ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนคุณทำผัดไทยอร่อยติดตลาดคนกิน ต่อให้อยู่ไกลและอยู่ซอกหลืบแค่ไหนคนก็ตามไปกินไปอุดหนุน แต่ในขณะเดียวกันต่อให้ร้านมันสวยมันหรูมันดูดีแต่ไม่อร่อยให้โฆษณาแทบตายคนก็ไม่ไปกิน... แล้วทำผัดไทยอร่อย ทำเรื่องฟุตบอลได้ดีและเป็นแนวทางที่ดีอยู่แล้ว ทำไมถึงได้คิดเปลี่ยนไปทำเย็นตาโฟร์ซะงั้น... ได้ทำแผนทดลองหรือยัง ได้ทำรายงานเปรียบเทียบได้เสียหรือยัง เพราะโรงเรียนทุกโรงเรียนเขาก็มุ่งในสายด้านวิชาการอยู่แล้ว หรือผอ.ท่านนี้จะคิดแบบโรงเรียนในญี่ปุ่นหรือโรงเรียนในยุโรปที่จะหานักวิชาการดีมาสอนเด็ก หานักวิจัยดีๆ มาสอนเด็ก นักวิชาการของจริงที่มีผลงานเจอร์นัลดังๆ ไม่ใช่พูดมากเสียงดังในสังคมแค่นั้น ที่อื่นเขามุ่งตรงนั้น หรือว่าโรงเรียนจุฬากรณ์ยกเลิกโครงการดีๆ ให้โอกาสทางเลือกเด็กเพื่อมุ่งไปเป็นโรงเรียนมุ่งเน้นวิชาการในระดับโรงเรียนดีของอาเซียน.... แน่ใจว่าจะไปทางนี้แน่หรือ จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เฮ้อ อ่านแล้วก็ได้แต่งงสงสัยใน "วิสัยทัศน์" ของผู้บริหารจริงๆ จากคุณ : GT4Max - [ วันจักรี 14:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก็โลกนี้ไม่ได้มีแต่ฟุตบอลนี่ครับ ผมก็เคยเจอเรื่องคล้ายๆแบบนี้ แต่ของผมเป็นในเรื่องวงโยครับ ก่อนเขาจะตัดสินใจอะไรผมว่าเขาชั่งใจดูแล้ว ปล. เย็นตาโฟอาจจะขายดีกว่าผัดไทยก็ได้ ^^ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 52 14:22:15 จากคุณ : หากวันนี้ไม่ได้มีแค่ 24ชั่วโมง - [ วันจักรี 14:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในฐานะคนอยู่ไกล ขอเดาๆนะครับ โรงเรียนจุฬาภรณ์ เป็นโรงเรียนที่เน้นทางด้านวิทยาศาสตร์ ภาพลักษณ์เป็นเช่นนั้น ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ถ้าจะอวดผลงานกัน จุฬาภรณ์จังหวัดนั้นมีเด็กได้เหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิก จังหวัดโน้นได้เหรียญทองเคมีโอลิมปิก จังหวัดนี้ได้เหรียญทองคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ส่วนจุฬาภรณ์ ชลบุรี ได้เหรียญทองฟุตบอลโอลิมปิก เข้าพวกกันดีทีเดียว จากคุณ : vision - [ วันจักรี 14:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลองมองลึกเข้าไปถึงคำว่าวิชาการ... พระเจ้าช่วย ยังมีปัญหาในการขอบริจาคเพิ่มเติมค่าหนังสือโดยมีการขอความอนุเคราะห์จากผู้ปกครองเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากระดับผู้อำนวยการโรงเรียน... เริ่มต้นได้ประเมินดีแล้วหรือ ถึงได้ตัดโอกาสทุกอย่างกับคำว่าวิชั่นนำโรงเรียน ลองดูเพิ่มเติมอะไรอีกมากมายได้จากเว๊ปไซด์ของโรงเรียน http://www.pccchon.in.th/ จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปัญหาคือวิชั่นในด้านการทำการร่วมมือและการสร้างสรรค์สังคม เป็นมากว่า สิบปี... กว่าสิบปีแล้วก็เกิดเด็กที่ทำชื่อเสียงให้แก่ชาติและประเทศ หนักไปกว่านั้นโรงเรียนจุฬาภรณ์ ชลบุรีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งให้โอกาสเด็กมากมายเป็นวิชั่นร่วมที่ดีมากๆ นอกจากปลูกฝังด้านวิชาการแล้วยังเน้นด้านสังคม ถึงได้เกิดภาวะศรัทธาร่วม ไม่ใช่แค่โรงเรียนจุฬาภรณ์ แต่รวมไปถึงโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา แต่เรารู้กันในสิบปีนี้ว่าโรงเรียนจุฬาภรณ์มีชื่อเสียงเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ด้านวิชาการอยู่แล้วคือโอกาสและชื่อเสียงในด้านอื่นควบคู่ จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 วิชาการมันก็ไปควบคู่กับกีฬาได้นี่นะ ถ้าผู้บริหาร "เก่ง" จริง จากคุณ : GT4Max - [ วันจักรี 14:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นายอรรณพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้นักฟุตบอลทีมจุฬาภรณ์ ได้แยกย้ายกันเกือบหมดแล้ว โดยตนส่งนักเตะไปเก็บตัวอยู่ที่โรงเรียนกีฬาชลบุรี, อัสสัมชัญศรีราชา และโรงเรียนชลราษฎร์อำรุง เชื่อว่าแม้จะต้องปิดสถาบันพัฒนานักฟุตบอลเยาวชนจุฬาภรณ์แล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทั้งระบบแน่นอน แม้จะมีนักเตะเหลืออยู่ประมาณ 14 คน ซึ่งทุกกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 จะขอเรียนต่อให้จบการศึกษา เพราะถ้าย้ายตอนนี้ลำบากมาก .................................................................................... แล้วเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร นักเตะแยกย้าย แต่ยังเหลืออยู่อีก 14 คน และก็กำลังเรียน ม.6 วันนั้นได้ยืนหยัดที่จะร่วมกันเพื่อนำเด็กที่ด้อยโอกาสและเป็นเด็กที่จะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญและโรงเรียนได้ตอบคำถามสังคมเรื่องวิชั่นกับสิ่งดีๆ ของสังคม ทำไมพวกเขาถึงได้เกิดเหตุการณ์นี้ กลายเป็นโรงเรียนอื่นที่อ้าแขนต้อนรับเขาแทนและก็ไม่ใช่โรงเรียนที่มีชื่อด้านการกีฬาอย่างเดียว อาทิ อัสสัมชัญศรีราชา เพราะกี่คนที่จบโรงเรียนนี้ที่ทำคุณประโยชน์และเป็นนักวิชาการมีคุณวุฒิมากพอกับวัยวุฒิที่ดีต่อสังคม แล้วทำไมเขาไม่ปิดแค่คำว่า มุ่งเน้นด้านวิชาการ อย่างเดียว หรือจริงๆ มันคือวิชั่น..... เริ่มมาสิบปีแต่จะเป็นวิชาการแบบปุ๊ปปั๊ป ปัญหาเลยเกิดเป็นคำถามกับสังคม จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชลบุรีเดินหน้าโครงการฟุตบอล โดยดึงเอาการบินไทยมาจัดการเป็นการบินไทยบ้านบึง แล้วเด็กที่รู้ว่าตนเองเดินสายวิชาการได้แต่เชื่อว่าตนเองจะทำชื่อให้โรงเรียนของตนได้อยากจะไปโครงการนี้จะทำอย่างไร.... เมื่อคนสังคมบ้านบึงก็มีโรงเรียนจุฬาภรณ์เป็นจุดหลักของสังคมจุดหนึ่ง.... จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ......โรงเรียนจุฬาภรณ์ เป็นโรงเรียนที่เน้นทางด้านวิทยาศาสตร์ ภาพลักษณ์เป็นเช่นนั้น..... ผม ก็มองว่าอย่างนั้น คนเราไม่สามารถเก่งไปได้ทุกเรื่อง ถ้าคอนเซ็ปท์ ของโรงเรียน ต้องการเป็นอย่างนั้น คือถนัดทางวิทยาศาสตร์ ก็ควรจะปล่อยไป เพราะมิฉะนั้น เด็กที่เข้ามาเรียนก็จะสับสนด้วย แบ่งแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเน้นกีฬา กลุ่มหนึ่งเน้นวิชาการ   โรงเรียนจุฬาภรณ์ ได้รับการยอมรับ เทียบชั้นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เมื่อค้นพบแล้วว่า ถนัดทางไหน ก็ไม่แปลก ที่จะยกเลิกนโยบายบางอย่างไป.......ลองอ่านนี่ดู...... ......ในทางการแพทย์ยังหาสาเหตุที่ทำให้คนเราถนัดในสิ่งที่แตกต่างกันไม่ได้  แต่ทางจิตวิทยาบอกว่า เกิดจากความสนใจ การคิดวิเคราะห์จนเห็นจุดเด่น เห็นความสำคัญของสิ่งนั้น สร้างเป็นแรงบันดาลใจ แรงจูงใจที่จะศึกษาและปฏิบัติ จนเมื่อถึงจุดหนึ่งสมองจะบันทึกไว้เป็นความรู้สึก และฝังลึกจนกลายไปเป็นความถนัดในที่สุด         แม้แต่งานชนิดเดียวกัน เช่นนักดนตรี ก็จะมีความถนัดเล่นเครื่องดนตรีชนิดต่างๆไม่เหมือนกัน นักวิ่งบางคนถนัดวิ่งหนึ่งร้อยเมตร ยังไม่สามารถมาลงแข่งสี่ร้อยเมตรได้   ทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง ถ้าจับกองหน้ามาเล่นเป็นกองหลัง จะแพ้ทันที  ช่างแต่งหน้าแต่ละคน ถ้าวิเคราะห์กันดีๆ จะเห็นว่า แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน บางคนถนัดเขียนคิ้ว เขียนตา บางคนถนัดทาริมฝีปาก บางคนถนัดแต่งทรงผม  ฯลฯ          จะเห็นได้ว่าความถนัดมีความละเอียดอ่อนมาก แม้จะอยู่ในอาชีพหรืองานสาขาเดียวกัน คนที่รู้จักจับจุดที่ตัวเองถนัดและดึงส่วนนั้นขึ้นมา ก็จะประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นเหนือกว่าคนอื่นๆ หรืออาจถึงขั้นเป็นอัจฉริยะไปเลย  ดังเช่น ปิคาสโซ่ ศิลปินระดับโลก ถนัดการใช้สีน้ำเงินเป็นพิเศษ  ภาพของเขาที่ใช้สีน้ำเงินจะมีพลังแฝงที่สูงกว่าภาพวาดของคนอื่นๆ   อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี จะถนัดสีดำ  ความรู้สึกที่มีต่อสีดำของอาจารย์สามารถถ่ายทอดผ่านภาพวาดได้  ตรงกันข้ามกับอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  ซึ่งจะถนัดสีทอง หรือสีที่สดใสเปล่งประกาย          ความถนัด ความเชี่ยวชาญเฉพาะจะทำให้สามารถโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ  ดังนั้นการค้นหาความถนัดของตนเอง เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณถนัดว่ายน้ำ  แล้วไปลงสนามวิ่งแข่ง  ทำอย่างไรก็จะไม่มีวันขึ้นมาเป็นที่หนึ่งได้  เช่นเดียวกับ เอาไทเกอร์วู๊ดส์ ไปแข่ง วิมเบิลดัน   คนเราไม่ต้องเก่งหลายอย่าง ขอสักอย่างเดียว แล้วให้สุดๆไปเลย         การเชี่ยวชาญอย่างยอดเยี่ยมเพียงไม่กี่อย่าง ดีกว่า การที่รู้ทุกอย่าง แต่ไม่ชำนาญสักอย่าง  ไม่เคยมีนักกีฬาไตรกรีฑา หรือทศกรีฑาเหรียญทองคนไหน ที่มีชื่อเสียงจนผู้ชมจำได้  เพราะผู้ชมจะไปจำคนที่สุดยอดในแต่ละด้านแทน........( ตัดตอนจากหนังสือ "เดอะท็อปซีเคร็ต 2 " )        โดยส่วนตัวมองว่า  โรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ ถนัดทางสร้างเด็กให้เป็นเลิศทางวิชาการมากกว่า ซึ่งทุกวันนี้ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงเรียนชั้นนำทางด้านวิทยาศาสตร์ ดังนั้น จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องถ้าจะตัดโครงการที่ไม่ถนัดออกไป จากคุณ : ปัจจตัง - [ วันจักรี 14:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โรงเรียนจุฬาภรณ์เดินสายฟุตบอลไม่ใช่เป็นหลักแต่เขาเรียกว่าโอกาสสังคมและชุมชน ตอบแทนแก่สังคมและชุมชน และร่วมมากว่าสิบปี ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้หรือว่า ตลอดระยะเวลาโรงเรียนได้ค่อยเป็นค่อยไปในการเช็คและตรวจสอบแล้วว่า มาตรฐานการสอนดี หรือ มีเด็กติดมหาวิทยาลัยทำชื่อเสียงด้านวิชาการในรอบห้าปีนี้เป็นจำนวนมาก เด็กได้โอลิมปิกวิชาการผมไม่ค่อยสนใจและให้ความสนใจเท่าไร เพราะไม่รู้ว่าเด็กเหล่านี้โตมากับเหรียญนั้นเขาได้ทำอะไรให้สังคม อาจจะมีแต่ส่วนใหญ่ไปทิศทางไหนนี่คือความจริงเพราะเราไม่นิยมในเรื่องปัจเจกแต่ให้ความชื่นชมกับการทำชื่อเสียงของประเทศ ได้แต่บอกว่าเสียดายจริงๆ กับโครงการดีๆ แล้วสังคมชลบุรีเขาเป็นสังคมวิชั่นไปแล้วเป็นแบบนี้แล้วแนวโน้มจะไปอย่างไร หรือว่าจะได้กับเด็กประจำที่มาจากที่อื่น จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นานาจิตตังเพราะไม่มีใครถูกผิดแต่อนิจจา.... คงลืมกันไปว่าก่อนหน้านั้นกับผู้อำนวยการคนเก่า กลับสามารถผลักดันในโรงเรียนนี้เดินไปด้านวิชาการจนมีชื่อเสียงโด่งดัง พร้อมกันนั้นกว่าสิบปีนั้นก็สามารถผลักดันให้มีเด็กเก่งๆ มากมายอย่างเกียรติประวุฒิ รวมทั้งเด็กทีมชาติอายุ 19 ความถนัดเฉพาะทางเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สิ่งที่เกินไปกว่านั้นคือวิชั่นในการปรับเปลี่ยน โรงเรียนจุฬาภรณ์ ชลบุรี ไม่นำเอาโรงเรียนจุฬาภรณ์ที่อื่นมารวมน่ะครับ จึงได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์ แต่เพราะว่าการทำงานที่มีวิสัยทัศน์เชิงสูงและการจัดการที่ดีมากว่าสิบปีทำให้ส่วนประกอบและเครื่องปรุงของคำว่า .... ผัดไทย นี้มันอร่อยและมันลงตัว วิชาการกับการกีฬา (สังคม) เดินมาได้อย่างดีและเป็นระบบแบบแผนจากการจัดการแต่ต้องมาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือจนแม้แต่สังคมคนโดยรวมก็งงงันว่า ตกลงแล้วสิบกว่าปีที่ผ่านมานั้น มีอะไรที่เป็นจุดด้อยและเป็นความเสื่อมเสียของนโยบายของสังคม.... จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 14:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เค้าคงต้องการเปลี่ยนจริงๆน่ะล่ะครับ เค้าคงมองว่า หน่วยงานที่สนับสนุนฟุตบอลในชลบุรีมันมีเยอะ  ละมั้งครับ   เลยอยากเบนเข็ม ไปทางวิชาการ ให้ตรงจุด  อย่างที่คห. บนๆ บอกมา   แต่ก็น่าเสียดายนะ โรงเรียนนี้ฟุตบอลไม่ใช่ย่อยเลย จากคุณ : อั้ม แฟนพันธุ์แท้ Liv tyler (อั้ม ติ่งเหลือม) - [ วันจักรี 15:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตราบเท่าที่ฟุตบอลยังไม่เป็นอาชีพจริงจัง คงยากที่จะเห็นโรงเรียนมุ่งไปทางนั้น จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) - [ วันจักรี 15:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอหันไปย้อนดูก่อนๆ หน้านี้ที่ทำวิชั่นเดินสองด้านและให้โอกาสสังคม... กลับไม่มีข้อไหนที่เป็นเรื่องน่าตำหนิ และน่าชื่นชมเมื่อสามารถเดินไปด้านวิชาการได้อย่างตรงเป้าหมายและสามารถเดินไปสู่แนวทางพัฒนาสังคมและกีฬาจนสามารถผลิตนักฟุตบอลที่จะเป็นกำลังสำคัญ เราไม่ได้ดูแต่เรื่องฟุตบอลเป็นเป้าหมาย เราดูเป้าหมายตรงกลางทุกอย่างในสังคม ดังนั้นมันเลยเกิดคำว่าวิชั่นแล้วเราก็จะได้แต่เด็กได้เหรียญทองโอลิมปิกวิทยาศาสตร์แต่จะไม่เหลือนักวิจัยวิทยาศาสตร์ไปสู้แข่งกับใคร.... ผลงานสิบปีที่ผ่านมาที่น่าเลื่อมใส จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 15:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บอกตามตรงว่าเคยคิดว่าชลบุรีวางวิสัยทัศน์เพื่อที่จะดันทุกด้านรวมถึงด้านวิทยาศาสตร์เพราะเขาก็คงจะต่อยอดไปถึงเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา นั่นคือแนวทางต่อไปที่น่าจะเกิดกับทีมระดับอาชีพเพราะมันเกิดหมดแล้ว มากกว่าคำว่าทีมแพ้ทีมชนะ และเด็กจุฬาภรณ์ก็จะเป็นหัวหลักสำคัญในการเดินวิชั่นตัวนี้ พร้อมกันนั้นเขาก็จะมีพี่น้องและคนรู้จักกันที่ลงไปเตะฟุตบอลเป็นสังคมใหม่อาธรณ์ เพราะไม่เช่นนั้น รร.จุฬาภรณ์ ชลบุรีก็ไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ รู้จักกันแต่ในวงการศึกษาแต่ในวงการสังคมกลับไม่เคยได้ยิน เด็กวิทยาศาสตร์ไม่มีหนทางวิทยาศาตร์แต่หากเดินร่วมทางกันไป แล้วมันเกิดรูปธรรมเห็นได้ ถึงเวลานั้น รร.จุฬาภรณ์จะปลีกวิเวกจากวงการการศึกษาส่วนกลางเป็นการศึกษาวิทยาศาสตร์เฉพาะด้านแบบบางท่านแสดงความเห็นด้านบน มันก็พึงทำได้เหมือนที่บาร์เซโลน่าเขามี รวมถึงที่ประเทศดังๆ มากมาย ที่ทีมฟุตบอลจับมือกับส่วนด้านการศึกษาป้อนงานและป้อนการพัฒนาทั้งรอบด้าน ความหวังที่เคยเห็นนั้น บอกตรงๆ ว่าเสียดายจริงๆ เพราะที่บาร์เซโลน่าก็มีแนวทางแบบที่ รร.จุฬาภรณ์ ชลบุรีเขาทำกับทีมฟุตบอลและโรงเรียนต่างๆ ในชลบุรีเช่นกัน แต่วันนี้เขาจะย้อนกลัยไปสู่เส้นทางก่อนสิบปีที่แล้ว ถ้าเพียงแต่เปรียบเทียบแล้วมีวิชั่นปรับเปลี่ยนวันนี้คงไม่ต้องเริ่มหาทางกันใหม่ เดินแนวใหม่กันต่อไป เสียดายจริงๆ กับวิชั่นแบบไทยๆ ... หรือความแตกต่างมันคืออะไรกันแน่ๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าผู้อำนวยการคนปัจจุบันก็จะมีคนจำชื่อท่านไว้เช่นกันเพื่อจะดูว่าวิสัยทัศน์ของท่านที่จะมุ่งนั้นภายในสามปีข้างหน้าจะมีผลเช่นไร แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 52 15:36:40 จากคุณ : danielle - [ วันจักรี 15:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มันเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารโรงเรียนแหละครับ คนใหม่เขาคงไม่ค่อยสนใจด้านกีฬา เลยผลักดันด้านวิชาการอย่างเดียว ตอนสมัยมัธยมผมก็มีผู้บริหารโรงเรียนที่สุดยอดเหมือนกัน ปูสนามหญ้าโรงเรียนใหม่ 3 แสน แต่ห้ามนักเรียนลงไปเตะบอล เพราะกลัวหญ้าตาย แต่จู่ๆ มีคนมาเช่าหอประชุมโรงเรียนจัดงานแต่งงาน แต่พื้นที่จอดรถไม่พอ ก็เลยเปิดรั้วให้รถเข้ามาจอด สนามก็เละสิครับท่าน 3 แสนนักเรียนยังไม่ได้เชยชมเลย ผมละเสียดายเห็นสนามหญ้าปูใหม่พังไปกับตา อีกด้านโรงรียนผมจะเชิดชูนักเรียนวิชาการ มากกว่านักเรียนกีฬา ไอ้เพื่อนผมคนนึงมันเล่นกีฬาเก่ง แต่เรียนค่อนข้างอ่อน โดนอาจารย์ปรามาสต่างๆ นานา แต่มันก็เรียนต่อสายวิทยาศาสตร์การกีฬาของมันได้ เรียนจบโทและได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผมก็ยังเห็นเพื่อนคนอื่นๆ ที่เรียนเก่งกว่ามันยังลุ่มๆดอนๆ อยู่เลย รวมถึงผมด้วย 555 จากคุณ : nongden - [ วันจักรี 16:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ nongden   โรงเรียนอะไรครับ เหมือนโรงเรียนเก่าผมเลย จากคุณ : อั้ม แฟนพันธุ์แท้ Liv tyler (อั้ม ติ่งเหลือม) - [ วันจักรี 17:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ก็เหมือนผู้ว่าพิจิตรแหละรักกีฬาก็ส่งเสริมจนถึงที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าใครมีวิสัยทัศน์ทางด้านไหน ก็เหมือนผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วๆไปแหละ รุ่นผมผ่านผอ.ไป4คน แต่ละคนละความคิดกันเลย คนแรกสนับสนุนกีฬา จนตอนนั้นโรงเรียนผมได้เข้ารอบฟุตซอลควิก รอบสุดท้าย ตอนนี้ย้ายไปอยู่โรงเรียนสุรศักดิ์ ก็สนับสนุนฟุตบอล จนเหมือนจะดีขึ้นมาช่วงหนึ่ง คนล่าสุดสนับสนุนกิจกรรม ก็จัดมันทั้งปีทั้งชาติ จนโรงเรียนได้ออกทีวีบ่อยๆ ดึงเงินเข้าโรงเรียนสร้างอาคารมหาศาล ส่วนของจุฬาภรณ์นั้นน่าเสียดายมาก การกีฬามันจะไปคู่กับการศึกษาไม่ได้เลยเหรอ ผมว่าเค้าคงจะมองจากคนมากกว่า ว่าเด็กที่เรียนเก่งต้องเล่นกีฬาไม่เป็น หรือ ไอเด็กที่เก่งกีฬามันต้องเรียนไม่เก่ง ผมก็เห็นน้อยมาก ไอคนที่จะเก่งไปหมดซะทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีให้เห็นเลย จากคุณ : lNoTicEL - [ วันจักรี 19:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมคิดว่าโรงเรียนจุฬาภรณ์เหมือนกับโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ คือ คัดเด็กที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาเรียน เพื่อส่งเสริมโดยเฉพาะ.... เมื่อครั้งที่โรงเรียนจุฬาภรณ์เริ่มมีชื่อเสียงเกี่ยวกับฟุตบอล  ได้เห็นเด็กๆอย่างคาร์ เอ็ม ชลทิตย์  ผมยังแปลกใจ เพราะผมไม่อยากเชื่อว่าเด็กๆนักฟุตบอลเหล่านี้จะมีผลการเรียนที่เป็นเลิศในด้านวิทยาศาสตร์... การเรียนกับกีฬา ไปด้วยกันได้ครับ..แต่รับรองว่า เป็นเลิศทั้ง 2 ด้าน คงยากสักหน่อยครับ  ปีกาศึกษาหนึ่ง ไปซ้อม ไปแข่งกีฬาซะเกือบ 4 เดือนแล้ว เรียนตามเพื่อนคนอื่นที่เก่งวิทยาศาสตร์จริงๆ ไม่ทันแน่ครับ เพราะฉะนั้น ตามความคิดผม ..เรื่องฟุตบอลน่าจะผิดคอนเซ็ปต์โรงเรียนไปหน่อย แต่...ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ  ตราบใดที่ชลบุรียังมีคนชื่ออรรณพ..เพราะจุฬาภรณ์มีวันนี้ได้ก็เพราะคุณอรรณพ ทุกอย่างมีทางออกแน่นอน..ผมขอทายล่วงหน้าเลย ว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ต้องมีโรงเรียนอื่นในจังหวัดชลบุรีมีชื่อเสียงด้านฟุตบอลโด่งดังขึ้นมาแทนที่โรงเรียนจุฬาภรณ์  รอแค่คุณอรรณพไปคุยกับผู้บริหารโรงเรียนนั้นๆรู้เรื่องก็ลงตัวครับ เพราะคุณอรรณพไม่เคยรบกวนโรงเรียนเรื่องงบประมาณอยู่แล้ว คอนเฟิร์มครับ จากคุณ : จอมเทคนิค - [ วันจักรี 19:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 วิสัยทัศน์คนละแบบก็พออ้างได้ แต่ล้มเลิกของที่ทำได้ดีมาหลายปี ลงอย่างฉับพลัน คิดได้ไง ??? มันมีอะไรเลวร้ายจนไม่อาจให้อยู่ในโรงเรียนได้ถึงขนาดนั้น ??? จากคุณ : ป้าหนอน - [ วันจักรี 20:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กีฬาของ จภ.ชล เค้าดีจริงๆครับ แต่เค้าพัฒนาโรงเรียนผิดไปจากวิศัยทัศน์ที่ตั้งใจไว้ก่อนก่อตั้งโรงเรียน จำได้ว่าสมัยผมม.6 เดินทางไปแข่งกีฬาแคแสด(ชื่อนี้ป่าวหว่า) โดน จภ.ชล ยำกลับมา 7 - 1   555+ จากคุณ : NON-MEM - [ วันจักรี 22:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วทำให้เก่งทั้งสองอย่างไม่ได้หรอไง แปลว่าผู้นำความสามรถไม่เพียงพอ ที่จะทำทั้งสองอย่างหรอไง คุณอยากมีนักกัฬาเก่งๆ ก็แบ่งห้องไว้ กำหนดเกรดขั้นต่ำ มีอาจารย์ดีๆสอน คุณอยากมีนักเรียนฉลาดๆ ก็ทำไป ผมไม่ค่อยเข้าใจน่ะ มาทำไมต้องเลือกเอาไอ้นี่ แทนไอ้นี่ ทำทั้งสองอย่างสิ จากคุณ : งุ๊งงิ๊งนุ๊งนิ๊ง - [ วันจักรี 22:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แล้วไปยุ่งอะไรกับนโนบายรร.เขาละ ถ้ามองกลับกันละ ถ้าเขาเปลี่ยนทั้งรร.เป็นรร.กีฬา พวกหัวกระทิเหล่านี้ไม่ระหกระเหินครั้งใหญ่หลอ ถ้าไม่ไปหาดใหญ่ ก้อต้องมากทม.เลย... คนเราจะเอาดีเอาซักด้านไปเลยจิงๆ เพราะเขากําลังขึ้นมาเปนรร.ชั้นนําแล้ว ผมเชื่อว่า ศักยภาพเขาไม่ต่างจากมหิดลหรือ เตรียมอุดมหลอก แต่ ปัญหาเขาเหมือนอย่างยุพราช หรือ เบญมราช ที่รร.ยังดึงดูดท๊อปของรร.ใกล้เคียงมาไม่ได้ เพราะทั้งเตรียมและมหิดลได้ท๊อปๆของรรงอื่นมาเกือบหมดละ จากคุณ : หนุ่มเสื้อบอล - [ วันจักรี 22:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเห็นด้วยกับการ "ไม่จับปลาสองมือ" ส่วนกีฬา ในเมืองชลฯก็มี หลายสถาบัน ส่วนวิชาการ ก็มีหลาย สถาบัน เพราะตอนนี้ เราจะสร้างเด็กขึ้นไปในระดับ "สูงกว่านี้" ทั้งด้านฟุตบอล และทั้งด้านวิชาการ การให้สถาบันเดียว แบ่งงบ เพื่อสนับสนุนทั้งสองด้าน เพื่อสร้างเด็ก เอาดี ในระดับ ที่ผ่านมาน่ะ พอจะได้ แต่เอา "ระดับโลก" น่ะ ผมว่ายาก มองในภาพรวม เมืองชลมีหลายสถาบันที่สร้างนักบอล ถ้า มีนโยบายพลิกทั้งเมืองค่อยว่าไปอย่าง จากคุณ : ไฟล์ท B ทีน้ำเงิน - [ วันจักรี 23:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมมองว่า จุฬาภรณ์ดังกีฬาได้เพราะ เฮดในชลบุรี ไม่ใช่เพราะ รร ครับ ตราบใด คุณปลิ้ม และ คุณ อรรณพยังอยู่ รร ใหม่ๆเกิดได้เสมอ และผมก็ไม่รู้สึกแปลกใจถ้าจะยุบไป เพราะผมเชื่อใน specilaize ไม่มีใครจับปลาสองมือได้ และได้ดีครับ ถ้า อสช ศรีราชา ยุบไปเนี่ยซิจะแปลกใจผมมากกว่า จากคุณ : กองเชียร์คริสเตียน[เอฟ.ซี.] - [ วันจักรี 23:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ขอพูดเรื่อง จภ. ขอพูดเรื่อง อสช ดีกว่า ไม่ใช่ว่าอัสสัมจะไม่มีปัญหากับพวกนักฟุตบอลและการสนับสนุนกีฬานะครับ คือต้องบอกว่าอัสสัมเป็นโรงเรียนประจำที่ระเบียบวินัยเข้มงวดและเหล่าช้างเผิอกต่างๆก็ต้องอยู่ในกฏระเบียบนี้ด้วยซึ่งแน่นอนว่าอึดอัดและมักจะสร้างปัญหาให้กับฝ่ายปกครองและฝ่ายนักเรียนประจำเสมอๆเนื่องจากช้างเผือกมักจะถูกมองเป็นอภิสิทธิ์ชนอยู่เสมอๆจากสายตาของนักเรียนประจำคนอื่นๆเนื่องจากเมื่อมีการแหกกฏแล้วมักจะมีมาตรฐานในการลงโทษที่ต่างออกไป เมื่อเป็นปัญหาเช่นนี้ทำให้โรงเรียนต้องพยายามทำให้เกิดมาตรฐานเพียงหนึ่งเดียวและทำให้เหล่าช้างเผือกเกิดอาการอึดอัดและบางคนทนไม่ได้ต้องย้ายออกไปบางคนโดนให้ออก นี่แหล่ะปัญหาที่เกิดตอนนี้และมีข่าวแว่วมา(จากน้องชายผมเองที่ยังเรียนอยู่ที่อัสสัม)ว่าตอนนี้โรงเรียนให้การสนับสนุนช้างเผิอกน้อยลงซึ่งผมคิดว่าคงไม่พ้นสาเหตุเรื่องปัญหาเรื่องการปกครองนี่แหล่ะ ซึ่งถ้าวันนึงอัสสัมเดินตามรอย จภ. ไปด้วยการยุบโครงการช้างเผือกผมคงเสียดายมากๆแต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันหรอกครับว่าจะเกิดขึ้น แต่ปัญหาที่อยากจะชี้ให้เห็นคือเรื่องพฤติกรรมของนักฟุตบอลซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะทำตัวให้อยู่ในกฏระเบียบบ้างไม่ได้หรือมันเป็นเพราะความลำพองตนว่าเล่นกีฬาเก่งแล้วอยากทำอะไรก็ได้ สังเกตุเอาเถอะผมไม่เข้าใจทำไมเล่นบอลเก่งต้องนักเลง(บางคนดีก็มีนะครับ) เมื่อวานไปดูแม่กลองเห็นพฤติกรรมของวุฒิชัยแล้วผมรับไม่ได้ โดนนักเตะแม่กลองเตะล้มแล้วเขาเข้ามาขอโทษส่งมือให้จับแต่ดัน สะ-เอือก ปัดมือทิ้งคนเค้าเห็นกันทั้งสนาม เลยเป็นเป้าไปโดยปริยาย จับบอลเป็นโดนโห่ จนต้องโดนเปลี่ยนออกตอนท้ายเกมส์ นี่คือตัวอย่างหนึ่งของพฤติกรรมที่ผมไม่เข้าใจ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 00:03:03 จากคุณ : นายแดง เด็กม.ปลาย - [ 7 เม.ย. 52 00:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แว่วๆว่าก็มีอีก รร คือ อสช พาณิชยการ ที่กำลังจะยุบ นักกีฬาทุนเช่นกันนะครับ ส่วนเรื่อง จุฬาภรณ์ ถ้ามาเกิดใน รร ผม ผอ. คนนั้นถือว่าต้องซวยมากๆ โดนศิษย์เก่าเขย่า เ้ก้าอี้ ผอ. แน่ๆ คงเช่นเดียวกับ รร จตุอื่นๆ จากคุณ : กองเชียร์คริสเตียน[เอฟ.ซี.] - [ 7 เม.ย. 52 00:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเห็นด้วยกับทางโรงเรียนครับ เพราะเท่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้ยินว่า เด็กจากจุฬาภรณ์ จะดังด้านวิชาการเหมือนกับ มหิดลฯ นะ ทั้ง ๆ ที่แนวคิดในการจัดตั้งเป็นแบบเดียวกัน ตอนนี้ มหิดลฯ ไปไหนต่อไหนแล้ว และ ก็เห็นด้วยกับ คุณ นายแดง เด็ก ม.ปลาย ครับ ปัญหาแบบนี้ (เรื่องระเบียบวินัยของเด็กโครงการช้างเผือก) ก็เคยทำให้  หอวัง ต้องยกเลิกโครงการนี้มาแล้ว เพราะเด็กโครงการช้างเผือกค่อนข้างจะแหกกฏระเบียบเป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่รุ่นก่อนนั้น หอวัง ทำทีมบอลเด็กัมัธยมได้มีสีสันเลยทีเดียว อดีตเยาวชนทีมชาติอย่าง เจ้าบัส ชมนันท์ สุขเกษม ก็เป็นหนึ่งผลผลิตของ หอวัง แต่สุดท้าย เมื่อ เด็กโครงการสร้างปัญหา โรงเรียนก็ต้องเลือกระบบไว้ก่อนหละครับ ผมไม่โทษ ผอ. นะ ผมมองว่า นี่คือ มืออาชีพเหมือนกันครับ ในเมื่อโรงเรียนต้องเป็นมืออาชีพด้านการผลิตเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาแผนปกติ และ แนวคิดหลักของโรงเรียนไม่ได้เหมือนกับ โรงเรียนกีฬา ซึ่งมุ่งพัฒนาศักยภาพการกีฬาเป็นหลัก ดังนั้น ผมว่า ทางโรงเรียนไม่ผิดครับ หลายท่านบอกว่า ทำไมจะทำควบคู่กันไม่ได้ ทำหนะทำได้ครับ แต่เด็กจะไม่จบเอา เพราะอย่างที่คุณจอมเทคนิคบอกมานั่นหละครับ ถ้าไม่ได้เรียนเลย ไม่มีทางตามทันหรอกครับ ยิ่งเรียนสายวิทย์ ถ้าไม่สนใจก็เตรียมหาที่เรียนใหม่ได้เลยครับ  และ มันก็ส่งผลต่อการเข้ามหาวิทยาลัย (ถ้าไม่ได้เล่นบอลอาชีพต่อ) มีตัวอย่างมาเยอะแล้ว ที่เรียนไม่ไหว ต้องโดนรีไทร์ ไปก็มากต่อมาก หรือถ้าเรียนไหว ก็ต้องรอ 8 ปีจบ ก็มีเยอะ ใครบ้างไปตามกันเอาเองนะครับ บางคนแย่ยิ่งกว่านั้นอีก รีไทร์ 2-3 รอบ เปลี่ยนมหาวิทยาลัยเป็นว่าเล่น ผมไม่ไดโทษเด็กผิดนะครับ แต่ในระบบแบบนั้น เราก็ต้องเข้าใจว่า การศึกษามันต้องมาก่อน ถ้าเทียบกับ ระบบการปั้นเยาวชนในยุโรป น่าจะคล้าย ๆ กับโรงเรียนกีฬา คือ สโมสรเป็นคนฝึก แต่เอาตัวไปฝากไว้เรียนที่โรงเรียน โรงเรียนก็ไม่ต้องระดับดีมาก พูดง่าย ๆ คือ เรียนแค่พอรู้วิชาเท่านั้น ไม่ต้องหวังว่าจะต้องเป็นเลิศตามวิชาการไปด้วย  ปัจจุบัน เมืองไทยก็มีแบบนี้นี่ครับ JMG หรือไง ที่เคยนำมาลงกันก็เป็นแบบนั้นอยู่ ผมมองว่า ถ้าเราจะทำบอลให้เป็นมืออาชีพ เราก็ต้องยอมรับความเป็นมืออาชีพด้านการศึกษาของโรงเรียนในแผนปกติเหมือนกันครับ ถ้าคุณเตะบอลเก่ง แต่เรียนไม่ได้เรื่อง หรือ ระเบียบวินัยหย่อนยาน ก็ควรจะต้องหาโรงเรียน หรือ สถาบันที่เขาเหมาะกับตัวคุณจะดีกว่าครับ เราอย่าไปดึงมาตรฐานเขาลงมาเลยครับ อย่าพยายามทำเหมือนรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา ที่โรงเรียนมาตรฐานสูง ต้องไปดึงลงมา แทนที่จะพัฒนาโรงเรียนอื่น ๆ ให้มาตรฐานสูงตาม อย่าทำอย่างนี้เลยครับ จากคุณ : งาสาน - [ 7 เม.ย. 52 09:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 # กองเชียร์คริสเตียน[เอฟ.ซี.] ผมว่า ในเครือจตุฯ ผอ.ที่โดนเขย่าแล้วได้ผล เห็นจะมีแต่ กท. กับ เทพฯ เท่านั้นครับ โรงเรียนผม เขย่าไปกี่รอบแล้วก็ไม่มีผลครับ ทำอะไร ผอ.ไม่ได้เลย ยิ่งมาเจอ โค้ช นี่ยิ่งแล้วใหญ่ครับ ผมทำใจมานานแล้ว จากคุณ : งาสาน - [ 7 เม.ย. 52 09:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จริงๆ ต้องชื่นชมโรงเรียนจุฬาภรณ์ ชลบุรีที่ร่วมวิสัยทัศน์กับคุณอรรณพ ที่ได้เข้าร่วมงานในสิบปีก่อนและตลอดมาจนกระทั่งออกไป เพราะโรงเรียนจุฬาภรณ์ตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมนั้นได้ตอบคำถามสังคมไปแล้วเรื่องหนึ่งคือ "ทำไมเด็กไทยเวลาเล่นกีฬาหรือฟุตบอล ตอนเป็นเยาวชนพอจะสู้ได้ แต่พอโตมาแล้วทำไมถึงได้โดนเด็กต่างชาติทิ้งขาด" เคยเป็นประเด็นสัมมนามาแล้วกับเรื่องนี้ แล้วตอนนั้นก็มีการตอบแบบเดียวกับที่เห็นใจจุฬาภรณ์ในเรื่องการเปลี่ยนแนวทางกลับไปเน้นวิชาการนี้ว่า... "เพราะระบบการศึกษาไม่เอื้ออำนวยในการส่งเสริมเด็กเล่นกีฬา" เราคงต้องมองรอบด้านมากกว่าคำว่า ถนัด เฉพาะทาง และทำความเข้าใจอะไรอีกเยอะมากๆ อรรณพได้หาคำตอบของคำถามนั้นแล้วให้สังคมของเขา โดยการไปหาแนวร่วมซึ่งจุฬาภรณ์ ชลบุรี ส่วนตัวไม่เคยได้ยินว่ามีชื่อโรงเรียนนี้และไม่เคยรู้จักว่าชลบุรีมีโรงเรียนนี้ตั้งอยู่ แต่มาได้ยินก็ตอนที่เป็นโรงเรียนหนึ่งที่เล่นลีกสูงสุดของสพก และมีเด็กชื่อเกริกฤทธิ์ ได้ลงเล่น เป็นโรงเรียนที่หลายๆ โรงเรียนต่างชื่นชมเพราะในขณะที่เด็กโรงเรียนต่างๆ ยังเล่นในระดับลีกสพก. มีเด็กจำนวนมากของจุฬาภรณ์ได้เล่นในไทยลีกตั้งแต่ยังไม่จบม.6 มันเป็น prior และ minor target.... ที่แต่ล่ะโรงเรียนก็มีอยู่แล้ว เหมือนที่ดนตรีเป็นวงดุริยางค์ หรืออะไรอีกมากมายเพราะพวกเขายอมรับว่าระบบการศึกษาไทยมันมีปัญหา จะหาคำว่าสุดยอดทางวิชาการแต่ตราบใดเห็นเด็กหายไปจากระบบวิจัย หายไปจากจำนวนนักวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏหน้าสื่อ ถามว่านั่นเป็นคำคอบของทุกโรงเรียนเกี่ยวกับคำว่า "ความเป็นเลิศทางวิชาการ" หลายโรงเรียนนำเอาคำนี้มาเพื่อหาเงินกับผู้ปกครองและหลอกเด็ก ซึ่งจุฬาภรณ์ ชลบุรีจะเป็นทิศทางไหนก็ต้องไปมองในแผนสามปี... แต่ผิดที่ไปร่วมตั้งเป็น ระดับ ศูนย์พัฒนากีฬาฟุตบอล ........ คำนี้มันไม่ใช่แคมป์ฝึกฟุตบอล มันไม่ใช่ศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาช่วงใดช่วงหนึ่งแล้วเลิกได้แต่มันคือวิชั่นที่วางมายาวๆ มันวางไม่ใช่วางแค่ฟุตบอลแต่มันหมายถึงระบบการศึกษาเพื่อป้อนให้กับนักฟุตบอล พฤติกรรมของเด็กนักฟุตบอลมันเป็นเรื่องสิ่งที่บ่มเขา ทำไมมีนักฟุตบอลวินัยดีและวินัยเสื่อม อย่าว่าแต่อะไรเลย ลองเข้าไปดู hi5 เด็ก เจเอ็มจีก็มีสองแบบ แบบแรกพวกบ้าผู้หญิง เขียนแต่คำสัปดน อีกพวกหนึ่งปิดไม่เปิดให้ใครเข้า เอาแต่เรื่องฟุตบอลไม่บ้าแฟนคลับ มันก็เลยเห็นได้ง่ายๆ โครงการช้างเผือกเป็นโครงการผลักดันด้านกีฬา แต่มันมีปัญหาเพราะไม่ได้ประเมินรอบด้านโดยเฉพาะจิตวิทยานักกีฬาที่เข้าร่วม เลยเคยบอกไปแล้วเพราะเรื่องนี้มันหนักตอนเข้ามหาลัย พอได้โควต้านักกีฬามันเข้าไปกินเหล้าแล้วก็เลิกเล่นแต่จบปริญญาตรีจากสถาบันมากมาย เพราะนี่คือจุดเสื่อมที่ประเทศด้อยพัฒนาอย่างไทยไม่เคยมี เด็กจะเข้าเรียนชึ้นปฐมภูมิ เขายังมีประเมินจิตวิทยาแต่จะเข้าไปเป็นนักกีฬากลับไม่มี มันมีฝีเท้าดีๆ เยอะแต่ความเป็นนักกีฬาหรือ professional sportman มันมีกันกี่คน ลองไปคุยกึบคนสองพยางค์ที่ทำบริษัทในระดับพันระดับหมื่นล้าน แถวๆ ปทุมฯ เป็นรุ่นเดียวกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือจนเขาย้ายไปต่างประเทศ ไปถามดูว่า... มาทำทำไมทีมฟุตบอล ทำไมไม่มุ่งเน้นไปด้านธุรกิจ เขาพูดน่าสนใจ เขาบอกว่า... การจัดการองค์กร กับองค์รวมเฉพาะด้านด้านการศึกษามันคนล่ะเรื่อง เรากำลังเดินกำลังพูดเรื่องคุณภาพชีวิตและสิ่งที่เสริมอะไรมากกว่าการทำงาน หรือการศึกษา อย่างนี้ต่อไปก็ให้พนักงานเช้ามาทำงานแล้วเย็นก็ออก ทำดีได้โบนัสไม่ดีก็ไล่ออก องค์กรนี้จะไม่เหลือความเป็นคน มันจึงบ่งบอกระดับจิตใจและระดับความคิดของคนองค์กร ไม่ว่าองค์กรไหนๆ ราชการ การศึกษา หน่วงงานธุรกิจ จะเอาเรื่องความเฉพาะด้านมาเน้นกับธุรกิจเลยไม่สนกับคำว่ากีฬา ดนตรี สันทนาการ มามั่วไปกับการเรียนหมอได้อย่างไร ยูรู้ว่าเรียนหมอพอถึงจุดหนึ่งก็ต้องเลือกทางเป็นหมอตา หมอฟัน หมอกระดูก เหมือนยูเรียนกฏหมาย พอถึงเวลาก็ต้องแยกไปสายมหาชน ไปสายระหว่างประเทศจนแยกไปหาชีวิตได้ เอามาปนกันได้อย่างไร... น่าเลื่อมใส เพราะคนไม่เข้าใจอีกมากกับคำว่าองค์รวม มองแต่เขาหันให้จับด้านใดด้านหนึ่ง พอพูดถึงโรงเรียนก็มองแต่เรื่องการศึกษา พอมองเรื่องกีฬาก็เอาแต่เรื่องกีฬา มันเลยไม่ต้องพัฒนาและยกระดับจิตใจความคิดและอะไรอีกมากมาย จึงได้มาลองหาคำว่าชีวิตที่แท้จริงกับการกีฬา ลงทุนไปด้วยความรักกลับได้คืนกลับมาอีก เรียกว่าทำอะไรเพื่อมุ่งหวังต่อสิ่งที่เรียกว่าคุณภาพคนคุณภาพสังคมมันก็จะได้ตอบกลับไปเอง บริษัทเหล็กมากมาย บริษัทกระจกอื่นมากมายมันเอาแต่บังคับพนักงาน ทำแต่เงินให้ได้มากๆ พอถึงเวลาคนไป คนทำธุรกิจเขาไม่เอาด้วย พนักงานไม่เอาด้วยแล้วทำไง.... อืม วิชั่นคนมันมองกันรอบด้านไหมมันดูกันตรงนี้จริงๆ อรรณพต้องแก้ไขต่อไป แล้วเกิดต่อไปมีคนอย่างผอ.คนใหม่เข้ามาแล้วเป็นคนคิดศูนย์กลางจักรวาลไม่ปรับไม่ค่อยหมุนแต่มาถึงก็ตูม กับสิ่งที่เป็นรากที่ทำไว้ดีแล้ว พอหันไปถามว่าแน่ใจแล้วน่ะว่าจะมุ่งโรงเรียนไปถึงระดับที่เรียกว่าความเป็นเลิศทางวิชาการ เพราะมันจะฟ้องเองว่าอีกสามปีจะเป็นอย่างไร เหมือนที่เห็นในหน้าข่าวสารที่เรียกผู้ปกครองมาพูดมาคุยหรือมาขอทุนขอความอนุเคราะห์แต่หาเป้าหมายที่วางในกรอบสามปีกับคำว่าเป็นเลิศวิชาการไม่เห็น มันเลยอย่าไปพูดหรือตีความแทนเลยดูที่การกระทำดีกว่ามันชัดกว่ากันมาก กับดร.ปรีชา เขาไม่ได้เน้นเรื่องฟุตบอลแต่เขาเน้นคุณภาพสังคมองค์รวมที่เขาอยู่ เขาอยากให้สังคมเขามีความสามัคคีอยากให้สังคมเขารักกัน เขาก็เอากีฬาไปใส่ อยากให้สังคมเขามีการพัฒนาเขาก็เอาอีเว้นท์ไปลงเกี่ยวกับโครงการและการพัฒนาแบบยั่งยืนและตามแนวพระราชดำรัส จึงไม่เคยเอาด้านนั้นมาลงเพราะคนละกรอบในห้องนี้... จริงๆ ดูเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลนี่ มันยังเทียบไม่ได้เลยกับการแข่งเรือใบรีกัตต้า แต่ก็คงเห็นได้ง่ายสุดเมื่อคนมองสิ่งนี้ได้ชัดที่สุด... ดร.ปรีชาจึงถูกยกขึ้นมาไม่ใช่เรื่องทำงานดีเด่นแต่วิสัยทัศน์ดีเด่น แกไปเน้นปรับปรุงพื้นที่รอบสนามเฉยเลย... เขาไม่ได้ลงไปในระดับการทำทีมแต่เป็นหน่วยประกอบของทีมจังหวัดเขา.... ดร.ปรีชา จันทร์เรืองจึงไม่ได้มุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่งแต่เพราะแกเป็นองค์กร เป็นผู้ว่า เงินงบประมาณก็มีอยู่แล้วเพียงแต่ใช้ให้สมประโยชน์ ผลงานก็ไม่ต้องไปอวดไปอ้าง ก็ลงมือทำจากสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยใช้ให้สมประโยชน์ แล้วแกก็สามารถทำองค์รวมของจังหวัดตั้งแต่พัฒนาระบบข้าราชการ พัฒนาคุณภาพชีวิต และการกีฬาไปได้รอบด้าน โดยไม่มานั่งกำหนดความคิดเพียงแค่ว่า... "เฉพาะด้าน" เคยแปลกใจกับสังคมเมืองไทยเวลาเห็นดร.อาจอง โผล่ออกมาหน้าสังคมอาจารย์วิทยาศาสตร์ ก็เอามาพูดกันเป็นสิบๆ ปี แต่ถามว่าหลังดร.องอาจเด็กไทยไปไหนหมดกับคำว่าเป็นเลิศทางวิชาการ หันไปดูเรื่องวาทยากรที่ไปนิวยอร์กแล้วกลับมาก็มาตื่นเต้นตื่นตากันไปอีก มันเลยเห็นแล้วก็เกิดความจริงที่ว่า เด็กไทยเป็นเลิศเรียนแทบตาย เด็กสวิสเรียนวันหนึ่งไม่กี่ชั่วโมงไปค้นหาชีวิตไปเล่นกีฬา ไปเข้าพิพิทธภัณฑ์ แต่โตขึ้นมาเด็กไทยระดับสุดยอดเป็นได้แค่ลูกจ้างบริษัทยาของเด็กสวิส หรือแม้แต่คนอย่างอาจองที่เราตื่นตากันทั้งชาติ อเมริกา จีน รัสเซีย ฯลฯ เขาบอกว่า ตื่นเต้นทำไม เขามีตั้งเยอะไม่ได้คิดแค่ขาตั้งหยั่งลงดวงดาวอย่างเดียวด้วย... (มองไปให้ลึกจริงๆ ว่าอะไรคืออะไร) นี่ยังไม่รวมเทคโนโลยีที่ได้แต่วิ่งตามเพราะระบบการศึกษาที่ว่าเป็นเลิศ ตอนนี้อรรณพเจ็บแล้วก็จำเพราะระดับวิชั่นที่จะร่วมกันพัฒนาเมือง เมืองพัฒนาก็จะเป็นพัฒนาสังคม ชาติ ฯลฯ แต่วันนี้เขาต้องเสียเวลาไปสิบปีอีกแทนที่จะสานต่อ วันนั้นก่อนลงบันทึกความเข้าใจในการตั้งศูนย์กับเขาได้ไปถามเขาหรือยัง หรือว่าจะเป็นแบบนี้ต่อๆ ไป คนหนึ่งทำ พอคนใหม่มาทำใหม่ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วชาติเราก็เจริญไปเรื่อยๆ คนมันเลยต่างกันไปเรื่อยๆ ทำไมเด็กไทยโตขึ้นมาไม่เก่งวิชาการ ทำไมโตขึ้นมาไม่เก่งฟุตบอล ทำไมโตขึ้นมาไม่เก่งอะไรเลย ทำไมโตขึ้นมาออกบันเทิง ทำไมโตขึ้นมาเอาแต่ตัวเอง ทำไมโตขึ้นมาเอาแต่ตามหลังชาติอื่นแล้วแฮปปี้หลงไหลกับสิ่งที่ชาติอื่นเขาใส่เข้ามา เทคโนเอย บอลพรีเมียร์เอย เพราะแนวคิด.... และวิชั่น ลองคิดกันอีกสักทีดีไหม ว่าโรงเรียนอื่นที่ผ่านมาเขาก็มีแนวคิดนี้มากแค่ไหนแล้วได้อะไรจากตรงนั้นไหมกับคำว่าเป็นเลิศ แต่อย่าเอาคำว่าเด็กติดเอนทรานส์ จำนวนเหล่านั้นเป็นตัวมาวัดโรงเรียนเพราะคิดกันได้แค่นั้นมันก็อยู่ของมันแค่นั้น แล้วก็ไม่ต้องไปคุยเรื่องการพัฒนารอบด้าน..... ฝากไว้ จากคุณ : danielle - [ 7 เม.ย. 52 10:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่ององค์รวมนี่เห็นด้วยครับ แต่องค์รวมคงไม่ได้หมายความว่าจะต้องเด่นพร้อม ๆ กันครับ เหมือนอย่างใน อังกฤษ เคมบริดจ์ กับ อ๊อกฟอร์ด ก็เด่นด้านการศึกษา แต่ เขาก็ยังมีทีมกีฬาได้ อย่างเช่น การแข่งขันเรือประเพณี แต่นั่นก็คือ มันเป็นประเพณีกันมานานแล้ว และไม่ได้มุ่งหวังว่า เด็กที่แข่งเรือประเพณีต้องไปติดทีมชาติ (แต่ถ้าติดผมก็ต้องขออภัย เพราะไม่ทราบข้อมูลครับ ) หรืออย่างใน อเมริกา นักอเมริกันฟุตบอล หรือ นักบาสเก็ตบอล ที่ถูกซื้อตัวมาตอนหนุ่ม ๆ นั่นก็ไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัย หรือ โรงเรียนที่ถูกวางกรอบมาให้เด่นในด้านวิชาการมากนัก  (และส่วนใหญ่ต้องตามไปเรียนให้จบในภายหลัง เหมือนกรณี ธีรเทพ วิโนทัย ตอนนี้) กลับมามองในเรื่องนี้ ถ้า จุฬาภรณ์จะยุบทีมฟุตบอล แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะต้องเลิกห้ามเด็กมีการผักพ่อนในกีฬานะครับ ผมเชื่อว่าเขาก็ยังคงมีกีฬาสีภายในให้เด็กได้เล่น หรือจะมีชมรมฟุตบอลให้เด็กได้เตะ เพียงแต่ว่า มันอาจจะไม่เด่น ไม่ดังเท่าแต่ก่อนเท่านั้นเอง นั่นก็น่าจะเพียงพอสำหรับในมุมมองของโรงเรียนที่จะเน้นแต่ด้านวิชาการเท่านั้นหละครับ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ครับ  ส่วนกรณีวงโยฯ ผมมองว่า มันยังให้ภาพลักษณ์เชิงวิชาการอยู่ มันจึงยังเป็นกิจกรรมที่โรงเรียนที่เขาเน้นวิชาการยังส่งเสริมให้ไปด้วยกันได้ ผมเห็นด้วยกับหลาย ๆ ท่านที่ว่า ถ้าคุณอรรณพยังอยู่(ยังไม่ตาย) แกจะไปเนรมิตโรงเรียนไหนต่อก็ได้ เวลา 10 กว่าปีที่ลงไป ไม่ได้สูญเปล่าครับ มันเป็น Know How ที่แกได้มาตลอด  และเป็นสิ่งที่ซื้อได้ยากด้วย มันเป็นสิ่งที่ ผอ.โรงเรียนต่าง ๆ ที่แกไปขอความร่วมมือไม่มี แต่ ของคุณอรรณพมี เช่นกัน 10 ปีที่ผ่านมา ผอ.โรงเรียนต่าง ๆ ก็คงจะมี Know How ด้านผลกระทบแง่ลบ ของเด็กโควต้าต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ คุณอรรณพอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามี ก็หวังว่าคราวต่อ ๆ  ไป คุณอรรณพก็น่าที่จะต้องเสริม Know How ตรงนี้ให้กับท่าน ผอ. ของโรงเรียนต่าง ๆ ที่จะไปทำด้วยเหมือนกันครับ จะได้ทำให้ไม่เกิดปัญหาต้องยุบโครงการเหล่านี้ครับ เพราะผมเชื่อว่า ผอ.แต่ละโรงเรียน ไม่น่าจะใช่มือโปรด้านฟุตบอลดีเท่าคุณอรรณพครับ ต่อไป ถ้านโยบายของรัฐบาล ที่จะผลักดันให้โรงเรียนต่าง ๆ ไปอยู่ในความดูแลของแต่ละองค์กรส่วนท้องถิ่น เมื่อนั้น คุณอรรณพก็น่าที่จะมี Know How ในทุก  ๆ ด้านพร้อมแล้ว และ ก็สามารถควบคุมแต่ละโรงเรียนได้โดยตรง ถึงเวลานั้น เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นอีกครับ น่าจะ Win-Win ด้วยกันทุกฝ่าย จากคุณ : งาสาน - [ 7 เม.ย. 52 11:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เคยบ่นคุณ danielle มาก็แยะ ขอชมกระทู้นี้ว่า เล่าถึงและนำเสนอ fact  มากขึ้น แต่ก็ยังพอมีความเห็น ส่วนบุคคลเข้ามา แต่ก็ไม่ได้ยัดเข้ามาจนเกินงาม ยกเว้นคห.32 ครับ 55 ผมว่าโลกนี้ไม่มีโมเดลตายตัวครับ การมีทีมบอลจุฬาภรณ์ ไม่ได้เป็นตัววัดคุณภาพของนักเรียน และเช่นกัน การไม่มีก็ไม่ได้วัดถึงคุณภาพชีวิตของนักเรียนเค้าครับ ทำไมผมคิดเช่นนั้น นักกีฬาทุน เค้าไม่ได้พัฒนา นักเรียนคนอื่นๆในด้านกีฬาไปด้วยครับ เค้าไม่ได้ส่งเสริมนักเรียนปัจจุบัน(นักเรียนที่สอบเข้ามาเรียนวิทย์ใน รร จุฬาภรณ์) สักหน่อย แต่ผมกับมองว่าฟุตบอล สามารถเป้นตัวสร้่างกิจกรรม ทักษะชีวิตให้กับนักเรียนได้มากกว่าสำหรับประเทศไทย ผมมองกีฬาเป็นตัวหล่อหลอมและสร้างชาติให้เป็นหนึุ่งเดียวได้ ดังที่ผู้นำจีนเคยกล่าวไว้ จากคุณ : กองเชียร์คริสเตียน[เอฟ.ซี.] - [ 7 เม.ย. 52 11:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาอีกรอบ เพื่อสนับสนุนความเห็นของคุณแดง เด็ก ม.ปลาย เมื่อครั้งที่ผมยังเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน มีผู้เล่นของ อส.ศรีราชา คนหนึ่ง เป็นศูนย์หน้าที่เก่งมาก ครบเครื่องเลย..ตอนโค้กคัพภาคตะวันออกเด่นสุดๆ ได้โค้กสตาร์ด้วย แต่พอปีถัดมาในกีฬาเขต ผมก็ตามหาว่าผุ้เล่นคนนี้หายไปไหนแล้ว..ให้เพื่อนช่วยสืบดูถึงรู้ว่า มีปัญหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนนักเรียน ต้องย้ายไปเรียนที่ อส.ระยอง หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยินชื่ออีกเลย น่าเสียดายมาก ไม่งั้นผู้เล่นคนนี้ ผมว่า ดังไม่แพ้โชคทวี หรือ สุธี ครับ จากคุณ : จอมเทคนิค - [ 7 เม.ย. 52 18:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 การศึกษาแบบสหวิทยาการแบบเมืองไทย บางทีมันก็ประสาทเหมือนกันครับ อย่างทุกวันนี้ ศิลปากร ที่ควรเป็นแหล่งรวมเด็กศิลป์ชั้นดี กับมีเด็กสายวิทยาศาสตร์ในสัดส่วนที่มากกว่าเด็กศิลป์ ในขณะที่ธรรมศาสตร์ที่เป็นแหล่งสร้างคนสายสังคมศาสตร์ชั้นยอด ดันมีแพทย์ พยาบาล และอะไรอีกเยอะที่คนรุ่นพ่อนึกไม่ถึง หรือเกษตรศาสตร์ ที่ควรเป็นแหล่งส่งเสริมความรู้ด้านเกษตรกรรมของไทย เพื่อการพัฒนาชาติ แต่เด็กส่วนใหญ่กลับไม่เคยปลูกต้นไม้ซะด้วยซ้ำ โรงเรียนอย่างจุฬาภรณ์ ก็ดันมีทีมฟุตบอลระดับประเทศ ทั้งๆที่เป็นโรงเรียนเน้นวิชาการ ในขณะที่โรงเรียนกีฬาชลบุรี แทบไม่มีคนรู้จัก ผมละปวดกบาลกับการศึกษาเมืองไทยจริงๆ บางอย่างก็สำคัญแค่ชื่อ บางอย่างก็ไร้ทิศทางสิ้นดี พูดเรื่องแบบนี้แล้ว ลองดูระบบฟุตบอลเยาวชนของไทยนะครับ สมาคมไม่มีส่วนร่วมตรงนี้เลยแม้แต่น้อย ให้ สพก จัดการ และแบ่งเกรดการแข่งตามปีการศึกษา ปัญหาที่เกิดคือ นักบอลที่ดีที่สุดอาจไม่ได้เล่นในระดับที่สูงที่สุด แชมป์ 16 ปี ก ปีนี้ ปีหน้าอาจต้องไปเล่น 18 ปี ข เพราะโรงเรียนตัวเองไม่ได้เล่น 18 ปี ก (งง มั้ยล่ะครับ ตั้งแต่เด็กจนโตผมก็งงอย่างเนี้ยแหละครับ) วันธรรมดาเด็กๆเรียนหนังสือ ฟุตบอลเด็กก็ทะลึ่งเตะวันธรรมดา (นักบอลมันไม่ต้องเรียน?) แถมคู่แรกเตะตั้งแต่ 9 โมงเช้า (ลืมตามาก็เตะบอลเลย) วันเสาร์อาทิตย์โรงเรียนหยุด แฟนบอล(นักเรียนในโรงเรียน)หยุด ฟุตบอลนักเรียนก็หยุดด้วย (เวร) ผมว่าอันนี้น่าสนใจกว่าเรื่องยุบโครงการช้างเผือกโรงเรียนดังซะอีก จากคุณ : Certain_Shade_of_Green - [ 9 เม.ย. 52 00:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สำหรับมุมมองผมนะครับ ผมเสียดายทีมฟุตบอลรร.จุฬาภรณ์ นะครับ เพราะผมว่ากำลังไปได้ดีที่เดียว ทั้งในผลงานระดับโรงเรียน และการเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนานักฟุตบอลจากเยาวชนสู่ระดับอาชีพ ให้กับจ.ชลบุรี(อาจจะเผื่อแผ่ไปจ.อื่นๆด้วย) แต่พอจะเข้าใจว่าทำไมผู้บริหารถึงเลือกด้านวิชาการมากกว่า แต่ไหนๆคุณก็สามารถทำได้ดีทั้ง 2 ด้าน น่าจะทำต่อไป ไม่น่าจะยกเลิกกันดื้อๆ ผมว่ายกพวกไปเชียร์บอล สนุกกว่ายกพวกไปเชียร์แข่งวิชาการตั้งเยอะ สำหรับเรื่องนักฟุตบอล ผมรู้สึกว่านักบอลโรงเรียน ไม่ได้อภิสิทธิเหนือนักเรียนคนอื่นเท่าไรนะ ผมเรียน อสช.ศรีราชา (ห้องเดียวกับ โกสินทร์,สุรีย,สุรัตน์) พวกนักบอลทำผิดก็โดนทำโทษเหมือนกันจากมาสเตอร์ฝ่ายปกครอง บางครั้งไปโดนต่อที่บ้านพักอีกรอบมาสเตอร์ที่ดูแลนักกีฬา (เช่น ม.เจด็จ) แต่ก็มีบ้างในเรื่องเล็กน้อยที่มาสเตอร์และมิสไม่ว่าอะไร เช่น หลับในห้อง ไม่ตั้งใจเรียน ไม่ทำการบ้าน ซึ่งมันก็เป็นเกือบทุกคนในห้องเรียนรวมถึงผม แต่ผมก็เข้าใจนะว่าทำไมพวกนักกีฬาช้างเผือก(อาจจะแค่ที่ผมรู้จัก)ถึงขึ้เกียจเรียน ต้องตื่นแต่เช้ามาวิ่งรอบโรงเรียนวันละหลายรอบ แล้วค่อยอาบน้ำและมาเรียนเต็มเวลาเช่นเดียวกับพวกผม เลิกเรียนก็ต้องไปซ้อมบอล ทำอย่างนี้ทุกวัน เป็นผมก็คงขึ้เกียจเรียน ทำการบ้านเหมือนกัน จากคุณ : out of repair - [ 9 เม.ย. 52 10:13:48 ]