ความคิดเห็นที่ 1 ++ Steven Gerrard Week Part 1: จากใจราฟา ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop เปิด ปฐมฤกษ์คอลัมภ์ Steven Gerrard Week ทางเวปทางการเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการที่กัปตันใจเพชร สตีเวน เจอร์ราดรับใช้ทีมชุดใหญ่มาได้ครบ 10 ปี ซึ่งราฟา เบนิเตชผู้จัดการทีมคู่ใจได้เขียนถึงเจอร์ราดถึงคุณภาพที่สุดพิเศษของกัปตัน ทีมรายนี้ ดังนี้ ในโลกของฟุตบอลยุคใหม่มันมหัศจรรย์มากที่ได้เห็นผู้เล่นคนหนึ่งอยู่รับ ใช้สโมสรเดียวมาครบรอบ 10 ปี เพราะว่ามันมีความกดดันมากเหลือเกินต่อผู้จัดการทีมและเงินมากมายมหาศาล กำลังถูกใช้ คุณจะเห็นได้จากทีมต่างๆ เปลี่ยนแปลงผู้เล่นอยู่ตลอดเวลา แต่สตีเวนอยู่กับลิเวอร์พูลมายาวนานเป็นเครื่องบ่งบอกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง เกี่ยวกับคุณภาพและหัวจิตหัวใจของเขาได้ดี ก่อนที่ผมจะมาที่ลิเวอร์พูลซึ่งก็เหมือนกับผู้จัดการทีมคนอื่นๆ รู้จักเจอร์ราดมาก่อน แต่ไม่เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งจนกระทั่งคุณได้มาเห็นเขาทุกวันในทุกช่วงการฝึก ซ้อมที่จะทำให้คุณตระหนักถึงว่าเขามีคุณภาพเพียงใด ผมสามารถรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคดีมากๆ และแข็งแกร่ง รวมทั้งเป็นคนที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในการฝึกซ้อมทุกครั้ง ความมุ่งมั่นทุ่มเทตลอดเวลาที่เขาก้าวลงสนามมันยอดเยี่ยมมาก ในสนามมันมีความทรงจำมากมายเวลาที่คุณนึกถึงการเล่นของเขาในรอบหลายปี ที่ผ่านมา แต่สำหรับผมแล้วในฐานะกัปตันทีม มันคือการที่เขามีอิทธิพลกับลูกทีมเมื่ออยู่นอกสนามซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ พวกเราจะไม่มีทางลืมประตูที่เขาทำได้ในเกมส์กับโอลิมเปียกอส เกมส์กับเวสต์แฮม และประตูในเกมส์รอบชิงกับเอซี มิลาน แต่นั่นเป็นตัวอย่างที่เขาแสดงให้เห็นซึ่งอาจจะน่าประทับใจมากที่สุด กัปตันทีมจำเป็นที่จะต้องแสดงออกถึงบางสิ่งบางอย่างระหว่างเกมส์ ขณะที่เวลาอยู่นอกสนามเขาจำเป็นต้องเป็นตัวอย่างที่ดีและต้องผลักดันลูกทีม ตลอดเวลา เจอร์ราดมีคุณภาพทั้งหมดที่ว่านี้และนั่นทำให้เขาเป็นกัปตันทีมที่ดีสำหรับ ทีมเรา ผมคิดว่าตอนนี้เขากำลังดีขึ้นอีกและผมเชื่อมั่นว่าเราจะได้เห็นสิ่งดีๆ จากเขามากกว่านี้อีกในอนาคต หลายฤดูกาลที่ผ่านมาเขาพัฒนาขึ้นในเรื่องของเทคนิคเพราะว่าเขาได้เล่นใน ตำแหน่งที่หลากหลาย ซึ่งสำหรับผมในตอนนี้เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ ผมรู้ว่าเจมี คาร์ราเกอร์เคยพูดว่าเขาจะไม่ขอแลกเจอร์ราดกับผู้เล่นคนไหน และผมเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ในแง่มุมของคุณภาพคุณสามารถเปลี่ยนผู้เล่นคนหนึ่งกับอีกคนได้เสมอ แต่ในแง่มุมของทั้งคุณภาพและหัวจิตหัวใจรวมทั้งความมุ่งมั่นทุ่มเทผมไม่ขอ เปลี่ยนเจอร์ราดกับผู้เล่นคนใด ผมรู้ว่าในตอนนี้เขาปรารถณาอะไร ซึ่งก็เหมือนกับผู้เล่นคนอื่นๆ ของเรา คือการที่ทำให้เขาได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความฝันอันนั้นจะเป็นจริงสำหรับพวกเราทุกคนในเร็วๆ นี้ จากคุณ : howk_ky - [ 19 พ.ย. 51 11:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ++ Steven Gerrard Week Part 2: ชีวิตวัยเด็ก ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ออก ตอนแรกมาตดยังไม่หายเหม็น ออกตอน 2 มาอีกแหละ ตอนนี้เป็นการกล่าวถึงชีวิตวัยเด็กของกัปตันทีมไดนาโม สตีเวน เจอร์ราดแบบเจาะลึกตั้งแต่ที่เขาเป็นเด็กน้อยเยาวชนจนเป็นกัปตันทีมที่เป็น หัวใจของทีมอย่างทุกวันนี้ ซึ่งเราไปรับรู้เรื่องราวจากบรรดาครูของเขาและโคชว่าเขาฉายแววแห่งความ สามารถอย่างไรในช่วงวัยเยาว์ โปรดมองรูปข้างล่างตามไปด้วย กวาดตามองคร่าวๆ มันอาจจะเหมือนการยืนเพื่อถ่ายรูปของทีมๆ หนึ่ง ตอนนั้นเด็กน้อยคนนั้นปะปนไปกับผู้ใหญ่ทั้งหลาย และตอนนั้นก็ยังไม่ฉายแววแห่งศักยภาพออกมาหรอก หากมองเพ่งเข้าไปใกล้อีกนิดแล้วคุณจะเห็นสตาร์ซึ่งนั่นก็คือสตีเวน เจอร์ราดของพวกเรานั่นเองก่อนที่เขาคนนี้จะคว้าแชมป์ได้มากมาย ได้ปลอกแขนกัปตันทีมและติดทีมชาติอังกฤษ ความทรงจำแรกของผู้คนส่วนใหญ่เกี่ยวกับสตีเวน เจอร์ราด คือเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 1998 เมื่อเขาลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมส์ในเกมส์กับแบล็กเบิร์นซึ่งนั่นเป็น เกมส์เปิดตัวเกมส์แรกของเขา และเขาเอาชนะใจกองเชียร์ในแอนฟิลด์ด้วยการเข้าแทคเกิลแบบถึงเลือดถึงเนื้อ ใกล้กับอัฒจรรย์ฝั่งเดอะคอปซึ่งวันนั้นจบลงด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล 2-0 แต่พวกเราจะค้นหาย้อนหลังไปกว่านั้นถึงช่วงเวลาที่กัปตันทีมคนนี้ทำให้ อาจารย์โกรธแทนที่จะเป็นราฟา เบนิเตซ "สิ่งที่ผมจำได้มากที่สุดเกี่ยวกับเขาก็คือความสามารถในการเป็นผู้นำใน สนาม" นี่เป็นคำบอกเล่าของอดีตครูที่ Huyton และ Roby Primary, Gillian Morgan ซึ่งก็เป็นโคชให้กับเจอร์ราดในทีมฟุตบอลของโรงเรียนด้วย "ผมคิดว่าเขาเริ่มเล่นให้กับทีมโรงเรียนเมื่อมีอายุได้ 9 ขวบและแม้กระทั่งหลังจากนั้นเจอร์ราดก็พยายามที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ เสมอ พ่อของเขาได้พูดเสมอว่าเขาเกิดมาพร้อมกับฟุตบอลที่เท้าและผมก็ยังคงคิดว่า นั่นมันคงจะเป็นเรื่องจริง" "นอกสนามเขาเป็นคนที่เงียบมากและมีพฤติกรรมที่ดีมาก ผมเคยเจอเขาไม่กี่ครั้งหรอกและได้เห็นเขาใน DVD เรื่อง Steven Gerrard: My Story มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ที่เขากลับมายังโรงเรียน เขาถามผมเกี่ยวกับครอบครัวของผมและผมต้องประหลาดใจที่เขาจำสมาชิกครอบครัวผม ได้แม้จะล่วงเลยมานานแล้ว" อนึ่งเมื่อเขาอายุได้ 11 ขวบเจอร์ราดได้ย้ายไปที่โรงเรียน Cardinal Heenan High School ซึ่งเป็นที่ที่เขาก้าวไปสู่โรงเรียนฟุตบอลของลิเวอร์พูล และตอนนี้แหละที่เขาไปต้องตาต้องใจ Steve Monoghan ซึ่งเป็นทั้งผู้อำนวยการและโคชของโรงเรียนฟุตบอลของลิเวอร์พูลซึ่งได้เห็น แววของเขาที่อาจก้าวไปเป็นสตาร์ของลิเวอร์พูล และได้เปิดเผยถึงตอนที่เขาได้ปฏิเสธที่จะต้องพ่ายแพ้ในเกมส์ในช่วงวัยเยาว์ "ทุกคนสามารถเห็นได้ถึงพรสวรรค์ของเขา แต่เขาไม่ใช่คนที่จะโอ้อวดถึงพรสวรรค์นั้นมากนัก แต่เขารู้ว่าเขามีศักยภาพ แต่เขาก็ไม่เคยอวดตนเลย&" Monoghan กล่าว "มีผู้เล่นเยาวชนจำนวนมากที่มีพรสวรรค์ซึ่งอาจจะหยุดการเรียนรู้แต่เจอร์ราด ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยเขาจบการศึกษาด้วยการได้ GCSE 5 ตัวในช่วงเกรด A-C เขาดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ที่เหลือในทีมโรงเรียน" "ผมจำได้ว่ามีอยู่เกมส์หนึ่งที่เราขณะที่เรากำลังจะแพ้ 3-0 ให้กับ Blue Coat ในรอบชิงถ้วยเมอร์ซี่ไซด์อายุต่ำกว่า 13 ปี แต่เราสามารถกลับมาได้ด้วยการเอาชนะ 4-3 และสตีเวนยิงได้สองประตูในเกมส์นั้น ผมคิดย้อนไปถึงเกมส์นั้นในช่วงพักครึ่งที่เรากำลังจะแพ้ 3-0 ซึ่งมันช่างเหมือนกับเหตุการณ์เกมส์ชิงแชมป์เปียนลีกในปี 2005 เลย เขาเป็นคนผูกใจให้ทีมต่อสู้กลับมาเหมือนกันกับในวันนั้นและก็ทำมาอีกหลาย ครั้งนับตั้งแต่วันนั้น" นอกจากนี้นักเขียนจาก Echo นาย Tim Johnson ซึ่งก็เคยเป็นโคชของเจอร์ราดในช่วงที่เขาเล่นให้กับทีมโรงเรียนของลิเวอร์พู ลซึ่งเขาได้กล่าวว่า "ผมตระหนักในตัวของเจอร์ราดครั้งแรกเมื่อปี 1992 เมื่อผู้อำนวยการของ PE Eric Chadwick ได้บอกผมเกี่ยวกับเด็กพรสวรรค์วัย 12 ขวบที่เขามี ซึ่งในตอนนั้นผมกำลังจะไปเป็นผู้จัดการทีมเยาวชนชุดอายุต่ำกว่า 14 ปีของลิเวอร์พูล (ภาพด้านบน) เมื่อสวีเว่นอายุถึงแล้ว ซึ่งผมก็จำเชื่อของเขาได้ รวมทั้งรอคอยที่จะมีเขาในทีมของผม" "แต่พรสวรรค์ของเขาก็ไม่อาจรอช้าได้และทางโรงเรียนได้เสนอเขาเข้าสู่ทีม ของเมืองเร็วกว่าที่คาดเอาไว้หนึ่งปีทีเดียว สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในการเล่นของเจอร์ราด ณ ตอนนั้นก็คือการคิดเร็วทำเร็ว เขาสามารถประมาณเหตุการณ์และช่วงชิงความได้เปรียบได้เร็วกว่าผู้เล่นทีม โรงเรียนคนอื่นๆ ที่ผมเคยเห็นมา" "เจอร์ราดในวัยเยาว์นั้นเป็นคนที่เข้าแทกเกิลได้ดีมากเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งตอนที่ต้องเล่นกับเด็กที่โตกว่าเขามีความกล้าหาญที่จะลงไปลุยและ เขายังคงมีสิ่งนั้นอยู่จนกระทั่งถึงวันนี้" หลังจากนั้นเจอร์ราดยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและก็ไปร่วมทีมอายุต่ำกว่า 15 ปี และ Johnson ก็ตามไปเป็นโคชทีมนั้นอีก แต่เขาก็ยอมรับว่าเจอร์ราดต้องฝ่าฝันกับฤดูกาลที่น่าอึดอัดในปีนั้น "ในตอนแรกมันเป็นไปด้วยดีสำหรับเขาและผมจำได้ว่าเขาทำประตูชัยในเกมส์ กับ West Lancs ซึ่งเป็นเกมส์ในรอบแรกๆ เกมส์หนึ่งของถ้วย English Trophy แต่การที่เขาต้องได้รับบาดเจ็บหลายครั้งทำให้เขาไม่ติดทีมชาติอังกฤษระดับ โรงเรียน ซึ่งเป็นแค่ระดับเดียวที่เขาไม่ได้ร่วมทีมในระดับประเทศ" และแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะได้รับความสนใจจากทีมในพรีเมียร์จำนวนมาก สตีเวน เจอร์ราดเลือกที่จะเซ็นสัญญากับลิเวอร์พูลหลังจากที่ทีมโรงเรียนมีอันต้องตก รอบถ้วย the English Trophy ในรอบควอเตอ์ไฟนอล "ผมเคยได้เจอเขาบ้างบางครั้งตั้งแต่ช่วงเวลานั้นและเขาก็มีเวลาคุย ทักทายกับผมเสมอ และในตอนนั้นมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายทายทักว่าเขาจะมาได้ไกลขนาดไหน ซึ่งตอนนี้ผมก็ดีใจกับเขาด้วยจริงๆ" แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 51 11:33:10 จากคุณ : howk_ky - [ 19 พ.ย. 51 11:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ++ Steven Gerrard Week Part 3: จากใจบาเรตต์ ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ออก ตอน 2 มาตดยังไม่หายเหม็น ออกตอน 3 มาอีกแหละ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นความในใจของโทนี่ บาเรตต์ ดังนี้ ด้วยการที่ได้เล่นใน Edge Hill Junior League และได้เรียนที่ Cardinal Heenan High School ดังนั้นผมจึงมีแบ็กกราวด์เดียวกับสตีเวน เจอร์ราด แต่มันโชคไม่ดีที่ว่าเรามีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกันแต่ตอนจบมันกลับไม่เหมือน กันซะอย่างนั้น ขณะที่เจอร์ราดก้าวไปเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลและติดทีมชาติอังกฤษ รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ฮีโร่พึงจะมีในสนาม เส้นทางอาชีพของผมไม่ก้าวหน้าเกินกว่าระดับดิวิชั่นหนึ่งของ Liverpool Sunday League นี่ไม่ใช่เพราะผมน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เลยแม้เพียงน้อยนิดด้วยความสัตย์จริงที่กล่าวออกมาอย่างนี้ จะต้องทำอย่างไรให้คุณสามารถเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้ในนัดชิง ชนะเลิศลีกคัพ เอฟเอ คัพ ยูฟ่าคัพ และแชมเปียนลีก ผู้เล่นคนหนึ่งที่ติดทีมชาติถึง 70 ครั้ง ผู้ที่เคยได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ, UEFA Club Footballer of the Year และ PFA Players' Player of the Year รวมทั้งทำประตูได้ถึงร้อยประตูให้กับสโมสรที่เขาเล่นมาตั้งแต่วัยเด็ก สิ่งเหล่านี้มันแสดงให้เห็นว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก หาก Carlsberg ต้องมาทำอาชีพเป็นนักฟุตบอลพวกเขาคงจะต้องทำให้เหมือนกับที่เจอร์ราดทำได้ จากเด็กเที่ยววิ่งไล่เตะบอลตามท้องถนนใน Huyton ไปสู่การชูถ้วยแชมป์เปียนลีกเหนือศรีษะในนัดชิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เรื่องราวในวัยเด็กของเจอร์ราดเองจำเป็นต้องทำให้เห็นและเชื่ออย่างนั้น โชคดีที่ว่าเป็นกองเชียร์ของลิเวอร์พูลเองที่ได้เห็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก แม้ว่าที่ผ่านมามันอาจจะมีหลายครั้งที่เจอร์ราดต้องเสียสละตัวเองเพื่อไป เล่นในตำแหน่งอื่นๆ อีกทั้งยังมีถึงสองครั้งด้วยกันที่โรมัน อับราโมวิช พยายามที่จะโน้มน้าวใจให้เขาจากแอนฟิลด์ไป ไม่มีด้านมืดของจิตใจไหนที่จะยิ่งไปกว่าสองเหตุการณ์นี้อีกแล้ว และหากไม่ใช่เพราะความรักที่เขามีต่อสโมสรลิเวอร์พูลมาอย่างยาวนานแล้วละก็ ป่านนี้เขาอาจจะไปร่วมทีมแห่งสแตมฟอร์มบริดแล้วก็เป็นได้ มันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากเจอร์ราดไม่ถอนตัวออกมาจากสองเหตุการณ์นั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะบอกว่าลิเวอร์พูลจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดไม่สำคัญว่าค่า ตัวในการย้ายทีมมันจะมากมายมหาศาลขนาดไหนก็ตามทีที่เชลซีจะประเคนเพื่อเรียก ร้องความสนใจสำหรับหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก คุณจะสามารถหามิดฟิลด์สักคนที่สามารถทำประตู 20 ลูกต่อฤดูกาลและสร้างสรรค์โอกาสให้คนอื่นมากมายอย่างนี้ได้ที่ไหน ผู้ที่วิ่งไปทั่วสนามไม่มีหยุดหย่อนที่น้อยคนนักจะเทียบเคียงได้ และก็เป็นคนที่รู้ว่าจะระเบิดพลังเพื่อโจมตีคู่ต่อแข่งได้อย่างไร ผู้ที่สามารถเข้าแทกเกิลแบบไม่มีเกรงกลัว และไม่มีใครจะผ่านบอลได้แม่นยำเกินกว่าเขาคนนี้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หนึ่งในชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกต้องการตัวเขาเป็นลำดับต้นๆ ในบัญชีรายชื่อนักเตะที่เขาต้องการมาอย่างยาวนาน และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับความยำเกรงอย่างมากทั้งจากเพื่อนร่วมทีมทั้ง ในอดีตและปัจจุบันที่แอนฟิลด์ เทคนิคและความสามารถอาจไม่มีความหมายหากปราศจากจิตใจที่จะเอาชนะและเป็นโชค ของลิเวอร์พูลเหลือเกินที่เจอร์ราดมีจิตใจที่จะเอาชนะที่ยากนักจะหาใครเสมอ เหมือน สิ่งเหล่านี้ที่กล่าวมาเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าทำไมเขาถึงสามารถนำทีม ไปสู่ชัยชนะมามากมายหลายครั้ง และทำไมเขาถึงสามารถพลิกจากสถานการณ์ที่เหมือนจะหมดหวังให้กลับมามีหวังได้ ลองนึกถึงเกมส์กับโอลิมเปียกอสซิ เกมส์ที่อิสตันบูล เกมส์กับเวสแฮมที่คาร์ดิฟฟ์และล่าสุดเกมส์ที่เอาชนะมิดเดิลสโบร์ได้ในฤดูกาล นี้ซิ และยังมีมากกว่านั้นแล้วคุณจะเห็นว่าตัวอย่างที่เขาสามารถเปลี่ยนจากโลหะที่ ไม่มีค่าให้กลายเป็นทองคำได้ ความตั้งใจที่จะเอาชนะนั้นไม่ได้มาตามธรรมชาติแต่มันถูกพัฒนาและสั่งสมมาจาก สถานที่อย่าง Bluebell ซึ่งเป็นที่อยู่ของเขา ฟุตบอลข้างถนนเปรียบได้กับเกมส์เอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศในที่แห่งนั้นและ จะต้องเอาชนะให้ได้ เสื้อจัมเปอร์จะถูกเอามาวางเป็นประตูสำหรับเล่นฟุตบอล แต่ในความเป็นจริงสำหรับพื้นที่ของชนชั้นแรงงานก็คือคุณจำเป็นต้องแข็งแกร่ง และคุณต้องเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้และอัดเพื่อแย่งบอลทุกโอกาส และทุกประตูจะแสดงคุณภาพของคุณออกมา และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Huyton ถึงเป็นแหล่งที่ผลิตนักฟุตบอลคุณภาพอย่าง Peter Reid ถึง Tony Hibbert จาก Tony Kelly ถึง Craig Hignett และจาก Joey Barton ถึง David Nugent และรวมถึงสตีเวน เจอร์ราดซึ่งสุดยอดกว่าชื่อเหล่านี้มากมาย แน่นอนว่าเจอร์ราดไม่ได้เล่นดีตลอดเวลาหรอก ซึ่งก็เหมือนผู้เล่นคนอื่นทุกคนที่มีเกมส์ที่เล่นได้ไม่ดี และก็มีหลายครั้งที่เขาเล่นไม่ได้ถึงมาตรฐานของเขาและที่เขาตั้งใจไว้ แต่แม้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นแต่เขาก็ยังคงมีผลต่อผลลัพธ์ของเกมส์อย่างเช่น การยิงลูกโทษอันบีบหัวใจในเกมส์แชมเปียนลีกกับอาเซนอลและแอตฯ มาดริดที่ผ่านมา ตลอดช่วงฤดูกาลที่แล้ว หรือเรื่องที่ผมกำลังเถียงกับหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลของเจอร์ราด เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเจอร์ราดน่าจะถูกวางไว้ตรงไหนในบรรดาผู้เล่นที่ยิ่ง ใหญ่ของลิเวอร์พูล เพื่อนร่วมทีมของเขาแย้งว่าเจอร์ราดในตอนนี้สมควรที่จะถูกจัดอันดับให้ เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสรโดยพิจารณาจากการที่เขารับเล่นให้กับ สโมสรมาตลอด 10 ด้วยฟอร์มระดับเวิร์ลคลาส แต่สำหรับผมคิดว่าเขายังไม่ถึงจุดนั้น ผมคิดว่าเคนนี่ เดลกลิชควรจะอยู่ตรงจุดนั้น และเขาจะถูกเบียดลงไป หากเจอร์ราดสามารถนำความสำเร็จมาสู่สโมสรให้ได้เหมือนกับที่เดลกลิชทำซึ่ง มันเป็นเรื่องยาก แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาและหวังว่าเขาจะได้เหรียญชนะเลิศเพิ่มอีกสักเหรียญ สองเหรียญ เจอร์ราดอาจสามารถที่จะได้ไปอยู่แทนที่ฮีโร่ของเขาเองได้ แต่ในตอนนี้เขายังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พู ลสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ และนั่นมันไม่ได้เป็นรางวัลที่เลวร้ายสำหรับผู้เล่นคนหนึ่งที่เริ่มต้น เล่นฟุตบอลที่ Botanic Park ในรายการ Edge Hill Junior League และเส้นทางค้าแข้งของเขามาไกลจากจุดนั้นมากมายเหลือเกินและนั่นบางครั้งอาจ จะมีเด็กๆ มากว่านี้ที่เรื่องราวในชีวิตของพวกเขากำลังจะถูกเขียนขึ้นจากที่แห่งนั้น เช่นกัน จากคุณ : howk_ky - [ 19 พ.ย. 51 11:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ++ Steven Gerrard Week Part 4: เจอร์ราดเท่านั้นที่ทำได้ ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop อันนี้สั้นสบายละผม วันนี้สำหรับ Steven Gerrard Week ว่ากันด้วยตัวเลขที่เกี่ยวกับกัปตันทีมไดนาโมสตีเวน เจอร์ราด ดังนี้ 9 คือ อายุที่เจอร์ราดเข้าร่วมทีมเยาวชนของลิเวอร์พูลจาก Whiston Juniors 18 ปี 5 เดือน 29 วัน คือ อายุที่แท้จริงที่เจอร์ราดเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่เมื่อ พ.ย. 1998 13 คือ ตัวเลขที่เจอร์ราดได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ในซีซั่นแรกของเขากับลิเวอร์พูล 17 คือ นาทีที่เขาใช้ในการระเบิดแฮตทริกใส่ลูตันในเกมส์เอฟเอคัพกับเอเวอร์ตันรอบ 4 เมื่อฤดูกาล 2007-08 และอีกแฮตทริกหนึ่งของเจอร์ราดในเกมส์กับ Total Network Solutions ในปี 2005 ซึ่งเป็น 2 แฮตทริกที่เจอร์ราดทำได้ 54 คือ นาทีที่เขาโหม่งทำประตูได้ในเกมส์คัมแบ็กสุดยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลในนัดชิงแชมเปียนลีกในปี 2005 กับเอซี มิลาน 8 คือ หมายเลขเสื้อของเขา 28 คือ หมายเลขเสื้อที่เขาใส่เปิดตัวในฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ 17 คือ หมายเลขเสื้อที่เขาใช้ในฤดูกาล 2001-02 และ 2003-04 23 คือ จำนวนประตูที่เขาทำได้ในฤดูกาล 2004-05 เป็นประตูรวมที่เขาทำได้มากที่สุด 1 คือ จำนวนครั้งที่ได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของเอฟเอในปี 2000-01 1 คือ จำนวนครั้งที่ได้รางวัล Uefa Club Footballer of the Year ในฤดูกาล 2004-05 1 คือ จำนวนครั้งที่ได้รางวัล PFA Players' Player of the Year ในปี 2005-06 4 คือ จำนวนครั้งที่ได้ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของเอฟเอ 70 คือ จำนวนนัดที่ติดทีมชาติ 14 คือ จำนวนประตูที่ทำได้ในนามทีมชาติ 1 เครื่องราชย์ชั้น MBE 446 คือ จำนวนเกมส์ที่ใช้ในการยิง 100 ประตูกับสโมสร 457 คือ จำนวนนัดที่ใช้ลงสนาม 103 คือ จำนวนประตูที่ยิงได้ทั้งหมด 9 คือ จำนวนถ้วยรางวัลที่ได้ทั้งหมด 10 คือ จำนวนปีที่ลงสนามรับใช้ลิเวอร์พูลมา 1 คือ มีแค่เขาคนนี้หนึ่งเดียว "Steven Gerrard" แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 51 11:35:59 จากคุณ : howk_ky - [ 19 พ.ย. 51 11:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ++ Steven Gerrard Week Part 5: จากใจจอยส์ ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ตอน นี้ของ Steven Gerrard Week เป็นเรื่องที่ Paul Joyce เขียนลงในหนังสือพิมพ์ Daily Express ดังนี้ ในตอนนั้นที่ฟิล ธอมสันกำลังชี้นิ้วสั่งการอยู่ที่ข้างสนาม ที่มุมธงมีเด็กหน้าใหม่คนหนึ่งกำลังวอร์มอัพซึ่งก็เหมือนเหตุการณ์ตามปกติ ทั่วไป ทีมตอนนั้นอยู่ภายใต้การคุมบังเหียนของ เชรา อุลลิเลย์ แต่เป็นผู้ช่วยของเขาธอมสันที่กวักมือเรียกสตีเวน เจอร์ราดมาที่กลางสนามเพื่อทำการเปลี่ยนตัวในช่วงนาทีท้ายๆ ของเกมส์ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแบล็กเบิร์นไปได้เมื่อ 10 ล่วงเลยมาแล้ว ต้องยอมรับว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่น้อยนิดที่สุดสำหรับดาวรุ่งพรสวรรค์ที่ กำลังเบ่งบานที่ผมเคยได้ยินกิตติศัพท์เขามามากก่อนหน้านั้น แต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่มากพอให้ระลึกได้ว่าลิเวอร์พูลได้มีสิ่งที่พิเศษ เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ในตอนนั้น มีแมวมองของเอเวอร์ตันคนหนึ่งบอกกับผมว่าลิเวอร์พูลมีเพชรเม็ดงามอยู่ใน มือแล้ว ซึ่งเป็นผู้ที่จะนำความสำเร็จมาสู่สโมสรและเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นไม่ ตื่นเต้นแม้ในสถานการณ์ที่คับขันทั้งๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ 10 ที่รับใช้ลิเวอร์พูลมากับ 103 ประตูและความทรงจำดีๆ นับพันคือคำจำกัดความแรกของเจอร์ราด ซึ่งเขาได้พิสูจน์แล้วทุกสิ่งทุกอย่างแต่นั่นยังไม่หมด เพราะยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องยอมรับนับถือในตัวเจอร์ราดตลอดช่วง เวลาที่เขารับใช้สโมสรมา ผมยังจำได้ในตอนที่สัมภาษณ์เขาหลังจากการเอาชนะเวสแฮมได้ในเอฟเอคัพรอบชิง ชนะเลิศและถามเขาว่าคุณทำมันได้อย่างไรกับประตูชัยแบบนั้น ซึ่งในวันนั้นรวมถึงการที่เขาถวายพานให้เพื่อนทำหนึ่งประตู ทำประตูด้วยตัวเองหนึ่งประตู และเขาไปอยู่ในทุกหย่อมหญ้าของสนาม เขาบันดาลประตูชัยให้กับทีมได้จากการยิงระยะ 35 หลาด้วยความแม่นยำชนิดที่ซากา ฮิสลอปหมดสิทธิ์ป้องกันด้วยประการทั้งปวง ซึ่งเจอร์ราดตอบผมว่า “ผมไม่รู้จริงๆ ผมแค่ยิงบอลออกไปแค่นั้นแหละ” มองย้อนกลับไปผมน่าจะฉุกคิดได้ว่านั่นมันเป็นสัญญาณความเป็นอัจฉริยะของเขา มันจึงเป็นการยากที่จะอธิบายออกมาสำหรับเจอร์ราดว่าเขาทำอย่างนั้นได้อย่าง ไร เพราะว่าการยิงประตูแบบนั้นที่ทั้งเร็วและแม่นยำเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา อยู่แล้ว ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องกล่าวถึงคือเกมส์ที่อิสตันบูลที่เจอร์ราดปฏิเสธ ที่จะยอมแพ้และนำพาเพื่อนร่วมทีมไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์รวมทั้งร้อยใจ แฟนๆ และสโมสรเข้าด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเพราะอุปสรรคต่างๆ ที่เขาเผชิญมาเหล่านี้นี่เองที่ยังติดตาตรึงใจผมอยู่ เนื่องจากแนวทางที่เขาตอบโต้กับอุปสรรคและสถานการณ์เหล่านั้นหล่อหลอมรวมกัน ให้เขากลายเป็นมิดฟิลด์ที่มีน้อยคนนักจะเทียบเคียงได้ในโลกปัจจุบัน สิ่งที่เป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงเกี่ยวกับเจอร์ราดก็คือผู้คนคิดว่า ชีวิตค้าแข้งของเขาเหมือนกับการ์ตูน Roy of the Rovers เรื่องหนึ่งที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้มามันช่างง่ายดายเสียนี่กระไร และเขาไม่จำเป็นต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้เล่นที่ดีที่ สุด ตรงกันข้ามสำหรับเขาที่ผ่านมาต้องพบกับการบาดเจ็บหลายครั้ง หลายใบแดง และเหตุการณ์อย่างกรณีการจ่ายคืนหลังพลาดให้เทียรี่ อองรีฉกไปยิง รวมทั้งการทำเข้าประตูตัวเองในเกมส์กับเชลซี เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้หล่อหลอมรวมกันให้เขาเป็นนักเตะที่แตกต่างจากคนอื่นๆ อีกมากมาย หากเกิดกรณีอย่างนั้นผู้เล่นบางคนอาจตกไปอยู่ในภวังค์แล้ว แต่ตรงกันข้ามกับเจอร์ราดเขากลับก้าวไปสู่การยิงประตูในเกมส์รอบชิงชนะเลิศ ในรายการลีกคัพ เอฟเอคัพ ยูฟ่าคัพ และยูฟ่าแชมเปียนลีก และยังคงมีเหตุการณ์ปาฏิหารย์อีกหนึ่งหรือสองครั้งที่สามารถกล่าวถึงได้ เหมือนกัน นี่คือคำจำกัดความและสัญลักษณ์ของเจอร์ราด ผมรู้สึกฉงนสนเท่ห์นักที่ในระหว่างเกมส์บางเกมส์ที่แอนฟิลด์คุณยังคงไดยิน เสียงกองเชียร์หนึ่งหรือสองคนส่งเสียงไม่พอใจการจ่ายบอลที่ไม่เข้าเป้าของ เขา นี่คือพฤติกรรมที่แย่เลยทีเดียว และคุณจำเป็นต้องมองดูอเคดิมีตอนนี้ปัญหาก็คือการพยายามที่จะสร้างนักเตะสัก คนที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกับสตีเฟน เจอร์ราด และนี่แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นอย่างเขาไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ผู้คนมักจะตั้งคำถามเสมอว่าสตีเวน เจอร์ราดควรจะไปอยู่ตรงไหนในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมตลอดกาลของลิเวอร์พูล แต่เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล่าวถึง เพราะว่าด้วยการที่มีทั้งฟาบิโอ คาเปลโลและราฟา เบนิเตชเป็นโคชแล้วพวกเขาจะไม่มีทางหยุดพักในการพัฒนาเจอร์ราดให้ไปถึงจุด สูงสุดแน่ รวมทั้งการที่ทีมมีเฟอร์นานโด ตอเรสที่สามารถเล่นได้ใกล้เคียงเคียงกับเขาและสามารถสร้างความสะพรึงกลัวให้ กับบรรดากองหลังได้ทำให้ยากที่จะทำนายทายทักอนาคตอันนี้ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวว่าเจอร์ราดจะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งไหนใน Hall of Fame ซึ่งเหตุผลมันก็มีเพียงง่ายๆ แค่ว่าตอนนี้คุณก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเจอร์ราดมันยังมาไม่ถึงเลย จากคุณ : howk_ky - [ 19 พ.ย. 51 11:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ++ Steven Gerrard Week Part 6: ชีวิตในอเคดิมี่ ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ตอน ล่าสุดของ Steven Gerrard Week เป็นการกล่าวถึงชีวิตในรั้วอเคดิมี ถ่ายทอดโดยโคช Dave Shannon ที่หวนรำลึกถึงนักเตะที่เขาเชื่อว่าเป็นเด็กสร้างที่ดีที่สุดของสโมสร ดังนี้ ท่ามกลางกองกระดาษและโนตที่เกี่ยวกับเรื่องเทคนิคบนโต๊ะอันรกรุงรังของ Shannon มีแมตรีพอร์ตอันหนึ่งวางอยู่และเขียนว่า "สตีเวนเล่นเกมส์นี้ได้ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นในเรื่องของการอ่านเกมส์ การผ่านบอล การโหม่งและการเข้าแทคเกิลที่หนักหน่วง" ซึ่งข้อความนี้มันดูคุ้นๆ นะ คอมเมนต์อันนี้สามารถที่จะใช้อธิบายถึงการเล่นของเจอร์ราดที่โดดเด่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในฐานะหัวใจของทีมลิเวอร์พูล จริงๆ แล้วพวกนักข่าวมักจะใช้คำซ้ำๆ ในการบรรยายเมื่อจะต้องให้คะแนนฟอร์มการเล่นของหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุด ในตอนนี้อย่างเจอร์ราด และนี่อาจทำให้คุณต้องประหลาดใจเล็กน้อยที่ต่อไปนี้จะไม่ใช่คำเหมือนที่คุณ เคยเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไป ตรงกันข้ามนี่จะเป็นคอมเมนท์ในเชิงวิเคราะห์ของคนที่ทำหน้าที่เป็นโค ชของเจอร์ราดในช่วงแรกๆ ในตอนที่เล่นในลีกLancashire League ดั้งเดิม ย้อนไปในตอนกลางยุค 90 คอมเมนท์ส่วนใหญ่จะเขียนโดย Shannon เอง ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นโคชทีมเยาวชนชุดอายุต่ำกว่า 16 ปีหลังจากเกมส์เอาชนะเอเวอร์ตัน บี ในวันเสาร์ที่ 12 ต.ค. 1996 นี่เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนรีพอร์ตเก่าๆ ที่ Shannon ไปขุดมาเพื่อบอกกล่าวกับเวปทางการฯ ซึ่งได้นั่งสนทนากันที่คลับของทีมเยาวชนที่ Kirkby เกี่ยวกับเรื่องราวของสตีวี่ จี "รายงานเหล่านี้มาจากเกมส์ต่างๆ ใน Lancashire league ดั้งเดิมและนี่เป็นเกมส์ชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีและเป็นทีมเยาวชนไม่จำกัดอายุด้วย" Shannon กล่าว "คุณจะเห็นว่าบนหัวของรีพอร์ตจะขึ้นต้นด้วย RE ซึ่งหมายความว่าตัวกอปปี้อันนี้จะต้องถูกส่งไปยังผู้จัดการทีมชุดใหญ่ในตอน นั้นซึ่งก็คือ รอย อีแวนส์" "สตีวี่มีทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในตอนนั้นและจริงๆ เขาก็ทำประตูในเกมส์นั้นได้ด้วย ซึ่งนั่นย่อมเป็นช่วงบ่ายที่ดีสำหรับเขาโดยเฉพาะมันเป็นเกมส์กับเอเวอร์ตัน ด้วย" Shannon ได้ค้นพบเจอร์ราดครั้งแรกเมื่อปี 1990 เมื่อมีคนโทรศัพท์มาบอกเขาว่า "คุณจำเป็นต้องมาดูเด็กคนนี้" Shannon ก็ไปดูและนั่นเป็นก้าวแรกของเจอร์ราดที่แอนฟิลด์ "เมื่อตอนเขาอายุได้ 9 ขวบ คุณสามารถรู้ได้ทันทีว่านี่มันเด็กพรสวรรค์ชัดๆ เขามีแรงบันดาลในการเล่นแบบสุดยอดและสมบูรณ์แบบ เขาต้องการที่จะเป็นสุดยอดในทุกสิ่งทุกอย่าง เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ คุณจะรู้ได้เลยว่าเขามีอะไรที่พิเศษ เขาไม่มีกลัวเลยแม้กระทั่งเขาฝึกซ้อมกับเด็กที่โตกว่า เขาตัวไม่โตนักในตอนนั้น เขาตัวเท่าๆ กันกับไมเคิล โอเวน แต่เขามาโตเอาช่วงหลังๆ เพราะเขาเป็นพวกโตช้า" หลังจากเวลานั้นจนบัดนี้ถึงช่วงที่เขาได้รับใช้สโมสรมาครบ 10 ปีแล้วในฐานะนักเตะทีมชุดใหญ่นับตั้งแต่ที่เปิดตัวในเกมส์ที่เอาชนะแบ ลกเบิร์นไปได้ 2-0 เมื่อวันที่ 29 พ.ย.1998 ซึ่ง Shannon ก็ภูมิอกภูมิใจกับหนึ่งในศิษย์รักที่ก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่รายนี้ "ผมคิดว่านี่เป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจมากเลย ในการเล่นให้กับสโมสรเดียวมามากมายหลายเกมส์มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ หากเขามองย้อนกลับไปในช่วงที่เขาอายุ 14 ถึง 16 ปีเขาได้เล่นแค่ 30 เกมส์เท่านั้น และตอนนี้เขาได้เล่นในทีมชุดใหญ่ไปเกินกว่า 400 เกมส์แล้วมันช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมยังคงยินดีและตื่นเต้นที่ได้เห็นเขาวิ่งวิ่งลงสู่สนามแอนฟิลด์ในวันที่มี การแข่งขัน" "ในตอนที่เขาทะลุขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ได้นั้นทุกคนดีใจที่ได้เห็นและหวัง ว่าเขาจะเดินหน้าต่อไป ผมได้ดูพัฒนาการของเขาตั้งแต่ยังเด็กไปสู่เด็กหนุ่มที่เป็นสัญลักษณ์ของ สโมสรและทีมชาติ เขากลายมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับโลกและเขาจัดการกับบทบาทอันนี้ได้อย่างยอด เยี่ยม เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเลิศเลอกว่าคนอื่นและแสดงออกถึงการมีคลาส" "เขาให้สัมภาษณ์ได้ดีมากผมคิดว่าควรให้เครดิตกับคนอย่าง Tim Devine ที่อเคเดมีและโคชทุกคนที่ทำงานกับสตีวี่ เขาเหล่านั้นไม่ได้แค่ตระหนักถึงสิ่งที่เจอร์ราดทำในสนามแต่ยังรวมถึงการ แสดงออกนอกสนามด้วย" เจอร์ราดได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีพิษสงจากการยิงประตูซึ่ง Shannon เห็นว่าเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าของนักเตะหมายเลย 8 รายนี้ ซึ่งทำให้เขานึกย้อนกลับไปในช่วงที่ฝึกซ้อมการยิงประตูกับเจอร์ราด "ผมจำได้ในเกมส์หนึ่งของทีมบีที่เมลวูดในเกมส์กับแมนฯ ยู บอลมาเข้าทางเขา เขายิงเข้าไปที่มุมประตูเลย ผมรู้แต่ว่าเขาวอลเล่ย์มันและบอลก็ลอยเข้าประตูไปซะอย่างนั้น ลูกยิงแบบนั้นมันจะติดอยู่ในความทรงจำคุณเพราะว่าเราเคยซ้อมหนักเพื่อฝึกการ ยิงบอลให้ดี คุณจะรู้ได้เมื่อคุณดูเขาเล่น" "เจอร์ราดชอบยิงบอลแบบอัดเต็มๆ มาจนถึงตอนนี้ผมมักจะส่งข้อความไปหาเขาเมื่อเขาทำประตูที่สวยงามได้อย่าง ประตูในเกมส์กับโอลิมเปียกอสแต่จะไม่เยินยอเขามากนัก ผมมักจะพูดว่ามันเป็นลูกยิงที่ไม่เลว" "ทุกคนรู้ดีว่านั่นเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมแต่ผมจะไม่ชมมากนักและเขาจะส่ง ข้อความกลับมา พวกเราเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดีในแนวทางแบบนั้นและมันชัดเจนว่าตอนนี้เขา พัฒนาขึ้น เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับผมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาและยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนที่ลิเวอร์พูล" เจอร์ราดเป็นหนึ่งในนักเตะที่จบการอเคเดมีของสโมสรและสามารถขึ้นไปติด ทีมชุดใหญ่ได้ สำหรับหลายคนเจอร์ราดเป็นเด็กสร้างที่มีพรสวรรค์สูงสุดของสโมสรซึ่ง Shannon ก็เห็นด้วยกับความเชื่ออันนี้ "ผมอยู่ที่นี่มา 20 ปีแล้วและเขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดที่มาจากตรงนั้น แต่ก็มีหลายคนที่ยอดเยี่ยมเพราะเรามีผู้เล่นอย่างรอบบี ฟาวเลอร์ เจมี คาร์ราเกอร์ และไมเคิล โอเวน ซึ่งก็มาจากตรงนั้น แต่เจอร์ราดเป็นอีกคลาสหนึ่งที่แตกต่างออกไป" จากการรับใช้ทีมมา 10 ปีสิ่งที่ขาดหายไปของเจอร์ราดคือถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปรารถณาเหลือเกิน และ Shannon เชื่อว่ามันจะเป็นส่วนเติมเต็มสำหรับผู้เล่นที่วันหนึ่งอาจจะกลายเป็นผู้ เล่นที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของสโมสร "เขาเป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบ เล่นลูกโหม่งได้ดี เข้าแทคเกิลได้ยอดเยี่ยม อ่านเกมส์ดี แข็งแกร่ง และอีกมากมาย ผมคิดว่าผู้จัดการทีมทุกคนในโลกปรารถณาที่จะมีเขาในทีมและผมก็ปลาบปลื้ม เหลือเกินที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนเล็กๆ ในพัฒนาการของเขา สิ่งเดียวที่หายไปในเกียรติยศของเจอร์ราดก็คือเหรียญพรีเมียร์ลีก หากเขาคว้ามันมาได้สำเร็จเขาจะได้ครบทุกอย่างของความสำเร็จ และหากทีมเราสามารถทำได้ในฤดูกาลนี้ มันไม่เลวเลยไม่ใช่หรือที่จะปิดท้ายการรับใช้สโมสรมาครบ 10 ปีด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก?" แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 51 11:44:16 จากคุณ : howk_ky - [ 19 พ.ย. 51 11:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากคุณ : สตีวี่G - [ 19 พ.ย. 51 12:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อนาคตกัปตันกัปตัน : สตีวี่ G จากคุณ : ก้องชายแดน - [ 19 พ.ย. 51 12:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เย้ๆๆๆๆๆๆๆ ไปกินหมี่สั่วก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน อิอิ จากคุณ : rudd_luv - [ 19 พ.ย. 51 12:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เย้ๆๆๆๆๆๆๆ ไปกินหมี่ลั่วก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน อิอิ จากคุณ : rudd_luv จากคุณ : สตีวี่G - [ 19 พ.ย. 51 13:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทุกนัดส่งกำลังใจ ให้เจอร์ราด จบฤดูกาลนี้จะรอดูภาพชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก แหกปากตะโกนก้องทั่วสนามแบบซะใจ จากคุณ : timetable - [ 19 พ.ย. 51 13:23:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เย้ๆๆๆๆๆๆๆ ไปกินหมี่ลั่วก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน อิอิ จากคุณ : rudd_luv จากคุณ : สตีวี่G จากคุณ : nesle18 - [ 19 พ.ย. 51 17:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณฮอกกี้มากที่นำมาให้อ่านครับ จากคุณ : เหยี่ยวดำ - [ 19 พ.ย. 51 23:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอโทษทีครับลืมลดขนาดภาพ จากคุณ : เหยี่ยวดำ - [ 19 พ.ย. 51 23:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 รูปที่ 6 นอกจากจะมีเจอร์ราร์ดแล้วยังมีไมเคิ่ล โอเว่น อีกต่างหาก (คนนั่งข้างเจิด) หาดูยากจริงๆครับ รูปแบบนี้ จากคุณ : กระบี่ไร้เลือด - [ 20 พ.ย. 51 00:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Steven Gerrard Week Part 7 WHAT THEY'VE SAID ABOUT OUR SKIPPER Anfield icons, former team-mates and esteemed adversaries - they've all had a thing or two to say about Steven Gerrard during the ten years he has been at the club. From Callaghan to Kaka; Pele to Rafa - we've compiled all the quotes that matter. Phil Neal "As a former right-back, I was very impressed when he played in my old position towards the end of the Champions League final in 2005. It speaks volumes for his ability that he could adapt quickly and stand out in that position. Rafa Benitez pointed out how dangerous Serginho was for AC Milan, he needed somebody to pin him down - and Gerrard was quite happy to do that. He really kept him quiet for the rest of the match. Stevie has such athleticism - he is brilliant. It's a shame we're not all built like that. He has that unique ability to play anywhere on the park and the way he reads the game helps him go forward. "He can spot danger early and his long legs have saved us so many times. It's phenomenal; I probably didn't have the ability to tackle like that." Patrick Vieira "Steven Gerrard is so powerful and strong. He can attack, he can defend and he can score. I really like him as a player and I think he can be one of the best players, a truly fantastic player." 25 - Tommy Smith, 100 Players Who Shook The KOP Tommy Smith "Nobby Stiles once told me that he thought Steven Gerrard was the nearest thing to Duncan Edwards and that is a tremendous compliment for a player. His all-action style constantly puts pressure on the opposition and he must be the best midfielder in the world." 16 - Jan Molby, 100 Players Who Shook The KOP Jan Molby "He for me is brilliant and is as good as Roy Keane and Patrick Vieira at the top of their game. He needs to play central midfield on a regular basis and if he does do that Liverpool will have a real chance of winning the title. All the others have a good consistency level and perform well but Gerrard is the one that makes them tick." John Barnes "He is the most important player Liverpool have and could be the most important player England has. In my opinion he is the most complete midfield player in Europe. If you look at attacking midfield players with Zidane and Ronaldinho and if you look at defensive midfield players like Makelele, creative midfield players with the passing of Beckham. He can do it all. For me he is the most complete midfield player in the world." Terry McDermott "I've gone on record about this before and I'll say it again, Steven Gerrard is possibly the finest midfielder player ever to play for Liverpool Football Club. He is so influential. I'd definitely put him in the same bracket as Graeme Souness. Everyone knows how great a player Graeme was and it just goes to show how highly I rate Gerrard." Kaka "He is an excellent player, in my opinion, he is a modern player because he is a player who runs, marks, knows how to pass, cross, score goals and he is a leader on the field for Liverpool. So he is a player that I would like to have in my team." Ian Callaghan "Wherever he plays, he's a great player. When he plays on the right he can help whip the ball in, take people on and he's quick as well. He is one of the best at finding and creating space. He's one of those players who can do a job anywhere. You can be a bit more restricted when you are out on the right. As a winger who later came into midfield, I found there was more space in which to operate, and Gerrard is like that too. He's really good down the left too." 15 - Ian Callaghan, 100 Players Who Shook The KOP Kenny Dalglish "Steven Gerrard is such a complete footballer. He can play comfortably in any position and he loves Liverpool so he is prepared to wherever he is asked. He has faith in the manager - simply because he has identified Gerrard as his main man. You only have to watch the way we play to see how central he is to the team's tactics. You couldn't have asked more from him when he's been asked to play up front. He does it with style and scores goals. You could argue his best position is at the centre of midfield, but for me his best position is in a red shirt, on a football pitch, with the ball at his feet. The rest comes naturally to him. He is one of the best players in the world at the moment - just give him a strip and let him play." gerrardrafamarseille Rafa Benitez "He is a player who can play anywhere and score goals. Not just normal goals, but we are talking about fantastic goals too. This is what you get with a top-class player. To score so many goals from midfield is a great achievement. First of all you have to be really good and secondly you have to have an offensive mentality and quality. You also have to play in a top side because at the end of the day you need to attack and create chances. It's not easy but he is still young and I think he will score a lot of goals and maybe break a lot of records too." Gerard Houllier "He has everything. He can use both feet, he's good in the air and possesses the kind of vision that only the very best players have. One thing I feel certain about is that it will one day be impossible to ignore him for the European Footballer of the Year award. He is already the equal of Patrick Vieira and Roy Keane at their best. But Stevie has something different - he can score lots of goals. But people should not underestimate the depth of feeling he has for Liverpool. He loves the club and the fans and I know there's nothing he'd rather do than lift the Premier League trophy as Liverpool captain." Carlo Ancelotti "Gerrard is a great player. He is undoubtedly one of the best midfield players in the world." Fabio Capello "I think Steven Gerrard is a fantastic player. He is the Liverpool captain - and Liverpool are a very important team which won the Champions League. He is a player who commands authority and can lead by example on the pitch and inspire the team. I think he is an important player for England and I like a player who is willing to be critical of himself. A lot of players criticise the manager and the coaches; but he has shown respect for other players, for the manager, and he has shown humility." Sven-Goran Eriksson "Steven is one of the best players you can find. He has everything. He can defend. He can tackle incredibly well. He has vision, he is an extremely good passer. He can shoot, score goals and has the energy to get up and down the pitch. It is very difficult to say who is the best player in the country but Steven is certainly one of them - and has been for a long time now. As long as I was England manager, he was extremely important to me. He was important to England last year after I left and he will be very important in the future as well." Pele "Gerrard is an excellent player, absolutely world class. If I was a manager, everywhere I went I would buy Steven Gerrard. He is what Brazil needs, because he is always looking forward and has a big heart. When I saw him in Tokyo in a game against Sao Paulo, I said that Gerrard is a great player. To me he is one of the best midfielders in the world." Alex Ferguson "Everywhere the ball is, he seems to be there. He's got that unbelievable engine, desire, determination. Anyone would like to have Gerrard in their team." http://www.liverpoolfc.tv/news/drilldown/N161998081119-1109.htm ปล. ใครเชี่ยวภาษาปะกิด แล้วมีเวลาว่าง ช่วยกันแปลนะคะ จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 08:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Steven Gerrard Week Part 8 PAUL TOMKINS ON STEVEN GERRARD After several hundred articles and seven books on Liverpool FC in the last few years, it's hard for me to find something new to say about its main protagonist as he celebrates ten years since his first-team bow. But in recent times, Steven Gerrard's reinvention as a second-striker at least gives something relatively new to ponder. Frankly, he's proven rather good at it, particularly when in tandem with Fernando Torres. They have an understanding that exceeds the sum of their parts, and those parts are of two of the world's undoubted best players. I had to laugh (in dismay) at the Sky commentator's omnipresent knowledge in stating, in a critical tone, that "Liverpool fans are dying to see 4-4-2 with Keane and Torres", when the former was replaced by the latter. This came before an equally bizarre statement from Andy Gray about such decisions determining whether Liverpool were going to be contenders, and Kopites wanting to see their team challenging for the title in the "proper way" (meaning with a positive attitude). All this came with Torres and Gerrard having formed a devastating partnership in the past year, with so many games won when paired together. And it came minutes before the two combined for a chance which Gerrard inexplicably missed, and then brilliantly once again for the captain to score, while Torres himself missed a one-on-one and hit the post. As a Red, I don't dare suggest that I'm talking for this collective known as 'Liverpool fans', because each of us is so different. But what we do all want is a winning team. And what we are getting, whether it is Keane, Torres, Kuyt or Gerrard up front, is a winning team. We've seen combinations of all four, in different formations, and it's not worked badly so far, has it? Let's face it: Gerrard's goalscoring record since Benitez arrived – with much of his time also spent in a traditional midfield role as well as on the right – is better than 80 per cent of main strikers, let alone those who play in the hole. Since 2004 he's averaging almost 20 a season. His runs for Torres' two crosses were every bit the same as someone like Ian Rush at his best would have made. They showcased the instincts of a centre-forward. The problem Gerrard gives Benitez is where to play him. But it is, of course, actually a blessing. Because he's so good and so versatile, he can win games from any position. So why the criticism when he's moved around, if Liverpool are joint top of the league? As a player, Gerrard appears to have it all. I was at Anfield in February 2000 when he produced a virtuoso display in a 3-1 victory over a strong Leeds side. Until that day, he'd looked an excellent prospect, particularly after an impressive display against Celta Vigo on his debut, but for me that was the day he came of age. It was the complete midfield display. It's amazing to think that it was was almost nine years ago. Where Gerrard fits into the list of the all-time Liverpool greats will always be debated, but it will surely be a question more easily answered after he has hung up his boots. When he was on the way up, everyone was in raptures. But by now, to some degree at least, he's taken for granted. He'll be most appreciated when he's missed. When players get to that almost super-human level, it only takes one quiet game or a couple of bad passes for them to be labelled 'overrated'. For a while, players can seem almost perfect. Then, as soon as they appear human after all, there's a crashing disappointment. I think Gerrard has had to fight those perceptions, brought about by the standards he has set. And, of course, as the team has improved around him, he's not had to do it all on his own, as at times seemed the case a few years back. And Liverpool are all the better for it. Despite producing the goods almost every week, he is, like every other player who has ever existed, not immune from the occasional stinker. Again, time helps us forget the errant or anonymous games of bygone greats, but the current captain does not have nostalgia on his side just yet. He is currently under the microscope every week, with every little mistake magnified. But while he is not exempt from bad games, he's yet to have anything approaching a bad season. Or even an average one. With all this in mind, I was surprised by the findings of the expert panel I assembled for my latest book, 'Dynasty'. Over the summer of this year, a group of Liverpool fans, including famous authors and journalists, aged from 27 to 82 (but averaging around 50), supplied me with their marks out of 10 for the quality of every player (with the exception of those who played before their time) over the past 50 years. I expected the younger voters to rate Gerrard highest out of all the contributors, and the older heads, who've been around long enough to see legends such as Albert Stubbins, Billy Liddell, Kevin Keegan and Kenny Dalglish in the flesh, to be a little more cautious. But that wasn't really the case. Only Kenny Dalglish received perfect 10s from every single one of the judges, but Steven Gerrard wasn't far behind. His average worked out at a near-perfect 9.93, which was the second-highest of all the players covered. Voters of all ages saw the captain in the same light, even though he hasn't yet achieved some of the thing his predecessors managed. มีต่อ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 51 09:51:26 จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 09:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 That said, I don't think you can hold it against Gerrard that he has yet to land a league-winners' medal. It's only been a realistic ambition on a couple of occasions in the last decade – and one of those seasons is the current campaign. So far he is leading an impressive charge, but two-thirds of the season still remains. Would Graeme Souness have had a league-winners' medal, had he been playing in the last decade? Of course not. But if Gerrard had partnered Souness when the Reds were the best team in the world, there might have been even more trophies in the Anfield cabinet. And it's important to note that when looking back at the very greatest players, in many cases they didn't get close to Gerrard's longevity and consistently high standards. Souness spent 'only' six years in the Reds' midfield (some six years, mind!). John Barnes was utterly sublime from 1987 to 1990, but then injuries lessened his effectiveness over the rest of his decade in the shirt. Robbie Fowler also only really had three really golden years, all in the mid-90s, plus a couple of other fine seasons, with the rest of his time interrupted by injuries. His best days were behind him by 24. Kevin Keegan departed at his peak after six years in the team, as did Ian Rush, although he later returned, albeit without every quite looking the same. Michael Owen managed seven seasons. Ian St John managed ten seasons, but the goals had dried up by the seventh. 'Sir' Roger Hunt gave a decade of faultless service, but then bowed out; Gerrard, by contrast, is 28 and still going strong. Even Jamie Carragher has only been regarded as a world-class defender for the past four years, before which he was seen more as a solid, no-nonsense full-back; hugely consistent, but never as outstanding as when at the heart of the defence. Ian Callaghan spent almost two decades in the Liverpool midfield, and although deservedly a legendary figure, he wasn't in the same class as Gerrard in terms of ability. Even Kenny Dalglish, the man still regarded as the club's greatest-ever player, cannot match Gerrard's decade of Liverpool brilliance. Due to his age when he arrived, he was more-or-less retired after nine seasons, and had stopped playing as regularly after eight. (If only Shankly hadn't let the little 15-year-old Scot slip through the net in 1966.) It is almost exclusively defenders and goalkeepers, who tend to do less running off the ball (relying more on their wits and positioning), who can match Gerrard's decade of inexorable consistency. There's Ray Clemence, Bruce Grobbelaar, Phil Neal, Emlyn Hughes, Tommy Smith, Ron Yeats and, of course, Alan Hansen, with Sami Hyypia also worthy of an honourable mention as he also heads toward ten years in red, albeit now as more of a squad player. I'm fascinated to know how long Gerrard can go on for at this standard, and what changes will be made to his game once he heads into his 30s. It's hard to see him retain his all-action style until 33 or 34, but as an intelligent player who can spot any kind of pass and find a yard of space, and with exceptional natural fitness levels, he should last longer than most combative midfield generals, providing he steers clear of any bad injuries. He may even end up dropping back into defence, or playing a more cerebral, slower-paced second-striker role. Clearly he owes a debt of gratitude to Gerard Houllier for the work the Frenchman put in back in 2001, in sending Gerrard to see Gallic osteopath Philippe Boixel. Until then, the outstanding youngster was plagued by various muscle complaints that looked like hampering his progress. In January 2002, at the end of the sessions, Boixel claimed his patient was cured; the amount of games Gerrard has played since then suggests he was correct. I also think that Benitez has added years to Gerrard's career. Not only have the needless tackles become a thing of the past, but ever since Day One the manager has tried to make the captain use his energy more wisely. When you have pace and stamina, the temptation is to try and get everywhere, and as quickly as possible. Particularly when you're the team's talisman and go-to man. But now his game has matured, and he has players like Torres, Keane, Alonso, Babel, Kuyt and Riera on the same wavelength. Did I say Gerrard has it all? Well, there's one thing I'd like to see him add to his game: a Premier League medal. With that #in the bank', his confidence would be at an all-time high. And then, who knows – he might get even better yet. http://www.liverpoolfc.tv/news/drilldown/N162155081119-1258.htm จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 09:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แปล Steven Gerrard Week Part 7 ค่ะ คำกล่าวถึงกัปตันหงส์แดง ตอนนี้เป็นคำพูดถึงกัปตันที่รักของเรา ทั้งจาก ฮีโร่ในอดีต คนดังในวงการฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น กาก้า เปเล่ (มีเซอร์เฟอร์กี้ด้วยล่ะ) คนแรก ฟิล นีล "ในฐานะที่ผลเคยเล่นในตำแหน่งแบ็คขวามาก่อน ผมรู้สึกประทับใจการเล่นตำแหน่งนี้ของเจอร์ราร์ดในเกมส์นัดชิงแชมเปี้ยนลีกส์ 2005 ในช่วงท้ายเกมส์มากๆ มันบ่งบอกถึงความสามารถในการเล่นของเขาได้เป็นอย่างดี ราฟาคงต้องเข้าใจดีถึงความอันตรายของแซจินโญ่และเขาต้องมีใครสักคนมาหยุดการรุกของปีกรายนี้ และเจอร์ราร์ดก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี แซจินโญ่เงียบลงไปเลยตลอดช่วงเวลาที่เหลือ สตีวี่แข็งแกร่ง ฉลาด และไม่ใช่ว่าเราทุกคนจะเป็นอย่างนั้นได้ เขาสามารถที่จะเล่นได้ในทุกๆส่วนของสนาม และวิธีการอ่านเกมส์ของเขาก็ช่วยให้เขาบุกไปข้างหน้า เขาสร้างความอันตรายให้คู่แข่ง และช่วยเซฟทีมไว้หลายต่อหลายครั้ง มันเป็นปรากฎการณ์ ผมเองต้องไม่สามารถเข้าแทคเกิ้ลได้อย่างที่เขาทำได้แน่ๆ" คนที่ 2 พาทริก วิเอร่า "เจอร์ราร์ดในมีพลังเหลือล้นและแข็งแกร่ง เขาสามารถบุกไปข้างหน้า สามารถป้องกัน และทำประตูได้ ในฐานะนักเตะ ผมชื่นชมเขา และผมคิดว่าเขาจะต้องเป็น 1 ในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ผู้เล่นที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริง" คนที่ 3 ทอมมี่ สมิท "Nobby Stiles เคยบอกผมว่า เขาคิดว่า สตีวี่นั้นดูคล้ายดันแคน เอ็ดเวิร์ด และนั่นเป็นคำยกย่องที่ยิ่งใหญ่ต่อผู้เล่นคนหนึ่ง วิธีการเล่นของเขาสร้างความกดดันให้คู่ต่อสู้ และเขาจะต้องได้เป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกแน่นอน" คนที่ 4 แจน โมลบี้ "สำหรับผมแล้ว เขายอดเยี่ยมเหมือนๆกับรอย คีน และวิเอร่า ในช่วงเวลาที่เขาเหล่านั้นท๊อปฟอร์ม เขาต้องการที่จะเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ลิเวอร์พูลจะมีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด ผู้ัเล่นคนอื่นอาจจะมีฟอร์มที่ดีและได้ยกระดับตัวเอง และเจอร์ราร์ดเป็นคนที่จะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น" คนที่ 5 จอห์น บาร์น "เขาเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดที่ลิเวอร์พูลมีและเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษ ในความคิดของผม ผมว่าเขาเป็นมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุโรป ถ้าคุณมองไปที่มิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง ซีดานและโรนัลดิญโญ่ และมองไปที่มิดฟิลด์ตัวรับอย่างมาเกเลเล่ มิดฟิลด์ตัวสร้างสร้างและเปิดบอลอย่างแบ็คแฮ่มแล้ว เขาทำได้ทุกอย่างเลยนะ สำหรับผล เขาเป็นมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก" คนที่ 6 เทอร์รี่ แม็คเดอม๊อต "เจอร์ราร์ดอาจจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยมีมา เขามีอิทธิพล ผมอยากจะนำเขาไปรวมกับพวกแกรม ซูเนส ใครๆต่างก็รู้ว่าแกรมยอดเยี่ยมขนาดไหน และมันเป็นการแสดงว่าเจอร์ราร์ดนั้นอยู่ในระดับใด" คนที่ 7 กาก้า "เขาเป็นผู้เล่นที่วิเศษมาก ผมคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นยุคใหม่ เพราะเขาวิ่งไปกับบอลได้ จับตายคู่ต่อสู้ได้ รู้วิธีการที่จะผ่านบอล โยนบอล ทำประตูและเขาเป็นผู้นำในสนามให้กับลิเวอร์พูล เขาเป็นนักเตะที่ผมอยากจะมีอยู่ในทีม" ----------------------------- แค่นี้ก่อน เด๋วมาต่อนนะคะ งานเข้า ปล. ภาษาปะกิดไม่ค่อยแข็งแรง ผิดพลาดประการใดโปรดอภัยให้ด้วยนะคะ อิอิ จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 10:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาต่อค่ะ คนที่ 8 เอียน คัลลาแคน "ไม่ว่าจะเล่นตรงไหน เขาก็เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี เมื่อเขาเล่นด้านขวา เขาสามารถเปิดบอลเข้าพื้นที่ตรงกลางได้ และเขาก็มีความเร็วเพียงพอ เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีความสร้างสรรค์และหาพื้นที่ได้ดีที่สุดคนหนึ่ง เขาเป้นคนหนึ่งที่เล่นได้ทุกพื้นที่ในสนาม คุณอาจจะมีพื้นที่น้อยลงเมื่อต้องไปเล่นทางขวา ผมเองซึ่งเคยเล่นเป็นปีกมาก่อนที่จะเข้ามาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ผมพบว่ามันมีพื้นที่ให้เล่นมากกว่าเมื่อยู่ตรงกลาง และเจอร์ราร์ดก็ทำได้ดีมาก แล้วเขาก็ยังเล่นทางซ้ายได้ไม่เลวอีกด้วย" คนที่ 9 เคนนี่ ดัลกลิช "สตีวี่ เป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์ เขาสามารถเล่นได้สบายๆในทุกๆตำแหน่ง และเขาก็รักลิเวอร์พูล ดังนั้นเขาจึงพร้อมจะเล่นทุกพื้นที่ที่เขาถูกร้องขอ เขาเชื่อมั่นในตัวผู้จัดการทีม ง่ายๆ ก็เพราะเขาถูกกำหนดให้เป็นตัวหลักของทีม คุณสามารถดูทิศทางการเล่นของทีมได้เลย โดยการดูว่าเจอร์ราร์ดเป็นศูนย์กลางให้กับแทคติกทีมอย่างไร คุณจะไม่ได้ยินคำถามของเขาเมื่อเขาถูกขอให้เล่นไปข้างหน้า เขาจะเล่นตามแบบฉบับของเขาและทำประตู คุณอาจจะโต้เถียงกันว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือ มิดฟิลด์ตัวกลาง แต่สำหรับผมแล้ว ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือ ตำแหน่งในเสื้อสีแดงเพลิง บนสนาม และมีบอลอยู่ที่เท้าของเขาต่างหาก ที่เหลือเก็เป็นธรรมชาติของตัวเขาเอง เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้" คนที่ 9 ราฟาเอล เบนิเตซ "เขาเป็นผู้เล่นที่เล่นได้ทุกๆตำแหน่ง แล้วยังสามารถทำประตูได้ ไม่เพียงแต่ประตูธรรมดาๆเท่านั้น แต่เรากำลังพูดถึงประตูที่แสนมหัศจรรย์ด้วย มันเป็นอะไรที่คุณรู้สึกได้กับผู้เล่นในระดับท๊อปคลาส การทำประตูจากตำแหน่งมิดฟิลด์ได้มากมายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สิ่งแรกเลย คือคุณจะต้องเล่นให้ดี สิ่งที่สองคือต้องเป็นผู้เล่นที่มีจิตใจแข็งแกร่งและมีคุณภาพ คุณต้องเล่นในทีมระดับท๊อป เพราะคุณจะต้องการที่จะต่อสู้และสร้างโอกาส มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขายังอายุไม่มากนักและผมคิดว่าเขาจะทำประตูให้เราอีกมาก และบาทีอาจจะทำลายสถิติต่างไอีกมากมาย" คนที่ 10 เชรา อุลลิเย่ "เขามีทุกสิ่งทุกอย่าง เขาสามารถเล่นได้ทั้งสองเท้า เล่นกลางอากาศได้ดี และสร้างสรรค์เกมส์ได้อย่างผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมคนอื่นๆทำได้ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกมั่นใจนั่นก็คือ สักวันมันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยไม่ให้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปแก่เขา เขามีความสามารถเทียบเท่าพาทริก วิเอร่า และรอย คีน ในช่วงท๊อปฟอร์ม แต่สตีวี่มีสิ่งที่แตกต่างออกไป เขาสามารถทำประตูได้มากมาย และผู้คนไม่ควรจะตีค่าความรักของเขาที่มีต่อลิเวอร์พูลต่ำเกินไป เขารักสโมสรและแฟนๆ และผมรู้ดีทีเดียวว่า ไม่มีอะไรที่เขาปรารถนาไปมากกว่าการชูถ้วยแชมพรีเมียร์ลีกในฐานะกัปตันทีมลิเวอร์พูล" คนที่ 11 คาร์โล อันเชลอตติ "เจอร์ราร์ดเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก" คนที่ 12 ฟาบิโอ คาเปลโล่ "ผมคิดว่า เจอร์ราร์ดเป็นผู้เล่นที่มหัศจรรย์ เขาเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล ซึ่งชนะได้ถ้วยแชมเปี้ยนลีกส์ เขาเป็นผู้เล่นที่มีอิทธิพลและเป็นผู้นำด้วยการทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างในสนาม ผมคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษ และผมชอบผู้เล่นที่มีความตั้งใจจะพัฒนาตัวเอง รู้จักตำหนิตัวเอง ผู้เล่นหลายคนมักตำหนิผู้จักการทีมและโค้ช แต่เจอร์ราร์ดไม่ เขาเป็นสุภาพบุรุษ และให้เกียรติผู้อื่น" คนที่ 13 สเวน โกรัน อิริสัน "สตีเว่นเป็นนักเตะที่ดีทีุ่สุดคนหนึ่งที่คุณจะหาพบ เขามีทุกสิ่ง เขาสามารุป้องกัน แทคเกิ้ลได้ดี อ่านเกมส์ได้เยี่ยม และเขามีลูกผ่านที่วิเศษ เขาสามารถทำประตู และมีพลังในการวิ่งขึ้นลงในสนามได้ไม่มีหมด มันยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประเทศนี้ แต่เจอร์ราร์ดเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน และเป็นมานานแล้วด้วย ตลอดระยะเวลาที่ผมเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เขาสำคัญสำหรับทีมผมเสมอ เขาเป็นผู้เล่นสำคัญต่อมาอีกหลายปีหลังจากผมออกมาจากหน้าที่นั้นแล้ส และจะต้องสำคัญต่อไปอีกในอนาคตแน่" คนที่ 14 เปเล่ "เจอร์ราร์ดเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมในระดับโลก ถ้าผู้เป็นผู้จัดการทีม ไม่ว่าทีมไหนก็ตาม ผลจะต้องซื้อเขามาร่วมทีมอย่างแน่นอน เขาเป็นผู้เล่นแบบที่บราซิลต้องการ เพราะเขามุ่งมั่นมองไปข้างหน้า และมีจิตใตห้าวหาญ ตอนที่ผมดูเขาเล่นในเกมส์กับเซา เปาโลที่โตเกียว ผมบอกว่า เจอร์ราร์ดเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ สำหรับผม เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก" คนที่ 15 อเล็ก เฟอร์กูสัน "ที่ไหนก็ตามที่มีบอล เขาจะไปอยู่ที่นั่น เขามีพลังงานอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งใจและมุ่งมั่น ใครๆต่างก็ต้องการจะมีเขาอยู่ในทีม" จบแล้วววววววววววววววววววว จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 11:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อยากช่วยแปลจัง แต่งานเยอะน่ะ T_T ขอบคุณคุณ howk_ky ด้วยนะคะ :) จากคุณ : Everything_Is_Illuminated - [ 20 พ.ย. 51 12:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 Steven Gerrard Week Part 8: Tomkins Talk ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop หลัง จากหลายร้อยบทความและหนังสืออีก 7 เล่มเกี่ยวกับสโมสรลิเวอร์พูลในรอบหลายปีที่ผ่านมา มันยากสำหรับผมที่จะหาประเด็นที่จะเขียนในวาระที่สตีเวน เจอร์ราดจะรับใช้สโมสรครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้จากประเด็นใหม่เกี่ยวกับการเล่นเป็นกองหน้าตัว ที่สองของเขาทำให้มีเรื่องให้เขียนถึงได้บ้าง จะว่ากันจริงๆ แล้วเขาก็ทำหน้าที่อันนี้ได้ดีทีเดียวโดยเฉพาะในตอนที่เล่นร่วมกับเฟอร์นาน โด ตอเรสซึ่งพวกเขาเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดีและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นส่วน ผสมสองผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก ผมอยากจะหัวเราะเมื่อได้เห็นคอมเมนท์จากนักวิเคราะห์ของทาง Sky ที่ว่า "แฟนของลิเวอร์พูลคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นการเล่นแบบ 4-4-2 ที่มีทั้งรอบบี คีน และตอเรส เนื่องจากคีนจะถูกแทนที่ด้วยตอเรส" ซึ่งนั่นเป็นการวิเคราะห์ที่มีมาก่อนคำพูดแปลกๆ จาก Andy Gray ในเวลาต่อมาที่ว่าการตัดสินใจอย่างนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าลิเวอร์พูลจะ กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์หรือไม่ เพราะกองเชียร์ลิเวอร์พูลต้องการเห็นทีมได้ต่อสู้แย่งแชมป์ในแนวทางที่เหมาะ สม (หมายถึงในทัศนคติที่เป็นบวก) นี่เป็นเพราะทั้งตอเรสและเจอร์ราดได้กลายมาเป็นคู่หูถล่มประตูที่ยอด เยี่ยมในรอบหลายปีที่ผ่านมาและในตอนที่พวกเขาเล่นด้วยกันก็เก็บชนะเป็นว่า เล่น และในเกมส์ล่าสุดทั้งสองคนนี้ได้เล่นด้วยกันและมีโอกาสหลายครั้ง โดยเจอร์ราดนั้นพลาดแบบเหน่งๆ และตอเรสก็พลาดโอกาสหลุดเดี่ยวและยิงชนเสา ในฐานะแฟนลิเวอร์พูลคนหนึ่ง ผมไม่กล้าที่จะบอกว่าผมพูดแทนแฟนลิเวอร์พูลโดยรวม เพราะว่าความคิดของเราแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการก็คือทีมแห่งชัยชนะ และเราก็มีแล้วตอนนี้ไม่ว่าเราจะให้คีน ตอเรส เคาท์ หรือเจอร์ราดเล่นกองหน้าก็ตาม นี่ก็เป็นทีมแห่งชัยชนะเหมือนกัน และเราก็เคยเห็นทั้ง 4 คนนี้เล่นด้วยกันในแผนการเล่นต่างๆ กันไปและผลก็ออกมาไม่เลยเลยไม่ใช่หรือ? เดี๋ยวเรามาดูกันถึงสถิติการยิงประตูของเจอร์ราดนับตั้งแต่การมาคุมทีม ของราฟาซึ่งส่วนมากแล้วเขาจะเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางและปีกขวาและจะ เห็นได้ว่าสถิติการยิงประตูของเขาดีกว่ากองหน้าทั่วไปอีก 80% เลย ตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมาเขายิงเฉลี่ยเกือบ 20 ลูกต่อฤดูกาล ในตอนที่เจอร์ราดวิ่งไปรับลูกครอสจากตอเรสนั้น ลีลาของเขามันคล้ายๆ กับเอียน รัชตอนรุ่งๆ เลย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณของกองหน้าอย่างแท้จริง ปัญหาที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับราฟาก็คือจะให้เจอร์ราดเล่นตรง ไหนเพราะเขายอดเยี่ยมและเอนกประสงค์เหลือเกินและสามารถมอบชัยชนะให้ทีมได้ ไม่ว่าจะเล่นตรงไหนก็ตาม ดังนั้นแล้วเราจะวิพากษ์วิจารณ์กันไปเพื่ออะไรในเมื่อไม่ว่าเขาจะเล่นตรงไหน ตอนนี้ลิเวอร์พูลก็เป็นจ่าฝูงร่วมในลีกอยู่ตอนนี้? ในฐานะนักเตะแล้ว เจอร์ราดเหมือนจะมีทุกสิ่งทุกอย่าง ย้อนกลับไปในเดือน พ.ย. ปี 2000 ที่ผมได้เข้าไปดูเกมส์ที่เขาแสดงทักษะอันสุดยอดออกมาในเกมส์ที่เอาชนะลีดส์ ไปได้ 3-1 ที่แอนฟิลด์ รวมทั้งเขาก็ดูฉายแววด้วยการเล่นได้อย่างน่าประทับใจในเกมส์กับเชลตา บีโกทั้งๆ ที่เป็นเกมส์แรกในยุโรปของเขา ซึ่งมันก็เนิ่นนานมาแล้ว สำหรับผมนั่นมันเป็นการเล่นของมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบเลย มันน่าตื่นตาตื่นใจมากที่ได้คิดว่านั่นมันเกือบ 9 ปี ที่ผ่านมาเลยนะที่เขาเล่นได้สุดยอดแบบนั้น มันต้องมีเรื่องถกเถียงกันอยู่เสมอที่ว่าเจอร์ราดควรจะไปอยู่ตำแหน่งไหนใน ลิสต์รายชื่อนักเตะที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของลิเวอร์พูล แต่ผมว่ามันจะง่ายกว่าหากเรามาตั้งคำถามนี้กันตอนนี้เขาแขวนสตั๊ดไปแล้ว เมื่อตอนที่เขาก้าวเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่ทุกคนต่างมีความสุขแต่ในตอนนี้ ไม่มากก็น้อยเขาสมควรที่จะได้รับมัน เขาน่าจะเป็นคนที่ยินดีที่สุดเมื่อย้อนคิดไปถึงสิ่งนั้น เมื่อผู้เล่นก้าวไปถึงจุดที่ใกล้เคียงกับระดับที่เกือบจะเป็นยอดมนุษย์ เมื่อพวกเขาเล่นได้เกือบสมบูรณ์แบบมาระยะเวลาหนึ่ง พวกเขาอาจจะมีเกมส์ที่ดูเงียบๆ ไปแค่เกมส์เดียวหรือมีลูกผ่านแย่ๆ แค่สองครั้งต่อเกมส์ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ดังนั้นพวกเขาก็ต้องพบเจอกับความน่าผิดหวังอยู่บ้าง ผมคิดว่าเจอร์ราดได้ต่อสู่กับสิ่งที่ว่านั้นเป็นเพราะมาตรฐานที่ตัวเขา ได้ตั้งเอาไว้ แต่แน่นอนที่สุดทีมลิเวอร์พูลก็พัฒนาขึ้นด้วย ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเขาเองไม่เหมือนกับหลายปีที่ ผ่านมา ตอนนี้ลิเวอร์พูลดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่เจอร์ราดก็เหมือนกับผู้เล่นคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องไปเล่นเป็นกองหน้าใน บางครั้ง เวลาอาจช่วยเราให้ลืมเกมส์ที่เลวร้าย แต่กับกัปตันคนปัจจุบันของเราจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีเรื่องร้ายๆ ให้คิดถึงเลย แม้ว่าตอนนี้เขาจะถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยจะถูกจับผิด แต่ตัวเขาก็ไม่เคยมีฤดูกาลที่ใกล้เคียงกับคำว่ามีฤดูกาลที่แย่เลย ไม่แม้กระทั่งการมีสักฤดูกาลที่เล่นได้แบบพื้นๆ เมื่อประมวลทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วผมประหลาดใจกับข้อวิจารณ์จากกูรู ทั้งหลาย ซึ่งผมได้รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของผม "Dynasty" ตลอดช่วงซัมเมอร์ปีนี้กลุ่มของแฟนบอลที่ประกอบด้วยนักเขียนที่มีชื่อเสียง อายุระหว่าง 27-82 ปี (อายุเฉลี่ยประมาณ 50 ปี) ได้ให้ข้อมูลกับผมด้วยการให้คะแนนความสามารถนักเตะจากคะแนนเต็ม 10 (ยกเว้นนักเตะที่พวกเขาเกิดไม่ทัน) ตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ผมเคยคาดว่าพวกเด็กๆ ที่โหวตจะให้คะแนนเจอร์ราดสูงที่สุดในบรรดานักเตะทุกคน และพวกที่มีอายุที่มีโอกาสได้เห็นการเล่นของนักเตะระดับตำนานอย่าง lbert Stubbins, Billy Liddell, Kevin Keegan และ Kenny Dalglish อาจต้องช่างใจหน่อยก่อนโหวต แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นหรอก จากผลการสำรวจมีแค่เดลกลิชคนเดียวที่ได้คะแนนเต็ม 10 แต่เจอร์ราดก็ตามมาติดๆ เลยหล่ะในอันดับที่ 2 ด้วยคะแนนเฉลี่ย 9.93 ผู้โหวตทั้งหมดเห็นว่าเจอร์ราดมีอะไรที่คล้ายๆ กับเดลกลิชแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าเดลกลิชก็ตามที มีต่อนะคะ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 51 15:57:57 จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 15:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นั่น แสดงให้เห็นว่าคุณจะปฏิเสธเจอร์ราดไม่ได้เลยแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เหรี ยญพรีเมียร์ลีก ซึ่งปีนี้เป็นหนึ่งในปีที่เราได้ลุ้นแบบจริงๆ จังๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้เจอร์ราดเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแต่อย่างไรก็ตามยังเหลืออีก 2/3 ของฤดูกาล แกรม ซูเนสจะสามารถคว้าเรียนแชมป์ลีกได้หรือไม่หากมาเล่นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา? ไม่อย่างแน่นอน แต่หากเจอร์ราดได้เล่นคู่กับซูเนสในยุคที่ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ดีที่สุดใน โลก ลิเวอร์พูลอาจได้แชมป์มากกว่าตอนนั้นก็เป็นได้ มันสำคัญที่จะต้องกล่าวว่าเมื่อมองย้อนกลับไปดูพวกผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมเหล่า นั้น หลายๆ คนไม่ได้ใกล้เคียงกับมาตรฐานการเล่นอันสูงส่งของเจอร์ราดที่มีทั้งความแน่ นอนมาอย่างยาวนานได้ด้วยซ้ำ ซูเนสเล่นมิดฟิลด์แค่ 6 ปี ขณะที่จอห์น บาร์นโชว์ผลงานสุดยอดได้เฉพาะช่วงปี 1987-1990 หลังจากนั้นอาการบาดเจ็บก็บั่นทอนประสิทธิภาพของเขาตลอดช่วง 10 ที่เหลือในสีเสื้อหงส์แดง รอบบี ฟาวเลอร์มีปีทองแค่เพียง 3 ปีเท่านั้นในช่วงยุคกลางทศวรรษที่ 90 และมีอีก 2 ปีที่ผลงานดี นอกจากนั้นเขาต้องประสบปัญหาการบาดเจ็บออดๆ แอดๆ หลังจากอายุ 24 ปีไปแล้วเควิน คีแกนผ่านช่วงสูงสุดหลังจากที่เล่นกับทีมมา 6 ปี ซึ่งก็เหมือนกับเอียน รัช แม้ว่าเขาจะกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง และก็ไม่ค่อยจะเหมือนเดิมแล้ว สำหรับไมเคิล โอเวนก็มีช่วงเวลาอยู่ 7 ปี เอียน เซนต์ จอห์น มีช่วงเวลา 10 ฤดูกาล แต่หลังจากฤดูกาลที่ 7 ของเขาแล้วเขาก็ยิงไม่ค่อยได้แล้ว สำหรับเซอร์ โรเจอร์ ฮันท์มีช่วงเวลา 10 ปีที่ยอดเยี่ยมแต่หลังจากนั้นก็ตกต่ำลงไป ในทางตรงกันข้ามกับทั้งหมดที่กล่าวมา เจอร์ราดตอนนี้อายุ 28 ปีและยังคงแข็งแกร่งอยู่ แม้กระทั่งเจมี คาร์ราเกอร์ที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นกองหลังระดับโลกในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา แม้ก่อนหน้านั้นเขาจะได้ชื่อว่าเป็นฟูลแบ็กที่แข็งแกร่งมีความคงเส้นคงวาแต่ ก็ไม่เคยโดดเด่นเท่ากับตอนที่มาเล่นปราการหลังตัวกลางแต่อย่างใด เอียน กัลลาแฮน เล่นมิดฟิลด์ให้ลิเวอร์พูลมาเกือบ 20 ปี แม้ว่าเขาสมควรที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นตำนานของสโมสร แต่เขาก็ไม่ได้เทียบเคียงกับเจอร์ราดได้เลยในเรื่องของความสามารถ แม้กระทั่งเคนี่ เดลกลิชผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พู ลก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้กลับ 10 อันสุดยอดของเจอร์ราด เนื่องด้วยอายุอานามในตอนที่เขามาร่วมทีม และเขาเหมือนจะต้องแขวนรองเท้าหลังจากผ่านไป 9 ฤดูกาล และไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอหลังจากฤดูกาลที่ 8 ไปแล้ว มีเฉพาะกองหลังและผู้รักษาประตูเท่านั้น ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่จำเป็นต้องพาบอลไปมากนัก (ส่วนใหญ่การเล่นจะขึ้นอยู่กับการยืนตำแหน่งเป็นสำคัญ) ที่จะสามารถเทียบเคียงได้กับความคงเส้นคงวาของเจอร์ราด ผู้เล่นเหล่านี้ประกอบไปด้วย Ray Clemence, Bruce Grobbelaar, Phil Neal, Emlyn Hughes, Tommy Smith, Ron Yeats และแน่นอน Alan Hansen สำหรับซามี ฮูเปียก็อาจจะคู่ควรกับการกล่าวถึงได้และตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่ปีที่ 10 ในการเล่นกับลิเวอร์พูลเช่นเดียวกัน ผมตื่นตาตื่นใจมากกับการที่ได้รู้ว่าเจอร์ราดสามารถเล่นด้วยมาตรฐานของเขามา อย่างยาวนานแค่ไหนแล้วและเกมส์ของเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเขาเข้าสู่วัย 30 ปี และมันคงยากที่จะได้เห็นบทบาทเอนกประสงค์อย่างนี้ได้ในช่วงอายุ 33 หรือ 34 ปี แต่อย่างไรก็ตามในฐานะที่เขาเป็นผู้เล่นที่ฉลาดหลักแหลมที่มีทั้งการอ่าน เกมส์และการผ่านบอลที่สุดยอด รวมทั้งการหาพื้นที่ที่ยอดเยี่ยม นี่ยังไม่รวมถึงความฟิตที่ติดตัวเขามาตามธรรมชาติ เจอร์ราดน่าจะลงเล่นได้นานกว่ามิดฟิลด์ทั่วๆ ไปแต่เขาต้องไม่ได้รับการบาดเจ็บที่รุนแรงนะ หรือแม้กระทั่งเขาอาจจะต้องถอยลงมาเล่นเป็นกองหลังหรือเล่นแบบใช้สมองและไม่ ต้องใช้ความเร็วมากนักในตำแหน่งหน้าต่ำ มันชัดเจนว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณเชรา อุลลิเยร์ ย้อนหลังไปในปี 2001 ที่อุลลิเยร์ได้ส่งให้เจอร์ราดไปพบกับแพทย์ผู้รักษากล้ามเนื้อและกระดูก Philippe Boixel เนื่องจากก่อนหน้านั้นเจอร์ราดมีปัญหากล้ามเนื้อที่อาจขัดขวางต่อพัฒนาการ ของเขา ในเดือน ม.ค ปี 2002 ในช่วงหลังการฝึกซ้อม Boixel ได้กล่าวอ้างว่าเจอร์ราดได้หายขาดจากปัญหาเหล่านั้นแล้วและด้วยจำนวนจำนวน เกมส์ที่เจอร์ราดได้ล่งเล่นหลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่าคำพูดของ Boixel นั้นถูกต้อง ผมเองก็คิดว่าการมาของราฟาในช่วงค้าแข้งของเจอร์ราดก็มีผลเช่นกัน มันไม่ใช่แค่ไม่มีการเข้าปะทะที่ไม่จำเป็นที่เจอร์ราดเคยทำในอดีต ราฟายังทำให้เจอร์ราดใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดขึ้นอีกด้วย เมื่อคุณมีความแข็งแกร่งและความเร็วคุณย่อมต้องการที่จะพล่านไปทุกที่และไป ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยเฉพาะหากคุณเป็นตัวทีเด็ดของทีม แต่ในตอนนี้เขาเล่นเกมส์ได้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อีกทั้งการที่เขามีนักเตะอย่าง Torres, Keane, Alonso, Babel, Kuyt และ Riera อยู่เคียงข้าง ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมพูดไปหมดหรือยังว่าเจอร์ราดประสบผลสำเร็จทุกอย่าง แล้ว? แน่นอนยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งที่ผมปรารถณาอยากจะเห็นจากเจอร์ราด และนั่นก็คือเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก และหากเขาได้แชมป์นี้แล้วความมั่นใจของเขาจะติดลมบนไปตลอดแน่ และหลังจากนั้นใครจะรู้ได้ละว่า “เขาอาจจะดีขึ้นกว่านี้ได้อีก จบตอนของ Tomkin จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 15:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ++ Steven Gerrard Week Part 9 :REDKNAPP - สตีวี่ดีที่สุด ++ อนนี้แปลเอง อิอิ     REDKNAPP - สตีวี่ดีที่สุด     ตอนนี้ อดีตกัปตันทีมลิเวอร์พูลสุดหล่อ เจมมี่ เรดแน็ป พูดถึงกัปตันทีมคนปัจจุบัน ซึ่งเขายกย่องให้เป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก     มันรู้สึกเหมือนเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่ผมได้เห็นเด็กหนุ่มจาก ฮายตันเป็นครั้งแรก เขาเข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่พร้อมๆกับสตีเฟ่น ไรซ์ น่าขำที่ตอนนั้นผมเองยังคิดว่า เชรา มองว่าไรซ์นั้นดีกว่าสตีวี่ เมื่อพวกเขามาถึง     ผมจำได้ดีทีเดียวถึงการผ่านบอลของสตีวี่ลูกแรกๆ เขาผ่านบอล 50หลาไปทางปีกซ้าย ผมเองแอบคิดในใจว่า "แล้วพวกเราจะได้อะไรหลังจากนี้เนี่ย"     และแล้วเขาก็เขาบอลหนัก จังหวะ 50-50 ใส่อินซี่ ชนตัวลอยเลยทีเดียว พวกเราทั้งหมดเริ่มคิดกันว่า "เรามีบางสิ่งที่พิเศษอย่างในมือแล้ว เขาทำให้พวกเราประทับใจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย"     ในเวลานั้นมีความร่วมมือกันจากหลายๆฝ่ายเพื่อพัฒนาสมรรถภาพทางร่างกาย ของเขา ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็เป็นอิสระจากอาการบาดเจ็บ และยกระดับการเล่นที่แตกต่างไปจากเดิม พวกเราไม่ได้ชื่นชมเขาบ่อยๆให้เกินจริง ตามธรรมดา คุณอาจได้การสรรเสริญจากใครต่อใคร สำหรับสตีวี่ ที่เราชื่นชมเขามันก็แค่ง่ายๆ เขายอดเยี่ยมจริงๆ     เขาเป็นผู้เล่นที่พิเศษ และผมไม่ได้หมายถึงในสนามเท่านั้น แต่หมายถึงนอกสนามด้วย ถึงตอนนี้ หากว่าผมขอให้เขาช่วยเซ็นชื่อลงในเสื้อให้ใครสักคน เขาจะทำมันให้อย่างเต็มอกเต้มใจ ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่รู้จะชื่นชมเขายังไงเลย     มีเกมส์ในช่วงเวลาสั้นๆที่ผมได้ลงเล่นร่วมกับเขา เป็นเมอร์ซี่ ไซต์ ดาร์บี้แมตซ์ กับเอฟเวอร์ตัน ในปี 1999 เราชนะ 3-2 และเขาเป็นคนสกัดลูกออกจากเส้นประตูให้เราถึง 2 ครั้ง โดยเขาเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา อารมณ์ของเขาที่แสดงออกในบยามที่สกัดลูกนั้นจากปากประตูเราได้ มันแสดงออกถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อสโมสร ผมจำได้ดีถึงการฉลองของเขาเมื่อเคลียร์บอลออกไป เขาดูดีใจสุดๆ     ผมพูดกับพ่อหลังเกมส์ แล้วพ่อก็ถามว่า "ใครกันที่เล่นเป็นแบ็คขวา เขาดูเหมือนซูเปอร์แมน"     หลังเกมส์วันนั้น เขาเล่นได้ดีวันดีคืน ฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่า เขาได้พิสูจนจ์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก ตอนนี้เขาพัฒนาขึ้นมามากจนเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุด ผมสามารถพูดได้ว่า ในขณะนี้ยังไม่มีใครเใกล้เคียงกับเขาได้เลย เขาเต็มไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ มีอิทธิพล มีการผ่านพลาดที่ดี แทคเกิ้ลแม่นยำ สั่งมาเถอะ เขาทำได้ทุกอย่าง     ผู้คนต่างพูดถึงว่าใครกันที่เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก     เมสซี่หรือ โรนัลโด้ หรือกาก้าล่ะ พวกเขามีชื่อที่เราจะคิดถึงไม่กี่คน และสตีวี่ต้องเป็นหนึ่งในนั้น ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่คิดว่าเขาทะนงตัวหรอกว่าเขาดี     ผมมีความทรงจำที่ดีในช่วงเวลาที่อยู่ที่แอนฟิลด์ แต่หนึ่งที่อยู่ในใจผมเสมอ ทำให้ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้ คือ เมื่อผมถามสตีวี่ว่าเขาต้องการรองเท้าของผมมั้ย     ก็เขาเคยทำความสะอาดรองเท้าให้ผม เมื่อเป็นนักเตะฝึกหัด พอถามเขาถึงเบอร์รองเท้าที่เขาใส่ เขายิ้มยิงฟัน ตอบแบบกวนประสาทว่า "6 ,7 ,8 และ 9"     ผมจะไม่มีวันลืมเลย มันเพราะเขาต้องการรองเท้าของผมไปให้เพื่อนๆเขาด้วย     อย่างที่ผมบอก ผมอยู่ที่นี่ในช่วงเวลาที่ดีๆหลายปี ดังนั้นผมรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อเล่นให้กับสโมสรมาถึง ทศวรรษ     มันเป็นสโมสรที่พิเศษ ไม่ว่าคุณจะต้องออกไปอยู่ที่ไหนก็ตาม     ดังนั้นมันเป้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สำหรับเขาที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที นี่มานานถึง 10 ปี และผมคิดว่าเขาจะเป็นมากกว่านี้ในอนาคตของเขา     คุณต้องการคนแบบสตีวี่และคาร่าในทีม เพราะพวกเขาเป็นนักเตะท้องถิ่น ใกล้ชิดกับแฟนๆ พวกเขาเป็นหัวใจและจิตวิญญาณของทีม สตีวี่จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ แต่เขาก็ยังคงภักดีกับสโมสร     ทุกๆ 2-3 เดือนมานี้ เขาได้รับรางวัลยกย่อง ทำลายสถิต่ต่างๆในเกมส์ และแน่นอน ผมภูมิใจที่จะพูดว่า เคยร่วมทีมเดียวกับเขา ผมหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จมากขึ้นอีกในปีต่อๆปี เพิ่มเหรียญรางวัลสะสมในอาชีพกับลิเวอร์พูลมากเท่าที่จะมากได้ไปอีกนานแสน นาน จากคุณ : howk_ky - [ 20 พ.ย. 51 16:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 STEVIE G: AN UNOFFICIAL WEBSITE'S VIEW      ที่มา : เวบทางการ      แปล : howk_ky      James Carroll จาก Shanklygates.co.uk กล่าวถึงเหตุผลที่เจอร์ราร์ดกลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูล      ผมเห็นเขาครั้งแรกๆในทีมสำรองของ St Helans' knowsley Road เด็กหนุ่มคนนี้เล่นในตำแหน่งปีกขวา แล้วก็พยายามดิ้นรนที่จะมีส่วนร่วมกับเกมส์ และถ้าผมจำไม่ผิดเขาถูกเปลี่ยนตัวในครึ่งหลัง      มันแฟร์ถ้าหากจะกล่าวว่ามันมีความช่วยเหลือของแฟนๆมากมายรอบๆแอนฟิลด์ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องหมายที่จะบ่งบอกได้เลยว่า มิดฟิลด์คนนี้จะกลายเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง และได้สลักชื่อตัวเองลงในประวัติศาสตร์ของสโมสรเรียบร้อยแล้ว      อาการบาดเจ็บที่เจอร์ราร์ดต้องเผขิญทำให้เขาเข้าร่วมกับทีมชุดใหญ่ช้าลง แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นกุญแจสำคัญหนึ่งดอกของทีมของเชรา อุลลิเย่ ทั้งในสายตาของรุ่นพี่แลัสต๊าฟโค้ช ในส่วนของแฟนๆก็ยินดีเสมออยู่แล้วที่จะได้เห็นเด็กท้องถิ่นก้าวขึ้นมาติดทีม ชุดใหญ่ และเจอร์ราร์ดเองก็เอาชนะใจแฟนๆได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเขาแสดงอาการดีใจหลังจากเคลียร์บอลออกจากเส้นประตูถึง 2 คร้งในเกมส์เมอร์ซี่ ไซต์ ดาร์บี้แม๊ตซ์ อย่างกับว่าเขาเป็นผู้ทำประตูชัยเสียเองอย่างนั้นแหละ      เราคิดกันเลยว่า "เด็กคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเราอย่างแท้จริง"      ความกระตือรือล้นและพลังขับเคลื่อนของเขาเป็นสิ่งที่เห็นได้อยู่เสมอ และเขาเองก็พร้อมจะพัฒนาในทุกๆเกมส์ อย่างไรก้ดีประตูแรกของเขาในสีเสื้อลิเวอร์พูลเกิดขึ้นในเกมส์กับเชฟฟิลด์ เว้นเดย์ในเดือนธันวาคม 1999      การแท็คเกิ้ล ความสามารถในการผ่านบอล และการทำประตูที่ยอดเยี่ยมของเขาเปรียบเสมือยเครื่องหมายการค้าของเขา และเขาเองก็เป้นส่วนสำคัญในฤดูกาลทริปเปิ้ลแชมป์ ปี 2001 โดยเป็นผู้ทำประตูที่ 2 ในเกมส์นัดชิงกับอลาเบสซึ่งเราชนะ      ถึงแม้ 2 ฤดูกาลสุดท้ายของเชรา อุลลิเย่ที่แอนฟิลด์จะไม่มีถ้วยรางวัลใดๆ แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของเจอร์ราร์ด เขาทำให้เราได้เข้ารอบน๊อกเอาท์ฟุตบอลแชมเปี้ยนลีกส์ การถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของเขาโดยเชรา อุลลิเย่นั้น ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ ซึ่งรู้ดีถึงความเป็นผู้นำของเขาก่อนที่เขาจะได้รับปลอกปขนกัปตันทีมเสียอีก      และการมาของราฟาในฤดูกาลแรก เราต่อสู้จนได้เข้ารอบแชมเปี้ยนลักส์ และแน่นอนว่า ไม่มีใครลืมค่ำคืนที่แอนฟิลด์ในเดือนธันวาคม ปี 2004 โอลิเปียกลอสมาที่แอนฟิลด์ และเราต้องการ 2 ประตูขึ้นไป จึงจะอยู่รอดในรายการนี้ อย่างไรก็ตาม เราถูกนำไปก่อนในครั้งแรก ซึ่งทำให้เราต้องพบกับงานหนัก ต้องยิง 3 ประตูในครึ่งหลัง เรากลับมาด้วยเสียงเรียกจาก The kop เราถูกบีบให้ต้องรีบยิงประตูขึ้นนำ แล้วสุกท้าย สตีวี่ก็จัดการฮาฟวอลเล่ บอลพุ่งต่ำเข้าประตูไปอย่างสวยงาม มันเป็นประตูที่ทำให้คนทั้งยุโรปต้องยืนขึ้นและหยุดดูมัน      สำหระบคนรุ่นใหม่ ที่โตขึ้นและได้ยินได้รับรู้เรื่องเล่าถึงความยิ่งใหญในถ้วยยูโรเปี้ยนของลิ เวอร์พูลในทศวรรษที่ 70-80 นี่คือ St Etenna      ช่างเหลือเชื่อที่แต่ละเกมส์รอบน๊อกเอาท์ เราต่อสู้ราวกับมันเป็นเกมส์สุดท้าย จนถึงรอบชิงกับ เอซี มิลานที่อิสตันบูล ฟอร์มในลีกเราล้มเหลว แต่หนทางในแชมเปี้ยนลีกส์ทำให้แฟนๆมีความหวังและศรัทธาว่าเราจะสู้กับกาก้า เครสโป และทีมของพวกเขาได้      และแล้วความหวังและความศรัทธาก็ค่อยๆหายไปในครึ่งแรก แต่แล้วคุณภาพของทีมจากอิตาลีก็ถูกหยุดโดย 3 ประตูช๊อกโลกในครึ่งหลังของลิเวอร์พูล การส่งสัญญาณว่าคุณจะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดายในระหว่างพักครึ่งเวลา เรียกสปิริตของทีมกลับมา ดูหมือนอาจจะน้อยนิด แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นทีมที่แทบจะล้มจนกู่ไม่กลับในครึ้่งแรก กลับมาเล่นได้ดีในครึ่งหลัง เหมือนเป็นการกอบกู้ความภาภูมิในในทีมมากกว่าความฝันที่จะชูถ้วยหูโตใบเก่า แก่นั้น      สตีวี่และราฟามีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเอาคืนให้ได้ในครึ่งหลัง กัปตันทีมทำประตูตีไข่แตกอย่างรวดเร็วด้วยลูกโหม่งที่สมบูรณ์แบบ ดูเหมือนมีนจะเป็นการปลอบขวัญเท่านั้น แต่สตีวี่ก็คิดจะกระตุ้นแฟนๆด้วยการแสดงออกให้แฟนๆสนับสนุนทีมต่อไป ตราบใดที่เกมส์ยังไม่จบ      มันคือประวัติศาสตร์อย่างที่เขาพูดๆกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยการต่อสู้จากหัวใจ แบบที่ค่อยๆแทรกซึมสู่ทีมด้วยการกระตุ้นของราฟา สตีวี่ และคาร่า สตีวี่ ได้ช่วยนำทีมให้พบชัยชนะในเกมส์ที่ถูกยกย่องให้เป็นเป็นนัดชิงแชมเปี้ยน ลีกส์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูล เขาได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แม๊ทซ์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า      ด้วยความมั่นใจ ฤดูกาลถัดมา เขาทำประตูให้กับทีมถึง 23 ประตูจากตำแหน่งมิดฟิลด์ ในเกมส์ เอฟเอ คัพ นัดชิง เองก็เป็นที่คาดหวังว่าลิเวอร์พูลจะชนะเวสแฮมได้ไม่ยากเย็น แต่เหมือนเป็นที่รู้กันว่า สำหรับลิเวอร์พูลแล้ว ไม่เคยมีเกมส์ที่ง่ายดาย เราถูกเวสแฮมนำไปก่อนถึง 2 ประตู และเรากำลังต้องการการฟื้นคืนชีพแบบที่อิสตันบูล และสตีวี่ ก็บันดาลให้เราตามความคาดหมาย เขาครอสบอลให้ซิสเซ่ยิงประตูตีไข่แตก ก่อนจะวอลเล่ตีเสมอในครึ่งหลัง แต่เราก็ต้องให้เครดิตเวสแฮม พวกเขายังไม่ตาย และเอาคืนได้อีก 1 ประตู เราต้องการประตูในขณะที่เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว แฟนๆต่างมองหาสตีวี่ แต่ด้วยการกรำศึกหนักมาทั้งฤดูกาลรวมทั้งเกมส์นี้ เขากำลังเป้นตะคริว และเกมส์กำลังจะจบ มันดู้หมือนว่าถ้วยชนะเลิศจะหลุดมือเราไปแล้ว แต่สตีวี่ก็ยื้อยุดฉุดกระชากกลับมา เขารีดพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่จัดการตะบันลูกยิง 35 หลาในนาทีที่ 91 และเราก็มาเอาชนะด้วยการดวลจุดโทษ เขาได้จัดารเขียนชื่อตัวเองลงในตำนานเอฟ เอ คัพ มันเป็นประตูที่อาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงนอกจากในการ์ตูน      การรับใช้สโมสรมาถึง 1 ทศวรรษของเขาได้เป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาได้กลายเป็นตำนานแห่งแอ นฟิลด์และเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุด เขาสามารถจะก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับ คิงเคนนี่ เอียน รัช บิลลี่ ลิดเดลได้      ถ้วยพรีเมียร์เป็นเกียรติยศเดียวที่เขายังคว้ามาไม่ได้ แต่คุณแน่ใจได้เลยว่าเขาจะทำทุกๆทาง ด้วยความสามารถที่ดี เพื่อสร้างโอกาสที่จะได้ชูถ้วยนั้น และกังวลแทนทีมอื่นๆเถอะ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะพัฒนาและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาภายใต้การชี้แนะของราฟา      เขาก้าวมาไกลเหลือเกินจากวันนั้นที่ Knowsley Road จากคุณ : howk_ky - [ 21 พ.ย. 51 11:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ++Steven Gerrard Week Part14 : Thierry..to..Stevie ++ Thierry Henry เข้ามาเล่นในอังกฤษได้ไม่กี่เดือนกับอาเซน่อล ก็ได้มีโอกาสมาเหยียบถิ่นแอนฟิลด์ ในสิงหาคม 1999 ประตูที่ของRobbie Fowler ช่วยให้ลิเวอร์พูลอัดอาเซน่อลไปได้ 2-0 ในวันนั้น ,แต่มันเป็นสุดยอดฟอร์มที่น่าประทับของสเกาเซอร์ ในสายตาของศูนย์หน้าตัวใหม่ของอาร์เซน่อลเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นคือ คนที่เกิดในHuyton ไม่ใช่ Toxteth หลังจากที่เดอร์มอท กัลลาเกอร์เป่านกหวีดสิ้นสุดการแข่งขันในนัดนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องแต่งตัว อองรีได้ถามเพื่อนร่วมทีมอย่างPartick Vieira ว่า "ไอ้เด้กที่เล่นกองกลางคนนั้น ชื่อไรวะ??" "Steven Gerrard" วิเอร่าตอบกลับไป .. "ไอ้นี่:-)ต้องอนาคตไกลแหงๆเลยว่ะ" ผ่านพ้นไป2-3ปี อองรีและเจอราด ได้เรียนรู้กับสิ่งต่างๆ และจนได้มีชื่อบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก มันเป็นเวลาไม่นานที่เขาทั้งคู่ได้รู้จัก และเคารพในกันและกันโดยการให้เบอร์โทรฯกัน และมิตรภาพระหว่างเขา2คนก็เกิดขึ้น ก่อนที่อองรีจะจากอาเซน่อลไปสู่ถิ่น Nou Camp ก็ได้มีข่าวครึกโครมยกใหญ่ว่า เจอราดชักชวนให้อองรีมาเล่นในถิ่นMersysideนี้ และต่อจากนี้คือบทสัมภาษณ์จากปากของศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศสถึง..เพื่อนของเขาในแอนฟิลด์ คุณได้มีโอกาสดวลกับเจอราดหลายครั้งมาก มีอะไรที่ดูแล้วน่าเข้าตามั่งมั้ย? "มีเยอะแยะเลยแหละ เมื่อไรก็ตามที่คุณต้องเล่นกับลิวเวอร์พูลคุณจะต้องตัดเขาออกจากเกมให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ทุกอย่างจบเห่กันทันที , เขาเป็นมิดฟิลด์ ถ้าคุณดูในแต่ละประตูที่สำคัญๆของเขานั้น เชือมะ ผมยังไม่เคยเห็นกองหน้าในหลายๆคนจะยิงในลูกยังนั้นได้เลย ให้ตายเหอะมิดฟิลด์ , กี่ครั้งแล้วล่ะที่เขาทำได้ในช่วงที่ทีมกำลังจะตาย? ..ผมพยายามคิดถึงกองหน้าที่จะทำแบบนี้นะ แต่มันก็แทบจะไม่มีเลย.. คิดดูดิ" บอกถึงความสัมพันธ์ของคุณ2คนหน่อย ว่าคุณซี้กันได้ไง? "ใช่เลย..เราซี้กันมาก ผมดวลกับลิเวอร์พูลและ Stevie G มาหลายนัดละ และเมื่อคุณชื่นชอบในนักเตะคนนั้น คุณได้เห็นเขาประจำเวลาที่ทีมมาเจอกันทุกครั้ง ,คุณก็ต้องคุย และผมก็บอกเขาเสมอทุกครั้งว่า ผมชื่นชมเขาและเขาก็พุดแบบนั้นเช่นกัน จากนั้นเราก็แลกเบอร์เบอร์โทรฯกัน แล้วก็ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น" แล้วคุณยังได้คุยกันอยู่หรอ ตอนนี้คุณอยู่บาร์ซ่านะ? "เราไม่ได้คุยกันเลยแม้แต่นิด..ครั้งล่าสุดอ่ะนะ ผมคิดว่าเป็นช่วงที่เปิดฤดุกาลอะ ผมส่งSMSไปหาเขา เขาก็ตอบกลับมาไวมาก" จริงเหรอที่มีข่าวว่าคุณจะมาเล่นกับลิเวอร์พูล ตอนที่ย้ายออกจากอาเซน่อล? "อ่านะ..มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะย้ายจากArsenalไปอยู่ในทีมพรีเมียร์ด้วยกันน่ะ เราพูดกันถึงเรื่องนี้มากมาย แต่มันก็ไม่เป็นจริง , แน่นอน มันก็เป็นแค่การคุยแบบหวังๆ ระหว่างเรา2คนเท่านั้น" บางทีวันนึงคุณอาจจะกลับมาเล่นในพรีเมียร์.. "ไม่อ่ะ ..ผมไม่ได้คิดยังงั้นเลย ในชีวิตคุณอาจจะมีอะไรไม่แน่นอนก็ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้คิดยังงั้นจริงๆ" คุณอยากจะเล่นกับเขามากแค่ไหน? "โอ้วว..มากๆอ่ะขอบอก ผมอยากจจะเล่นกับคนอื่นเหมือนกันนะ แต่เขาเป็นเหมือนแรงจูงใจที่อยากให้ผมเล่นด้วย , เขาทำให้ผมนึกถึงวิเอร่า แต่เขาไม่ได้พูดมากเกินไป เขาแค่ทำในสิ่งที่เขาต้องทำ ,เขาสร้างแรงดลใจให้ลิเวอร์พูลโดยไม่ต้องพุดอะไรทั้งนั้น ผมเห็นได้ในวันที่เขาได้แชมป์UCL ที่อิสตันบูล ปี2005 , สำหรับผมแล้ว ..เขาคือนักเตะที่สุดยอดเลยล่ะ" เปรียบเทียบระหว่าง เจอราด - วิเอร่า หน่อยสิ "เขาเป็นนักเตะที่สไตล์แตกต่างกัน แพทริคเป็นholding midfielder เป็นคนที่มีความสามารถในการพาบอลเข้าไปยิงเองได้ด้วย , Stevie G คือคนที่จะเล่นอยู่กับบอลตลอด และมุ่งหน้าที่จะทำประตูตลอดทุกเกมส์ ,มันยากที่จะเปรียบเทียบ2คนนี้ ,มันเหมือนกับการเปรียบเทียบระหว่าง Paul Scholes กับ Roy Keane เขาเป็นนักเตะที่สุดยอดเหมือนกัน แต่ทำหน้าที่คนละอย่างในสนาม" คุณคิดว่าเจอราดเป็นนักเตะในอันดับที่เท่าไรของโลก ในความคิดคุณน่ะ? "สำหรับผม ผมจะพูดเสมอว่า เขาคือคนนึงที่จะเป็นหนึ่งในการถูกพิจาราณาว่าเป็นสุดยอดมิดฟิลด์ที่ดีที่ สุดคนนึงเมื่อเขาสิ้นสุดการค้าแข้งของเขา อย่างไม่ต้องสงสัย , โอเค เขาไม่ได้โชว์โอ้อวดอะไร ไม่ได้มีอะไรมาก ก็คือคนๆนึงที่ลงสนามไปแล้ว ทำประตูได้ส่ำเสมอ และเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพือให้ทีมชนะให้ได้ นั่นคือทั้งหมดของฟุตบอล , เขาเป็นคนที่จุดประกายไฟให้ลิเวอร์พูล" สำหรับคุณ..อะไรที่คิดว่าเป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของเจอราดในสนาม? "เอ่ออ...จะเริ่มจากตรงไหนล่ะ ? บางทีผมอาจจะบอกว่า เมื่อเขาต้องการจะลงสนามไปโชว์ฝีเท้า เขาทำได้ ดูที่อิสตันบูลเดะ..เขาต้องการให้ทีมเล่นเพื่อให้ทีมคัมแบ๊ก และเขาก็ทำได้ และทำได้ดีด้วย เขาจะเล่นแบบถวายหัวเลย และจะไปแทนที่ตำแหน่งของคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ตำแหน่ง , ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบกับไอ้หมอนี่จริงๆ ,แม้กระทั่งเขาไม่ได้เล่นในฟอร์มที่สุดยอด คุณก็ยังไว้ใจเขาได้อยู่ดี" คุณคงไม่เคยเจอกับนักเตะที่เล่นกับสโมสรบ้านเกิดมายาวนานถึง10ปีละสิใช่มะ? "อืม..ส่วนมากจะเป็นที่อังกฤษมากกว่าประเทศ อื่นนะ ,เป็นเรื่องที่ดีที่ในประเทศอังกฤษทำให้นักเตะ อยากเล่นในทีมบ้านเกิด และกลายเป็นคนHeroของคนในบ้านเกิด ,แต่มันมหัศจรรย์มากที่สตีวี่ทำได้ และกำลังทำอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่ว่าเขาจะเฉื่อยแฉะตลอดเวลาที่ผ่าน เขาอยู่ที่นี่มา10ปี โชว์ฝีเท้า ,ทำประตู ,จ่ายบอล และการกระทำต่างกับทีมของเขา ไม่มีใครเคยสงสัยเลยกับสิ่งที่เขาทำเพื่อลิเวอร์พูล.. "Stevie G" สำหรับผมแล้ว เขาคือลิเวอร์พูล " ที่มา..LFC.TV แปล..ar14 จากคุณ : howk_ky - [ 21 พ.ย. 51 11:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมรู้ว่าเจมี คาร์ราเกอร์เคยพูดว่าเขาจะไม่ขอแลกเจอร์ราดกับผู้เล่นคนไหน เอ่อ...ที่จริงอยากช่วยแปล แต่ตอนนี้ไม่สะดวกใช้ Internet ค่ะ T_T ขอบคุณฮ้อกกี้มากๆค่ะ ที่เอามาให้อ่านกัน รักเจิดจริงๆ จากคุณ : Abandoned Star - [ 21 พ.ย. 51 13:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Steven Geerrard Part 16 ธงทีมชาติ STEVIE G: FLYING THE FLAG FOR ENGLAND ที่มา เวบทางการ แปลโดย howk_ky ลองมาดูบทบาทในทีมชาติของกัปตันหงส์แดงกันบ้างนะคะ เกมส์แรกในนามทีมชาติของกัปตัน เป็นเกมส์กระชับมิตรกับยูเครนในวันที่ 31 พฤษภาคม 2000 เหตุผลหลักๆ 2 เหตุผลที่วันนี้มีความหมายต่อเจอร์ราร์ดก็คือ ไม่ใช่เพียงแค่เขาได้ก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่เท่านั้น แต่เป็นการถูกเลือกเข้ามาโดยตัวเควิน คีแกนเองด้วยให้เขาได้เป็น 1 ในนักเตะที่จะได้ไปแข่งยูโรปี 2000 มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากในวันเกิดของเด็กชายคนหนึ่ง ที่เพิ่งจะมีอายุครบ 20 ปีเมื่อวานนี้เอง และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ เขาเพิ่งเล่นเกมส์ให้กับลิเวอร์พูลชุดใหญ่ไปแค่ 18 เดือน โดยได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 44 เกมส์เท่านั้นเอง ฟอร์มการเล่นในคืนนั้นของเขา ที่ได้รับการสนับสนุนจากเชรา อุลลิเย่เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เขาได้รับเกียรติให้ร่วมทีมไปเบลเยี่ยมและ ออสเตรียเท่านั้น แต่มันหมายถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นหนึ่งในดาวเด่นในทีมชาติอังกฤษด้วย อย่างไรก็ตาม ก็เป็นปกติของคนที่ด้อยประสบการณ์ อาการบาดเจ็บจำกัดบทบาทของเขาในการแข่งขัน เขาได้ลงเล่นไม่นานนักโดยเป็นตัวสำรองที่น่าประทับใจในเกมส์ชนะเยอรมัน 1-0 โดยอยู่ฝ่ายตรวกับกับเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลอย่างฮามันท์ มันเป็นความผิดหวังเล็กน้อยสำหรับสตีวี่ แต่ก็ไม่นานนัก เขาก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของทั้งสโมสรและทีมชาติ ฤดูกาล 2000-2001 ที่ไม่ธรรมดาซึ่งเขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่ทำให้ทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ สำเร็จส่งผลได้เขาติดทีมชาติและได้เผชิญหน้ากับเยอรมันอีกวาระหนึ่ง เกมส์นั้นเป็นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก แข่งที่มิวนิค และเจอร์ราร์ดยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้ โดยอังกฤษชนะเยอรมันไป 5-1 แต่ถึงอย่างไรก็เป้นที่ปรากฎชัดว่า เขาเป็นส่วนสำคัญในทีมภายใต้การคุมทีมของสเวน โกรัน อีริคสัน เจอร์ราร์ดต้องพลาดการไล่ล่าแชมป์เวิร์ค คัพ 2002 การการบาดเจ็บ ซึ่งทำให้เขาต้องเขาผ่าตัดโคนขาหนีบ มันเป็นเรื่องไม่คาดฝัน ด้วยความที่เขาเป็นตัวนำโชคที่วิเศษของอังกฤษซึ่งยังคงต้องพบกับความพ่ายแพ้ ในการแข่งขันระดับชาติ มันคือเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่จะต้องมาถึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ในไม่ช้า เมื่อเริ่มยูโร 2004 เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก และสื่อมวลชนต่างเริ่มคาดเดาถึงอนาคตของเรากับระดับของสโมสร เจอร์ราร์ดต้องต่อสู้เพื่อสร้างความประทับใจในเกมส์การเล่นของเขา มันเป็นเรื่องที่แตกต่างระหว่างระดับของสโมสรกับการเดินต่อไปของเขาสู่จุด สูงสุดกับสโมสร ดูจากการเป็นฮีโร่ที่อิสตันบูลกับการแสดงออกในนัดชิง เอฟ เอ คัพ 2006 ที่ภายหลังถูกเรียกว่า "เดอะ เจอร์ราร์ด ไฟนัล" เมื่อมองย้อนกลับไปถึงฟอร์มในอดีตของเขาเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเขาจะ เป็นส่วนหนึ่งของ เวิร์ค คัพที่เยอรมัน เมื่อเจอร์ราร์ดทำให้คนทั้งโลกประทับใจ และอีกครั้งที่อังกฤษล้มเหลว ถึงแม้จะทำประตูในเกมส์กับตริแดด แอนด์ โตเบโก้ และสวีเดน แต่เจอร์ราร์ดก็พลาดจุดโทษและพ่ายแพ้ต่อโปรตุเกส และนั่นเป็นการสิ้นสุดการคุมทีมของสเวน โกรัน อิริคสัน และได้สตีฟ แมคคลาเรนมาแทน งานแรกของอดีตผู้จัดการทีมมิดเดิ้ลสโบว์คือการหากัปตันทีมคนใหม่ และได้จอห์น เทอร์รี่เป็นกัปตันทีม และสตีเว่น เจอร์ราร์ดเป็นรองกัปตัน ความล้มเหลวในยูโร 2008 เริ่มต้นในเดือนกันยายน 2007 เริ่มด้วยชัยชนะเหนืออันดอร์ร่าที่โอล แทรฟฟอร์ด 5-0 ก่อนนะเล่นเกมส์ที่ 50 ในทีมชาติในเกมส์ที่ชนะมาซิโดเนีย 1-0 อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่ 2 ประตูที่เป็นแรงดันดาลใจในเกมส์เยือนอันดอร์ร่า อังกฤษคงจะต้องออกจากการแข่งขันรายการนี้ไปแล้ว แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังและไม่ได้ไปออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์จากการแพ้รัส เซียและโครเอเชียใน 2 แมทซ์สุดท้ายในรอบคัดเลือก จบเกมส์สำหรับแมคคลาเรนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และอังกฤษจะกลับมาสู้ใหม่เพื่อบอลโลกปี 2010 โดยมีฟาบิโอ คาเปลโล่ เป็นผู้จัดการทีม สตีวี่เองเล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมส์แรกของคาเปลโล่ในการคุมทีมกับสวิสเซอร์ แลนด์ และทำประตูแรกภายใต้การคุมทีมของคาเปลโล่ได้ในเกมส์กับสหรัฐอเมริกาในเดือน พฤษภาคม 2008 เกมส์ล่าสุดในนามทีชาติ เขาลงเล่นและทำประตูได้ในเกมส์ที่เอาชนะเบรารูส 3-1 และเป็นเกมส์ที่ 70 ในนามทีมชาติ และแน่นอนว่าเขาจะต้องสามารถบันทึกเกมส์ที่ 100 ให้กับทีมชาติอังกฤษก่อนที่จะเลิกเล่นอย่างแน่นอน จากคุณ : howk_ky - [ 21 พ.ย. 51 14:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ++ Steven Gerrard Week Part 17: Reade Talk ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ตอน นี้เป็นบทความของ Brian Reade ที่เขียนถึงกัปตันไดนาโม สตีเวน เจอร์ราด ดังนี้ สำหรับผมมันต้องใช้เวลาจนกระทั่งถึงเดือนนี้เพื่อขจัดข้อสงสัยออกจากใจว่ามี แค่เคนนี่ เดลกลิชคนเดียวที่อยู่เหนือเจอร์ราดในตำแหน่งผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดตลอดกาล ตอนนั้นเป็นเวลา 21.35 น. (เวลาที่ถนน Kemlyn) ของวันที่ 4 พ.ย. ในช่วงทดเวลาเจ็บนาทีที่ 4 ในเกมส์กับแอตฯ มาดริด ลิเวอร์พูลกำลังจะพ่ายแพ้และจะต้องพบความยากลำบากในการเป็นแชมป์กลุ่มในราย การแชมเปียนลีกและตอนเดินทางกลับบ้านผมอาจต้องเจอกับโทรศัพท์ที่กล่าวถึง ประเด็นต่างๆ ที่แย่ๆ หลังเกมส์นี้ และทันใดนั้นเจอร์ราดทำมันได้อีกครั้ง เขาทะยานเข้าไปในกรอบเขตโทษ เบียดกองหลังคนนั้นเพื่อไปรับลูกครอสและก็ได้จุดโทษ ผู้เล่นแอตฯ มาดริดกรูกันเข้าไปขอร้องไลน์แมนให้เปลี่ยนคำตัดสิน กรรมการควักใบเหลืองออกมาแจก เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งใจดังไปทั่วแอนฟิลด์ ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น บาร์ต่างๆ ทั่วยุโรปไปจนกระทั่งในห้องน้ำ ในขณะที่สายตาหลายล้านคู่ปรารถณาให้เขาล้มเหลวในการยิงลูกโทษนั้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่บีบหัวใจอันนั้น เด็กหนุ่มจาก Huyton ยืนสงบนิ่ง จิตใจของเขาจดจ่อยู่ที่จะยิงไปตรงไหนของประตู และเขาก็ทำมันได้อีกครั้งด้วยส่งลูกบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายเหมือนกับที่เขาทำ ได้กับเดวิด เจมส์ในช่วงบีบหัวใจในเกมส์ก่อนหน้านั้น การช่วยทีมไว้ถึงสองครั้งสองคราด้วยหัวใจที่กล้าหาญ ความมั่นอกมั่นใจและพรสวรรค์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความยิ่งใหญ่ คนที่ยิ่งใหญ่บางคนเกิดมาเพื่อเป็นนักวาดภาพ ผู้นำ หรือนักปรัชญา แต่เพราะว่า “เขาทำมันได้อีกครั้ง” ในสีเสื้อลิเวอร์พูลเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสตีเวน เจอร์ราดถึงเกิดมาบนโลกใบนี้ ผมมักจะไม่เห็นด้วยที่มีคนกล่าวเกี่ยวกับเจอร์ราดว่าลิเวอร์พูลคือ “One Man Team” กัปตันมาเวลคนนี้สามารถสลัดหลุดจากร่มเงาของไบรอัน รอบสันที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับทีมชาติอังกฤษหรือแมนฯ ยู การกล่าวอย่างนี้มันเป็นไม่ยุติธรรมกับเพื่อนร่วมทีมที่เหลือของเขาเลยและ มันเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากชัยชนะของลิเวอร์พูล หลังจากเกมส์กับแอตฯ มาดริดผมตัดสินใจว่าการช่วยทีมของเจอร์ราดจากการที่เกือบจะไม่ได้อะไรกลับ คืนมาเลยในเกมส์ เป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของเขาที่ควรได้รับการยอมรับและเชิด ชู พวกเราต่างรู้ถึงประตูเหล่านี้ดี ตั้งแต่ประตูกับโอลิมเปียกอสถึงประตูที่ยิงได้ในนัดชิงแชมเปียนลีก และประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่เอาชนะแอสตัน วิลล่า ประตูในฤดูกาลนี้กับมิดเดิลสโบร์ และอีกมากมายเหนือคณานับ ซึ่งนั่นเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเขา ครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นเลือกที่จะทำงานให้มันง่าย ตั้งแต่แรก แต่เขามักเป็นผู้ชุบชีวิตทีมให้กลับมาจากความตาย และไม่มีผู้เล่นคนอื่นในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลที่จะทำอย่างนั้นได้ บ่อยอย่างนี้ คุณภาพของเขามันหลากหลายและมากมายเหลือเกิน หากผมต้องเขียนโปสการ์ดถึงแฟนลิเวอร์พูลที่เสียชีวิตก่อนปี 1998 บนสวรรค์ผมจะต้องบรรยายถึงเขาว่าเจอร์ราดคือคนที่มีส่วนผสมระหว่างความเป็น นักสู้ของ Emlyn Hughes และ Graeme Souness แต่สามารถทำประตูได้ดีกว่าสองคนนี้มากนัก คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องที่แฟนๆ ทีมชาติอังกฤษกล่าวว่าทำไมเขาถึงเล่นกับทีมชาติอังกฤษได้ไม่ดีเท่ากับเล่น ให้กับลิเวอร์พูล และนั่นก็เหมือนกับกรณีของจอห์น บาร์นกับทีมชาติอังกฤษและเคนนี เดลกลิชกับทีมชาติสกอตแลนด์ และคำตอบนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมคือเขาได้เล่นกับทีมที่เหมาะกับตัวเขาที่แอ นฟิลด์ต่อหน้าแฟนๆ ที่รักและยกย่องเชิดชูเขา ด้วยความสัตย์จริง ความรักไม่ได้เป็นจริงและคงอยู่เสมอไป ในช่วงสองฤดูกาลที่บ้าคลั่งที่เขาเกือบจะต้องไปร่วมทีมเชลซี พวกเราทั้งหมดต่างตั้งข้อสงสัยว่าเลือดในกายของเด็กหนุ่มคนนี้เป็นสีเดียว กับเราจริงหรือ? อย่างไรก็ตามหลังจากการต่อสู้กับด้านมืดของจิตใจแล้ว เขาตื่นขึ้นมาและบอกกับเราว่าเขาจะอยู่กับเราไปชั่วชีวิตและพวกเราก็ไม่ควร มีข้อสงสัยในตัวเขาอย่างนั้นอีก หลายคนกลับมามั่นอกมั่นใจในตัวเขาเต็มเปี่ยม อย่างไรก็ตามคุณควรจะตัดสินคนจากคำพูด และเจอร์ราดก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทุกคำพูดของเขามันจริงอย่างที่เขาได้ ลั่นวาจาไว้ ถ้าหากหัวใจของเขาไม่ได้กลับมาเป็นสุขอีกครั้ง นั่นอาจเป็นเพราะมันเป็นแนวทางที่เขาเป็นและเป็นส่วนสำคัญที่สร้างตัวเขา ขึ้นมา ผมเคยไปงานปาร์ตี้ในตอนเย็นหลังเกมส์ที่เขาไม่ได้ไปร่วมงานเนื่องจากเขาเจ็บ ปวดที่ต้องสูญเสียแต้มสำคัญไปในตอนบ่ายวันนั้น เขารู้ว่าที่เดียวที่เขาสามารถที่จะผ่อนคลายคือที่บ้านกับความคิดของตัวเขา เอง ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่เกลียดความล้มเหลวและพยายาม ผลักดันตัวเองให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นไป และมากกว่าหนึ่งทศวรรษที่ความปรารถณาที่สมบูรณ์แบบจากคนๆ นี้ได้ช่วยสาวกลิเวอร์พูลอย่างผมจากค่ำคืนอันเลวร้ายมากมายจนจำไม่หมด ในช่วงอายุ 28 ปี เขายังคงยังไม่ถึงจุดสูงสุด และผมมั่นใจว่าเขาจะมีอีกอย่างน้อย 6 ฤดูกาลที่จะทำให้เขาได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเหนือศรีษะ ดังนั้นแล้วจงทำมันอีกครั้ง เพราะว่านั่นเป็นสิ่งที่ “เจอร์ราดเท่านั้นที่ทำได้” จากคุณ : howk_ky - [ 21 พ.ย. 51 14:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ++ Steven Gerrard Week Part 18: Winter Talk ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ตอน นี้เป็นบทความของ Henry Winter ที่เขียนถึงกัปตันไดนาโม สตีเวน เจอร์ราด ดังนี้ ตอนนี้ในโลกนี้ยังมีมิดฟิลด์ซักคนที่มีความสมบูรณ์แบบมากกว่าสตีเวน เจอร์ราดอีกหรือ? กัปตันลิเวอร์พูลทั้งสร้างสรรค์โอกาสทำประตู ยิงประตูเอง เข้าปะทะและผ่านบอล แม้กระทั่งในเกมส์ที่พ่ายแพ้ซึ่งไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนักอย่างในเกมส์กับ สเปอร์ แต่บนหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ยังให้สตีเวน เจอร์ราดเป็นแมนออฟเดอะแมตท์ และในแมตท์ที่ลิเวอร์พูลเหมือนจะพ่ายแพ้อยู่แล้วในเกมส์แชมเปียนลีกกับแอตฯ มาดริด เจอร์ราดก็โผล่ขึ้นมาทำให้ได้จุดโทษแล้วเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันซะอย่างนั้น แม้ว่าจะเป็นจุดโทษที่เป็นที่วิพากวิจารณ์กันก็ตาม หากมีมิดฟิลด์ซักคนที่ผู้จัดการทีมทุกคนอยากมีอยู่ในทีมแล้ว คนๆ นั้นจะต้องเป็นเจอร์ราด เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าเขาเกิดมาเพื่อปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงชี้เป็นชี้ตายในเกมส์และเมื่อความเป็นผู้นำที่สามารถชี้ขาดเกมส์ได้ เป็นที่ต้องการ คุณไปถามโอลิมเปียกอส เอซี มิลาน เวสต์แฮม และแอตฯ มาดริดได้ ฟาบิโอ คาเปลโลซึ่งในตอนแรกที่มารับงานคุมทีมชาติอังกฤษสงสัยถึงวินัยทางแทคติกของ เจอร์ราด ถึงกับต้องทำการเปลี่ยนแปลงบทบาทให้เขาเล่นตัวฟรีเพื่อดึงเอาส่วนที่ดีที่ สุดของเจอร์ราดออกมา ตั้งแต่ที่เจอร์ราดขึ้นมาเล่นชุดใหญ่เมื่อ 10 ปีที่แล้วและค่อยๆ เรียกฟอร์มกลับมาได้หลังจากออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมส์แรกได้แย่ในเกมส์ที่ ต้องเจอกับดาวิด ชิโนล่า เจอร์ราดได้เติบโตจากเด็กพรสวรรค์ที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลาและเล่นแบบไม่ คิดหน้าคิดหลังไปสู่การเล่นอย่างมีคลาสและกลายเป็นคนที่มีภารกิจในการนำลิ เวอร์พูลไปสู่ชัยชนะ เจอร์ราดได้เรียนรู้จากการที่ได้เล่นกับมิดฟิลด์ตัวกลางที่โดดเด่นอย่างแก รี่ แมคอัลลิสเตอร์ซึ่งเป็นคนที่ขอให้เขาลดการเข้าปะทะที่แย่ๆ ลงหน่อย จนทำให้เด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์ได้กลายมาเป็นยอดฝีมืออย่างทุกวันนี้ หากแม้ว่าเจอร์ราดมีเกมส์ที่แย่กับทีมชาติอังกฤษ แฟนๆ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์เขาเพราะว่าแฟนๆ รู้ว่าเจอร์ราดแคร์ถึงความสถานภาพของทีมมากเพียงใด รวมทั้งเขายังแคร์เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของเขายิ่งนัก ความกระหายที่พยายามทำให้เหมือนกับเหล่าฮีโร่บนถนน Huyton ของเขายังคงอยู่ เหล่าแฟนๆ เคารพในสิ่งนั้น สิ่งรอบตัวของเขาอาจเปลี่ยนแปลงไป แมนชั่นหรูเข้ามาแทนที่บ้านที่ทางราชการจัดให้ อย่างไรก็ตามตัวตนของเจอร์ราดหาได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก และนั่นคือคุณลักษณะเฉพาะของคนลิเวอร์พูล เฉกเช่นเดียวกับเจมี คาร์ราเกอร์ที่เขาเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักเหมือนกับเจอร์ราด เพราะว่าครอบครัวและเพื่อนๆ จะไม่มีทางปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ คาร์ราเกอร์ที่หาคนเทียบเคียงกับเขาในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ยากเต็มทีใน ยุโรป ซึ่งมันก็เหมือนกับกรณีของเจอร์ราดที่จะหาคนมาเทียบเคียงกับมิดฟิลด์ที่ สมบูรณ์แบบที่สุดในตอนนี้ได้ยากเต็มที ข้อถกเถียงที่ว่าเจอร์ราดมีคู่แข่งในตำแหน่งมิดฟิลด์หรือไม่นำไปสู่การกล่าว ถึงชื่ออย่างแฟรงค์ แลมพาร์ด จริงอยู่แลมพาร์ดมีจุดแข็งหลายอย่าง พละกำลังในการวิ่งขึ้นวิ่งลง การจ่ายบอลระยะไกลที่น่ากลัว และความสามารถในการสร้างจังหวะยิงประตูในพื้นที่แคบๆ แต่แลมพาร์ดไม่มีคืนวันที่ทำได้เหมือนที่เจอร์ราดทำ นัดชิงชนะเลิศแชมเปียนลีกปี 2005 ได้ชื่อว่าเป็นนัดชิงชนะเลิศของเจอร์ราด นัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพปี 2006 ซึ่งล้วนเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ของเจอร์ราดทั้งนั้น แฟนๆ เชลซีอาจหาคนที่มาท้าทายความสามารถของเจอร์ราดอย่างจอห์น โอบิ มิเกลที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ปักหลักกลางสนามคล้ายกับมาเกเลเล่แต่ผ่านบอลได้หลากหลายมากกว่าโดยเฉพาะใน ตอนที่เปลี่ยนบอลออกด้านกว้างไปให้โบซิงวาหรือแอสลี่ โคล แต่มิเกลยังคงต้องเรียนรู้และยังคงไม่มีความอันตรายในการทำประตูเหมือนเช่น เจอร์ราด ควบคู่ไปกับแลมพาร์ดและมิเกลแล้ว คู่ปรับคนอื่นๆ ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงได้แก่ ซาบีและอินิเอสตาของบาร์เซโลนาทั้งสองคนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในยูโร 2008 อินิเอสตาเป็นนักเตะที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีลูกผ่านยาวระยะ 30 หลาแบบเจอร์ราด ขณะที่ซาบีทำงานหนักมาก ครองบอลมากเกินไปในบางครั้ง แต่ก็มีน้อยครั้งมากที่ควบคุมเกมส์ในพื้นที่สุดท้ายของสนาม แฟนๆ ของอาเซนอลเชส ฟาเบกลาสสามารถเล่นเกมส์ได้เหมือนกับเจอร์ราด แต่จังหวะการเล่นของอาเซนอลช่วยให้เพื่อนร่วมทีมของเขาเล่นได้ง่ายขึ้นด้วย การผ่านบอลเรียดๆ ไปให้กับฟาน เฟอร์ซี่หรืออเดบายอร์ และฟาเบกลาสก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมสเปนที่ประสบความสำเร็จในช่วงซัมเมอร์ที่ ผ่านมา เริ่มต้นที่ม้านั่งสำรองแล้วต่อมาได้แสดงให้เห็นถึงคลาสและการจ่ายบอลที่สุด ยอด แต่ไม่เหมือนเจอร์ราด เฟเบกลาสมักจะเคลื่อนที่ น้อยครั้งนักที่จะจบสกอร์เอง แอนเดรีย ปิโลของเอซี มิลานและทีมชาติอิตาลีก็อาจรวมเข้าไปเป็นนักเตะประเภทเดียวกับฟาเบกลาสได้ เป็นคนสร้างสรรค์โอกาสแต่ไม่ใช่ตัวจบสกอร์ เมื่อเขาฟิตและไม่ต้องถูกโทษแบน พอล สโคลส์จะเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อเกมส์ของแมนฯ ยูและเล่นได้ดีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่เขาได้เลยจุดสูงสุดมาแล้ว คนอื่นๆ ที่คู่ควรกับการกล่าวถึงได้แก่แกเรธ แบรี่ที่สามารถเปลี่ยนบอลได้รวดเร็วและจ่ายบอลได้ดี ในขณะที่โอเวน ฮาร์กรีฟ และไมเคิล คาร์ริกมีจุดแข็งของแต่ละคน ที่ลิเวอร์พูล ซาบี อลองโซแสดงให้เห็นถึงคลาสในซีซั่นนี้โดยเฉพาะในเกมส์กับเชลซีที่สแตมฟอร์ ดบริดที่เขาสกัดกั้นเกมส์รุกของเชลซีเอาไว้ได้หมด อีกทั้งยังหาโอกาสเติมเกมส์บุกและทำประตู สำหรับตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์น้อยคนนักที่จะเทียบเคียงได้กับ ฮาเบียร์ มาสเคราโน ผู้ที่มีคุณภาพทุกอย่างในการสร้างความอึดอัดให้กับเกมส์คู่แข่ง ทุกคนที่กล่าวมาโดดเด่นทั้งนั้น แต่ไม่มีใครมีทุกสิ่งทุกอย่างครบเครื่องเหมือนอย่างเจอร์ราด นักเตะที่อยู่เหนือผู้เล่นมิดฟิลด์ทุกคน จากคุณ : howk_ky - [ 22 พ.ย. 51 08:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ++ Steven Gerrard Week Part 18: Winter Talk ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop ตอนนี้เป็นบทความของ Henry Winter ที่เขียนถึงกัปตันไดนาโม สตีเวน เจอร์ราด ดังนี้ ตอนนี้ในโลกนี้ยังมีมิดฟิลด์ซักคนที่มีความสมบูรณ์แบบมากกว่าสตีเวน เจอร์ราดอีกหรือ? กัปตันลิเวอร์พูลทั้งสร้างสรรค์โอกาสทำประตู ยิงประตูเอง เข้าปะทะและผ่านบอล แม้กระทั่งในเกมส์ที่พ่ายแพ้ซึ่งไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนักอย่างในเกมส์กับ สเปอร์ แต่บนหน้าหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ยังให้สตีเวน เจอร์ราดเป็นแมนออฟเดอะแมตท์ และในแมตท์ที่ลิเวอร์พูลเหมือนจะพ่ายแพ้อยู่แล้วในเกมส์แชมเปียนลีกกับแอตฯ มาดริด เจอร์ราดก็โผล่ขึ้นมาทำให้ได้จุดโทษแล้วเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันซะอย่างนั้น แม้ว่าจะเป็นจุดโทษที่เป็นที่วิพากวิจารณ์กันก็ตาม หากมีมิดฟิลด์ซักคนที่ผู้จัดการทีมทุกคนอยากมีอยู่ในทีมแล้ว คนๆ นั้นจะต้องเป็นเจอร์ราด เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าเขาเกิดมาเพื่อปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงชี้เป็นชี้ตายในเกมส์และเมื่อความเป็นผู้นำที่สามารถชี้ขาดเกมส์ได้ เป็นที่ต้องการ คุณไปถามโอลิมเปียกอส เอซี มิลาน เวสต์แฮม และแอตฯ มาดริดได้ ฟาบิโอ คาเปลโลซึ่งในตอนแรกที่มารับงานคุมทีมชาติอังกฤษสงสัยถึงวินัยทางแทคติกของ เจอร์ราด ถึงกับต้องทำการเปลี่ยนแปลงบทบาทให้เขาเล่นตัวฟรีเพื่อดึงเอาส่วนที่ดีที่ สุดของเจอร์ราดออกมา ตั้งแต่ที่เจอร์ราดขึ้นมาเล่นชุดใหญ่เมื่อ 10 ปีที่แล้วและค่อยๆ เรียกฟอร์มกลับมาได้หลังจากออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมส์แรกได้แย่ในเกมส์ที่ ต้องเจอกับดาวิด ชิโนล่า เจอร์ราดได้เติบโตจากเด็กพรสวรรค์ที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลาและเล่นแบบไม่ คิดหน้าคิดหลังไปสู่การเล่นอย่างมีคลาสและกลายเป็นคนที่มีภารกิจในการนำลิ เวอร์พูลไปสู่ชัยชนะ เจอร์ราดได้เรียนรู้จากการที่ได้เล่นกับมิดฟิลด์ตัวกลางที่โดดเด่นอย่างแก รี่ แมคอัลลิสเตอร์ซึ่งเป็นคนที่ขอให้เขาลดการเข้าปะทะที่แย่ๆ ลงหน่อย จนทำให้เด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์ได้กลายมาเป็นยอดฝีมืออย่างทุกวันนี้ หากแม้ว่าเจอร์ราดมีเกมส์ที่แย่กับทีมชาติอังกฤษ แฟนๆ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์เขาเพราะว่าแฟนๆ รู้ว่าเจอร์ราดแคร์ถึงความสถานภาพของทีมมากเพียงใด รวมทั้งเขายังแคร์เกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของเขายิ่งนัก ความกระหายที่พยายามทำให้เหมือนกับเหล่าฮีโร่บนถนน Huyton ของเขายังคงอยู่ เหล่าแฟนๆ เคารพในสิ่งนั้น สิ่งรอบตัวของเขาอาจเปลี่ยนแปลงไป แมนชั่นหรูเข้ามาแทนที่บ้านที่ทางราชการจัดให้ อย่างไรก็ตามตัวตนของเจอร์ราดหาได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก และนั่นคือคุณลักษณะเฉพาะของคนลิเวอร์พูล เฉกเช่นเดียวกับเจมี คาร์ราเกอร์ที่เขาเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักเหมือนกับเจอร์ราด เพราะว่าครอบครัวและเพื่อนๆ จะไม่มีทางปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ คาร์ราเกอร์ที่หาคนเทียบเคียงกับเขาในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ยากเต็มทีใน ยุโรป ซึ่งมันก็เหมือนกับกรณีของเจอร์ราดที่จะหาคนมาเทียบเคียงกับมิดฟิลด์ที่ สมบูรณ์แบบที่สุดในตอนนี้ได้ยากเต็มที ข้อถกเถียงที่ว่าเจอร์ราดมีคู่แข่งในตำแหน่งมิดฟิลด์หรือไม่นำไปสู่การกล่าว ถึงชื่ออย่างแฟรงค์ แลมพาร์ด จริงอยู่แลมพาร์ดมีจุดแข็งหลายอย่าง พละกำลังในการวิ่งขึ้นวิ่งลง การจ่ายบอลระยะไกลที่น่ากลัว และความสามารถในการสร้างจังหวะยิงประตูในพื้นที่แคบๆ แต่แลมพาร์ดไม่มีคืนวันที่ทำได้เหมือนที่เจอร์ราดทำ นัดชิงชนะเลิศแชมเปียนลีกปี 2005 ได้ชื่อว่าเป็นนัดชิงชนะเลิศของเจอร์ราด นัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพปี 2006 ซึ่งล้วนเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ของเจอร์ราดทั้งนั้น แฟนๆ เชลซีอาจหาคนที่มาท้าทายความสามารถของเจอร์ราดอย่างจอห์น โอบิ มิเกลที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ปักหลักกลางสนามคล้ายกับมาเกเลเล่แต่ผ่านบอลได้หลากหลายมากกว่าโดยเฉพาะใน ตอนที่เปลี่ยนบอลออกด้านกว้างไปให้โบซิงวาหรือแอสลี่ โคล แต่มิเกลยังคงต้องเรียนรู้และยังคงไม่มีความอันตรายในการทำประตูเหมือนเช่น เจอร์ราด ควบคู่ไปกับแลมพาร์ดและมิเกลแล้ว คู่ปรับคนอื่นๆ ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงได้แก่ ซาบีและอินิเอสตาของบาร์เซโลนาทั้งสองคนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในยูโร 2008 อินิเอสตาเป็นนักเตะที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีลูกผ่านยาวระยะ 30 หลาแบบเจอร์ราด ขณะที่ซาบีทำงานหนักมาก ครองบอลมากเกินไปในบางครั้ง แต่ก็มีน้อยครั้งมากที่ควบคุมเกมส์ในพื้นที่สุดท้ายของสนาม แฟนๆ ของอาเซนอลเชส ฟาเบกลาสสามารถเล่นเกมส์ได้เหมือนกับเจอร์ราด แต่จังหวะการเล่นของอาเซนอลช่วยให้เพื่อนร่วมทีมของเขาเล่นได้ง่ายขึ้นด้วย การผ่านบอลเรียดๆ ไปให้กับฟาน เฟอร์ซี่หรืออเดบายอร์ และฟาเบกลาสก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมสเปนที่ประสบความสำเร็จในช่วงซัมเมอร์ที่ ผ่านมา เริ่มต้นที่ม้านั่งสำรองแล้วต่อมาได้แสดงให้เห็นถึงคลาสและการจ่ายบอลที่สุด ยอด แต่ไม่เหมือนเจอร์ราด เฟเบกลาสมักจะเคลื่อนที่ น้อยครั้งนักที่จะจบสกอร์เอง แอนเดรีย ปิโลของเอซี มิลานและทีมชาติอิตาลีก็อาจรวมเข้าไปเป็นนักเตะประเภทเดียวกับฟาเบกลาสได้ เป็นคนสร้างสรรค์โอกาสแต่ไม่ใช่ตัวจบสกอร์ เมื่อเขาฟิตและไม่ต้องถูกโทษแบน พอล สโคลส์จะเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อเกมส์ของแมนฯ ยูและเล่นได้ดีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่เขาได้เลยจุดสูงสุดมาแล้ว คนอื่นๆ ที่คู่ควรกับการกล่าวถึงได้แก่แกเรธ แบรี่ที่สามารถเปลี่ยนบอลได้รวดเร็วและจ่ายบอลได้ดี ในขณะที่โอเวน ฮาร์กรีฟ และไมเคิล คาร์ริกมีจุดแข็งของแต่ละคน ที่ลิเวอร์พูล ซาบี อลองโซแสดงให้เห็นถึงคลาสในซีซั่นนี้โดยเฉพาะในเกมส์กับเชลซีที่สแตมฟอร์ ดบริดที่เขาสกัดกั้นเกมส์รุกของเชลซีเอาไว้ได้หมด อีกทั้งยังหาโอกาสเติมเกมส์บุกและทำประตู สำหรับตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์น้อยคนนักที่จะเทียบเคียงได้กับ ฮาเบียร์ มาสเคราโน ผู้ที่มีคุณภาพทุกอย่างในการสร้างความอึดอัดให้กับเกมส์คู่แข่ง ทุกคนที่กล่าวมาโดดเด่นทั้งนั้น แต่ไม่มีใครมีทุกสิ่งทุกอย่างครบเครื่องเหมือนอย่างเจอร์ราด นักเตะที่อยู่เหนือผู้เล่นมิดฟิลด์ทุกคน http://www.hongmarnz.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=26621#296365 จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 22 พ.ย. 51 09:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ++ Steven Gerrard Week Part 19: 10 สุดยอดความสำเร็จ ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop มาดู 10 สุดยอดความสำเร็จส่วนตัวของกัปตันไดนาโม สตีเวน เจอร์ราดกันบ้างครับว่ามีอะไรกันบ้าง เรื่องที่ 1 การประเดิมสนาม ย้อนกลับไปวันที่ 2 พ.ย.1998 ตอนนั้นที่เพลง Believe ของวง Cher ยังคงติดท็อปชาร์ตและในตอนที่บิล คลินตันยังคงยืนยันว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แต่ในโลกของฟุตบอลมีเด็กหนุ่มหน้าใหม่จาก Huyton ที่ชื่อว่าสตีเวน เจอร์ราดได้ลงสนามเป็นเกมส์แรกในทีมลิเวอร์พูลชุดใหญ่ ตอนนั้นเขาลงสนามแทนที่ของเวการ์ด เฮกเกมในนาทีที่ 90 ในเกมส์ที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะแบล็กเบิร์นไปได้ 2-0 ที่แอนฟิลด์ มันอาจเป็นจุดเล็กๆ แต่ช่วงเวลาสั้นๆ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนั้นเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทที่อาจจะนำไป สู่การได้ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางค้าแข้งที่แอนฟิลด์ เขากระเหี้ยนกระหือรือที่จะสร้างความประทับใจด้วยการวิ่งเป็นบ้าเป็นหลัง ด้านริมเส้นฝั่งขวา เจอร์ราดเดินหน้าลงสนามถึง 13 เกมส์ด้วยการเรียนรู้จากเจมี เรดแนปในฤดูกาลนั้น เกมส์ที่น่าจดจำที่สุดของเขาก็คือเกมส์ที่เขาได้ลงในช่วงสั้นๆ 20 นาทีกับเอเวอร์ตันซึ่งนับเป็นการลงสนามในเกมส์ดาร์บี้ครั้งแรกของเขาด้วย เรื่องที่ 2 การยิงประตูแรก ตอนนั้นอุลลิเลย์ให้เจอร์ราดเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาและมิดฟิลด์ตัวกลางก่อนที่ เด็กคนนี้จะแสงให้เห็นว่าเขารู้ว่าจะทำประตูได้อย่างไรในเกมส์กับเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 1999 ตอนนั้นเป็นการลงสนามนัดที่ 25 ของเขาแล้วก่อนที่จะทำประตูแรกได้ เขายิงประตูที่สามได้ในชัยชนะ 4-1 ด้วยการยิงเข้ามุมเสาไกลผ่านเควิน เพลสแมน เขาแสดงให้โลกเห็นว่าเขาสามารถทำประตูได้ และการเล่นที่ชาญฉลาดในเกมส์ที่เอาชนะลีดส์ 3-1 ในอีกสองเดือนต่อมาเป็นเครื่องยืนยันว่าเจอร์ราดเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่มี อนาคตสดใสที่สุดในช่วงเวลานั้น เรื่องที่ 3 การได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ด้วยการทำประตูได้ 10 ประตู เจอร์ราดในตอนนั้นอายุ 20 ปีได้รับรางวัลความสำเร็จส่วนตัวเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2001 เขาสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง Emile Heskey, Wes Brown, Michael Carrick, Joe Cole และ Alan Smith คว้ารางวัลไปครองได้จากผลงานการช่วยทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ “มันมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับรางวัลนี้เมื่อปีที่แล้ว และผมต้องการที่จะคว้ารางวัลนี้ไปครองจริงๆ ในปีนี้” เจอร์ราดกล่าวในปีนั้น “ผมมีความยินดีที่คว้ารางวัลนี้มาได้เพราะว่ามันเป็นรายชื่อผู้ได้รับการ เสนอเข้ารับรางวัลที่ดีมาก รวมทั้งมีนักเตะดาวรุ่งที่ดีมากที่เล่นอยู่ในตอนนี้” 5 ปีหลังจากนั้นเจอร์ราดได้ถูกโหวตให้ได้รับรางวัล PFA Players' Player of The Year จากเพื่อนร่วมอาชีพ เรื่องที่ 4 ฤดูกาลคว้า 3 แชมป์ เจอร์ราดไม่สามารถคว้าถ้วยใดๆ ได้ในฤดูกาลที่เขาประเดิมสนามและได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง เขาเดินหน้าและช่วยให้ทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ เจอร์ราดลงสนามเคียงบ่าเคียวไหล่กับไมเคิล โอเวนและทำประตูแล้วประตูเล่าช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกคัพ เอฟเอคัพ และยูฟ่าคัพ มิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบรายนี้ทำประตูได้ในเกมส์กับอลาเบสในรอบชิงชนะเลิศยู ฟ่าคัพปิดท้ายฤดูกาลที่งดงามของเขาและลิเวอร์พูลผ่านเข้าไปเล่นในถ้วยแชมป์ เปียนลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เรื่องที่ 5 การได้เป็นกัปตันทีม ด้วยอายุในตอนนั้นแค่ 23 ปีเขารับหน้าที่กัปตันทีมต่อจากซามี ฮูเปียในปี 2003 เกมส์แรกที่เขาสวมปลอกแขนกัปตันทีมลงเล่นก็คือเกมส์ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะ NK Olimpija Ljubljana จากสโลวีเนียไปได้ 3-0 ในฟุตบอลยูฟ่าคัพรอบแรกนัดที่สอง ตอนนั้นมีข่าวว่าเขาจะสานต่อตำนานของนักเตะที่ยิ่งใหญ่อย่าง Graeme Souness และ Emlyn Hughes และเจอร์ราดก็ไม่สามารถซ่อนความดีใจเอาไว้ได้เลย “ผู้จัดการทีมพูดอยู่เสมอว่าผมจะได้เป็นกัปตันทีมของสโมสรในสักวัน แต่เมื่อวานผมก็ต้องชอคเมื่ออุลลิเยร์บอกผมว่าผมต้องเป็นกัปตันทีมตั้งแต่ บัดนี้เป็นต้นไป” เจอร์ราดกล่าวในตอนนั้น “ผมเคยเป็นกัปตันตอนอยู่โรงเรียนและผมก็เคยชินกับการที่มาแอนฟิลด์เพื่อชม เกมส์ ซึ่งผมก็ยกย่องคนอย่างจอห์น บาร์นที่เป็นกัปตันทีมในตอนยุค 90 ผมต้องการก้าวไปเป็นผู้เล่นระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเป็น และผมหวังว่าการเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลจะช่วยให้ผมทำฝันอันนั้นได้สำเร็จ” เรื่องที่ 6 ฤดูกาล 2004/05 จริงๆ แล้วเราอาจมีทั้ง 10 เรื่องในฤดูกาลนี้ฤดูกาลเดียวเลยนะ แต่อย่างไรก็ตามไม่ต้องสงสัยเลยว่าสุดยอดแห่งชัยชนะของเจอร์ราดคือการคว้า ถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนลีกเมื่อวันที่ 25 พ.ค. แต่ความมุ่งมั่นทุ่มเทของเขาไม่ได้มีเฉพาะประตูที่เขาทำได้ด้วยลูกโหม่งใน เกมส์กับเอซี มิลาน มันยังรวมถึงลูกยิงของเขากับ Graz AK ลูกยิง 25 หลากับ Olympiacos ลูกฟรีคิกอันสุดยอดกับ Everton และลูกโหม่งในนาทีที่ 54 ในเกมส์กับมิลาน รวมถึงการเล่นเป็นแบ็กขวาในตอนที่โดนบุกอย่างหนักที่อิสตันบูล ฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความสำเร็จส่วนตัวสำหรับเจอร์ราด ไม่ว่าลิเวอร์พูลเคยได้แชมป์ยูโรเปียนคัพมากี่ครั้งแล้ว แต่แฟนลิเวอร์พูลทุกที่จะต้องมองกลับไปปีนี้และนัดชิงนัดนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลของเจอร์ราด ชื่อของเขาเป็นถูกนำหน้าด้วยคำว่า “ผู้ปลุกขวัญกำลังใจ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรื่องที่ 7 นัดชิงของเจอร์ราด ลิเวอร์พูลเหมือนกำลังจะพ่ายแพ้แล้วในเกมส์นัดชิงเอฟเอคัพปี 2006 ตกเป็นรอง 2-1 และเหลือแค่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเท่านั้น ลิเวอร์พูลต้องการสิ่งมหัศจรรย์เพื่อกลับมาเจอร์ราดทำประตูตีเสมอและทำให้ เกมส์ต้องต่อเวลาออกไป เหมือนที่ราฟาเคยพูดก่อนหน้าสัปดาห์นี้ เจอร์ราดไม่ใช่แค่ทำประตู แต่เขาทำประตูสุดพิเศษ และเขาเป็นตัวอย่างที่สุดยอด เจอร์ราดยิงประตูเข้าเสาไกลสุดปัญญาของซากา ฮิสลอปจะเซฟได้ช่วยลิเวอร์พูลเอาไว้อีกครั้ง และนั่นหมายความว่าลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้เป็นสมัยที่ 7 ในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เรื่องที่ 8 เครื่องราชย์ MBE เกียรติยศสูงสุดตกเป็นของเจอร์ราดในเดือน ธ.ค. ปี 2006 เจอร์ราดเข้าเฝ้าฯ ควีนอลิซาเบธที่ 2 และกลายเป็น Member of the British Empire ซึ่งนับเป็นความสำเร็จส่วนตัวและวันแห่งความภาคภูมิใจของครอบครัวเขา วลีที่ว่า “ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการเล่นฟุตบอล” เป็นสิ่งที่เหมาะสมในการใช้จำกัดความสตีเวน เจอร์ราด และในวันนั้นที่พระราชวัง Buckingham เขาก็ดูหล่อเหลาเอาการ เรื่องที่ 9 สถิติการยิงประตูในเกมส์ยุโรป กัปตันทีมเจอร์ราดเป็นเจ้าของสถิติทำประตูได้มากที่สุดในถ้วยยุโรปทุกถ้วย และเป็นเจ้าของสถิติทำประตูได้มากที่สุดในถ้วย European Cup ในเดือน ส.ค. ปี 2005 เขากลายเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลคนแรกที่ยิงประตูได้ในเกมส์ยุโรป 5 เกมส์ติดต่อกัน ในขณะที่ฤดูกาล 2005/06 เขาทำสถิติเทียบเท่าสถิติของสโมสรด้วยการทำ 7 ประตูในถ้วย European Cup ในฤดูกาลเดียว ในฤดูกาล 2007/08 เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำประตูได้ในเกมส์ยุโรป 4 เกมส์ติดต่อกันที่แอนฟิลด์ เรื่องที่ 10 การยิงได้ครบ 100 ประตู ตอนนี้เจอร์ราดเข้าไปอยู่ในทำเนียบของนักเตะอย่าง Ian Rush, Roger Hunt, Billy Lidell และ Kenny Dalglish ในกลุ่มของนักเตะที่ยิงได้เกิน 100 ประตู เมื่อเขาระเบิดตาข่ายด้วยลูกฟรีคิกได้ในเกมส์กับ PSV ต่อหน้าเดอะคอป มันอาจดูเหมือนว่าเป็นเวลายาวนานหลังจากที่ยิงเข้าแล้วแต่ไม่เป็นประตูใน เกมส์กับสโตค แต่อย่างไรก็ตามการทำได้ 100 ประตูในการลงสนามแค่ 400 กว่าเกมส์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจอร์ราดทำประตูให้ลิเวอร์พูลได้ 100 ประตูจากการลงสนาม 448 เกมส์ ขณะที่ Bobby Charlton ยิงให้แมนฯ ยู 249 ประตูจากการลงสนาม 758 เกมส์ ดังนั้นแล้วมันไม่เลวเลยใช่มั๊ย? http://www.hongmarnz.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=26623#296366 จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 22 พ.ย. 51 09:01:46 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ++ Steven Gerrard Week Part 20: Top 5 Teammate++ ที่มา: เวปทางการ แปล: maprang เจอร์ราดได้เลือก top 5 ในด้านต่างๆมาหลายอันแล้ว คราวนี้เราจะมาดู top5 คู่หูในสนามของเจอร์ราดกันบ้าง ว่ากัปตันทีมคนเก่งของเราคนนี้จะยกให้ใครเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมทีม 5 คนตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ที่ผ่านมามันเป็นโชคของผมนะครับ ผมได้ลงเล่นร่วมกับนักเตะระดับเทพจุติมากกมาย อย่างที่ไม่สามารถจะเอาไปเปรียบกับอะไรได้เลย ผมคงไม่ต้องบอกว่ามันยากแค่ไหนที่จะต้องเลือกแค่ 5 คน คนที่ผมอยากเลือกจริงๆมีเป้น 20-30 คนเลย แต่ก็นะ..ตอนนี้ผมมีในใจแล้วล่ะครับว่าใครคือ 5 คนที่ผมมองว่าเจ๋งที่สุดที่จะเล่นด้วยในสนาม ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมเลือกแค่คนที่เล่นกับผมที่ลิเวอร์พูลเท่านั้น ในทีมชาติมีนักเตะเก่งๆเยอะ แต่ผมสนิทคุ้นเคยกับเด็กหงส์ด้วยกันมากกว่า เพราะงั้นผมจะเลือกจากเฉพาะในสโมสรเท่านั้นนะครับ อ้อ..แล้วก็ผมไม่เรียงตามลำดับนะครับ เรียงจากตำแหน่งในสนามแล้วกัน เอาล่ะครับ คนแรกของผม.. เปเป้ เรน่า เปเป้เป้นสุดยอดผู้รักษาประตูเท่าที่ผมเคยเล่นด้วยมาก่อนเลยครับ นอกจากในฐานะผู้รักษาประตูแล้วในฐานะนักเตะเค้าก็ยังอยู่ในกลุ่มคนระดับท็อป ที่เคยอยู่ทีมเดียวกับผม ตอนนี้ผมว่าเปเป้เป็นผู้รักษาประตู 1 ใน 3 สุดยอดของโลกฟุตบอลได้เลย เค้าเป็นคนที่เจ๋งเอามากๆ และจะเป็นส่วนสำคัญที่เราจะประสบความสำเร็จในอนาคต ผมว่าคนคนนี้แหละครับหมายเลขหนึ่งที่จะมาเป็นกัปตันทีมแทนผม คนต่อไป เจมี่ คาราเกอร์ ไม่มีคนนี้คงไม่ได้นะครับ เจมี่เล่นในทีมหงส์แดงเคียงคู่ผมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เค้าพัฒนาตัวอยู่เสมอ ผมว่าสามสี่ปีที่ผ่านเค้าถือว่าเป็นกองหลังระดับท็อปของโลกได้เลย อาจจะมีคนกล่าวหาว่าผมเข้าข้างรูมเมทของผม แต่ดุฟอร์มในสนามก็จะรู้ได้ว่าที่ผมพูดมันจริงทุกอย่าง จะมีใครบ้างล่ะครับที่เล่นได้สม่ำเสมอขนาดนี้ คนต่อไปของผมก็คือ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เค้าเป็นฮีโร่ในวัยละอ่อนของผม การที่เคยได้ลงเล่นร่วมกับฟาวเลอร์มันช่างพิเศษ เหมือนรายการฝันที่เป็นจริงยังไงอย่างงั้นเลยครับ ฟาวเลอร์เป็นตำนานของสโมสรซึ่งก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก สถิติมากมายที่เขาเคยทำไว้มันบอกทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ฟาวเลอร์ก็ยังติดต่อกับพวกเราที่นี่เสมอ และผมว่าเค้าคงทำไปตลอดน่ะแหละครับ เพราะเค้ารักลิเวอร์พูลมากๆ สองคนสุดท้ายของผมก็ยังอยู่ในตำแหน่งกองหน้าและคงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ –ไมเคิล โอเว่น กับ เฟอร์นันโด ตอเรส ผมกับโอเว่นเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และเราเข้ากันได้รวดเร็วและต่างโดดเด่นในสนาม ผมชอบที่จะได้เล่นคู่กับโอเว่น ผมรู้จักโอเว่นทุกการเครื่องไหว มันเหมือนกับว่าเราสองคนจะเข้าขากันแบบนี้ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ที่เหลือเชื่อก็คือผมรู้สึกอย่างเดียวกันเลยกับเฟอร์นันโด เราเข้ากันได้ดีมากในสนาม เชื่อขนมกินได้เลยครับว่าตอนนี้ตอเรสยังไม่ถึงจุดพีคของเค้าเลย เค้ายังเด็กและจะพัฒนาไปเป็นนักเตะสุดยอดของสุดยอดได้แน่ๆ เพราะตอนนี้ตอเรสก็เป็นหนึ่งในนั้นอยู่แล้ว เป็นไงบ้างครับ นี่แหละ top 5 ทีมเมทของผม ขอย้ำอีกรอบว่าเลือกยากมากๆ เพราะนักเตะหงส์แดงแต่ละคนก็มากคุณภาพด้วยกันทั้งนั้น http://www.hongmarnz.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=26624#296369 จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 22 พ.ย. 51 09:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ++ Steven Gerrard Week Final Part: ความหวัง? ++ ที่มา: เวปทางการฯ แปล: Amanda_Kop และ แล้ว Steven Gerrard Week ก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้าย ซึ่งกัปตันไดนาโม สตีเวน เจอร์ราดได้เปิดใจ ดังนี้ มันยากยิ่งที่จะเชื่อว่าตอนนี้ผมได้รับใช้สโมสรในทีมชุดใหญ่มาครบ 10 ปีเพราะว่าเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ผมมีความภาคภูมิใจอย่างมากที่จะได้พูดว่าผมได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่มาครบ 10 แล้ว หากมีใครสักคนพูดเมื่อ 10 ที่แล้ว ว่าผมจะได้เป็นกัปตันทีมและได้ชูถ้วยยูโรเปียนคัพ ผมคงจะไม่เชื่อเขาเหล่านั้นแน่ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาผมทำงานหนักมากเพื่อมาให้ถึงยังจุดนี้และคว้ารางวัล ต่างๆ ทั้งในส่วนตัวและในฐานะทีม หากมองย้อนกลับไปแล้ว ผมมีช่วงเวลาที่สูงสุดหลายสิ่งหลายอย่างที่แทบไม่น่าเชื่อสำหรับการเล่นให้ กับทีม ขณะเดียวกันผมก็มีช่วงเวลาที่แย่เช่นกัน แต่เพราะช่วงเวลาที่แย่เหล่านั้นเป็นเครื่องผลักดันให้ผมเดินหน้าต่อไป มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่ต้องพ่ายแพ้หรือถูกไล่ออก อย่างไรก็ตามประสบการณ์เหล่านั้นช่วยให้ผมมีช่วงเวลาที่สูงสุด ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่แน่นอนในอีก 5 หรือ 6 ปีที่จะถึงผมหวังว่าผมจะยังได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลอยู่ ผมยังเหลือสัญญาอยู่สองปีครึ่งและหวังว่าผมจะได้เซนต์สัญญาใหม่อีกครั้งและ อยู่ค้าแข้งที่นี่ไปจนกระทั่งแขวนสตั๊ด พวกเราจำเป็นต้องรอและดูว่ามันจะเป็นอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานด้านบริหาร แต่แน่นอนว่าผมต้องการผ่านใบประกาศที่สามารถทำให้ผมได้ทำงานโคชหรือบริหาร ได้ และหลังจากนั้นผมจะตัดสินใจอีกครั้งว่าผมต้องการทำอะไร ผมไม่รู้ว่าผมอาจจะสนใจทำงานในบทบาทอย่างที่ Gary Ablett, Sammy Lee หรือ Rafa Benitez ทำหรือไม่ ผมแค่ต้องการได้ใบผ่านทางทุกอย่างและหลังจากนั้นเรามาดูกัน อย่างไรก็ตามผมยังต้องเล่นฟุตบอลอีกมากก่อนที่ผมจะไปยังจุดนั้นและนี่เป็น สิ่งที่ผมมุ่งมั่นในตอนนี้ ทั้งหมดที่ผมสามารถพูดได้ก็คือในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม แต่ผมก็ยังคงมีความฝันที่จะทำบางสิ่งบางอย่างที่ผมอยากจะทำอยู่เสมอ และหากแม้ในช่วงชีวิตการทำงานของผมได้มีโอกาสทำงานกับสโมสรลิเวอร์พูลแล้ว ล่ะก็ ผมคงจะมีความสุขสุดๆ http://www.hongmarnz.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=26629#296373 จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 22 พ.ย. 51 09:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ++ Steven Gerrard Week The Final: อนาคตของผมกับหงส์แดง ++ ที่มา: เวปทางการ แปล: maprang มาถึงตอนจบกันแล้ว สำหรับ 1 อาทิตย์เพื่อฉลองให้กับ 10 ปีของนักเตะมากคุณภาพ ขวัญใจมหาชน กัปตันทีมคนเก่งสตีเว่น เจอร์ราด สุดท้ายนี้พี่เจิดของเราได้บรรยายความรู้สึกที่มีต่อการรับใช้หงส์แดงมานาน ถึง 1 ทศวรรษ “มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์นะครับ ผมเล่นให้ทีมชุดใหญ่มา 10 ปีเข้าไปแล้ว เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ผมภูมิใจมากมายเหลือเกินครับที่มีชื่อว่าเล่นให้หงส์แดงมาถึงหนึ่ง ทศวรรษ ถ้าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีคนบอกผมว่าวันหนึ่งผมจะได้เป็นกัปตันทีม และผมจะได้แชมป์ยุโรป ผมคงให้เค้ากลับไปนอนต่อแน่ๆ แต่ผมก็สู้อย่างถึงที่สุดเพื่อมาเป็นอย่างที่ผมเป็นอยู่ เพื่อจะได้คว้าแชมป์มากมายทั้งในฐานะนักเตะคนนึงและในฐานะส่วนหนึ่งของทีม ตอนนี้พอมองกลับไป ผมมีทั้งช่วงเวลาที่สุดยอดและช่วงเวลาที่ตกต่ำ แต่วันคืนที่ย่ำแย่นั้นมันเป็นแรงหนุนให้ผมพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นอยู่เสมอ ผมผิดหวังทุกครั้งที่ต้องแพ้หรือถูกไล่ออก แต่ผมเลือกที่จะเก็บมันเป็นพลังและเป็นบทเรียนในผมประสบความสำเร็จในก้าวต่อ ไปครับ ถ้าถามว่าอีก 10 ปีข้างหน้าผมจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ที่แน่ๆอีก 5-6 ปีผมหวังว่ายังจะได้เล่นในกับลิเวอร์พูลอยู่ ตอนนี้สัญญาผมเหลืออีก 2 ปีครึ่งและคิดว่าคงจะได้เซ็นต์สัญญาอีกซักฉบับเพื่อที่จะได้แขวนสตั๊ดไปกับ หงส์แดงไม่ต้องไปไหนอีก สำหรับเรื่องตำแหน่งผู้จัดการก็ต้องรอดูกันอีกทีครับ แต่ผมอยากไปสอบใบประกาศอะไรทั้งหลายแหล่ไว้ล่ะครับ จะได้คุมทีมหรือทำงานบริหารต่างๆได้ หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันว่าผมสนใจตรงไหนดี จะเป็นทีมเยาวชนอย่างแกรี่ แอบเล็ต ผู้ช่วยอย่างแซมมี่ ลี หรือว่าผู้จัดการเต็มตัวอย่างป๋า ตอนนี้ผมยังไม่รู้หรอกครับ เก็บคุณสมบัติให้ครบซะก่อนและค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ผมยังมีเวลาในฐานะนักเตะอีกหลายปีกว่าจะไปคิดถึงเรื่องนั้น และผมยังอยากจะตั้งใจกับตรงนี้ให้ดีที่สุด ผมบอกได้เพียงแค่ว่า 10 ปีที่ผ่านเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผม ผมใช้ชีวิตที่เป็นความฝันของผม ทำสิ่งที่ผมใฝ่ฝันอยากจะทำ และถ้าผมได้ทำงานเบื้องหลังที่ Liverpool FC ต่อไปอีกผมก็คงจะมีความสุขมากๆ” http://www.hongmarnz.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=26631#296376 จากคุณ : ยุง บิน ชุม - [ 22 พ.ย. 51 09:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่ยุงมาช่วยฮ๊อกกี้แปะ  ประทับใจอย่างใหญ่หลวง จากคุณ : howk_ky - [ 22 พ.ย. 51 09:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แปะซ้ำกะพี่ยุงเลย  เอาออกก่อน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 11:23:01 จากคุณ : howk_ky - [ 22 พ.ย. 51 09:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 38 STEVIE COUNTS DOWN HIS TOP 5 MANAGERS] สตีวี่ได้เล่นภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการหลายต่อหลายคนในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทั้งในสโมสรและทีมชาติ แต่ 5 คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเจอร์ราร์ดคือ อันดับ 5 "ผมเลือก แซมมี่ ลี ซึ่งอยู่ในทีมสำรองก่อนที่ผมจะขึ้นทีมชุดใหญ่ประมาณ 6 เดือน สตีฟ ไฮเวย์ส่งผมจากอเคเดมี่ไปที่เมลวู้ดและแซมมี่นี่เองที่เป็นคนช่วยเหลือผมมากเหลือเกิน มันยอดเยี่ยมที่สุดที่เขากลับมาอีกครั้ง เขาเป็นคนที่ดีมากๆ เขากระตือรือล้นและสร้างเสียงหัวเราะให้เรา" อันดับ 4 "สตีฟ ไฮเวย์ มันเป็นของตายที่ต้องมีเขาอยู่ในลิสต์ เพราะเขาคือผู้จัดการคนแรกๆในชีวิตค้าแข้งของผม จากนักกีฬาโรงเรียน สู่นักเตะฝึกหัด และอเคเดมี่ เขาคือแรงผลักดันที่สำคัญในอาชีพของผม และผมคงไม่สามารถขึ้นทีมชุดใหญ่ได้ถ้าไม่มีเขา เขาเป็นคนที่ช่วยเหลือผมในทุกๆเรื่อง ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่เขาทั้งให้รองเท้าผม ให้ตั๋วชมเกมส์ และทุกๆอย่างที่อาจจะคิดไม่ถึง เขาสั่งสอนหนทางที่ดีให้แก่ผม และผมรู้สึกขอบคุณเขามากๆสำหรับทุกๆอย่าง" อันดับ 3 "อดีตผู้จัดการทีมคนก่อนของผม เชรา อุลลิเย่ เป็นส่วนสำคัญมากๆในชีวิตผมและเป้นเหมือนพ่ออีกคนของผมในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่ เขาช่วยทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น เขาให้โอกาสผมในทีมชุดใหญ่และให้คำสอนที่ทำให้ผมเป็นอย่างทุกวันนี้รวมถึงตำแหน่งกัปตันทีมด้วย เมื่อเขามาที่นี่แรกๆ มันเป็นความต่างเพราะผมไม่เคยทำงานกับผู้จัดการทีมต่างชาติมาก่อน เขาค่อนข้างเข้มงวดมากๆ แต่ก็พัฒนาตัวผมในสนามด้วย เขาให้ความช่วยเหลือผมอย่างมาก และผมต้องกล่าวคำขอบคุณเขาคำโตทีเดียว" อันดับ 2 "ผมต้องให้ฟาบิโอ คาเปลโล่ เป็นอันดับ 2 ถึงแม้ผมจะเพิ่งทำงานร่วมกับเขาได้ไม่นานก็ตาม เขาคล้ายๆราฟาในหลายๆทาง  เขามีแทคติกที่ดีและระเบียบวินัยมาก หวังว่าเขาจะเป็นผู้นำพาอังกฤษประสบความสำเร็จในอนาคต" อันดับ 1 "เมื่อจะต้องเลือกผู้จัดการทีมที่ดีที่สึดสำหรับคุณ คุณจะต้องหันกลับไปมองถึงคนที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต และสำหรับผม นั่นคือ ราฟา ชนะเลิศแชมเปี้ยนลีกส์ เอฟ เอ คัพ เกมส์กับโอลิมเปียกลอส ชนะยูเวนตุสและเชลซี ราฟาทำมาทั้งหมด เขาทำให้การเล่นของผมอยู่ในระดับที่ต่างออกไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เขาจะทำมันไปเรื่อยๆ สิ่งพิเศษเกี่ยวกับราฟาก็คือ เขาคือผู้ชนะ เขาไม่ใช่คนที่ชอบตะโกนใส่หน้าใคร เขาใจเย็นและสามารถอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ในทุกๆสถานการณ์ที่เราพบระหว่างเกมส์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราก้างลงสนาม ไม่เคยสักครั้งที่จะลืมคำพูดของเขาใว้ในห้องแต่งตัว เราเตรียมพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง เขาคือเจ้าแห่งแทคติค โดย : howk_ky จาก เวบทางการจ้า จากคุณ : howk_ky - [ 22 พ.ย. 51 12:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 5 ประตูยอดเยี่ยมจากปากคำของเจอร์ราร์ด. "เอลกัปปิตัน" สตีเวน เจอร์ราร์ด ออกมาเผยถึงห้าประตู ที่เขาคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุดตลอดชีวิตการค้าแข้งกับลิเวอร์พูล. Number 5: ประตู แรกของผมในเกมกับเอฟเวอร์ตั้นเมื่อปี 2001. ผมชอบเสมอที่จะลงเล่นกับเอฟเวอร์ตั้น, ยิงประตูพวกเขาและเอาชนะ. ตอนยังเด็กผมมีความฝันมากมายหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือโตขึ้นและยิงประตูเอฟเวอร์ตั้นให้ได้. ผมหลงรักเกมแบบนี้ เพราะมันมีความกลัวแพ้อย่างมากอยู่ในนั้น และมันก็ช่วยกระตุ้นผมได้เป็นอย่างดี. ประตูแรกที่ผมยิงเอฟเวอร์ตั้นได้ - แถมเป็นที่กูดิสันปาร์คซะด้วย - คือหนึ่งในประตูที่ผมไม่มีวันลืม และต้องจับมาติดอันดับท็อปไฟว์ในครั้งนี้. Number 4: ประตู ที่ผมยิง อลาเบส ได้ในศึกยูฟ่าคัพนัดชิงฯที่ดอร์ทมุนด์ ทำให้ผมมีความมั่นใจว่าตัวเองสามารถลงเล่นในเกมใหญ่ๆได้. ตอนนั้นผมยังเด็ก แต่หลังจากเกมนี้ผมรู้ทันทีว่าผมจะเดินหน้าต่อไป และยิงประตูให้ลิเวอร์พูลได้อีกมากมายอย่างแน่นอน. Number 3: อันดับ ที่ 3 คือประตูแรกที่ผมยิง เวสต์แฮม ได้ในศึกเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2006. ประตูนั้นมันมาในช่วงเวลาที่ดีสำหรับเรา และทำให้เราตีเสมอได้สำเร็จหลังจากถูกนำไปก่อนถึงสองประตู ซึ่งนั่นหมายถึงความฝันที่จะเป็นแชมป์ของเรายังไม่ได้หลุดลอยไปไหน. Number 2: ผม เลือกประตูที่สองของผมในเกมนัดชิงเอฟเอคัพกับเวสต์แฮม. มันเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก เมื่อถึงนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน และต้องนึกภาพตัวเองยืนดูนักเตะเวสต์แฮมเต้นฉลองแชมป์ไปรอบๆคาร์ดิฟฟ์. นั่นทำให้ประตูนี้ของผมมันสำคัญมากๆ - มันทำให้เราได้เล่นในช่วงต่อเวลาและมีโอกาสที่จะกลับไปเป็นผู้ชนะอีกครั้ง. วันนั้นเราทำงานกันหนักกันสุดๆ และผมก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้วในช่วงท้ายเกม - มันเป็นลูกยิงที่ผมหลับหูหลับตาซัดแล้วหวังให้มันเข้าไปตุงตาข่ายมากกว่า อย่างอื่น, และก็โชคดีที่มันเข้าไปจริงๆ. ตอนเป็นเด็กคุณฝันเสมอว่า จะได้ลงเล่นในนัดชิงเอฟเอ คัพ. มันไม่สำคัญว่าใครแข่งกับใคร เพราะคุณจะเฝ้าดูเกมการแข่งขันทางทีวีอยู่ดี. ดังนั้นการได้นำลูกทีมลงเล่นในนัดชิง, ยิงประตู และคว้าแชมป์มาครองได้ จึงเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อมากๆสำหรับผม. Number 1: อันดับ หนึ่ง, ต้องเป็นลูกโหม่งตีไข่แตกในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงฯกับ มิลาน อย่างแน่นอน. มันอาจจะเป็นแค่ลูกโหม่งหน้าปากประตูธรรมดาๆลูกหนึ่ง, แต่ในแง่ของการดึงเรากลับสู่เกมต้องถือว่ามันเป็นประตูที่สำคัญมากๆ. ผมว่าประตูนี้ทำให้เรามีความเชื่อมั่นที่จะเดินหน้าต่อไปและตีเสมอให้ได้. ตอนพักครึ่งดูเหมือนเราอาจจะแพ้ 5-0 หรือ 6-0 ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะเราถูกควบคุมเอาไว้ได้หมด, แต่ประตูของผมมันทำให้ทั้งผู้เล่นและแฟนๆเชื่อว่าเรายังกลับมาได้. นั่นคือเหตุผลที่มันเป็นประตูที่สำคัญมากๆ และที่เหลือ, ก็อย่างที่เขาพูดกัน, มันคือประวัติศาสตร์! http://www.liverpoolthailand.com/forum/index.php?showtopic=7835 จากคุณ : howk_ky - [ 22 พ.ย. 51 19:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 40 STที่สุดEVIE COUNTS DOWN HIS TOP 5 GAMES สตีวี่ จี พูดถึง 5 เกมส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในระหว่าง 10 ปีของการรัชใช้สโมสร อันดับ 5 "ผมตั้งใจเลือกเกมส์ดาร์บี้แมตซ์ในฤดูกาลนี้ที่กูดิสัน พาร์ค เราควบคุมเกมส์ไว้ได้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มจนจบ นำมาสู่ชัยชนะ แถมยังชนะมากกว่า 2 ประตูด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ดีเสมอเมื่อชนะเอฟเวอร์ตันได้ นี่เป็นเหตุผลที่ผมเลือกเกมส์นี้" อันดับ 4 "นัดชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ 2001 เมื่อไมเคิล โอเว่นหยิบยื่นถ้วยมาให้กับเรา ในเวลาที่ดูเหมือนว่าเรากำลังจะแพ้อยู่แล้ว เพราะอาร์เซน่อลเล่นได้ดีกว่าเราในวันนั้น และสมควรชนะ แต่ไมเคิลเป็นฮีโร่และทำให้เราชนะได้ถ้วยในวันนั้นด้วย 2 ประตูที่ยอดเยี่ยม" อันดับ 3 "ผมจำต้องเลือกนัดชิงเอฟ เอ คัพ อีกนัดหนึ่ง เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่เราชนะเวสแฮม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ด้วยความสัตย์จริง ผมคิดว่าเราน่าจะชนะเกมส์นี้ได้อย่างสบายๆ แต่พวกเขาก็ทำให้เราพบกับความยากลำบาก และในตอนท้ายต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ผมรู้ว่าผมทำ 2 ประตู และนั่นนำมาซึ่งการถูกเรียกว่า "นัดชิงของเจอร์ราร์ด" แต่นั่นไม่แฟร์กับเพื่อนร่วมทีมของผมเลย ผมทำประตูและอาจจะได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมทซ์ ในวันนั้นก็จริง แต่พวกเราเล่นกันเป็นทีม" อันดับ 2 "นัดชิงยูฟ่าคัพ ในปี 2001 กับอลาเบส เป็นเกมส์ที่เราจะไม่มีวันลืมได้เลย ก่อนเกมส์ ผมค่อนข้างจะมั่นใจ เราแข็งแกร่งกว่าพวกเขา มันเป็นเกมส์ที่ดีและได้รับผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม" อันดับ 1 "มันไม่อาจจะเป็นเกมส์อื่นได้เลย นอกจากเกมส์นัดชิงแชมเปี้ยนลีกส์ 2005 ตามหลัง 3 ประตู แล้วกลับมาได้ และได้ชูถ้วย เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก ผมได้ดูไฮไลท์หลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้นทางทีวี และมันยอดเยี่ยมเสมอที่จะดู" แปลโดย howk_ky ที่มา เวบทางการคร๊าบบบ จากคุณ : howk_ky - [ 22 พ.ย. 51 19:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณๆๆๆๆๆๆๆ     ^_________^ จากคุณ : Griffin_2004 - [ 24 พ.ย. 51 09:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 STEVIE COUNTS DOWN HIS TOP 5 OPPONENTS มาดูคู่ต่อสู้ที่กัปตันยกย่องในการพบกันตลอด 10 ปี ในเสื้อสีแดงเพลิง 5 อันดับกันค่ะ อันดับ 5 "ผมจำต้องเลือก ชาบี อลอนโซ่ เป็นหนึ่งในลิสต์ของผม เพราะผมเล่นกับเขา และต่อสู้กับเขาอยู่ทุกวันในการฝึกซ้อมและรู้ดีว่าเขามีดีขนาดไหน ถ้าเขาอยู่ในเกมส์และมีฟอร์มที่ดีแล้วล่ะก็ เขาจะเล่นได้อย่างเหลือเชื่อมาก สติถิในการผ่านบอลของเขาเหลือเชื่อสุดๆ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาถึงได้ยาก อันดับ 4 "พอล สโคลว์ เป็นคู่ต่อสู้ที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่ว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตาแทคเกิ้ลคุณตลอดเวลา แต่เขามีการเคลื่อนที่ที่ฉลาดและเล่นอยุ่ใกล้ๆคุณเสมอ คุณจะต้องอยุ่ในฟอร์มที่ดีในการเล่นกับเขา เขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นผู้เล่นในระดับท๊อปและโชคร้ายสำหรับเขาที่ต้องได้เจอปัญหาบาดเจ็บที่ยาวนาน อันดับที่ 3 "พาทริก วิเอร่า เป็นคู่ต่อสู้ที่เล่นด้วยยากมาในตอนที่เขาอยู่กับอาร์เซน่อล และผมจะไม่มีวันลืมนัดชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ 2001 เลย เขามมีระดับการเล่นที่แตกต่างจากคนอื่น เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในวันนั้น และนั่นคือเดหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องเซอร์ไพร์สุดๆที่เราชนะในที่สุด เพราะอาร์เซน่อลเล่นได้ดีกว่าเรามากจริงๆ" อันดับที่ 2 "ผมต้องเป็นคู่ต่อสู้ของรอย คีน ในช่วงแรกๆของชีวิตค้าแข้งของผม และเขาคือสุดยอดในตอนนั้น เขาเป็นคู่ต่ิอสู้ที่ยอดเยี่ยม ทั้งฟิตและแข็งแกร่งกว่าผมมากนัก และเขาเป็นคนที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเตดเป็นทีมที่เหนือชั้น" อันดับที่ 1 "ผมมีช่วงเวลาการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กับเชลซีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และผมจะต้องเผชิญหน้ากับ โคล้ด มาเกเลเล่ เขาจับตายผมและทำให้ผมเงียบสนิท เขาอาจจะตัวเล็กก็จริง แต่ก็แข็งแรงและเร็วมากๆ ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่แตกต่างจากที่ผมพบ เขาคือเบอร์ 1 ของผม ...ถ้าถามผมถึงคู่ต่อสู้ที่ยากที่สุด ผมยกให้เกมส์กับบาร์เซโลน่า พวกเขาเป็นทีมที่เล่นบอลได้ดีมาก และทำให้เราต้องพบกับฝันร้ายเลยทีเดียว แปลโดย howk_ky ที่มา เวบทางการจ้า จากคุณ : howk_ky - [ 24 พ.ย. 51 09:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 43 STEVEN GERRARD: YOUR TRIBUTES คราวนี้มาถึงคำสรรเสริญของแฟนๆที่มาจากเวบทางการกันบ้างนะคะ เนื่องจากในเวบทางการมีการเปิดกระทู้ Steven Gerrard Week และมีคนเข้าไปแสดงความเห็นมากมาย นี่เป็นส่วนใหญ่ของความรู้ที่และความคิดเห็นที่แฟนๆมีต่อกัปตันของเราค่ะ "คุณภาพX100 ความซื่อสัตย์X1,000 ตำนานX1,000,000 ลิเวอร์พูลผ่านมาจนบัดนี้ ถึงทีมของสตีวี่จะไม่เป็นที่ต้องการ เราต้องการเขา" gregorysladd "ง่ายๆ เขาคือหนึ่งในฮีโร่ของผมผู้ทำทุกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้" jrizzle "สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือกัปตันของเราและเขาทำงานหนักมาทุกๆทาง เขามีจิตใจที่ยิ่งใหญ่และต้องการเอาชนะ และเรานั่งทำให้เขาเป็นคนซึ่งไม่ว่าสโมสรไหนในโลกที่มีเขาจะโชคดีมากๆ และอย่างที่เรารู้กัน เขาอยู่ที่นี่ ที่ซึ่งเป็นรากฐานและความภักดีของเขา นั่นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขา จากวันแรกๆที่ได้เฝ้าดูเขา ยังไม่ได้ขัดเกลาและเต็มไปด้วยอารมณ์รุงแรง วันนี้เขาเติบโตขึ้น พัฒนาอย่างสมบูรณ์ ด้วยประสบการณ์และสัญชาตญาณที่หลักแหลม เขาเป็นหนึ่งในผลผลิตของบูทรูมที่น่าภาคภูมิใจ ในความเห็นของผม สตีเว่นคือหัวใจของลิเวอร์พูล ส่วนคาราเกอร์ คือจิตวิญญาณ" Torre-Saigrin "หลายครั้งหลายคราที่เขาเป็นผู้แบกภาระไว้บนบ่า และผลัดดันเราไปข้างหน้า เขาดูมีความสุขในการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบ เขาสร้างความสุข ความเชื่อมั่นและพลังให้กับเรา และทำให้ทีมของเราเป็นที่อิจฉา ขอบคุณ สตีวี่ และยินดีกับความสำคัญในครั้งนี้" bilsland "สำหรับผม เขาเป็นส่วนสำคัญที่สุดของสโมสร ด้วยวิถีีทางที่ทำเขา ทั้งในและนอกสนาม เขาทำให้ผมภูมใจมากๆ" MaschasMate "เขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลไม่กี่คนในโลกที่เด็กๆควรจะเอาเป็นแบบอย่าง เขาเป็นตำนานอย่างสมบูรณ์ และมีความเป็นมืออาชีพมั้งในและนอกสนาม" donwell "steven Gerrard จะเป็นตำนานของลิเวอร์พูลอย่างแน่นอน และผมมั่นใจว่าอีก 90 ปีข้างหน้า ผู้คนจะยังพูดถึงเขาอยู่แม้จะผ่านไปเป็นศตวรรษก็ตาม เขาได้สลักชื่อตัวเองลงในสโมสรแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว" MasTerano20 "Steven Gerrard คือ ฮีโร่ของผมและเป็นตำนานของลิเวอร์พูลด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมาทั้งหมด เขาคือส่วนสำคัญของสโมสร ไม่ใช่แค่ 1 ในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆในวันนี้ด้วย ผมภาวนาให้เขามีลูกชายในสักวัน เพื่อจะได้เติบโตขึ้นเป็นนักเตะของลิเวอร์พูลในวันหน้า" marty-b "สิ่งที่ผมจะพูดได้ก็คือ Stevie G คือ มิสเตอร์ลิเวอร์พูล เขาใส่หัวใจและจิตวิญญาณลงไปในทุกเกมส์ที่ลงเล่นให้ลิเวอร์พูล เขาเพิ่งจะ 28 แต่เขาสามารถทำให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในบันทึกความทรงจำของลิเวอร์พูล ซึ่งผมแน่ใจว่าแฟนๆจะจดจำเขาตลอดไป" natjohnson20 "Stevie G กัปตันมหัศจรรย์ เป้นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก เขาเป็นตัวอย่างของมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆทาง ไม่มีผู้เล่นคนไหนจะเหมือนเขาในเรื่องความยอดเยี่ยมของจิตใจ ทัศนคติ การเคลื่อนที่ และพลังขับเคลื่อน เขาคือพลังของทีม คือแรงบันดาลใจของทีม" TrueRedIndian "ผมไม่คิดว่าจะมีคำพูดไหนอธิบายถึงความสำคัญของเจอร์ราร์ดที่มีมาอย่างยาวนานในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา" Graggy "เขาคือตัวอย่างของความยอดเยี่ยม และพิสูจน์ตัวด้วยการทำงานอย่างหนัก การตัดสินใจและรายะเวลาสำหรับคนบางคนทำให้ความฝันประสบความสำเร็จได้" CaptainRob "Steven Gerrard คือ มิสเตอร์ลิเวอร์พูล เขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยมีมาและกล่าวขวัญถึงในสโมสร ผมรู้สึกดีจริงๆที่จะบอกว่า ผมอยู่ในแม็ทซ์ที่สตีวี่ทำประตูเราของเขาได้และมันเป็นเกมส์แรกของผมที่แอนฟิลด์เหมือนกัน" AggerTheDagger "มันมีเพียงแค่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เท่านั้น โชคร้ายสำหรับเรา แต่ถึงที่สุดแล้ว เขาคือผู้เล่นที่พิเศษสุด และคือแรงบันดาลใจและตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็กๆทั้งในและนอกสนาม ผมมีความหวังเพียงหนึ่งเดียวและภาวนาว่าไม่ให้เขาไปจากเรา เพราะผมรู้สึกว่าเขาเป้นคนที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้" koki-Reds17 "มันไม่มีคำพูดใด้ๆจะอธิบายได้เพียงพอเลย เขาคือความภาคภูมิใจ มันมหัศจรรย์ที่ได้เห็นเขาเล่นมาตั้งแต่เริ่มต้น" 21psycho12 ยังไม่จบ เด๋วมาต่อนะคะ จากคุณ : howk_ky - [ 24 พ.ย. 51 11:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ต่อค่ะ "ในความคิดของผม อีกไม่นาน เขาจะต้องได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกส์ เขาจะค้นหาหนทางที่ถูกต้องและเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา" UndeniableTalent "กับแบล็คเบิร์น ในบ้าน เพียง 2 นาทีสุดท้าย ผมคิด ไม่ชัวร์ว่าเขาจะโดนบอลด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ว่า เมื่อเรามองไปถึงอนาคตกัปตันและตำนาน ความทรงจำที่ดีที่สุดในฤดูกาลนั้นคือการเคลียร์ลูกออกจากเล่นประตู 2 ครั้งในดาร์บี้แม็ทซ์ และฉลองการกระทำนั้นราวกับเขาทำประตูชัย" Crosby Nick "ผมได้เห็นผู้เล่นที่ดีบางคนในช่วงเวลาของผม และเขาเป้นหนึ่งที่ดีที่สุดในนั้น ถ้าเขาได้ชูถ้สวยพรีเมียร์ลีกส์  เขาจะขึ้นไปเป็นที่ 1 เลยจากใจจริง" Garstonite "ความจำแรกของผมถึงเขา คือเขาเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ ตอนที่เขาเล่นเป็นแบ็คขวาในเกมส์กับลีดส์ ฤดูกาล 2000-2001 ผมรู้สึกดีสุดๆที่ได้เฝ้าดูเด็กหนุ่มที่ไม่รู้มาจากไหนกลายมาเป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบ ผมฝันอยากจะเห็นเขาชูถ้วยพรีเมียร์ลีกส์ขี้นเหนือศีรษะต่อหน้า The kop" b_joseph "เมื่อคุณได้ดู DVD คุณจะรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้เห็นประตูที่สวยงามในเกมส์กับโอลิมเปียกลอส ลูกโหม่งทำประตูนัดชิงแชมเปี้ยนลีกส์ที่ตามมาด้วยการแสดงท่าทางปลุกเร้าผู้คน ไฟแห่งชัยชนะในสีหน้า และเมื่อได้ยินเสียงประกาศที่บอกว่า 'มีเวลาเหลือ 4 นาที...' ที่คาร์ดีฟ ก่อนตีเสมอในนัดชิง เอฟ เอ คัพ เขาต้องได้รับการยอมรับทั้งจากสโมสรและเมือง" No666 "คุณรู้ดีว่าเขามีบางอย่างที่พิเศษ เมื่อเขาชกลมในอากาศราวกับทุกประตูได้ตอนที่สกัดบอลออกจากเส้นในเกมส์ดาร์บี้แม็ทซ์แรกของเขา" Barney_Rubble "คิดว่าเขาเป็นส่วนสำคัญที่สุดของสโมสรแห่งนี้มานานซึ่งอาจจะตลอดไป เคนนี่ ดัลกลิชเป็นตำนาน แต่ในความเป็นจริง สตีวี่เป็นเด็กท้องถิ่นและเติบโตมากับสโมสร ซึ่งทำให้มันมีมากกว่าเรื่องราวของหัวใจและจิตวิญญาณ เขาเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้นกว่าเดิม ผมยังจำเกมส์เยือนเวสแฮมในปี 2000 ได้ เขาทำประตูที่ยอดเยี่ยมมากในวันนั้น วันหนึ่งเขาจะขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมแน่ๆ เขาสมบูรณ์แบบสำหรับงานนี้" MazzaRed "สิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับชายผู้เปี่ยมไปด้วยพลังคนนี้คือการสมเสื้อสีแดงเพลิง ฮีโร่ในวันนี้และจะไม่ลืมสิ่งที่เขาทำให้กับสโมสรเลย" AnfieldFaithFul "ขอบคุณมากๆ สตีเว่น สำหรับการเป็นนักเตะและกัปตันที่ยิ่งใหญ่ และอยู่กับเราด้วยความภักดีต่อสโมสรที่เรารัก" MC-Jiggles "เขาคือสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูลสำหรับแฟนๆทั่วโลก ผมได้พบแฟนฟุตบอลของทีมจากประเทศอื่นๆมากมายไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส สเปน และประเทศอื่นๆ ซึ่งต่างก็ยกย่องสตีวี่กันทั้งนั้น พวกเขาอิจฉาเราที่มีดาวเด่นที่อัจฉริยะเช่นนี้ ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและเป็นที่ยอมรับ ผมตอบพวกเขาเหล่านั้นเสมอว่า ผมภูมิใจในตัวกัปตันของเรา ผมหัวว่าสตีวี่จะอยู่กับเราจนแขวนสตั๊ด ผมมั่นใจว่าเขาจะต้องเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลัง" Khirano "เขามีความพิเศษ ดีเยี่ยม อยากจดูเขานำทีมลงแข่งขันไปตลอดชีวิตของผมเลย" Free savannah "สตีเว่น เจอร์ราร์ด สมควรจะเ้ป็นผู้ชนะ (เช่นเดียวกับคา่ร่า) หวังว่าจะในฤดูกาลนี้เลย" Litmanen37 "ถูกจดอันดับให้อยู่ที่ 2 ใน 100 ผู้เล่นที่ทำให้ The kop ต้องช๊อก เป็นเรื่องแน่นอนเหลือเกินว่าเขาต้องเป็นตำนาน ทำหลายสิ่งหลายอย่าง เป้นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ และตอนนี้ก็เป็นผู้เล่นที่น่ามหัศจรรย์จริงๆ" King Cally "เขาคือจังหวะหัวใจของเรา ตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นศูนย์กลาง คุณอาจจะดูกาก้า โรนัลโด้ รูนี่ ยังไงเจอร์ราร์ดก็เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้" Rome_1977 "มันยากที่จะหาคำพูดมาอธิบายถึงความหัศจรรย์ของกัปตันของเรา อย่างไรก็ตาม นี่คือคำจำกัดความ - ยอดเยี่ยม มุ่งมั่น คล่องแคล่ว จงรักภักดี ผู้นำ ดีเลิศ และเป็นปรากฎการณ์ เขาเกินคำบรรยายจริงๆ และผมดีใจที่เขาอยู่กับเรา" suzs "กัปตันมาเวล กัปตันแฟนแทสติก ผู้นำทีมที่ยิ่งใหญ่ ชายผู้ยิ่งใหญ่ แฟมิลี่แมน มีชีวิตอย่างชาญฉลาด ผมคงต้องหลั่งน้ำตา หากเขาได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกส์แน่ๆ" Syndicato "เมื่อผมคิดถึงเจอร์ราร์ด ผมคิดถึงอิสตันบูล และเรื่องราวทั้งหมดของเกมส์แชมเปี้ยนลีกส์ในปีนั้น หวังว่าเขาจะได้ชูถ้วยแห่งชัยชนะให้ลิเวอร์พูลอีก" Drunknmunky "ง่ายๆเลย สตีวี่เป็นตำนานหนึ่งในจำนวนหลายๆคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ในอีกทางหนึ่งเขาเป็นกัปตันตัวอย่าง และทุกๆสิง่ที่เขาทำล้วนเป็นการทำเพื่อสโมสร" GioTheHitman "สำหรับผม ผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยมีมา" slimman แปลโดย howk_ky ที่มา เวบทางการจ้าาา น่าจะจบบริบูรณ์แล้วนะ แต่ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมา Update นะคะ ปล. รักกัปตันที่สุด จากคุณ : howk_ky - [ 24 พ.ย. 51 13:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45                 จากคุณ : Griffin_2004 - [ 26 พ.ย. 51 10:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ^ ^~ ขอบคุณมากมายค่ะ ขนาดอ่านอย่างเดียว ตายังลายเลย T_T ขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ Vote ด้วยจ้า จากคุณ : karaokeGirl - [ วันพ่อแห่งชาติ 17:38:58 ]