|
เชลซี 4 - 4 ลิเวอร์พูล : หงส์แดงของเราสู้ได้สมศักดิ์ศรีที่สุด
จบแล้วแล้วเขียนทันทีเลยค่ะ และใช่แล้ว หงส์แดงของเราไม่ได้ไปต่อในศึก UCL ปีนี้ แต่เป็นการพ่ายแพ้ที่ไม่มีแม้แต่ความเสียใจ ความเสียดาย หรือความผิดหวัง 11 คนในสนามสู้จนถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ และทำทุกๆอย่างอย่างเต็มที่แล้ว ตอนเริ่มเกมส์ เมื่อรู้ว่าไม่มีกัปตันแม้แต่รายชื่อตัวสำรอง ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า กลัว กลัวจริงๆ เพราะเชื่อว่า The kop ทุกคนรู้สึกอุ่นใจเสมอเมื่อมีกัปตันอยู่ในสนาม แต่นัดนี้ เราไม่มี และแน่นอนว่าเป็นการขาดกัปตันตลอดทั้งเกมส์ มันเลยอดกลัวไม่ได้
แต่แล้วความกลัวก็หายไป เมื่อเราขึ้นนำได้ 2-0 จากออเรลิโอ้และอลอนโซ่ เป็นฟรีคิกกับจุดโทษ ภาวนาเหลือเกินให้ยิงให้ได้อีกประตูก่อนหมดครึ่งแรก แต่มันก็แค่เกือบได้เท่านั้น จบครึ่งแรกด้วยการขึ้นนำ 2-0 ...มันมีความหวังมหาศาลจริงๆ ยิงอีกแค่ลูกเดียวและอย่าเสีย ก็จะเข้ารอบแล้ว แต่พอครึ่งหลัง เชลซีตั้งหลักกลับมาสู้ได้ใหม่ และได้ประตูจากความผิดพลาดเล็กๆของเรน่า ตามมาเป็น 1-2 ใจก็ยังคิดว่าไม่เป็นไร แต่พออเล็กส์ยิงเข้าไปเท่านั้นล่ะ มันแอบรู้สึกจริงๆว่าจบกัน ยากมากที่จะยิงอีก 2 ลูก เพราะเกมส์รับเริ่มรั่ว คาราเกอร์เอาดร๊อกบาไม่อยู่เลย ราฟาตัดสินใจเปลี่ยนมาสเคราโน่ออก เพื่อบุกเต็มที่ แต่กลับกลายเป็นเชลซียิงลูกที่ 3 จนได้ เราก็คิดว่าคงจบแล้วจริงๆ เหมือนต้องกลับไปเริ่มใหม่ทั้งๆที่เวลาไม่ใช่ 90 นาทีเหมือนเดิม แต่มันแค่ 10 กว่านาทีเท่านั้น
ราฟาเปลี่ยนตอร์เรส เหมือนเป็นเครื่องหมายว่า พอแล้ว แต่นักเตะของเราก็ยังไม่ยอมแพ้ นาทีที่ 80 ลูคัสก็ยิงแฉลบให้เราไล่ตีเสมอเป็น 3-3 อดคิดไม่ได้ว่าถ้าลูกนี้เกิดขึ้นตอนก่อนหมดครึ่งแรก สถานการณ์ไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ ยังไม่ทันจะได้ดีใจ เค้าท์ก็มาโหม่งให้เราขึ้นนำเป็น 4-3 เหลือเวลาอีกประมาณ 8 นาที ไม่หวังได้ไงล่ะ ความหวังมันกลับมาอีกแล้ว มาพร้อมกับความรู้สึกว่า ไม่ว่านัดนี้จะออกมาแบบไหน ถึงเราจะต้องตกรอบ แต่มันไม่เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ใช่แล้วล่ะ เราแพ้อย่างเด็ดขาดเมื่อแลมพาร์ดยิงลูดที่ 4 ให้เชลซี พูดกับตัวเองได้ทันทีเลยว่า "ไม่เป็นไร"
ไม่เป็นไรเลยจริงๆ แถมเสียงเพลง You'll never walk alone. ในสนามก็ยังดังขึ้นตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมา เหมือนเป็นคำปลอบขวัญ คำขอบคุณให้นักเตะทุกคนที่ทุ่มเทมากมายขนาดนี้ วันนี้อาจจะมีข้อผิดพลาดในเกมส์รับมากมาย นั่นก็เพราะเราต้องบุก ต้องยิงประตูให้ได้ถึง 3 ประตู มันยากที่เล่นกับทีมอย่างเชลซีแล้วจะยิงให้ได้มากขนาดนั้น แม้จะไม่มีจอห์น เทอร์รี่ก็ตาม แต่การบุก บุก และบุก ก็ทำให้หลังรั่ว แล้วยังเจอดร๊อกบาที่ทั้งแข็งแกร่งและเร็ว คาราเกอร์ตามไม่ทันอยู่แล้ว ซึ่งหากจะให้พูดถึงความไม่พอใจในการจัดตัวของราฟา (จริงๆไม่มีแก่ใจจะพูดถึงเท่าไหร่ เหอะๆ) คงเป็นที่ ทำไมไม่เอาแอกเกอร์ลงทั้งๆที่สามารถหวังผลลูกยิงไกลได้ มีความเร็วและทางบอลดีพอจะสู้กับดร๊อกบาได้ แต่ก็ป่วยการจะคิด เพราะคู่คาราเกอร์ สเคอเทลก็เล่นดีกันมาตลอด มีมาพลาดให้ดร๊อกบานี่แหละ
ส่วนตรงกลาง ไม่อยากว่าอะไรลูคัสเลย ให้ตายสิ อุตส่าห์ทำประตูได้ แต่ว่า...อืมมม...เอาเป็นว่ามีหมอนี่ เอาบาเบลมาเล่นทางซ้าย แล้วให้เบนายูนไปเล่นตรงกลางดีกว่า หรือให้เค้าท์ไปเล่นตรงกลางก็ได้ แล้วโยคเบนายูนมาขวา ซึ่งก็ช่างมันเถอะ...เฮ้อ!!! แต่ในเมื่อยังเป็นนักเตะหงส์ เราก็จะเชียร์และเอาใจช่วยเค้าแล้วกัน และยินดีมากๆที่มีชื่อเป็นคนทำประตูในนัดนี้ แม้จะเป็นลูกยิงแฉลบก็เถอะ ส่วนปีก วันนี้เค้าท์จับบอล ล๊อกบอลดีนะ ไม่นับเปิดเสียนี่ถือว่าเล่นดีมากเลย ส่วนเบนายูนกับริเอร่า ติดเลี้ยงมากไปนิด แล้วเวลามีโอกาสจะยิงจะเปิดก็ชอบล๊อกไปล๊อกมา ไม่ตัดสินใจทำอะไรซักที จนโดนสกัดไปหลายลูก
ส่วนตอร์เรสก็น่าเสียดายลูกยิงลูกแรกที่เหินข้ามคานไปกับลูกกลับตัวยิงที่ถ้าโค้งอีกหน่อย ก็อยากจะเชื่อว่า เราเข้ารอบไปแล้ว แบ็ค 2 ข้างก็ยังปล่อยให้เชลซีเปิดบอลเข้ากลางง่าย อาจจะเป็นเพราะเติมแล้วลงไม่ทัน ซึ่งก็เข้าใจได้อยู่ว่าเป็นธรรมดาของการดันขึ้นสูง หลังก็รั่วเป็นธรรมดา
ก็จบแล้วสำหรับ UCL ในฤดูกาลนี้ของเรา แต่ไม่เป็นไร กับนัดนี้มันสุดๆแล้ว สู้สุดหัวใจจริงๆอย่างที่เราหวังไว้ และสมศักดิ์ศรีเป็นที่สุด เชื่อแน่ๆว่าไม่มีใครกล้าดูถูกเรา แม้ว่าเราจะแพ้ แม้ว่าเราจะตกรอบ แต่เราได้สู้จนถึงที่สุดอย่างแท้จริง และมันมีคุณค่า มีความหมาย มันเป็นภาษากายทีนักเตะหงส์แดงทุกคนบอกกับเราว่า "พวกเขากำลังสู้เพื่อชัยชนะให้แก่สโมสรอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน สู้จนกว่าจะหมดโอกาสอย่างแท้จริง"
สิ่งเดียวที่อยากจะบอก อยากจะส่งกระแสจิตไปให้พวกเค้ารับรู้เหลือเกินก็คือ "พวกเรารู้ พวกเราขอบคุณมาก ขอบคุณเป็นที่สุด และภาคภูมิใจเหลือเกินที่เกิดมาเป็น The kop"
จากคุณ :
howk_ky
- [
วันเถลิงศก (15) 04:17:07
]
|
|
|
|
|