PANTIP.COM : S7557904 [[This is Our City]]>ต<า>ม<ร>อ<ย>แ>ม้<ว>ซิ< ตี้>-23--02--09-เรือหักปากกาเซียนบุกไปแชร์แต้มหงส์ [ฟุตบอลต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 1

หงส์หวิดม่องไล่เจ๊าเรือ1-1ตามผี7แต้ม

เส้นทางการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ดูจะลดน้อยลงทุกที หลังเกมล่าสุดหวิดสิ้นชื่อคาบ้าน เมื่อถูก "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ บุกมานำก่อน 1-0 จากเด็กเก่านาม เคร็ก เบลลามี่ แต่ยังโชคดีที่ เดิร์ค เค้าท์ มาไล่ยิงตามตีเสมอช่วงท้ายเกมให้กับทีมได้สำเร็จ พร้อมกับไล่แมนฯ ยูไนเต็ด ห่างๆ เป็น 7 คะแนน

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 22 ก.พ. 52

ลิเวอร์พูล 1 - 1 แมนฯ ซิตี้

สนาม : แอนด์ฟิลด์

ที่สังเวียนแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องชนะหากยังต้องการลุ้นแชมป์หลังถูกแมนฯ ยูไนเต็ด ขยับหนีไปเป็นห้าแต้ม และนัดนี้มีการเปลี่ยนทีมจากเกมล่าสุดที่บุกไปคว่ำพอร์ทสมัธสี่รายโดยจัดให้ ลูคัส เลวา ที่พ้นโทษแบน, เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์ และ อัลเบิร์ต ริเอร่า กลับมาลงเสียบแทน ดาวิด เอ็นก๊อก, ไรอัน บาเบิ้ล, แดเนียล แอ็กเกอร์ และ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขณะที่ ชาบี อลอนโซ่ ติดโทษแบนหนึ่งนัด ส่วน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยังเดี้ยง

ด้านแมนฯ ซิตี้ ปรับทีมจุดเดียวจากศึกยูฟ่า คัพ นัดกลางสัปดาห์ที่บุกไปเจ๊ากับเอฟซี โคเปนเฮเก้น 2-2 ด้วยการใช้งาน ไนเจล เดอ ยองก์ แทน ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ ที่ถูกพักแข้ง แต่มี ริชาร์ด ดันน์ ที่ชดใช้โทษแบนเรียบร้อยแล้วคืนทัพ

ลิเวอร์พูลเปิดฉากโจมตีใส่เรือใบสีฟ้าทันที แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีทีเด็ดทำได้เต็มที่แค่ครองบอลบุกมากกว่า ต้องรอจนกระทั่งนาทีที่ 23 กว่าจะมีเสียวอย่างจะแจ้งครั้งแรกจากลูกเตะมุมด้านขวาที่ตอร์เรสโฉบเข้าฮอสเผาขนติดบล็อกดันน์ ริเอร่าจึงเข้าซ้ำสามหลาถูก ไมกาห์ ริชาร์ดส์สกัดได้อีก

พอมีโอกาสเจ้าบ้านก็เริ่มได้ใจ และนาทีต่อมาก็ทำชิ่งกันเป็นทอดๆ ก่อนที่เค้าท์จะได้กดลูกเรียดจากหน้าเขตโทษ แต่ขาดความแม่นยำบอลพุ่งหลุดเสาไกลออกไป

ดวลกันมาถึงนาทีที่ 30 กองเชียร์เดอะ ค็อป ก็ต้องเสียววาบเมื่อแมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสโต้เร็วด้วยการวางยาวจาก แว็งซ็องต์ ก็องปานี ออกกราบซ้ายให้โรบินโญ่ผ่านทะลุช่องไปอีกฟากถวายพานให้ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปแปเน้นๆ ถูก โฆเซ่ เรน่า เซฟได้ กองกลางไอริชจึงพยายามซ้ำดาบสอง แต่ส่งบอลเข้ากระทบหน้าต่างอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นอีกสองนาที ดันน์กัปตันจอมโฉ่งฉ่างของทีมเรือใบก็ได้ใบเหลืองในจังหวะเข้ารวบเค้าท์ ก่อนที่เจ้าถิ่นจะลองส่องไกลจาก อันเดรีย ดอสเซน่า ในนาทีที่ 35 ทว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับ เชย์ กิฟเว่น

ถัดมาอีกสองนาที เร้ด แมชีน ก็ทิ้งโอกาสไปอีกเมื่อตอร์เรสขยับไปเลื้อยทางกราบขวาแล้วจ่ายจากเส้นหลังหักมาหน้าเขตโทษให้ริเอร่าซัดเหน่งๆ แต่ปีกซ้ายสแปนิชกลับเข่นเฉี่ยวเสาแรกออกไปอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆ ที่แผงหลังเรือใบและกิฟเว่นเสียศูนย์ไปหมดแล้ว

ท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูลเน้นเดินหน้าอีกเฮือก และถึงนาทีที่ 45 อัลบาโร่ อาร์เบลัว ก็ลุยขึ้นไปสาดบอลจากกราบขวาให้เค้าท์โขกที่เสาไกล แต่บอลหลุดออกไปทำให้ทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 0-0

ครึ่งหลังเริ่มมาถึงนาที 51 แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ส่งบอลคืนหลังให้ เคร็ก เบลลามี่ วิ่งมายิงจากหน้าเขตโทษ บอลไปแฉลบขาอาร์เบลัวพุ่งเสียบเสาสองเข้าประตูไป

ลิเวอร์พูลเดินหน้าบุกหนัก แต่ว่ายังไม่มีโอกาสยิงแบบหวังผล น.62 ลิเวอร์พูลแก้เกม ด้วยการส่งนาบิล เอล ซาร์ลงมาเล่นแทน อัลเบิร์ต ริเอร่า

น.69 แมนฯ ซิตี้ ได้ฟรีคิกเกือบถึงเส้นเขตโทษ จากการที่โรบินโญ่ถูกทำฟาวล์ และโรบินโญ่ลุกขึ้นมายิงเอง บอลพุ่งเรียดเฉียดโคนเสาออกไปนิดเดียว

เกมรุกลิเวอร์พูลยังไม่ดีขึ้น ต้องส่ง ฟาบิโอ ออเรลิโอ ลงมาแทนดอสเซน่าอีกคนใน น.75

สองนาทีถัดมาลิเวอร์พูลตีเสมอได้เป็น 1-1 เบนายูนพาบอลลุยขึ้นทางซ้าย แล้วผ่านบอลมากลางประตู ตอร์เรสวิ่งเข้ามายิงที่เสาแรกโดนไม่เต็มเท้า แต่บอลยังไหลมาเข้าทางเค้าท์วิ่งมาแหย่บอลเข้าประตูไป

ลิเวอร์พูลบุกหนัก น.83 เค้าท์ได้ยิงด้วยขวาเต็มข้อจากหน้าเขตโทษ กิฟเว่นต้องทุบทิ้งออกไป

นาทีถัดมาลิเวอร์พูลถอด ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ออก แล้วส่ง ไรอัน บาเบิล ลงมาเติ่มเกมรุกอีกคน

น.86 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้น เอลซาร์เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ ตอร์เรสโหม่งตั้งกลับมาให้เบนายูนยิงเผาขน แต่กิฟเว่นเซฟไว้ได้เหลือเชื่อ

หมดเวลาทั้งคู่จึงเสมอกันไปในเกมนี้ 1-1 ทำให้ลิเวอร์พูล เก็บได้เพียงแค่แต้มเดียว และตามหลัง "จ่าฝูง" แมนฯ ยูไนเต็ด 7 คะแนน แล้ว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, อันเดรีย ดอสเซน่า, ยอสซี่ เบนายูน, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลวา, อัลเบิร์ต ริเอร่า, เดิร์ค เค้าท์, เฟร์นานโด ตอร์เรส

สำรอง : ดีเอโก้ คาวาเลียรี่, ซามี่ ฮูเปีย, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ไรอัน บาเบิล, ดาวิด เอ็นก๊อก, เจย์ สเพียริง, นาบิล เอล-ซาร์

แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, ริชาร์ด ดันน์, เนดุม โอนูโอฮา, แว็งซ็อง ก็องปานี, เวย์น บริดจ์, ไนเจล เด ยองก์, ปาโบล ซาบาเลต้า, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, โรบินโญ่, เคร็ก เบลลามี่

สำรอง : โจ ฮาร์ท, ฆาเบียร์ การ์ริโด้, ดาริอุส วาสเซลล์, เชด อีแวนส์, เอลาโน่, วลาดิเมียร์ ไวส์, เฟลิเป้ ไซเซโด้

ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์

http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/090223_009.html

จากคุณ : pelipe - [ 23 ก.พ. 52 18:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11

แว็งซ็องต์ ก็องปานี เสากระโดงหลักของ"เรือใบสีฟ้า"

"ชีวิตค้าแข้งจะเป็นอย่างไรหากย้ายไปเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ?" ประโยคนี้คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจของซูเปอร์สตาร์ลูกหนังหลายคนไม่ว่าจะเป็น จานลุยจิ บุฟฟ่อน,กาก้า หรือดาบิด บีย่า หลังจากช่วงเวลา 4 เดือนที่แสนจะสับสนวุ่นวายในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ พร้อมข้อสงสัยของคนส่วนใหญ่ว่าพวกนักเตะชุดใหญ่ตอนนี้ได้รับอพาร์ทเม้นต์หรูหรา และรถเฟอร์รารี่รุ่นล่าสุด เป็นของกำนัลมัดใจจากมหาเศรษฐีอาหรับที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรหรือไม่ ?

แต่สำหรับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ "คนส่วนใหญ่" คิดอย่างแน่นอน นับตั้งแต่ย้ายจากฮัมบูร์ก ในลีกเยอรมัน ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ เมื่อปลายซัมเมอร์ปีที่แล้ว มิดฟิลด์ตัวรับชาวเบลเยียม มีความสุขกับการออกมาเดินเล่นที่แทร็ฟฟอร์ด เซนเตอร์ แหล่งชอปปิ้งดังกับเพื่อนๆ เพื่อหาซื้อของใช้จำเป็นเข้าบ้านที่อยู่ทางตะวันออกของเมือง

"ที่อังกฤษ เมื่อไรก็ตามที่เริ่มต้นการพูดคุยกับใครซักคนถึงจะเป็นพนักงานผู้หญิงในร้านขายของ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมันจะกลายเป็นบทสนทนาที่ยืดยาวไปสู่เรื่องต่างๆ" ก็องปานี เปรียบเทียบนิสัยของชาวอังกฤษกับเยอรมัน ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ 2 ปี "ในเยอรมัน หากคุณต้องการข้อมูลในเรื่องใดคุณก็จะได้รับข้อมูลอย่างที่ต้องการครบถ้วน แต่ที่นี่หากผมอยากซื้อเตียงก็จะมีการถามไปถึงว่าแบบไหนที่ผมนอนแล้วรู้สึกสบายที่สุด ซึ่งบางทีอาจต้องย้อนไปไกลถึงสมัยเด็กๆ แต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ การคุยอะไรที่ไร้สาระบ้างก็ช่วยทำให้บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้น"

ในตอนนี้ก็องปานี ยังกลายเป็นเหมือนแสงแห่งความหวังของมาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือซิตี้ ท่ามกลางแรงกดดันอย่างมหาศาลจากเอดัก กลุ่มทุนของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อช่วงต้นฤดูกาล หลังจากผลงานของ "เรือใบสีฟ้า" ลำนี้กำลังเหมือนมีน้ำรั่วทะลักเข้ามาจนค่อยๆจมสู่ท้ายตารางของศึกพรีเมียร์ลีกเข้าไปทุกที และสถานการณ์ยิ่งวิกฤตมากขึ้นจากการประเดิมเกมแรกของปี 2009 ด้วยการถูกน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สโมสรระดับแชมเปี้ยนชิพ ไล่ถลุงหมดสภาพ 3-0 คารังของตัวเอง ในเกมเอฟเอ คัพ

ศักยภาพทางการเงินของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้พวกเขาสามารถซื้อนักเตะในศึกบุนเดสลีกาทุกคน แต่การที่ฮิวจ์ส เลือกก็องปานี นอกจากความสารพัดประโยชน์ในการเล่นได้ทั้งเซนเตอร์แบ็ก และมิดฟิลด์ตัวรับ ยังรวมถึงบุคลิกที่คล้ายๆ กับตัวเขาสมัยเป็นนักเตะ โดยอดีตดาวยิงทีมชาติเวลส์ จะเป็นคนที่เงียบๆ แต่จะแสดงความทุ่มเทผ่านการเล่นในสนามอย่างที่แฟนบอลเคยเห็นในช่วงต้นยุค 90 กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้งความเป็นคนที่มีความรอบรู้คล้ายกับเดวิด เจมส์ อดีตนายทวารมือ 1 ของสโมสรเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน และหลายคนคงไม่เชื่อว่าหนังสือเล่มโปรดของดาวเตะวัย 22 ปีจะเป็น "ดิ อัลเคมิสต์" ของเปาโล โคเอลโญ่ นักเขียนชาวบราซิลที่พูดถึงการออกเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ถึงจะต้องอ่านเล่มที่แปลจากต้นฉบับที่ภาษาโปรตุกีส แต่เขาก็ไม่ยอมทำอะไรธรรมดาเหมือนคนทั่วไปด้วยการเหมาอ่านถึง 3 ภาษาไล่ตั้งแต่ฝรั่งเศส ที่เป็นภาษาแม่,เยอรมัน และอังกฤษ

"ผมไม่อยากพูดให้ตัวเองดูฉลาดเกินไปนัก" ก็องปานี รีบออกตัวพร้อมกับเล่าว่าตอนนี้เขากำลังอ่าน "นาโปลี คามอร์ร่า มาเฟีย" หนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวแก็งค์อาชญากรรมชื่อดังของประเทศอิตาลี "ผมเข้าใจภาษาเหล่านี้เพราะผมโชคดีที่เกิดในประเทศเล็กๆ ที่คุณจำเป็นต้องมีการสื่อสารกับคนหลายเชื้อชาติ"

ความฉลาดของก็องปานี ได้รับมาจากบุพการีของเขาเต็มๆ โดยปิแอร์ ผู้เป็นพ่อ อพยพจากคองโกมาอยู่ที่เบลเยียม ในช่วงทศวรรษ 70 แต่มีความขยันที่จะขับแท็กซี่ในตอนกลางคืนเพื่อหาเงินเรียนหนังสือตอนกลางวัน จนทำให้เขาสอบผ่านเป็นวิศวกรของดีเอชแอล บริษัทขนส่งพัสดุระดับโลก ส่วนโจเซลีน แม่ของเขาที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว เติบโตจากอาร์เดนเนส ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง และป่าขนาดใหญ่ทางใต้ของประเทศ เป็นคนที่พากเพียรพยายามในการทำงานจนได้รับเลือกให้เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลเบลเยียมเลยทีเดียว

"พ่อของผมต้องเจออุปสรรคเช่นเดียวกับทุกๆคนที่เดินทางมาจากแอฟริกา และพยายามทำบางสิ่งเพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น" แว็งซ็องต์ ชื่นชมในตัวของผู้ให้กำเนิด "พ่อกับแม่พร้อมจะทำงานทุกอย่างที่ช่วยให้ลูกๆมีอาหารทาน รวมทั้งการศึกษาเป็นสิ่งที่พวกท่านให้ความสำคัญ และยอมสละทุกสิ่งเพื่อเรา พ่อกับแม่ตั้งใจว่าลูกๆ จะต้องมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างจากพวกท่าน"

ปิแอร์ และโจเซลีน ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดู แว็งซ็องต์,คริสเตล พี่สาว และฟร็องซัวส์ น้องชายคนสุดท้าย หลังจากชุมชนด้านหลังสถานีรถไฟกรุงบรัสเซลล์ที่ครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ นอกจากจะเป็นที่ตั้งของสถานบริการเซ็กซ์ทุกรูปแบบยังเป็นย่านที่มีปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมสูงของเมืองอีกด้วย

แต่ก็องปานี ได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ด้วยการถูกส่งตัวไปทำกิจกรรมของเยาวชนทั้งการเรียนลูกเสือ,เข้าสโมสรกรีฑา และเตะฟุตบอลในสนามของเทศบาลเมืองที่ต้องแย่งใช้ไฟสปอร์ตไลท์ที่ถูกติดตั้งไว้เพียงสนามเดียว ทั้งหมดนี้ทำให้พี่น้องทั้ง 3 คนไม่เคยออกนอกลู่นอกทางไปมัวเมากับอบายมุข โดยปราการหลังหนุ่มยังสามารถรักษาสัญญากับพ่อแม่ด้วยการเรียนจนจบปริญญาตรีในโรงเรียนภาษาเฟลมิช ก่อนจะมาทุ่มเทให้การเล่นฟุตบอลอย่างเต็มร้อย

1 ในผู้เล่นดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองของทวีปยุโรปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับการขัดเกลาในศูนย์ฝึกเยาวชนของอันเดอร์เลชท์ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก็องปานี ได้รับการยกย่องให้เป็น "เดอไซญี่ แห่งเบลเยียม" จากสไตล์การเล่นที่แข็งแกร่งดุดันเหมือนอดีตยอดดาวเตะฝรั่งเศส แต่การเรียนไม่ได้เป็นเหตุผลเดียวที่มิดฟิลด์-เซนเตอร์แบ็กผู้นี้ปฏิเสธความสนใจจาก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 2 ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ

"ผมคิดว่าตัวเองยังไม่แข็งแกร่งพอจะลงเล่นเกมบิ๊กแมตช์ 2 นัดใน 1 สัปดาห์ กับอันเดอร์เลชท์ผมลงเล่น 2 สัปดาห์ครั้ง แค่นี้มันก็มากพอแล้ว" ก็องปานี เคยให้สัมภาษณ์กับเลอ กิ๊ป หนังสือพิมพ์กีฬาของฝรั่งเศส เมื่อไม่กี่ปีก่อน "ถ้าตัดสินใจย้ายทีมก็จะส่งผลต่อการเรียนหนังสือของผมด้วย มันก็ต้องเสี่ยงเหมือนคุณกำลังเล่นรัสเซียน รูเล็ตต์ นั้นแหละ"

เมื่อถูกตั้งคำถามเดียวกันในตอนนี้ ก็องปานี ในวัย 22 ปี เชื่อว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้วถึงจะพลาดโอกาสลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกก็ตาม "ผมได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก กับอันเดอร์เลชท์ แต่เมื่อฤดูกาลจบลงขณะที่ทุกคนเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน ผมก็ต้องมานั่งทำข้อสอบ และกว่าที่ผมจะสอบเสร็จ ฤดูกาลใหม่ก็เริ่มต้นพอดี หลังจากต้องเสียเวลาไปเยอะผมก็ไม่ต้องการทิ้งไปกลางคันในปีสุดท้ายของการเรียน มันก็แค่ช้าไปปีหนึ่ง และผมก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไร"

อย่างที่เจ้าตัวบอกว่าทุกอย่างในชีวิตเป็นเหมือนการเดิมพัน และหลังจากมีประสบการณ์ 15 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่อายุแค่ 18 ปี เขาตัดสินใจย้ายสู่ฮัมบูร์ก และต้องเผชิญช่วงเวลา 2 ปีแห่งฝันร้ายของอาการบาดเจ็บ เริ่มจากปัญหาเอ็นร้อยหวายที่ทำให้ต้องพักยาว 8 เดือน ก่อนจะมาบาดเจ็บหัวไหล่จนต้องหยุดพักอีก 5 เดือน โดยก็องปานี เชื่อว่าต้นเหตุมาจากการที่ร่างกายของเขารับมือความเปลี่ยนแปลงของระดับการเล่นที่สูงขึ้นอย่างกะทันหันไม่ไหว แต่ก็พยายามมองในด้านบวกว่า "ยังดีที่ผมย้ายมาเล่นในเยอรมัน ถ้าผมเจอเรื่องโชคร้ายแบบนี้ที่อินเตอร์ มิลาน หรือแมนเชสเตอร์ ป่านนี้คงจะกลายเป็นนักเตะที่ถูกลืมไปตลอดกาลแล้วล่ะ"

แต่ท้ายที่สุดโชคชะตาได้นำพาให้เส้นทางลูกหนังของก็องปานี มาสู่เมืองแมนเชสเตอร์ หลังจากความขัดแย้งกับผู้บริหารฮัมบูร์กที่กดดันให้เขาเดินทางกลับสู่สโมสรกลางคันระหว่างศึกโอลิมปิก เกมส์ ที่ปักกิ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม จนทำให้มิดฟิลด์หนุ่มประกาศขอย้ายทีมต่อหน้า แบร์นด์ ฮอฟฟ์มันน์ ประธานสโมสร และพอข่าวกระจายออกไปไม่นาน พอล อัลดริดจ์ ผู้อำนวยการ "เรือใบสีฟ้า" เดินเรื่องคว้าตัวเข้ามาสู่ถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วันก่อนที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยจะตัดสินใจขายสโมสรให้ ชีคห์ มานซูร์ บิน ซาเยด อัล-นาห์ยาน เจ้าของกลุ่มทุนเอดัก

"ผมรู้แค่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนครั้งใหญ่ขึ้นเท่านั้น" ก็องปานี พูดถึงเบื้องหลังของการเทคโอเวอร์หลังจากเขาย้ายมาร่วมทีมได้เพียง 9 วัน "ผมได้คุยกับมาร์ค ฮิวจ์ส และพอล อัลดริดจ์ ระหว่างเซ็นสัญญา แต่พวกเขาก็เปิดเผยอะไรได้ไม่มากนัก โดยบอกแค่เพียงว่า "เราต้องการทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และคุณจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นแน่นอน" ในวันต่อมาก็มีการเซ็นสัญญากับ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ตามด้วย (พาโบล) ซาบาเลต้า และจากนั้นก็เป็น โรบินโญ่ ในความเห็นของผมเขาถือเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าตื่นเต้นที่สุด"

แต่หลังจากออกสตาร์ตด้วยการเก็บชัยชนะ 3 จาก 5 นัดแรกรวมถึงการถล่มพอร์ทสมัธ 6-0 สถานการณ์ในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เวลานี้กลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดตั้งแต่ ฮิวจ์ส กุนซือของทีมที่มีสิทธิ์โดนเชือดตลอดเวลา และในกลุ่มนักเตะ เอลาโน่ มิดฟิลด์จอมเทคนิคชาวแซมบ้าก็ออกมาแสดงความไม่พอใจหลายครั้งที่ต้องนั่งเป็นตัวสำรองในซีซั่นนี้

"ในเรื่องนี้ผู้เล่นหลายคนมีความเห็นคล้ายกับผม" อดีตกองหลังอันเดอร์เลชท์ ขอเป็นตัวแทนอธิบาย "ผมมีเป้าหมายที่ต้องการเล่นให้ทีมระดับหัวแถวของยุโรปที่มีโอกาสคว้าถ้วยแชมป์ทุกๆปี และหากคุณได้ลงเล่นกับสโมสรอย่าง เชลซี,อาร์เซน่อล,ยูไนเต็ด,ลิเวอร์พูล หรือเรอัล มาดริด มันก็จะต้องมีนักเตะที่เก่งๆ เข้ามาแย่งตำแหน่งของคุณอยู่ตลอดเวลา เหมือนเป็นกฎการคัดเลือกโดยธรรมชาติ สำหรับการลงเล่นในสโมสรใหญ่ ความยากลำบากที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย"

"คุณต้องก้าวเดินต่อไปในชีวิต คงไม่มีใครเถียงว่า (ดิดิเย่ร์) ดร็อกบา ไม่ใช่กองหน้าที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ในช่วง 2 ปีหลังสุด แต่เชลซีก็ยังคงมองหากองหน้าคนใหม่เข้ามาเพิ่มอยู่ดี (อังเดร) เชฟเชนโก้ และ(นิโกล่าส์) อเนลก้า ย้ายเข้ามา แต่ไม่ได้หมายความว่าเชลซีต้องการเขี่ยเขาออกไป มันเป็นการทำเพื่อเพิ่มศักยภาพของทีมให้สูงขึ้น สำหรับผมจะซื้อใครก็ได้เข้ามาตราบใดที่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของทีม ผมก็เชื่อมั่นว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน"

นอกจากนี้ ดาวเตะชาวเบลเยียม ยังเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนแผนการสร้างทีมที่ใช้ผู้เล่นอายุน้อยเป็นแกนหลักของฮิวจ์ส ถึงจะต้องใช้ความอดทนกว่าที่ซิตี้ จะขึ้นมาเขย่าขั้วอำนาจของบิ๊กโฟร์ก็ตาม "มันไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลย ทุกคนพร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่มีการแบ่งแยกเกิดขึ้นในทีม" โดยเขา และผู้เล่นดาวรุ่งชาวอังกฤษก็รู้สึกสนุกเวลาที่โรบินโญ่ ดาวเตะเจ้าของค่าตัว 32 ล้านปอนด์เริ่มโชว์เทคนิคพิสดารในห้องแต่งตัวของทีม "เขาเป็นคนที่ใจกว้าง จนทำให้หลายๆอย่างง่ายขึ้น เขาทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ได้เพียงเพราะความสามารถที่มีอยู่ในตัว แต่เขาต้องการทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับจากเพื่อนร่วมทีม"

"ถึงเราจะยังไม่อาจพัฒนาการเล่นขึ้นมาสู่ระดับเดียวกับทีมใหญ่ๆ เพราะมีนักเตะหนุ่มๆอยู่มาก ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมสปิริตความทุ่มเทของนักเตะอังกฤษ ผมไม่เคยอยู่ที่ลอนดอน แต่วิถีชีวิตของผู้คนทางตอนเหนือทำให้ผมประทับใจอย่างมาก แน่นอนว่ามันจะต้องมีเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับสโมสรแห่งนี้"

แต่จากอันดับของแมนฯ ซิตี้ ในตารางลีกตอนนี้ เซอร์ไพรส์ของก็องปานี จะดีหรือร้าย แฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" คงจะต้องลุ้นกันหนักพอสมควร

http://www.siamsport.co.th/Column/090223_058.html

จากคุณ : pelipe - [ 23 ก.พ. 52 18:21:46 ]