จแล้วนี่สิ ถูกอัดถูกเสียบทั้งเกม ยังวิ่งหน้าตาเฉย ไม่มีเจ็บเลย ชิส์...เพิ่งย้ายไปนี่เอง หายเจ็บเลยรึเฮีย จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 11:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาอ่าน  พร้อมกับไล่แจก give  ครับ (เดือนนี้  เข้าพันทิปน้อยหน่อย  เลยเหลือเยอะ) เมื่อคืน  ครึ่งแรก  นึกว่าหวานหมูซะแล้ว แต่พอครึ่งหลัง  โอ้โห  เอฟฯ วิ่งไล่สู้ฟัดมาก ๆ (ต้องชมการแก้เกมส์ของมอยส์เลย) แถมเล่นบอลบางครั้งมีแถมคนอีกต่างหาก ตอฟก็โดนดึงบ่อยมาก  จนแกรำคาญไปเลย หมูก็ไม่รู้จะคึกจัดอะไรอย่างนั้น ลงไปซะถึงกลางสนามเชียว ถ้ารอเล่นหน้ากรอบเขตโทษ  น่าจะได้ลุ้นกว่านี้เยอะ แล้วป๋าก็น่าจะเปลี่ยนแกรี่ลงมาปราบฟิลนะ พี่กับน้องน่าจะพอเกรงกันบ้าง (แหะๆ) ที่จริงแล้วเชียร์เอฟฯ เป็นที่สองรองจากแมนฯยูฯนะ แต่เวลาเจอแมนฯยูฯ ไม่ต้องเล่นดีขนาดนี้ก็ได้ ทีเจอกับหงส์หล่ะ  ไม่เห็นเล่นได้แบบนี้เลย ๑ คะแนน  ก็ไม่ถือว่าเสียหายนัก  เพราะเชลซีก็พลาดเหมือนกัน จากคุณ : ขุนไกรครับผม - [ 27 ต.ค. 51 12:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รายงานเยี่ยมเหมือนเดิม จากคุณ : หลังแฮนด์สี่ร้อยซีซี - [ 27 ต.ค. 51 12:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับคุณสงบใจ  แต่เสียดายจังครึ่งแรกน่าจะตุนสกอร์เอาไว้ แปลกใจว่าทำไมครึ่งหลังเราช็อตไปเอง หรือเป็นเพราะเอฟดีขึ้น เสมอนอกบ้านก็ โอเคครับ (มองในแง่ดี) จากคุณ : kuntucky - [ 27 ต.ค. 51 12:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมได้ post กระทู้ "ถ้าเจ้าโด้ยังมีฟอร์มไม่ถึง 80-90% ของฤดูกาลก่อน และคาร์ริก หรือ ฮากริฟ ไม่ฟิต ท่าจะแย่" ไว้เมื่อราวตี 1 ตอนที่ปืนเฉือนเวสต์แฮมไป 1-0  ขออนุญาตมา post ใหม่ เพื่อ share กันดังนี้ครับ : อาจจะมีคนให้เหตุผลที่ทีมเราแพ้ท๊อฟฟี่เพราะนักเตะชุดนี้ลงเตะ 3 นัดในสัปดาห์เดียว  แต่จากการที่มอยส์ (ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน) ให้เหตุผลที่ท๊อฟฟี่เล่นได้ดีในครึ่งหลัง เป็นเพราะเขากำชับให้ทีมหยุดการทำเกมส์ของกิ๊กได้  แสดงให้เห็นชัดว่า ตัวทำเกมส์และตัวทำสกอร์อย่างเจ้าโด้ ฟอร์มยังเทียบฤดูกาลก่อนไม่ได้  ไม่เช่นนั้น ทางท๊อฟฟี่ไม่มีทางหยุดทีมเราที่มีตัวทำเกมส์หลายต่อหลายตัวได้ ส่วนที่เราได้เบอร์บาตอฟมานั้น มีประโยชน์ในกรณีที่เราเข้ารอบลึกๆ บอลถ้วยหลายรายการมากกว่า  เพราะยังไง เราก็ไม่สามารถเอากองหน้า 3 ตัวลงพร้อมๆ กันตั้งแต่ต้นเกมได้ได้ (ตามที่ช่วงแรก เฟอร์กี้พยายามทดลองดู แต่ประสพความล้มเหลว) อยู่ดี อีกอย่าง การใช้เฟร๊ทเชอร์ เป็นมิดฟิล์ดตัวรับ โดยที่เหลือ (นอกจากกองหลังกับประตู) แล้ว เป็นตัวรุกทั้งนั้น ทำให้กลางของทีมเราไม่แน่นพอ (เพราะเฟร็ทเชอร์ยังไม่แน่นอนพอ)  ถ้าคาร์ริก หรือ ฮาโก้ ยังเจ็บอยู่  ทีมที่เล่นเกมรุกเป็นหลักอย่างทีมเรา จะไม่มีใคร (คือ มิดฟิล์ดตัวรับ) สกรีนบอล ทำให้กองหลังต้องทำงานหนักเกินไป  จนบางครั้ง ต้องเสียประตูเนื่องจากการเข้าเร่งเกมของฝ่ายตรงข้ามได้ ส่วนผลที่หงส์ชนะสิงห์บลูนั้น ผมเห็นว่า เป็นผล second best (แน่นอนว่าดีที่สุดคือเสมอกัน) เพราะถ้าขนาดตัวรุกตัวจริงของทีมสิงห์บลูเจ็บไป จนกระทั่งเหลือเพียงดาวรุ่งตัวรุกบนม้านั่งสำรอง ยังชนะสม่ำเสมอ อย่างนี้เราจะตามทันได้ไง  ดังนั้น ผลที่หงส์ชนะนั้น ผมรับได้  (รวมถึงการที่ปืนชนะเวสต์แฮมที่พึ่งจบไปเช่นกัน) เพราะผมมองหงส์เหมือนปืนเมื่อปีก่อน ที่ถ้าช่วงปลายๆ ฤดูกาล ได้เข้ารอบบอลถ้วยหลายใบลึกๆ  ขนาดของทีมจะยังเล็กไปอยู่บ้าง  น่าจะเหี่ยวปลายไปตอนท้ายๆ ฤดูกาล เช่นเดียวกับปืน (ความเห็นคงคล้ายๆ คุณสงบใจ)   พูดง่ายๆ คือ ผมยังมองสิงห์บลูเป็นคู่แข่งสำคัญที่สุดในระยะยาว อ้อ ... อย่างสุดท้าย เซ็งการตัดสินใจของเฟอร์กี้ในเกมส์กับท๊อฟฟี่มาก  ถอดรูนีย์ออก กันโดนใบแดงพอจะเข้าใจได้  แต่ทำไมให้นานี่ลง  ทำไมไม่ให้เตเวชลงตั้งแต่ตอนนั้น จะได้มีเวลาสัก 20 นาที เยอะพอที่จะทำอะไรได้มากกว่านี้  ไม่ใช่ปล่อยลงเมื่อเหลือแค่ 10 นาทีแล้ว  ผมเป็นเตเวชคงเซ็งชะมัด อย่างไรก็ดี ต่อให้สถานการณ์ของหงส์กับสิงห์บลู รวมถึงปืนจะเป็นอย่างไรก็ตาม  ===== แต่ถ้าทีมเรายังแก้ปัญหาที่ผมกล่าวมาข้างต้นไม่ได้  แชมป์ฤดูกาลนี้ คงไม่มีเรามีเอี่ยวจนถึงท้ายๆ ฤดูกาลเป็นแน่ ===== ====== มีชีวิตอยู่ เพื่อเชียร์ผีแดงทุกฤดูกาล เพื่อเชียร์อินทรีเหล็กทุก 2 ปี และมีความหวังกับทีมชาติไทยตลอดไป ===== จากคุณ : เลขาลิขิต - [ 27 ต.ค. 51 12:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากครับน้าหงบสำหรับบทวิพากษ์เจ๋งๆเช่นเคย สะดุดอย่างนี้ เห็นทีต้องฟื้นความมุ่งมั่นกลับมาอีกที คิดถึงคาริคครับ เมื่อไหร่จะกลับมายืนคุมเกมตรงกลางสนามได้ซักที เชียร์ต่อไปครับ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 27 ต.ค. 51 13:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณค่ะ... จากคุณ : พอเพียงค่ะ - [ 27 ต.ค. 51 13:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับการวิเคราะห์หลังเกมทั้งของคุณสงบใจ และคุณกระบี่เก้าสำเนียงครับ โดยส่วนตัวนั่งดูไปก็เสียวไป ยิ่งตอนริโอเจ็บนี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เห็นมาหลายครั้งแล้วว่าถ้าไม่เจ็บสุดๆจริงริโอจะฝืนเล่นต่อ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบให้กับทีมเราหลายครั้งแล้ว อันนี้ก็เข้าใจว่าอะไหล่ที่มีอาจจะไม่น่าไว้ใจ แต่ฝืนอย่างนี้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาแต่ละครั้งมันค่อนข้างแย่น่ะครับ ส่วนเรื่องเกมของเชลซีและลิเวอร์พูลเมื่อคืนนี้ ผมว่าเดโก้แกยังปรับจังหวะให้เข้ากับบอลอังกฤษไม่ได้ครับ การจ่ายบอล จินตนาการนี่ถือว่าเยี่ยม แต่พอโดนเพรซซิ่งเร็วๆปุ๊บ ทำให้เห็นชัดว่าเดโก้ยังต้องใช้เวลาในการครองบอลจ่ายบอลครับ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองเห็นเหมือนผมรึเปล่านะ ;) แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 51 13:33:30 จากคุณ : non-spitfire - [ 27 ต.ค. 51 13:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาดู ... ขอบคุณมาก ๆ ครับ ... สำหรับบทความดี ๆ ^ ^ จากคุณ : D_YONG - [ 27 ต.ค. 51 13:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เหมือนเกมกับ เชลซี รอบชิง UCL เลยครับ เกมนี้... ไม่ว่าจะรูปเกมที่พลิกผัน... หรือวิธีการแก้เกม ที่เล่นงานจุดอ่อนของ แมนฯยู ตรงพื้นที่ว่างระหว่างกองกลางกับกองหลัง มอยส์ ทำได้เยี่ยมครับ... กลายเป็นสูตรสำเร็จที่จะพิชิต แมนฯยู ชุดนี้เราเลยครับ กองหน้าถึกไถ ปูพรมบอมบ์ ใช้พื้นที่ระหว่างกลางกับหลัง และเชื่อมั่นในลูกเซ็ตพีซ... เป็นวิธีเอาชนะ แมนฯยู ที่ง่ายกว่าจะต้องมาโชว์ฟอร์มแบบมหาวิปลาศเหมือน เอซี มิลาน เมื่อสองปีที่แล้วเยอะครับ หุหุ... และที่ผมสงสัยก็คือ จะปั้นไอ้น้องแอนเป็นตัวแมวน้ำอะไรกันแน่ครับ ??? ปีที่แล้วให้ยืนต่ำ killer pass เยี่ยม บางจังหวะมีทะลุได้ด้วย คนชมกันใหญ่ มาปีนี้ให้ยืนสูงบังบอลม้วนไปม้วนมา ไม่ค่อยได้สาระอะไรเท่าไหร่เลยครับ เข้าใจว่าก่อนหน้ามา แมนฯยู เขาก็ยืนสูงแบบนี้ แต่ท่าทางเกมของน้องแอนตอนนี้จะกลายเป็นตัวกลางเต็มรูปแบบไปแล้วมั้งครับ แล้วก็แถมท้าย ตอนแรกจะมาออกความเห็นเรื่อง เชลซี กับ ลิเวอร์พูล แต่เห็นคุณกระบี่เก้าสำเนียงมาบอกไปละ ทีนี้ก็อยากบอกว่า ผมไม่ได้กลัว เชลซี อย่างหลายๆคนครับ ผมว่า เชลซี ขาดอะไรหลายๆอย่างไปมาก โดยเฉพาะความจี๊ดจ๊าดในแนวรุก ( ซึ่งก็คือ โรบินโญ่ น่ะเอง ) แถมผมมีความเชื่อว่าการที่จะทำให้ยอดทีมที่ประสบความสำเร็จมาหลายปีแล้วยืดอายุต่อไปได้ คือต้องทำลายทีมครับ เหลือไว้แต่ตัวหลักๆพอ ( แต่บิ๊กฟิลเลือกที่จะคงทีมไว้อย่างเดิมเลย ) แต่ ลิเวอร์พูล น่ะสิครับ... แน่นอนว่าทีมพวกเขาอาจไม่ใหญ่พอที่จะคว้า 2 ถ้วย แต่การที่จะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อ EPL ผมว่ามีสิทธิ์ทำได้ครับ และเมื่อดูจากสถิติแล้ว ลิเวอร์พูล จะมีแต้มตามแชมป์ทุกๆปีประมาณ 10 - 30 แต้มโดยประมาณ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่แย่ทั้งใน มินิลีก ของ Big 4 และการพลาดให้กับทีมเล็กๆ ( แย่แค่อย่างเดียวคงไม่ทำให้แต้มตามหลังแชมป์เฉลี่ยตั้ง 20 คะแนน ) ทีนี้แต้มจาก มินิลีก หงส์แดงคงไม่ใช่ย่อยๆแล้วล่ะครับ ขอแค่ชนะอีกนัดเดียวที่เหลือแพ้หมดพวกเค้าก็มีสิทธิ์เป็นแชมป์ของ มินิลีก ได้ไม่ยาก เราก็ต้องมาดูกันล่ะครับ ลิเวอร์พูล จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนเมื่อต้องเจอกับทีมเล็ก... จากคุณ : SaVor - [ 27 ต.ค. 51 14:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาเก็บความรู้เช่นเคยฮะ ชอบคำเปรียบเทียบฟ้าใสๆ ของครึ่งแรกจริงๆ (แต่วันนั้นที่ดู ฝนตก สัญญาณทรูหายไปตั้งหลายนาทีเลยนะฮะ ฮ่วย!) ว่าแล้วก็ฮาแตกกับคำสัมภาษณ์ฉบับแปลของคุณพริบฯ ด้วย เห็นหลายๆ กระทู้แล้ว ดูมีเอกลักษณ์ดีจริงๆ จากคุณ : หนูติงต๊อง น้องแสนดี - [ 27 ต.ค. 51 14:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลุงหงบ ลืมพูดถึงนังโด้รึเปล่าครับ ??? แต่แปลกใจ มากกว่า ที่ป๋าไม่เปลี่ยนโด้ในวันที่ยังหาฟอร์มตัวเองไม่เจอ แบบนี้ออก - -* จากคุณ : vn, man - [ 27 ต.ค. 51 14:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หวัดดีค่ะ...คุณสงบใจ ครึ่งหลังดูนักเตะออกแนวหมด...นะคะ ลูกไล่บี้ของเอฟเล่นเอานักเตะทีมเราเหนื่อยแทบตาย ทีมเราถ้าโดนไล่เร็วส่วนใหญ่จะแย่ แต่เมื่อวานขำค่ะดูทรูวิเคราะห์คู่ หอย-หงส์ ช่วงพักครึ่ง อลองโซ่ ยิงไปแฉลบ บงซินวา 15 องศา คิดได้ไงอ่ะ จากคุณ : อ้าปากขำทำมุม15องศา (ผีหลายบทบาท) - [ 27 ต.ค. 51 14:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณค่ะ อิอิ จากคุณ : poojo_ke - [ 27 ต.ค. 51 14:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ดูทันแค่ครึ่งหลัง (50 กว่านาทีโน่นแล้ว) โอ้.. แม่เจ้า สงสัยว่า ครึ่งแรกที่ได้ 1 ลูก นักเตะเอเวอร์ตัน ทำเข้าประตูตัวเองปล่าววะเนี่ย!! ไม่ใช่หาแพะ แต่กระผมอยากให้ป๋าหามือขวาคนใหม่เหอะ กระผมว่าคนนี้ ไม่ช่ายอ่ะ! จากคุณ : ซุ่มอยู่ - [ 27 ต.ค. 51 14:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ลืมโด้ฮะ แต่ไม่มีอะไรให้พูดถึงเท่าไหร่ เนื่องจากอยู่ในช่วงบิลด์ความมั่นใจและฟอร์มกลับคืนมา ซึ่งผมมองว่า ป๋าคงต้องอดทนพอสมควรกับการให้โด้เรียกฟอร์มสุดยอดกลับคืนมา และมันออกจะไม่แฟร์กับนักเตะคนอื่นๆพอสมควร โดยเฉพาะเตเวซ ที่ต้องการเรียกฟอร์มเช่นกัน แต่กลับได้โอกาสแค่เกมละสิบนาทียี่สิบนาทีเท่านั้น ในขณะที่โด้ ได้เก้าสิบนาทีเต็มๆมาเกือบตลอด นอกจากนั้น การที่โด้ยังไม่สามารถเค้นฟอร์มที่ดีออกมาได้ กลับเกิดอาการลากติด เลื้อยสะดุด พลิ้วดับ จึงต้องหาทางออกอย่างอื่น นั่นคือการล้มเรียกร้องความเห็นใจจากกรรมการแทน อาการนี้ถ้าเป็นที่อู่ซ่อมรถก็คือจูนเครื่องไม่ดีครับ เหยียบพุ่ง เหยียบพุ่ง คอนโทรลไม่ได้ ประมาณนั้น จนแม้แต่ตอนถูกสอยจังๆ กรรมการยังนึกว่าโด้พุ่งเลยครับ เฮ้อ... เห็นแล้วผมสงสารเตเวซครับ อ้อ.. เห็นด้วย เรื่องที่ว่า เชลซีสมควรถ่ายเลือดได้แล้ว เนื่องจากแรงขับภายในจะลดลงเรื่อยๆ ตามวันเวลาที่เล่นร่วมกันมานานขึ้นครับ แผงหลังเริ่มออกอาการให้เห็นแล้ว ส่วนกลาง ยังพอดูได้ เมื่อมีเดโก้เข้ามาเติม และมีมิเกลกำลังพุ่งแรง ในขณะที่แลมพาร์ดเริ่มดาวน์ลงไป ส่วนบัลลัคยังไม่ได้แสดงอะไรมากนักในปีนี้ หลังจากปลายปีที่แล้วกลับมาเป็นตัวหลักอีกครั้ง แต่แนวรุกของทีมเริ่มมีปัญหา หลังจากดาวไถอย่างดร็อกบาเจ็บไป อาเนลก้าไม่ใช่พวกถึกหรือไถกิน จึงเอาตัวรอดไม่ได้ดีเหมือนดร็อกบา ส่วนกาลูยังต้องรอโอกาสเมื่อเชลซีมักใช้หน้าเดี่ยว ซึ่งปีกสองข้างยังหาความคงเส้นคงวาไม่ค่อยได้ ทั้งโจ โคล ทั้งมาลูด้า บทจะดีก็ดีสุดๆ บทจะหายนี่ก็หายไปเลย สิ่งที่ผมกลัวจากเชลซีก็คือ ความที่แพ้ยาก แต่มาถึงตอนนี้ เชลซีเริ่มเสียประตูถี่ขึ้น ง่ายขึ้น ผิดไปจากเชลซีที่เคยเห็นช่วงสองสามปีก่อน ที่เสียประตูยากมากๆ ในขณะที่หงส์ หากปีนี้ได้ความแน่นอนกลับมา จะน่ากลัวขึ้นมาก และเราสามารถสังเกตได้ง่ายๆครับ นั่นคือช่วงกลับมาจากบอลถ้วย หรือบอลยุโรปกลางสัปดาห์ หากยังเก็บสามแต้มเต็มได้เรื่อยๆ ไม่มีสะดุด ไม่มีล้า ไม่มียุบให้เห็น นั่นล่ะ แสดงว่า แววกำลังมาครับ จากคุณ : สงบใจ - [ 27 ต.ค. 51 15:33:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ปีนี้แมนยูมีปัญหาตั้งแต่ยังไม่เปิดฤดูกาลเลยนี่ครับ ไหนจะเรื่องของโด้ ไหนจะเรื่องการซื้อพ่อเบอร์บา สมาธิในการทำทีมเสียหายไปตั้งแต่แรก ๆ เลยทีเดียว จุดอ่อนที่สำคัญไม่ได้รับการแก้ไข มิดฟิลด์ตัวรับที่จะมาทำหน้าที่แทนฮากรีฟ (แอนเดอร์สัน ม่ายนะม่ายช่าย) ปีกซ้ายขวาที่ไม่แน่นอนว่าจะเอาใครเล่น เพราะเดี๋ยวคนนั้นเจ็บ คนนี้จิตใจไม่พร้อมจะเล่น กลางแมนยูโดนบี้หนัก ๆ เข้าบอลหนัก ๆ ทีไร เป๋ทุกที นัดเจอหงส์ก็ทีนึงละ มานัดนี้ก็เป๋อีก ดีที่ได้มา 1 แต้ม ผมว่านะ ตรงกลางเนี่ยสำคัญเลย หามิดฟิลด์ตัวตัดเกมส์แบบมาเชไม่ก็กัตตูโซ่สักคน ความสม่ำเสมอน่าจะกลับมาได้ไม่ยาก ส่วนน้องเป็ดแดงของผม เอาเป็นว่าถ้า 4 นัดต่อจากนี้ได้มา 12 แต้มเต็ม ผมถึงจะเรียกได้ว่าลุ้นแชมป์เต็มตัวอ่ะครับ ตอนนี้ก็แค่ป้อ ส่วนจะล่อเป็นหรือไม่ รอดูต่อไปครับ ..... จากคุณ : โจโฉ2000 - [ 27 ต.ค. 51 15:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คห.38 กองกลางตัดเกมส์ ป๋าแกคงเผื่อไว้ว่า ถ้าซื้อมาอีกตัว แล้วเกิดสองคนนั้นหายเจ็บกลับมา จะจัดตัวลงยังไงมากกว่า ตอนนี้ตำแหน่งที่มีแสปร์ไว้มีแค่แบ๊กขวาเท่านั้น เสียดายไฮน์เซ่อยู่เหมือนกัน เค้าเติมเกมส์คนละสไตล์กับเอฟร่า เอฟร่านี่ผมว่าเค้าลากทะลุดี แต่เปิดบอลยังไม่ดี ฟอร์มเมื่อ 2 ปีก่อนดีกว่านี้ ถ้ามีไฮน์เซ่อยู่หรือซิลแวสต์ น่าจะกระตุ้นให้เค้าเล่นได้ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้เป็นตำแหน่งเดียวที่ไม่มีแสปร์เลย (เงาะซ้าย ยังต้องการประสบการณ์อีกมากครับ) อ่อ ลืมไปแสปร์แบ๊กซ้ายยังมีโอเชียอีกคน แต่ตอนนี้พี่แกเริ่มฟอร์มกลับไปเหมือนจตุรเทพ เดิมอีกครั้งแล้ว น่ากลัวจริงๆ นานี่เอง ยังต้องการปรับตัวอีกมากๆ ผมว่าพรสวรรค์เค้าน่าจะถึงไอโด้ แต่ว่าจินตนาการยังไม่ถึง ถ้าคิดจะปั้นนานี่ให้เหมือนโด้เลย อาจจะต้องมือเปล่าก็ได้ เพราะนานี่ขึ้นมาเร็วเกินไป กะจะเล่นเลียนแบบไอโด้เลย แต่ลองนึกกันดู กว่าจะได้เจ้าเจ็ทโด้ผู้ยิง 42 ประตูในซี่ซั่นก่อน เราต้องเสียเวลาปั้นเจ้านั่นไปประมาณ 3 ฤดูกาล กว่าจะหาฟอร์มที่เข้าที่เจอ กรณีนานี่อาจจะไม่ต่างกัน แต่อาจจะเร็วกว่าโด้ซักปี-2ปี เพราะอย่างน้อยก็มีตัวอย่างให้ดู เพียงแต่จะลักจำสิ่งที่ถูกได้รึเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : +Carbocat+ - [ 27 ต.ค. 51 16:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณครับ ... สำหรับบทความดีๆและน่าอ่าน ปล.ผมว่าผีแดงเราอิ่มจนกินทอฟฟี่ไม่ลง... จากคุณ : P.S. i love you - [ 27 ต.ค. 51 17:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามาอ่านเช่นเคย ขอบคุณเพื่อนๆ และเจ้าของทู้ที่วิเคราะห์ให้อ่านกัน จากคุณ : ผักทอดยอด - [ 27 ต.ค. 51 20:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับคุณสงบใจ ผมหายไปนานครับ ไม่ค่อยได้ดูบอล ได้แต่เลี้ยงลูก (ชาย) ตอนนี้อายุได้ 6 เดือนแล้วครับ ได้ลูกชาย เกิดวันเอิร์ธเดย์ ปีเดียวกับที่แมนฯยูได้ดับเบิ้ลแชมป์ มันแสนจะมีความสุขแล้วล่ะครับ ไม่รู้น้องภีม เกิดปีที่แมนฯยูได้แชมป์อะไรครับ อยากถามคุณสงบใจ ผมว่ากองกลางของเราที่พัฒนาขึ้นดีกว่าปีที่แล้วมากที่สุด น่าจะเป็นเฟลชเชอร์ ผมว่าอีกสักสองปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่านี้ น่าจะแทนสโคลส์ได้สบาย ส่วนที่ผมเชียร์เพราะเห็นพลังแฝงในตัวเยอะ (ยังกะเกม FM) คือนานี่ ผมว่าหลังๆมาที่ป๋าแกส่งมาเป็นตัวสำรองเนี่ย เริ่มเล่นเป็นทีมมากขึ้น ยังเสียดายลูกที่ครอสไปให้ไอ้โด้ยิง น่าจะเข้า ถ้าเป็นปีที่แล้ว ใส่สกอร์ได้เลย คุณสงบใจ คิดว่านานี่จะดังก่อนป๋ารีไทร์หรือเปล่า อยากเห็นนัดเจอ QPR แบบนี้ ( คู่แบ๊ค สสองแฝดบราซิล กลางพอสเซบอน หน้าเป็นเวลเบ๊ค กะมานูโช่) ไม่รู้ป๋าจะจัดให้ได้หรือเปล่า อ้อ อยากถาม เกี่ยวกะดาวรุ่ง เวลเบ๊ค ไม่รู้ว่าคุณสงบใจจะเห้นเหมือนกันไหมว่าที่เรายึกยัก ไม่ยอมเซ็นเตเวซ เพราะหมอนี่ หรือเปล่า (555 แอบฝัน)ส่วนตัว คิดว่าน่าจะขึ้นมาได้ เพราะเท่าที่จำได้ ทีมเราไม่ค่อยมีกองหน้าสไตล์นี้ ที่ครองบอลสไตล์อเมริกาใต้ แต่สัญชาติอังกฤษ เพราะไม่รู้ว่ากฏนัเตะท้องถิ่นที่จะโดนบีบในอนาคต บางทีดาวรุ่งท้องถิ่น อาจเป็นตัวแปรอีกหนึ่งตัวแปรของทีมก็ได้ จากคุณ : nani jung - [ 27 ต.ค. 51 20:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับ คห.ดีๆ หลายๆท่านครับ วันพุธนี้ลุ้นกันต่อ จากคุณ : SamuDi Knight - [ 27 ต.ค. 51 22:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณบทความดีๆ และ คห.เพิ่มเติม ทุกๆ คห.  ครับ ละเอียดทุกเม็ดเหมือนเดิม จากคุณ : ขอบตะวัน - [ 28 ต.ค. 51 01:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาทักทายครับ ไม่ได้ดูอีกแล้วครับ เซ็งมาก ขอบคุณมากครับ เพราะว่าไม่ได้ดู เข้ามาอ่านก็ยังดี จากคุณ : อยู่กับผี - [ 28 ต.ค. 51 09:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ท็อฟฟี่ก็ขมมาหลายปีแล้วนะคับ 2 ปีหลังที่ได้แชมป์มาเนี่ย เกือบท็อฟฟี่ติดคอตายที่กูดิสันพาร์คตลอด กว่าจะชนะได้ไม่ง่ายนะคับ ยิ่งมาตอนท็อฟฟี่ผลงานกำลังย่ำแย่ติด ๆ กันหลายนัดด้วย ยิ่งลำบากไปใหญ่ จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) - [ 28 ต.ค. 51 10:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ค่ะ นัดนี้ได้ดูเต็มเกมเลยค่ะแต่ก็ยังตามมาอ่านเหมือนเดิมค่ะ จากคุณ : ผ่านมาทักทาย - [ 28 ต.ค. 51 15:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาปิดกระทู้ ขอบคุณทุกๆคนมากครับผม คุณนานี่จัง... น้องภีมเกิดเมษายน ปี...อะไรหว่า อ่อ... ปี 2006 และไม่ได้แชมป์ครับผม ผมยังจำได้ว่า ไปนอนที่โรงพยาบาลเฝ้าแม่น้องภีม แล้วดุถ่ายทอด แมน-ยู เชลซี ปรากฏว่าแพ้กระจายครับ น่าจะ 3:0 มั้ง เซ็งเลยยยยย จากคุณ : สงบใจ - [ 29 ต.ค. 51 08:17:09 ]