ความคิดเห็นที่ 1 หน้าประวัติศาตร์ เจลีค ยุคก่อนเริ่ม โปร ลีค (ก่อนปี 1992) ก่อนที่จะมีเจลีค เกิดขึ้นนั้น ลีคสูงสุดของฟุตบอลญี่ปุ่นคือ Japan Soccer League (JSL) และทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นทีมสมัครเล่นเท่านั้น แฟนๆที่ติดตามเชียร์ก็มีน้อยมาก สนามก็ไม่ได้ดีเยี่ยมอะไร  และทีมชาติญี่ปุ่น ก็ไม่ได้เป็นทีมยักษ์ใหญ่ในทวีปเอเชียอย่างปัจจุบัน  แต่เพื่อที่จะยกระดับมาตรฐานการเล่นฟุตบอลภายในประเทศให้สูงขึ้น  ความต้องการที่จะเรียกแฟนบอลให้เข้ามาชมในสนามให้มากขึ้น รวมกับเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฟุตบอลทีมชาติ สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (Japan Football Association, JFA) จึงตัดสินใจที่จะสร้างลีคฟุตบอลอาชีพให้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1992 ระบบลีคอาชีพ หรือที่เรียกว่า เจ ลีค จึงได้ถือกำเหนิดขึ้น โดยมีสโมสรที่ได้รับการคัดเลือกจาก JSL ดิวิชั่นหนึ่งเดิม 8 สโมสร รวมกับอีกหนึ่งสโมสรจากดิวิชั่นสอง และสโมสรที่เพิ่งจะถือกำหนดขึ้นมาอีกหนึ่งสโมสร คือ สโมสร Shimizu S- Pulse ในขณะเดียวกันนั้น JSL ได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Japan Football League (เดิม) ซึ่งยังคงเป็นลีคกึ่งอาชีพอยู่ และถึงแม้ว่า เจ ลีค จะยังคงไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1993 แต่การแข่งขันชิงถ้วย รายการ Yamazaki Nabisco Cup ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลในปี ค.ศ. 1992  โดยมีทีมเข้าแข่งขันถึง 10 สโมสร จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปิดฤดูกาล 1993 และ เจ ลีค บูม (1993 – 1995) เจ ลีค เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฤดูกาลแข่งขันแรก ในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1993  ด้วยจำนวนทีมเข้าร่วม 10 ทีม โดยคู่เปิดสนาม แข่งขันกันที่ Kasumigaoka National Stadium ซึ่ง เวอร์ดี้ คาวาซากิ (ปัจจุบันคือ โตเกียว เวอร์ดี้) เป็นเจ้าบ้าน พบกับ โยโกฮาม่า มารินอส (ปัจจุบันคือ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส) การแข่งขันครั้งนั้น ทำให้เกิดผลกระทบกับวัฒนธรรมกีฬาญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ มีเพียงแค่เบสบอล กอล์ฟ และซูโม่ คือกีฬาที่คนญี่ปุ่นสนใจดู แห่เข้าไปชมอย่างล้นหลาม นักฟุตบอลต่างชาติชื่อดังหลายคน บางคนก็เลยจุดสูงสุดอาชีพมาแล้ว ถูกซื้อเข้ามาร่วมทีมมากมาย สนามที่เคยร้างผู้ชม ก็มีคนเริ่มทยอยเดินเข้าสนามอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทุกๆ วันที่มีการแข่งขัน จะมีการถ่ายทอดสดทางหน้าจอให้แฟนๆ ทางบ้านได้ชมอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 คู่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่า ระบบลีคแบบนี้จะประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ต่อมาในฤดูกาลที่สองของเจ ลีค  (ค.ศ. 1994) ลีคได้บันทึกสถิติจำนวนผู้ชมมากที่สุดเอาไว้ที่ 19, 598 คน ซึ่งแน่นอนว่า มันต้องถูกทำลายลงในเวลาต่อมา เนื่องด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้บรรดาสโมสรใน Japan Football League (เดิม) ที่ไม่ได้คัดเลือกให้เข้าร่วม เป็น “the original ten” ในช่วงเปิดฤดูกาล พยายามที่จะขอเข้าร่วมลีคอีกครั้ง โดยมีสโมสรดังอย่าง จูบิโล่ อีวาตะ และ เบลมาเร่ ฮิราซึกะ (ปัจจุบัน คือ โชนัน เบลมาเร่) เข้าร่วมลีคในปี ค.ศ. 1994 และ สี่เดือนต่อมา อีก หกสโมสรก็ขอตามเข้าร่วมระบบลีคนี้ จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลังยุค เจ ลีค บูม (ค.ศ. 1996 – 1999) จากความสำเร็จใน 3 ปีแรก เกจิหลายๆ คนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการบูมของฟุตบอลลีค ใกล้จะหายไปทุกที และลีคจะตกอยู่ในช่วงย่ำแย่ในแง่ของการเงิน จากการที่สโมสรต้องรับภาระค่าเหนื่อยที่แพงลิบของนักเตะต่างชาติ แต่ในแง่ของความเป็นจริงแล้ว ปรากฏการ์ณนี้เริ่มเกิดขึ้นในช่วงก่อนปี ค.ศ. 1996  ดังจะเห็นได้จากการลดลงของจำนวนผู้ชมในสนามอย่างรวดเร็ว ในปี ค.ศ. 1997 จำนวนผู้ชมเฉลี่ยอยู่ที่ 10, 131 คน เทียบกับเมื่อปี 1994 แล้ว น้อยลงถึง ประมาณ 9,000 คนเลยทีเดียว หลายคนกล่าวว่า การเสื่อมความนิยมลงอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของลีค จากจำนวน 8 สโมสรที่ถูกเพิ่มเข้าไปภายในเวลา 4 ปี ตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1994 ถึง 1998 เม็ดเงินไหลออกจากสโมสร ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ในขณะที่ผู้ชมกลับลดลง ทำให้ผู้สนับสนุนลีคเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมือนกับว่า จะหาทางออกจากความสูญเสียนี้ไม่ได้เสียแล้ว แม้ว่า สโมสรใน เจลีค จะไม่ได้ของบริษัทใดอย่างเด่นชัด แต่ยังคงต้องพึ่งพาการสนับสนุนด้านการเงินจากผู้สนับสนุนผู้ซึ่งกลายเป็น บริษัทอุตสาหกรรมพ่อ เป็นอย่างมาก เมื่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบ สโมสรก็ย่อมได้รับผลกระทบตามเป็นธรรมดา ในปี ค.ศ. 1998 ซาโต้ โคเกียว ผู้รับเหมาทั่วไป และเป็นผู้สนับสนุนร่วมหลัก ของ สโมสร โยโกฮาม่า ฟูเกล ประกาศว่า บริษัทประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และทำให้มีผลกระทบต่อการสนับสนุนสโมสร ทำให้ผู้สนับสนุนร่วมหลักอีกราย คือ ออล นิปปอน แอร์เวย์ ไม่สามารถที่จะให้การสนับสนุนสโมสรได้เพียงลำพัง ดังนั้นจึงมีการร่วมกับ บริษัทผู้สนับสนุนรายใหม่ ซึ่งนั่นก็คือ นิสสัน มอเตอร์ส ซึ่งก็เป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสร โยโกฮาม่า มารินอส สโมสรซึ่งเป็นปรปักษ์ร่วมเมือง นั่นเอง ภายใต้ข้อตกลงร่วม ทำให้ฟูเกลส์ต้องถกยุบทีม และรวมเข้ากับสโมสร โยโกฮาม่า มารินอส และเปลี่ยนชื่อเป็น “ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส” ซึ่ง เอฟนั้น ก็หมายถึงฟลูเกลส์นั่นเอง นี่เป็นเหตุการณ์ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึง “ยุคตกต่ำของลีค” ดังเช่นสโมสรอื่นๆ ทั่วทั้งลีคประสบวิกฤตการ์ณทางการเงินนั่นเอง อีกตัวอย่าง ก็คงจะเป็น ฟูจิตะ ประกาศยกเลิกสัญญาการสนับสนุนสโมสร เบลมาเร่ ฮิราซึกะ (ปัจจุบันคือ โชนัน เบลมาเร่) ซึ่งเป็นผลทำให้ ฮิราซึกะ ตกชั้นในปี ค.ศ. 2000 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันจึงเป็นแค่ห้วงเวลาก่อนที่ลีคจะถึงกาลอวสาน จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยุคการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างลีค (ค.ศ. 1999-2005) ฝ่ายการจัดการลีค รู้ซึ้งแล้วว่า พวกเขากำลังเดินทางไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงมีสองทางแก้เพื่อที่จะแก้ไขปัญหานี้ ทางแรก การประกาศวิศัยทัศน์ เจ ลีค 100 ปี ซึ่งมุ่งหมายที่จะสร้าง สโมสรฟุตบอลอาชีพขึ้น 100 สโมสร ภายในปี 2092 ซึ่งเป็นปีที่ 100  ทั้งนี้ลีคยังพร้อมที่จะสนับสนุนให้สโมสรประชาสัมพันธ์กิจกรรมทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล รวมทั้งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อที่จะได้เข้าถึงการสนับสนุนภายในท้องถิ่น และเพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในท้องถิ่นในระดับรากหญ้า ลีคเชื่อว่ากิจกรรมเหล่านี้จะทำให้สโมสรผูกพันกับท้องถิ่นและเมือง รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ ห้างร้าน บริษัท และ ผู้คนในท้องถิ่นอีกด้วย หรืออีกนัยหนึ่งคือ สโมสรสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยแรงสนับสนุนภายในท้องถิ่น มากกว่าที่จะอยู่ด้วยแรงสนับสนุนจากผู้สนับสนุนยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเหมือนแต่เดิมที่ผ่านมา ทางที่สอง โครงสร้างของลีคถูกเปลี่ยนแปลงอย่างมากในปี ค.ศ. 1999 ลีคได้ 9 สโมสรจากลีคกึ่งอาชีพ (JFL เดิม) และอีก 1 สโมสรจาก เจ ลีค เพื่อสร้างระบบสองดิวิชั่นขึ้นมา ลีคสูงสุดกลายเป็น เจ ลีค ดิวิชั่น 1 (J1) ซึ่งมีทีมเข้าร่วมโม่แข้งทั้งหมด 16 ทีม ในขณะที่ เจ ลีค ดิวิชั่น 2 (เจ 2 ) ได้เปิดตัวในปี 1999 ด้วยจำนวนทีมเข้าแข่งขัน 10 ทีมด้วยกัน ดังนั้นทำให้ลีคอันดับสอง เดิม คือ Japan Football League กลายเป็น ลีคอันดับสามแทน จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขออนุญาตแทรกจะได้เห็นภาพในตอนท้ายของคห.4 ผมชอบกระทู้แบบนี้ และไอ้หน้าที่เห็นนั่นคือคนที่มายิงกรุงไทยแหลกราญนั่นแหละครับ จากคุณ : danielle - [ 7 ม.ค. 52 13:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยุคการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างลีค (ค.ศ. 1999-2005) (ต่อ) ข้อกำหนดสำหรับทีมที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน ใน J2 ไม่ได้เข้มงวดมากนักเหมือนกับการแข่งขันในลีคสูงสุด ทำให้เมืองเล็กๆ สามารถยังคงสโมสรไว้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการลงทุน มากเหมือนสโมสรใน J1 ซึ่งจริงๆ แล้ว สโมสรอย่าง มิโตะ โฮลี่ฮอว์ค มีจำนวนแฟนบอลเข้าชมเกมเฉลี่ยเพียง 3,000 คน และได้รับการสนับสนุนทางการเงินน้อยมาก แต่ยังคงสามารถลงโม่แข้งในศึก J2 ได้อย่างไม่มีปัญหา สโมสรในดิวิชั่น 2 จะต้องใช้เวลาในการสร้างทีมเพื่อที่จะรอการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 เช่นการพยายามที่จะพัฒนาปรับปรุงสิ่งเหล่านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น ระบบทีมเยาวชน สนามเหย้า สถานะทางการเงิน และความสัมพันธ์ภายในชุมชน สโมสรอย่าง โออิตะ ตรินิตะ, อัลบิเร็กซ์ นิอิกาตะ และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ได้ทำระบบโครงสร้างพวกนี้ได้สำเร็จมาแล้ว ซึ่งสโมสรเหล่านี้เริ่มตั้งต้น ใน J2 ในปี ค.ศ. 1999 และเมื่อเทียบดูแล้วจะเห็นว่า พวกเขาเป็นสโมสรขนาดเล็กมาก  แต่ก็ยังได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่น ใน J1 ได้ในปี 2002, 2003, และ 2004 ตามลำดับ ซึ่งในปัจจุบัน พวกเขาเหล่านี้ก็สามารถยืนหยัดอยู่ในลีคสูงสุดได้เรียบร้อย นอกจากนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ลีคยังได้เริ่มที่จะใช้รูปแบบการแข่งขันตามแบบยุโรป เริ่มแรกเดิมที ตามธรรมเนียม หากไม่มีผลแพ้ชนะของการแข่งขันเกิดขึ้น การต่อเวลาพิเศษ. กฏยิงประตูทอง (Golden Gold rules), และ การยิงจุดโทษได้ถูกบรรจุเข้าไปในการแข่งขันระบบลีค การยิงจุดโทษถูกยกเลิกไปช่วงต้นฤดูกาล 1999 และ การต่อเวลาพิเศษ ได้ถูกยกเลิกไปในปี ค.ศ. 2002 สำหรับ J2 และ 2003 สำหรับ J1 ช่วงเวลาจนกระทั่งปี ค.ศ. 2004 (ยกเว้น ฤดูกาล 1996) J1 ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองช่วงฤดูกาล ซึ่งเมื่อจบฤดูกาลเต็ม แชมป์ของแต่ละฤดูกาลจะต้องมาเตะชิงแชมป์ของฤดูกาลนั้น เพื่อหาแชมป์ประจำฤดูกาลและรองแชมป์ จูบิโล อิวาตะ และ โยโกฮ่ามา เอฟ.มารินอส ได้แชมป์ทั้งสองครึ่งฤดูกาลในปี 2002 และ 2003 ตามลำดับ ทำให้ในทั้งสองปีนั้น ไม่มีการเตะชิงแชมป์ประจำฤดูกาลไปโดยปริยาย นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ลีคได้ทำการยกเลิกระบบการแยกครึ่งฤดูกาลไปในปี 2005 แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 13:42:21 จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีครับ คุณ danielle ผมเองก็ติดตามอ่านกระทู้ของคุณมานานแล้วเหมือนกัน =========================================== AFC Champions League และการเติบโตของ J2 (2005 – ปัจจุบัน) เมื่อเริ่มฤดูกาล 2005 เจ ลีค ดิวิชั่น 1 มีทีมฟุตบอลทั้งหมด 18 สโมสร (เพิ่มขึ้นจาก 16 สโมสร ในปี 2004) และ รูปแบบการแข่งขันก็เหมือนกับฟุตบอลสโมสรยุโรป จำนวนของสโมสรที่ถูกลดชั้น ได้เพิ่มจากเดิม 2 ทีม เป็น 2 ทีมครึ่ง ซึ่งอีกครึ่งทีมจะต้องไปเตะเพลย์ออฟ กับทีมอันดับสามที่ดีที่สุดจาก J2 จากนั้นเป็นต้นมา ลีคสูงสุด ก็อยู่ตัว โดยมีการปรับเปลี่ยนภายในลีคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สโมสรฟุตบอลของญี่ปุ่นยังได้เข้าร่วมการแข่งขัน AFC Champions League ภายหลังจากไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันมาหลายปีย้อนกลับไปถึงปี ค.ศ. 1980 แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว สโมสรจากญี่ปุ่นมองการแข่งขันในระดับทวีปเอเชีย เป็นภาระที่จะดึงความสนใจของพวกเขาออกไปจากลีคภายในซะมากกว่า ตัวอย่างคือ ในฤดูกาล 2005 โยโกฮามา และ อิวาตะ ต้องลงเตะ 13 นัดติดต่อกันทั้งในการแข่งขันระดับทวีปเอเชียและในลีคภายใน ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 44 วัน ซึ่งเฉลี่ยแล้ว พวกเขาต้องลงเตะทุกๆ  3.66 วันเลยทีเดียว! โดยทางลีคไม่ได้สนใจที่จะช่วยเหลือทางสโมสรเลย ในขณะที่ลีคของจีน และเกาหลีได้เลื่อนตารางการแข่งขันลีคภายในประเทศของตนออกไปเพื่อช่วยยืดหยุ่นตารางการแข่งขันของลีคภายใน ปัญหาตารางการแข่งขันที่แน่นนี้ได้ถูกนำเข้าไปประชุมเพื่อหาทางแก้ไขเมื่อเริ่มฤดูกาล 2006 อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมา กับการรวม เอ ลีค ในเอเชียตะวันออก การประชาสัมพันธ์ฟุตบอลโลก และ คุณค่าทางการตลาดของทวีปเอเชียที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งลีคและสโมสรได้เพิ่มความสนใจในการแข่งขันระดับทวีปมากยิ่งขึ้น เชื่อหรือไม่ว่า คาวาซากิ ฟรอนทาเล เป็นหนึ่งในสโมสรญี่ปุ่นที่มีแฟนๆ อยู่ในฮ่องกง เหตุผลจากการที่เข้าร่วมการแข่งขัน Asian Champion League ในฤดูกาล 2007 ผลของความความพยายามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ อุราวะ เร้ด ไดมอนส์ ประสบความสำเร็จในปี 2007 หรือแม้กระทั่งในฤดูกาล 2008 สโมสรจากญี่ปุ่นยังคงประสบความสำเร็จในการแข่งขันนี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการจัดการบริหารลีคและความสามารถในการแข่งขัน ทำให้เจ ลีคได้รับการเพิ่มจำนวนทีมที่มีลิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน AFC Champions League รวมทั้งหมดเป็น 4 ช่องทีม เริ่มในฤดูกาล 2009 โดยลีคถือโอกาสนี้ในการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชียเอง นอกจากนี้ เพื่อที่จะได้รับความสนใจภายในเอเชียมากชึ้น เจ ลีค วางแผนที่จะเพิ่มโควต้านักเตะต่างชาติคนที่ 4 ในแต่ละทีม แม้ว่าโควต้านี้จะมีให้เฉพาะนักเตะจากทวีปเอเชียเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 12:42:41 จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เหวอออออ ลืมเปลี่ยนสีไปซะงั้นอ่ะ ======================================= AFC Champions League และการเติบโตของ J2 (2005 – ปัจจุบัน) (ต่อ) ในขณะเดียวกัน เจ ลีค ดิวิชั่น 2 ได้เริ่มการขยายตัวเพื่อเติมเต็มความต้องการที่จะให้สโมสรในลีคที่ต่ำลงไปกลายเป็นสโมสรอาชีพมากยิ่งขึ้น เมื่อจบฤดูกาล 2004 สองสโมสรได้รับการเลื่อนชั้นจาก Japan Football League และในปีต่อมา เอฮิเม เอฟ ซี ก็ได้เลื่อนตามขึ้นไป เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2006 ลีคได้ทำการสำรวจเพื่อหาจำนวนของสโมสรนอกลีคที่มีความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีค ซึ่งผลปรากฏว่ามีประมาณ 40 – 60 สโมสรในญี่ปุ่น มีแผนที่จะเข้าร่วมภายในเวลา 30 ปีข้างหน้า จากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของลีค ทำให้โครงการวิสัยทัศน์เจลีค 100 ปี ที่ได้ริเริ่มโครงการย้อนกลับไปยุค 90 ได้ถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้องและดีขึ้น นอกจากนั้น คณะกรรมการการจัดการลีคได้ถูกแต่งตั้งขึ้น และมีความคิดในเชิงพัฒนาอยู่ 2 ทาง ทั้งการขยายการพัฒนาของลีคดิวิชั่นสอง หรือ การก่อตั้งลีคดิวิชั่นสาม หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ลีคต้องการเลือกระหว่าง การปล่อยให้สโมสรนอกลีคเข้ามาเล่นใน J2 เลย หรือ ก่อตั้งดิวิชั่นสาม ให้กับสโมสรนอกลีคเหล่านั้น เพื่อให้มีการพัฒนาและเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวเข้ามาเล่นใน J2 หลังจากที่มีการศึกษาจากกรณีศึกษาหลายๆ กรณีด้วยกัน จากหลากหลายเหตุผล ทำให้คณะกรรมการลีคได้ทำการประเมินแล้วว่า การเพิ่มจำนวนสโมสรใน J2 เป็น 22 ทีมก่อนที่จะมีการก่อตั้งดิวิชั่นสาม เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของลีค • Japan Football League ซึ่งเป็นลีครองอันดับที่สามในระบบฟุตบอลลีคของญี่ปุ่นได้ถูกใช้ให้เป็นแหล่งเพาะบ่ม และเตรียมความพร้อมของสโมสรนอกลีค • ในขณะนั้น สโมสรนอกลีคทั้งหมดที่สนใจจะก้าวเข้ามาเป็นสโมสรระดับอาชีพ ยังคงเล่นอยู่ในลีคท้องถิ่น หรือ ลีคระดับอำเภอ ซึ่งห่างจาก J2 สอง ถึงสี่ระดับเลยทีเดียว • จำนวนทีมทั้งหมด 22 ทีมเป็นจำนวนที่เหมาะสม สำหรับจำนวนเกมที่จะเล่นเป็นทีมเหย้าตลอดทั้งฤดูกาล ในขณะที่ยังคงทำให้การแข่งขันมีรูปแบบ แบบ double – round robin (การแข่งขันในระบบเหย้า – เยือน) • ในลีคยุโรปทั้งหมด จะมีรูปแบบของระบบลีคเป็นลักษณะคล้ายปิระมิดที่เหมือนๆ กัน คือ จะมีจำนวนสโมสรในระดับดิวิชั่นสอง และสาม มากกว่าจำนวนสโมสรในลีคสูงสุด คณะกรรมการลีคยังได้นำระบบสมาคมสมาชิกภาพ กลับมาใช้ เพื่อใช้ช่วยเหลือสโมสรนอกลีค สมาชิกภาพจะถูกมอบให้กับสโมสรนอกลีคที่มีความตั้งใจจริงที่จะเข้าร่วมเจ ลีค และเพื่อการเติมเต็มข้อกำหนดการเลื่อนชั้นทั้งหมดของ J2 ซึ่งมีสโมสรหลายแห่งใน Japan Football League และ ลีคระดับท้องถิ่นได้สมัตรเข้าร่วมและได้รับสมาชิกภาพไป โดยสมาชิกที่เข้าร่วมนี้ หากจบฤดูกาลด้วย 4 อันดับสูงสุดของ JFL จะได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นใน J2 ถึงแม้ว่าจะมีการประท้วงจากองค์กรและมหาวิทยาลัยบางแห่ง ซึ่งอาจจะทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้สะดุดลง (ญี่ปุ่น, สเปน หรือ เยรมันนี จะอนุญาตให้ทีมสำรองสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในระบบฟุตบอลลีคหลักๆ ได้ แต่จะไม่สามารถก้าวเข้ามาเล่นในลีคสูงสุดได้) จนถึงปี 2008 นี้มีสองสโมสรแล้วที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน J2 โดยผ่านระบบการคัดเลือกแบบนี้ จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 13:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตัวอย่างและวีธีการดำเนินงานก็มีให้เห็นแล้วคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ การพัฒนาลีกไทยเคยสนใจกันบ้างหรือป่าวครับ หรือรอกระแสบูมมากกว่านี้? เอ! แต่จะมีรึป่าว ทีมงานพัฒนาไทยลีกนะ แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 14:05:59 จากคุณ : akejar1 - [ 7 ม.ค. 52 14:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แผนในอนาคต (ค.ศ. 2009 และต่อไปจากนี้) ปัจจุบันนี้ ลีคมีจำนวนสโมสรเข้าร่วมทั้งหมด 18 สโมสรในศึกดิวิชั่น 1 และอีก 15 สโมสรในลีคดิวิชั่น 2 จากที่ได้กล่าวมาแล้วในบทที่ผ่านมา ว่าลีคได้วางแผนที่จะมีสโมสรสมาชิกทั้งหมด 22 ทีม เมื่อลีค J2 มีสโมสรทั้งหมด 18 สโมสร ระบบการเลื่อนและลดชั้นของเจลีค ได้ถูกยกเลิกไป และทีมอันดับสามของ J2 ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีค J1 เหมือนเดิม เมื่อ J2 มีสโมสรทั้งหมด 22 สโมสร ระบบการเลื่อนชั้นและลดชั้นระหว่างลีค J2 และ JFL ก็ได้เริ่มต้นขึ้น จากนั้น ลีคได้วางแผนที่จะคงสภาพสถานะทางการเงินและความสามารถในการแข่งขันฟุตบอลของ JFL เป็นอันดับต่อมา จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 14:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สมาคมสมาชิกภาพแห่งเจลีค สมาคมสมาชิกภาพแห่งเจลีคเป็นสถานะที่ถูกมอบให้สโมสรนอกลีคในญี่ปุ่นที่มีความตั้งใจและต้องการที่จะเข้าร่วม เจ ลีค ในอนาคตอันใกล้ สโมสรจาก JFL, ดิวิชั่นระดับภูมิภาค, และดิวิชั่นระดับอำเภอ สามารถที่จะขอสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ใบสมัครจะถูกพิจารณาจากคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากลีค สมาคมสมาชิกภาพในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในการที่จะได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ J2 และระบบจะยินยอมให้ ได้รับการพิจารณาในการเข้าร่วมลีคและงบประมาณจากเจ ลีค สมาชิกในปัจจุบัน • ไกนาเร่ ตอตโตริ • โตจิริ เอส.ซี. – ได้เลื่อนชั้นสู่ J2 ในปี ค.ศ. 2009 • ฟากิอาโน โอคายามา เอฟ.ซี.  – ได้เลื่อนชั้นสู่ J2 ในปี ค.ศ. 2009 • คาตาเลอร์ โทยามา  – ได้เลื่อนชั้นสู่ J2 ในปี ค.ศ. 2009 • นิว เวฟ คิตาเคียวชู (ถูกระงับการเลื่อนชั้น เนื่องจากขาดการต่อเนื่องในการพัฒนาสนามแข่งขันและการจัดการ) จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 14:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ว้าว  นี่สิของจริงรู้จริง จากคุณ : หน่อยคุง - [ 7 ม.ค. 52 14:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วไอ้คนที่มันเสียเงินงบประมาณบินไปดูถึงญี่ปุ่นนี่ได้อะไรมาบ้างครับ นอกจากนอนแช่น้ำพุร้อน กับ พาลูกหลานไปดิสนี่แลนด์ นั่งอ่านในวิกิเอาดีกว่ามั๊ยครับสมาคม ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่แปลให้ครับ ต้นแบบก็มีให้เห็นแล้ว บินไปดูงานก็ไปมาแล้ว แล้วไม่เห็นมีอะไรเลย จากคุณ : RichThoFeN - [ 7 ม.ค. 52 14:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากทั้งหมดที่ได้นำมาเสนอนั้น  หากใครสามารถทนอ่านได้จนจบ จะเห็นความแตกต่างระหว่าง เจ ลีค และไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีคได้อย่างชัดเจน เรา กับญี่ปุ่นมีอะไรบ้างที่แตกต่างกัน เงินทุน เหรอ อาจจะใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากได้อ่านดีๆ จะเห็นได้ว่า ญี่ปุ่น ก็เริ่มลีคจากศูนย์เหมือนกัน และระยะหลังจากภาวะเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อทีมในเจลีค จะเห็นได้ว่า ทางลีคได้วางแผนให้เริ่มตั้งต้นใหม่ ด้วยการให้ทีมนั้นอยู่ได้เพราะแรงสนับสนุนจากชุมชน ไม่ใช่แรงสนับสนุนจากนายทุนเหมือนเดิมแต่อย่างใด   แต่สิ่งที่แตกต่างกันตามมุมมองของผมคือ วิสัยทัศน์ ความเชื่อมั่น การลงมือทำอย่างเป็นจริงเป็นจัง การยอมรับความผิดพลาดและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ เฮ้อ! เยอะเหมือนกันนะครับ นี่ยังไม่นับความทะเยอทะยาน ไม่หยุดยั้ง พอใจเพียงแค่ความสำเร็จแค่ครั้งเดียว ยังคงความคิดต่อยอดความสำเร็จเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทั้งทางด้านการเงินและความสามารถอีกต่างหาก ที่เรายังเป็นรองญี่ปุ่นอยู่มาก จากการที่ผมได้แปลบทความนี้ และได้ติดตามไทยลีคมาได้ซักระยะหนึ่ง ผมดีใจที่เห็นหลายๆ ทีมกำลังเดินตามทีมในเจ ลีค โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน การมีแฟนบอลเป็นจำนวนมากเข้าไปเชียร์ในสนาม และตามไปเชียร์ทีมรักเวลาที่ต้องเล่นเป็นทีมเยือน แต่ในขณะเดียวกัน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหันกลับมามองว่า นี่คือสิ่งที่แต่ละทีมกำลังดิ้นรนทำกันเองอยู่ไม่ใช่เหรอ มันมิใช่มาจากการสรรค์สร้างของสมาคมฟุตบอลลีคแต่อย่างใด แล้วจะมีประโยชน์อันใด หากจะเหลือเพียงแค่ สอง สามสโมสร ที่มีแฟนบอลหนาแน่น สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองในลีค ในขณะที่อีกหลายทีมถูกยุบทีมไปเมื่อทีมตกชั้น หรือไม่มีเงินทุนเข้ามาหนุนหลัง เหมือนกับปีที่ผ่านๆมา ผมยอมรับว่า เมื่อก่อนผมไม่ค่อยชอบดูบอลไทยลีคซักเท่าไหร่ ก่อนจะเข้ามาเรียนและทำงานในกรุงเทพฯ เคยนอนดูถ่ายทอดสดบอลลีคอยู่ที่บ้าน แล้วเผลอหลับไปหน้าตาเฉยเลย (ถ่ายตอน 4 โมงเย็นซะด้วย) แต่หลังๆ มานี้ก็เริ่มเดินเข้าสนามไปดูบอลไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีค บ่อยขึ้น รู้จักนักเตะไทยมากขึ้น เคยคิดเหมือนกับหลายๆ คนว่า อยากให้นักเตะไทยได้ไปเล่นในลีคใหญ่ๆ อย่าง พรีเมียร์ลีค อังกฤษ ลาลีก้า สเปน หรือ กัลโช่ เซเรียอา ของอิตาลี แต่กลับไม่เคยคิดที่จะให้ลีคภายในของเราพัฒนาขึ้น ให้มีนักเตะดังๆ เข้ามาค้าแข้งในประเทศบ้าง เป็นคุณ คุณไม่อยากเห็นข่าวแบบนี้บ้างเหรอครับ “ฮุนเตลล่า ซบเทโร 35 ล้านปอนด์ เตรียมเปิดตัววันอังคารนี้”, “ ฉลามชลฉกปาโต้ตัดหน้าเชลซี” , “แฟนทีโอทีคลั่งเมสซี่แห่รับเต็มสุวรรณภูมิ” หรือ “ โรนัลโด้เผย อยากไปไฟฟ้ามากกว่ามาดริด”  หลายคนอ่านแล้วอาจจะบอกว่าเพ้อฝัน เพ้อเจ้อ แต่อย่าลืมว่า ที่ญี่ปุ่นเป็นแบบทุกวันนี้ มิใช่ความเพ้อฝันในการ์ตูน กัปตันซึบาสะ หรอกเหรอครับ เมื่อซักสิบปีก่อน ผมเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ มีเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนึงมาจากเมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น  ก่อนมันจะกลับญี่ปุ่นมันเคยให้ไกด์บุ๊คเจลีค กับผมเล่มนึง จำได้ว่าทำดีมากๆ ให้นึกถึงหนังสือท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ของนายรอบรู้นั่นแหละครับ แต่เป็นสี่สีทั้งเล่ม ในนั้นก็จะมีแนะนำทีมแต่ละทีม มีรูปนักเตะทุกคนในทีม รูปหมู่ เสื้อทีมเหย้า ทีมเยือน พร้อมทั้งแต่ละทีมจะได้โควต้าทีมละ 1 หน้าเพื่อสำหรับแนะนำดาวดังของแต่ละทีม ซึ่งทีมนึงจะมีดาวดังอยู่ 3 – 4 คน นอกจากนั้น ยังมีแผนที่ การเดินทาง เบอร์ติดต่อสโมสร แฟกซ์ เมลล์ แผนผังสนามพร้อมราคาตั๋วของแต่ละโซน ตารางการแข่งขัน โอ๊ย อีกจิปาถะ เรียกได้ว่าครบครันจริงๆ สำหรับคนที่สนใจดูบอลเจ ลีค แต่ไม่ได้ติดตามมากนัก จำได้ว่าตอนนั้นยังมองหา ฮิเดโตชิ นากาตะ (เบลมาเร่ ฮิราซึกะ), โยชิคัตทสึ คาวางูจิ (โยโกฮามา มารินอส (เดิม)), คาซูโยชิ มิอุระ,รุย รามอส, ทซึโยชิ คิตาซาว่า (แวร์ดี้ คาวาซากิ (เดิม)), ปาทริค เอ็มโบมา (กัมบะ โอซาก้า), รวมถึง ซัลวาตอเร่ สคิลลาชี่ (จูบิโล่ อิวาตะ) ฯลฯ ผมจึงขอเสนอให้ลีคไทย ลองพิมพ์แบบนี้ออกมาดูบ้างสิครับ แฟนบอลจะได้รู้จักสโมสร นักเตะ และติดตามผลงานได้ดีขึ้น สุดท้าย ผมยอมรับว่า ตอนนี้เริ่มสนใจเจ ลีคเพิ่มขึ้นรื่อยๆ แล้ว และจะคอยติดตามเจลีค ต่อไป และจะไม่ลืมที่จะติดตามไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีคด้วยครับ ผมอยากจะให้ไทยลีค เป็นเหมือนเจ ลีค หรือลีคใหญ่ๆ ในยุโรป ก่อนหน้านี้ผมพักอยู่แถวปากเกร็ด ก็ติดตามเชียร์ ทีโอที กับ เมืองทองหนองจอก อยู่ฤดูกาลนึง (มีเสื้อทีมเหย้าของทีโอที สกรีนเบอร์ 8 สุเชาว์ ด้วยนะเออ อิ อิ) แต่ปัจจุบันย้ายมาอยู่แถวอ่อนนุชแล้วก็เลยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปดูทีโอที กับเมืองทองอีกหรือเปล่า ถ้าใครมีทีมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็แนะนำได้นะครับ จะหาโอกาสไปดูแน่ๆ ที่สุดแห่งสุดท้าย ผมยังเชื่อว่า “เชื่อมั่น วางแผน ริเริ่ม ลงมือทำจริง ไทยจะไปบอลโลกครับ!!!” Credit ภาพสวยๆ www.jimpex.nl www.gainare.net www.brandsoftheworld.com www.s-pulse.co.jp www.football4less.com www.football-chat.net www.daylife.com จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 15:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กระทู้คุณภาพครับ จากคุณ : pipathto - [ 7 ม.ค. 52 15:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ที่คุณเป็นห่วงเรื่องการที่ทีมไทยถูกยุบไปทุกปีเมื่อมีการตกชั้นนั้น ผมมองว่า อนาคตมันจะเป็นโอกาส ให้ทีมที่ถูกคัดเลือกแล้วเท่านั้นที่ควรอยู่ในลีกสูงสุด กฎธรรมชาติจะช่วยเหลือเราเอง ท้ายที่สุด ถ้าปัญหาไม่รุนแรงกระทั่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลายไป ไทยลีกก็น่าจะสมบูรณ์ได้ด้วยตัวมันเอง จากคุณ : +Carbocat+ - [ 7 ม.ค. 52 16:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กระทู้มีสาระ จากคุณ : 0000 - [ 7 ม.ค. 52 17:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ มันมีอีกเหตุผลที่ช่วยให้เจลีกหลุดพ้นวิกฤตลีกล่มสลายออกมาได้ครับ คือช่วงหลังฟุตบอลโลกที่เกาหลีและญี่ปุ่นร่วมเป็นเจ้าภาพ จำนวนผู้ชมในแต่ละสนามนั้นลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วมันก็เลยมีสิ่งนี้ออกมาครับ http://www.toto-dream.com/ ระบบแทงพนันฟุตบอลที่ถูกต้องตามกม.ของญี่ปุ่น รายการข่าวหลายๆสำนักทางทีวี (ที่ปกติออกเฉพาะข่าวกีฬาในประเทศอยู่แล้ว ไม่เหมือนประเทศสารขัณฑ์ที่กีฬาภายในประเทศไม่ค่อยมีให้ดู) ก็เอามาวิเคราะห์วิธีการแทงกันสนุกสนาน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เจลีกกลับมาบูมอีกครั้ง ประกอบกับช่วงหลังฟุตบอลโลกมีนักเตะญี่ปุ่นไปค้าแข้งในยุโรปมากขึ้น (เค้าถือว่าทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ) ข่าวฟุตบอลก็เลยยิ่งมีคนได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก ปล. ต่ำกว่า 20 ปีแทงถูกไปก็ไม่ได้เงินนะครับเพราะ ที่ั่นั่น กม.คือกม. กม.ไม่ใช่กฏหมู่ จากคุณ : khanchang - [ 7 ม.ค. 52 17:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรียนคุณ +Carbocat+ ผมเห็นว่า หากสโมสรใดมีการบริหาร การจัดการที่ดี มีกำลังทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มีแฟนบอลหนุนหลังอย่างสม่ำเสมอ คงยากที่ทีมๆ นั้นจะถูกยุบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสโมสรในไทยลีคคืออะไร ทำไมถึงต้องยุบทีม ทางลีคมีความรู้สึกกังวลหรือไม่กับการที่ทีมในลีคที่วางเอาไว้ ขาดหายไปอีก 1 ทีม มีการเตรียมแผนรองรับไว้บ้างหรือเปล่าหากในอนาคตมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก หรือจะรอให้ทีมถูกยุบไป ทีละทีม สองทีม แล้วแก้ปัญหาด้วยการหาทีมอะไรก็ได้ซักทีม เข้ามาเตะในลีคสูงสุดแทน? ที่ว่ากฏธรรมชาติจะสามารถช่วยเหลือไทยลีคให้อยู่รอดได้ แต่ผมกลับมองว่า การวางแผน การบริหาร การจัดการลีคที่ดีต่างหากที่จะสามารถทำให้ไทยลีคอยู่รอดได้ ไม่เฉพาะอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังคงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปได้อย่างเจ ลีค ดีกว่ามานั่งรอให้เกิดปัญหาประเภทฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย แล้วค่อยมานั่งคิดว่าจะทำอะไรเพื่อจะแก้ไขกันดี จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 17:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความจริงก่อนที่จะพูดถึงระบบลีกเราควรต้องย้อนกลับไปพูดถึงระบบการจัดการแข่งขันในระดับนักเรียน และระบบการศึกษาของเค้าด้วยครับ เนื่องจากมันคือรากฐานสำคัญของทุกสิ่งทุกอย่างที่ญี่ปุ่นมีในปัจจุบัน เข้าใจว่าหลายท่านคงต้องผ่านตาการ์ตูนญี่ปุ่นกันมาบ้าง แล้วก็คงได้ยินคำว่า การแข่งขันแบบ inter-high (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดมันน่าจะมาจากคำว่า inter-high school นะครับ) ไอ้การแข่งขันแบบดังกล่าวน่ะ ไม่ได้มีเฉพาะในระดับมัธยมปลายเท่านั้น แต่มันมีไล่มาตั้งแต่ประถมยันไปถึงมหาวิทยาลัย แล้วก็เป็นแชมป์เท่านั้นที่จะได้เข้าไปสัมผัสกับสนามกีฬาแห่งชาติ (ไม่เหมือนประเทศแถวนี้อีกแล้วที่แค่ร้องเพลงได้ก็เข้าไปสัมผัสสนามกีฬาแห่งชาติได้แล้ว) ก็ขึ้นอยู่กับประเภทกีฬาว่าเป็นประเภทไหน ถ้าเป็นเบสบอลก็ต้อง โคชิเอง (Koushien) หรือถ้าเป็นฟุตบอลก็ต้องเป็น Kokuritsu Kyogijo (ไม่รู้ตอนนี้เปลี่ยนไปยัง) ก่อนการแข่งขัน inter-high นั้นเค้าจะมีการจัดการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนระดับจังหวัด (ความจริงบางชนิดกีฬาก็แบ่งเขตเอาเองก็มี) โรงเรียนที่ได้เป็นตัวแทนรวมไปถึงนักเรียนที่ได้เป็นตัวแทนจะได้รับความสนใจจากทั้งจากโรงเรียน คนในท้องถิ่นและสำนักข่าวเป็นอย่างมาก นากาตะ เองก็โด่งดังมาจากการแข่งขันฟุตบอลแบบ inter high (scout ของเบลมาเร่ ฮิราซึกะ รวมถึงอีกหลายๆ ทีมก็มาจับจองตัวเค้าตั้งแต่ก่อนเค้าเรียนจบมัธยมปลายเสียอีกครับ) ก่อนที่จะมาดังเป็นพลุแตกตอนจ่าย 2 ยิง 1 นัดตัดเชือกกับอิหร่านตอนบอลโลกปี 98 นั่นแหละครับ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเรียนเค้าเล่นกีฬาได้อย่างสบายใจก็คือ "ทางเลือก" ของเค้ามี ผู้ใหญ่เค้าไม่ได้มีความคิดแบบแคบๆ ว่าต้องเรียนแบบนั้นแบบนี้เท่านั้น แล้วที่สำคัญเค้ามี "ความรับผิดชอบ" อีกทั้งทางการก็สนับสนุน โรงเรียนส่วนใหญ่เลิก 3 โมงใครเก่งกีฬาก็เข้าชมรมไปซ้อม ใครเก่งวิชาการก็เข้าชมรมไปเรียน เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่วัตถุดิบที่ต่างกัน (นักเรียน นักบอล ฯลฯ) ย่อมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ถึงแม้จะใช้กระบวนการเหมือนกันก็ตาม สักวันหนึ่งประเทศแถวนี้คงจะดีกว่านี้แหละครับ ตอนนี้ก็สู้กันต่อไป ปล. ผิดพลาดหรือตกหล่นอะไรไปขออภัยด้วยครับ m(_ _)m จากคุณ : khanchang - [ 7 ม.ค. 52 17:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเห็นด้วยกับคุณ khanchang นะครับ เคยอ่านการ์ตูนเกี่ยวกับฟุตบอลญี่ปุ่นนี่แหละที่ทีมโรงเรียน ต้องมาแข่งชิงแชมป์ระดับภูมิภาคก่อน ก่อนที่จะได้เป็นตัวแทนระดับเขต เพื่อแข่งชิงแชมป์ระดับประเทศอีกที ทีนี้ในระหว่างแข่งๆ อยู่นั้น ก็จะมีสตาฟทีมชาติ มาซุ่มดูฟอร์มเพื่อเรียกเข้าไปติดทีมชาติชุดเด็ก ส่วนหนึ่งก็จะเป็นแมวมองจากสโมสรต่างๆ มาซุ่มดูฟอร์มเพื่อจะได้มาดึงตัวไปเป็นผู้เล่นของสโมสรนั้นๆ ในอนาคต ทุกอย่างจะถูกทำขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระบบ เมื่อก่อนเคยไปดู รายการ Yamaha Thailand Cup เห็นนักบอลรุ่นเด็กๆ หลายๆ คนเล่นใช้ได้เลยทีเดียว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะมีสตาฟ์ทีมชาติ หรือสเกาท์ของสโมสรใดไปเมียงมองเด็กพวกนี้บ้างหรือเปล่า ผมว่าเป็นการแข่งขันที่ดีเลยทีเดียว สามารถใช้เป็นเวที ที่สโมสรแต่ละสโมสรจะได้เฟ้นหานักเตะเก่งๆ ที่จะเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในอนาคตได้ ซึ่งจะนำไปสู่การที่ทีมในไทยลีค จะมีทีมเยาวชน ทีมสำรอง และมีลีคเพื่อรองรับทีมเหล่านี้อยู่ด้วย แต่ตอนนี้เห็นว่าไม่มีการแข่งขันรายการนี้แล้ว ไม่รู้ว่าได้เปลี่ยนไปเป็นการแข่งขันรายการอื่นบ้างหรือเปล่า จากคุณ : Mary's Garden - [ 7 ม.ค. 52 17:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเคยคุยกัึบคุณพ่อชาวญีุ่ปุ่นท่านหนึ่ง เขาส่งเสริมลูกเขาได้ดีมาก พอเขาได้ฟังลูกของเขาว่าลูกเขามีฝันอยากเป็นนักฟุตบอล คุณพ่อเขาก็พาลูกเขาเข้าไปลงทะเบียนอะเคเดมี่สอนบอล อะคาเดมี่เขาก็จะมีระบบประเมินผลการเล่น ลูกเขามีแวว ประเมินผ่านทักษะดี พ่อเขาหาเงินส่งลูกไปเรียนฟุตบอลซัมเมอร์ที่อิตาีลีต่อทุกปี ต่างกับพ่อแม่ไทยส่งลูกไปเรียน เรียนหรือเปล่านี่ไม่รู้รู้แต่ว่าไปนอกลู่เยอะ... จากคุณ : danielle - [ 7 ม.ค. 52 19:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นับถือๆ ^ ^ จากคุณ : เพลงฝน - [ 7 ม.ค. 52 20:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เคยเข้าไปดูในเวปเขามาเหมือนกัน แค่เห็นเห็นที่ว่า "100Years Vision" ผมก็อึ้งแล้วครับ ไม่รู้ว่าทางสมาคมเราจะทำได้อย่างนี้หรือเปล่า เอาแค่ 1Year Vision ผมว่าก็ไม่มีแล้ว ทำอะไรแบบเป็นทัวนาเมนต์ๆไปไม่ได้วางแผนอะไรล่วงหน้าหรอก เฮ้อ ผู้บริหารเฮงซวย จากคุณ : CoreRock (CoreRock) - [ 7 ม.ค. 52 20:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เจลีก ทำได้ดีจริงๆ เอาน่า คนไทยช่วยกัน คนละไม้คนละมือ ใครอ่านกระทู้นี้ไม่ไปดูไทยลีกปีนี้ครบ 15 แมตช์ ขอแช่ง ฮี่ๆๆ ปีที่แล้วผมดูไปประมาณ 17-18 แมตช์ จากคุณ : Prince Baro5 - [ 8 ม.ค. 52 06:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ประเทศไทยทำไม่ได้หรอกครับ ขัดผลประโยชน์กัน จากคุณ : Porepor - [ 8 ม.ค. 52 07:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 .... จากคุณ : -APEM - [ 8 ม.ค. 52 08:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าคงต้องใช้เวลาครับ เพราะต้องนี้ลีกอาชีพเรายังคลานอยู่เลยระบบยังไม่เป็นรูปเป็นร่างสมาคมยังบริหารงานแบบเก่าๆ คนไทยส่วนมากก็ยังไม่มีความรักในสโมสรท้องถิ่นมากนัก คงต้องใช้เวลาในการปลูกค่านิยมในการดูกีฬาเป็นการผ่อนคลายเหมือนดูหนังให้ได้ แล้วส่วนมากคนไทยตอนนี้อาชีพที่ พ่อ แม่ ผู้ปกครองอยากให้เป็นไม่ หมอ ก็วิศวะ ไม่ก็ดารา นักร้อง พีธีกร(รายการบันเทิงนะ) นักกีฬาก็มีบ้างแต่น้อยมากเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังหาเช้ากินค่ำเงินชักหน้าไม่ถึงหลังเขาก็อยากให้ลูกได้ทำงานที่มั่นคง มันเลยขาดการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เด็กก็เลยมีทางเลือกไม่มาก เราทำได้แค่สนับสนุนไปเรื่อยๆครับหน้าที่ของเราต้องทำได้แค่นี้ ส่วนอื่นก็คงต้องให้ผู้ที่มีหน้าที่สำนึกเอาสักวันครับ ป.ล. ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับที่อุตส่าห์นั่งแปลงานชิ้นนี้ผมเคยแปลภาษาอังกฤษเป็นไทยรู้เลยว่าไม่ง่าย ขอบคุณที่ตั้งกระทู้มีสาระนี้ขึ้นมาครับ จากคุณ : เตียวกงจื้อ - [ 8 ม.ค. 52 10:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไทยมีฝ่าย ญี่ปุ่นเค้า รวมเป็นหนึ่ง นี่แหละ ความแตกต่าง จากคุณ : หงส์โหด - [ 8 ม.ค. 52 10:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ... โหวต!!! จากคุณ : ดาราวิปลาส - [ 8 ม.ค. 52 12:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กระทู้ดี บางทีการกีฬาของเรา กว่าจะพัฒนาได้อย่างเขา คงต้องเริ่มจากพัฒนาคน ระบบราชการ และความคิดคนก่อนล่ะมั้ง รู้สึกดี เพราะเห็นหนทาง และคิดว่ามีได้จริง รู้สึกไม่ค่อยดี เพราะไม่ค่อยเห็นหนทางที่เราจะไปยังจุดนั้น.. เอาเหอะ อย่างไรก็เชียร์กันต่อไป! จากคุณ : art_sarawut - [ 8 ม.ค. 52 16:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณจริงๆครับที่นำมาให้อ่าน กว่าจะอ่านจบนะเนี่ยเรา - - จากคุณ : Firepocket - [ 8 ม.ค. 52 16:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โหวตต้องโหวตครับ จากคุณ : reenbun - [ 8 ม.ค. 52 17:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถึงแม้จะเป็นคนชาติอื่นแต่นับถือเรื่องการทำงาน นี่เป็นครั้งที่สี่แล้ว ที่พูดอย่างไรก็ยังพูดได้ทุกยุคทุกสมัย... ถ้าพูดถึงเจลีก ต้องยกให้นายกสมาคมของเขา... คนนี้คนที่ชื่อ เคน นางานูมะ กระทู้นี้คือกระทู้เก่า ขอยกกระทู้เก่าเข้ามาพ่วงน่ะครับ รางวัล diamond of asia คือคนที่เสียไปแล้วเมื่อตอนที่ญี่ปุ่นเขามาเตะบอลโลกรอบคัดเลือกในเมืองไทย... เข้าไปดูล่ะกันครับ รางวัลยอดเยี่ยมเอเชียญี่ปุ่นได้เยอะมาก คาใจเรือ่งเดียวคือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งเอเชียที่รับไม่ได้หรอก เพราะเอ็นโดะไม่ได้ เพราะถ้ามาตรฐานที่เอเอฟซีไปลอกเขามาต้องเป็นเอ็นโดะเท่านั้น เพราะเอ็นโดะคือผู้ที่พากัมบะเป็นแชมป์เอเชี่ยนแชมป์เปี้ยนลีกแถมพาเอเชียเป็นสโมสรที่สามของโลกด้วย http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2008/11/S7247083/S7247083.html แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 18:51:54 จากคุณ : danielle - [ 8 ม.ค. 52 18:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 "หวังว่าจะได้เห็นปรากฏหารณ์แบบนี้ เกิดขึ้นที่เมืองไทยบ้างจังครับ ... ก่อนตายก็ยังดี" ปล. ไม่ต้องหวังไปบอลโลกอะไรหรอกครับ เอาแค่วันหยุดคนไทยชวนลูกชวนหลานไปดูกีฬากันให้เยอะๆ พอๆ กับไปเดินห้าง ดูหนัง ก็พอครับ จากคุณ : หนุ่ม No.7 - [ 8 ม.ค. 52 20:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วิสัยทัศน์ของสมาคม มันต่างกันราวฟ้ากับนรก สมาคมของบางประเทศ มันมีแค่ฝัน ถ้า AFC ไม่คิดยกระดับบอลลีกภูมิภาคนี้ ป่านนี้ผมว่าเราคงยังไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย จากคุณ : chayenkung - [ 8 ม.ค. 52 21:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แค่วิศัยทัศน์ 100 ปีก็กินขาดแล้ว จากคุณ : Jose Pasillas ll - [ 9 ม.ค. 52 02:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่าประเด็นของกระทู้นี้คือ ดู แล้วเอาตามอย่าง ไม่ใช่ดูแล้วด่าประเทศตัวเอง แล้วจบไปดูบอลนอกงมงายอยู่เหมือนเดิม ผมว่าการดูบอลนอกไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ชีวิตควรมี ลีกส์ไทย ของทีมชาติไทย เป็นที่หนึ่ง ส่วนบอนนอกเอาประปรายผมว่าแค่นี้พอ ที่ญี่ปุ่นจะให้จับประเด็นจริงๆคนญี่ปุ่นดูบอลนอกเป็นหลักแค่ บอลทีมชาติ บอลสโมสรยุโรป ส่วนอื่นๆ ผมว่าเค้าดูนิดๆหน่อย เพราะชีวิตดูแค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ใหนจะหลักๆที่ดูทีมชาติกับลีกส์ของ ตัวเอง คือพูดง่ายๆ ถ้าดูบอลลงลึกในลีกส์ใดลีกส์นึง คำถามก็จะมีอยู่ว่า อ่าวแล้วลีกส์ที่เหลืออื่นๆ ในโลกทำไมไม่ดูกันล่ะ ญี่ปุ่นเลยสนใจเฉพาะยูฟ่าแชมเปียนลีกส์ซะมากรวมทั้งบอลทัวนาเมนท์ระดับชาติหากพูดถึงบอลนอกประเทศของเค้าในปัจจุบัน จะมีก็พวกคลาสสิค เพราะก่อนที่จะรู้จักลีกส์อื่นๆ ในยุโรป พวกญี่ปุ่นเริ่มรู้จักลีกส์ อิตาลี่ก่อน และประเทศของเค้าก็กราบไหว้ อิตาลี่ อย่างกับอะไรดี ถ้าเค้าดูจริงๆคงดูทีมเฉพาะที่มีนักเตะญี่ปุ่นเล่นอยู่และเป็นทีมดังๆหน่อย ฤดูกาลหน้า นากามูระ จะย้ายกลับมา มารินอสแล้ว แต่ยังมีโกกิ เล่นอยู่ที่นั่น ที่สำคัญคือ โอคุโบะ กำลังจะย้ายไปเล่นในเยอรมัน อย่างไรก็ตามนะ ผมมองว่าญี่ปุ่นกำลังเจอปัญหาสมองไหลเหมือนไทย เพราะคนญี่ปุ่นเริ่มชอบบอลยุโรปมากขึ้น เมื่อวานผมคุยกับคนญี่ปุ่นบอกว่าเค้าว่า คนไทยชั้นต่ำ ส่วนใหญ่ มักจะด่าประเทศไทย ไม่ชอบประเทศไทย และคิดว่าตัวเองโชคร้ายที่ได้เกิดเป็นคนไทย พวกนั้นตกใจมากๆ เค้าบอกว่าที่ญี่ปุ่นในอดีต ถ้ามีคนพูดหรือคิดแบบนี้ คงโดนตัดหัวในตอนนั้นเลย ผมว่าก่อนอื่นที่คนเราคิดจะทำอะไร ผมว่าการปลูกจิตสำนึกในการรักชาติของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดก่อนสิ่งอื่น ผมกลับไทยไป ภาพที่เห็นแล้วน่าตกใจที่สุด ทั้งๆที่เคยเห็นมาตลอดคือ คนที่นั่งรถยนต์อยู่เปิดกระจกออกมาแล้ว ทิ้งขยะออกมานอกรถแล้วขับไปเฉยเลย ขณะที่คนญี่ปุ่น พาหมามาเดินนี่ต้องมีอุปกรณ์เก็บขี้หมา เก็บเอาไปทิ้งที่บ้านตัวเอง ทุกครั้ง การศึกษาและการปลูกจิตสำนึก ในกฏระเบียบวินัย ความรับผิดชอบเป็นเรื่องที่เราต้องเร่งทำมากๆ อย่างที่บอก ผมเคยบอกคนแถวนี้ไว้ว่า แค้นที่ทีมชาติญี่ปุ่น อัดไทยไปกลับ และไทยจะไปชำระในบอลเอเชียคัพรอบสุดท้าย อีกสองปีข้างหน้า และผมก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด ทำให้บอลสโมสรยุโรปนี่ตอนนี้ ไม่มีความคิดอยากดูเลย คงดูเฉพาะว่าจริงๆ ที่อยากดูคือ บอลทีมชาติทั่วโลก และแน่นอน บอลไทย ลีกส์ไทย ต้องมาเป็นที่หนึ่งเสมอ จะไม่ให้เป็นอย่างงั้นได้ไง ไปเตะบอล กลุ่มคนไทยร้องกิ๊บกิ้ววววววววว คุยกับเฮฮา แมนยูถล่มคู่แข่งยับ แต่กลุ่มเวียดนาม เดินมาพร้อม ชูมือ 3-2 บอกไทยแลนด์แพ้ ผมจึงบอกไงว่า บอลอังกฤษ บอลยุโรปมันเป็นบอลที่พวกคุณสมมุติขึ้นมาเองแท้ๆว่าพวกคุณเป็นส่วนหนึ่งของเค้า แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ ทีมชาติไทยต่างหากที่จะเป็นทีมของคุณและจะติดตัวคุณไปจนตาย คนญี่ปุ่นก็พูดเหมือนกัน "ทีมชาติคุณไม่เก่งเท่าไรเนอะ" แล้วผมจะพูดได้เปล่าว่า "แต่ผมเป็นแฟนแมนยู แชมป์สโมสรยุโรปและสโมสรโลกนะ" ผมว่าใครฟังคงหาว่าคุณบ้าแน่ๆ ปล.ถาพใน คห. 4 เป็นภาพดาวยิงสูงสุด เจลีค ในปีนี้ของ คาชิม่า ครับ ปล.สอง ผมว่าคนที่ด่าสมาคม ควรคิดว่า ตัวเราจะทำอะไรได้บ้างแล้วทำ ดีกว่าที่จะมาคาดหวังคนอื่น แน่นอนว่าบอลไทย กับสมาคมฟุตบอลเป็นสิ่งคู่กัน แต่สมาคมฟุตบอล ไม่ได้มีความสำคัญกับทีมชาติไทย มากไปกว่า แฟนบอลไทย 67 ล้านคนแน่นอน แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 07:45:11 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 07:33:05 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 07:30:08 จากคุณ : Yupin - [ 9 ม.ค. 52 07:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แหม อ่านคห. 14 แล้วชอบใจ เมื่อวานผมพึ่งจับหนังสือเล่มที่คุณว่า แต่เป็นเวอร์ชั่นของปีนี้ จะบอกว่าไม่ใช่แค่ทีมในเจลีก แต่พวกเค้ามีออกมาเป็นบอลลีกส์ ยุโรปรวมทุกลีกส์ในเล่มเดียว หรือพวกทีมชาติด้วย ผมอยากให้ของไทยมีแบบนั้นมากๆ ไม่ใช่มีซัปพอร์ตแต่ของลีกส์ยุโรป ลีกส์ไทยเป็นลีกส์ที่ คนต้องการข้อมูลอย่างมาก เนื่องจากสื่อไม่เคย สนใจ ลีกส์ของประเทศตัวเองมาก่อน ถามเถอะครับตัวจริง แมนยูลิเวอร์พูลมีใครบ้าง ตอบกันฉลุน อ่าว แล้วตัวจริงแชมป์ ไทยลีกส์ล่ะ ..ผมว่าหลายคนนั่งใบ้ ไอ้ที่แย่ที่สุดคือ พอถามแบบนั้น แล้วกลับมาถามเราต่อว่า "เออ แล้วแชมป์ไทยลีกส์ มันคือทีมอะไรเหรอ" ไม่เอาน่า..... จากคุณ : Yupin - [ 9 ม.ค. 52 07:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สุดยอด จากคุณ : dabodabo55 - [ 9 ม.ค. 52 10:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่า ตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเราทำได้ก็คือ "สนับสนุน" ทีมในลีกของเรา อย่างสุดตัวครับผม บ้านใครใกล้ทีมไหน อยากให้เข้าไปเชียร์กัน ชวนพ่อแม่พี่น้อง เข้าไปเชียร์กันที่สนามครับผม พอทีมนั้นๆ มีฐานแฟนบอลที่มากขึ้นแล้ว ผมว่ามันน่าจะมีแรงพอที่จะไปผลักดันให้เจ้าของทีมนั้นๆ พัฒนาทีมต่อไปได้ครับ ไม่มากก็น้อยล่ะนะ คือ ถ้าเรามัวมานั่งอ่านกระทู้เจลีก แล้วบ่น ลีกไทยไปเรื่อย ด่าสมาคมไปเรื่อย แต่ไม่ทำอะไรกันเลย มันก็คงไม่มีประโยชน์มั้งครับ? อย่างน้อยที่สุด แค่เข้าไปเชียร์ทีมของคุณ ให้บ่อยที่สุด ช่วยกันผลักดัน คนละไม้คนละมือ เอานะครับ ช่วยกันๆ จากคุณ : Bz in Red - [ 9 ม.ค. 52 13:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 Yupin กำลังมาแรง จากคุณ : โข่งบอย - [ 9 ม.ค. 52 13:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบ นากายาม่า ใน J-ลีค อ่ะ ลูกที่กระโดดพักอกแ้ล้วยิงสุดยอดเลย ตอนนี้น่าจะเลิกเล่นแล้วมั้งนะ เคยเจอในแผ่น J-ลีค 2001 - 2002 อายุ 35 ปี แล้ว จากคุณ : แง่มๆ น้องหมา 2 ปี - [ 9 ม.ค. 52 14:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คห.38 สุดยอดมากๆ ชอบจัง. . . . "ผมจึงบอกไงว่า บอลอังกฤษ บอลยุโรปมันเป็นบอลที่พวกคุณสมมุติขึ้นมาเองแท้ๆว่าพวกคุณเป็นส่วนหนึ่งของเค้า แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ ทีมชาติไทยต่างหากที่จะเป็นทีมของคุณและจะติดตัวคุณไปจนตาย" . . จำเอาไว้เลยครับ พวกเด็กอังกฤษทั้งหลาย จากคุณ : Thaikickoff (สุมาโจจี้) - [ 9 ม.ค. 52 14:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มาต่ออีกนิดดีกว่า ไม่ใช่ว่าญี่ปุ่นหรือคนญี่ปุ่นไม่ให้ความสำคัญกับลีกนอกนะครับ เค้าก็ให้ความสำคัญกับลีกนอกเหมือนกัน และก็มีแฟนบอลที่คลั่งไคล้ แมนฯยู มาดริด บาซ่า ยูเว่ ฯลฯ เหมือนกันกับประเทศเรานี่แหละครับ ดีไม่ดีคนที่คลั่งไคล้อาจจะบ้ามากกว่าคนในบางประเทศแถวนี้ก็ได้นะครับ แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่สื่อครับ สื่อที่จะใช้ติดตามข้อมูล และการให้ความสำคัญ (ลำดับของความสำคัญ) ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว หรือกองเชียร์ เค้ารู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งทะเลาะกันว่า เค้าเชียร์บอลนอก บอลในกัน มันมีแค่ว่าเชียร์บอลนอกก็เชียร์ไป ถึงเวลาทีมชาติแข่งก็เชียร์ทีมชาติ ก็แค่นั้นครับ เมื่อสิบปีก่อนตอนไปอยู่ที่นั่น ปีก่อนที่แมนฯยูได้ tripple แชมป์น่ะครับ ถ้าจะหาข่าวของฟุตบอลนอกไม่ว่าจะลีกใดก็ตาม คุณตามได้เฉพาะในนิตยสารรายเดือน world soccer เท่านั้น และก็มีอีกเล่มจำไม่ได้ชื่ออะไร เค้าไม่มีถ่ายทอดสดนะครับ ถ่ายทอดฟุตบอลนอกมาประเทศเค้าน่ะ ถ้าคุณไม่มีเคเบิ้ลทีวีเสียเงิน (พวก BS ทั้งหลายแหล่) บอลลีกในประเทศก็นานๆ มีถ่ายทีทางฟรีทีวีเหมือนกัน ถ้าอยากดูต้องไปทีสนามหรือไม่ก็มี BS ใครอยากดูต้องมี BS ครับ (แต่พอดีที่บ้านโฮสต์ตอนนั้นไม่มี) (ที่มีถ่ายทางฟรีทีวีประจำก็มีแค่เบสบอลมัธยมปลาย กับซูโม่เท่านั้น) แถมเน็ตฯ 10 ปีก่อนก็ยังไม่เฟื่องฟูขนาดนี้ จะติดตามข่าวสารแต่ละทีลำบากยิ่ง เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะปฏิรูปและให้มันสำเร็จอย่างจริงจังก็อย่างที่บอกและอย่างทีหลายๆความเห็นบอกไว้แหละครับ ต้องรื้อระบบการศึกษา ความคิด ระบบราชการออกก่อน แล้วก็ควรจะเลือกเชื่อได้แล้วว่าทีมที่ดีต้องเป็นจังหวัดเท่านั้น เพราะทุกทีมในเจลีกมีรากฐานมาจากบริษัทเอกชนแทบทั้งสิ้น (ช่วงยุคก่อตั้งนะครับ) มีเพียงช่วงหลังเท่านั้นที่เจลีกได้รับความนิยมแล้ว จึงมีหลายทีมที่ไม่ได้มาจากภาคเอกชนแต่มาแบบชุมชนก่อตั้งแล้วเข้าร่วมแข่งขัน ประเทศเราพึ่งจะเริ่มต้น (ความจริงก็เริ่มต้นมาตลอด) แต่สมาชิกที่เป็นเอกชนนั้นไม่ยอมพัฒนา (เพราะไม่เห็นความจำเป็น) สมาคมก็ไม่กระตือรือร้นที่จะผลักดัน (เพราะไม่เห็นความจำเป็นเช่นกัน) แฟนบอลก็ไม่มีมีส่วนร่วม (เพราะไม่เห็นความจำเป็นเช่นกัน) สโมสร + แฟนบอล + สมาคม + (สื่อ) = ลีกแข็งเกร่ง จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ครับ มันต้องไปพร้อมๆ กัน ปล. เรื่อง Toto Goal ก็อย่างใน link ที่ให้ไว้นั่นก็เป็นอีกประเด็นที่จะไม่คิดไม่ได้นะครับ เลิกเอาคำอ้างว่าเมืองไทยเมืองพุทธมาอ้างได้แล้ว (ผมไม่เคยเล่นบอลนะ ตอนเด็กเคยเดิมพันแบบเลี้ยงข้าวเท่านั้นเอง) ผิดถูกประการใด พร้อมรับคำชี้แนะครับ จากคุณ : khanchang - [ 9 ม.ค. 52 15:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Vote จากคุณ : shonenjump - [ 9 ม.ค. 52 18:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าเมื่อ 10 ปีก่อนครับ เมื่อก่อนผมว่าบอลยังไม่ดัง ผมว่าเทียบไม่ได้เลยกับเบสบอล แต่ในปัจุจุบันนั้น บอลเจลีคมีถ่ายทอดสดทุกๆสัปดาห์ครับผม ส่วนความคลั่งลีกส์ ตปท.นั้น ที่ไทยมีนิตยสารบอลนอกรายสัปดาห์ มี นสพ.รายวัน แต่ที่ญี่ปุ่นนั้นมีแบบรายเดือน ผมว่าที่ไทยนั้น คนจะคลั่งบอลนอกมากกว่าญี่ปุ่นแน่นอน เพราะที่ญี่ปุ่น เค้าไม่ได้ดู แล้วโมเมไปว่า ทีมเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเค้าแบบเดียวกับ ที่เค้าคิดกับทีมในเมืองของเค้า เค้าดูเพื่อรู้เพื่อศึกษา และเลือกที่จะชอบนักเตะเป็นคนๆมากกว่า ที่จะชอบทีมในทีมนึง ผมเคยถามคนญี่ปุ่นมากมาย มีแค่คนเดียวที่บอกว่าชอบลิเวอร์พูล ส่วนคนอื่นๆ บอกว่าชอบ เดล ซีดาน บั๊กโจ้ ส่วนทีมพวกเค้าไม่ได้ชอบ ส่วนที่ไทย พวกเราโมเม เพื่อสร้างความสุขให้กับตนเองว่า เราเป็น ส่วนหนึ่งของแมนยู บาร์ซ่า มาดริด หรือลิเวอร์พูล นั่นคือความแตกต่าง แน่นอนเรื่องสื่อสำคัญสุดเลย ที่ญี่ปุ่น ไม่มีเกมส์บอลสโมสรตปท.ถ่าย แต่ถ่ายบอลทีมชาติญี่ปุ่นทุกนัด และเจลีกทุกสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ผมมองว่ากระแสบอลนอกในญี่ปุ่น เริ่มจะมาเรื่อยๆ และ ถ้าพวกญี่ปุ่นไม่คิดให้ดี วันนึงเค้าจะสิ้นชาติในเรื่องฟุตบอล แบบที่ไทยเป็น อังกฤษ ไม่มีความจำเป็นส่งทหารมายึดไทย แค่เอาบอลอังกฤษมาปล่อยตอนนี้ คนไทยกราบไหว้อังกฤษไปแล้ว (ผู้ชาย) เช่นกัน ญี่ปุ่นเกาหลี ไม่ต้องส่งทหารมา แต่สาวๆไทยก็ยอมกราบไหว้พวกญี่ปุ่นเกาหลีไปหมดแล้ว ด้วยวัฒนธรรมที่แผ่ลงมา ญี่ปุ่นแผ่วัฒนธรรมของพวกเค้าผ่าน การ์ตูนและตอนนี้ ทั้งจีนเกาหลีที่เคยเกลียดพวกญี่ปุ่น (เด็กๆ)ต่างก็หันมากราบไหว้ญี่ปุ่นกันหมด ทั้งๆที่ ในอดีตเคยรบกันมาแทบเป็นแทบตาย สำหรับจีน คุณรู้มั้ย จีนมีทหารมากมาย แต่ทำไมถึงแพ้ญี่ปุ่น .. คำตอบง่ายๆเลยคือ จีนไม่รักประเทศของเค้าเอง และไม่มีความภูมิใจในชาติตัวเอง พวกเค้าเอาแต่รบฆ่าฟันกันเอง ภายในไม่มีการรวมเป็นหนึ่งเดียว มาดูที่ญี่ปุ่น คนที่ผู้ผ้าพันคือ แมนยู เดาได้เลยว่า คนๆนั้นไม่ใช่คนญี่ปุ่น พนักงานที่ทำงานในร้านฟุตบอลชุดทำงานเค้าคือ เสื้อทีมในจังหวัดของพวกเค้าสลับกับเสื้อทีมชาติญี่ปุ่นเท่านั้น ผมถึงบอกไงว่า ไอ้พวกที่ซื้อเสื้อสโมสรต่างประเทศของแท้น่ะมันปัญญาอ่อนชัดๆ สำหรับคนไทยที่เกิดโตในประเทศไทยน่ะนะครับ ความคิดเหล่านี้มันมาจากสื่ออย่างเดียวเลย ให้คนติด แล้วก็พยายามหลอกเอาเงินจากคนพวกนั้น ลองคิดดูที่ สยามกีฬา เอาบอลอังกฤษมานำเสนอ ขณะที่ในช๊อปซ็อกเกอร์ มีทุกอย่างที่คนที่ติดมันแล้ว อยากได้ ผมเองเคยติดกะลาซ๊อกเกอร์ อย่างจะบอกเลยว่า 10 ปีเต็มๆที่ซื้ออ่านทุกวัน ตอนนี้ผมเลิกซื้อแล้ว ซื้อแค่แบบรายสัปดาห์เค้าแค่รู้ ไม่เอาบ้า บอลไทยเราต้องมาก่อน ผมคิดมองตัวเองในอดีต ว่าทำไมโง่อยู่ในกะลา ให้มันหลอกเอาเงินมาตลอด สื่อคือผู้ชักจูงแพงบอลอย่างแท้จริง ลองสิครับ ผลิตขึ้นมา นสพ.บอลไทยเต็มๆ แล้วห้ามขายเลย นสพ.บอลนอก ลองถ่ายบอลไทยลีกส์ และทีมชาติไทยทุกนัดทางฟรีทีวี ภายใน 5 ปีคนจะรักบอลไทย แบบพวกญี่ปุ่น ไม่ถึงเค้าแต่เชื่อว่าได้เกินครึ่ง แต่ใครจะทำ เพราะทำแบบนั้น แล้วทัวร์แมนยู ใครจะไป ทำแบบนั้นแล้วเสื้อลิเวอร์พูล เชลซีใครจะซื้อ ทำแบบนั้นแล้ว นิตยสาร แมนยู ลิเวอร์พูลจะไปขายใคร สื่อกับเงิน ผมว่าพวกเค้าทำเพื่อมันได้ แม้จะต้องทำลายคำว่า บอลไทย ก็ตามที แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 19:29:35 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 19:12:05 จากคุณ : Yupin - [ 9 ม.ค. 52 19:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 งั้นผมคงเข้าใจผิดไปเอง เพราะผมเข้าใจว่า ฟุตบอลในญี่ปุ่นมันเริ่มกลับมาดังอีกครั้งตอน 10 ปีที่แล้วเพราะเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นได้ไปบอลโลก หลังจากเกิดโศกนาฏรรมทีโดฮา ก่อนปี 94 (Doha no higeki) ดังสุดๆ ดูกันทั้งบ้านทั้งเมือง ยกพลไปทำข่าวถึงอาร์เจนคู่แข่งรอบแบ่งกลุ่มในตอนนั้น แถมนากาตะยังไปรับช่วงต่อจาก คาซูที่อิตาลีอีกด้วย เข้าใจว่าที่ญี่ปุ่นโปรอิตาลีก็เพราะคาซู ส่วนที่ชอบไปทางบราซิลก็เพราะมีโค้ชหลายคนมาจากบราซิล แถมคนญี่ปุ่นในบราซิลก็มีเยอะแยะ (พวกอพยพ) ที่ไม่ค่อยมีอังกฤษ เพราะว่าตอนนั้น อังกฤษยังเจาะตลาดญี่ปุ่นไม่ได้เลยครับ เยอรมัน สเปน นี่ไม่ต้องพูดถึง จนได้ takahara ไปเล่นให้ฮัมบูร์กแหละ เค้าถึงทำข่าวกัน ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะเป็นแบบนี้ 90-94 (เติบโต) --> 94-97 (ตกต่ำ) --> 98-ปัจจุบัน (กลับมาบูมอีกครั้ง) พอดีผมไปเรียนตอนช่วงเปลี่ยนผ่านพอดีมั้ง มันเลยไม่ได้มีถ่ายทุกสัปดาห์ทางฟรีทีวี เพราะที่บ้านโฮสต์ ไม่ได้ติดพวก BS WOWOW Sky-Pa อ่ะ แต่ตอนกลับไปเรียนอีกครั้งช่วงบอลโลกที่เค้าเป็นเจ้าภาพมันก็ไม่มีถ่ายทอดทุกสัปดาห์เหมือนกันนะ แต่พอดีตอนนั้นที่หอมี Sky-Pa เค้าก็มีถ่าย UCL ให้ดูเพื่อนญี่ปุ่นมันยังมานั่งดูด้วยกันเลย แสดงว่าที่คุณ Yupin อยู่มี BS, WOWOW, Sky-Pa  หล่ะสิ เข้าใจว่าประเทศด้อยกว่าต้องดูเยอะๆ ศึกษาเยอะๆ เพื่อเอามาพัฒนาความคิด แนวทางการเล่น (แต่ก็อย่าไปยึดติดให้มากนัก) ตอนไปอยู่ (เรียน/ทำงาน)Yabe ที่ทำรายการ Yabechi FC (คู่หูกับ Okamura ที่มาจาก 99) มันยังเอาเทปบอลนอกมาโชว์ให้ดูบ่อยๆ เลย แต่ก็นะไม่ได้กลับไปหลายปีแล้วเหมือนกัน อะไรๆ คงเปลี่ยนไปเยอะ เพื่อนผมคนญี่ปุ่นมันก็ใส่เสื้อบอลนอกกันเยอะแยะ ไม่เห็นปัญญาอ่อนเลยครับ แถมช๊อปของเค้ามีให้ซื้อของทุกชาติ ทุกสโมสรด้วยซ้ำไป ที่บอกนี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ แค่ไม่อยากให้ทะเลาะกันเท่านั้นเองครับ เชียร์บอลนอกไม่ได้หมายความว่าไม่เชียร์บอลไทย ส่วนตัวแล้วดูบอลครั้งแรกเพราะอาเจนต์ นัดชิงแชมป์โลกกับเยอรมันตะวันตก แล้วก็ชอบอาร์เจน ชอบคลิ้นซี่มาตั้งแต่นั้น เลยพาลไปชอบสเปอร์ แล้วก็ไปเชียร์ทีมชาติไทยกับเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ (เก็บเงินซื้อตั๋วร้อยห้าสิบตอนอุซเบฯมาอุ่นเครื่องด้วยที่ไทย-ญี่ปุ่น แต่ตอนนั้นเวลาไปดูชอบได้ดูมวยแถมด้วย) ตามเชียร์มาตลอดไม่ว่า ผจก. จะโม้แล้วทำไม่ได้แค่ไหน เชียร์สนุกสุดก็ตอนที่วิธเป็น ผจก.แหละ ได้ตะโกนลั่นโรงอาหารตอนเศกสรรยิงให้ไทยนำอิหร่าน (จำผิดเปล่าหว่า) ทุกวันนี้ก็ยังเชียร์อยู่ สเปอร์เสียอีกที่ไม่ค่อยได้ดู (แต่ก็ตามเชียร์อยู่เสมอเหมือนกัน) คุณ Yupin เชียร์ทีมชาติไทยดีแล้วครับ ผมก็เชื่อว่าใครๆ ก็เชียร์เหมือนกัน แต่ออกหน้ามากน้อยแค่ไหน ก็ไมจำเป็นต้องไปว่าเค้าหรอกครับ สักวันเค้าก็จะจัดลำดับกันได้เองแหละครับ ปล1. ทุกวันนี้ผมยังงงอยู่เลยเวลามีคนเข้ามาตั้งกระทู้ ด่ากันเพราะไปด่าทีมนู้นทีมนี้ในต่างประเทศ งงจริงๆนะ ปล2. เกลียดสื่อมั่วๆ ที่ชอบยกทีมชาติไทยซะเว่อร์ ไปรู้ความจริงตอนที่เรียนที่ญีป่นนั่นแหละว่าเราไม่เคยนำหน้าเค้าเลย ไม่เคยแม้แต่เค้าใกล้ความสามารถของญี่ปุ่นมานานแล้วด้วย ยิ่งรู้จัก kunishige kamamoto แล้วจะเข้าใจว่าปิยะพงษ์ของเรายังห่างชั้นญีปุ่นอีกเยอะ แต่ทำงัยได้คนไทยก็ต้องเชียร์อยู่แล้ว ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ (ความคิดไม่ค่อยปะติดปะต่อ พอดีพึ่งเลิกงาน) จากคุณ : khanchang - [ 9 ม.ค. 52 20:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ลืมตอบคำถาม เท่าที่เรียนมา จีนแพ้ญี่ปุ่นเพราะมีพวกขายชาติ ไม่ได้หมายความว่าคนจีนไม่รักชาติ หรือดูถูกตัวเองนะ แต่มันมีคนส่วนหนึ่งที่เห็นแก่ได้ขายชาติ (หักหลังนั่นแหละ) ชาวจีนที่ไปเรียนในญี่ปุ่นเค้ายังไม่พูดภาษาญี่ปุ่นเวลาคุยกันเลย ทั้งๆที่เค้าพูดกันได้ อีกอย่างความจริงถ้ามีทุน มีสื่อผมเลือกทำข่าวในประเทศดีกว่านะ ต้นทุนถูกกว่า ตามง่ายกว่า เล่นข่าวง่ายกว่า ก็อย่างที่บอกถ้าไม่ไปด้วยกัน มันไม่เกิดหรอก เหมือนช่วงหนึ่งที่ญี่ปุ่นซึ่งแฟนบอลไม่เอาด้วยจน รัฐและสมาคมต้องออก Toto มาช่วยเพิ่มยอดคนดู ปัจจุบันไม่ต้องมี Toto ก็น่าจะยืนได้แล้วมั้ง ตอนนี้ผมคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว ในเมื่อสมาคมไม่นำ สโมสรก็ต้องนำ แต่ถ้าสโมสรยังไม่นำ ก็ต้องเป็นแฟนบอลที่นำแหละครับ เท่าที่เห็นทั้งพันทิพ เชียร์ไทย ชลบุรี พัทยา เมืองทอง เทโร ผมว่าเค้ามากันถูกทางแล้ว แต่ถ้าทำแล้วไม่มีผลระวังมันจะเป็นไฟไหม้ฟาง พวกเรานี่แหละต้องคอยเติมเชื้อไฟอย่าให้มันดับ เพราะฉะนั้นปลายเดือนนี้นัดเจออิหร่าน อย่าลืมไปเจอกัน เสื้อแท้ไม่แท้ไม่ว่ากัน ใส่ไปเชียร์ก็พอ **แก้คำผิด** แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 20:45:51 จากคุณ : khanchang - [ 9 ม.ค. 52 20:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 50 รูป คห.39 เอ่อออ เบอร์19 ทำอะไรเบอร์17 อะนี่ ยิ้มกริ่มเชียว อิอิอิ จากคุณ : หนูโอดี้ - [ 10 ม.ค. 52 01:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณ จขกท มากครับที่แปลมาให้อ่าน ข้อสรุปเปรียบเทียบระหว่างไทย/ญี่ปุ่น ผมเห้นด้วยครับ แต่อยากเสนอเพิ่มเติม จะเห็นว่าการถ่ายทอดสดนั้นถือว่าเป็นหัวใจในการสร้างกระแสครับ  และเพิ่มรายได้ให้กับทีม ยิงนัดเดียวใด้นก 2 ตัว อันนี้ผมมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ผู้มีอำนาจต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ใด้อย่างจริงจัง ไม่งั้น จะแก้ปัญหาในระยะยาวไม่ได้เลย จากคุณ : SPFC - [ 10 ม.ค. 52 06:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องจีนเนี่ย ผมว่าปัญหาคือ พวกเค้าแทนที่จะกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว แต่กับกลายเป็นรบกันเองภายในประเทศของตนเองเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ พอญี่ปุ่นมา ก็โดนตีเละ  ภายในกองทัพที่แข็งแกร่งและทันสมัยที่สุด ยังมีพวกโกงกินแอบแฝงอยู่ เอาชิ้นส่วนอาวุธไปขาย พอทัพญี่ปุ่นมา อาวุธเหล่านั้น กลับไม่สามารถเอามาใช้ได้ มองแล้วผมมองเห็นว่า มันคือประเทศไทยในปัจจุบันเลย หากทัพญี่ปุ่นยกมาในปัจจุบัน ผมเชื่อว่าไทยเราต้องแย่แน่ๆ ไม่ต้องดูอื่นไกล ขนาดในบอร์ดกีฬา คนไทยกันเอง แบ่งพรรค แมนยู ลิเวอร์พูล แล้วเอามาทะเลาะ เอามาเกลียดกัน ซึ่งมันแย่กว่าจีนอีกเพราะ พวกจันรบกันเพื่อพวกของตนเอง ขณะที่ไทย รบกันเพื่อเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อย สมัยนี้ ญี่ปุ่นไม่ใช้ทหารและใช้การขยายและแผ่วัฒนธรรมลงมา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นกำลังจะกลื่นไทยไปหมดแล้ว เดี่ยวนี้เด็กไทยบ้าคลอสเพล ที่สยามแต่งตัวเลียบแบบการ์ตูน และอะไรที่ผมเห็นแล้ว อุอาจตา พวกเค้าหาว่าการใส่ชุดไทยเป้นเรื่องเชย แต่ทุกคนกลับเห็นว่า การใส่ กิโมโนะ เป็นเรื่องโก้หรู วันที่กลับผมเห็นเด็กม.ปลายที่เรียนที่นี่ ผู้หญิงสี่ห้าคน ใส่ชุดนักเรียนญี่ปุ่น กลับมา ผมก็นึกว่า เฮ้ยเด็กญี่ปุ่น ที่แท้แท่ง เด็กไทยทั้งแท่ง ผมก็เลยไม่รู้ว่า มันมีความจำเป็นแค่ใหน ที่จะต้องใส่ชุดนักเรียนกระโปรงสั้นๆ กลับมาตั่งแต่ไทย หรือมันเป็นแค่การอยากอวดว่า ฉันแหล่มนะ ผมเป็นห่วงประเทศชาติเรื่องการที่ไทยกำลังโดนกลืนกินวัฒนธรรม ผมว่าการ์ตูนญี่ปุ่นคือตัวที่กำลังเข้ามากลืนกินวัฒนธรรมไทยอย่างรายแรงมากๆ ลองคิดอยู่ อีก 100 ปี อาจเป้นไปได้ก็ได้ว่า หากญี่ปุ่นต้องการเราเป้นเมืองขึ้น ไทยเราอาจจะยอมเลยโดยไม่ต้องมีการสู้รบกัน เพื่อหวังจะให้คนญี่ปุ่นมาพัฒนาบ้านเราให้เหมือนพวกเค้า แต่ในสมัยก่อน ญี่ปุ่นบุกจีนเพื่อนต้องการทรัพยากรทางธรรมชาติเอากลับไปประเทศของเค้าเท่านั้น ในปัจจุบันก็เช่นกัน ปัญหาสังคมที่ชนในชาติมีคนแก่ซะเป้นส่วนใหญ่คือปัญหาร้ายแรงที่สุดที่พวกเค้าเจอ และไทยกำลังโง่ที่ยอมรับให้ญี่ปุ่นส่งคนแก่ มาอยู่ในประเทศไทย เพียงคิดว่า จะเอาเงินเข้าประเทศ ญี่ปุ่นนั้นยิ้มเลย พวกเค้าเพียงต้องการเอาของเสียออกนอกประเทศเท่านั้น การที่โรงงานมีมากมายในไทย พวกไทยเราไม่เคยรู้เลยว่า ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่ให้สร้างโรงงานที่ทำให้สภาพแวเล้อมของพวกเค้าเสีย แต่ให้ไปตั่งที่ประเทศอื่นเพราะสภาพแวดล้อมของไทยเรา จะเสียหายอย่างไร มันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเค้า อย่างมากเมื่ออยู่ไม่ได้พวกเค้าก็ยกพลกลับ แล้วคนไทยเราจะอยู่กันอย่างไรหากเราไม่รักประเทศของเราเอง ปัจจุบันประเทศของเราในจังหวัดที่มีโรงงานมากๆ อากาศนั้น ร้อนมากเกือบ เท่าตัวเมื่อเทียบกับอากาศเมื่อซัก 20 ปีก่อน ผมไม่อยากให้คนไทยเราเห็นว่าคนญี่ปุ่นสมควรจะกราบไหว้ พวกเค้าเป้นชาติที่เห้นแก่ตัวและทำอะไรเพื่อตัวของเค้าเอง การพัฒนาในเรื่องต่างๆ เป็นการพัฒนาที่ยึดระบบมาจาก การพัฒนาตั่งแต่ ประเทศแพ้สงครามและไม่เหลืออะไรจนกลายเป็นประเทศที่ทันสมัยที่สุดในโลกเทียมเท่ากับอเมริกา นั่นเป็นเรื่องที่ดี ที่เราควรเอาแบบอย่าง แต่หลายๆเรื่อง การแผ่วัฒนธรรม หรือการรับของเสียจากญี่ปุ่นเข้ามาในไทย ผมว่าผู้ใหญ่ของไทยควรคิดให้มากกว่า คำว่าเงิน เงินอาจพัฒนาในเราก้าวหน้าได้ แต่หากเราเป็นประเทศที่ไม่มีต้นไม้และมีแต่ มลพิษ รวมทั้งมีแต่คนแก่ญี่ปุ่นอยู่เต็มไปหมด ไทยเรา จะยังเป็นไทยอยู่หรือเปล่าครับ จากคุณ : Yupin - [ 10 ม.ค. 52 07:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เริ่อมจากคนที่ตอบกระทู้ก่อนเลยครับ ช่วยๆกันไปดูไทยลีกเยอะๆครับ ผมอยู่มหาชัย ไม่ได้เชียร์ทีมยาสูบ แต่ยาสูบมาเตะที่นี่ ก็เลยจ่ายเงินเป็นค่าดูไปทุกนัด จริงๆแล้วดูในทีวีไม่สนุกเท่าดูในสนามเลยสักนิด ถ้าไทยลีกมีบรรยากาศอย่าง เอเชี่ยนเกมส์ ที่ไทยเฉือนเกาหลีใต้ ไป 2-1 ผมว่าบอลนอกคงตายในเมืองไทย ที่คนไทยตามบอลนอกไม่ใช่เพราะรักมากมาย แต่เพราะพนันมากกว่า จากคุณ : กังหันฟ้าขาว - [ 10 ม.ค. 52 15:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 "เราจะไปบอลโลกภายในปีXXXX"  อย่างที่ จขกท. อ้างถึงว่า ไม่พบเห็นในบทความที่คุณแปลมาตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ในมุมมองผม มันไม่แปลกที่เขาจะไม่พูดถึง และมันก็ไม่เป็นไร ไม่แปลก ถ้า "เรา" จะพูดถึง ครับ มันไม่เสียหายอะไรนี่ครับ "จินตนาการ สำคัญกว่า ระบบ" จำไม่ได้ว่านักวิทยาศาสตร์ท่านใดเคยพูดไว้ ไอสไตล์ หรืออย่างไรนี่แหละ ถ้าจำชื่อผิดก็ขออภัย ผมชอบคำนี้ครับ ใครจะว่าไงก็ตามที "จินตนาการ สำคัญกว่าระบบ" จริงๆ ผมชอบ คห.38 มากๆ ครับ จากคุณ : Journalise - [ 10 ม.ค. 52 16:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 55 วันอ่านเจอในคอลัมน์ของคม ชัด ลึก อีกแล้วครับ ขอเงินจากรัฐ 1000 ล้าน บอกว่าถ้าได้แค่เศษเงิน 100-200 ล้าน มันพัฒนาไม่ได้หรอก ก็ไม่รู้ว่าสมาคมเอาแนวคิดแบบนี้มาจากไหน ทั้งๆที่เป็นสมาคมที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง แค่ทำการตลาดดีๆ หน่อยขี้คร้านผมว่าจะได้มากกว่า 1000 ล้านด้วยซ้ำไป นี่อะไรเอะอะก็ขอเงิน ขอเงิน คุณทำการตลาดดีๆ force ให้สื่อในเครือของคุณทำข่าวในประเทศบ้าง ทำให้มันบูม ขายลิขสิทธิ์ ของที่ระลึก ฯลฯ มันน่าจะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าคนไทย 70 ล้าน มีวัยหนุ่มสาวซักครึ่งหนึ่ง ขายเสื้อได้คนละตัวกำไรตัวละ 30 บาทปีนึงกำไร 2100 ล้านแล้ว (ความจริงไม่ต้องถึงขั้นนั้นไง) ขอย้อนนิดนึงนะครับ เรื่องเสื้อนอก เสื้อในอ่ะ ผมว่าแต่ก่อนของเรามันไม่มีอะไรจะขายมากกว่า ก็เลยแห่ไปขายเสื้อนอกกันหมด คนก็ซื้อกันเยอะแยะ แต่ตอนนี้มันเริ่มมีแล้ว ก็ควรวางตำแหน่งของสินค้าในตลาดใหม่ ราคาใหม่ คนจะได้อุดหนุน สโมสร สปอนเซอร์ก็เช่นกันออกแบบเห็นใจแฟนบอลด้วย ทั้งเรื่องรูปร่าง ราคา แบบ (มีหลายเวอร์ชั่น หลายราคาก็จะดี) คนมีกำลังก็ซื้อแพง คนไม่มีกำลังก็ซื้อถูก (ขอแค่ของแท้ที่ผลิตจากสโมสรหรือสมาคมก็พอ) ปลอมก็อย่าไปซื้อเลยครับ ไอ้แบบปลอมโดยลอกมาโดยไม่คิดน่ะ ถ้าจะทำตลาดราคาถูกก็ออกแบบเองเลยครับ ออกแบบเอง ทำเอง ขายเอง เหมือนที่เชียร์ไทยเค้าทำกัน แบบนั้นไม่ถือว่าปลอมหลอก ยังไงก็ 28 นี้อย่าลืมเจอกันที่สนามนัดเจออิหร่านหล่ะครับ จากคุณ : khanchang - [ 10 ม.ค. 52 16:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตอนนี้ลีคไทยในความคิดเห็นผมเป็นไปได้ยากมากครับ ผมคิดอย่างนี้จริงๆนะครับ เพราะแต่ละจังหวัดไม่มีส่วนร่วมเลยครับ มีอยู่ไม่กี่จังหวัดนะครับ ตัวอย่างที่เห็นๆ เลยก็คือชลบุรี ทำไมไม่กระจายสโมสรไปอยู่แต่ละจังหวัดหละครับ สนับสนุนให้แต่ละจังหวัดมีสโมสรเป็นของตัวเอง ให้คนในจังหวัดมีส่วนร่วมกับสโมสรของตนเอง เช่น การตั้งชื่อสโมสร ฯลฯ ถ้าเป็นแบบนี้จะมีการตามเชียร์สโมสรของจังหวัดตัวเองแน่นอนครับ ไม่ใช่ มี BEC ใครหว่า แล้วจะเชียร์ไปทำไม แต่ถ้าแบ่งเป็นจังหวัดนะผมว่ามีคนไปดูแน่นอนครับ เพราะแต่ละจังหวัดมีคนครับ คนเหล่านี้หละครับที่จะตามเชียร์ เวลาใครถามถึงจังหวัดผมนะครับผมจะภูมิใจที่จะแนะนำและบอกข้อมูลทุกๆ อย่างที่รู้ และผมเชื่อว่าทุกคนก็จะภูมิใจในจังหวัดของตัวเองเหมือนผม ยังไงก็ตามขอฝากให้คนที่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงเป็นข้อมูลนะครับ จากคุณ : narudears - [ 11 ม.ค. 52 17:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 54   "เราจะไปบอลโลกภายในปีXXXX"  อย่างที่ จขกท. อ้างถึงว่า ไม่พบเห็นในบทความที่คุณแปลมาตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ในมุมมองผม มันไม่แปลกที่เขาจะไม่พูดถึง และมันก็ไม่เป็นไร ไม่แปลก ถ้า "เรา" จะพูดถึง ครับ มันไม่เสียหายอะไรนี่ครับ "จินตนาการ สำคัญกว่า ระบบ" จำไม่ได้ว่านักวิทยาศาสตร์ท่านใดเคยพูดไว้ ไอสไตล์ หรืออย่างไรนี่แหละ ถ้าจำชื่อผิดก็ขออภัย ผมชอบคำนี้ครับ ใครจะว่าไงก็ตามที "จินตนาการ สำคัญกว่าระบบ" จริงๆ ผมชอบ คห.38 มากๆ ครับ จากคุณ : Journalise ========================================= ตอบนะครับ ผมเข้าใจคุณ Journalise ครับ แต่ที่ผมได้โพสไว้นั้น ไม่ได้เจตนาจะมองว่ามันแปลก หรือ เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่เราจะพูดกันว่า "เราจะไปบอลโลกกันในปีXXXX" ไม่งั้นผมคงไม่พูดถึงเรื่องกัปตันซึบาสะ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับฟุตบอลญี่ปุ่นหรอกครับ แต่ประเด็นของผมอยู่ที่ ต้องการสะท้อนถึงวิธีการที่จะสามารถทำให้เป็นจริงได้มากกว่า  โอ เค ทีมฟุตบอลญี่ปุ่นเอง เค้าก็ต้องการเข้าร่วมในทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลกเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกนี้ แต่วิธีการที่เค้าจะได้เข้าร่วมล่ะ เค้าทำยังไง เค้าไม่ได้ออกมาป่าวประกาศว่า ข้าจะไปบอลโลกในปีเท่านั้น เท่านี้นะ แล้วก็เงียบหายไป แต่เค้ากลับเริ่มทำจากฐานก่อน ก็คือบอลลีคในประเทศ เพื่อเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรที่ดีที่สุดให้กับทีมชาติของเค้ามากกว่า แตกต่างจากเราที่ประกาศว่าจะไปในปีนั้นปีนี้ แต่รากฐานเรายังไม่เข้มแข็งเลย ผมก็เลยอยากจะเสนอประเด็นนี้มาเท่านั้นเอง จินตนาการสำคัญกว่าระบบจริงหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ผมเห็นว่า ระบบที่ไร้จินตนาการ ก็คือระบบที่ไร้การสร้างสรรค์ การพัฒนา ไร้ความก้าวหน้า และไร้ซึ่งอนาคต แต่หากจินตนาการไร้ซึ่งระบบ มันก็จะเป็นแค่ความเพ้อฝันที่ไม่มีวันกลายเป็นจริงนะครับ การโพสกระทู้นี้ขึ้นมา มิได้เจตนาจะด่าทอ หน่วยงานไหน หรือบุคคลใด ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ชอบฟุตบอลไทย หรือฟุตบอลนอก มันไม่ใช่ประเด็นของผม ผมแค่ต้องการให้เห็นความเป็นมาของฟุตบอลญี่ปุ่น อดีตกับปัจจุบัน แล้วอาจจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ใครบางคนที่ได้อ่านนี้ นำไปประยุกต์ใช้พัฒนาวงการฟุตบอลไทยในอนาคต ถึงแม้ว่า ผมอาจจะไม่ได้เดินทางไปเชียร์ทีมชาติไทยในฟุตบอลโลก แต่ผมอยากให้ลูกของผมได้ไป ให้หลานของผมได้ไป คือแค่นั้นจริงๆ ส่วนใครจะชอบทีมไหน ของไทยหรือของนอก ผมว่านานาจิตตังนะ (ผมยังเป็นแฟนลีดส์ ยูไนเต็ด เลยคุณ) ขอแค่เมื่อคุณมีทีมฟุตบอลต่างประเทศในดวงใจได้ มันจะยากอะไรที่คุณจะมีทีมฟุตบอลในประเทศที่จะเชียร์อีกซักทีมล่ะ จริงมั้ยครับ อนึ่ง กระทู้ของผมมิได้มีเจตนาพาดพิงไปถึงประวัติศาสตร์การเสียชาติ ของชาติใด อยากจะล้อมกรอบเอาไว้ให้อยู่เพียงแค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้นนะครับ ขอบคุณทุกๆ ความเห็นอีกครั้ง จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (Mary's Garden) - [ 12 ม.ค. 52 09:07:14 ]