ความคิดเห็นที่ 1 เจตนารมย์ประจำโต๊ะ "โต๊ะน้ำชา เป็นที่เสวนาของคนที่รักในสิ่งเดียวกัน นั่นคือ "ปืน" และเป็นการเสวนาที่สร้างสรรค์ หรือถ้าจะติ ก็ติเพื่อก่อ  เราจะไม่วิวาทกับใคร ถ้าใครไม่มาก่อวิวาทกับเรา" จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โปรแกรมของอาร์เซนอลประจำฤดูกาล 2008/09 เดือนมกราคม 2009 17  EPL    Hull City - Arsenal                             17.30 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 24  FA Cup   Cardiff - Arsenal                           15.00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 28  EPL    Everton - Arsenal                              20..00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 31  EPL    Arsenal - West Ham United                15.00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) เดือนกุมภาพันธ์ 2009 08  EPL    Tottenham Hotspur - Arsenal               15.00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 21  EPL    Arsenal - Sunderland                           15.00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 24  UCL   Arsenal - Roma                                    19.45 น.  (ตามเวลาท้องถิ่น) 28  EPL    Arsenal - Fulham                                 15.00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) เดือนมีนาคม 2009 03  EPL    W.B.A. - Arsenal                                  19.45 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 11  UCL   Roma - Arsenal                                    19.45 น.  (ตามเวลาท้องถิ่น) 14  EPL    Arsenal - Blackburn Rovers                     15.00 น.   (ตามเวลาท้องถิ่น) 21  EPL   Newcastle United - Arsenal                      15.00 น.  (ตามเวลาท้องถิ่น) **เวลาที่อังกฤษช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง** จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สรุปการยิงประตูของนักเตะอาร์เซนอล 1.  โรบิน ฟาน เพอร์ซี่  12 ประตู (EPL 8, UCL 2, FA 2) 2.  เอ็มมานูเอล อเดบายอร์  11 ประตู (EPL 7, UCL 4) 3.  นิคลาส เบนดท์เนอร์  7 ประตู (EPL 2, UCL 2, FA 1, Lge Cup 2) 4.  ซามีร์ นาสรี่  5 ประตู (EPL 4, UCL 1) 5.  วิลเลี่ยม กัสลาส  5 ประตู (EPL 2, UCL 3) 6.  คาร์ลอส เวล่า  4 ประตู (Lge Cup) 7.  ธีโอ วัลคอตต์  3 ประตู (EPL 1, UCL 2) 8.  เดนิลสัน  3 ประตู (EPL) 9.  เจย์ ซิมป์สัน 2 ประตู  (Lge Cup) 10. อาบู ดิยาบี้  2 ประตู (EPL 1, UCL 1) 11. เอ็มมานูเอล เอบูเอ้  1 ประตู (EPL) 12. แจ๊ค วิลเชียร์  1 ประตู (Lge Cup) 13. เซสก์ ฟาเบรกาส  1 ประตู (EPL) 14. อเล็กซ์ ซง  1 ประตู (UCL) 15. อารอน แรมซีย์  1 ประตู (UCL) 16. มิคาเอล ซิลแวสตร์  1 ประตู (EPL) 17. กาแอล กลิชี่  1 ประตู  (EPL) *รวมประตูจาก UCL รอบคัดเลือก (กัสลาส 2, บายอร์ 1, เบนดท์เนอร์ 1, นาสรี่ 1, วัลคอตต์1) ------------------------------------------------------- สรุปการผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู (Assist) 1.  โรบิน ฟาน เพอร์ซี่  8 (EPL 4, UCL 3, FA 1) 2.  เอ็มมานูเอล อเดบายอร์  6 (EPL 4, UCL 2) 3.  เซสก์ ฟาเบรกาส  6 (EPL 4, UCL 2) 4.  เดนิลสัน  6 (EPL 5, UCL 1) 5.  ธีโอ วัลคอตต์  4 (EPL 1, UCL 3) 6.  นิคลาส เบนดท์เนอร์  4 (EPL 2, UCL 1, Lge Cup 1) 7.  ซามีร์ นาสรี่  4 (EPL 2, FA 2) 8.  อารอน แรมซีย์  3 (EPL 1, Lge Cup 2) 9.  เอ็มมานูเอล เอบูเอ้  3 (EPL 2, UCL 1) 10. คาร์ลอส เวล่า  2 (Lge Cup) 11. คีแรน กิ๊บส์ (Lge Cup) 12. ฟราน เมริด้า (Lge Cup) 13. มิคาเอล ซิลแวสตร์  (UCL) 14. แจ๊ค วิลเชียร์  (Lge Cup) 15. โยฮัน ฌูรู  (Lge Cup) 16. อเล็กซ์ ซง  (EPL) *รวม Assist จาก UCL รอบคัดเลือก (ฟาน เพอร์ซี่ 1, เดนิลสัน 1, วัลคอตต์ 2,  เบนดท์เนอร์  1) *Lge Cup = Carling Cup **ประตูของอาร์เซนอลในเกมกับฮัลล์ ซิตี้ เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ McShane ยึดตามเว็บ premier league ค่ะ http://www.premierleague.com/page/MatchReports/0,,12306~43945,00.html **ประตูที่สองของอาร์เซนอลในเกมเอฟเอคัพกับพลีมัธ อาร์ไกร์ ทางเอฟเอให้เครดิตเป็นการทำประตูของเบนดท์เนอร์ http://www.arsenal.com/news/news-archive/bendtner-officially-awarded-fa-cup-strike จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สรุปจำนวนใบเหลือง 1.  กาแอล กลิชี่  6 (EPL 4, UCL 2) 2.  อเล็กซ์ ซง  6 (EPL 5, UCL 1) โดนแบนเกมเอฟเอคัพรอบสาม 3.  โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 6 (EPL 3, UCL 3) 4.  บาการี่ ซานญ่า 4 (EPL 3, UCL 1) 5.  เอ็มมานูเอล อเดบายอร์  4 (EPL) 6.  อาบู ดิยาบี้  4 (EPL 3, UCL 1) 7.  เดนิลสัน 3 (EPL 2, UCL 1) 8.  นิคลาส เบนดท์เนอร์ 3 (EPL1, UCL 1, FA 1) 9.  วิลเลี่ยม กัสลาส 2 (EPL) 10. โคโล่ ตูเร่ 2 (EPL) 11. ซามีร์ นาสรี่ 1 (EPL) 12. โยฮัน ฌูรู 2 (EPL 1, UCL 1) 13. อารอน แรมซี่ย์ 2 (EPL 1, Lge Cup 1) 14. เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 1 (UCL) 15.  เซสก์ ฟาเบรกาส 5 (EPL) -----*** ล้างใบเหลืองเรียบร้อยแล้ว *รวม UCL รอบคัดเลือก (กลิชี่ 1, เดนิลสัน 1, ฟาน เพอร์ซี่ 1) ------------------------------------------------------- สรุปจำนวนใบแดง 1.  โรบิน ฟาน เพอร์ซี่  1 (EPL) -----*** โดนแบนครบแล้ว 2.  เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1 (EPL) -----*** โดนแบนครบแล้ว **Lge Cup = Carling Cup จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข่าวประจำวันที่ 13/01/2009 *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* เวนเกอร์ "พรีเมียร์ลีกสูญเสียความสนุกในเกมรุกไป อาร์แซน เวนเกอร์เชื่อว่าความตื่นเต้นของพรีเมียร์ลีกอาจจะหายไปตลอดกาล ประเด็นของกุนซือชาวฝรั่งเศสมีตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเจนในชัยชนะอย่างฉิวเฉียของอาร์เซนอลที่มีต่อโบลตน 1-0 เมื่อวันเสาร์ ประตูชัยมีขึ้นในช่วงท้ายเกมโดย 84 ก่อนหน้านั้นถือว่าน่าหงุดหงิดเมื่อทีมของแกรี่ เม็กสันไม่ยอมออกจากแนวรับของพวกเขาขึ้นมาทำเกมรุกบ้างเลย มันอาจจะเป็นที่เข้าใจได้เมื่อดูจากปัญหาการบาดเจ็บที่ทำให้โบลตันส่งชื่อตัวสำรองได้แค่ 4 คน แต่มันก็ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวที่ดีนักและหลังจบเกมเวนเกอร์ก็คร่ำครวญถึงช่วงเวลาที่ทีมต่างๆเคยเล่นเกมรุกเมื่อออกไปเตะนอกบ้าน "มันผ่านไปแล้ว" เขากล่าว "คุณย้อนหลังกลับไป 10 ปีที่ทุกทีมเล่นด้วยระบบ 4-4-2 กันหมด ผมจำได้ว่าอาจจะมีแค่ทีมเดียวที่มาที่นี่โดยใช้ศูนย์หน้าคนเดียว" "ปีนี้ผมจำไม่ได้เลยว่ามีทีมไหนที่มาที่นี่และเล่นโดยใช้ศูนย์หน้าสองคน ยกเว้นฮัลล์ที่เล่นโดยใช้กองหน้าสามคนในตอนเริ่มเกม แต่ก็ค่อยๆถอยลงไปตั้งรับและกลายเป็นเหมือนทีมอื่นๆ" "พรีเมียร์ลีกกำลังสูญเสียบางอย่างไปอย่างชัดเจน มันเกี่ยวข้องกับการที่ปีนี้การแข่งขันคู่คี่สูสีมาก ทีมต่างๆตั้งแต่อันดับ 9 ลงไปล้วนแต่กลัวว่าจะต้องตกชั้นและมันอาจจะทำให้ทุกทีมเล่นอย่างระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ผมจำได้ว่าตอนที่ผมมาที่นี่เมื่อปี 1996 ทุกคนเปิดเกมรุกใส่คุณ มันหมายความว่าคุณมีพื้นที่ในสนามที่จะทำเกม บางครั้งคุณอาจจะแพ้ แต่คุณจะได้เห็นโอกาสมากกว่าที่เรามีในเกมกับโบลตันแน่" "คุณรู้มั้ยว่าผมนั่งอยู่ที่ข้างสนามและพยายามเอาตัวเองไปอยู่ตรงจุดของแกรี่ เม็กสันและผมก็เข้าใจได้ทันที และหลังจากนั้นผมก็คิดว่าเราต้องดีพอที่จะสร้างโอกาสให้ได้ถ้าคู่ต่อสู้เอาแต่ตั้งรับ มันอาจจะเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของทีมอันดับบนๆของพรีเมียร์ลีกในปีนี้ที่ทีมอื่นๆเรียนู้ที่จะมาตั้งรับอย่างเดียวนอกบ้าน" "ดูเหมือนทั้ง 4 ทีมที่ถูกเรียกว่าท็อปโฟร์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็น 5 ไปแล้ว จะมีปัญหาในเรื่องนั้น เชลซีมีปัญหา, คุณเห็นได้ว่าเราก็มี, ลิเวอร์พูลก็มี แม้แต่แมนฯยูฯก็ยังมีทั้งที่พวกเขามีนักเตะเกมรุกระดับนั้น" "ผมเชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับคุณภาพในเกมรับของทีมอื่นๆ และขึ้นอยู่กับการพัฒนาขึ้นในด้านของสภาพความฟิตของร่างกายและคุณภาพของฝีเท้า" "แต่สิ่งที่น่าสนใจในเกมคือทุกปัญหาใหม่ๆที่คุณต้องเจอหมายความว่าทีมต่างๆต้องพยายามาหาคำตอบให้ได้ ผมคิดว่าปัญหาจะอยู่แค่ชั่วคราวเพราะมันจะทำให้ทีมต่างๆไปหาวิธีทำเกม หาเทคนิคและความสร้างสรรค์ใหม่ๆ" "แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้ทีมเหล่านี้ไม่สามารถเอาตัวรอดไปได้ด้วยการเล่นแค่เกมรับอย่างเดียวอีกต่อไป และพวกเขาต้องเริ่มเสี่ยงบ้างเช่นกัน" ที่มา Arsenal.com แปลโดย Thailand.Arsenal.com จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เดวี่ส์จวกแข้งปืนสำออย เควิน เดวี่ส์ หัวหอกโบลตัน วันเดอเรอร์ส ออกมาตำหนินักเตะอาร์เซน่อลที่กรีดร้องดังลั่นเมื่อพวกเขาถูกปะทะเพื่อเรียกร้องเอาลูกตั้งเตะจากผู้ตัดสิน "บางครั้งมันเหมือนว่าพวกเขาพยายามจะทำให้คุณถูกจดชื่อ" เดวี่ส์กล่าว หลังจากโบลตันบุกพ่ายอาร์เซน่อล 0-1 ในเกมพรีเมียร์ชิพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา "นักเตะอาร์เซน่อลบางคนจะตะโกนร้องดังลั่นเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอายมาก เพราะนี่เป็นเกมของลูกผู้ชาย" "โคโล่ ตูเร่ทำครั้งนึง เขาตัวใหญ่ แข็งแกร่ง แต่เขาตะโกนดังลั่นเลยว่า ขาผม ขาผม ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย แต่พวกเขาก็ได้ลูกตั้งเตะ" "ในสายตาของผม นั่นคือการตบตาผู้ตัดสิน พวกเขาหลอกผู้ตัดสินสำเร็จ แต่พวกเขาก็ทำได้ดี และคุณก็แค่ต้องเล่นตามเกมต่อไป" ด้านโฆษกทีมปืนใหญ่บอกว่าอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม จะออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ในงานแถลงข่าวก่อนเกมในวันพฤหัสบดี (ภาพเอเอฟพี) แปลโดย Thailand.Arsenal.com จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เดวี่ส์จวกแข้งอาร์เซน่อลทำตัวไม่แมน เควิน เดวี่ส์ ดาวยิงฮาร์ดแมน โบลตัน วันเดอเรอร์ส ของขึ้นจวกยับ ขุนพลแข้งดังอาร์เซน่อล จ้องแต่จะกรีดร้องเสียงหลงในทุกๆ จังหวะที่เข้าแย่งบอล เพื่อตบตาผู้ตัดสินให้จดชื่อคาดโทษตัวเอง ชี้เป็นการกระทำที่น่าอับอายสิ้นดีสำหรับเกมกีฬาของลูกผู้ชาย เควิน เดวี่ส์ กองหน้าตัวแสบของโบลตัน วันเดอเรอร์ส เปิดฉากโจมตีบรรดาผู้เล่นอาร์เซน่อล ว่าทำเรื่องน่าละอายต่อเกมลูกหนังของลูกผู้ชาย ด้วยการเอาแต่ส่งเสียงกรีดร้องเหมือนกับผู้หญิงเพื่อตบตาให้ผู้ตัดสินลงโทษตนเอง ในระหว่างเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ "ไอ้ปืนใหญ่" เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา เดวี่ส์ ผู้เคยถูกตราหน้าจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าเป็นนักเตะที่เล่นเกมได้สกปรกที่สุดในวงการฟุตบอล กล่าวว่า "ผมถูกปรักปรำว่าเป็นคนขี้โกงมาแล้วจากอาร์เซน่อล เพราะเมื่อคุณไปแตะต้องโดนนักเตะคนใดก็ตามของพวกเขา ผู้เล่นคนนั้นก็จะกรีดร้องจนเสียงหลง และหาทางให้คุณโดนจดชื่อให้ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายจริงๆ กับการส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่นแบบนั้นในเกมกีฬาของลูกผู้ชาย ตามความเห็นของผมแล้ว นั่นถือเป็นการหลอกลวงผู้ตัดสินเลยก็ว่าได้" หัวหอกวัย 31 ปี เริ่มไม่ถูกชะตากับอาร์เซน่อล มาตั้งแต่ในเกมที่ "เดอะ กันเนอร์ส" บุกถล่ม โบลตัน 3-1 เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าตัวทำฟาวล์อย่างรุนแรงจนทำให้ กาแอล กลิชี่ แบ็กซ้ายเฟร้นช์แมน ถึงกับกลัวว่าอาจจะต้องขาหักสองท่อนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เดวี่ส์ กลับเถียงคอเป็นเอ็นว่าตนถูกกล่าวหาจนเกินจริงต่างหาก "ผมพูดคุยกับ กาแอล ไปแล้วในตอนนั้น และเขาก็ดูโอเคเช่นกัน ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จึงเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังเสียนี่กระไร มีอยู่ 2-3 ครั้งในช่วงต้นเกมที่พวกเขาพยายามหาทางให้ผมโดนลงโทษอย่างเห็นได้ชัด คุณเห็นได้เลยว่านั่นคือแผนการของพวกเขา หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วกับเกมในบ้านของเรา" มีการเข้าปะทะบางจังหวะที่ผมคิดว่าผมแย่งบอลได้อย่างถูกต้อง แต่มันกลับกลายเป็นจังหวะฟรีคิก เพราะพวกเขาพากันกรีดร้องเสียยกใหญ่ กลิชี่ เองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เขาไม่ได้มีความพยายามจะเล่นบอลเลย และผมก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เขายังคงมีอิทธิพลชี้นำให้ผู้ตัดสินจดชื่อผมให้ได้ ต่อจากนั้น โคโล ตูเร่ ก็ผสมโรงด้วยอีกครั้ง จนผมต้องเข้าไปบอกเขาว่า "ไม่เอาน่า นายเป็นลูกผู้ชายตัวจริงนี่นา จะร้องโอดโอยแบบนั้นไปเพื่ออะไร?" " "แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ เพราะพวกเขาตบตากรรมการเพื่อเอาลูกฟรีคิก แถมนักเตะของพวกเขาบางคนก็ทำเรื่องนั้นได้แนบเนียนสุดๆ ไปเลย แต่ก็โชคดีจริงๆ ที่ผู้ตัดสินรับมือกับเรื่องนั้นได้ค่อนข้างดีทีเดียว เขาน่าจะจดชื่อผมไปแล้วจากเสียงร้องครวญครางที่พวกเขาเสแสร้งแกล้งทำขึ้นมา มันดูเหมือนกับว่าผมไปฆ่าแกงใครมายังไงยังงั้น" อดีตดาวยิง เซาธ์แฮมป์ตัน และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ร่ายยาว http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090112_074.html น่าจะแปลจาก http://www.thesun.co.uk/sol/homepage/sport/football/article2119343.ece แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 11:53:26 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพอร์ซี่จวกโบลตัน-เดวีส์สวนอย่ามาตุ๊ด เดือดอีกคู่แล้วเมื่อโรบิน ฟาน เพอ์ซี่ กองหน้าของอาร์เซนอลจวกโบลตันเล่นบอลรับน่าเกลียด ในขณะที่เควิน เดวีส์ หอกจอมทำฟาว์ลสวนกลับบอกนี่เกมของลูกผู้ชาย "ปืนใหญ่"ต้องรอประตูชัยของนิคลาส์ เบนด์เนอร์ก่อนหมดเวลา 6 นาทีหลังเจอโบลตันอุดทั้งทีมจนลิ้นห้อยและเพอร์ซี่บอกเล่นบอลแบบนี้ทำลายวงการลูกหนังชัดๆ "เราไม่แปลกใจกันหรอก 2 ปีที่ผ่านมาผมชินแล้ว โบลตันเล่นเกมรับหนักกว่าปกติแต่เราก็ยังมีสมาธิเหมือนเดิม" "พวกเขาลงไปตั้งรับกันทั้ง 10 ตัว นี่คือสิ่งที่เรารู้และทางเดียวที่จะเจาะพวกเขาได้คือการพังประตู คุณเห็นได้เลยหลังได้ประตูลูกนั้นพวกเขาเหมือนจบเห่ รู้สึกเหนื่อยขึ้นมากระทันหัน" "มันไม่ใช่แนวทางการเล่นฟุตบอลที่ดีเลย ผมรู้ว่าพวกเขามีนักเตะเจ็บเยอะเพราะขนมาแค่ 15 คนแต่มันก็ยังไม่ใช่การเล่นฟุตบอลที่ถูกต้องอยู่ดี" ในขณะเดียวกันเดวีส์ไม่พอใจกับคอมเมนท์ของเพอร์ซี่และเอาคืนทันที "บางทีมีมีความรูสึกเหมือนพวกเขาพยายามจะทำให้เราถูกจดชื่อนะ" "นักเตะพวกเขาบางคนทำเป็นตะโกนโหวกเหวกซึ่งเป็นอะไรที่น่าอายมากเพราะนี่คือเกมของลูกผู้ชาย โคโล่ ตูเร่ก็ทำอะไรแบบนี้และเขาเป็นคนใจใหญ่แต่ร้องโหยหวน "โอ๊ยขาฉัน" ซึ่งไม่เห็นจำเป็นเลยแต่พวกเขาก็ได้ฟรีคิกในเกมนั้นไปเยอะนะ" "เท่าที่ผมมองมันเป็นการตบตาผู้ตัดสิน พวกเขาหลอกผู้ตัดสินแต่พวกเขาชำนาญกับเรื่องพวกนี้และคุณก็ต้องทำใจเล่นเกมกันต่อไป" http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=128611 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เวนเกอร์มั่นใจเบนท์เนอร์มีแววรุ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่อาร์เซน่อล เผย มีความมั่นใจในตัว นิคลาส เบนท์เนอร์ หัวหอกชาวโคนม อย่างเต็มเปี่ยม ชี้แฟนบอลอาจจะแปลกใจว่าทำไมถึงได้ส่ง ดาวเตะวัย 20 กะรัต ลงสนามอยู่ได้ แต่เจ้าตัวได้ตอบข้อสงสัยทั้งหมดไปแล้ว ด้วยการยิงประตูสำคัญๆ ได้ตั้งหลายลูก อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับ เขามีความมั่นใจในตัว นิคลาส เบนท์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก อย่างเต็มเปี่ยม ภายหลัง ดาวเตะร่างโย่ง สวมบทซูเปอร์ซับ ด้วยการสังหารประตูพา "ปืนใหญ่ " เชือดหวิว โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 ที่สนาม เอมิเรตสต์ สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้ เบนท์เนอร์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 8 นัด และยิงได้ 2 ลูก และแม้ว่า เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ หัวหอกทีมชาติโตโก และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ จับจองตำแหน่งตัวจริงเอาไว้อย่างเหนียวแน่ แต่กระนั้น เวนเกอร์ ยืนยัน เขาจะเปิดโอกาสให้กับ ดาวเตะวัย 20 กะรัต มากกว่านี้แน่ กุนซือมาดละเมียด กล่าวว่า "แฟนบอลตัดสินจากผลงานในเกม แต่ผู้จัดการทีมพิจารณาจากสิ่งที่เขาทำมาตลอด 1 ปี วันนี้พวกเขาต้องการเห็นบทสรุปของเรื่องนี้ นั่นถือเป็นเรื่องปกติ เขาคุยกับผม และเขารู้ว่าผมมีความมั่นใจในตัวเขาอย่างเต็มเปี่ยม และคนอื่นอาจจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่ผมยังยึดติดกับเขา ผมคิดว่าเขายิงประตูสำคัญมากๆ (เกมพบ โบลตัน) และมันไม่ใช่ครั้งแรกด้วย" "เขามีความเด็ดขาด สำหรับผมแล้วตอนที่กองหน้าเล่นลูกกลางอากาศ หรือเคลื่อนที่เพื่อหาพื้นที่ว่างในจังหวะที่มีลูกฟรีคิก เขามีความเข้าใจในเรื่องของฟุตบอลอย่างดี ประตูที่เขายิงได้นั้น เขาเคลื่อนที่ในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะจนทำให้เขายิงประตูได้ ดังนั้นคุณสามารถพูดได้เลยว่าชายคนนี้เป็นกองหน้าที่มีแวว เขาอายุเพียงแค่ 20 ปี แต่มันก็ยังเด็กอยู่มาก" เวนเกอร์ ทิ้งท้าย http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090113_011.html จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ‘เวนเกอร์’ ไม่ปลื้มสตั๊ดสีหวานเย็นของ ‘เบนด์ทเนอร์’       อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ยอมรับไม่ปลื้มกับรองเท้าสตั๊ดสีหวานเจี๊ยบของ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ แต่ถ้าหัวหอกตัวเก่งยังยิงประตูให้ต้นสังกัดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหา       นิคลาส เบนด์ทเนอร์ เป็นหนึ่งในพรีเซนเตอร์ของ “ไนกี้” ผลิตภัณฑ์กีฬาชั้นนำของโลก โดยบริษัทมีการออกแบบสตั๊ดสีชมพูให้กองหน้ทีมชาติเดนมาร์กสวมใส่ลงสนาม ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ อาร์เซนอล ไม่สะดุดตาเท่าใดนักกับเกือกสีหวานเย็น              อย่างไรก็ตาม เบนด์ทเนอร์ สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยให้ “ปืนใหญ่” เปิดบ้านเฉือนชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (นัดดังกล่าวเจ้าตัวใส่สตั๊ดสีเขียวอ่อน) ทำให้ เวนเกอร์ พอจะอนุโลมได้บ้าง “อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยจะอะไรนักกับรองเท้าสตั๊ด แต่ถ้าเขาสวมมันและลงไปส่งบอลเข้าตาข่ายได้ ผมก็ไม่มีปัญหา”              “สำหรับ นิคลาส (เบนด์ทเนอร์) ยังเด็กและกำลังจะอายุ 21 ปีในเดือนนี้ หลายคนอาจแปลกใจว่าทำไมผมยังจำกัดโอกาสของเขา อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจและเชื่อมั่นในตัว นิคลาส เสมอ เขาสามารถทำประตูสำคัญๆ ให้ทีมและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย” กุนซือชาวฝรั่งเศสทิ้งท้าย              ด้าน โรบิน ฟาน เพอร์ซี ศูนย์หน้า “ปืนใหญ่” กล่าวถึงเพื่อนร่วมทีมเช่นกัน “นิคลาส (เบนด์ทเนอร์) ยิงประตูไม่ได้มาร่วมสองเดือน เขาไม่มีความสุขกับมันแน่ แต่เขาเป็นนักเตะฝีเท้าดี เมื่อใดก็ตามที่เขากลับมาทำประตูได้ มันจะยิ่งทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น” http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000003429 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอเยนต์ปัดข่าวโรซิคกี้เตรียมแขวนเกือก เอเยนต์ของโธมัช โรซิคกี้ มิดฟิลด์จอมเจ็บของอาร์เซนอลประกาศว่าอนาคตการค้าแข้งของนักเตะคนนี้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตจนต้องยุติไปเลยทีเดียว โรซิคกี้ กัปตันทีมชาติเช็กได้รับบาดเจ็บที่เอ็นหัวเข่าเรื้อรังจนทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดบ่อยครั้ง และไม่ได้ลงสนามมาเกือบปีแล้ว ทำให้มีข่าวลือมาว่าโรซิคกี้อาจจะตัดสินใจอำลาวงการลูกหนังไปก่อนกำหนด แต่เอเยนต์ของเขาก็ยืนยันว่านักเตะคนนี้ยังมีอนาคตกับทางปืนโตอยู่ในฐานะนักเตะอาชีพเช่นเดิม ปาเวล ปาสก้า เอเยนต์องโรซิคกี้คาดว่านักเตะของเขาจะได้กลับมาเล่นอีกในเดือนมีนาคม และก็ยังได้ตำหนิข่าวลือที่ว่านักเตะวัย 28 ปีคนนี้เตรียมจะแขวนสตั๊ด "ข่าวพวกนี้อย่าไปเชื่อนะ" "เขาอาจจะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายอยู่จริง แต่เขาจะกลับมาแน่นอน" "ทุกอย่างกำลังไปได้สวย และเขาก็จะกลับมาเดือนมีนาคม" "เขายังลงเล่นได้อยู่" http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=128589 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เฟอร์กี้แสบสวนราฟาจิตป่วน-ตัวตลก ยิ่งแก่ยิ่งปากจัด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ปีศาจแดง" โชว์ความเก๋า ตอกกลับ ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ "หงส์แดง" แบบไม่ยั้ง บอกสงสัยจิตป่วนไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็ออกมาด่าหาว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ชี้กลับไปคิดดูให้ดีๆ คำพูดพวกนั้นนอกจากจะไม่ระคายผิวตนแล้ว ยังดูน่าขำอีกต่างหาก แถมศอกซ้ำอีกดอก ไม่มีเวลาต่อปากต่อคำด้วย ขอมีสมาธิทำแต้มแซงหน้าฟาดแชมป์สะใจกว่าแยะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาคืนไม่ยั้ง ตราหน้า ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ลิเวอร์พูล คู่แข่งแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ว่าเป็นพวกจิตป่วน และเป็นตัวตลก หลังจากที่หาญกล้าออกมากล่าวโจมตีตนว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีที่สามารถบีบคั้นกดดันผู้ตัดสิน และพร่ำบ่นโวยวายเรื่องโปรแกรมการแข่งขันได้อย่างสบายๆ โดยที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่กล้าลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น นายใหญ่ "ปีศาจแดง" ที่กำลังฮึกเหิมอย่างสุดๆ หลังเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สอนบอล เชลซี คู่ปรับสำคัญอีกราย ไปอย่างสบายเท้า 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับขยับทำแต้มไล่จี้ "หงส์แดง" เหลือเพียง 5 คะแนน แถมยังลงเตะน้อยกว่า 2 นัดด้วยกัน นั้น กล่าวว่า "ผมคิดว่าเขาเป็นคนขี้โมโห เขาต้องหงุดหงิดกระวนกระวาย ใจด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ๆ" "ผมคิดว่าคุณควรจะต้องตัดความโกรธออกไป และเขาก็มีความโกรธมากมายเหลือเกินแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะกลับไปไตร่ตรองให้ดีๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้น เป็นอะไรที่น่าขำสิ้นดี แต่ผมจะไม่ขอต่อปากต่อคำอะไรด้วยหรอกนะ เพราะเวลานี้เราควรจะมีสมาธิไปกับการไล่ตามจ่าฝูง ซึ่งก็คือ ลิเวอร์พูล มากกว่า เรามีเกมอยู่ในมืออีกหลายเกม แน่นอนเลยว่าเราต้องการที่จะพยายามไล่ตามพวกเขาให้ทันให้ได้" "เรามีเกมหนักๆ อีกหลายเกมรออยู่ เพราะ วีแกน ก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี ขณะที่ โบลตัน ก็เป็นทีมที่สร้างความยากลำบากอย่างยิ่งยามออกไปเยือน แต่ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าเดือนมกราคมกำลังจะเป็นเดือนที่สำคัญ และมันก็กำลังเป็นอย่างนั้นแล้วในตอนนี้ เรายังต้องเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ทุกทีมในบ้านทั้งหมด และเราก็จำเป็นต้องชนะเกมเหล่านี้ให้ได้ มีเกมยากลำบากอีกหลายๆ เกมที่กำลังจะผ่านเข้ามา และมันจะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับเรา" เฟอร์กูสัน ทิ้งท้าย http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090112_076.html จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ราฟาจวกผีได้สิทธิพิเศษจากกิลล์ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูล ยังไม่ยอมหยุดโจมตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่าสุดออกโรงจวก "ปีศาจแดง" ได้สิทธิพิเศษต่างๆ จากการที่ เดวิด กิลล์ ประธานบริหาร นั่งเก้าอี้บอร์ดสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ชี้ไม่ใช่เรื่องของเกมจิตวิทยาอีกแล้ว ในเมื่อทีมแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีอิทธิพลและควบคุมได้ทุกอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ว่า เขาเชื่อว่าการที่ เดวิด กิลล์ ประธานบริหารสโมสร "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่งเก้าอี้บอร์ดบริหารสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ส่งอิทธิพลให้ยอดทีมแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ หลังจากที่เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนเพิ่งออกมาโจมตี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเฒ่า ว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ผู้ตัดสินได้ตามใจชอบ และไม่เคยถูกลงโทษแต่อย่างใด "พวกเขาบอกว่าเราไม่ได้น่ากลัว ตอนนี้พวกเขารู้ว่าเราน่ากลัว พวกเขาเริ่มใช้เกมจิตวิทยา แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นเกมจิตวิทยาในเมื่อคุณสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง มันจะเป็นเกมจิตวิทยาก็ต่อเมื่อคุณอยู่ในระดับเดียวกับคนอื่น แล้วจากนั้นคุณถึงสามารถแสดงให้เห็นว่าคุณฉลาดกว่าคนอื่น แต่ในเมื่อคุณควบคุมได้ทุกอย่างแล้ว และประธานบริหารของคุณก็มีอำนาจในเอฟเอ และเมื่อมันเป็นแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เกมจิตวิทยา มันมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการที่ เดวิด กิลล์ อยู่ในเอฟเอหรือเปล่า? มันเป็นข้อเท็จจริงอีกประการ มันเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าบุคคลหนึ่งมีอำนาจมากมายและควบคุมได้ และอยู่ใกล้ชิดกับคณะกรรมการหลายคนของเอฟเอ สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องแปลกมาก" เบนิเตซ กล่าว http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090112_084.html จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แมนยู ที่1 แหงๆ จากคุณ : คุณย่าFootBall - [ 13 ม.ค. 52 11:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 #6, #7  เควิน เดวี่ส์ นี่เข้าบอลเบ๊าเบาเนอะ #8  ที่อ่านจากเว็บต่างประเทศ เดวี่ส์เป็นฝ่ายออกมาว่าอาร์เซนอลก่อน แล้วโรบินสวนกลับต่างหาก #10  เนื้อข่าวบอกว่า...“อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยจะอะไรนักกับรองเท้าสตั๊ด แต่ถ้าเขาสวมมันและลงไปส่งบอลเข้าตาข่ายได้ ผมก็ไม่มีปัญหา” แต่พาดหัวบอกว่า... ‘เวนเกอร์’ ไม่ปลื้มสตั๊ดสีหวานเย็นของ ‘เบนด์ทเนอร์’ ช่างขัดแย้งกันจริงๆ o_O" แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 11:51:21 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 11:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 -สู้ต่อไปโรซิคกี้ ดูป๋าเดลแก่แล้วยังสุดยอดเลย -เบนเนอร์เหมาะกับการเข้าชาร์ตจากลูกด้านข้างมากกว่าทำเกมเองมายิง เห็นด้วยกับบอสว่าเบนเนอร์มีแวว แฟนบอลตั้งความหวังมากไปหน่อยเด็กมันยังอายุน้อยอยู่เลย แต่ให้เป็นแค่ตัวสำรองท้ายเกมไปก่อนนะบอส -ขอบคุณสำหรับข่าวครับคุณแนน (^_^) จากคุณ : Yochaaa - [ 13 ม.ค. 52 12:36:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข่าวครับผม ^^ จากคุณ : SnowMonkey - [ 13 ม.ค. 52 13:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นั่นสิ ผมลืมไปเลยว่าเบนด์เนอร์เพิ่งอายุ 20 ปีเอง จากคุณ : มัจฉาเสียบฉึก - [ 13 ม.ค. 52 13:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สงสาร โรซิคกี้ เห็นใจ ดูดู้ รันทด ทีมตัวเอง -_-' จากคุณ : แยม ส้ม - [ 13 ม.ค. 52 13:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สัปดาห์จุดเปลี่ยนของพรีเมียร์ลีก ต้องบอกว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น บิ๊กโฟร์ของพรีเมียร์ลีกต่างมีอารมณ์คนละแบบกันโดยสิ้นเชิงครับ “เด็กปืน” เป็นทีมแรกที่ลงสนามในช่วงบ่ายวันเสาร์พบกับโบลตัน วันเดอเรอร์สครับ และก็พยายามอยู่นานกว่าจะได้ประตูชัยจากนิคลาส เบนท์เนอร์ หอกโคนมที่หลายคนไม่ค่อยประทับใจฟอร์มเท่าไหร่ จริงๆแล้วเบนท์เนอร์เองก็ไม่ใช่นักเตะที่ขี้เหร่เลยนะครับ แม้ว่าเราจะเห็นเขาจับบอลยาว ยิงไม่คม ใช้โอกาสเปลือง แต่เบนท์เนอร์ก็เป็นคนยิงประตูตัดสินเกมในหลายๆนัด เช่นเกมกับดินาโม เคียฟ ในแชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแรกถ้าไม่มีหอกตีนชมพู ป่านนี้อาร์เซน่อลอาจเสียคะแนนไปอีก 2 คะแนน และจะเข้ารอบหรือไม่ก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่อาร์เซน่อลจะเก็บเบนท์เนอร์ไว้ เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วล่ะครับ ส่วนในเรื่องของเกมนั้น ปืนโตยังมีจุดอ่อนบางจุดครับ ไม่ว่าจะเป็นคู่เซนเตอร์อนาคตยังไม่ชัดเจนทั้งคู่ และฟอร์มที่ยังไม่มีมาตรฐานพอของอาบู ดิยาบี้ ครับนั่นคือสิ่งที่อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือมาดเนี้ยบต้องแก้ไขกันต่อไป ซึ่งถึงอาร์เซน่อลจะไม่ใช่ทีมที่ลุ้นแชมป์อย่างจริงจัง แต่ผมเชื่อว่าอาร์เซน่อลจะเป็นตัวแปรสำคัญของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอนครับ ผมเชื่อว่าเด็กปืนทุกคนสู้อยู่แล้วครับ และเมื่อเข้าเส้นชัยปีนี้ยังไงอาร์เซน่อลก็คงได้ที่สี่เป็นอย่างต่ำแน่นอน ทีมถัดมาที่ลงสนามคือ “จ่าฝูง” ลิเวอร์พูลครับ โดยก่อนเกมมีข่าวเกี่ยวกับสงครามจิตวิทยาของราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหงส์แดง และเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลต่อสมาธิและการจัดทีมของราฟารึเปล่านะครับ แต่ที่เห็นๆคือราฟายังคง “มึน” กับการจัดแผนเหมือนเดิม ข้อแรกคือกองกลางลิเวอร์พูลยังคงไม่มีประสิทธิภาพพอเหมือนเดิม ลูคัส เลวา ยังคงพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ในฐานะจอมทัพ เช่นเดียวกับยอสซี่ เบนายูนซึ่งฝีเท้าน่าจะอยู่กับทีมระดับกลางตารางอย่างเวสต์แฮมน่ะเหมาะที่สุดแล้วครับ ลิเวอร์พูลอาจจะไม่ใช่ทีมที่เหมาะสำหรับเขา “หงส์แดง” เซทเกมขึ้นไปได้ยากมากครับ และยังคงต้องอาศัยจังหวะการทะลุทะลวงของ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่ได้ผลครับเพราะวันนี้สโต๊กเตรียมตัวมารับได้ดีเหมือนนัดแรกที่แอนฟิลด์เลย บวกกับการที่มีเจอร์ราร์ดแค่คนเดียว บางทีมันก็อาจไม่สามารถช่วยลิเวอร์พูลได้ตลอดครับเพราะเจอร์ราร์ดเองก็ไม่ใช่เทวดาที่ไหน ยังคงต้องอาศัย “ผู้ช่วย” อยู่ดีครับเขาถึงจะทำประตูได้ ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้นักเตะที่ล้วงมาเอาบอลกลางสนามละใช้ความสามารถเฉพาะตัวทะลวงคู่ต่อสู้อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส น่าจะอยู่ในสนามมากกว่า เดิร์ก เคาท์ ที่ความสามารถเฉพาะตัวอ่อนด้อยกว่าหอกสแปนิชครับ แต่ก็อย่างว่าครับราฟาอาจจะมองว่าตอร์เรสยังไม่ฟิต จึงเหมาะกับการเป็นตัวสำรองมากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมขอชมราฟาเลยคือการดึงตัวอัลเบิร์ต ริเอร่าครับ มิดฟิลด์สเปนนี่แหละครับคือจิ๊กซอว์ทางซ้ายที่ลิเวอร์พูลค้นพบซักที ริเอร่ามีทุกอย่างครับทั้งความสามารถเฉพาะตัว ความเร็ว และการครอสบอลที่ค่อนข้างจะแม่นยำครับ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ลิเวอร์พูลอัพเกรดตัวเองจนมาลุ้นแชมป์จริงจังในฤดูกาลนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าฟอร์มของนักเตะสแปนิชรายใหม่ผู้นี้แหละครับ ขณะที่เกมนี้รอรี่ ดีแล็ป ก็สร้างความปั่นป่วนให้กับลิเวอร์พูลได้เช่นกันแม้ทีมจะไม่ได้ประตูก็ตาม โดยซามี่ ฮูเปียและเจมี่ คาร์ราเกอร์ ต้องคอยเคลียร์คอยโหม่งทิ้งกันจ้าละหวั่น ซึ่งอาวุธที่ไม่เหมือนใครตรงนี้ล่ะครับ น่าจะทำให้สโต๊ค ซิตี้ ไม่ยอมแพ้ยกธงขาวตกชั้นไปง่ายๆ อย่างน้อยๆผมเชื่อว่า สโต๊คน่าจะฮึดสู้ไปถึงท้ายฤดูกาลได้อย่างแน่นอน ถ้าพวกเขายังใจสู้ และเล่นในบ้านได้ดีขนาดนี้ ประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับหงส์แดงนั้น ผมขอพูดถึงร็อบบี้ คีนซักนิดครับ สองนัดแล้วที่ราฟาไม่ส่งคีนลงเป็นตัวสำรองคนสุดท้าย ทั้งๆที่ทีมกำลังต้องการประตู เพราะอะไรครับ? เพราะราฟาไม่มั่นใจในตัวคีนรึเปล่า? ซึ่งถ้าราฟาคิดเช่นนั้นจริง ผมว่าราฟากำลังทำร้ายหอกไอริชโดยไม่รู้ตัวครับ เพราะคีนกำลังต้องการการปรับตัว กำลังใจแลความมั่นใจจากเฮดโค้ชเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งถ้าคีนไม่ได้ตรงจุดนี้มา ผมว่าอนาคตของคีนในถิ่นแอนฟิลด์คงไม่แน่นอนแล้วล่ะครับ คีนน่าจะไปพิสูจน์ตัวเองที่อื่นจะดีกว่า หรือผมว่าถ้าคีนจะสู้ต่อและมีโอกาสอีกซักนัด เขาต้องระเบิดฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาให้ได้ครับ เพื่อให้ราฟาหันเกลับมาสนใจ และใช้คีนเป็นตัวเลือกแรกในแดนหน้าอีกครั้ง โดยสรุป ผมว่าเกมรุกของลิเวอร์พูลยังไม่มีความหลากหลายพอครับ บวกกับสโต๊กที่เล่นได้เหนียวมาก ทำให้ต้องจบเกมด้วยการแบ่งแต้มไปในที่สุด โดยลิเวอร์พูลทำอะไรไม่ได้ นอกจากลุ้นให้บิ๊กแมตช์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในวันถัดมาเสมอกันเท่านั้นครับ และเวลาดีเดย์ก็มาถึงในที่สุดครับ ห้าทุ่มคืนวันอาทิตย์ และการประกาศทีมชีตของยูไนเต็ดก็สร้างความประหลาดใจให้แฟนๆพอสมควรครับ เพราะเฟอร์กี้เลือกส่ง ไรอัน กิ๊กส์ ลงเป็นมิดฟิลด์คู่กับดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ซึ่งการที่กิ๊กส์เบียดคาร์ริคมาเป็นตัวจริงได้นั้น เพราะอะไรครับ เฟอร์กี้คิดอะไรอยู่ในใจรึเปล่า สิ่งที่เฟอร์กี้วางแผนคือ ใช้ประสบการณ์และความเก๋าเกมของกิ๊กส์ ทะลุทะลวงคู่แข่งครับ เกมนี้ต้องบอกว่าการจ่ายบอล และการคอนโทรลเกมแดนกลางของกิ๊กส์นั้นสุดยอดมากครับ เขาใช้จังหวะเพียงไม่กี่จังหวะสร้างสรรค์เกมรุกแล้วได้จบ ในขณะที่กองกลางเชลซีจ่ายบอลกันหลายจังหวะมากไป จนสุดท้ายก็สร้างประโยชน์อะไรไม่ได้เสียกันไปเอง นั่นคือหนึ่งประเด็นที่ทำให้ยูไนเต็ดเป็นต่อเชลซีครับ แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ผลการแข่งขันออกมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้น คือ “ลูกกลางอากาศ” ครับ เชลซีรับลูกเซทเพลย์ได้แย่มาก และปัญหานี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่างลูกแรกที่ไม่ได้ประตู (โรนัลโด้โหม่งเข้า ) ทำไมถึงปล่อยให้โรนัลโด้โฉบไปโหม่งง่ายๆ และหลังจากนั้นเตะมุมอีกครั้ง ทำไมไม่มีตัวคุมเสาครับ และลูกสุดท้ายของเบอร์บาตอฟ เกมรับเชลซีประกบตัวห่างมาก และทำให้เบิร์บหลุดไปแปง่ายๆ นั่นคือนโยบายเร่งด่วนที่ “บิ๊กฟิล” ต้องแก้ไขครับ เช่นเดียวกับเกมรุกของเชลซีที่เฟดลงไปชัดเจนในปีนี้ โดยเฉพาะดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่มาตรฐานต่ำลงไปมาก และเดโก้กับแลมพาร์ด สองมิดฟิลด์ตัวสำคัญที่พาเหรดกับฟอร์มตก ครับ สโคลารี่คงจะต้องนำลูกทีมฮึดสู้และกลับมาเป็นเชลซีทีมเดิมให้ได้ นั่นคือภารกิจสำคัญที่ต้องทำครับ เชลซีที่มีความเขี้ยวลากดิน ชนะได้ทุกทีม เกมรุกดี และเกมรับโคตรเหนียว จะต้องกลับมาครับ หากเชลซียังคงต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในซีซั่นนี้ และจากผลการแข่งขน แฟนลิเวอร์พูลอาจจะหนาวๆร้อนๆแล้วครับ ซึ่งตรงข้ามกับแฟนบอลยูไนเต็ดที่เริ่มผยองแล้วว่าปีนี้จะกลับมาได้แชมป์แน่ๆ แต่อะไรๆก็ไม่แน่นอน เกมกับวีแกนและฟูแล่มจะเป็น 6 คะแนนเต็มหรือไม่ก็ไม่รู้ และยูไนเต็ดจะเล่นดีแบบนี้ได้ทุกนัดรึเปล่า ? และโปรแกรมหฤโหดที่รออยู่ทั้ง 4 ถ้วย จะทำให้พวกเขาล้าหรือไม่ ? พวกเขาจะฝ่าฟันมันไปได้หมด และยังยืนอยู่ได้หรือไม่ ? นีคือคำถาม ที่ยูไนเต็ดต้องตอบแฟนบอลทุกคนให้ได้ครับ ตอนนี้ พวกเขาได้เปรียบที่สุดแล้ว โอกาสที่จะขึ้นนำจ่าฝูง เป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว แต่พวกเขาจะฉกฉวยมันไว้ได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามครับ เครดิตคอลัมน์ เจี๊ยบ เคเอฟซี http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=128669 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 13:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปืนเปลี่ยนไป? หนาวเข้ากระดูกสุดๆ ไปเลยสำหรับสภาพอากาศที่เมืองผู้ดีเวลานี้ เพราะตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในลอนดอนนอกจากจะมีหิมะร่วงแล้ว (ซึ่งปกติไม่ค่อยมีให้เห็น) อุณหภูมิยังทำลายสถิติ 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยการไปเตะหลัก -7 องศา!! สนามหญ้าสีขาวโพลนสภาพรถราบ้านช่องที่ถูกเกาะเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ มาอยู่อังกฤษได้ 2 ปี ก็มีคราวนี้แหละครับที่รู้สึกว่าตัวเองทรมาน และอยากกลับไปตากแดดเรียน รด.ที่ไทยอีกจังเลย 555 ฟุตบอลอังกฤษสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เลยมีเลื่อนกันไปตามระเบียบหลายต่อหลายคู่ โดยศึกพรีเมียร์ชิพวันเสาร์หรรษามีอันต้องถูกเลื่อนไป 2 คู่ปอร์ทสมัธ-แมนฯซิตี้ และฟูแล่ม-แบล็คเบิร์นที่ ‘นาฬิกาทราย’ บ่นเซงเป็ดเพราะไปถึงสนามคราเวน ค็อทเทจแล้วแต่ดันยกเลิกก่อนเกมเพียงไม่กี่ชั่วโมง น่าเห็นใจจริงๆ อุตส่าห์นั่งรถไฟมาจากไบรท์ตัน ส่วนผม...พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้งเพราะเกมที่เอมิเรตส์ สตเดี้ยมระหว่างอาร์เซนอล VS โบลตันไม่ได้ถูกยกเลิกตามไป แม้ว่าระหว่างทางที่ผมเดินทางไปสนามจะเย็นยะเยือกจนปากและมือสั่นเทา + ชาจนท้าให้ใครแถวนั้นมาตบก็ได้ เชื่อเถอะว่าเอกพลหน้าด้านหน้าชา ไม่มีรู้สึก! (ฮา) หลังจากรับประทานอาหารเลิศรส + ไอศกรีม "ลุงเบนแอนด์เจอร์รี่" ตามสูตรที่ Arsenal Press Lounge ผมก็ได้รับ Team Sheet (รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมก่อนเกมเริ่ม 30 นาที) ปรากฏว่าทางฝั่งโบลตันทีมเยือนวันนี้มา แบบอนาถาได้อีกเพราะส่งรายชื่อตัวสำรองมาเพียงแค่ 4 หน่อ (จากโควตาทั้งหมด 7 คน) มาเช็กข่าวและทราบทีหลังว่าทีมของแกรี่ เม็กสันกำลังมีปัญหาขาดแคลนทรัพยากรเรื่องตัวผู้เล่นไว้ให้เลือกใช้งานอย่างหนักแบ็กขวา ต้องเข็นดาวรุ่งโนเนมอย่าง คริส บาสแช่มหมายเลข 30 ลงสนาม ส่วนอาร์เซนอลของอาร์เเซน เวนเกอร์แม้ว่าตัวเจ็บจะยาวเป็นหางว่าวเช่นกัน (ขาดทั้งฟาเบรกัส, กัลลาสและซิลแวสตร์ + ตัวเจ็บยาวก่อนหน้านี้) แต่โดยรวมก็ยังถือว่าดูดีและได้เปรียบ "เดอะทร็อตเตอร์ส" อยู่หลายช่วงตัวนัก หากแต่ว่าผลงานในสนามของทีมปืนโตชุดนี้เป็นอีกทีที่ "ตอกย้ำ" ความจริงๆ ที่ว่าพวกเค้ายังห่างไกลกับตำแหน่ง "แชมเปี้ยน" อยู่พอสมควรเลยทีเดียว... 11 ผู้เล่นที่อาร์เซนอลส่งลงสนามในเกมนี้ ผมว่าเวนเกอร์พยายามเลือกรักษาบาลานซ์ในเกมรับมากจนเกินไปเพราะส่งขุนพลซึ่งถนัดในการตั้งรับมาเป็นกระตักในแผงมิดฟิลด์ทั้ง เอบูเอ้ (ปีกขวา) เดนิลสัน และดิยาบี้ (คู่กลาง) โดยซาเมียร์ นาสรี่ปีกซ้ายพลิ้วไหวเหนือสายน้ำเป็นคนเดียวที่ช่ำชอง และมี "ทัศนคติต่อเกมรุก" โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ ด้านโบลตันหากใครได้ดูถ่ายทอดสด ในเกมนี้และรู้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากของพวกเค้า คงจะเสียดายอย่างแรงครับที่แผน Men behind ball หรืออุดแหลกในแดนตัวเองต้องมาพังลงในช่วงก่อนหมดเวลาการแข่งขันเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น โอเค อาร์เซนอลอาจแสดงให้เห็นนะครับว่านักเตะพยายามเหลือเกินที่จะนวดผู้มาเยือนทั้งทางริมเส้น, เจาะตรงกลาง หรือสบโอกาสหาจังหวะยิงไกลในหลายๆ จังหวะ ทว่า "คุณภาพ" ในการขึ้นเกมรุกของขุนพลชุดนี้นั้นบอกตามตรงครับว่าไร้ประสิทธิภาพสิ้นดีโดยเฉพาะเอ็มมานูเอล เอบูเอ้   ซึ่งขงเบ้งเลือดน้ำหอมยังดื้อ ทำหูหนวกตาบอดมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ว่านักเตะทีมชาติไอวอรี โคสต์รายนี้สามารถเล่นในตำแหน่งปีกขวาให้ทีมที่เน้นเกมรุกแบบอาร์เซนอลได้ !? นักเตะอย่างแอรอน แรมซีย์หรือแจ๊ค วิลเชียร์สองเด็กแสบคุณภาพคับแก้วซึ่ง ได้โชว์ศักยภาพให้ชาวโลกได้เห็นไปแล้วในเกม "ยังกันส์" ไล่โขยกเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 6-0 และสอนบอลผู้ใหญ่อย่างวีแกนไป 3-0 ในศึกคาร์ลิ่ง คัพเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ไหงไม่ยักได้ลงสนามเป็นตัวจริงเพื่อมาป่วน คู่แข่งในเกมที่เวนเกอร์ก็รู้เต็มอกว่าต้องเจอบอลอุดเยี่ยงนี้? ก็มึนๆ และแคลงใจครับว่าทำไมทีมที่เคยบ้าเล่นเกมรุก+เอนเตอร์เทนแฟนบอลเป็นชีวิตจิตใจเพื่อลบภาพ "บอริ่งอาร์เซนอล" ในยุคของจอร์จ เกรแฮมถึงได้กลับมาเล่นดูแล้วชวนหลับเหลือเกินในเกมนี้ (โดยเฉพาะครึ่งแรก) ปัญหาหนักอกของทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลในเวลานี้เลยกลายเป็นเรื่อง "เกมรุก" ไปเสียฉิบทั้งที่ก่อนหน้านี้ในช่วงที่คิงอองรี , "พี่เป้า" โรแบร์ ปิแรส ยังอยู่พวกเค้าดาหน้ายิงคู่แข่งไส้แตก 4-5 ลูกต่อเกมเป็นเรื่องธรรมดามาก Lack of Creative Player หรือการขาดนักเตะประเภทจินตนาการสร้างสรรค์เกมสูงๆ คือสิ่งที่ผมกำลังเป็นห่วงทีมคุณภาพชุดนี้ของเวนเกอร์ครับ ลำพังนาสรี่คนเดียวในช่วงนี้ดูแล้วหนักอึ้งเกินไป + ไม่เพียงพอในการโจมตีคู่แข่งแน่นอน... ไอ้ครั้นจะรอให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่แสดงอภินิหารอย่างในนัดก่อนที่สอยพลีมัธไป 3-1 ซึ่งเจ้าตัวสอยไป 2 ตุง ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ทุกครั้งอย่างที่ใจหวัง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ฟอร์มก็ดูดรอปลงไปเป็นที่พึ่งพาไม่ได้เหมือนซีซั่นที่แล้ว ที่ร่ายมาซะยาวนี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับคือต้องการเห็นอาร์เซนอลรีบปิดเคสในตลาดนักเตะและเปิดตัว "อาวุธใหม่" เพื่อมาช่วยทีมคว้าอันดับ 4 ซิวโควตาไปแชมเปี้ยนส์ลีกหน่อย เพราะขืนแนวรุกยังดูฝืดๆ แบบนี้โอกาสโดนแอสตัน วิลล่าทีมฟอร์มแรงปาดหน้าแย่งโควตาไปมีสูงเหลือเกิน Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 3460 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 13:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปืนเปลี่ยนไป? หนาวเข้ากระดูกสุดๆ ไปเลยสำหรับสภาพอากาศที่เมืองผู้ดีเวลานี้ เพราะตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในลอนดอนนอกจากจะมีหิมะร่วงแล้ว (ซึ่งปกติไม่ค่อยมีให้เห็น) อุณหภูมิยังทำลายสถิติ 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยการไปเตะหลัก -7 องศา!! สนามหญ้าสีขาวโพลนสภาพรถราบ้านช่องที่ถูกเกาะเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ มาอยู่อังกฤษได้ 2 ปี ก็มีคราวนี้แหละครับที่รู้สึกว่าตัวเองทรมาน และอยากกลับไปตากแดดเรียน รด.ที่ไทยอีกจังเลย 555 ฟุตบอลอังกฤษสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เลยมีเลื่อนกันไปตามระเบียบหลายต่อหลายคู่ โดยศึกพรีเมียร์ชิพวันเสาร์หรรษามีอันต้องถูกเลื่อนไป 2 คู่ปอร์ทสมัธ-แมนฯซิตี้ และฟูแล่ม-แบล็คเบิร์นที่ ‘นาฬิกาทราย’ บ่นเซงเป็ดเพราะไปถึงสนามคราเวน ค็อทเทจแล้วแต่ดันยกเลิกก่อนเกมเพียงไม่กี่ชั่วโมง น่าเห็นใจจริงๆ อุตส่าห์นั่งรถไฟมาจากไบรท์ตัน ส่วนผม...พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้งเพราะเกมที่เอมิเรตส์ สตเดี้ยมระหว่างอาร์เซนอล VS โบลตันไม่ได้ถูกยกเลิกตามไป แม้ว่าระหว่างทางที่ผมเดินทางไปสนามจะเย็นยะเยือกจนปากและมือสั่นเทา + ชาจนท้าให้ใครแถวนั้นมาตบก็ได้ เชื่อเถอะว่าเอกพลหน้าด้านหน้าชา ไม่มีรู้สึก! (ฮา) หลังจากรับประทานอาหารเลิศรส + ไอศกรีม "ลุงเบนแอนด์เจอร์รี่" ตามสูตรที่ Arsenal Press Lounge ผมก็ได้รับ Team Sheet (รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีมก่อนเกมเริ่ม 30 นาที) ปรากฏว่าทางฝั่งโบลตันทีมเยือนวันนี้มา แบบอนาถาได้อีกเพราะส่งรายชื่อตัวสำรองมาเพียงแค่ 4 หน่อ (จากโควตาทั้งหมด 7 คน) มาเช็กข่าวและทราบทีหลังว่าทีมของแกรี่ เม็กสันกำลังมีปัญหาขาดแคลนทรัพยากรเรื่องตัวผู้เล่นไว้ให้เลือกใช้งานอย่างหนักแบ็กขวา ต้องเข็นดาวรุ่งโนเนมอย่าง คริส บาสแช่มหมายเลข 30 ลงสนาม ส่วนอาร์เซนอลของอาร์เเซน เวนเกอร์แม้ว่าตัวเจ็บจะยาวเป็นหางว่าวเช่นกัน (ขาดทั้งฟาเบรกัส, กัลลาสและซิลแวสตร์ + ตัวเจ็บยาวก่อนหน้านี้) แต่โดยรวมก็ยังถือว่าดูดีและได้เปรียบ "เดอะทร็อตเตอร์ส" อยู่หลายช่วงตัวนัก หากแต่ว่าผลงานในสนามของทีมปืนโตชุดนี้เป็นอีกทีที่ "ตอกย้ำ" ความจริงๆ ที่ว่าพวกเค้ายังห่างไกลกับตำแหน่ง "แชมเปี้ยน" อยู่พอสมควรเลยทีเดียว... 11 ผู้เล่นที่อาร์เซนอลส่งลงสนามในเกมนี้ ผมว่าเวนเกอร์พยายามเลือกรักษาบาลานซ์ในเกมรับมากจนเกินไปเพราะส่งขุนพลซึ่งถนัดในการตั้งรับมาเป็นกระตักในแผงมิดฟิลด์ทั้ง เอบูเอ้ (ปีกขวา) เดนิลสัน และดิยาบี้ (คู่กลาง) โดยซาเมียร์ นาสรี่ปีกซ้ายพลิ้วไหวเหนือสายน้ำเป็นคนเดียวที่ช่ำชอง และมี "ทัศนคติต่อเกมรุก" โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ ด้านโบลตันหากใครได้ดูถ่ายทอดสด ในเกมนี้และรู้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากของพวกเค้า คงจะเสียดายอย่างแรงครับที่แผน Men behind ball หรืออุดแหลกในแดนตัวเองต้องมาพังลงในช่วงก่อนหมดเวลาการแข่งขันเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น โอเค อาร์เซนอลอาจแสดงให้เห็นนะครับว่านักเตะพยายามเหลือเกินที่จะนวดผู้มาเยือนทั้งทางริมเส้น, เจาะตรงกลาง หรือสบโอกาสหาจังหวะยิงไกลในหลายๆ จังหวะ ทว่า "คุณภาพ" ในการขึ้นเกมรุกของขุนพลชุดนี้นั้นบอกตามตรงครับว่าไร้ประสิทธิภาพสิ้นดีโดยเฉพาะเอ็มมานูเอล เอบูเอ้   ซึ่งขงเบ้งเลือดน้ำหอมยังดื้อ ทำหูหนวกตาบอดมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ว่านักเตะทีมชาติไอวอรี โคสต์รายนี้สามารถเล่นในตำแหน่งปีกขวาให้ทีมที่เน้นเกมรุกแบบอาร์เซนอลได้ !? นักเตะอย่างแอรอน แรมซีย์หรือแจ๊ค วิลเชียร์สองเด็กแสบคุณภาพคับแก้วซึ่ง ได้โชว์ศักยภาพให้ชาวโลกได้เห็นไปแล้วในเกม "ยังกันส์" ไล่โขยกเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 6-0 และสอนบอลผู้ใหญ่อย่างวีแกนไป 3-0 ในศึกคาร์ลิ่ง คัพเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ไหงไม่ยักได้ลงสนามเป็นตัวจริงเพื่อมาป่วน คู่แข่งในเกมที่เวนเกอร์ก็รู้เต็มอกว่าต้องเจอบอลอุดเยี่ยงนี้? ก็มึนๆ และแคลงใจครับว่าทำไมทีมที่เคยบ้าเล่นเกมรุก+เอนเตอร์เทนแฟนบอลเป็นชีวิตจิตใจเพื่อลบภาพ "บอริ่งอาร์เซนอล" ในยุคของจอร์จ เกรแฮมถึงได้กลับมาเล่นดูแล้วชวนหลับเหลือเกินในเกมนี้ (โดยเฉพาะครึ่งแรก) ปัญหาหนักอกของทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลในเวลานี้เลยกลายเป็นเรื่อง "เกมรุก" ไปเสียฉิบทั้งที่ก่อนหน้านี้ในช่วงที่คิงอองรี , "พี่เป้า" โรแบร์ ปิแรส ยังอยู่พวกเค้าดาหน้ายิงคู่แข่งไส้แตก 4-5 ลูกต่อเกมเป็นเรื่องธรรมดามาก Lack of Creative Player หรือการขาดนักเตะประเภทจินตนาการสร้างสรรค์เกมสูงๆ คือสิ่งที่ผมกำลังเป็นห่วงทีมคุณภาพชุดนี้ของเวนเกอร์ครับ ลำพังนาสรี่คนเดียวในช่วงนี้ดูแล้วหนักอึ้งเกินไป + ไม่เพียงพอในการโจมตีคู่แข่งแน่นอน... ไอ้ครั้นจะรอให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่แสดงอภินิหารอย่างในนัดก่อนที่สอยพลีมัธไป 3-1 ซึ่งเจ้าตัวสอยไป 2 ตุง ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ทุกครั้งอย่างที่ใจหวัง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ฟอร์มก็ดูดรอปลงไปเป็นที่พึ่งพาไม่ได้เหมือนซีซั่นที่แล้ว ที่ร่ายมาซะยาวนี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับคือต้องการเห็นอาร์เซนอลรีบปิดเคสในตลาดนักเตะและเปิดตัว "อาวุธใหม่" เพื่อมาช่วยทีมคว้าอันดับ 4 ซิวโควตาไปแชมเปี้ยนส์ลีกหน่อย เพราะขืนแนวรุกยังดูฝืดๆ แบบนี้โอกาสโดนแอสตัน วิลล่าทีมฟอร์มแรงปาดหน้าแย่งโควตาไปมีสูงเหลือเกิน Viva London โดย เอก อุดมสุข ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์คิกออฟ ฉบับที่ 3460 จากคุณ : คุณย่าFootBall - [ 13 ม.ค. 52 13:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่มีใครเจ็บเพิ่มใช่ไหม ส่วนอาชาวินนี่ต้องทำใจได้หรือยัง จากคุณ : blind32 - [ 13 ม.ค. 52 13:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีตอนบ่ายครับ มีเรื่องอัดอั้นอยากระบายนิดนึง ขอมาระบายในโต๊ะละกันนะครับ เพราะถือว่านี่เป็นโต๊ะของแฟนปืน เป็นที่ทางของแฟนปืน คงไม่เป็นไรนะครับ คืองี้ ผมอยากรู้ว่าเพื่อนๆเป็นเหมือนผมกันบ้างรึเปล่าครับ ตั้งแต่แมนยูชนะเชลซี 3-0 แล้วมีพวกเด็กผีปากดีบางคนชอบมาตั้งกระทู้อวดเก่ง ขี้โม้ ขี้โอ่ หาว่าแชมป์อยู่ในมือแล้วบ้างล่ะ หาว่าตามจ่าฝูง 5 แต้มแต่มีเกมอยู่ในมืออีกสองนัด เดี๋ยวเตะครบก็ได้นำจ่าฝูงแน่นอนบ้างล่ะ ฯลฯ คือผมยอมรับครับ ว่าแมนยูเก่ง มีโอกาสที่จะได้แชมป์ปีนี้ มีโอกาสที่จะขึ้นนำจ่าฝูงเมื่อเตะครบอีกสองนัดที่ตกค้าง แต่มันหมั่นไส้แกมรำคาญน่ะครับ เก่งก็เก่งไปสิ อยากโม้ก็รอให้ได้ชูถ้วยก่อนแล้วค่อยมาโม้มาบลัฟคนอื่นเค้าก็ได้ เฮ้อ !!! จากคุณ : debby the gunner - [ 13 ม.ค. 52 13:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 25 #24 ปล่อยพวกเขาไปเถอะครับ ในยามนี้ เป็นจังหวะที่พวกนั้นจะทำอะไรทำนองนั้นได้...จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วผมก็เห็นว่าแต่ละชื่อที่เขียนในแนวนั้น โดยปกติแล้วเป็นคนนิสัยยังไง ดังนั้น ก็ไม่ควรไปใส่ใจเค้านักหรอก ตอนนี้ปล่อยให้หัวเราะไปก่อน ไว้สิ้นเดือนพฤษภา อะไรมันพลิกไปจากนั้น เราจะหานั่งหัวเราะเยาะเค้ากัน ผมก็จะไม่ห้ามอะไรเลย และมันจะดีกว่านั้นก็คือ ถ้าอันดับทีมเรามันดีกว่าเค้าได้ ก็จะยิ่งสะใจครับ.......อดใจรอกันหน่อยดีกว่าน่า จากคุณ : Grand Gunner - [ 13 ม.ค. 52 13:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 #23 น่าจะไม่มีใครเจ็บเพิ่มนะคะ ไม่มีข่าวออกมาเลย #24 อ่านเหมือนกันค่ะ แต่อ่านผ่านๆ เลยไม่ค่อยสนใจ นึกตั้งนานว่าลืมอะไร ทีแท้ลืมโพสต์ข่าวนี้ ขอโทษด้วยนะคะ -_-" V V แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 14:37:21 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 14:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 “อาร์ชาวิน” ย้ายแน่เดือนนี้ เจ้าตัวอยากซบ “ปืน” เท่านั้น       “เดอะ ซัน” (The Sun) สื่อเมืองผู้ดีตีข่าว อาร์เซนอล จะคว้าตัว อังเดร อาร์ชาวิน จอมทัพ เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มาเสริมทัพในช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคมนี้อย่างแน่นอน แม้อีกกระแสจะบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี เตรียมตัดหน้าคว้าตัว แต่ว่านักเตะอยากสวมเสื้อ “ปืนโต” มากที่สุด              มีรายงานว่า แมนฯซิตี สโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เตรียมทุ่มเงินคว้าตัว อาร์ชาวิน แนวรุกที่พา รัสเซีย เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูโร 2008 มาเสริมทัพ เนื่องจากว่า อาร์เซนอล ไม่สามารถสู้ค่าตัวและค่าเหนื่อยที่แพงหูฉี่              อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในถิ่น เซนิต เผยว่า “การเจรจาระหว่าง เซนิต กับ อาร์เซนอล เกี่ยวกับเรื่อง อาร์ชาวิน กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งคู่ต้องการให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงก่อนที่ตลาดซื้อขายจะปิดทำการ”              ส่วน อเล็กเซ เปตรอฟ กระบอกเสียงของ เซนิต กล่าวว่า “ผมสามารถยืนยันได้ว่าตอนนี้ เซนิต ได้รับข้อเสนออย่างเป็นทางการราว 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 520 ล้านบาท) จาก อาร์เซนอล เป็นค่าตัวของ อาร์ชาวิน แน่นอนว่าตัวเลขนี้ไม่เพียงพอและยังไม่มีข้อเสนอใหม่เข้ามา แต่ว่าตอนนี้มีเพียงพวกเขาเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่สนใจ”              สำหรับ เซนิต เคยเรียกค่าตัว อาร์ชาวิน สูงถึง 23 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,196 ล้านบาท) อย่างไรนักเตะต้องการจะย้ายทีมเต็มแก่เพื่อไปเล่นให้กับ อาร์เซนอล ทำให้ค่าตัวอาจจะต้องถูกลดลงมา http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000003064 น่าจะแปลจาก http://www.thesun.co.uk/sol/homepage/sport/football/article2120027.ece จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 14:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 #24 ไม่อยากให้เกิดปัญหาครับ แต่อยากให้เข้าใจว่าแฟนบอลแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็ดูบอลจริงๆ แล้วเค้าจะชม ยกยอปอปั้น หรือคุยเล็กๆ มันก็ไม่แปลกหรอกครับ แต่กับบางพวกที่เห็นทีมได้แชมป์เยอะๆ แล้วเอาเป็นทีมตัวเองเชียร์ จะได้คุยโม้กะชาวบ้าน พวกนี้เห็นแล้วก็ช่างเค้าเถอะครับ กลับมาเรื่องบอลดีกว่า กรณีค่อนข้างเห็นด้วยกับคอลัมน์ข้างบนนะครับที่เห็นว่าทีมเราขาดมิติในเกมรุกมากๆ นักเตะอย่างดียาบี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะได้เป็นตัวหลักตอนนีั เกมนัดที่ผ่านมาผมด่าหมอนี่ทั้งเกมก่อนเปลี่ยนตัวออก ห่วยได้ใจ ตอนนี้เด็กเราไม่สามารถรับภาระทีมได้เลยจริงๆ แต่ละคนดูจะไม่กล้าครองบอลไว้กับตัว มีแค่นาสรี่ที่กล้าเลี้ยงล๊อก พาบอลไปกับตัว แต่ที่เหลือทำได้เพียงผ่านบอลขวางไปมา แค่พาบอลขึ้นหน้าไปยังไม่กล้าเลย ไม่รู้กลัวอะไรหนักหนา แต่จังหวะที่ควรจะเล่นง่ายๆ จ่ายใกล้ ดันจะเลี้ยงหรือส่งขวางไปให้ติดคู่แข่งเล่น ดูแล้วเซ็ง... ไม่มีจินตนาการหรือการกดดันคู่ต่อสู้อย่างนี้ไปจะโทษว่าเค้ามาเล่นเกมรับ ถูกแล้วหรือครับ บอส... แต่กรณีเดวี่ส์นี่ก็เกลียดมันเหมือนกัน เล่นแรง ตุกติกตลอด เกมของลูกผู้ชาย แต่นักเตะก็กลัวขาหักเป็นนะ ไอ้หอก... อีกคนที่เกลียดมากคือเกวิน แมคแคน เล่นแรง ฟาวส์น่าเกลียด ไม่รู้ว่าจะมาเล่นบอลหรือมาหาเรื่อง ภาวนาให้โรซิคกี้หายกลับมาเร็วๆ ครับ แต่ถ้าได้อาชาวินมาเกมน่าจะดีขึ้นกว่านี้แน่นอน แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 14:28:37 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 14:28:03 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 14:27:19 จากคุณ : Survivalist - [ 13 ม.ค. 52 14:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ได้อาชาวิน มีแต่บวกกับบวก  มาเหอะได้สลับกันเล่น บางช่วงนักเตะก็มีฟอร์มตก ใครฟอร์มสดก็ได้ตัวจริงไป ไม่รู้สิผมคิดอย่างนี้ แต่อยากได้กลางรับมากกว่า ไงขอกลางรับอีกตัวนะบอส together จากคุณ : Eastern rising - [ 13 ม.ค. 52 15:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Arshavin keen on Gunners move Zenit ace hints at Arsenal switch Russia star Andrei Arshavin has indicated he would be interested in a move to Arsenal. Arsenal have been strongly linked with the skilful attacker and reports over the weekend suggested they have already had one bid turned down by Zenit St Petersburg for Arshavin. Arshavin is keen to leave Zenit in this month's transfer window and Arsenal are believed to be leading the chase for the Russian international. The 27-year-old believes he would be well suited to Arsenal by claiming they play in a simliar style to Zenit. "In some games last season, we played football which was very similar to that of Arsenal," Arshavin is quoted as saying in the Daily Telegraph. Arshavin also revealed that his favoured No.10 shirt is already taken in the Gunners side with William Gallas currently holding that number. "I would prefer my present No.10 but in the team where I hope to move it's not vacant. So I'm ready for any number they are going to offer me," added Arshavin. +++++ http://www.skysports.com/story/0,19528,12876_4786994,00.html จากคุณ : MAVEL - [ 13 ม.ค. 52 15:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Football Betting - Transfer Specials Sky Bet : อาชาวินจะไปไหน Andrei Arshavin's Club 3rd Feb 2009 - Arsenal 1/3 - Juventus 3/1 - Zenit 8/1 - Man City 8/1 - Barcelona 14/1 or Chelsea 20/1 บังคับไม่ให้ทายอาเซน่อลหรือไงเนี่ย 555+ จากคุณ : MAVEL - [ 13 ม.ค. 52 15:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มาคิดดูถ้าซื้ออาร์ชาวินมาจริงๆ จะให้ลงตรงไหนดีล่ะเนี่ย เล่นแบบนี้ดีมั๊ย                                      ฟาน เปอร์ซี่                                          นาสรี่                      อาร์ชาวิน                   ดิยาบี้                  ซง              เดนิลสัน จากคุณ : Skalidis - [ 13 ม.ค. 52 16:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #30 อาร์ชาวินอยากได้เสื้อเบอร์ 10 เหรอ น่าเสียดาย... เบอร์นี้มีเจ้าของแล้ว ไม่เป็นไรนะ เสื้อเบอร์ไหนก็เหมือนๆ กันล่ะ เบอร์ที่ว่างมี... 13, 17, 23 แล้วก็ 29 ถ้าอาร์ชาวินมาจริงๆ น่าจะได้เบอร์ 13 นะ เว้นแต่จะขอเปลี่ยนเบอร์เสื้อกับกัลลาส จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 16:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Ferguson fumes over Arsenal fan's role in Evra case • Emirates season-ticket holder chairs disciplinary panel • Manager's programme notes toned down by David Gill Sir Alex Ferguson's sense of grievance with the Football Association has been exacerbated by the discovery that one of the men who banned Patrice Evra for four matches recently is an Arsenal season-ticket holder. Ferguson, the Guardian can reveal, felt strongly enough to express his displeasure about the way the case was handled in the original draft of his programme notes for Manchester United's game against Chelsea on Sunday, only for his comments to be toned down after the intervention of the club's chief executive, David Gill. Nicholas Stewart QC chaired the four-man independent disciplinary panel appointed by the FA that investigated Evra's scuffles with the Chelsea groundsman Sam Bethell after a match at Stamford Bridge last April. The panel held the France left-back largely responsible in a verdict Ferguson later described as being one of the worst he had known in his 22 years at Old Trafford. "Of all the things the FA has done to this club over the years, that was one of the big shocks," said Ferguson. While there is no question of Stewart's integrity or professionalism, Ferguson has strong reservations about a supporter of one of United's major rivals being involved, on the basis that there could be allegations of a possible conflict of interest. Ferguson's notes on the Evra case were edited down to a ­paragraph which stated: "I am still shocked by the four-game ban handed out to Patrice following the incident at Stamford Bridge that saw him at odds with one of their groundsmen." Although Gill shares Ferguson's disquiet, he does not have his manager's famous desire for confrontation, and his own position on the board of the FA may have contributed to him not wanting to inflame an already tense situation. How Ferguson feels about his notes being changed is unclear, although it is believed to be unusual in the extreme. Despite their private misgivings, United have opted against making a complaint to the FA. The club had described Evra's punishment as "excessive" and "extremely harsh" and said the reasons for banning Evra were "flawed in many respects". Of Stewart's appointment, one well-placed source said: "They [the FA] at least should have let us know before the case was heard. If that had happened we could have pointed out our concerns." Despite what Liverpool's manager, Rafael Benítez, has said over the past few days, Ferguson's belief is that the FA is historically tougher on United than other clubs. The Evra case has strengthened his opinion, even though the club decided not to appeal on the grounds "the focus of the whole squad needs to be on matches and not bureaucracy". United may consider objecting if Stewart is appointed to any future cases involving their players. Whether that will carry any sway with the FA is debatable. Stewart is a specialist in sports cases and has worked for the FA on various other matters. He is highly regarded within Soho Square and his directory notes, at Ely Place Chambers, describe him as "a charming man and a safe pair of hands" with "a reassuring manner and a great ability to put everyone at their ease". Stewart had not been aware of Ferguson's anger but declined to comment when the Guardian contacted him. The FA has also chosen not to comment. There is, however, strong support for Stewart within Soho Square. Colleagues have pointed out that he is far from the only person involved in the FA's disciplinary processes to have an affiliation to a particular club. Lord Triesman, the FA's chairman, is a Tottenham fan, for instance. To Ferguson's occasional irritation, Brian Barwick, until December the organisation's chief executive, is a ­Liverpool fan. The other people who heard Evra's case were Barry Bright, the chairman of the FA's disciplinary committee, Roy Carter, from the West Riding FA, and David Pleat, the former Luton Town and Tottenham Hotspur manager. http://www.guardian.co.uk/football/2009/jan/13/manchester-united-arsenal-alex-ferguson ข่าวนี้ยาว ขอสรุปสั้นๆ นะคะ... เซอร์อเล็กไม่พอใจที่ Nicholas Stewart หนึ่งในคณะกรรมการที่ตัดสินโทษแบน 4 นัดของปาทริค เอวร่า ถือตั๋วปีของอาร์เซนอล และได้ต่อว่าเอฟเอลงในหนังสือโปรแกรมการแข่งแมนฯ ยูฯ - เชลซี แต่โดนเดวิด กิลล์ ตัดข้อความนั้นทิ้ง แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 17:10:18 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 17:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อีกหนึ่งความคิดเห็นเกี่ยวกับเควิน เดวี่ส์ค่ะ V V แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 17:33:44 จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 17:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Kevin Davies is right, Arsenal ARE big softies!!! When players like Kevin Davies talk, I listen. Then I laugh. Then I laugh some more. Then I throw up from laughing so much. Despite this laughter I make him right. Football is a mans game and Arsenal are softies. Full stop. If Arsenal players can't handle the broken ankles, fractured ribs and bruised skulls that Kevin Davies dishes out then they shouldn't play the game. I'm being sarcastic if you haven't noticed............. Kevin Davies is a limited player who has relied on brute thuggery throughout his career at the top level. The man is a joke. I think if he concentrated on playing the ball more than the man then Bolton would have a better chance of staying in the Premiership. It makes me sick to read his comments. He talks of Arsenal whinging? It sounds like he is whinging to me! He should put down the sour grapes and realise that he is making himself look stupid. He sounds like a typical bigoted knob jockey who really thinks he is just like an old fashioned centre forward. He isn't. An old fashioned centre forward could use a football, Davies can't. People think that Arsenal don't like it up them. Arsenal can deal with physical battles. What we can't deal with is illegal rough-house tactics that players with a lack of ability like Davies use. And referees refuse to stamp it out. We talk of England's future in football. What future do we have if we applaud prats like Davies? If I ever have a son and he plays football then I swear I will never ever encourage him to use tactics like Davies does. If people want to see this then I suggest they watch Thai-boxing or wrestling. Tackling is a big part of football and so important to the game. Davies doesn't tackle, he uses illegal ways of gaining an advantage over his opponent. I've never wanted a player to be hurt on the pitch, especially after what happened to Eduardo last season but Kevin Davies is a player I wouldn't give a shit about if something happened to him. Keep it Goonerish.............. Posted by Wrighty7 เมื่อกี้โดนระบบลบไปทีนึงแล้ว ลองโพสต์อีกทีค่ะ คราวนี้ไม่ใส่ link จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 17:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ซื้อปีกมาก่อนดีกว่ามั้ง ปีกแท้ ๆ ยังไม่มีซักตัวในทีม พวกกลางรุก ห้องเครื่อง เพลย์เมคเกอร์ เดินชนกัน(ในโรงพยาบาล)เต็มไปหมดแล้ว จากคุณ : Anfield'89 - [ 13 ม.ค. 52 17:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เฮ้อ แค่มาอ่านข่าว หวังว่าซักวันจะมีข่าว อาร์ชาวินซบปืนค่าตัวสุดถูก เหตุนักเตะชอบปืน 555+ หวังว่าซักวันจะมีนะครับ จากคุณ : เทพปืนโต - [ 13 ม.ค. 52 17:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดีครับ เข้ามาอ่านข่าว จากคุณ : kunikun - [ 13 ม.ค. 52 18:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นเค้าว่า... คืนวันเสาร์นี้ (17 ม.ค.) ฟรีทีวีจะถ่ายทอดสดคู่ Hull City - Arsenal เหรอคะ? ถ้าใครรู้ว่าเป็นช่องไหนช่วยแจ้งด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ (^/\^) จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 20:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตามมาอ่านข่าวด้วยเช่นกัน...ขอบคุณคุณแนนครับ เรื่องฟรีทีวีนี่ ยังไม่เห็นได้ข่าวเลยครับ...แต่จะลองดูๆให้แระกัน เอ่อ..เรื่อง Davies นี่อยากรอความเห็นจาก My BOSS ครับ ไม่มีไรจะพูดอีก เมื่อวานก็บ่นไปแล้ว....รอของบอสดีก่า... จากคุณ : changjj - [ 13 ม.ค. 52 21:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ดูท่า คุณอังเดร ศิลปอาชา จะมาแน่แฮะ ทีนี้ก็คงเหลือรอลุ้นแผงกลางบ้าง...จะได้ใครมาอีกหนอ วันที่ 22 นี้ ทีมสำรองแข่งเค้าก็ถ่ายด้วยนะเนี๊ยะ คิดถึงดูดู้ ไม่รู้จะได้ลงรึเปล่า....แต่ก็จะรอดูครับ...อยากเห็นเค้าจัง แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 21:13:18 จากคุณ : สงัด - [ 13 ม.ค. 52 21:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ แข่งกับสโต๊คชุดสำรอง ระวังเจอลูกทุ่มไกลของ ลอรี่ ดีแล็ป จูเนียร์ เน่อ ^^ ............ #33 ผมกลัวว่ากัลลาสจะงอแงหนักกว่าเดิมล่ะสิ  ยึดปลอกแขนไปแล้ว นี่ยังจะมายึดเบอร์เสื้อคืนอีก ผมว่าอาชาวินใส่เบอร์ 13 ต่อจากเคล็บก็เท่ห์ดีออก หล่อกว่ากัลลาสมากมาย ตำนานเบอร์ 10 คนต่อไป... ผมเชียร์ น้องแจ๊ค วิลเชียร์ - หน้าต่ำเทพส่งมาเกิด จากคุณ : MAVEL - [ 13 ม.ค. 52 21:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อาร์ชาวิน น่าจะได้เบอร์ 13 ครับ ถ้าย้ายมาจริงๆ จากคุณ : Anduril - [ 13 ม.ค. 52 21:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แหมอาร์ชาวินจ๋า...ถ้าเป็นเสื้ออาร์เซนอลใส่เบอร์อะไรก็ดูดีอยู่แล้วล่ะ จากคุณ : chromosome-Gunner - [ 13 ม.ค. 52 21:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 47 #34 ทีราฟาด่าเซอร์ว่า ผู้บริหารแมนยู มีอิทธิพลต่อ FA --> เซอร์บอก "ไร้สาระ" แต่เอฟร่า ถูกแบนจากการที่มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น --> เซอร์กลับไม่พอใจ ด้วยเหตุผลที่ว่าหนึ่งในคนนั้นถือตั๋วปีอาเซน่อล --> อย่างนี้คงเรียกได้ว่า "ไร้สาระสุดๆ" #37 comment เขานี่สะใจจริงๆ โดนใจมากๆ จากคุณ : Lemur - [ 13 ม.ค. 52 22:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เลือกผู้ว่า เอ้ยเบอร์เสื้อครั้งต่อไป เชียร์น้องแจ็คเบอร์ 10 จากคุณ : MAVEL - [ 13 ม.ค. 52 22:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #42 ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^ #44 เผื่อกัลลาสอยากใส่เสื้อเบอร์ 13 เหมือนเดิมไงคะ #46 เห็นด้วยค่ะ ถ้าเป็นเสื้ออาร์เซนอลใส่เบอร์อะไรก็ดูดีเสมอ #47 ปกติไม่ค่อยเห็นด้วยกับ comment ของ Wrighty7 แต่คราวนี้เห็นด้วยเต็มๆ ค่ะ จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 22:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 50 #41 ถ่ายช่องเจ็ดสี ทีวีเพื่อแจ๊คกี้และวีระศักดิ์ เตรียมฮาไว้ได้เลย   อิอิ ^^ จากคุณ : MAVEL - [ 13 ม.ค. 52 22:48:13 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Wenger - Why I gave Nasri a central role Arsene Wenger believes that Samir Nasri's influence from the middle of the park helped make the difference against Bolton on Saturday. The French international has been deployed on the left flank for most of his first season at Arsenal and has made a good impression, netting five times in 20 starts while offering a creative threat from the flank. Nasri started Saturday's game in his customary position but was shifted inside by Wenger after the break as the home side struggled to break down a stubborn Bolton back line. With Nasri pulling the strings, Arsenal looked more dangerous and were rewarded for their persistence when Nicklas Bendtner scored a late winner. Afterwards, Wenger explained why he asked Nasri to play a different role in the second half. "He gave us a little bit more creativity in the centre, especially in a tight game like that," said the manager. "Of course, he [Nasri] is a link player and can also pass people. "From then on it became a little bit more difficult for Bolton. It was my idea - sometimes accidentally I have them." http://www.arsenal.com/news/news-archive/wenger-why-i-gave-nasri-a-central-role จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 13 ม.ค. 52 22:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ใครรู้บ้างครับว่าในกรณีที่ อาชาวินต้องการมาอาเซน่อล แต่ติดตรงที่เซนิตไม่พอใจเรื่องราคา กับอีกกรณีถ้าเซนิตพอใจราคาของแมนซิตี้ที่เสนอให้ แต่ตัวนักเตะไม่อยากไปเนี่ย สรุปกรณีไหนนักเตะถึงจะย้ายได้ หรือว่ามันต้องให้ทั้งนักเตะและสโมสรตกลงพร้อมกันทั้งสองฝ่าย งงจริงๆ แต่ผมว่าอาชาวินน่าจะมาแน่ แต่อาจจะช้าหน่อย ช่วงนี้เช็คข่าวทุกวันเลย สงสัยคงต้องรอใกล้ๆตลาดปิดหรือเปล่าครับ จากคุณ : ห้อยน้อยๆแต่ห้อยนานๆ - [ 13 ม.ค. 52 23:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อคืนนี้... เอฟเอ คัพ รอบ 3 (นัดรีเพลย์) ปีเตอร์โบโร่ แพ้ เวสต์บรอมวิช  0-2 เจย์ ซิมพ์สัน ยิงประตูขึ้นนำให้กับเวสต์บรอมวิช เป็นลูกยิงไกลระยะ 25 หลา ถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นเกมที่ 2 ที่ซิมพ์สันลงเล่นให้กับเวสต์บรอมวิช ค่ะ จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 14 ม.ค. 52 08:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 54 โต๊ะน้ำชาอาร์เซนอล... เชสเผยไม่ได้คิดถึงเรื่องฟุตบอลระหว่างพักแข้ง จากคุณ : YesterdayOnceMore - [ 14 ม.ค. 52 12:09:07 ]