Season Preview : จุดแข็ง-จุดอ่อน ลิเวอร์พูล 2008-2009
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2008-2009 ที่จบลงด้วยความว่างเปล่าของทีมรักอย่างลิเวอร์พูล ไม่ได้ทำให้จิตของเราตกแต่อย่างใด ไม่เลยซักนิด แม้ว่าจะเป็นปีที่ 3 แล้วที่เราจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า ไร้ถ้วย ไร้แชมป์ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ "เฉียด" ที่สุดในรอบ 19 ปี "เฉียด" แชมป์มากที่สุด เราได้ลุ้นจนถึงนัดรองสุดท้าย และจบฤดูกาลด้วยคะแนนที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมเคยได้มาที่ 86 แต้ม สถิติประตูได้-เสีย ดีที่สุด แพ้น้อยที่สุด แต่กลับมีสกอร์เสมออย่างมโหฬาร โดยใน 38 นัด ลิเวอร์พูลสามารถเก็บชัยชนะได้ 25 นัด แพ้เพียงแค่ 2 นัด แต่เสมอมากถึง 11 นัด ซ้ำใน 11 นัดที่เสมอนั้นเป็นการเสมอในแอนฟิลด์ 7 นัดเลยทีเดียว ซึ่งหลายต่อหลายคนคงจะอดคร่ำครวญไม่ได้ว่า ถ้าเปลี่ยนสกอร์เสมอ 7 นัดนั้นให้เป็นชนะซัก 3 นัดก็พอ ลิเวอร์พูลก็จะได้แชมป์ลีก และเจอร์ราดก็จะได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกฉลองการลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่มา 10 ปีเต็ม
แต่มันก็คือ "ถ้า" เท่านั้น "If..." เท่านั้น แถมยังเป็นประโยค If-clause แบบที่ 3 อีกต่างหาก เป็นเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านไปแล้ว ถ้าพูดมาก เราก็คงโดนข้อครหาว่า "จมปลักกับอดีต" อีก เพราะงั้นไม่พูดดีกว่า ถึงกระนั้น ถ้าคุณได้ดูลิเวอร์พูลลงเล่นทั้ง Season ที่ผ่านมาหรือเกินกว่าครึ่งหนึ่งของเกมทั้งหมด ก็คงจะมองออกว่า ทีมของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร มีจุดแข็ง จุดอ่อนตรงไหนบ้าง และอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทีมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
เราจะมาว่ากันที่ "จุดแข็ง" ก่อนดีกว่า การพูดถึงสิ่งดีๆทำให้มีกำลังใจ 55+ ถ้าจะแจกแจงให้เห็นชัดๆ คงต้องบอกว่าลิเวอร์พูลมีจุดแข็งอยู่ที่ "เกมรับ" จุดนี้เป็นจุดแรกที่เรามองเห็น ราฟาเป็นผู้จัดการทีมประเภทที่ชอบเน้นที่ความแน่นอนและไม่ชอบเสี่ยง ปรัชญาการทำทีมของเราคือ เราต้องเริ่มต้นที่เกมรับที่ดีก่อน ไม่เสียประตูแล้วจึงทำประตูให้ได้ เพราะฉะนั้น 5 ปีที่ผ่านมา เกมรับของเราถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก หลักฐานก็คือรางวัลถุงมือทองคำของเปเป้ เรน่า 3 ปีติดนั่นเอง แต่การทำทีมในอังกฤษไม่เหมือนในสเปน ถ้าเกมรับเหนียว แต่เกมรุกห่วย ยิงประตูไม่ได้ ก็จบเห่ตั้งแต่ปีใหม่เหมือนกัน อย่างที่เราเป็นมาตลอด 4 ปี แต่ปีที่ 5 ของราฟา มันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น อาจจะเป็นเพราะเราเริ่มมีตัวรุกที่ดีขึ้นและเล่นเข้าขากันมากขึ้น จึงทำให้ลิเวอร์พูลที่เคยถูกค่อนขอดเสมอว่าเป็น Boring football กลับกลายเป็นทีมที่บุกแหลก แจกสะบัด ฟาดประตูคู่แข่งไม่ยั้ง อันเป็นผลให้เกมรับยวบลงบ้าง แต่ก็ยังไม่ถือว่าเสียหายมากนัก เพราะตราบใดที่ยิงประตูได้มากกว่าคู่แข่ง ผลก็คือ 3 แต้มเหมือนๆกัน แต่ถ้าให้ดี ไม่เสียประตูเป็นดีที่สุด
จุดแข็งจุดที่สองคือ "เกมเพรสซิ่ง" ก่อนอื่น ต้องบอกว่าการที่ทีมเราเน้นเล่นเกมเพรสซิ่งน่าจะมีสาเหตุมาจาก ความเคี่ยวของราฟาและความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ สำหรับความเคี่ยวของราฟานั้น เห็นกันได้ชัดๆเลยจากเปอร์เซ็นต์การครอบบอลของทีม ราฟามักเน้นให้ทีมครองบอลให้เหนียวแน่นเข้าไว้ คิดกันง่ายๆว่า ถ้าบอลอยู่ที่เรา เราก็ได้โอกาสในการทำเกมบุก และเป็นการป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ได้เล่นเกมของตัวเอง ถ้าเจอทีมในระดับกลางๆ หรือล่างๆ กว่า 90% ที่เมื่อจบเกมและไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ลิเวอร์พูลมักจะเป็นทีมที่ครองบอลมากกว่าคู่แข่งเสมอ ถ้าถามว่าแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าครองบอลได้เยอะ แต่ยิงประตูไม่ได้ ก็ต้องตอบว่า ยิงไม่ได้ แล้วไม่เสีย ก็ยังดีกว่ายิงไม่ได้แล้วยังเสียอีกก็แล้วกัน ส่วนเรื่องความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเกี่ยวกับเกมเพรสซิ่งยังไง ต้องบอกว่า เกมเพรสซิ่งนั้นเป็นตัวช่วยลดความเสียเปรียบในเรื่องของความสามารถเฉพาะตัว ของนักเตะในทีมที่มีไม่มากนัก พูดง่ายๆว่า ใช้ความขยันและระเบียบวินัยเข้าสู้ ซึ่งก็ได้ผลดีมาตลอด เพราะลิเวอร์พูลไม่เคยกลัวเมื่อเล่นกับทีมที่เหนือกว่า ดูอย่างเกมส์กับแมนยูฯ และมาดริดก็จะเห็นวินัยในเกมเพรสซิ่งของลิเวอร์พูลได้เป็นอย่างดี
จุดแข็งจุดที่สาม ที่ถือได้ว่า "น่าภาคภูมิใจที่สุดและหวังว่ามันจะคงอยู่ตลอดไป" คือ หัวใจสู้ที่ไม่ยอมแพ้ ฤดูกาลนี้เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดจากการ Comeback หลายต่อหลายเกมที่กองเชียร์แทบจะหมดใจไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ชนะมาได้อย่างเกมส์กับโบโร่เมื่อต้นฤดูกาล กับแมน ซิตี้ วีแกน ที่ต้องไล่ตามตีเสมอและยิงประตูชัยในช่วยท้ายเกมส์ หรืออีกเกมส์ที่คิดว่าคงแพ้แน่ๆแล้วอย่างเกมสุดมันส์กับอาเซน่อล ก็ยิงตีเสมอได้ในนาทีสุดท้าย ทั้งหมดทั้งมวลมันมาจากหัวใจที่แข็งแกร่งขึ้นของนักเตะในทีมทุกคน หากเป็นเมื่อก่อน อย่าหวังว่าจะได้เห็นการ Comeback แบบนี้ ถ้าถูกนำก่อนนี้แทบจะบอกศาลากันได้เลย แต่วันนี้คาแรกเตอร์ของทีมได้เปลี่ยนไปแล้ว และเป็นไปในทางที่ดีมากๆ ซึ่งหวังว่ามันจะอยู่ในสายเลือดและวิญญาณของทีมตลอดไป
จุดแข็งจุดที่สี่ ขอบอกว่าอันนี้ทะนงเล็กๆที่เลือกขึ้นมาเป็นจุดที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของทีม คือ แผงมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในเกาะอังกฤษ (ไม่รู้จะโดนหมั่นไส้หรือเปล่า 55+) ที่กล้าพูดแบบนี้ก็เพราะว่า มิดฟิลด์ทั้ง 3 คนของเราอันได้แก่ ชาบี อลอนโซ่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ และกัปตันทีม สตีเว่น เจอร์ราร์ด นั้นต่างก็เป็นนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า "Worldclass" แต่เพียงแค่ "Worldclass" เพียงอย่างเดียว มันไม่พอแน่ที่จะทำให้แผงมิดฟิลด์ของเราดีกว่าใครๆ แต่มันเป็นความลงตัวระหว่างนักเตะทั้ง 3 คนนี้ต่างหากที่ทำให้เราเองมั่นใจว่าใครๆต่างก็อิจฉาและมุ่งที่จะทำลายแผง มิดฟิลด์ชุดนี้ของเราเสียเหลือเกิน ( จากข่าวมาสเคฯ แอนด์ อลอนโซ รายวัน -*- ) ที่บอกว่ามันเป็นจุดแข็งของทีมและความลงตัวก็เพราะ สามมิดฟิลด์ของเราต่างมีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและสามารถนำมาผสมผสาน กันได้อย่างลงตัวและสมดุลเป็นที่สุด มาสเคราโน่ทำหน้าที่สกรีนบอลหน้าแผงกองหลัง ขวางเกมรุกทุกรูปแบบของคู่ต่อสู้ เป็นฮาร์ดแมนในแผงกองกลาง ในขณะที่อลอนโซ่ทำหน้าที่เชื่อมเกมส์จากหลังไปหน้า เป็นมันสมองของทีม ในขณะที่เจอร์ราร์ดบุกตะลุยไปข้างหน้า และวิ่งไปทุกๆที่ที่สามรถทำเกมส์รุกต่อไปได้ สนับสนุนตอร์เรสอยู่ข้างหลัง และสามารถปล่อยวางเกมรับให้กับมาสเคราโน่และอลอนโซ่ได้อย่างเด็ดขาด การมีทั้งสามคนอยู่ในทีม เราสามารถมั่นใจได้เลยว่าเกมตรงกลางสนามเราไม่เป็นรองใครแน่นอน
จุดแข็งทั้ง 4 จุด คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมเราสามารถเก็บแต้มได้ถึง 86 แต้ม และมีประตูได้-เสียดีที่สุดในลีก เมื่อมีจุดแข็ง ก็ต้องมีจุดอ่อน จุดอ่อนที่ทำให้ทีมเสมอมากเกินไป จนพลาดแชมป์ในที่สุด
แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 52 22:26:47
แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 11:06:14
แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 52 22:56:41