ความคิดเห็นที่ 1 แต่น่าเสียดายนะครับ... ที่ประตูหลักร้อยของรูนี่ย์ กลับถูก "หัตถ์ซาตาน" ของโรนัลโด้ขโมยซีนไปดื้อๆซะอย่างนั้น โรนัลโด้ได้รับใบเหลืองใบที่สองในนาทีที่ 68 ด้วยข้อหาเจตนาเล่นวอลเล่ย์ในสนามฟุตบอลครับ   ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ใบเหลืองเอาไปนอนกอดเล่นที่บ้านมาแล้ว 1 ใบ ด้วยข้อหาไปเตะตัดเกมจังหวะที่ซิตี้กำลังเปิดเกมรุก ยังผลให้ลูกโด้กับป๋าเฟอร์กี้ น่าจะติดโทษแบนพร้อมๆกันในนัดที่จะถึงนี้นะครับ   "ผมเห็นควรด้วย" สปาร์กี้เกริ่นแบบน่าหวาดเสียว "ผมคิดว่าอีนังโด้ตั้งใจใช้มือแน่นอน มันห่วงหล่อกลัวผมเสียทรง  เพราะฉะนั้นจึงเป็นแฮนด์บอลร้อยเปอร์เซนต์ คอนเฟิร์ม!!!" กุนซือหัวขาวของซิตี้ กล่าวพร้อมยืนยันหนักแน่นถึงใบแดงของโรนัลโด้ว่าสมควรด้วยประการทั้งปวง "ป๋าคิดว่ารอนนี่ น่าจะพยายามยกมือขึ้นมาบังหน้า (ที่คิดว่า) หล่อของเขามากกว่านะ  บางทีเขาอาจจะโดนผลักนิดๆด้วย และดูเหมือนเขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินอีกนะ  แต่เอ่อ....ป๋าไม่ขอพูดถึงผู้ตัดสินดีกว่า หนี้เก่า 2 นัดป๋ายังไม่ทันได้ใช้เลย บาย" ป๋ามองคนละเรื่องกับสปาร์กี้ พร้อมกับกางปีกป้องลูกรักเหมือนเคย จากคุณ : pastagroup - [ 1 ธ.ค. 51 22:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงกระนั้น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในศึกผ่าเมืองนี้   กลับไม่ใช่รูนี่ย์ฮีโร่ผู้ยิงประตูจมเรือ หรือไรท์จิ๋วที่ปรู๊ดปร๊าดจนนักเตะปีศาจเสียกระบวนและใบเหลืองไปไม่น้อย แต่เป็นคนแบกเปียโนมาดนิ่ง ที่ชื่อ "ไมเคิ่ล คาร์ริค" ต่างหากครับ ที่เป็นหัวใจสำคัญในชัยชนะวันนี้ของยูไนเต็ด คาร์ริคที่ยืนปักหลักหน้าแผงแบคโฟร์ของยูไนเต็ด เป็นคีย์แมนในแดนกลางคนสำคัญของทีมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในแผงมิดฟิลด์เวลานี้แล้วนะครับ ด้วยความนิ่ง บวกกับการเล่นง่าย จ่ายบอลสวย รวยไอเดีย และไม่เคยอ่อนเพลียจนวินาทีสุดท้ายของเขา ช่วยให้เฟล็ทเชอร์เล่นเกมรุกสนับสนุนรูนกับเบิร์บได้อย่างเต็มตัว  ขณะที่เอฟร่ากับราฟาเอล ก็ไม่ต้องพะวงมากนักยามที่เติมเกมรุกทางริมเส้น เมื่อมีคาร์ริคยืนบงการในแดนกลางช่วยกรองบอลให้ก่อนเป็นด่านแรก  ก่อนจะทะลุทะลวงมาถึงริโอกับวิดิชอีกที ความนิ่งและความสำคัญของคาร์ริคมาฉายแสงโดดเด่นเอาในช่วง 20 นาทีสุดท้าย หลังจากทำความดีแบบเงียบๆมาตลอดก่อนหน้านี้ แต่เมื่อโรนัลโด้ถูกเชิญออกไปเล่นวอลเล่ย์บอลต่อที่ห้องแต่งตัว  ความดีของคนแบกเปียโนหมายเลข 16 รายนี้ จึงประจักษ์สายตาต่อหน้าธารกำนัลให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น ครึ่งแรกก็เล่นงานฮามันน์จนต่อเกมให้ซิตี้ไม่ติด  เข้าครึ่งหลังพอเปลี่ยนคู่ต่อสู้มาเป็นเอลาโน่ คาร์ริคก็ยังคุมเกมให้ยูไนเต็ดไว้ได้ดีเหมือนเดิม ความง่ายแต่แน่นอนของคาร์ริค ทำให้เอลาโน่ไม่มีโอกาสโชว์ความมหัศจรรย์อะไรออกมาได้มากนัก  ถึงแม้จะมีใบเหลืองติดตัว แต่คาร์ริคก็ยังนิ่งพอที่จะคอนโทรลเกมและช่วยประคองยูไนเต็ดเอาไว้ได้จนครบ 90 นาทีโดยไม่โดนคุกคามจากเรือใบทองคำ จนยูไนเต็ดสามารถเป็นฝ่ายกำชัยไว้ได้ในที่สุด ความสำคัญของคาร์ริคต่อแชมป์เก่าในวันนี้ ผมมองว่าใกล้เคียงกับลูกพี่คีโน่ เจ้าของเสื้อหมายเลข 16 คนก่อนหน้าเลยนะครับ  เพียงแต่คาร์ริคไม่ได้มีบุคลิกดุดัน หรือเกรี้ยวกราดในการบงการเกมเหมือนคีโน่ หากแต่มิดฟิล์ดร่างโย่งคนนี้มีสไตล์ที่ใกล้เคียงกับพวกห้องเครื่องหัวกะทิในยุโรป  มากกว่าการบู๊ล้างผลาญอย่างมิดฟิลด์แดนผู้ดีหลายๆคน  โดยคาร์ริคจะใช้ความนิ่งและเน้นทางบอลในการควบคุมเกมแดนกลางแทน   และใช้ความง่ายในการรับ-ส่งบอล  ซึ่งการจ่ายบอลง่ายๆ ไม่หวือหวาหรือน่าตื่นตาตื่นใจของคาร์ริคนี่แหละครับ ที่เป็นอาวุธเด็ดใช้เปิดแผลคู่ต่อสู้มานักต่อนักแล้ว หากสังเกตุคิลเลอร์พาสของคาร์ริคให้ดี  เราจะมองเห็นว่ามันเกิดจากการเล่นที่เรียบง่ายและมีความเข้าใจเกมสูง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมแฟนๆยูไนเต็ดถึงไม่ค่อยกระวนกระวายกับการไปสมัครร่วมวง "The Hospitsl Band" ของฮาร์กรีฟส์ กับเด็กๆในสังกัดปืนใหญ่เท่าไรนัก... จากคุณ : pastagroup - [ 1 ธ.ค. 51 22:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ชัยชนะเหนือเรือใบทองคำฝังเพชรจากอาบูดาบีนัดนี้  ส่งผลให้ยูไนเต็ดขยับเข้าใกล้จ่าฝูงอย่างเชลซี ที่พลาดท่าโดนปืนใหญ่จากลังกาสุกะ บุกมาบอมบ์คาสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปอีกก้าวแล้วนะครับ จากระยะห่าง 8 คะแนน ยูไนเต็ดบีบเชลซีกับลิเวอร์พูล (ที่แข่งช้ากว่า) เหลือแค่ 5 คะแนน พร้อมเกมในมือที่ตกค้างอีก 1 นัด ขณะที่อาร์เซน่อลก็ถือปืนใหญ่จ่อก้นยูไนเต็ดอยู่อีกแค่ 2 คะแนน (แต่แข่งมากกว่า 1 นัด)  สถานการณ์พลิกผันได้ตลอด ทีมไหนพลาดท่าเสมอหรือแพ้ติดๆกันอีกซัก 1-2 นัด อาจต้องวิ่งไล่ตามเหนื่อยเหมือนอาร์เซน่อลในเวลานี้แน่ๆ พูดถึงเชลซี ก็ขอวกนอกเรื่องนิดนึงครับ ปีนี้ในเกมลีก เชลซีพ่ายไปแล้ว 2 นัด แถมทีมที่กะซวกพวกเขายังเป็นทีมเดียวกับที่กะซวกเรา (ยูไนเต็ด) อีกด้วยนะครับ แตกต่างกันแค่สกอร์ กับสถานะของการเล่นเป็นเจ้าบ้านหรือทีมเยือน เชลซีแพ้ในบ้านทั้ง 2 นัด, แต่ยูไนเต็ดพ่ายนอกบ้านทั้งนั้นเลย   ดังนั้นโอกาสแก้ตัวเพื่อกอบเอาคะแนนคืนมา ตามหน้ากระดาษยูไนเต็ดมีมากกว่านิดๆนะครับ นั่นหมายควาย เอ้ย! หมายความว่า............... กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ เหลือบมองโปรแกรมต่อไปของทั้ง 4 ทีมที่มีลุ้นแชมป์กันบ้าง วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคมนี้ ทั้ง 4 ทีมมีโปรแกรมเล่นวันเดียวกันเลยนะครับ แต่ดูเหมือนยูไนเต็ดจะเล่นคู่ดึก (ถ้าเช๊คไม่ผิด)  โดยลิเวอร์พูลออกไปเยือนแบลคเบิร์นที่อีวู้ด พาร์ค, เชลซีมีโปรแกรมที่ต้องออกไปเรียกความมั่นใจกลับคืนมาให้ได้ที่รีบอค สเตเดี้ยมของโบลตัน วันเดอเรอส์ ขณะที่อาร์เซน่อลเปิดบ้านรับมือกับงานที่ไม่งายนักอย่างวีแกน แล้วยูไนเต็ดล่ะ? ลูกทีมของป๋าจะได้เล่นในบ้านเป็นนัดสุดท้ายของปีนี้ ต้อนรับการมาเยือนของลูกพี่คีโน่ ที่ฟอร์มกำลังระส่ำ ก่อนที่หลังจากนี้ โอลด์ แทรฟฟอร์ดจะไม่มีโปรแกรมรับมือกับใครอีกเลยจนถึงสิ้นปี เพราะตามโปรแกรม เรามีคิวเล่นกับวีแกนอีกนัดในโรงละครของเราในวันที่ 20 ธันวาคม  แต่ดูเหมือนโปรแกรมมันจะมาชนจังเบ้อเร่อกับศึกชิงเจ้ายุทธจักรสโมสรโลกอะไรเนี่ยแหละครับ เท่ากับว่ามีนัดตกค้างแบกไว้อีกนัด เฮ้อ.......   มองในแง่ดี เรายังมีเกมในบ้านรออยู่ช่วงครึ่งซีซั่นหลังเพียบเลยนะครับ   น่าจะโกยเก็บคะแนนที่เรี่ยราดหล่นไปตามทางคืนมาได้ไม่น้อยทีเดียว   และที่สำคัญ ตอนนี้ดูเหมือนยูไนเต็ดจะเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นในการจัดตัวผู้เล่นแล้วนะครับ  ท่านเซอร์ได้ผู้เล่นแต่ละตำแหน่งในดวงใจไว้แล้ว ไม่มีการมาแทงกั๊ก มีแต่การโรเตชั่นเพื่อรักษาสภาพร่างกายเท่านั้นเอง เรียกว่าไม่มีอะไรน่าห่วงมาก กับเรื่องภายในทีมและฟอร์มปัจจุบัน ยกเว้นเรื่องการจบสกอร์ที่ยังไม่เด็ดขาดเท่าไร แต่ดูเหมือนความไม่ลงตัวช่วงต้นซีซั่น จะเดินจากไปแล้วนะครับ เหลือบมองเพื่อนๆลุ้นแชมป์ก็เจอปัญหากันบ้างแล้วเกือบทั้งหมด อาร์เซน่อล หนักกว่าใครอย่างที่รู้กัน  แต่โมเมนตัมหลังจากชนะเชลซีได้ น่าจะเหวี่ยงคืนมาแบบถาวรซักที เชลซี กับวิกฤตที่เจออยู่ในเวลานี้คือการปิดเกมไม่ได้ ขาดบุคลิกในแบบมูรินโญ่ที่สั่งผลการแข่งขันได้ดั่งใจ หนำซ้ำยังมักเสร็จในเกมใหญ่ๆตลอด  แต่เชื่อมือป๋าฟิลว่า อีกไม่นานก็คงกลับมาเขย่าบัลลังก์ได้เหมือนเดิม ลิเวอร์พูลล่ะ? ที่ผ่านมา แสดงถึงบุคลิกของแชมป์มาตลอด แต่น่าห่วงเหลือเกิน  ว่าบาดแผลที่ซ่อนอยู่ของหงส์แดง มันจะมาเปิดเอาในช่วงที่ทีมอื่นเค้าเยียวยาแผลกันเสร็จแล้ว  ถึงเวลานั้น มิพัก สาวกหงส์ต้องร้องเพลงรอกันไปอีกอย่างน้อยๆหนึ่งปี แต่หากหงส์แดงแรงฤทธิ์สยายปีกได้สำเร็จ หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน ถึงเวลานั้น กระผมก็คงมีอันต้องขอลาพักร้อนแบบท่านโทชิ เพื่อไปหลบเลียแผลที่หูอันเกิดจากเสียงคำราม "You will never walk alone" ซักพักเหมือนกัน. จากคุณ : pastagroup - [ 1 ธ.ค. 51 22:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ้างอิงบทสัมภาษณ์จากกระทู้ TOD และ www.siamsport.co.th ครับ เดี๋ยวกลางสัปดาห์เรามานั่งลุ้นกับคาร์ลิ่งคัพกันต่อนะครับ จากคุณ : pastagroup - [ 1 ธ.ค. 51 23:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ กระทู้นี้น่าทำลิงค์ไปไว้ในกระทู้ TOD ด้วยนะ จากคุณ : SamuDi Knight - [ 1 ธ.ค. 51 23:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากๆค่ะ อ่านเพลินเลยทีเดียว ^^ จากคุณ : หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา - [ 2 ธ.ค. 51 00:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านมันส์จริง ๆ ชอบแนวนี้ขอรับกระผม จากคุณ : ซุ่มอยู่ - [ 2 ธ.ค. 51 11:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาให้give จขกทครับ จากคุณ : redded - [ 2 ธ.ค. 51 12:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อ่านซะเพลินเลย จากคุณ : KanKaLa - [ 2 ธ.ค. 51 15:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เขียนได้ดีครับ ยินดีด้วยครับ มีบารมีเป็นคอลั่มที่ทุกคนรอติดตามแล้วครับ จากคุณ : Noah_1_of_4lnw - [ 2 ธ.ค. 51 16:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยครับ ว่าตอนนี้ เฟอกี้ได้ทีมชีตสิบเอ็ดตัวจริงในปีนี้แล้ว ในนัดเยือนเรือใบนี่เอง ผมอยากให้ยืนพื้นชุดนี้ไปเลยอีกสองเดือนครับ โดยเปลี่ยนแค่ตัวหมุนเวียนในนัดเล่นในบ้านเท่านั้นพอ เตเวซ นั่งยาวเถอะครับ ลงทีไรหาลูกยิงเต็มข้อไม่เจอ นานี่ นั่งยาวๆเลยครับ มีแต่เทคนิคส่วนตัว หาทีมเวิคไม่เจอ แกรี่ นั่งยาวๆไปเลยครับ ชั่วโมงนี้ ต้องหลีกทางให้ไอ้หนูราฟาแล้วล่ะ ถ้าเฟอกี้หมุนเวียนผู้เล่นดีๆ จบเดือน ธค. แมนยูน่าจะไล่จี้ได้ติดกว่านี้อีก เพราะโปรแกรมดูแล้วค่อนข้างง่ายทีเดียว หนักแค่ไปเยือนไวท์ ฮาท เลนเท่านั้น ลิเวอร์พูล ดูเหมือนว่าใช้โชคไปเยอะแล้ว ตอนนี้ฮึดไม่ขึ้นเท่าไหร่ คู่ต่อสู้ไม่โดนไล่ออกง่ายๆอีก ลูกมหัศจรรย์ของเจอราดก็ใช้ไปหลายแล้วในปีนี้ ถ้าตอเรสกลับมาช้า อาจเสียอีกสักสามสี่แต้มได้ในช่วงนี้ อาเซนอล ตอนนี้ผมไม่กลัวครับ เพราะต้องพิสูจน์ความคงเส้นคงวา กับทีมถึกๆอีกรอบ เชลซีน่าจะน่ากลัวเหมือนเดิม เมื่อดร็อกกลับมาฟิตเต็มที่ พร้อมกับคาวัลโย่ ดังนั้น สงสัยว่าจะเป็นม้าสองตัวแข่งกันเหมือนเดิม แต่อาจมีหงส์เพิ่มมาแจมก็ได้ ปล. ข้างบนความเห็นส่วนตัวล้วนๆ จากคุณ : vdi - [ 2 ธ.ค. 51 16:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พลาดกระทู้นี้ไปได้ยังไง ชอบมากฮะ จากคุณ : หนูติงต๊อง น้องแสนดี - [ 2 ธ.ค. 51 17:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ฝีไม้ลายมือการเขียนยังยอดเยี่ยมเช่นเคยครับ!!! จากคุณ : maezono_no7 - [ 2 ธ.ค. 51 17:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ วันพุธนี้ คาดว่าเตเวซคงได้ลงเต็มเกม และน่าจะงัดกำลังภายในที่มีทั้งหมดออกมานะครับ เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้ซะที ส่วนเจ้าโด้ที่ได้บัลลง ดอร์ปีนี้ ยินดีกับเจ้าด้วย โชคยังดีที่ได้ตอนสวมเสื้อสีแดงของเรานะครับ  ถ้าได้ตอนสวมเสื้อสีขาวของมาดริดนะ เราคงร้องยี้ มากกว่าร้องเย้ แน่ๆ จากคุณ : pastagroup - [ 2 ธ.ค. 51 18:24:26 ]