 |
ความคิดเห็นที่ 35 |
Paul Tomkins' LFC Blog: สองคำสำหรับเรอัลมาดริด
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒ Image สองคำสำหรับเรอัลมาดริด
ฟรอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัลมาดริด ไม่ค่อยสบอารมณ์กับสโมสรลิเวอร์พูลนัก “เห็น ได้อย่างชัดเจนเลยว่า มีบางคนคิดว่า เพราะเราต้องการมีผู้เล่นชาวสเปนให้มากขึ้น พวกเขาจึงตั้งค่าตัวได้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเลย” เขากล่าว “ปีที่แล้ว มีผู้เล่นหลายๆ คนที่เราได้สอบถามราคาค่าตัว ต่างก็มีค่าตัวน้อยกว่าครึ่งของราคาที่เราได้รับในขณะนี้”
ถ้าเช่นนั้น ผมก็จะถามเขากลับไปว่า ถ้าชาบี้ อลองโซ่ มีราคาค่างวดที่ดีในปี ๒๐๐๘ แล้วล่ะก็ ทำไมคุณถึงไม่ตกลงซื้อตัวไปตั้งแต่ปีที่แล้วล่ะ
แต่ทว่า เปเรซก็ยังมีแผนการสำรองไว้รองรับแล้ว “ถ้าจำเป็น เราจะหาผู้เล่นชาวสเปนที่เราต้องการเพื่อมาเติมเต็มทีมชุดใหญ่จากชุดเยาวชนของเราเอง”
ตามความคิดเห็นของผมก็คือ เชิญเลยถ้าคุณมีนักเตะที่มีพรสวรรค์ ก็ดึงพวกเขามาใช้งานสิ
ผู้เล่นนั้น ไม่ได้มีราคาค่าตัวที่ตายตัวหรอก ค่าตัวจะผันผวนตามฟอร์มของตัวผู้เล่นเอง และขึ้นอยู่กับความต้องการของทั้งสโมสรที่จะซื้อ และที่จะขายด้วย ดังเช่นในกรณีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั้น ก่อนหน้าฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของเขาที่สามารถทำประตูได้มากกว่า ๔๐ ลูก ค่าตัวของเขานั้นต่ำกว่าจำนวนที่บ้าเลือดถึง ๘๐ ล้านปอนด์ในการย้ายสังกัดมากทีเดียว บางทีค่าตัวในช่วงนั้นอาจจะอยู่ที่ประมาณ ๒๐ ล้านปอนด์เท่านั้น
ระหว่างปี ๒๐๐๖ และ ๒๐๐๘ นั้น ชาบี้ อลองโซ่ ดูเหมือนผู้เล่นที่มีค่าตัว ๑๕-๒๐ ล้านปอนด์ ซึ่งตกลงจากเดิมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนจบฤดูกาลแรกของการค้าแข้งในถิ่นแอ นฟิลด์ แต่ในปี ๒๐๐๙ นั้น เขาดูเหมือนผู้เล่นที่มีค่าตัวมากกว่า ๓๐ ล้านปอนด์ในทุกกระเบียดนิ้ว ภายหลังที่ได้โชว์ฟอร์มแจ่มๆ มาอย่างต่อเนื่อง
ตัวเปเรซเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการจ่ายค่าตัวเพียงแค่ ๑๐ ล้านปอนด์เลยสำหรับ ไมเคิ่ล โอเว่น ซึ่งหนึ่งปีก่อนหน้านั้นเขามีค่าตัวถึง ๒๕ ล้านปอนด์ โดยเป็นก่อนหน้าที่สัญญาของเขาจะเหลือเพียงแค่ ๑๒ เดือน และเรอัลมาดริดก็ไม่ได้มีปัญหาในการดึงตัว สตี๊ฟ แม็คมานามาน ไปฟรีๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ๑๒ เดือน เขามีค่าตัวเป็นหลักหลายล้านปอนด์ พวกเขาไม่มีปัญหาอะไรในการดึงตัว อัลวาโร่ อาร์เบลัว ในราคาแสนถูกเพียงเพราะว่าเจ้าตัวกำลังจะหมดสัญญาลง
ราคา ๓๐ ล้านปอนด์ขึ้นไปคือค่าตัวที่เหมาะสมของอลองโซ่สำหรับลิเวอร์พูล ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณได้บอกกับผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับทีมลิเวอร์พูลว่าอลองโซ่เป็น กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วล่ะก็ เขาก็ควรที่จะมีค่าตัวถึง ๑๐๐ ล้านปอนด์ทีเดียว ตามสามัญสำนึกแล้วค่าตัวของเขานั้นมากจนประเมิณค่ามิได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฤดูกาลใหม่ก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ค่าตัวของเขาควรจะต้องเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะในตอนนี้ มันยากมากที่จะหาตัวตายตัวแทนมาได้ทัน และยังต้องทำให้ปรับตัวเข้ากับทีมให้ได้เร็วที่สุดอีกด้วย
ถ้ามาดริดคิดว่าค่าตัวของอลองโซ่ไม่น่าจะมากขนาดนั้น แสดงว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ค่าตัวของอลองโซ่ไม่ควรจะถึง ๓๐ ล้านปอนด์งั้นหรือ งั้นก็ดี จงเดินจากไป และไม่ต้องมาพูดอีกว่า ทีมลิเวอร์พูล “ไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง” อีกเรื่องคือ อย่าเที่ยวไปป่าวประกาศต่อชาวโลกถึงอลองโซ่ในทำนองที่ว่า เขาเป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ที่พบพานได้ยาก (ในเรื่องของการควบคุมเกมโดยการวางบอลแม่นอย่างกับจับวาง และการควบคุมจังหวะของเกม) แต่แล้วกลับพูดออกมาได้ว่าเขาควรจะมีค่าตัวพอๆ กับ รอบบี้ ซาเวจ
สำหรับมาดริดแล้ว อลองโซ่เล่นบอลได้อย่างชาญฉลาด มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง และคุ้มค่าที่จะตามตื๊อไล่ล่าตลอดช่วงหน้าร้อนก่อนเปิดฤดูกาลนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สมควรที่จะมีราคาค่างวดที่มากขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้างั้นก็โอเค...
เป็นที่ประจักษ์กันแล้วว่า เบนิเตซได้เน้นย้ำผ่านสื่อสเปนว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเรอัลมาดริดโดยเด็ดขาด
นับเป็นเรื่องที่น่าตลกจริงๆ ในขณะที่เขาได้สอนให้มาดริดรู้ถึงการสร้างทีมฟุตบอลด้วยสายตาที่ยาวไกล การวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน และการมีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นบทเรียนอันหนึ่งที่พวกเขาควรจะได้รับหลังจากมาเยือนแอนฟิลด์เมื่อ ฤดูกาลที่แล้ว เมื่อทีมที่มีดาราผู้เล่นค่าตัวแพงคับคั่งกลับต้องมาโดนถล่มอย่างยับเยิน
แต่แทนที่จะได้บทเรียนกลับไป พวกเขากลับไปเที่ยวคว้าเอาแต่ส่วนประกอบที่ได้ทำให้พวกเขาต้องพบกับความผิด หวังไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอีก
ถ้าแจกปลาให้กับผู้คนและทำให้เขากินไปได้ทั้งวัน ก็จะต้องแจกปลาไปเรื่อยๆ ทุกๆ วัน แต่ถ้าสอนให้เขาหาปลามากินได้เอง ก็จะทำให้เขาได้ปลามากินไปตลอดชีวิต ซึ่งในกรณีของเรอัลมาดริดนั้น พวกเขาเพียงต้องการที่จะซื้อปลา ชาวประมง และพ่อค้าปลาเข้ามาทั้งหมด นั่นเป็นวิธีที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องไปเรียนรู้บทเรียนใดๆ หรือไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองใดๆ เลย เพียงแค่พยายามที่จะซื้อความสำเร็จเท่านั้น
ผมพบว่า ผู้ที่ร่ำรวยกว่าคนที่มีฐานะดีที่เรียกกันว่ามหาเศรษฐี ผู้ซึ่งกำลังดื่มด่ำกับชุดน้ำชาและขนมอันหรูหราในมาดริด ได้ทำการบรรยายการสอนให้กับลิเวอร์พูลถึงวิธีในการดำเนินงานบริหารสโมสร ฟุตบอล ทั้งที่พวกเขาเพิ่งใช้เงินไปเกือบ ๒๐๐ ล้านปอนด์ในการซื้อตัวผู้เล่นเพียงแค่สี่คน โดยเฉพาะในขณะนี้ พวกเขากำลังพยายามที่จะปลดเปลื้องภาระออกไปให้ได้ถึง ๑๕๐ ล้านปอนด์กับตัวผู้เล่นที่ไม่ได้มีราคาค่างวดรวมกันได้ถึงขนาดนั้น น่าตลกสิ้นดี ใครกันแน่ที่กำลังอาศัยอยู่ในโลกของความเป็นจริงในขณะนี้
“ในบางกรณี ตัวผู้เล่นเองก็ปฏิเสธที่จะย้ายทีม และในอีกหลายๆ กรณี ก็ไม่มีข้อเสนอซื้อเข้ามา” เป็นคำกล่าวของผู้อำนวนการกีฬาของทีมชุดขาว มิเกล ปาร์เดซ่า ที่พูดถึง แวนนิสเตลรอย, เดรนเต้, ร็อบเบ้น, ฮุนเตล่าร์ และชไนเดอร์ “การ ดำเนินการขายตัวผู้เล่นดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการกล่อมให้พวกเขาเดินออกจากเรอัลมาดริดเพื่อไปยังทีม ที่เล็กกว่าทีมหนึ่ง” เขากล่าวกับหนังสือพิมพ์รายวันของสเปน (Publico)
อืม ช่างบ้าสิ้นดี ถ้าเช่นนั้นก็จงหยุดการซื้อตัวผู้เล่นมากมายด้วยค่าตัวแพงลิบและค่าเหนื่อย สูงลิ่ว แล้วอีก ๑๒ เดือนถัดมาก็ดันทะลึ่งไปซื้อเข้ามาเพิ่มอีกชุดหนึ่ง แล้วก็มารำพึงรำพันเอาว่า “โอ้ แล้วทีนี้เราจะทำอะไรกับผู้เล่นชุดเก่าดีล่ะ” จงหยุดการเปลี่ยนแปลงโค้ชในทุกๆ สองสามเดือน เพราะผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ พวกเขาจะนำพาผู้เล่นของพวกเขาติดตามเข้ามาด้วยและเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นตาม แบบฉบับของตัวเอง จงกำหนดแผนงานหลักเพื่อเป็นแนวทางในการทำทีม และจงหยุดปั่นฟองสบู่ให้กับตลาดซื้อขายนักเตะโดยการทุบสถิติโลกสองครั้งใน ระยะเวลาเพียงแค่เดือนเดียวแล้วก็มาทำคร่ำครวญวนไปวนมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมพบว่า ทีมมาดริดนั้น เป็นทีมที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ในการสร้างทีมของพวกเขานั้น ยังขาดในเรื่องของจินตนาการสร้างสรรค์อยู่มาก ผมเกลียดระบบการเลือกประธานสโมสรซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามานั้น ก็มาจากการไปสัญญาว่าจะดึงตัวผู้เล่นต่างๆ ซึ่งยังคงมีสัญญาเหลืออยู่กับสโมสรอื่น และยังไม่ได้มีการติดต่ออย่างเป็นทางการกับต้นสังกัดเลย
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ระหว่าง เรอัลมาดริด กับ บาร์เซโลน่า ผมก็ไม่ได้ชอบหรือเกลียดทีมใดทีมหนึ่งมากกว่ากันหรอก แต่แม้ว่าจะไม่ได้เอาใจช่วยแต่ผมก็ชื่นชมทีมแห่งแคว้นคาตาลัน (บาร์ซ่า) เพราะผมพบว่าตัวเองได้เพิ่มความเกลียดชังต่อทีมคู่แข่งของพวกเขามากขึ้น เรื่อยๆ ขณะที่บาร์ซ่าได้เคยเป็นเจ้าบุญทุ่มในอดีต แต่พวกเขาก็ยังได้แต่งตั้งผู้จัดการทีมหนุ่มอนาคตไกลหลายๆ คน (และยังให้โอกาสพวกเขาในการทำทีมพอสมควร ไม่ใช่เพียงแค่สองสามสัปดาห์) และยังได้ดึงผู้เล่นของตัวเองมาขึ้นชุดใหญ่ได้อีกมากมาย
ผมนับถือในตัวของชาบี้ อลองโซ่ สำหรับการที่ไม่ไปผลักดันเรื่องราวคาราคาซังนี้ให้มันเลยจุดที่ยอมรับได้ ผู้เล่นทุกๆ คนย่อมต้องมีการเดินเกมตามกลยุทธของตัวเองถ้าหากว่าพวกเขารู้สึกว่ามันถึง เวลาแล้วที่จะต้องจากไป และแฟนๆ ลิเวอร์พูลหลายคนอาจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพียงเพราะเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เมื่อมีผู้เล่นจำนวนมากได้ใช้กลยุทธเดียวกันนี้ในการผลักดันตัวเองให้ย้ายมา สู่ถิ่นแอนฟิลด์ได้สำเร็จ สิ่งที่ผมไม่สามารถรับได้คือผู้เล่นที่หยุดเล่นหรือซ้อมเพื่อประท้วง หรือออกมาเรียกร้องต่อหน้าสื่อมวลชน หรือกระทั่งออกมากดดันข่มขู่สโมสรให้ปล่อยตัวออกไป
ผมก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าจะมีปัญหาอะไรถ้าอลองโซ่ถูกบังคับให้อยู่ต่อ บางทีในช่วงนี้เขาอาจจะอยากย้ายกลับไปอยู่ในสเปนมากกว่า แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะเป็นผู้เล่นที่ไม่เป็นมืออาชีพเลยแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ในลิเวอร์พูลนั้น ถือว่าดีทีเดียว เขาชอบเมือง แฟนบอล สโมสร และเขาก็กำลังเล่นฟุตบอลด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมในระดับท็อปอยู่ อีกทั้งตำแหน่งในทีมชาติสเปนของเขานั้นก็มั่นคงมากขึ้นในช่วง ๑๒ เดือนที่ผ่านมานี้อีกด้วย
เราจะมาดูกันว่า อะไรจะเกิดขึ้นนับต่อแต่นี้ไป แต่ผมก็หวังอย่างจริงใจว่าเขาจะยังอยู่กับเราต่อไปอีก ถ้ามีอลองโซ่ ลิเวอร์พูลจะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ แต่ถ้าหากปราศจากเขาแล้ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าตัวแทนที่มาใหม่จะเป็นใคร และจะใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะปรับตัวได้ และนั่นเป็นความไม่แน่นอนที่ผมคิดว่าเราไม่สามารถควบคุมได้ สุดท้ายแล้วมันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นก็ได้ และก็อาจจะไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้อีกเช่นกัน และเส้นทางเดินข้างหน้าที่ยังไม่รู้เส้นทางดีนักมักจะมีความเสี่ยงเสมอ
ดังนั้นแล้ว ผมอยากจะฝากคำสองคำไว้ให้กับเรอัลมาดริด และเปเรซผู้ที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานเลย แต่ผมจะให้คุณเดาเอาเองว่าคำเหล่านั้นคืออะไร
ที่มา: Paul Tomkins' LFC Blog แปลและเรียบเรียงโดย: Jonk[TheKop.In.TH] *ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
>> http://www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=49462
จากคุณ |
:
ต้นตาล พ.ล.
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 52 09:48:26
|
|
|
|
 |