ความคิดเห็นที่ 12

เจาะข่าวฮอต : 10 สุดยอดเหตุการณ์
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในจักรวาลของกีฬาลูกกลมๆ ที่ชื่อว่าฟุตบอล เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เราหลงรักที่จะดูมันได้ ดูมันดีแบบไม่มีเบื่อ (ไม่เหมือนคนข้างๆ ที่อยู่ไปแป๊บๆ จากคนน่ารักไหงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตติสท์แตกไปซะได้) คือการที่ไม่สามารถเอาแน่เอานอนอะไรกับมันได้ เพราะทุกอย่างมันมีโอกาสเกิดขึ้น ได้จวบจนกระมั่งเสียงเป่านกหวีดยาวครั้งสุด ท้ายของกรรมการนั่นแหละ
นับตั้งแต่ปี 1891 ที่มีการเปลี่ยนแปลงกฏใหม่ในกีฬาฟุตบอล ให้ท่านกรรมการผู้ทรงเกียรติสามารถต่อเวลาการแข่งขัน ไปได้ตามความเหมาะสม หรือที่เรียกว่าช่วง "ทดเวลาบาดเจ็บ" ตั้งแต่นั้นจวบจนวันนี้ ก็ทำให้กีฬาฟุตบอลมีเหตุการณ์พลิกล็อคหักมุมกัน ซะชนิดว่าหนังฮอลลีวู้ดยัง อายเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสุดท้าย ก็อาจเปลี่ยนจากนรก เป็นสวรรค์ชั้น7 สำหรับหลายๆคน หรือวิมานลอยของหลายๆคน ก็ต้องมาหายวับไปกับตา เหลือเพียงกระท่อมมุงสังกะสีด้วยช่วงเวลาแค่พริบตานี่แหละ
ดังนั้น "เดอะ ซัน" สื่อจอมขุดคุ้ยเรื่องที่ไม่ค่อยมีสาระ (แต่เราก็ยังนิยมที่จะอ่านมัน) ของเมืองผู้ดี จึงได้จัดอันดับ 10 เหตุการณ์ประตู "โกงมัจจุราช" ท้ายเกม ที่ยังเป็นความทรงจำของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย) ชนิดฝังลึก ในวงการฟุตบอลกันเอาไว้ในที่นี้
อันดับ 10 เดนนิส เบิร์กแคมป์ ฮอลแลนด์ 2 อาร์เจนติน่า 1 , ฟุตบอลโลก 1998 รอบ 8 ทีมสุดท้าย, 4 ก.ค. 1998 สุดยอดกองหน้าดัตช์ผู้กลัวการบินคนนี้ ยิงหนึ่งในประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในนัดที่ขุนพล "อัศวินสีส้ม" ลงสนามดวลแข้งกับทีม "ฟ้า-ขาว" (ที่อาจ "ฟ้าเหลือง" หลังการแข่งขัน) ด้วยการดูดบอลยาวกว่า 60 หลาจากกองหลัง หนีตัวประกบแล้วซัดตูมเสียบมุมประตูเข้าไปแบบมีคะแนนเต็ม 10 ต้องให้ 11 ส่งทีมของเขาเข้ารอบตัดเชือก และที่คลาสสิคยิ่งไปกว่านั้น คือมันเป็นประตูที่เกิดขึ้น ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนนกหวีดหมดเวลาจะดังขึ้น นั่นเอง เรียกว่าส่งทีมอาร์เจนฯ กลับบ้านแบบสุดชีช้ำเลยทีเดียว
อันดับ 9 เจอร์เมน จีนัส, อาร่อน เลนน่อน อาร์เซน่อล 4 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 4, พรีเมียร์ลีก, 29 ต.ค. 2008
เพิ่งผ่านกันไปสดๆร้อน สำหรับเกมดาร์บี้เดือดแห่งลอนดอนเหนือนัดนี้ แต่ความมันส์แบบบรรลัยของนัดนี้จะถูกบันทึกไปตลอดกาลแน่นอน นัดนี้เป็นแค่นัดที่ 2 ที่ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เข้าคุมทีม "ไก่เดือยทอง" ที่กำลังเป็นไก่ติดหวัดนกอย่างหนัก และก็สามารถทำสิ่งเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้ เมื่อเกมดำเนินไปถึงนาทีที่ 88 ทีมยังเป็นฝ่ายไล่ตาม "ปืนใหญ่" อยู่ 4-2 แต่ใครจะเชื่อว่า 2 นักเตะเกรียน (หมายถึงทรงผมนะจ๊ะ) ของสเปอร์สอย่าง จีนัส และ เลนน่อน จะมาซัด 2 ประตูในช่วงท้ายเกม ส่งให้ทีมไก่กลับมากระต๊ากอีกครั้งได้แบบสุดมหัศจรรย์ และส่งให้ อาร์แซน เวนเกอร์ เกิดอาการ "เจ๊อยากตาย" หลังจบเกม
อันดับ 8 เนย์อิม อาร์เซน่อล 1 เรอัล ซาราโกซ่า 2 , ชิงชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ, 10 พ.ค. 1985 เป็นอีกครั้งที่ทีม "เดอะ กันเนอร์ส" ต้องช็อกตาตั้งกันในนาทีสุดท้าย และที่ชีช้ำมากขึ้นเป็นเพราะมันเกิดขึ้นจากน้ำมือของอดีตนักเตะของ สเปอร์ส อีกแล้วล่ะสิ ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงเวียนนาในปีนั้น ทีมจากลอนดอนดูเป็นต่อทีมคู่แข่งจากแดนกระทิงอย่างสุดกู่ แต่ซาราโกซ่าก็สู้ได้อย่างยอดเยี่ยม จนเกมทำท่าจะต้องไปตัดสินขั้นฎีกากัน ด้วยลูกจุดโทษ แต่ทันทีที่ เนย์อิม มิดฟิลด์เลือดกระทิงยิงจุดพลุแบบไกลหลายปีแสงจากบริเวณกลางสนาม ข้ามหัวนายทวารผู้แพ้ลูกมหัศจรรย์อย่าง เดวิด ซีแมน เข้าไปอย่างสวยงาม นั่นก็คือจุดจบของเกม และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเพลงเชียร์ของกองเชียร์สเปอร์ส ที่มีชื่อว่า ‘Nayim from the halfway line’ ตั้งแต่บัดนั้น
อันดับ 7 เซมีห์ เซนเติร์ก ตุรกี 1 โครเอเชีย 1 (ตุรกีชนะดวลจุดโทษ 3-1), ยูโร 2008 รอบ 8 ทีมสุดท้าย, 21 มิ.ย. 2008
สิ่งหนึ่งที่เป็นความทรงจำในยูโร 2008 ก็คือการโกงความตายครั้งแล้วครั้งเล่าของทีมแดนไก่งวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจอกับ โครเอเชีย ที่ทีมเป็นฝ่ายตามหลังในช่วงครึ่งหลังของการต่อเวลา 120 นาที จากความผิดพลาดของ รุสตู เรคเบอร์ นายด่านเติร์ก ซึ่งทำให้เหล่าขุนพล "ตาหมากรุก" ข้างสนามเฮฮาปาร์ตี้ล่วงหน้ากันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องหน้าแหกครั้งใหญ่ เมื่อ เซมีห์ เซนเติร์ก ดาวรุ่งหน้าตาแอดวานซ์ (แก่) ของตุรกี มาวอลเล่ย์ประตูในการเตะครั้งสุดท้ายของเกม เป็นผลให้นัดนี้ต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ และ รุสตู ก็สามารถแก้ตัวเซฟลูกโทษของนักเตะโครแอต ส่งทีมเข้ารอบตัดเชือกแบบแอนตี้ไคลแมกซ์สุดๆ
อันดับ 6 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลิเวอร์พูล 3 เวสต์แฮม 3, นัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ, 13 พ.ค. 2006
ทีม "หงส์แดง" ทำท่าจะกลายเป็นเป็ดตุ๋นน้ำแดงอยู่รอมร่อแล้ว ในเกมที่มิลเลนเนี่ยม สเตเดี้ยม ถ้าไม่ได้กัปตันทีมผู้กอบกู้วิกฤตให้ทีมมาหลายเพลาอย่าง "สตีวี่ จี" ที่ทำสิ่งเหลือเชื่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กระหน่ำลูกวอลเล่ย์ร้อยแรงม้าจากระยะ 35 หลา พุ่งเหมือนกับจรวดโทมาฮอว์คทะลวงตาข่าย "ขุนค้อน" แบบสะใจสุดๆ และทำให้ทีมก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ถ้วยเก่าแก่ ของอังกฤษได้ด้วยการดวลเป้า ชนิดที่ประตูนั้น น่าจะทำให้เจอร์ราร์ด ถูกฝังอยู่ในความทรงจำของผอง "เดอะ ค็อป" ตลอดไป (และอยู่ในฝันร้ายของแฟนบอล "เดอะ แฮมเมอร์ส" ไปอีกนาน)
อันดับ 5 ไมเคิ่ล โธมัส ลิเวอร์พูล 0 อาร์เซน่อล 2, ดิวิชั่น 1 อังกฤษ, 26 พ.ค. 1989
ปีนั้นการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นอะไรที่ตื่นเต้นแบบดรา ม่าสุดๆ เมื่อทีม "ปืนใหญ่" ต้องบุกไปเยือนทีมจ่าฝูง "หงส์แดง" ในนัดสุดท้าย และต้องเอาชนะแบบเกิน 2 ลูกขึ้นไปสถานเดียว จึงจะมีสิทธิ์กระชากแชมป์มาครอง ในขณะที่เกม 90 นาทีจบลงไปแล้ว แม้ว่าอาร์เซน่อลจะนำอยู่แต่ก็แค่ลูกเดียว แต่ถ้วยแชมป์ก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์แบบค่อนใบไปแล้ว แต่ท่ามกลางความตกตะลึงรูทวารทั้ง 7 ของแฟนหงส์ ไมเคิ่ล โธมัส ก็มาซัดประตูในช่วงทดเจ็บเข้าไปซะงั้น ส่งให้ "กันเนอร์ส" ทำมิชชั่น อิมพอสสิเบิ้ล คว้าถ้วยได้สำเร็จ ชนิดที่หากเป็นหนังเรื่องไหนเขียนบทยังงี้ เราคงบอกได้คำเดียวว่ามัน "โม้ชิกหายเลยเพ่"
อันดับ 4 เดวิด เบ็คแฮม อังกฤษ 2 กรีซ 2, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก นัดสุดท้าย, 6 ต.ค. 2001
หนึ่งในนัดที่ต้องถือเป็นความทรงจำของซูเปอร์สตาร์เท้าชั่งทองคน นี้ ในการพาทีม "สิงโตคำราม" ทะลุเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2002 ได้แบบตีตั๋วเที่ยวสุดท้ายด้วย หลังจากเกมทีเพื่อนร่วมทีมเล่นได้แย่ จนเกือบเปลี่ยนสภาพจากสิงห์เป็นงูแมวเซา แต่ผัวเจ๊วิคคนนี้กลับบ้าเลือดวิ่งพล่านเป็นสิบๆกิโลไปทั่วสนาม และในที่สุดก็ปิดท้ายแมทช์อย่างงดงาม ด้วยลูกฟรีคิกเครื่องหมายการค้าในช่วง ทดเจ็บ พาทีม "ทรี ไลออนส์" ไปทัวร์แดนปลาดิบแบบมีสไตล์
จากคุณ :
กระแตตาโต
- [
7 ก.พ. 52 19:12:10
]
|
|
|