ความคิดเห็นที่ 1 อันดับที่ 10 " The Greatest Show on Turf Final Act " (ซุปเปอร์โบลว์ XXXVI ซุปเปอร์โดม นิวออร์ลีนส์ ปี 2001) หลังจากที่รู้ผลของคู่ชิงซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 36 แล้วนั้น บริษัทรับแทงพนันที่เป็นผู้กำหนดอัตราต่อรองได้ออกราคา สำหรับคู่ชิงชนะเลิศซุปเปอร์โบลว์ออกมาที่ให้ ทีมเซนต์หลุยส์ แรมส์ เป็นต่อทีมนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ คู่ชิงชัยอยู่ถึง.......14 แต้ม !!! ซึ่งเป็นอัตราต่อรองที่มากที่สุดในซุปเปอร์โบลว์เป็นอันดับที่ 2 รองจากเมื่อครั้งที่ทีมบัลติมอร์ โคลท์สเป็นต่อ นิวยอร์ค เจ๊ทส์ ถึง 19 แต้ม ในซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 3 ... ทีมเซนต์หลุยส์ แรมส์ ในฤดูกาล 2000 - 2001 นั้น ได้รับการยอมรับว่าเป็น..... สุดยอดทีมบุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NFL จนได้รับฉายานามว่า...." The Greatest Show on Turf  " ทีมบุกมหาประลัยทีมนี้ทำระยะในฤดูกาลปกติไปได้มากมายถึง 6930 หลา และทำยังคะแนนไปแบบถล่มทลายเป็นสถิติลีคถึง 503 คะแนน โดยเป็นการทำคะแนนเกิน 500 คะแนนได้ถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยการนำของสุดยอดจอมทัพ เคิร์ต วอร์นเนอร์ ที่ได้รับตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าของลีค ( MVP ) ในฤดูกาลนี้ไปครอบครอง ด้วยผลงานการขว้างทำระยะไปได้ถึง 4830 หลา 36 ทัชดาว์น และเสียอินเทอร์เซปป์ไป 22 ครั้ง โดยมีเรตติ้งสูงถึง 101.4 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เสิมด้วย 2 ยอดปีกสุดอันตรายอย่าง ไอแซค บรู๊ซ และทอร์รี่ โฮลท์ส โดยทั้งคู่ระเบิดฟอร์มทำผลงานร่วมกันไปได้อย่างน่าทึ่ง รับบอล 142 ครั้งเป็นระยะทาง 2469 หลา กับอีก 13 ทัชดาว์น และยังมีสุดยอดรันนิ่งแบ๊คนามมาร์แชล ฟ๊อร์ค ผู้มีดีกรีเป็น ผู้เล่นทีมบุกยอดเยี่ยมแห่งปีของลีค3 ปีซ้อน เป็นเครื่องการันตีคุณภาพ.... โดยเขาวิ่งไปได้ 1382 หลา , รับบอลไปได้อีก83 หน เป็นระยะทางถึง 765 หลา ทำทัชดาว์นทั้งวิ่งทั้งรับลูกไปได้ทั้งสิ้น 21 หนเลยทีเดียว !!! ทีมบุกที่น่าตื่นตาตื่นใจทีมนี้ ยังมีดีกรีเป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์มาแล้ว 1 สมัย ในซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 34 เมื่อปีค.ศ. 1999 แล้วแบบนี้ คู่ท้าชิงจากสาย AFC นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่ผ่านเข้ามาเล่นในเกมซุปเปอร์โบลว์ 36นี้   ได้แบบพลิกล๊อคชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก จะหาหนทางใด ที่จะมาหยุดยั้งการบุกจากทีมบุกมหากาฬของลีคทีมนี้ได้.... แต่เมื่อเกมการแข่งขันของจริงมาถึง... ทุกสิ่งทุกอย่างที่โดนคาดการณ์บนหน้ากระดาษ ก็ต้องพลิกผันไปจนหมดสิ้น... เพราะดันเป็นทางฝ่ายของทีมรองแบบนิวอิงแลนด์ ที่กลับเป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้หมด และทำคะแนนหนีห่างออกไปเรื่อยๆ แต่เพียงข้างเดียว.. ตั้งแต่ต้นของการแข่งขัน จาก 1 ทัชดาว์น ก็เพิ่ม เป็น 2 เมื่อหมดครึ่งเวลาแรก และเมื่อมาเล่นกันใหม่ ก็เป็นทางทีมนักรบกู้ชาติ ที่มาได้คะแนนเพิ่มไปอีก 3 แต้มจากการเตะฟิลด์โกลสุดงาม ทำให้เมื่อเริ่มต้นการแข่งขันในควอเตอร์สุดท้ายนั้น สกอร์บอร์ดของสนามหลุยส์เซียน่า ซุปเปอร์โดม โชว์คะแนนที่สุดเหลือเชื่อ...... NewEngland Patriots 17 , ST. Louis Rams 3 ..!!! แต่เมื่อควอเตอร์ที่ 4 เริ่มต้นขึ้นมา ผู้ชมในสนามและทั่วทั้งโลกที่เฝ้ารอดูอยู่หน้าจอทีวี ก็ได้เห็นการบุกที่สุดทรงพลัง จากสุดยอดทีมบุกที่ได้รับการขนานนามว่า.." เก่งที่สุด ในประวัติศาสตร์ลีค " กันแบบประจักษ์แก่สายตา กันเสียที.... The Greatest Show on Turf  โดยการนำของจอมทัพวอร์เนอร์ เมื่อกับพึ่งจะตื่นจากการหลับลึก ระเบิดพลังที่โดนกักเก็บเอาไว้ออกมาอย่างน่ากลัว.. ทั้งการขว้างบอลที่เฉียบคมและทรงพลังจากวอร์เนอร์ การรับบอลที่น่าดูชมจากคู่ปีกมหากาฬ บรู๊ซ & โฮ๊ลท์ และการวิ่ง & รับบอล ที่สุดตื่นตาจากมาแชล์ โฟล๊ค์ ที่กลับมาบุกได้อย่างลื่นไหล กินระยะคืบคลานมาอย่างยอดเยี่ยม ประกอบกับทีมรับของแรมส์ก็หยุดยั้งการบุกของนิวอิงแลนด์เสียสนิท เล่น 3 หนออก , 3 หนออก  ....... แรมส์เครื่องติดทำทัชดาว์นแรกของเกมนี้ไล่มาจากทัชดาว์นของวอร์เนอร์ เป็น 10 - 17 ....เมื่อเหลือเวลาของเกมอยู่อีก 9 นาที... และก็เป็นการบุกแบบวันเวย์ ของทีมแรมส์อยู่อย่างต่อเนื่อง.. จนเหลือเวลาอยู่อีกเพียง 1.54 นาทีเท่านั้น ทีมบุกมหาประลัยของเซนต์หลุยส์ แรมส์ ได้ลงมาเริ่มต้นบุกเป็นครั้งสุดท้าย ที่เส้น 45 หลาในแดนของตัวเอง เคิรต์ วอร์เนอร์ เริ่มเซตเพลย์แรกด้วย ช๊อตกัน... และขว้างอย่างเฉียบคมไปให้กับปีกนอกมือ 3 อัสซาเฮีย ฮาคีม ได้ระยะไปได้ถึง 18 หลา มาอยู่ที่เส้น 36 ของนิวอิงแลนด์... เพลย์ต่อมายอดจอมทัพยังคงขว้างบอลอย่างแม่นยำ ไปเข้ามือของปีกสำรองมือ 4 โย เมอร์ฟี่ กินระยะไปได้อีก 11 หลา มาตั้งป้อมอยู่ที่เส้น 26 หน้าบ้านของแพทริออตส์  แล้ว เมื่อเวลาของเกมเดินทางมาหยุดอยู่ที่ 1 .42 ..... ดาว์นที่ 1 ทีมรับของนิงอิงแลนด์ แพทริออตส์   ลงมาป้องกันโดยอัดตัวคุมปีกลงมาคุมลึกทั้งแผง บอลสแน๊บเข้าสู่มือของวอร์นเนอร์ ยอดจอมทัพควานหาปีกที่วิ่งไปตามเร๊าท์เพื่อหาตำแหน่งว่าง แต่ทั้ง ไอแซ็ค บรู๊ซ , ทอร์รี่ โฮ๊ล์ท , ฮาคีม , เออร์นี่ คอนเวลล์ รวมไปถึงยอดตัววิ่งมาร์แชลล์ ฟ๊อลค์ ก็โดนคุมติด เหลือเพียงริ๊กกี้ โพลท์ อีกเพียงคนเดียวที่พอจะมีที่ว่างทางริมซ้ายของสนาม ไวเท่าความคิด...ยอดควอเตอร์แบ๊ค MVP ปล่อยบอลไปให้กับโพลท์ ทันที... เมื่อยอดปีกความเร็วสูงได้บอลอยู่ในมือ เขาก็ติดสปีด...วิ่งหลบหลีกตัวคุมปีกที่ประกบอยู่ และมุ่งหน้าเข้าสู่เอนด์โซน โดยที่มีเหล่าแนวรับของนิวอิงแลนด์กรูกันเข้ามา หวังที่จะหยุดยั้ง แต่ ริ๊กกี้ โพลท์ ก็ไวพอที่จะพุ่งตัว เข้าไปยังเขตเอนด์โซนได้ทัน เป็นทัชดาว์นสุดสำคัญ ให้เซนต์หลุยส์ แรมส์ ไล่จาก 3 แต้ม มาทำคะแนนตีเสมอนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์   เป็น 17 เท่ากันได้สำเร็จ เมื่อเหลือเวลาการแข่งขันอยู่อีกเพียง 1 .37 นาทีเท่านั้น ถึงแม้ว่าส่วนที่เหลือช่วงสุดท้ายของเกมนี้จะเป็นเช่นไร แต่การทำคะแนนไล่ล่าอย่างยอดเยี่ยมแข่งกับเวลาที่น้อยนิด ของสุดยอดทีมบุกที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอล ที่เซนต์หลุยส์ แรมส์ แห่งปี 2001 ได้แสดงออกมานั้น..... มันก็กลายมาเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจบทหนึ่ง ในความทรงจำ ของศึกซุปเปอร์โบลว์............ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 08:13:18 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 06:33:17 จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 06:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับที่ 9 " The Sugar Foot Devin "  (ซุปเปอร์โบลว์ XLI ดอลฟินส์สเตเดี้ยม ไมอามี่  ปี 2007) ซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 41 เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทีมอินเดียนาโพลิส โคลท์ส แชมป์จากสาย AFC ที่มีการบุกสุดระเบิด พบกับแชมเปี้ยนจาก NFC ชิคาโก แบร์ส ทีมที่มีเกมรับที่สุดเหนียวแน่น และมันยังเป็นการแข่งขันซุปเปอร์โบลว์หนแรก ในประวัติศาสตร์ ที่ต้องเล่นกันท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก.... แต่สายฝนก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้ง ความตื่นเต้นที่สุดระทึกจากเพลย์การเล่นที่ยอดเยี่ยม จนใครก็ไม่สามารถจะคาดเดาได้ ที่มีอยู่ตลอดมา ในประวัติศาสตร์ของซุปเปอร์โบลว์ ผิดกันแต่ว่า ในครั้งซุปเปอร์โบลว์หนนี้ มันมาเร็วมากกกกกกก............ หลังจากการร้องเพลงชาติสหรัฐฯที่สุดไพเราะ จากนักร้องชื่อดัง บิลลี่ โจเอลเสร็จสิ้น การเสี่ยงเหรียญก็ตามมา.. และก็เป็นทางฝั่งของชิคาโก แบร์ส ที่เสี่ยงเหรียญชนะ และเลือกที่จะเป็นฝ่ายที่จะเริ่มต้นบุกก่อน.... อดัมส์ ไวนาเทียรี่ เตะเปิดเกมได้ไม่ดี บอลไปตกลงสู่มือของเดวิน เฮสเตอร์ ที่เส้น 8 เมื่อไอ้เท้าหวานรับบอลได้ที่บริเวณริมซ้ายของสนามแล้ว เมื่อมองตรงไปก็เห็นเหล่าผู้เล่นทีมพิเศษของโคลท์ส พุ่งตรงเข้ามาอย่างมากมาย เดวิน เฮสเตอร์ จึงวิ่งตัดเข้ามาที่ตรงกลางสนามเพื่อหาช่องทางไปต่อ และเขาก็วิ่งหักหลบการเข้ามาแท้กเกิ้ล ไปได้โดยตลอด จนมาเจอเข้ากับอดัมส์ ไวนาเทียรี่ ยอดตัวเตะที่ยืนอยู่เป็นด่านสุดท้าย แต่จากความเร็วที่ต่างกันมาก ทำให้ไวนาเทียรี่คว้าได้เพียงแต่เงาของเฮสเตอร์ ปล่อยให้ไอ้เท้าหวานวิ่งตัดลัดเลาะเรียบริมสนามด้านขวา เข้าสู่เอนด์โซนเป็นทัชดาว์น ให้ชิคาโก แบร์ส ได้คะแนนแรกของซุปเปอร์โบลว์ XLI ไปตั้งแต่เพลย์แรกของเกมเลยทีเดียว........ การวิ่งย้อนคิ๊กออฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ต้นเกมของ " ไอ้เท้าหวาน "  เดวิน เฮสเตอร์ นี้ จึงกลายมาเป็นช๊อตแห่งความทรงจำของซุปเปอร์โบลว์ XLI ไป........... แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 06:34:14 จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 06:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันดับที่ 8 " Young & Rice " ( ซุปเปอร์โบลว์ XXIX โจ ร็อบบี้ สเตเดี้ยม ไมอามี่  ปี 1994 ) หลังจากหมดสิ้นยุคของยอดโค๊ชบิล ว๊อลซ์ และยอดจอมทัพของทีม โจ มอนทาน่า แชมเปี้ยนซุปเปอร์โบลว์  4 สมัย ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส ก็ต้องนั่งมองดูความสำเร็จ ของคู่แค้นร่วมสาย อย่างทีมดัลลัส คาวบอยส์ ที่กลับมาเทกโอเวอร์ การเป็นสุดยอดทีมของสาย NFC ไปจากทีมคนตื่นทอง ตั้งหน้าตั้งตาสร้างสถิติสปีดหนีความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ ห่างออกไปเรื่อยๆ แต่ในฤดูกาล 1994 - 95 นั้น ทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส ที่มีนายใหญ่ในทีมคนใหม่นาม จอร์จ ซีเฟิร์ต และยอดควอเตอร์แบ๊คจอมทัพอีซ้ายไรเฟิล สตีฟ ยังค์ ที่ก้าวเข้ามาสืบสานตำแหน่งจากตำนานของทีมโจ มอนทาน่า ได้อย่างสมบรูณ์แบบและลงตัว ยังค์ ทำงานสอดประสานกับสุดยอดปีกอันดับ 1 ของลีค อย่าง เจอร์รี่ ไรท์ ได้ไม่แตกต่างไปจากสมัยที่ " โกลเด้น โจ " มอนทาน่ายังเล่นอยู่เลย และในทีมบุกของโฟร์ตี้นายเนอร์ ยังได้รันนิ่งแบ๊คฝีเท้าจัด ที่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอย่าง ริ๊คกี้ วัตเตอร์ เข้ามาเป็นตัวช่วย ให้ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส กลับมาไล่ล่าหาแชมป์สมัยที่ 5 ทวงความเป็นสุดยอดทีมหมายเลข 1 ของลีคกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง.... ในซุปเปอร์โบลว์ครั้งที่ 29 นี้ คู่ต่อกรที่ทีมโฟร์ตี้นายเนอร์ส จะต้องลงเผชิญหน้าก็คือ ทีม " สายฟ้ามหากาฬ "  ซานดิเอโก ชาร์จเจอร์ส ที่เปรียบสเมือนกับเป็น " ซินเดอเรล่า ทีม " ของสาย AFC ที่พลิกล็อคเอาชนะสองทีมแกร่งของสาย AFC มาได้ ทั้ง ไมอามี่ ดอลฟินส์ และ พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส คว้าสิทธิ์เป็นต้วแทนของสาย AFC เข้ามาเล่นในซุปเปอร์โบลว์ เพื่อหยุดฝัน แชมป์สมัยที่ 5 ของทีมคนตื่นทองให้ได้.... แต่เมื่อเกมการเล่นเริ่มต้นขึ้นมา เพียงในการครองบอลบุกไดร์ฟแรกเท่านั้น ยอดจอมทัพ " ซ้ายฟ้าผ่า " สตีฟ ยังค์ ก็ใช้การเล่นเพียง 3 เพลย์เท่านั้น ในการเสกคะแนนขึ้นนำให้กับทีมโฟร์ตี้นายเนอร์ส เมื่อยังค์ อาศัยจังหวะที่ตัวคุมปีกและเซฟตี้ของซานดิเอโก คุมยอดปีกเจอร์รี่ ไรท์ แบบเลินเล่อ ยอดจอมทัพจึงอัดบอลแหวกอากาศ ผ่านดับเบิ้ลทีม " ห่วยๆ " ไปเข้าสู่มือของปีกคู่ใจอย่างสวยงาม ก่อนที่เจอร์รี่ ไรท์ จะสปีดหนีเข้าเอนด์โซน เป็นทัชดาว์น  44 หลาเปิดหัวของซุปเปอร์โบลว์ XXIX อย่างรวดเร็ว !!! หลังจากทำทัชดาว์นแรกเป็นการข่มขวัญทีมชาร์จเจอร์ส สตีฟ ยังค์ ก็ยังคงเล่นได้อย่างสุดยอดเยี่ยม ในทุกครั้งที่บอลเข้ามาสู่มือของเขา ผลลัพท์กลับมามันแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นสกอร์แทบจะทุกหน... เริ่มจากลูกบอม์บ 51 หลาไปให้กับรันนิ่งแบ๊คริ๊คกี้ วัตเตอร์ ขว้างอย่างเฉียบคมระยะ 5 หลาไปให้กับฟูลแบ๊ค วิลเลี่ยม ฟรอยด์ ขว้างสวิง 8 หลาไปให้กับริ๊คกี้ วัตเตอร์ อีกหน ทำให้เมื่อเข้าไปพักเมื่อหมดครึ่งเวลาแรกนั้น ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส มีคะแนนนำซานดิเอโก ชาร์จเจอร์ส ไปก่อนอย่างถล่มทลายถึง 28 - 10 โดยสตีฟ ยังค์ สามารถขว้างทัชดาว์นไปได้ถึง 4 ลูกเลยทีเดียว !!! เมื่อกลับลงมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลัง ความร้อนแรงของทีมโฟร์ตี้นายเนอร์ส ก็ยังไม่ลดลงมาเลย ยอดรันนิ่งแบ๊ค รี๊คกี้ วัตเตอร์ ยังวิ่งคัตแบ๊ค ฉลุยเข้าสู่เอนด์โซนให้ทีมคนตื่นทองขยับแต้มหนีออกไปอีกเป็น 35 -10 และก่อนที่จะจบควอเตอร์ที่ 3 นั้น ทัชดาว์นที่ 5 ของสตีฟ ยังค์ก็ตามมาอีก และก็เป็นเจอร์รี่ ไรท์ ที่เป็นตัวช่วย โผล่ขึ้นมารับทัชดาว์นสั้นๆ 15 หลาทางซ้ายของสนาม ให้โฟร์ตี้นายเนอร์ส แทบจะการันตีลอมบาร์ดีโทรฟี่เอาไว้ในมือแล้ว ทั้งๆที่ยังเหลือเวลาของเกมนี้อยู่อีกถึง......"  1 ควอเตอร์เต็มๆ " และในควอเตอร์ที่ 4 นั้น ทัชดาว์นที่ 6 ของ "  จอมทัพซ้ายฟ้าสั่ง " สตีฟ ยังค์ ก็มาอีกลูก และมันก็พุ่งตรงไปเข้าสู่มือของยอดปีกคู่ใจ เจอร์รี่ ไรท์ เป็นหนที่ 3 ของเกมในวันนี้ ให้ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้นายเนอร์ส ปิดซุปเปอร์โบลว์ XXIX ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเอาทีมซานดิเอโก ชาร์จเจอร์ส มาเป็นเครื่องสังเวย ด้วยคะแนนที่ถล่มทลายถึง...49 - 26 !!! การประสานงานของ 2 จอมทัพต่างตำแหน่งของทีมโฟร์ตี้นายเนอร์ส ยังค์ & ไรท์  ที่ช่วยกันสร้างสรรค์สุดยอดผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยนำแชมป์สมัยที่ 5 มาให้กับทีมนั้น จึงกลายมาเป็นสุดยอดของความทรงจำ อีกบทหนึ่งในตำนานของซุปเปอร์โบลว์......................... แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 08:24:48 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 06:36:35 จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 06:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อันดับที่ 7 " The Miracle Quarter " ( ซุปเปอร์โบลว์ XXII แจ๊คเมอร์ฟี่ สเตเดี้ยม ซานดิเอโก  ปี 1987 ) หลังจากเจอเพลย์แรกสุดช๊อค ด้วยลูกบอม์บ 56 หลาเป็นทัชดาว์นสายฟ้าแลบของจอห์น เอลเวย์ แล้วนั้น วอชิงตัน เรดสกินส์ ก็ตกอยู่ในมนต์สะกดสีส้มตลอดควอเตอร์ที่ 1 ทีมเล่นผิดพลาดแทบจะทุกเพลย์การเล่น ดั๊กส์ วิลเลี่ยม ลื่นล้มเองจนเข่าซ้ายพลิก ต้องให้เจย์ ชเรเดอร์ส ควอเตอร์แบ๊คมือ 2 ลงมาเล่นแทน แต่ก็ต้องโดนแซ็คเสียระยะไปอีกมโหราฬ ทำให้เมื่อจบควอเตอร์ที่ 1 นั้น สกอร์บอร์ดโชว์คะแนนอยู่ที่.... "  Redskins  0 , Broncos  10 " แต่เมื่อเวลาของเกมเดินผ่านข้ามเข้ามายังควอเตอร์ที่ 2 ทีมที่ช๊อคจนตกเก้าอี้ ก็กลับกลายมาเป็นของทางฝั่งบรองโกส์บ้างละทีนี้... ทีมบุกวอชิงตัน เรดสกินส์ ที่มีจอมทัพผิวสี ดั๊กส์ วิลเลี่ยม ควอเตอร์แบ๊คพเนจรควบคุมทีมนั้น เริ่มต้นเพลย์แรกในควอเตอร์ที่ 2 ที่เส้น 20 .... ดั๊กส์ วิลเลี่ยมดร๊อปแบ๊คลงไปเตรียมจะขว้างลูก พร้อมกับที่เหลือบไปเห็นว่า ริ๊คกี้ แซนเดอร์ ปีกคู่ใจ สปีดหนีตัวคุมปีกบรองโกส์ที่ประกบเดี่ยวไปได้แล้วทางริมขวา เร็วเท่าความคิด วิลเลี่ยมบรรจงปล่อยบอล ไปให้แซนเดอร์อย่างเหมาะเหม็ง ก่อนที่ปีกจรวดจะติดสปีด อัด 80 หลาเข้าเอนด์โซน ให้เรดสกินส์ทำคะแนนแรกตีไข่แตกมาได้อย่างรวดเร็ว .... "   Redskins  7 ,  Broncos  10  "      14 : 07 Q2... ทีมบุกสุดระเบิดของบรองโกส์ ไปไม่เป็นซะแล้ว ยอดจอมทัพ จอห์น เอลเวย์ จากที่ในควอเตอร์แรกขว้าง 4 คอมพลีสทั้ง 4 หน กลับกลายมาเป็น คอมพลีส 1 ครั้ง จากการพยายามขว้างบอลถึง 9 หน โมเมนตั้มกลับด้านมาอยู่ที่ข้างของฝั่งเรดสกินส์ ซะแล้ว.... ดั๊กส์ วิลเลี่ยม ขับเคลื่อนทีมบุกเรดสกินส์ได้อย่างไหลลื่น จนพาทีมข้ามแดนมาปักหลักเล่นที่เส้น 27 ในแดนบรองโกส์อีกหน และสกอร์ก็เกิด ในดาว์นถัดมา... เมื่อวิลเลี่ยมขว้างลูกล๊อปสุดงาม ไปเข้าสู่มือของแกรี่ คล๊ากส์ ในเอนด์โซน "   Redskins  14 ,  Broncos  10  "       10 : 15   Q2... เจอไปสองสกอร์ติดๆกัน บรองโกส์ก็ตาค้าง การบุกที่เคยคล่อง ก็กลับตะกุกตะกักไปหมด กลายเป็นทีมรับเรดสกินส์ ที่มีลูกฮึด หยุดทุกเพลย์ ของทีมบุกบรองโกส์สนิทนิ่ง บีบให้ต้องยื่นโอกาส ส่งบอลกลับมาสู่มือของทีมบุกเรดสกินส์อีกหน และที่เส้น 42 ในแดนของตัวเอง " The Hogs" ก็เปิดทางใหญ่ขนาดให้รถเกรย์ฮาวด์ ก็ยังผ่านสบาย ให้กับรันนิ่งแบ็ค ทิมมี่ สมิตต์ ซัดยาว 58 หลาเข้าสู่เอนด์โซน ให้วอชิงตัน เรดสกินส์ ได้คะแนนหนีออกไปอีกอย่างเหลือเชื่อ...... "   Redskins  21 ,  Broncos  10  "      06 : 27    Q2... บรองโกส์ แทนที่จะครองบอลบุกเพื่อหยุดยั้งความร้อนแรง จับดองทีมบุกของวอชิงตัน ให้ไปรออยู่ที่ข้างสนาม กลับบุกไม่ขึ้น เล่น 3 ครั้งออกส่งบอลคืนกลับไปให้เค้าอีกหน... และดั๊กส์ วิลเลี่ยม จึงสนองน้ำที่มีให้มาไม่ให้เสียไปฟรีๆ..... โดยอัดทัชดาว์น 50 หลาเข้าสู่มือของริ๊คกี้ แซนเดอร์ อีกหน สร้างงานให้กับคนปรับคะแนนบนสกอร์บอร์ดมือแทบบหงิกเป็น... "   Redskins  28 ,  Broncos  10  "       03 : 42    Q2... ทีมบุกของบรองโกส์ ไม่มีทางเลือก ต้องหันหน้ามาเปิดเกมแลกแบบใครดีใครอยู่ ซึ่งก็เข้าทางของทีมรับเรดสกินส์ คอนเนอร์แบ๊ค แบร์รี่ วิลล์เบิร์น ของเรดสกินส์ ถอนแค้นที่โดนเอลเวย์เผาเสียหน้า กับทัชดาว์นเพลย์แรก ก็ล้างอายโดยการอินเทอร์เซปป์บอลกลับมา ให้ทีมบุกสุดฮ๊อตของตน ได้ลงมาโชว์ความฮ๊อตต่อไปอีกหน... เมื่อบุกทางภาคพื้นดิน ทิมมี่ สมิตต์ รันนิ่งแบ๊ค ก็วิ่งได้คล่อง เมื่อหันมาให้ดั๊กส์ วิลเลี่ยม บอม์มใส่ทางอากาศ ก็ไหลลื่น ทีมบุกของเรดสกินส์ ทำอะไรก็ดูดีไปหมด และจบไดรฟ์ที่สุดงามนี้ด้วยสกอร์อีกหน ด้วยการรับทัชดาว์นระยะ 8 หลา ของปีกใน คลิ๊นทส์ ดิดิเยร์ จากการขว้างสุดเฉียบของยอดจอมทัพ ดั๊กส์ วิลเลี่ยม... "   Redskins  35 ,  Broncos  10 "       01 : 04    Q2.... ทีมบุกสุดฮ๊อตของวอชิงตัน เรดสกินส์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับซุปเปอร์โบลว์ หลากหลายสถิติ เช่น..... ทำคะแนนสูงที่สุดในควอเตอร์เดียว......35 คะแนน บุก 5 ครั้ง ทำคะแนนได้ทั้ง 5 หน..... ดั๊กส์ วิลเลี่ยม สามารถที่จะขว้างทัชดาว์นได้ถึง 4 หนใน 1 ควอเตอร์.... ควอเตอร์ที่สุดมหัศจรรย์ของทีมวอชิงตัน เรดสกินส์ ในซุปเปอร์โบลว์ XXII นี้ จึงเป็นสุดยอดความทรงจำอีกบทหนึ่ง ของศึกซุปเปอร์โบลว์ต่อมา............. แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 08:23:38 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 06:38:54 จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 06:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อันดับที่ 6 " The Patriots Drive" ( ซุปเปอร์โบลว์ XXXVI ซุปเปอร์โดม นิวออร์ลีนส์  ปี 2001 ) นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์  ก้าวเท้าเข้าสู่ซุปเปอร์โบลว์ 36 แบบทีมที่ต้องตกเป็นรองยอดทีมบุกแห่งยุค เซนต์หลุยส์ แรมส์ อยู่แบบสุดกู่ถึง 14 คะแนน.. ซึ่งมาจากเหตุผลหลายประการ.. ดรูส์ เบร็ดโซ จอมทัพแขนระเบิดของทีมนักรบกู้ชาติก็ไม่สมบรูณ์ ต้องใช้จอมทัพสำรองประสบการณ์น้อยนิดนาม ทอม เบรดี้ ลงมาทำหน้าที่แทนในศึกสุดสำคัญนี้.... ฟอร์มโดยรวมของทีมนักรบกู้ชาติ ในรอบแรก จนกระทั่งถึงรอบเพลย์ออฟ และเกมชิงแชมป์สายนั้น ก็ผ่านเข้ารอบมาได้แบบหืดจับ อาศัยโชคมากว่าฝีมือมาโดยตลอด ไฉนเลยจะมาทัดทานความร้อนแรงของสุดยอดทีมบุกมหาประลัยแห่งยุค เจ้าของฉายา..." The Greatest Show on Turf  " นี้ได้ สุดท้ายก็คงจะโดนถลุงหอบสกอร์กลับบอสตันไป แบบน่าอนาถอย่างแน่นอน. แต่เมื่อเกมการแข่งขันจริงเริ่มต้นขึ้นมานั้น ทุกสิ่งที่ผู้สันทัดกรณี ได้วิจารณ์ไว้ก็กลับตารปัตไปจนหมด เพราะตั้งแต่เริ่มต้นเกม ในควอเตอร์แรก ก็เป็นทางฝ่ายของทีมนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์  ที่เป็นฝ่ายครองเกมได้หมดสิ้น ฉวยโอกาส เอาความผิดพลาดของทีมบุกเซนต์หลุยส์ มาแปรเปลี่ยนกลับกลายมาเป็นคะแนนของตนเอง ทำคะแนนทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ.... จาก 7 เป็น 14 และก็กลายมาเป็น 17 - 3 เมื่อควอเตอร์ที่ 3 จบลง.... ถ้วยวินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี่ประกาศความเป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ ตกมาอยู่ในมือของทีมนิวอิงแลนด์เกินครึ่งใบแล้ว.... แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ควอเตอร์ที่ 4 " The Greatest Show on Turf " ทีมบุกมหากาฬของแรมส์ก็แผงฤทธิ์ ปูพรมบุกได้อย่างไหลลื่น บุกคืบหน้า ผลิตคะแนนตีโต้ ไล่ล่านิวอิงแลนด์ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างน่าสะพรึง... จาก 3 คะแนนตลอด 3 ควอเตอร์แรก ทีมบุกสุดระเบิดจากการนำของจอมทัพ MVP เคิร์ท วอร์นเนอร์ ก็ทำคะแนนจี้เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เป็น 10 - 17 และเมื่อเหลือเวลาของเกมอยู่อีกเพียง 1 .30 นาที สุดยอดทีมบุกของลีค ก็ทำได้สำเร็จ ได้ทัชดาว์นสำคัญให้เกมนี้ทั้งสองทีมกลับมาเสมอกันอยู่ที่ 17 - 17 โมเมนตั้มของเกมนี้แกว่งไปแกว่งมา.... ในช่วงที่สุดบีบหัวใจ สั่นประสาทของผู้เล่นทั้งสองทีม....... แต่ทีมบุกของนิวอิงแลนด์ จะได้ทดสอบชะตากรรมครั้งนี้ ด้วยมือของตนเองก่อน... เมื่อเริ่มต้นบุกที่บริเวณเส้น 17 หน้าบ้านของตัวเอง ดาว์นที่ 1 ทอม เบรดี้ เซตเพลย์ด้วยช๊อตกัน เขาขว้างอย่างเฉียบคมระยะ 5 หลา ไปให้กับเจอาร์ เรดมอนด์ ดาว์นที่ 2 เบรดี้ยังคงนิ่ง เขาอัดลูก 8 หลาให้กับเรดมอนด์เจ้าเดิม เปลี่ยนเป็นการเล่นครั้งที่ 1 ได้สำเร็จอย่างยอดเยี่ยม การเล่นครั้งต่อมา เป็นอินคอมพลีส.... การเล่นครั้งต่อมาทีมรับแรมส์คุมลึกอย่างได้ผล ทอม เบรดี้ จึงหันกลับมาขว้างลูกให้กับ เจอาร์ เรดมอนด์คนเดิม ได้ระยะไปถึง 11หลา คืบคลานเข้ามาจนถึงเส้น 41 ใกล้กึ่งกลางสนามแล้ว... หลังจากที่ขว้างพลาดปีกรับไม่ได้ไปหนึ่งหน ทอม เบรดี้ ก็ขว้างลูกสุดสำคัญระยะ 23 หลา ไปถึงปีกคู่ใจ ทรอย บราว์น ให้ทีมบุกของแพทริออตส์   ข้ามผ่านกลางสนามเข้ามาจนถึงเส้น 36 ในแดนของแรมส์แล้ว... เพลย์ต่อไปสุดสำคัญ... นิงอิงแลนด์เซตเพลย์ด้วยช๊อตกันอีกหน ทอม เบรดี้ ถอยไปปักหลักขว้าง บอล ตัวคุมปีกของแรมส์พยายามวิ่งปิดทางช่องว่างทั้งหมด ที่ปีกของนิวอิงแลนด์จะมารับบอลได้ แต่ก็ดันมีคนที่ว่างเหลืออยู่... ทอม เบรดี้จัดการขว้างบอลอย่างเหมาะเหม็งไปให้กับ เจอร์เมน วิ๊กกิ้นส์ ปีกในที่หาตำแหน่งรับลูกได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ทีมบุกของนิวอิงแลนด์ ได้ระยะหลาสำคัญ ตั้งระยะให้กับอดัมส์ ไวนาเทียรี่ ลงมาซัดฟิลด์โกล ที่เส้น 30 หลา เมื่อเวลาของเกมนี้หยุดอยู่ที่.........0:07 วินาที !!! บอลถูกสแน๊ปอย่างสมบรูณ์แบบ ตัวตั้งบอลก็จับมันตั้งได้อย่างรวดเร็ว ยอดตัวเตะ ไวนาเทียรี่ วิ่งเข้ามาซัดมันออกไปอย่างเพอร์เฟค.... มันลอยโด่งผ่านมือของเหล่าผู้เล่นทีมพิเศษ เซนต์หลุยส์ทั้งหมดที่หวังจะมาบล็อก มันลอยตรงแน่วไปยังเสาประตู และมันก็มีแรงเหลือเฟือที่จะข้ามผ่านเข้าไป ให้นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์   พลิกล๊อคโค่นเต็งจ๋าอย่างเซนต์หลุยส์ แรมส์ได้อย่างสุดเหลือเชื่อ ด้วยคะแนน 20 - 17 เป็นจุดเริ่มต้นตำนานของ....." Patriots Dynasty " ที่จะก้าวเข้ามาสืบสานตำนานของสุดยอดทีมต่อไป เฉกเช่น.... Green Bay Packers........... 60 era Pittsburgh Steelers...........70 era SanFranscisco 49 ers........80 era Dallas Cowboys................90 era ดังนั้น ไดร์ฟสุดสำคัญแห่งซุปเปอร์โบลว์ 36 นี้ จึงกลายมาเป็นสุดยอดความทรงจำ อีกบทหนึ่งในศึกซุปเปอร์โบลว์......... แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 06:47:28 จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 06:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่านครับ ว่าแล้วว่า Giants - Bills ต้องติดท็อป 5 จากคุณ : Lueng - [ 26 ม.ค. 52 06:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ช๊อตฟิลด์โกลของสก๊อตต์ นอร์วู๊ด นี่.... มันเป็นลูกที่สุด......บีบหัวใจจริงๆครับคุณ Lueng ยังไง๊...ยังไง ก็ต้องติด 1 ใน 5 อย่างแน่นอนครับผม.....!!! ~ ขอบคุณครับ ที่เข้ามาอ่านอย่างรวดเร็ว ยังกะช๊อตวิ่งย้อนทัชดาว์นของเดวิน เฮสเตอร์ เลยครับ....^_^                                                                                                           > Shine on you crazy diamond < แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 06:55:22 จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 06:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากครับ เปิดเครื่องมาเจอปุ๊ป ก็เปิดอ่านปั๊ปเลย แวะมาทายสุดยอดความทรงจำที่กระทู้นี้แล้วกันนะครับ เห็นบอกว่าถ้ามีถูกหลายคน จะใส่กล่องเขย่าๆ ทายว่าเป็นของ  Mike Jones ของ Rams Tackle ใส่ Kevin Dyson ปีก Titans  ที่เส้น 1 ครับ รอรับของรางวัลนะ จากคุณ : สุพจน์ - [ 26 ม.ค. 52 07:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แท๊กเกิ้ลของไมค์ โจนส์ ติดอยู่ใน...1 ใน 5 Moments สุดท้ายแน่นอนครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอันดับที่ 1 หรือไม่นะครับผม  อิ  อิ ..???????                                                                                                           > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini - [ 26 ม.ค. 52 07:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ ใบ้สะ ไม่กล้าทายเลย แต่ยังไงก็จะทายว่า แท็คเกิ้ล ของ ไมค์ โจนส์ นี่แหละครับ เสี่ยงดวงจับฉลากแล้วกัน 555+ ถ้าผิดก็ 555555555555555+ จากคุณ : s[l]aY - [ 26 ม.ค. 52 12:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทายว่าแท๊กเกิ้ลของไมค์ โจนส์ ที่ดับฝันของไททันด้วยครับ ถึงแม้ว่าผมจะเชียร์แรมเต็มตัวในตอนนั้น แต่เห็นภาพนี้ทีไร ก็อยากให้ไททันได้แชมป์สักครั้ง อีกแค่ "หลา" เดียวเอง อยากให้รางวัลกับความพยายามของไททันจริงๆ แต่สุดท้ายก็ต้องให้รางวัลกับความพยายามของแรมที่สู้จนเพลย์สุดท้าย จากคุณ : egg - [ 27 ม.ค. 52 21:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 " Young & Rice " ( ซุปเปอร์โบลว์ XXIX โจ ร็อบบี้ สเตเดี้ยม ไมอามี่  ปี 1994 ) ปีนี้ผมดูไม่จบพอเห็นแต้มขาดก็เลยไปเรียน แต่ฟิลด์โกลของสก๊อตต์ นอร์วู๊ดยังติดอยู่ในความทรงจำอยู่เลย การเข้าใกล้แชมป์ซูเปอร์โบลว์มากที่สุดของบิลล์แล้ว ใกล้เคียงพอๆกับไททันส์เลยละในความรู้สึกผมนะ หลังจากชิง 4 ปีติดหลังจากนั้น บิลส์ยังไม่เฉียดเข้าซูเปอร์โบลว์อีกเลย เฮ้อ... จากคุณ : salty - [ 28 ม.ค. 52 16:45:02 ]