Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    (กระทู้เก่าเล่าใหม่) 5 สุดยอดนักหวดลูกสักหลาด...ใครกันที่จะได้เป็นราชันแห่งเทนนิสในปีหน้า?

    สวัสดีครับ...หลังจากที่วงการเทนนิสเงียบเหงาไปพอสมควร หลังจากที่ปิดฤดูกาลเป็นต้นมา ดังนั้นผมจึงขุดกระทู้เก่าที่เคยตั้งไปแล้ว (แต่ตั้งผิดหมวด) กลับมายั่วน้ำลายแฟนๆเทนนิสทุกๆคนครับ

             ในปีหน้าใครกันหนอ ที่จะครองตำแหน่งสุดยอดนักหวด? คำถามที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้กับแฟนๆเทนนิสทุกๆคน ต่างคนต่างความคิด เอาเป็นว่าผมจะลิสต์รายชื่อตัวเต็ง 5 คนมาให้ท่านผู้ชมพิจารณา รักใครชอบใคร หรือมีความเห็นเช่นไร โพสเข้ามานะครับ อยากจะคุยกับเพื่อนๆแฟนเทนนิสทุกๆคนครับ

    1. "เจ้ากระทิงเปลี่ยว" ราฟาเอล นาดาล

            เจ้าของตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกคนปัจจุบัน ผู้ที่ได้การยกย่องว่าเป็น "ราชาคอร์ตดิน" เจ้าของแชมป์ 33 รายการ (5 แกรนด์สแลม 12 มาสเตอร์ ซีรี่ส์) มีปีที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการที่ก้าวพ้นเงาของ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ แซงขึ้นเป็นมือหนึ่งของโลก ด้วยการถล่มเฟดเดอเรอร์ในเฟรนช์ โอเพ่น ไปชนิดเสียผู้เสียคนพร้อมกับได้แชมป์เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน รวมทั้งกระชากแชมป์วิมเบิลดันซึ่งเป็นคอร์ตที่ไม่มีคนคิดว่าจะมีคนล้มเฟดเดอเรอร์ได้ด้วยสกอร์ 6–4, 6–4, 6–7(5), 6–7(8), 9–7 รวมทั้งคว้าเหรียญทองในโอลิมปิคเกมส์ด้วยชัยชนะเหนือ เฟอร์นานโด กอนซาเลซ ด้วยสกอร์ 6–3, 7–6(2), 6–3 โดยในปีหน้าสิ่งที่เขาถวิลหามากที่สุดคงไม่แพ้แกรนด์สแลมบนฮาร์ตคอร์ตที่ ออสเตรเรียน โอเพ่นและยูเอส โอเพ่น

    ลักษณะการเล่น : ราฟาเอล นาดาล เป็นผู้เล่นที่ถนัดมือขวาแต่จับแร็คเกตมือซ้ายเพราะบาลานซ์ช่วงล่างนั้นไปทางซ้าย ทำให้อาวุธของเขาไม่ใช่มีเพียงแต่โฟร์แฮนด์ท๊อปสปินที่มีอัตราการหมุนสูงผิดปรกติ ยังมีแบ็คแฮนด์สองมือของเขานั้นมีความรุนแรงมากกว่านักเทนนิสทั่วไป ประกอบด้วยการที่มีสปีดการวิ่งที่ดีและอัตราการตีเลียเองค่อนข้างต่ำ การที่จะเอาชนะในการโต้เบสไลน์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย รวมทั้งการเล่นหน้าเนตของเขานั้นก็พัฒนาขึ้นมาก จุดอ่อนจุดเดียวที่ผมเห็นคือนาดาลจะมีสปีดวงค่อนข้างช้า ดังนั้นเขามักจะแพ้นักเทนนิสที่ชอบตีแฟลชลึกเป็นชีวิตจิตใจ (เช่น นิโคไล ดาวีเดนโก้ ในฟอร์มสุดยอด)

    อาวุธคู่กาย :  Babolat AeroPro Drive (Without the cortex system) หน้าไม้ 100 น้ำหนัก 320 กรัม เคยลองตีของเพื่อนครับ เป็นไม้ที่คอหนักมากครับ ทำให้สปีดวงและสปีดบอลตกลงพอสมควรสำหรับ แต่เวลาตีแล้วเสียงแน่นแข็งแรงดีครับ คอนโทรลเยี่ยม แต่ต้องแข็งแรงหน่อยครับถ้าจะคิดจะใช้ไม้รุ่นนี้

    2. "จักรพรรดิลูกสักหลาด" โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์

            หลังจากที่หอบร่างกายที่อมโรคไปตกรอบรองชนะเลิศที่ออสเตรเรียน โอเพ่น และวืดแชมป์ในหลายๆรายการในช่วงต้นปี ทำให้ปีนี้เขามีฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำลงเนื่องจากสภาพจิตใจที่ตกต่ำ และการขาดความกระหายในชัยชนะ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังคว้าได้ 1 แกรนด์สแลม (ยูเอส โอเพ่น ชนะ แอนดี้ เมอเรย์ 6–2, 7–5, 6–2) รวมถึง 3 แชมป์เอทีพีซีรี่ส์ เจ้าของแชมป์ 57 รายการ (13 แกรนด์สแลม 14 มาสเตอร์ซีรี่ส์) ผู้นี้ยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิคได้ดังหวังหลังจากจับคู่กับ สตานิสลาฟ วาวรินก้า คว้าเหรียญทองประเภทคู่ด้วยการเอาชนะคู่หูทีมชาติสวีเดนอย่าง ไซม่อน แอสเพลิน กับ โทมัส โยฮันส์สัน ไปได้ 6–3, 6–4, 6–7(4), 6–3

    ลักษณะการเล่น : โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ในช่วงท๊อปฟอร์มถือว่าเป็นหายนะของผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นผู้เล่นที่ไม่มีจุดอ่อน เล่นได้ทุกแนวและเล่นได้ดีเยี่ยมทุกคอร์ต การจับกริปแบบ "ไฮบริด" ที่เป็นที่นิยมในการเล่นสควอซส์ มากกว่า (กริปยอดนิยมของเทนนิสคือ "เวสเทิร์นกริป") ซึ่งมีข้อดีคือความสะดวกสบายระหว่างการเปลี่ยนแบ็คแฮนด์โฟร์แฮนด์ และสามารถเพิ่มสปีดวงได้ง่ายกว่าการจับแบบเวสเทิร์น ทำให้เขามีจุดแข็งที่ลูกกราวน์สโตรคที่คู่ต่อสู้ตั้งตัวไม่ทันเสมอ นอกจากนี้เขายังมีสมองที่ฉลาดเป็นกรดรู้ว่าควรจะเล่นอย่างไรเสมอ จุดอ่อนของมีเพียงเรื่องของสภาพจิตใจเท่านั้น ในช่วงที่เขาเล่นได้ดีที่สุดนั้นเขาแพ้ทางนักเทนนิสที่ตีแปลกๆอย่างราฟาเอล นาดาล คนเดียวเท่านั้น!!!

    อาวุธประจำกาย : Wilson [K]Six-One Tour หน้าไม้ 90 น้ำหนัก 354 กรัมเมื่อตอนออกใหม่ๆ เกือบซื้อรุ่นนี้ไปแล้วครับ มีพี่คนนึงแกไปหิ้วมาจากเกาหลีประมาณครึ่งโหล (รู้สึกว่าที่ไทยยังไม่เข้า) ผมไปยืมมาลองตีดูเพราะชอบลายและสี ผลก็คือหน้าไม้เล็กมากๆ หนักและแข็งตามสูตรลูกหลาน Wilson Pro-staff แต่ตัวไม้ทำได้สมดุลกว่าทำให้สปีดวงตกลงน้อยกว่าไม้ของนาดาล (ทั้งๆที่รุ่นนี้น้ำหนักมากกว่า) คอนโทรลดีมากมาย จะควักกระเป๋าซื้อก็ไม่มีเงิน (ราคาตอนนั้นตกเงินไทยเกือบหมื่น นักเรียนตัวน้อยๆอย่างผมหมดสิทธิ์ครับ) ถ้าอยากใช้ไม้รุ่นนี้ ผมแนะนำตัวหน้าไม้ 95 นะครับ น่าจะตีง่ายและเบากว่าเยอะ

    3. "เดอะ โจ๊กเกอร์" โนวัค ยอโควิช

       ก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกที่สาม (ไม่ใช่การเมืองนะ) หลังจากโชว์ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2007 ที่ได้รองแชมป์ยูเอส โอเพ่น เป็นต้นมา ปีนี้แจ้งเกิดแบบเต็มตัวหลังจากคว้าแชมป์ออสเตรเรียน โอเพ่น (ชนะ โจ-วิลฟรีด ซองก้า ไป 4–6, 6–4, 6–3, 7–6(2)) และ มาสเตอร์ คัพ ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ (ชนะ นิโคไล ดาวีเดนโก้ 6–1, 7–5) และมาสเตอร์ซีรี่ส์อีก 2 รายการ (จากการเข้าชิง 3 รายการ) เพิ่มสติถิการคว้าแชมป์รวมเป็น 11 รายการ (1 แกรนด์สแลม 4 มาสเตอร์ซีรี่ส์) ถึงแม้จะมีผลงานไม่สม่ำเสมอ แต่การที่ชอบแซงโค้งมาชนะรายการใหญ่ๆได้เสมอนั้นทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามองคนหนึ่ง

    ลักษณะการเล่น : คล้ายคลึงกับ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ที่มีจุดแข็งที่กราวน์สโตรกที่หนักแน่นและแน่นอนทั้งโฟร์แฮนด์และแบ็คแฮนด์ (แต่สปีดวงช้ากว่าเล็กน้อย) แต่ยอโควิชเป็นผู้เล่นที่พึ่งลูกเสิร์ฟมากจนเกือบมากเกินไป แต่วันไหนที่เขาเสิร์ฟดีแล้ว จะเล่นดีใจหาย (เสิร์ฟหนึ่งเร็ว เสิร์ฟสองนี่เคิร์ฟได้ใจมากๆ) ยอโควิชเป็นนักเทนนิสที่มีอาวุธไว้เผด็จศึกคู่ต่อสู้ได้มากมาย ลีลาสวยงาม แต่ชอบแสดงความดื้อรั้นออกมาเป็นครั้งคราวในวันที่ฟอร์มไม่ดี คือพยายามจะชนะสวยๆจนไม่ยอมตีประคองในลูกที่ตัวเองถนัด แต่วันไหนที่หน้ามืดเข้าฟอร์มขึ้นมาก็สามารถชนะได้ทุกคน

    อาวุธประจำกาย : Wilson [K]Factor [K]Blade Tour หน้าไม้ 93 น้ำหนัก 335 กรัม ไม่เคยตีด้วยตัวเองแต่เคยคุยกับพี่คนคุมคอร์ตที่แถวๆอินทามะระ เขาบอกว่าตัวนี้เป็นไม้คอนโทรลซีรี่ส์ใกล้เคียงกับรุ่นของเฟดเดอเรอร์ แต่เบากว่า หน้าไม้กว้างกว่า ตีง่ายกว่านิดหน่อย โดยมีอีกสองรุ่นที่เป็นตัวหน้าไม้ 98 และ 104 ส่วนน้ำหนักก็ลดหลั่นกันไป 15-20 กรัม

    4. "สิงโตหนุ่มแห่งสหราชอาณาจักร" แอนดี้ เมอร์เร่ย์

            หลังจากสลัดอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่คอยสกัดกั้นพัฒนาการของเขามาโดยตลอดได้สำเร็จ ชื่อของเขาก็เริ่มเป็นที่น่าเกรงขามในยุทธจักรลูกสักหลาด ปีนี้เพียวๆเขากระชากไป 5 แชมป์โดยเป็นรายการระดับมาสเตอร์ ซีรี่ส์ ถึง 2 รายการ (ที่ซินซิเนตติและมาดริด) รวมถึงการได้รองแชมป์ ยูเอส โอเพ่น ด้วยการแพ้ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ไปอย่างน่าเสียดาย โดยสติถิการคว้าแชมป์รวมของเมอร์เร่ย์นั้นทั้งหมด 8 รายการ (2 มาสเตอร์ซีรี่ส์) โดยปีหน้าเขาจะสามารถเจริญรอยตาม โนวัค ยอโควิช ที่ก้าวขึ้นไปเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการเทนนิสได้หรือไม่ ต้องติดตามชมกันต่อไป

    ลักษณะการเล่น : แอนดี้ เมอร์เร่ย์ เป็นนักเทนนิสที่มีอาวุธหนักครบเครื่องมากๆในสายตาของผม รูปร่างสูงโปร่ง (190 เซนติเมตร) แต่ ไม่เก้งก้างเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะค่อนข้างผอมแต่มีลูกขยัน กัดไม่ปล่อย แถมฉลาดเป็นกรดอีกต่างหาก เป็นนักเทนนิสที่มีพรสวรรค์สูงส่ง สามารถหล่อหลอม "พาวเวอร์ เกม" เข้ากับ "สมาร์ท เทนนิส" ได้ดีมากๆคนหนึ่ง แต่จุดด้อยของเขาคือประสบการณ์และจุดเดือดค่อนข้างต่ำ ทำให้บางครั้งเขาสูญเสียโมเมนตั้มเป็นประจำ (กลับมาชนะได้บ้าง ไม่ได้บ้าง) ถ้าเขาสามารถแก้ไขจุดนี้ได้คำว่า "ตำนาน" ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!!!

    อาวุธประจำกาย : Head MicroGel Radical Pro หน้าไม้ 100 น้ำหนัก 332 กรัม ไม่เคยทดลองตีด้วยตัวเองนะครับ แต่เท่าที่เคยตีมาจุดเด่นของไม้ Head แทบทุกรุ่น (ผมเคยตีรุ่นของอังเดร อากัสซี่ ที่เป็นซีรี่ส์เดียวกันกับตัวนี้ และรุ่นของมารัต ซาฟิน ที่เป็นซีรี่ส์ Prestige)นั้นคือการมีความยืดหยุ่นเป็นเลิศ ยิงสบายมือไม่ค่อยล้า ไม่ต้องเอาไส้ไก่มาผูกทำเป็นกันสะเทือนให้เสียเวลา เหมาะสำหรับพวกที่บ้าพลังครับ แต่ตัวนี้รุ่นนี้เนี่ยไม่รู้นะครับ

    5. "ไอ้มนุษย์จักรกล" นิโคไล ดาวีเดนโก้

            เป็นปีที่ 4 คิดต่อกันแล้วที่ นิโคไล ดาวีเดนโก้ จบปีด้วยการเป็นท๊อป 5 แต่ตัวเค้ากลับได้รับการยกย่องน้อยกว่าที่เป็นจริง ทั้งๆที่ฝีมือระดับเค้าถ้าไปเกิดยุคอื่นอาจจะได้เป็นมือหนึ่งของโลกก็เป็นได้ โดยฤดูกาลที่ผ่านมาก็เงียบๆเรื่อยๆมาเรียงๆตามสไตลล์ คว้ามา 3 แชมป์โดยหนึ่งในนั้นเป็นรายการระดับมาสเตอร์ ซีรี่ส์ และก็ได้รองแชมป์มาสเตอร์ คัพ ส่งท้าย ถึงแม้แกจะเป็นผู้เล่นที่คว้าแชมป์ได้ไม่มากไม่มาย (รวม 14 รายการโดยมี 2 รายการที่เป็นมาสเตอร์ ซีรี่ส์ และยังไม่เคยเข้าใกล้แชมป์แกรนด์สแลม) แต่แกก็เข้ารอบลึกๆได้ร่ำไป

    ลักษณะการเล่น : นิโคไล ดาวีเดนโก้ เป็นนักเทนนิสที่ตีแฟลชได้โหดเข้าขั้น โดยเฉพาะลูกแบ็คแฮนด์ขนาดเส้นและครอสคอร์ต จุดแข็งของเขานั้นคือเบสิคการเล่นท้ายคอร์ตแน่นเปรี๊ยะ ยืนตี วิ่งตี ตบ วอลเล่ย์ท้ายคอร์ต แต่จุดอื่นๆกลายเป็นจุดอ่อนของเขาเสียเช่นนั้น ลูกเสิร์ฟของเขานั้นไม่สามารถกดดันคู่ต่อสู้ได้เท่าที่ควร และเขายังมีจุดอ่อนที่ลูกวอลเล่ย์ที่เปอร์เซ็นต์การได้แต้มค่อนข้างน้อย (ทั้งๆที่เป็นคนที่มีวงการตีสวิงกิ้งวอลเล่ย์สวยมากๆ) สองสิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ขาดความครบเครื่อง รวมทั้งความสามารถในการปิดเกมค่อนข้างต่ำ บ่อยครั้งที่เราเห็นเขาขึ้นนำจนเกือบชนะ แต่กลับโดนแซงในบั้นปลาย ขาดราศีแห่งผู้ชนะและแชมเปี้ยน แต่เขาก็ยังเป็น "หนึ่งในสุดยอด" อยู่ดี

    อาวุธประจำกาย : Prince Ozone Pro Tour หน้าไม้ 100 น้ำหนัก 343 กรัม รุ่นนี้เนี่ยไม่เคยตีครับ แต่เคยตีไม้ยี่ห้อนี้อยู่พักนึง (ซีรี่ส์ O3 ของกิเยร์โม่ โคเรีย) ซึ่งซีรี่ส์ใกล้เคียงกันแต่เก่ากว่าตัวนี้เยอะ จุดเด่นของไม้ยี่ห้อนี้คือความบาลานซ์ และจุดอิมแพคกว้างกว่าไม้รุ่นอื่นครับ แต่จุดด้อยของมันคือ เสียงไม่แน่น (ก๊องๆยังไงไม่รู้) และที่สำคัญคือหักง่ายครับ จำได้ว่าตบแป้กลูกโดนหัวไม้จุดที่เป็นคาร์บอน ทีเดียวหักเลยครับ แถมศูนย์ดันงี่เง่าไม่ให้เปลี่ยน หาว่าเราเอาไม้ไปตีพื้นคอร์ตเล่น ผมโยนทิ้งถึงขยะต่อหน้าเลยครับ (7000 กว่าบาท เครียดครับ เครียด)

    ป.ล. ถ้ายาวไปก็ขออภัยครับ สำหรับคนที่เล่นเทนนิส (หรือไม่เล่นก็ได้ไม่ว่ากัน) โพสเข้าคุยกันได้นะครับ ถ้าข้อมูลผิดพลาดอย่างไรก็ขอโทษละกันนะครับ

    แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 51 17:40:43

    จากคุณ : คุณชายพระราม3 - [ 9 ธ.ค. 51 03:17:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com