ความคิดเห็นที่ 1 อันดับที่ 15  " Special Desmond " (  ซุปเปอร์โบลว์ XXXI  ซุปเปอร์โดม นิวออร์ลีนส์ ปีค.ศ 1996  ) เคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่า.... " ทีมบุกมีเอาไว้เพื่อขายตั๋ว....แต่ทีมรับมีไว้เพื่อคว้าแชมป์ " แต่สำหรับกรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ในซุปเปอร์โบลว์ 31 แล้วนั้น คงต้องเป็นกรณียกเว้น !!! เพราะกุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จ ในการเป็นแชมเปี้ยนซุปเปอร์โบลว์ XXXI ของกรีนเบย์นั้นต้องยกให้ หน่วยของทีมพิเศษและตัววิ่งย้อนที่มีนามว่า....เดสมอนด์ โฮวาด์ส โฮวาด์ส อดีตผู้เล่นเจ้าของรางวัลไฮส์แมน โทรฟี่ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เป็นผู้เล่นที่มีความเร็วสูงมาก ถนัดเล่นทั้งตำแหน่งปีก และตัววิ่งย้อน ก่อนที่จะโดนวอชิงตัน เรดสกินส์ คัดเลือกเข้ามาเล่นอาชีพในรอบแรกของปี 1992 หลังจากเล่นอยู่กับเรดสกินส์ 2 ปี ก็โดนจับส่งให้ไปเล่นอยู่กับทีมตั้งใหม่แจ๊คสันวิลล์ จากัวส์ ในปี 1995 ก่อนที่จะถูกเทรดตัวส่งมาอยู่กับทีมกรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ในฤดูกาล 1996 และเขาก็มาระเบิดฟอร์มวิ่งย้อน ให้กับทีมหัวเนยได้อย่างยอดเยี่ยม ทำระยะวิ่งย้อนพันท์ได้ถึง 875 หลา( เฉลี่ย 15.1 / 1 ครั้ง ) กับอีก 3 ทัชดาว์น เป็นอันดับ 1 ของลีค และในรอบเพลย์ออฟเกมดับโฟร์ตี้นายเนอร์ส นั้น จรวดทางเรียบรายนี้ ก็ยังวิ่งย้อนพันท์ เป็นทัชดาว์นมาแล้วอีกด้วย... ซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 31 กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ พบกับ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เดสมอนด์ โฮวาด์ส โชว์ฟอร์มวิ่งย้อนพันท์ได้อย่างยอดเยี่ยมในควอเตอร์ที่1 เมื่อเขาวิ่งย้อนครั้งแรกในเกม ก็ทำระยะมาได้ถึง 32 หลา ตั้งระยะให้ทีมบุกได้เริ่มเล่นอย่างสุดสวย ทำคะแนนขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว.....7 - 0 แต่เมื่อเกมการแข่งขันดำเนินไปเรื่อยๆนั้น ทั้งสองทีมก็ต่างเปิดหน้า แลกหมัดทำคะแนนเบียดกันได้อย่างคู่คี่ เมื่อล่วงเข้าสู่กลางควอเตอร์ที่ 3นั้น กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ที่นำอยู่ดีๆก็เกิดซ๊อตไปดื้อๆ ทีมบุกจากการนำของเบรตต์ ฟาร์   ไม่สามารถที่จะเคลื่อนผ่านครึ่งสนามมาได้เลย ผิดกลับทางฝั่งของ แพทริออตส์ ที่ดรูส์ เบรดโซ จอมทัพนิวอิงแลนด์เครื่องเริ่มร้อน พาทีมนักรบกู้ชาติ ทำคะแนนไล่จี้หลังเข้ามาแบบหายใจรดต้นคอ... จากที่ตามแพ็คเกอร์ส อยู่ 14 - 27 ทีมบุกของแพทริออตส์ ก็ได้ทัชดาว์นสำคัญไล่จี้เข้ามาเป็น 21 - 27 โมเมนตั้มของซุปเปอร์โบลว์ครั้งนี้ กำลังจะพลิกผันมาเข้าทางของนิวอิงแลนด์แล้ว... อดัม ไวนาเทียรี่ ตัวเตะของนิวอิงแลนด์ เตะคิ๊กออฟได้อย่างยอดเยี่ยม บอลไปตกลงสู่มือของ เดสมอนด์ โฮวาด์ส ที่เส้น 1 หลาหน้าบ้านกรีนเบย์.. เมื่อยอดตัววิ่งย้อนตั้งตัวติด ก็วิ่งอัดขึ้นมาตรงกลางตรงๆ แต่เหมือนมีปาฏิหาริย์ มาเกี่ยวข้อง... ทำให้ไม่มีผู้เล่นทีมพิเศษของแพทริออตส์ คนใดมาแตะถูกตัวของเขาเลย โฮวาด์ส เร่งสปีดอัดผ่านการป้องกันด่านสุดท้าย ตัวเตะไวนาเทียรี่ แล้วก็ไม่มีใครที่จะมาอยู่ตรงหน้าของเขาอีก นอกจากช่างภาพ ที่ออกันอยู่หลังเอนด์โซนของนิวอิงแลนด์ มันเป็นการทำทัชดาว์นจากการวิ่งย้อนที่ไกลที่สุดในตอนนั้น ด้วยระยะทางสุทธิ 99 หลาไม่มีขาดไม่มีเกิน และมันเป็นการกระชากโมเมนตั้มของเกม ให้กลับมาเข้าทางของกรีนเบย์ แพ็คเกอร์สอีกครั้งหนึ่ง.. เพราะมันจะเป็นการทำคะแนนครั้งสุดท้ายของซุปเปอร์โบลว์ครั้งนี้ เกมจบลงที่ผล แพ็คเกอร์ส 35 , แพทริออตส์ 21 ..... และจรวดทางเรียบ.... เดสมอนด์ โฮวาร์ด ก็กลายเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกม ( MVP ) ของซุปเปอร์โบลว์คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่มาจากตำแหน่งตัววิ่งย้อนในทีมพิเศษ ด้วยผลงานในระดับมาสเตอร์พิซ.. ทำระยะจากการวิ่งย้อนคิ๊กออฟได้ทั้งหมด 154 หลา... และทำระยะจากการวิ่งย้อนกินแดนได้อีก 90 หลา.... รวมไปถึงการวิ่งย้อนทัชดาว์น 99 หลาอันงามงดสุดสมบรูณ์แบบลูกนี้ด้วย..... แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 06:36:05 จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 06:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับที่ 14 "This One's For John" ( ซุปเปอร์โบลว์ XXXIII ควอค๊อม สเตเดี้ยม ซานดิเอโก ปีค.ศ 1997 ) ไม่มีใครที่จะปฏิเสธว่า จอห์น เอลเวย์ ยอดควอเตอร์แบ๊คของเดนเวอร์ บรองโกส์ คือสุดยอดจอมทัพที่แสนจะยอดเยี่ยมคนหนึ่งของ NFL ตั้งแต่จบจากมหาวิทยาลัย แสตนฟอร์ด และถูกเดนเวอร์ บรองโกส์ คัดเลือกมาเป็นคนแรกของลีคในฤดูกาล 1983 จากวันนั้นมายอดจอมทัพที่แฟนบรองโกส์ทุกคนแสนรัก ทำมาแล้วทุกสิ่ง... ทั้งขว้าง , ทั้งวิ่ง , พาทีมตามกลับมาชนะครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างสถิติประดับเอาไว้ในลีคอย่างมากมาย....... แต่ก็ยังมีอยู่อีกหนึ่งเรื่อง ที่เหมือนกับเป็นปมด้อยฝังอยู่ในใจของเขา นั่นคือการที่ยังไม่เคยเป็นจอมทัพที่นำทีมไปเป็นแชมเปี้ยน ชองศึกซุปเปอร์โบลว์ที่ยิ่งใหญ่เลยแม้เพียงสักครั้งเดียว.... จอห์น เอลเวย์เคยนำทัพเดนเวอร์ บรองโกส์ เข้าไปเล่นในเกมชิงแชมป์ มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 ครา..( SuperBowl XXI , XXII , XXIV ) แต่ทั้งสามเกมนั้น กลับสร้างความเจ็บปวดและชอกช้ำ ให้แก่จอห์น เอลเวย์ และเพื่อนร่วมทีมบรองโกส์ รวมไปถึง แฟนของทีมบรองโกส์ ทุกๆคน เมื่อต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน กลับออกมาทุกครั้ง... Super Bowl XXI บรองโกส์พ่ายแพ้แก่ทีมนิวยอร์ค ไจแอ๊นทส์  20 - 39 Super Bowl XXII บรองโกส์เปิดตัวได้เยี่ยมในควอเตอร์แรก ก่อนมาตายตอนจบ โดนวอชิงตัน เรดสกินส์ถล่มไปเล่ะเท่ะ  10 -  42 และใน Super Bowl XXIV เอลเวย์และผองเพื่อน ก็ต้านทานความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ ของโจ มอนทาน่า และ ทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ไม่ไหว ถูกถล่มไปถึง 10 - 55 คะแนน !!! จอห์น เอลเวย์ ยังคงตามล่าหาชัยชนะหนแรกของเขา ในซุปเปอร์โบลว์ อยู่ต่อไป จนในฤดูกาล 1996 - 97 รถไฟขบวนสุดท้ายก็วิ่งมาเทียบที่ชานชลาอีกครั้งหนึ่ง ยอดจอมทัพวัย 37 ปี ยังคงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าความห้าวจะลดน้อยลงไป ตามอายุอานามที่เพิ่มมากขึ้น แต่วันและเวลา ก็นำเอาประสบการณ์ที่เปี่ยมล้นมาเป็นสิ่งทดแทน...... บวกกับการมาถึงขององค์ประกอบที่ลงตัว...... นับตั้งแต่ยอดโค๊ช ไมค์ ชานาแฮน , สุดยอดตัววิ่ง เทอร์เรลล์ เดวิส   และปีกในมือเยี่ยม แชนน่อล ชาร์ป เสริมด้วยแนวรับที่สุดแกร่ง ที่นำขบวนมาโดย นีล สมิตต์ , บิล โรมาน๊าวสกี้ , อเลน อัลดริสท์ , ดาร์เลี่ยน กอร์ดอน และ สตีฟ แอ๊ทวอเตอร์   ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดต่อการเป็นสุดยอดทีมของ NFL ในปี 1997 เดนเวอร์ บรองโกส์ เล่นได้อย่างแข็งแกร่งในฤดูกาลปกติของปี 1997 และก็ยังคงความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในรอบเพลย์ออฟ จนก้าวเข้ามาถึงเกมชิงแชมป์ ......ซุปเปอร์โบลว์ XXXII ซึ่งจะต้องลงเผชิญหน้ากับแชมป์เก่าหนที่แล้ว.... กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส เมื่อเกมเริ่มขึ้น.... ทั้งสองทีมต่างเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับการเป็นคู่ชิงชัยในเกมสุดยิ่งใหญ่นี้ ต่างเปิดเกมบุกแลกกัน แบบไม่มีใครยอมใคร ทำคะแนนเบียดกัน ชนิดที่คนดูนั่งกันไม่ติดเก้าอี้... จอห์น เอลเวย์ ตั้งใจเล่นเกมนี้อย่างที่สุดในชีวิตของเขา ชัยชนะเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการมัน ยอดจอมทัพขว้างบอลอย่างตั้งใจ , ขับเคลื่อนทีมบุกอย่างมุ่งมั่น ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีในตัวเองเพื่อทีม ในทุกเพลย์... ลงทุนสูงถึงขนาดที่ว่า.... เมื่อไม่มีใครว่าง ยอดตำนานของทีมบรองโกส์ผุ้นี้ ก็ถือบอลเองวิ่งเข้าชน สวนกับทีมรับของแพ็คเกอร์ส ชนิดลืมเจ็บ... เขาเล่นราวกับว่า เป็นหนุ่มน้อยวัยคะนอง.... ไม่ใช่เป็นยอดจอมทัพประสบการณ์สูง วัยเฉียด 40 ปีเลยทีเดียว... และจากผลของความทุ่มเทจนหมดชีวิต เขาจึงทำมันได้สำเร็จ......." การเป็นผู้ชนะ ในเกมซุปเปอร์โบลว์ " จอห์น เอลเวย์ นำทีมเดนเวอร์ บรองโกส์ ล้ม กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ทีมสุดแกร่งไปได้อย่างสนุกด้วยสกอร์ .... 31 - 24 การรอคอยที่แสนยาวนานของยอดตำนานจอมทัพผู้นี้สิ้นสุดลง ในวินาทีที่ แพ็ต โบว์เล่น เจ้าของทีมบรองโกส์ ส่งลอมบาร์ดี โทรฟี่ สัญลักษณ์ของผู้ชนะแห่งซุปเปอร์โบลว์ ให้สุดยอดตำนานของทีม พร้อมกับกล่าวคำว่า......."  This One's For John  " มันจึงเป็นช่วงเวลาที่สุดประทับใจอีกบทหนึ่ง ของซุปเปอร์โบลว์........... แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 06:38:34 จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 06:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันดับที่ 13  " Riggins's Run " ( ซุปเปอร์โบลว์ XVII โรสโบลว์ พาซาดีน่า  ปีค.ศ 1982 ) ซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 17 ที่โรสโบลว์ในพาซาดีน่า แคลิฟอร์เนีย ในปีค.ศ 1982 นี้ มันคือการรีแม๊ทซ์ของคู่ชิงซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 7 ระหว่างทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ แชมป์ของสาย NFC พบกับทีมไมอามี่ ดอลฟินส์ ยอดทีมแห่งสาย AFC ซึ่งในการพบกันหนก่อนเมื่อปีค.ศ 1972 นั้น เป็นทางฝ่ายของไมอามี่ ดอลฟินส์ ที่สามารถเอาชนะเรดสกินส์ไปได้ 14 - 7 พร้อมกับทำสถิติที่ยังไม่มีใครจะมาทำลายได้ นั่นก็คือการทำสถิติไร้พ่ายทั้ง 17 เกมตลอดทั้งฤดูกาล แต่ในปีค.ศ 1982 นี้ วอชิงตัน เรดสกินส์ คือสุดยอดทีมของ NFL มีสถิติชนะ 12 เกม และพ่ายแพ้ไปแค่เพียงเกมเดียวเท่านั้น... จุดเด่นของทีมเรดสกินส์ก็อยู่ที่ แนวเปิดทางที่สุดเยี่ยมยอด เจ้าของสมญานาม....."  THE HOGs  " ที่เป็นแนวป้องกันปกป้องยอดควอเตอร์แบ๊คของทีม โจ ไธซ์แมน และช่วยกรุยทางเปิดช่องทางวิ่ง ให้กับยอดรันนิ่งแบ๊คหุ่นรถถังนาม...จอห์น ริ๊คกิ้นส์ การเผชิญหน้ากันในเกมซุปเปอร์โบลว์ครั้งนี้ เกมในช่วงครึ่งเวลาแรกนั้น เป็นทางฝั่งของโลมามหาภัย ไมอามี่ ดอลฟินส์ ที่ควบคุมเกมได้เหนือกว่าวอชิงตัน เรดสกินส์ ทีมบุกของดอลฟินส์ที่นำทัพมาโดยควอเตอร์แบ๊คหนุ่มเดวิด วู๊ดลี่ย์ สร้างสรรเกมการบุกได้อย่างลื่นไหล ทำคะแนนออกนำวอชิงตันไปก่อน จากการขว้างลูกบอม์บสุดสวย... และทีมพิเศษของไมอามี่ ก็เล่นได้อย่างเยี่ยมยอด ยอดตัววิ่งย้อนฟูลตั้น วอล์คเกอร์ สามารถวิ่งย้อน 98 หลา เป็นทัชดาว์นให้ทีมโลมามหาภัย มีคะแนนนำหน้าเรดสกินส์ไปถึง 17 - 10 เมื่อจบครึ่งเวลาแรก.. เมื่อครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นมา ทีมบุกของเรดสกินส์ ก็เริ่มที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง The Hogs เริ่มทำงานถนัดได้มากขึ้น สร้างสรรค์ช่องทาง ให้ยอดตัววิ่งจอมลุยริ๊คกิ้นส์ ทำระยะทางภาคพื้นดินได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อบอลมาสู่มือเมื่อไร จอมลุยรายนี้ก็ตะลุยเข้าใส่ทีมรับดอลฟินส์แบบไม่มีเหนื่อย ค่อยๆทำสกอร์ไล่ตามมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ ดอลฟินส์ 17 , เรดสกินส์ 13 เมื่อเกมเดินทางมาถึงควอเตอร์สุดท้าย... และจุดเปลี่ยนของซุปเปอร์โบลว์หนนี้ ก็มาถึง... ทีมบุกของวอชิงตัน บุกต่อเนื่องมา 10 เพลย์แล้ว จนมาหยุดอยู่ที่บริเวณเส้น 43 หลาในแดนของไมอามี่ และต้องเสี่ยงเล่นในดาว์นที่ 4 ที่สุดสำคัญ... มันเป็นระยะทางที่ต้องการแค่..... "  1 หลา  " ที่ดูราวกับว่าจะอยู่สุดแสนไกลเป็นไมล์ เมื่อความตึงเครียดกำลังเกาะกุมจิตใจผู้เล่นของทั้งสองทีม.... โจ ไธซ์แมน ยอดจอมทัพเรดสกินส์เข้าประชุมฮัดเดิ้ล แล้วบอกแผน.."  I- Right 70 Chip  "  แก่สมาชิกแนวบุกของเขา มันคือเพลย์เซตด้วยสไตล์ "  I - Formation " ที่เป็นแผนเก่งของริ๊คกิ้นล์ แนวรับของดอลฟินส์ก็มั่นใจ ว่าบอลจะต้องไปอยู่ที่จอห์น ริ๊คกิ้นส์ อย่างแน่นอน จึงพากันขึ้นมาอัดกันจนแน่นอยู่ที่บริเวณแนววางลูก... บอลถูกสแน๊ปเข้าสู่มือของไธซ์แมน และส่งต่อไปยังริ๊คกิ้นส์ตามคาด ยอดรันนิ่งแบ๊ควิ่งตัดออกไปทางด้านซ้ายของแนวบุก.... ปีกในคลิ๊นซ์ ดิดิเยร์ บล็อกเปิดทางได้เยี่ยมตามแผนแล้ว แต่ฟูลแบ๊คโอติส ว๊อนท์ลี่ย์ ดันพุ่งไปไม่ถึงตัวบล็อกของเขา ทำให้จอห์น ริ๊คกิ้นส์ ต้องเผชิญหน้ากับดอน แม็คนีล คอนเนอร์แบ๊คไมอามี่แบบตัวต่อตัว แต่ด้วยรูปร่างที่ต่างกัน ราวฟ้ากับเหว ดอน แม็คนีล จึงทำได้เพียงเกาะกุมตัวของริ๊คกิ้นส์อยู่เพียงอึดใจ ก่อนที่จะโดนรันนิ่งแบ๊คจอมตะลุย สะบัดหลุด... หลังจากนั้นทางก็โล่งตลอด เพราะแนวตัวคุมปีกของดอลฟินส์ ทั้งทีมก็ต่างพากันขึ้นมากระจุกกันอยู่ที่แนววางลูกกันหมดสิ้น... ไอ้รถถังริ๊คกิ้นส์ จึงหลุดเดี่ยว ซัดยาว 43 หลาเข้าสู่เอนด์โซน ทำทัชดาว์นสุดสำคัญของเกม............. ให้เรดสกินส์พลิกกลับขึ้นมานำไมอามี่เป็นครั้งแรกของเกมนี้ 20 - 17 และมันจึงเป็นจุดเปลี่ยนที่พลิกผัน ให้วอชิงตันเรดสกินส์กลับมาได้รับชัยชนะในปั้นปลาย....27 - 17 คะแนน ยอดรันนิ่งแบ๊คจอห์น ริ๊คกิ้นส์ จบเกมนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ( MVP ) ด้วยผลงานวิ่งไป 38 ครั้งได้ระยะทางไปทั้งสิ้นถึง 166 หลา รวมทั้งทัชดาว์น 43 หลาสุดสำคัญที่กลายเป็นความทรงจำนี้ด้วย...... แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 06:41:45 จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 06:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อันดับที่ 12 " O'Brien kicked " ( ซุปเปอร์โบลว์ V ออรเรจ์นโบลว์ ไมอามี่  ปีค.ศ 1971 ) ศึกซุปเปอร์โบลว์ ครั้งที่ 5 ในปีค.ศ .1971 ระหว่างทีมบัลติมอร์ โคลท์ส และ ดัลลัส คาวบอยส์ นั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็น ซุปเปอร์โบลว์ที่สุดอัปลักษณ์........"  The Blunder Bowl  " เหตุเพราะว่า.. คู่ชิงชัยทั้งสองทีม ต่างพากันงัดการเล่นที่ผิดพลาดต่างๆนาๆ ที่ทีมอื่นไม่ควรจะจดจำเอามาทำเป็นเยี่ยงอย่างโดยเด็ดขาด ทั้งการเสียการทำโทษแบบโง่ๆ หลายสิบหน.... การทำผิดพลาดทั้งการเสียอินเทอร์เซปป์ และ ฟัมเบิ้ล แบบนันสต๊อปป์ ที่ทั้งสองทีมทำสถิติรวมกันมากมายถึง 11 หนตลอดทั้งเกม โดยเป็นของทางฝั่งบัลติมอร์ โคลท์ส มากถึง 7 หนเลยทีเดียว ซึ่งต่อมาเทปการแข่งขันซุปเปอร์โบลว์ในครั้งนี้ ได้ถูกนำมาใช้สอนผู้เล่นรุ่นหลัง ถึงตัวอย่างที่ไม่ควรจะกระทำตาม.... บัลติมอร์ โคลท์ส เคยเข้ามาเล่นในศึกซุปเปอร์โบลว์มาแล้ว 1 ครั้ง ในซุปเปอร์โบลว์ III แต่ต้องพ่ายแพ้แบบล็อกถล่มให้กับทีมนิวยอร์ค เจ๊ทส์ ด้วยคะแนน 7 - 16 ทั้งที่ก่อนแข่งบัลติมอร์ ได้รับการยกให้เป็นต่อทีมเจ๊ทส์อยู่ถึง 19 แต้ม และในซุปเปอร์โบลว์ครั้งนี้ บัลติมอร์ โคลท์ส ก็มีแววว่าจะแห้วอีกหน..... เมื่อทีมเล่นได้แบบน่าเกลียด ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า.... จนทำให้ดัลลัส คาวบอยส์ เอาความผิดพลาดของโคลท์ส มาแปรเปลี่ยนสร้างเป็นคะแนนให้ทีมตนเองออกนำไปก่อน 6 แต้ม และบัลติมอร์มาได้ทัชดาว์นสุดฟลุ๊ก จากการขว้างบอลไกลของยูไนตัส ที่ไปโดนตัวคุมปีกของดัลลัส ปัดบอลไปเข้ามือของจอห์นนี่ แม๊คกี แบบส้มหล่น และปีกในร่างใหญ่ของโคลท์สก็วิ่งทำทัชดาว์นระยะ 75 หลาได้อย่างงวยงง.. แต่ทีมบัลติมอร์ก็ต้องจ่ายค่าทดแทนที่แสนแพง ด้วยอาการบาดเจ็บของยอดตำนานควอเตอร์แบ๊คจอห์นนี่ ยูไนตัส ที่โดนอัดหนัก จนซี่โครงร้าวต้องออกจากเกมนี้ไปทันที... เกมดำเนินต่อไป ในรูปแบบที่คาวบอยส์ดูดีกว่า... เมื่อเวลาเข้ามาสู่ควอเตอร์สุดท้ายนั้น ดัลลัส คาวบอยส์ มีคะแนนนำอยู่ 13 - 6 แต่เมื่อเคร๊ก มอร์ตัน จอมทัพดัลลัสมาทำผิดพลาด เสียอินเทอร์เซปป์ที่เส้น 23 หน้าบ้านของตัวเอง บัลติมอร์ โคลท์ส จึงได้ทัชดาว์นสุดสำคัญ ไล่ตามตีเสมอมาเป็น 13 เท่ากันเมื่อเหลือเวลาอยู่อีกเพียง 7 นาที ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างคู่คี่ ไม่มีใครยอมใคร ทีมรับทั้งสองฝั่งทำงานกันอย่างหนัก พยายามหยุดยั้งไม่ให้เสียคะแนนในช่วงสุดสำคัญนี้ ยิ่งเวลาเดินไป ความเครียดก็เพื่มพูนมากยิ่งขึ้น และแล้วก็เป็นทางด้านของคาวบอยส์ ที่ดวงแตก... เคร๊ก มอร์ตัน ถูกแนวรับของบัลติมอร์วิ่งไล่กดดัน จนทำให้ขว้างบอลพลาดเป้าหมาย.... ลูกสูงโด่งเกินไปกว่าที่ แดน รีฟ ปีกของทีมจะรับได้ถึง แต่น้าหนักของมันดันไปพอดี กับมือของแนวรับบัลติมอร์.... กลายเป็นอินเทอร์เซปป์ที่เส้น 28 หลาหน้าปากประตูบ้านของดัลลัส เมื่อเหลือเวลาของเกมอยู่อีกเพียง 1 นาทีเท่านั้น... ถึงแม้ว่าตลอดทั้งเกมจะพลาดมาเป็น 10 หน แต่ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ ทีมบุกของโคลท์ส ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีกแน่นอน การตั้งระยะวางตำแหน่งให้กับตัวเตะ ทำได้อย่างสมบรูณ์แบบ ที่บริเวณเส้น 25 พร้อมกับการขอเวลานอกครั้งสุดท้าย เมื่อเหลือเวลาของเกมอยู่อีกเพียง 5 วินาที.... ช่วงเวลาสุดสำคัญของฤดูกาลนี้ อยู่ที่การเล่นในครั้งนี้.. ผู้เล่นทั้งสองทีมต่างสวดภาวนาขอพรจากพระเจ้า ในสิ่งที่ตรงข้ามกัน.... ผู้เล่นในแนววางลูกเข้าเซตเพลย์... เออร์ มอร์เรลล์ ควอเตอร์แบ๊คสำรองเตรียมพร้อมที่จะตั้งลูก.. ตัวเตะเปลี่ยนรุ๊คกี้ จิม โอไบรอัน เข้ายืนประจำตำแหน่ง.... เขาพยายามทำตัวให้ผ่อนคลาย ถึงขนาดที่ไม่ยอมติดสายรัดคางให้เข้าที่ ผู้ชมทั้งสนามและทั่วสหรัฐอเมริกาที่อยู่หน้าจอทีวี ต่างเฝ้าจับตามองเพลย์นี้ด้วยใจที่สุดระทึก บอลถูกสแน๊ปขึ้นมา... มันตรงเข้าสู่มือของมอร์เรลล์พร้อมกับที่เขาจับมันวางตั้งได้อย่างสมบรูณ์แบบ จิม โอไบรอัน วิ่งเข้ามาซัดมันเต็มแรง..และเหมาะเหม็ง มันลอยโด่งพ้นมือขอเหล่าผู้เล่นของคาวบอยส์ที่หวังจะบล็อกมันเอาไว้ มันลอยตรงไปยังประตู....และมันยังคงมีแรงไปต่ออยู่... มันตรงพอที่จะผ่านไประหว่างกลางของเสานั่น...... จากนั้นมันก็กลายมาเป็นความทรงจำ อีกบทหนึ่งในตำนานของซุปเปอร์โบลว์.. แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 06:43:19 จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 06:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อันดับที่ 11 " In The Line of Stallworth " ( ซุปเปอร์โบลว์ XIV โรสโบลว์ พาซาดีน่า ปีค.ศ 1979 ) พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส  แชมเปี้ยนซุปเปอร์โบลว์ 3 สมัย และยังเป็นสุดยอดทีมแห่งยุค 70 กำลังพบกับความยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน... ทีมสตีลเลอร์ส ต้องตกเป็นรอง มีคะแนนไล่ตามหลัง " แกะเขาเหล็ก " ลอสแองเจิลลีส แรมส์ ผู้หาญกล้ามาต่อกรในเกมซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 14 อยู่ 10 ต่อ 13 เมื่อครึ่งเวลาแรกจบลง.... แชมป์เก่าสตีลเลอร์ส ที่ถูกวางให้เป็นต่อทีมแรมส์ คู่แข่งขันจากสาย NFC อยู่ถึง 12 แต้มครึ่ง เริ่มต้นเล่นในศึกซุปเปอร์โบลว์ได้อย่างสุดฝืด ทีมบุกที่มียอดควอเตอร์แบ๊คเทอร์รี่ แบร๊ดชอร์ , รันนิ่งแบ๊คแฟรงโก แฮร์ริส และคู่ปีกดูโอ....ลินซ์ สวอนน์ & จอห์น สตอร์เวิร์ท โดนทีมดาวรุ่งจากสาย NFC ลอสแองเจิลลีส แรมส์ ที่นำมาโดยจอมทัพรูปงามนามวินซ์ เฟอร์รากาโม่ รันนิ่งแบ๊คสุดคล่องเวนเดลล์ ไทเลอร์ และคู่พี่น้องจอมโหด แจ๊ค & จิม ยังบลัดส์ กลบรัศมีแชมป์ 3 สมัยซะสนิท.. การที่ทีมแรมส์ได้เล่นในสนามโรสโบลว์ พาซาดิน่านั้น เปรียบเสมือนกับว่า มันเป็นบ้านหลังที่สองของทีมแกะเขาเหล็กนี้เลย ทำให้ได้รับแรงใจแรงเชียร์ จากแฟนๆในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่แห่แหนกันเข้ามาเชียร์จนแน่นสนาม ทำสถิติเป็นซุปเปอร์โบลว์ที่มีผู้ชมในสนามสูงที่สุดถึง 103,985 คนเลยทีเดียว แรงใจนี้เองที่ทำให้แกะเขาเหล็กเล่นด้วยความคึกสุดขีด เปิดเกมแลกแต้มกับสตีลเลอร์ส ยอดทีมแห่งยุคได้อย่างสุดมัน ถึงขนาดที่ว่า ก่อนที่เกมจะเดินทางเข้ามาสู่ในควอเตอร์สุดท้าย นั้น คะแนนบนสกอร์บอร์ดก็ยังคงโชว์ว่า...... "   LA . Rams 19 , Pittsburgh Steelers 17  " แต่จุดเปลี่ยนของซุปเปอร์โบลว์หนนี้กำลังจะมาถึงแล้ว.. เริ่มต้นควอเตอร์ที่ 4 ... ทีมรับม่านเหล็กของสตีลแลอร์ส หยุดยั้งทีมบุกของแรมส์ ให้ต้องเล่น 3 ครั้งออก และเตะกินแดนทิ้งมาให้กับทางฝ่ายสตีลเลอร์สเป็นฝ่ายบุกบ้าง ที่บริเวณเส้น 25 หลาในแดนของตนเอง 2 เพลย์แรกนั้น ทั้งการวิ่งที่ได้ระยะน้อยนิดของแฮร์ริส และอินคอมพลีส ของแบร๊ดชอร์ ทำให้สตีลเลอร์สกำลังจะเข้าสู่ทางตัน... ดาว์นที่ 3 ยังต้องการระยะอีกถึง 8 หลา ทีมรับของแรมส์ ก็คาดว่าทางทีมบุกของสตีลเลอร์ส จะต้องฝากความหวังไว้กับการขว้างบอลอย่างแน่นนอน จีงได้อัดตัวของหน่วยงานคุมปีกลงมาในเพลย์นี้ถึง 5 คน.. เพลย์สุดสำคัญเริ่มต้นขึ้นเมื่อบอลถูกสแน๊ปเข้าสู่มือของแบร๊ดชอร์ ยอดควอเตอร์แบ๊คถอยหลังลึกไปเตรียมปักหลักที่จะขว้าง พร้อมกับที่ปีกทั้ง 3 ของสตีลเลอร์ส ต่างวิ่งกันไปตามเร๊าท์สของตนเอง สวอนน์ อยู่ทางริมซ้ายของสนาม วิ่งไปได้ 15 หลาก็หันหลังกลับ.... เบนนี่ คันนิ่งแฮม ปีกในก็วิ่งไปไม่ไกลมากนัก... มีแต่เพียง จอห์น สตอร์เวิร์ท ที่ประจำการอยู่ทางด้านปีกขวา ที่วิ่งเร๊าท์สทะลุขึ้นมาที่กลางสนามตรงๆ โดยที่มีร็อด เพอร์รี่ คอนเนอร์แบ๊คของแรมส์วิ่งประกบมาด้วย แต่ข้อผิดพลาดในแนวรับของแอล เอ ก็เกิดขึ้น... เมื่อฟรีเซฟตี้ เอ๊ดดี้ บราวน์ ที่ความจริงจะต้องมาช่วยเพอร์รี่ประกบดับเบิ้ลทีม ดันยืนขาตาย ปล่อยให้สตอร์เวิร์ทวิ่งตะลุยผ่านตำแหน่งของเขาไปเฉยๆ จอมทัพมากประสบการณ์อย่างแบร๊ดชอร์ มองเห็นอยู่โดยตลอด เมื่อเห็นว่ายอดปีกคู่ใจของตน โดนประกบแบบหละหลวมเช่นนั้น แขนของแบร๊ดชอร์ไวเท่าความคิด ปล่อยบอลออกไปให้ทันที... ตัวประกบ ร๊อด เพอร์รี่ ทำได้ดีที่สุดก็คือกระโดดสุดตัวหวังที่จะปัดลูกนี้ แต่ด้วยความแม่นยำขั้นเทพของแบร๊ดชอร์ ทำให้น้ำหนักของมัน พอดิบพอดีกับตำแหน่งของสตอร์เวิร์ด ซึ่งเมื่อรับบอลได้ที่เส้น 35 ในแดนแอล เอ ยอดปีกก็ไม่มีรั้งรอ วิ่งเต็มสตีมเข้าสู่เอนด์โซนอย่างสวยงาม ให้พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส แชมป์เก่าได้โมเมนตั้มครั้งสำคัญ พลิกกลับมาทำคะแนนออกนำลอสแองเจิลลีส แรมส์ เป็นครั้งแรกของเกมนี้......24 - 19 และเพลย์นี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้พิตล์เบิร์ก สตีลเลอร์ส คว้าชัยชนะในบั้นปลาย สร้างสถิติครองแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ 4 สมัย ปิดไดนาสตี้ สุดยอดทีมแห่งยุค 70 ได้อย่างเหนือชั้นและสุดยิ่งใหญ่....... แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 07:20:57 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 06:44:45 จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 06:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าลืมทาย Super Moments อันดับที่ 1 กันด้วยนะขอรับท่าน สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ทาย หมดเขตก่อนกระทู้ Super Moments สุดท้ายนะครับ ขอบคุณครับผม.........^_^                                                                                                          > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 06:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากครับคุณ Romancini ยังติดตามอย่างใจจดใจจ่ออยู่นะครับ สำหรับอันดับหนึ่ง ชอบเพลย์ของปู่ John 'The Diesel' Riggins จัง เคยหามาดู ยังจำได้ติดตาเลยครับ ^^ จากคุณ : Ghost to the Post - [ 23 ม.ค. 52 20:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 "This One's For John"โดดเรียนดูถ่ายทอดสดช่อง 3 แทบร้องไห้ ในที่สุดลุงจอห์นก็ได้แหวนสักที ตอนนั้นรู้สึกว่าฟ้าส่ง เทอร์เรล เดวิสลงมาพาเอลเวย์เป็นแชมป์จริงๆ แต่ปี 98 ที่ได้แชมป์อีกครั้งเอลเวย์คว้า mvp เลยใช่ไหมฮะ จากคุณ : salty - [ 23 ม.ค. 52 21:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถูกต้องแล้วครับผม..คุณsalty ใน SuperBowl XXXIII จอห์น เอลเวย์ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นการทิ้งทวน จนได้รับเลือกให้เป็น MVP ครับผม..!!!                                                                                                       > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini - [ 23 ม.ค. 52 21:54:01 ]