ความคิดเห็นที่ 1 1. ในค่ำคืนมิราเคิลไนท์ ที่อิสตันบูล จะเป็นคืนที่แฟนหงส์แดงทั่วโลก ไม่มีวันลบเลือนตลอดจนชั่วชีวิต การคัมแบ็ก กลับมาคว้าชัยชนะเหนือเอซี มิลานทั้งๆที่โดนนำไปสามประตู ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกที่ตื่นเต้นที่สุด ตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันมา สำหรับไมเคิล ชิลด์ เด็กหนุ่มร่างใหญ่วัย 18 ที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลตั้งแต่เกิดก็เช่นกัน เขาถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลพราก ทันทีที่เห็นสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ในสนามอตาเติร์ก ไมเคิล นำเงินเก็บทั้งหมดที่ตัวเองทำงานพิเศษมาครึ่งปี ใช้เพื่อค่ำคืนนี้ ทั้งซื้อตั๋วเกมนัดชิงชนะเลิศที่สุดแพง ,ตั๋วเครื่องบินจากอังกฤษมาตุรกี, ค่าโรงแรม ฯลฯ แต่จำนวนเงินมากมาย เขาไม่ได้รู้สึกสูญเปล่าอะไรเลย เมื่อเห็นทีมรักคว้าแชมป์ยุโรปได้อย่างเหลือเชื่อแบบนั้น หลังจบแมตช์ ไมเคิล เดินทางกลับบ้านที่ลิเวอร์พูล แต่ความรู้สึกสะใจในชัยชนะยังคงเปี่ยมล้น ดังนั้นเขากับเพื่อนอีกราวสิบคน ในกลุ่มลิเวอร์พูลแฟนคลับ จึงตัดสินใจใช้เงินเก็บที่เหลือ เดินทางไปฉลองกันให้แบบสุดๆ ที่ต่างประเทศ ที่โรงแรมเล็กๆริมทะเลแบล็กซี ในประเทศที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างบัลแกเรีย แต่อนิจจา ไมเคิลผู้น่าสงสาร เขาไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่า การเดินทางในครั้งนั้น จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:49:43

ความคิดเห็นที่ 2 2. วัน ที่ 30 พฤษภาคม 2005 ห้าวันหลังเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศ มาร์ติน จอร์เจฟ บาร์เทนเดอร์หนุ่มแห่งโรงแรมโกลเด้น แซนด์รีสอร์ท เข้ากะทำงานเป็นปกติ สำหรับจอร์เจฟ วันนี้เขารู้สึกว่างานหนักเป็นพิเศษ มีนักดื่มหลายสิบ ทั้งคนท้องถิ่น และชาวต่างชาติเข้ามาสั่งเครื่องดื่มไม่ขาดสาย อย่างไรก็ตาม ถึงงานจะหนักแต่เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบตีห้าแล้ว อีกชั่วโมงเดียวบาร์ก็จะเลิก และเหล่าขี้เมาก็จะกลับไปนอนตามเดิม ทว่าเรื่องกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อไปๆมาๆมีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างสิงห์ขี้เมาอังกฤษกับ กลุ่มนักดื่มท้องถิ่นชาวบัลแกเรียน จนเหตุการณ์ลุกลามใหญ่โต กลายเป็นสนามมวยขนาดย่อม ด้วยหน้าที่ จอร์เจฟ รีบกระโจนออกไปห้ามปรามและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกันทันที แต่ความหวังดีก็กลับนำพาโชคร้ายมาให้ เมื่อจู่ๆ ชายสามคนในกลุ่มนักดื่มอังกฤษ เข้าใจว่า จอร์เจฟ เป็นกลุ่มบัลแกเรียนที่มีเรื่องกัน จึงจับรุมซ้อมทั้งชก ,ถีบ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบาร์เทนเดอร์วัย 25 ลงไปกองกับพื้น จากนั้น หนึ่งในสามคนดังกล่าวก็คว้าก้อนอิฐบล็อกที่เอาไว้ตกแต่งร้าน ฟาดกบาลจอร์เจฟที่ไม่มีทางสู้แบบสุดแรง มาร์ติน จอร์เจฟ แน่นิ่งไปทันที เหลือเพียงลมหายใจรวยริน ผลการตรวจของแพทย์หลังจากนั้นยืนยันว่า เขากะโหลกร้าว โอกาสรอดน้อยมาก หรือถ้ารอดมาได้ ก็ต้องมีอาการเจ็บปวดไปเรื่อยๆตลอดชีวิตอยู่ดี ความรุนแรงของคดีนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับสูงสุด ตำรวจท้องถิ่นตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับคนที่ใช้ก้อนอิฐทำร้ายจอร์เจฟทันที แต่ปัญหาเดียวของคดีนี้ก็คือ ด้วยความมืดและชุลมุน จึงไม่มีใครเห็นหน้าคนลงมือแน่ชัด แต่พยานหลายปากยืนยันว่า เป็นชายชาวอังกฤษรูปร่างท้วม มีสำเนียงการพูดเป็นสเกาเซอร์ เมื่อตำรวจได้รูปพรรณสัณฐานของคนลงมือ ก็เริ่มค้นหาทันที และก็ช่างบังเอิญ ที่ในโรงแรมโกลเด้น แซนด์รีสอร์ท มีชายอังกฤษร่วงท้วมอยู่เพียงคนเดียว ที่ไม่มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไมเคิล ชิลด์ เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายของเรานั่นเอง จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:50:17

ความคิดเห็นที่ 3 3. ชิลด์ ยืนยันว่า เขานอนหลับอยู่ในห้อง และไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ แต่ตำรวจบัลแกเรียไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้ร้ายมักจะปากแข็ง ถึงแม้ตำรวจจะไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัวชิลด์ ทั้งหลักฐานนิติเวช,กล้องวงจรปิด และดีเอ็นเอ แต่คำให้การของพยาน 9 ปาก ที่ให้รูปพรรณสัณฐานนั้นตรงกับบุคลิกของชิลด์ทุกประการ เขาไม่มีพยานช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่มีหลักฐานอะไรรองรับเช่นกัน ดังนั้นลำพังแค่การยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ก่ออาชญากรรม จึงไม่มีน้ำหนักใดๆ ซึ่งบทสรุปนั้นก็คือตำรวจยัดชิลด์เข้าคุก และปิดคดีอย่างรวดเร็วทันใจ จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:51:30

ความคิดเห็นที่ 4 เดชะบุญที่จอร์เจฟ รอดชีวิตมาได้อย่างมหัศจรรย์ (รูปด้านซ้าย จอร์เจฟกับแผลผ่าตัดที่ศีรษะ) ทำให้บทลงโทษ เหลือเพียงจำคุก 15 ปี พร้อมโทษปรับอีกเจ็ดหมื่นปอนด์ แทนที่จะเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่สำหรับชิลด์ เด็กหนุ่มขี้อายจากย่านเวฟเวอร์ทรีคนที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ทำ การโดนจำคุกแค่วันเดียว ก็หนักหนาเกินไปสำหรับเขาแล้ว เขาแค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมาชดใช้ความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อด้วย ชิลด์ เรียนจบไฮสคูลด้วยคะแนนระดับท็อป และสอบคัดเลือกเข้าเป็นวิศวกรในการรถไฟแห่งชาติได้สำเร็จ อนาคตอันงดงามรอเขาอยู่ข้างหน้า แต่ทุกอย่าง ชีวิต ความฝัน ความหวังก็จบสิ้นลงง่ายๆ โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยซ้ำ จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:53:05

ความคิดเห็นที่ 5 4. ทันทีที่มาเรีย ชิลด์ ได้รับข่าวว่า ไมเคิล ลูกชายคนเดียวของครอบครัวติดคุกในความผิดที่ไม่ได้ก่อที่บัลแกเรีย น้ำตาเธอก็ไหลออกมา หลังหยุดร้อง สิ่งแรกที่เธอนึกออก คือโทรไปหาสถานฑูตสหราชอาณาจักรที่บัลแกเรีย แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไร เพราะทางการบัลแกเรียตัดสินคดีไปแล้ว และอังกฤษก็ไม่มีอำนาจแทรกแซงอธิปไตยของชาติอื่นด้วย เธอสับสน ว้าวุ่น ทรมาน ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ใครกันที่จะช่วยลูกชายของเธอให้ออกมาจากนรกที่ต่างแดนได้ มาเรียรู้จักลูกชายของเธอดี ไมเคิลเป็นคนขี้อาย เรียบร้อย ไม่ใช่คนประเภทที่จะมีเรื่องกับใคร ดังนั้นเธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะทำร้ายคนอื่นจนปางตายได้ แต่ถึงจะเชื่ออย่างนั้นก็เถอะ เธอจะทำอะไรได้ ลำพังคนเดียว จะเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร แม้แต่เงินจะจ้างทนายฝีมือดีสักคนไปสู้คดีให้ที่บัลแกเรีย พวกเขาก็ยังไม่มีปัญญา เพราะเธอก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา ในขณะไมเคิล ซีเนียร์ สามีของเธอก็เป็นแค่พนักงานเช็ดกระจกเท่านั้นเอง ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน อย่างเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือไปเรียกร้องผ่านสื่อ โดยขอความเป็นธรรมจากหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อมวลชนท้องถิ่น ได้แค่บทสัมภาษณ์ในคอลัมน์เล็กๆ ...แค่นั้นจริงๆ แต่ไม่มีใครคาดคิดเลย ว่าแค่บทความชิ้นเดียวจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่อย่างไม่น่าเชื่อ จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:53:41

ความคิดเห็นที่ 6 5. เพราะหนึ่งในกลุ่มคนที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนั้นคือ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของชาวเมืองลิเวอร์พูล เจอร์ราร์ดเองก็ยอมรับว่าไม่รู้จะทำอะไรได้บ้างกับเรื่องนี้ แต่จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะไมเคิลคือแฟนของลิเวอร์พูล ที่ควรจะมานั่งชมเกมที่แอนฟิลด์ มากกว่านั่งดูไฮไลท์ของหงส์แดง ผ่านทีวีในคุกบัลแกเรีย สตีวี่ควักเงิน 50,000 ปอนด์ให้ครอบครัวชิลด์นำไปสู้คดี จ้างทนาย ซึ่งถึงแม้ผลการตัดสินจะไม่เปลี่ยน แต่ก็ทำให้คดีนี้กลับมาอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนหลักๆในประเทศ จากความพยายามของ เจอร์ราร์ด ได้ส่งอิทธิพลไปสู่แฟนๆลิเวอร์พูลคนอื่นๆ มีการจัดตั้งเว็บไซต์เรียกร้องให้ปล่อยไมเคิล ชิลด์ อย่างน้อยสามเว็บ มีการเรี่ยไรเงินในการสู้คดี และมีการเผยแพร่ข่าวต่อสังคมถึงความบริสุทธิ์ของชิลด์อย่างจริงจัง และเป็นเรื่องเป็นราว เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เจอร์ราร์ด ,เจมี่ คาร์ราเกอร์ และราฟาเอล เบนิเตซ ได้เข้าไปพบผู้บริหารระดับสูงของลิเวอร์พูล พร้อมกับแสดงเจตจำนงว่า สโมสรควรยกระดับการต่อสู้ในเรื่องนี้ให้จริงจังไปอีกขั้น ดังนั้นเกมแรกที่แอนฟิลด์ ในซีซัน 2005-06 กับซันเดอร์แลนด์ จึงมีการแปลอักษรที่สแตนด์ เดอะ ค็อป ว่า 'FREE MICHAEL' หรือปล่อยไมเคิลให้เป็นอิสระนั่นเอง ซึ่งสโมสรเอง นอกจากโดนปรับแล้ว ก็ยังโดนคาดโทษจากฟีฟ่าอย่างหนักในเรื่องนี้ทีเดียว เพราะฟีฟ่ามีกฎที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ห้ามทีมฟุตบอลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่คำเตือนของฟีฟ่า ก็ไม่ทำให้ลิเวอร์พูลหยุดนิ่งได้ เรด แมชชีน นอกสนาม ยังดำเนินกลไกของมันต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุด ความร่วมแรงร่วมใจของสโมสร สื่อมวลชนทั้งสองค่ายในเมือง (เอ็คโค่ -เดลี่ โพสต์)และนักเตะทุกคนเพื่อไมเคิล ส่งผลให้โทนี่ แบลร์ นายกรัฐมนตรี ณ เวลานั้น หันมาแทรกแซง และจากความช่วยเหลือของบุคคลทางการเมืองหลายๆฝ่าย ทำให้โทษของชิลด์ลดเหลือจำคุกแค่ 10 ปีเท่านั้น พร้อมกับได้รับโอนถ่ายนักโทษให้อยู่ในความดูแลของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งตอนนี้เท่ากับว่าชิลด์กลายเป็นนักโทษของอังกฤษแล้ว ถึงแม้จะเป็นคดีของบัลแกเรียอยู่ก็ตาม ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ ประเด็น คือ เมื่อชิลด์ถูกโอนมาให้อยู่ในความรับผิดชอบของอังกฤษ จะทำให้เรียกร้องขอสิทธิ์พระราชทานอภัยโทษจากควีนอลิซาเบ็ธที่สองได้ ซึ่งจะทำให้ชิลด์พ้นโทษกลายเป็นอิสระทันที โอกาสที่แทบจะเป็นศูนย์ในตอนแรก ... เริ่มมองเห็นและจับต้องได้แล้ว จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:54:40

ความคิดเห็นที่ 7 6. เกรแฮม แซนคีย์ ช่างอิเล็กทรอนิกส์วัย 20 ปี (รูปด้านขวา) เป็นหนึ่งในกลุ่มลิเวอร์พูลแฟนคลับที่ไปฉลองแชมป์ยุโรป ที่บัลแกเรีย เกือบจะรุ่งเช้าแล้ว แต่ราตรียังไม่เลิกรา เขากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ดื่มเบียร์กันไม่บันยะบันยัง จนเกือบทุกคนเมาแอ๋ และโหวกเหวก โวยวาย ราวี คนอื่นไปทั่ว ไปๆมาๆ ก็เลยไปมีเรื่องกับคนท้องถิ่นที่หมั่นไส้ในความกร่างของกลุ่มนักดื่มหยำเปเหล่านี้ เหตุการณ์ชกต่อย ตะลุมบอนกันจนเป็นพัลวันไปหมด แซนคีย์ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เขารู้แค่ว่าไล่ต่อยคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกับเขาก็พอแล้ว แซนคีย์ กับเพื่อนอีกสองคน แบรดลีย์ ธอมป์สัน และแอนโธนี่ วิลสัน ให้การสารภาพภายหลังว่า ได้รุมอัดชายหนึ่งจนลงไปกองกับพื้น ก่อนที่แซนคีย์จะเป็นคนใช้อิฐบล็อกอัดชายคนนั้นจนแน่นิ่ง หลังก่อเหตุทั้งสามคนเผ่นแน่บทันที ทิ้งไว้เพียงแค่ร่างของมาร์ติน จอร์เจฟ ที่ใกล้ไร้วิญญาณเต็มทน วันรุ่งขึ้น เมื่อตำรวจบัลแกเรีย มาสอบปากคำทั้งสามคน พวกเขาให้การปฏิเสธทั้งหมด โดยยืนยันที่อยู่ของกันและกันเอง จากนั้นก็ชิ่งหนีความผิด บินกลับอังกฤษทันที ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่าไมเคิล ชิลด์ถูกจับกุม แซนคีย์รู้ทันทีว่า นั่นเป็นการจับผิดตัวแล้ว เขารู้ดีแก่ใจว่าใครเป็นคนทำ โอเค เขารู้สึกเสียใจที่คนไม่รู้เรื่องจะต้องชดใช้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ แต่จะให้เขาบินไปนอนจมคุกบัลแกเรียแทนน่ะหรอ ฝันไปรึเปล่า ! จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:55:24

ความคิดเห็นที่ 8 7. สิทธิ์การขอพระราชทานอภัยโทษ ของอังกฤษจะแตกต่างกับที่ไทยพอสมควร ที่นี่เลขาธิการตุลาการ (Secretrary of Justice) จะเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดเรื่องการยื่นขออภัยโทษให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งจริงๆแล้วควีนอลิซาเบ็ธก็เป็นแค่นามเท่านั้น ถ้าเลขาธิการคนนี้ยื่นเรื่องไป ก็เท่ากับว่า นักโทษคนนั้นเป็นอิสระทันที แต่การจะขออภัยโทษได้นั้น มีเงื่อนไขหลักๆคือผู้กระทำผิดตัวจริงจะต้องได้รับการลงโทษ หรือไม่ก็มีหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวบริสุทธิ์ เกรแฮม แซนคีย์ ที่เคยออกมายอมรับว่าเป็นคนก่อเหตุ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมเดินทางไปดำเนินคดีที่บัลแกเรีย การที่อยู่อังกฤษต่อไปจะทำให้เขาปลอดภัย เพราะทางบัลแกเรียก็ทำอะไรไม่ได้ ปัญหาทุกอย่างเลยคาราคาซังอยู่แบบนี้ คนทำผิดตัวจริง ไม่ยอมรับโทษ คนที่ไม่ผิดเลยต้องชดใช้โทษแทน เรื่องนี้ดูแล้วก็เหมือนจะถึงทางตัน และชิลด์คงต้องจำใจติดคุกสิบปีเต็มๆ ในคดีที่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม ทางสโมสรลิเวอร์พูล กับกลุ่มแคมเปญเรียกร้องให้ปลดปล่อยชิลด์ ยังไม่ยอมถอดใจ พวกเขาเดินหน้าไปอีกเรื่อยๆ มีการแปลอักษรอีกครั้งในแอนฟิลด์ ซีซั่นที่แล้วในเกมกับเวสต์แฮม ด้วยคำว่า 'FREE MICHAEL NOW' และคราวนี้สโมสรก็โดนฟีฟ่าปรับเป็นเงินก้อนโตอีกรอบ ซึ่งแหล่งข่าวเชื่อว่าอยู่ในหลักแสนปอนด์ ในขณะที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กับ เมลิซซ่า ชิลด์ พี่สาวของไมเคิล เดินหน้าเข้าไปพูดคุยกับ แซนคีย์ ในฐานะของคนลิเวอร์พูลด้วยกัน ให้เห็นใจคนที่ไม่ได้กระทำผิด การเจรจา พูดคุย เกิดขี้นหลายรอบ แต่แซนคีย์ ก็ยืนกรานว่าจะไม่มีทางไปบัลแกเรียแน่นอน ความพยายามของทุกฝ่ายดำเนินไปเป็นเวลานับปี ซึ่งถึงเดือนนี้ ก็ผ่านไปเกือบสี่ปีครึ่งที่ไมเคิลติดคุก จนเจ้าตัวเองก็ถอดใจไปแล้ว ว่าคงไม่ได้ออกจากห้องขังแน่ ทว่า... จู่ๆปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อ แจ๊ก สตรอว์ เลขาธิการตุลาการ ออกมายืนยันต่อสื่อว่า เขาได้รับหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ไมเคิล ชิลด์ ไม่ใช่คนก่อคดี และจะยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้เร็วที่สุด หลักฐานดังกล่าวคืออะไร ? คำตอบคือนอกจากแจ๊ก สตรอว์ คงไม่มีใครรู้ เพราะแม้แต่สื่อระดับเดอะ ซัน และบีบีซี ก็ยังไม่รู้ว่าหลักฐานชิ้นนั้นคืออะไร ได้กันแต่คาดเดาเท่านั้น ยังเป็นปริศนาคาใจมาจนถึงวันนี้ อย่างไรก็ตาม นาทีนี้ ทุกๆคนไม่มีใครสนใจเรื่องหลักฐานอะไรนั่นแล้วครับ ทุกคนสนใจแต่ผลลัพธ์เท่านั้น นั่นคือชิลด์ กำลังจะได้อิสรภาพที่ควรเป็นของเขากลับคืนไป จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:57:05

ความคิดเห็นที่ 9 ซึ้งจัง.... จากคุณ : ลำไผ่ บ้านท่า เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:57:22

ความคิดเห็นที่ 10 และแล้ว วันที่ 9 กันยายน 2009 การรอคอยของชาวเมืองลิเวอร์พูลก็สิ้นสุดลง เมื่อ ไมเคิล ชิลด์ ถูกปล่อยตัวจากสถานกักกันวอร์ริงทอม กลับสู่อ้อมอกครอบครัว 4 ปี แห่งความว่างเปล่า ถึงจะทรมาน แต่ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นมันได้เสียที จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:57:47

ความคิดเห็นที่ 11 8. การทุ่มเทเพื่อชิลด์ ของลิเวอร์พูลนั้น ได้รับการยกย่องอย่างมากจากสื่อมวลชนในอังกฤษ เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของแฟนบอลแค่คนเดียว สโมสรไม่ต้องถึงกับทำให้ตัวเองเจ็บตัวขนาดนี้ก็ได้ ... แต่ลิเวอร์พูลก็ทำ ก่อนที่เรื่องราวของชิลด์จะจบลงเป็นแค่ความทรงจำ ทางสโมสรให้ของขวัญปลอบใจชิ้นสุดท้ายกับไมเคิลก็คือ ตั๋วซีซั่นทิกเก็ต เข้าชมทุกเกมในแอนฟิลด์ได้ฟรี เป็นเวลา 4 ซีซัน เท่ากับ 4 ปีที่เขาต้องติดคุกพอดี ในขณะที่เฟอร์นันโด ตอร์เรส มอบสตั๊ดคู่ที่ยิงประตูเยอรมัน ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2008 เป็นของที่ระลึก ซึ่งชิลด์เองก็ยอมรับว่า เขาคงไม่กล้าใส่มันไปเล่นในสนามแน่ๆ นอกจากนั้นยังมีการ์ดแสดงความยินดีในอิสรภาพ ที่เขียนโดยนักฟุตบอลทุกคน รวมทั้งอดีตหงส์อย่างชาบี อลองโซ่ และซามี ฮูเปีย ก็ร่วมส่งข้อความจากต่างประเทศถึงชิลด์เช่นกัน แน่นอน ทุกคนรู้ดีว่า มันอาจจะเทียบไม่ได้กับสี่ปีอันโหดร้ายของเขา แต่อย่างน้อยที่สุด ก็หวังว่าจะทำให้ไมเคิล ชิลด์กลับมายิ้มได้เต็มหัวใจอีกครั้ง จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:58:40

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อก่อนผมเข้าใจมาตลอดว่า You'll never walk alone หมายความถึง เวลาเราต้องเหงาต้องโดดเดี่ยว ยังมีใครสักคนเดินไปด้วยกันตลอดทาง เวลาผ่านไป ตอนนี้ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของมันมากขึ้นอีกนิดครับ You'll never walk alone หมายถึงเวลามีปัญหา เรามีใครสักคนที่พร้อมจะช่วย อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งต่างหาก ... เพราะเพื่อนแท้จริงๆ ย่อมไม่ทิ้งกันในวันที่ลำบากที่สุด ลิเวอร์พูลยืนหยัดอยู่เคียงข้างแฟนบอลของตัวเองมานับสิบๆปีแล้ว ตั้งแต่ยุคบิล แชงคลีย์ ,บ็อบ เพสลีย์ หรือร็อบบี้ ฟาวเลอร์ที่ช่วยเหลือชาวอู่ต่อเรือที่โดนไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม จนมาถึงเคสไมเคิล ชิลด์ที่ผ่านมา You'll never walk alone จึงไม่ใช่แค่สโลแกนเท่ๆที่ ลิเวอร์พูลเลือกมาใช้ เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของสโมสรดูดี แต่เพราะมันเป็นอย่างนั้น เป็นลักษณะเฉพาะตัวของสโมสรแห่งนี้จริงๆ สำหรับเรื่องในสนาม ก็จริงอยู่ครับ ที่ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล อาจไม่ใช่สโมสรหมายเลขหนึ่งในยุโรปเหมือนอดีตที่ผ่านมา ระดับชื่อชั้นตัวผู้เล่น ทั้งบาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด นำห่างไปไกลหลายก้าวแล้ว ขณะที่ลีกในประเทศ ก็จ่อเตรียมโดนแมนฯยูไนเต็ดแซงสถิติแชมป์สูงสุดเข้าไปทุกขณะ แม้แต่การติดหนึ่งในสี่ซีซันนี้ก็ยังไม่แน่เลยด้วยซ้ำ เพราะคู่แข่งทั้งเชลซี,อาร์เซนอล ,ซิตี้ หรือสเปอร์ส ก็เขี้ยวทุกทีม แต่รู้อะไรมั้ยครับ ผมไม่เคยเสียใจเลยที่รักทีมนี้ ผมไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกลิเวอร์พูล .. ผมยอมรับครับ ว่าเราคนไทย กับ เมืองลิเวอร์พูลอาจจะอยู่ห่างไกลกันคนละครึ่งโลก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่เห็นเป็นไร ใครจะว่ายังไง ผมก็รับได้ เพราะผมก็เต็มใจที่จะรัก ภูมิใจที่เชียร์อยู่ดี หลายปีที่ผ่านมา ผมเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ถึงคำกล่าวที่ว่า 'บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด' แต่ไม่รู้นะครับ ผมคิดต่างออกไปนิดหน่อย เพราะสำหรับผม... ลิเวอร์พูลอยู่ในหัวใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด เป็นคำจำกัดความ ที่อธิบายความรู้สึกได้ชัดเจนเลย จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 08:59:22

ความคิดเห็นที่ 13 น้ำตาแทบคลอเบ้า... จากคุณ : โซเชี่ยล ฟ๊อกซ์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:00:40

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านแล้วประทับใจ เลยนำมาฝากกัน ^^ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 52 09:01:55 จากคุณ : tumsd923 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:01:22

ความคิดเห็นที่ 15 สงสารชิลด์มากครับ  แพะรับบาปตัวจริง และก็ขอชื่นชมในความช่วยเหลือที่สโมสรๆ หนึ่ง  มีให้กับแฟนบอลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องในสนาม  ลิเวอร์ฯ ก็ยังเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของทีมผม  555 จากคุณ : เซ็งเป็ด (pisanur) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:15:45

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านแล้วครับ แต่อ่านในนี้ http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=188408 ง่ายกว่าเยอะครับ ยินดีกับไมเคิล แต่ก็เสียใจกับไมเคิล ด้วย ยินดีกับเรื่องที่ถูกปล่อยตัว แล้วก็เสียใจกับเรื่องที่ต้องรับผิดทั้งที่ไม่ได้ก่อ จากคุณ : จิ๊กโก๋ข้างสนาม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:16:38

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นบทความที่น่าประทับใจมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : วจีวิจารณ์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:44:29

ความคิดเห็นที่ 18 สโมสรที่เป็นเหมือนครอบครัว นัดที่เจอเบิร์นลี่ย์ ไมเคิล ชิลด์ ก็ไปนั่งดูกับแม่ด้วยนะ ดูยิ้มแย้มดี หวังว่าคงลืม 4 ปี อันเลวร้ายได้โดยเร็วนะครับ You 'll Never Walk Alone ... ขอบคุณพี่เจิด ราฟา คาร่า และ ลิเวอร์พูล จากคุณ : หงส์โหด เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:46:48

ความคิดเห็นที่ 19 แฟนผี  แต่อ่านแล้วซึ้ง  ถึงขั้นขนลุกน้ำตาคลอ  และอาจจะเพราะเหตุนี้ เวลาที่ทีมวิเวอร์พูลแข่ง  มักเทใจเชียร์ไปด้วยเสมอ  ยกเว้น  เมื่อแข่งกับแมนยู   อันนี้ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ จากคุณ : กระจ้อน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:48:27

ความคิดเห็นที่ 20 สุดยอดครับ Gerd  Tores Garrager BeniteZ  and the KOPs จากคุณ : EDTA เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:51:18

ความคิดเห็นที่ 21 สงสัยนิ๊ดนึง สิ่งที่ไมเคิล หรือลิเวอร์พูลเสียไป (เช่นค่าปรับให้ฟีฟ่าหลักแสนปอนด์) พอมีทางเรียกร้องคืน หรือชดเชยได้หรือเปล่า ถ้าหลักฐานแน่นหนาพอ หรือว่าคนจับผิดส่งเดชไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เหมือนบางประเทศ... จากคุณ : โซเชี่ยล ฟ๊อกซ์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:53:56

ความคิดเห็นที่ 22 You'll never walk alone ... ความจริง หรือแค่คำลวง ? คงได้คำตอบกันแล้วน่ะครับ   ซึ้งครับ จากคุณ : สิงห์สวาท เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:05:36

ความคิดเห็นที่ 23 ผมแฟนผี แต่ทำไมอ่านแล้วน้ำตามันคลออย่างนี้หว่า จากคุณ : Nasa Space เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:07:59

ความคิดเห็นที่ 24 น้ำตา..จะไหล... จากคุณ : dewing72 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:14:24

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านไปปาดน้ำตาไป จากคุณ : ขี้เหร่ใจซื่อ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:18:41

ความคิดเห็นที่ 26 ดีใจกับไมเคิ่ลด้วยหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการ์ณแบบนี้กับแฟนลิเวอพูลคนไหนอีกเลย จากคุณ : เตียวกงจื้อ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:30:27

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบ #21 สำหรับไมเคิลไม่ทราบครับ แต่สำหรับค่าปรับของ liverpool ไม่สามารถชดเชยได้ เนื่องจาก liverpool เจตนาทำผิดจริงๆ โดยการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองครับท่าน จากคุณ : Ole- เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:31:57

ความคิดเห็นที่ 28 สุดยอดเลย ผมขนลุกเลยนะเนี่ย ชื่นชมทุก ๆ คน ทุก ๆ ฝ่ายที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ได้พ้นผิดครับ จากคุณ : red_devil เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:35:13

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เสียที ที่เป็นแฟนลิเวอร์พูล จากคุณ : ทาคุ (samith_k) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:35:55

ความคิดเห็นที่ 30 Walk on, walk on, with hope in your heart, And you'll never walk alone, You'll never walk alone...                                                                                                       > Shine on you crazy diamond < จากคุณ : Romancini เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:39:28

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเกลียดลิเวอร์พูลครับ    ... แต่ในแง่ของฟุตบอลเท่านั้น ฟุตบอล จบ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม  ในแง่ของความเป็นจริงนั้น 4 ปีนั้นโหดร้ายมาก ที่ต้องทนใช้ชีวิตในคุกไปวัน ๆ  เพื่อไปเชียร์ทีมที่ตัวเองรัก  เค้าอาจน้อยใจตัวเองอยุ่ในคุก  โดยไม่รุ้ว่า ทีมที่ตัวเองรักนั้น ก็พยายามช่วยเค้ามาตลอด 4 ปีเหมือนกัน จากคุณ : mootomoosun เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:41:26

ความคิดเห็นที่ 32 ซึ้งน้ำใจเจอร์ราด มาก ๆ ครับ จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:48:31

ความคิดเห็นที่ 33 ^ ^ ท่าทางจะซึ้งมาก... จากคุณ : โซเชี่ยล ฟ๊อกซ์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 10:52:50

ความคิดเห็นที่ 34 ผมกลับมาโหวตครับ จากคุณ : ลำไผ่ บ้านท่า เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:13:27

ความคิดเห็นที่ 35 ขอปรบมือให้กับเจอร์ราร์ดและทุกๆคน ถึงแม้ผมจะเป็นแฟนผีก็เถอะนะ จากคุณ : phahurat เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:15:41

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ อ่านแล้วซึ้งมากครับ ไม่แปลกที่จะมีคำกล่าวคลาสสิคในรั่วแอนฟิลด์ จากแชงคลีย์ว่า   "คนทั่วไปมักจะพูดกันกว่าฟุตบอลสำคัญเท่ากับชีวิตและความตาย ซึ่งผมจะบอกว่าไม่จริงเลย ....ฟุตบอลสำคัญมากกว่านั้น" - บิลพูดถึงฟุตบอล http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/S3119876/S3119876.html จากคุณ : captain_G เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:21:32

ความคิดเห็นที่ 37 ขอ..โหวต....ครับ จากคุณ : แถมฟรีน้ำ 1 ขวด เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:26:28

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านแล้วยิ่งทำให้รักสโมสรแห่งนี้เพิ่มมากขึ้นจริงๆ จากคุณ : หงส์แก่ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:28:03

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณ จขกท. โหวตโลด!!! จากคุณ : Griffin_2004 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:28:07

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่ได้เป็นกองเชียร์ลิเวอร์พูล แต่เห็นสิ่งที่ทีมลิเวอร์พูลทำให้กับกองเชียร์เพียงคนเดียว บอกได้ว่า สุดยอดของที่สุด เลยค่ะ จากคุณ : สุทธิลำดวน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:35:32

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านแล้วยิ่งทำให้ผมรักสโมสรนี้ขึ้นมาจับใจ ขอบคุณ จขกท ที่นำบทความดีดีมาให้อ่านกันนะครับ ว่าแล้วก็ โหวตโลดดดด จากคุณ : iamfluke เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:45:39

ความคิดเห็นที่ 42 ดีใจ ที่ช่วยกัน ขนาดนี้ ซึ้งด้วยคน  ไม่ได้เชียร์ ลิเวอร์พูล  แต่ขอ ชื่นชม สโมสร กับแฟน บอลเป็นหนึ่งเดียวกัน   ถ้าเชียร์ ลิเวอร์พูลได้ อ่านเรื่องราวนี้ คงรักสโมสรนี้ มากขึ้นกว่าเดิม   แต่ใจ ลึกๆ ชื่นชม เจอร์ราร์ด ที่สุด เป็นคนรวมพลัง ของทีมลิเวอร์พูล เป็นตัวตั้งตัวตี ในเรื่องนี้  ......  ทีมอื่นจะมีกัปตันทีม แบบนี้ บ้างไหม T T สุดยอด กัปตัน ทั้งใน และนอกสนาม จากคุณ : หัวใจเดินทาง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:49:07

ความคิดเห็นที่ 43 โหวตเลยค่ะ กระทู้นี้ จากที่เชียร์หงส์มาไม่กี่ปีแต่ด้วยความที่ติดตามทีมตลอด มันก้เห็นและรู้ว่า ทีมอยู่เคียงข้างแฟนบอลเสมออย่างแท้จริง รักหงส์สุดใจ จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 11:55:59

ความคิดเห็นที่ 44 โอยยยยย....ซึ้งงงง ต่อไปผมจะพยายามแช่งลิเวอร์พูล เวลาเจอแมนยูให้น้อยลงครับ... ปล.แล้วมันไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เลยเรอะพวกลายนิ้วมือ + กล้องวงจรปิด DNA ไรพวกนี้น่ะ..!!! แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 52 12:26:01 จากคุณ : Muyan เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 12:20:07

ความคิดเห็นที่ 45 สตั๊ดคู่เดียวในโลก ประเมินค่าไม่ได้ "ในขณะที่เฟอร์นันโด ตอร์เรส มอบสตั๊ดคู่ที่ยิงประตูเยอรมัน ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2008 เป็นของที่ระลึก ซึ่งชิลด์เองก็ยอมรับว่า เขาคงไม่กล้าใส่มันไปเล่นในสนามแน่ๆ" T T จากคุณ : Bearlandia เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 12:35:46

ความคิดเห็นที่ 46 ซึ้งจัง แล้วบทสรุปของคนที่ทำความผิดจริงๆ ล่ะคะ ตกลงต้องกลับติดคุกที่บัลแกเีรีย หรือว่า ติดที่อังกฤษ จากคุณ : จันทร์อุ้ม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 12:38:08

ความคิดเห็นที่ 47 ^                     ^                     ^                     ^                     ^                     ^ คิดเหมือน ผมเลย จากคุณ : ritman เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 12:44:20

ความคิดเห็นที่ 48 ปกติผมจะเป็นแค่คนอ่านธรรมดามากกว่าจะโพสต์ตอบ แต่กระทู้นี้ถือเป็นกระทู้หงส์กระทู้แรก ที่ผมซึ่งเป็นแฟนผีกดทั้งโหวต และให้กิฟท์ 3 ดวง .. อ่านแล้วซึ้ง ให้ความรู้สึกดีจริงๆ T^T จากคุณ : ดช.รองเท้าแตะ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 12:49:15

ความคิดเห็นที่ 49 โหวตไปแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลนี้นะครับ จากคุณ : Teppei เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:00:38

ความคิดเห็นที่ 50 ".. ผมยอมรับครับ ว่าเราคนไทย กับ เมืองลิเวอร์พูลอาจจะอยู่ห่างไกลกันคนละครึ่งโลก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่เห็นเป็นไร ใครจะว่ายังไง ผมก็รับได้ เพราะผมก็เต็มใจที่จะรัก ภูมิใจที่เชียร์อยู่ดี หลายปีที่ผ่านมา ผมเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ถึงคำกล่าวที่ว่า 'บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด' แต่ไม่รู้นะครับ ผมคิดต่างออกไปนิดหน่อย เพราะสำหรับผม.. ลิเวอร์พูลอยู่ในหัวใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด" **ใครก็ตามที่เขียนประโยคนี้ออกมา เอาไปล้านล้านแต้ม บางคนยึดติดว่าฟุตบอลต้องเกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ แต่เรากลับคิดว่าฟุตบอลก็คือฟุตบอล เราเชียร์ทีมที่เรารัก ไม่ได้เชียร์ทีมที่มาจากบ้านเกิดเท่านั้น มันเป็นเรื่องของแนวคิดของทีมกับเอกลักษณ์ของทีมมากว่าเชื้อชาติ _____________________________________ ถึงจะแซวบ้าง หมั่นไส้บ้าง แต่เรานับถือใจแฟนหงส์ตัวจริงทุกคนนะ บทความนี้ทำให้เรารู้จักหงส์ในด้านที่ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ต้องขอบคุณจริง ๆ พวกคุณมีทีมที่ดี และพวกคุณมีกองเชียร์ที่ดีด้วย จากใจแฟนเชลซี จากคุณ : Wadoiji เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:05:54

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านแล้วน้ำตาคลอ ขอบคุณที่เอามาฝากกันค่ะ จากคุณ : นู๋ปรางฝันเฟื่องเรื่องเที่ยว เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:06:10

ความคิดเห็นที่ 52 You'll never walk alone จากคุณ : ynwa เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:08:16

ความคิดเห็นที่ 53 แฟนผียังน้ำตาคลอเบ้าเลยครับ เป็นเรื่องราวที่ดีจริงๆ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:11:46

ความคิดเห็นที่ 54 เพิ่งได้อ่าน รู้สึกดีๆจังครับ จากคุณ : -อุ่นอารี- เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:11:53

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านแล้วยิ่งทำให้รักหงส์ รักเจิดโคตรๆเลย จากคุณ : muly เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:15:47

ความคิดเห็นที่ 56 YNWA จากคุณ : peterflix เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:17:44

ความคิดเห็นที่ 57 ผมเป็นแฟนผีที่แอบชอบเจอร์ราดมานาน ต้องแอบเชียร์ตอนเล่นทีมชาติ ยิงได้อ่านบทความนี้ยิ่งรู้สึกรักเจอร์ราดมาก จากคุณ : ไซมิ้งชวยเสาะ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:36:36

ความคิดเห็นที่ 58 สุดยอดจริงๆ กินใจมาก ส่วนบักเจิดนี่มันโคตรกัปตันเลยอ่ะ จากคุณ : RCBD เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:45:36

ความคิดเห็นที่ 59 ปกติไม่ค่อยโหวตกระทู้เท่าไหร แต่กระทู้นี้ขอนะ ซึ้ง T_T จากคุณ : ไอ้ก้านยาว เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:46:29

ความคิดเห็นที่ 60 ไม่ผิดหวังริงๆกับ สโมสรแห่งนี้ สุดยอดแห่งสโมสรซึ่งสุดๆครับ จากคุณ : ไอ้หัวฟู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:48:42

ความคิดเห็นที่ 61 โอยย ไหลทั้งน้ำตา ทั้งน้ำมูก อายคนแถวนี้ก็อาย แต่ซึ้งจริงๆอ่ะค่ะ ไม่มีวันไหนที่เสียใจเลย..ที่รักลิเวอร์พูล.. จากคุณ : พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งแก้มแด๊งแดง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:52:24

ความคิดเห็นที่ 62 รู้สึกรักหงส์แดงมากขึ้นทุกวัน You'll never walk alone จากคุณ : Nu-Mini เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 13:56:33

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ จากคุณ : สำลี ณ.แอนฟิลด์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:02:37

ความคิดเห็นที่ 64 อ่านแล้วร้องไห้เลย ซึ้ง T_____T จากคุณ : สรพงษ์... เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:04:54

ความคิดเห็นที่ 65 YOU 'LL NEVER WALK ALONE จะรักและเชียร์ทีมๆนี้ตลอดไปครับ จากคุณ : คน(พเน)จรฯ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:16:46

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านไปขนลุกไป จากคุณ : himalayas เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:26:24

ความคิดเห็นที่ 67 ตกลงตอนจบ ขนาดรู้ตัวคนทำผิดจริงแล้ว คนผิดจริงยังไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ส่วนคนไม่ผิดต้องติดคุกไป 4 ปี ก็เข้าใจคำว่า ความ ยุติธรรม แล้วจริงๆ _________________ ก็ต้องขอชื่นชมทีม ลิเวอร์พูล และก็กองเชียร์ทุกคน ที่ช่วยคนที่ไม่ได้ทำผิดออกมาจากคุกได้ สุดยอดครับ ... .. . จากคุณ : แง่มๆ น้องหมา 2 ปี เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:28:04

ความคิดเห็นที่ 68 อ่านไปขนลุกไป..น้ำตาซึมไป.. ซาบซึ้งมากๆ จากคุณ : Hermy เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:37:35

ความคิดเห็นที่ 69 เป็นแฟนยูไนเต็ด แต่อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยงะ จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 14:58:35

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ครับผม จากคุณ : Noah_1_of_4lnw เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:01:26

ความคิดเห็นที่ 71 เป็นบทความที่ดีมากๆครับ จากคุณ : บอนตะคุง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:18:32

ความคิดเห็นที่ 72 Don't forget Michael. จากคุณ : McPhu เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:23:01

ความคิดเห็นที่ 73 ประทับใจมากคะ จากคุณ : misswonbin เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:37:32

ความคิดเห็นที่ 74 ไม่มี เจิด ไม่มี ชิล จริง ๆ รัก หงส์ ครับ ภูมิใจ ที่ เป็น แฟนหงส์ จากคุณ : chee-win4 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:42:30

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านแล้วจะร้องไห้ ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่น่าประทับใจแบบนี้นะคะ จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:46:10

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่เคยรู้เลยว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  รูปใน#6 เห็นแล้วขนลุกเลยอ่ะค่ะ ขอบคุณจขกท.มากนะคะที่นำมาแบ่งปัน ^^ จากคุณ : เด็กอันดับบ๊วย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:51:28

ความคิดเห็นที่ 77 เคยได้เห็นเสื้อที่เขาใส่กัน เหมือนกันครับ ... ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ แบบนี้ มาให้อ่าน นะครับ ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 15:58:52

ความคิดเห็นที่ 78 แฟนผีอย่างผม อ่านแล้ว น้ำตาซึมเลยฮะ .... จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:09:43

ความคิดเห็นที่ 79 ไม่เสียเเรงที่รักทีมนี้จริงๆครับท่าน จากคุณ : ไล่ฮก เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:20:14

ความคิดเห็นที่ 80 "ผมไม่เคยเสียใจเลยที่รักทีมนี้ ผมไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกลิเวอร์พูล" ประโยคแบบนี้แหละที่อยู่ในใจผมมา 20 กว่าปี .. เจอร์ราร์ด คุณคือกัปตันที่ยิ่งใหญ่จริงๆครับ จากคุณ : Leopaul เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:22:49

ความคิดเห็นที่ 81 ภูมิใจในทีมลิเวอร์พูลมาก ดีใจสุด ๆ ที่ได้มาเป็นแฟนลิเวอร์พูล ดีใจมากที่ดูฟุตบอลนัดแรกนัดนั้นที่ลิเวอร์พูลเตะ ทำให้เรากลายมาเป็นแฟนลิเวอร์พูลจนถึงทุกวันนี้ จะต้องรอคอยแชมป์อีกกี่สิบปี ก็จะยังเชียร์ลิเวอร์พูลต่อไป จากคุณ : flywithbird เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:23:41

ความคิดเห็นที่ 82 ซึ้งครับ เข้าใจเลยว่าทำไมลิเวอร์พูล ถึงเป็นที่รักของแฟนๆ ได้ขนาดนี้ พี่เจิดแก สุดยอด จริงๆ เกลียดแกเฉพาะตอนแข่งกับแมนยูนี่แหละครับ จากคุณ : สุรีกรณ์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:24:08

ความคิดเห็นที่ 83 แฟนผีอย่างผม อ่านแล้ว น้ำตาซึมเลยฮะ .... +1 จากคุณ : Depump เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:26:46

ความคิดเห็นที่ 84 4ปีที่เสียไปกับการที่ต้องไปนอนในคุกเพราะความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ คงไม่มีอะไรมาทดแทนได้ แต่การที่ทีมรักและคนอังกฤษ(เชื่อว่าไม่ใช่แค่แฟนหงส์แน่) มาช่วยเหลือเค้าและครอบครัวขนาดนี้ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าไม่ได้เดินเดียวดาย.....แน่นอน กิฟหมด(เพราะวอลเลย์แท้) โหวตอย่างเดียว จากคุณ : ผีหลายบทบาท เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:27:43

ความคิดเห็นที่ 85 You'll never walk alone คำนี้มีมนต์ขลังครับ กระทู้นี้ตอบคำถามได้ดีที่สุด! จากคุณ : ฮาตึงว่าแล้ว เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:28:24

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านแล้วน้ำตาคลอไปเลย ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ จากคุณ : Marios เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:46:01

ความคิดเห็นที่ 87 ประทับใจจังครับ เรื่องประทับใจกับสโมสรในไทยลีกก็มีเหมือนกันนะครับ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8277902/S8277902.html ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าแต่ก็ซึ้งกินใจเหมือนกัน จากคุณ : นะโม 3จบ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 17:00:38

ความคิดเห็นที่ 88 เข้ามาโหวตและลงชื่อ จากคุณ : Dr.เต่า เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 17:06:13

ความคิดเห็นที่ 89 ไม่เสียแรงที่หลงรัก จากคุณ : rcs1 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 17:11:33

ความคิดเห็นที่ 90 ซึ้งง ขอบคุณที่เอามาให้อ่านครับ จากคุณ : pokkymanza เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 17:29:29

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำบทความดีๆ อย่างนี้มาเผยแพร่ต่อครับ อ่านแล้ว ตื้นตันอยู่ในคอ ไม่ผิดหวังเลยที่รักสโมสรนี้ เพราะเรื่องดีดี ของ spirit แฟนบอล มักมีให้เห็นเสมอ เราไม่ได้แค่จะเชียร์ทีมให้ชนะเท่านั้น แต่เราให้กำลังใจ และปลอบใจยามผิดหวังด้วย ทั้งใน และนอกสนาม อยากให้แฟนบอลทีมอื่น มีสิ่งเหล่านี้บ้าง ไม่ต้องถึงกับเปลี่ยนมาเป็นแฟนลิเวอร์พูลหรอกนะครับ SPIRIT, SOUL, SOCCER จากคุณ : Tobkop เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 17:49:19

ความคิดเห็นที่ 92 แฟนผีนะค่ะ สงสัยมาตลอดว่า....ทำไมถึงชอบกันนัก  ลิเวอร์พูลเนี้ย (ครอบครัวแฟนหงส์แดงหมด ยกเว้นเรา) เป็นทีมที่แฟนบอลขี้โม้อ่ะ... (ก่อนอ่านกระทู้นี่คิดแบบนั้นจริงๆ เพราะเจอแต่ แฟนบอลแบบนั้น) หลังจากอ่านแล้ว  ได้รู้ถึงความหมายของ You'll never walk alone จริงๆ ไม่ใช่แค่เธอจะไม่เดินเดียวดาย แต่มันหมายถึงฉันจะเดินไปเคียงข้างกับเธอด้วย และก็ได้เข้าใจว่าความรู้สึกแฟนหงส์ที่ว่า...ทีมตัวเองเจ๋งที่สุด.. เค้าไม่ได้คิดว่า เป็นทีมฟุตบอลที่เค้าชื่นชอบ แต่เพราะพวกเค้าคิดว่า ลิเวอร์พูล คือ ครอบครัว... ครอบครัว ที่ใครมาว่าครอบครัวเราเราจะโกรธ ครอบครัว ที่ใครดูถูก สบประมาท ครอบครัวเรา เราจะต้องปกป้อง... นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนอื่น(แฟนทีมอื่น) คิดว่าพวกเค้าขี้โม้.. แต่จริงๆแล้ว  เค้าแค่ ปกป้อง  เทิดทูน ให้กำลังใจ ครอบครัวของเค้า ...................................................................................... ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ดีมากในสายตาเรานะ แต่การบริหารจัดการบางอย่าง ไม่ดี ทำให้ส่งผลแบบนี้ ในสนามลิเวอร์พูลไม่เป็นรองใครจริงๆ หวังว่า ฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ดี...ของทีมคุณ จากคุณ : nn_hunter เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 17:53:48

ความคิดเห็นที่ 93 เด็กผี คนนี้ ขอซึ้ง และคาราวะด้วยคนครับ จากคุณ : EAAY เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:08:30

ความคิดเห็นที่ 94 เป้นบทความที่ดีมากครับ น้อยกระทุ้ที่เกี่ยวกับทีมตรงข้ามสุดขั้วแล้วผมจะอ่านจบนะเนี่ย ^^" จากคุณ : Skyline_CII เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:11:31

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณจขกท.สำหรับกระทู้แสนดี ขอบคุณค.ห. 92 ที่เข้าใจและให้คำอธิบายได้ชัดเจนที่สุด ข่าว ไมเคิล ชิลดส์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษอัพเดตตลอดทั้งวันในทวิตเตอร์เรา เพราะแฟนลิเวอร์พูลดีใจกันมาก เราต้อนรับเขา "กลับบ้าน" เพราะเค้าคือครอบครัวสีแดงเหมือนเรา อีกอย่างหนึ่งที่อยากบอกคือ นอกจากแฟนบอลลิเวอร์พูลแล้ว ชิลด์สยังออกมาขอบคุณแฟนบอลเอฟเวอร์ตันด้วย เพราะยามอยู่นอกสนามแล้ว สาวกท็อฟฟี่เหล่านี้ตระหนักดีว่า ชิลด์สคือคนของเมอร์ซีย์ไซด์ พวกเขาร่วมเรียกร้องอิสรภาพให้กับชิลด์สไปพร้อมกับแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วย จากคุณ : The Field Where I Died เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:19:21

ความคิดเห็นที่ 96 สุดยอดมากๆ ^^ จากคุณ : ~นู้ปปี้จัง~ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:22:48

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านแล้วรู้สึกดีกับลิเวอร์พูลขึ้นอีกเยอะเลยครับ (แต่ปกติไม่ไ่ด้เกลียดอะไรนะครับ) ป.ล. แฟนผีครับ จากคุณ : Kuuga_Freedom เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:43:57

ความคิดเห็นที่ 98 แฟนผีครับ....แต่จะยืนปรบมือให้ลิเวอร์พูล ครับ.... จากคุณ : ถูกทิ้งที่รังสิต เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:47:15

ความคิดเห็นที่ 99 ซึ้งน่ะ ชอบ.. จากคุณ : เอซี มิลาน บารอส เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:53:27

ความคิดเห็นที่ 100 สุดยอดจริงๆครับ ทีมรักผม จากคุณ : สาวกท่านมันตู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 18:54:10

ความคิดเห็นที่ 101 เข้ามาอ่านเก็บรายละเอียดค่ะ อดที่จะแสดงความเห็นไม่ได้ คห. 92 คะ คุณเข้าใจได้ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ สำหรับแฟนหงส์พันธุ์แท้ทุกคน ลิเวอร์พูลไม่ใช่แค่สโมสรฟุตบอลที่เราเชียร์ แต่เป็นเหมือนครอบครัวจริงๆ แม้เราจะอยู่ห่างไกลขนาดนี้ และไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศในเกมส์อย่างใกล้ชิดไปกว่าการดูผ่านจอสี่เหลี่ยม แต่เรารู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างร่วมไปกับทีมกับแฟนๆในสนาม ตอนรำลึกฮิลโบโร่ก็เหมือนกันค่ะ ได้ดูคลิปน้ำตาซึมเลย นึกถึงคนที่ไม่เคยรู้จักทั้ง 96 คนที่ไม่ได้กลับบ้านแล้วมันก็อดเศร้าไปด้วยไม่ได้ เรื่องของชิลล์ก็เหมือนกัน มันรู้สึกไปด้วยว่าเพื่อนคนนึงกำลังอยู่ในภาวะยากลำบาก แต่ก็รู้สึกดีที่สโมสรไม่ทอดทิ้งเขา ภูมิใจที่จะเรียกตัวเองว่า The kop สำหรับเราแล้ว ทีมเราดีที่สุดในโลก ไม่ใช่เพราะเราคิดว่าทีมเราเก่ง แต่เพราะเรารักทีมต่างหาก จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:10:21

ความคิดเห็นที่ 102 ยิ่งได้รับรู้เรื่องแบบนี้ ยิ่งรักทีมมากยิ่งขึ้น ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่ทั้งทีมและแฟนบอลพิสูจน์แล้วว่า You'll never walk alone จริงๆ ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่จำได้กับตัวผมเอง ก็มีเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ กับตอนพักครึ่งที่อิสตันบูล แต่ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ อาจเป็นเพราะบิล แชงคลี่ย์ คนนี้คนเดียว ที่ปลูกฝังความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างผู้จัดการทีม-ทีม-แฟนบอล อย่างที่ไม่เคยมีในสโมสรไหน จากคุณ : สมรุ่ง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:10:31

ความคิดเห็นที่ 103 LOVE YOU LIVERPOOL LIVERPOOL IS MY LIFE ลิเวอร์พูล เป็นอะไรที่มากกว่าคำว่า  ฟุตบอล จากคุณ : คิงส์ เควิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:12:20

ความคิดเห็นที่ 104 มีเพื่อนร่วมทีมเชียร์ของเราถูกขังอยู่อีกคนหนึ่ง  พวกเราจะไปช่วยเค้ากันดีมั้ยครับ   เขาคือ FYEO จากคุณ : ขี้เหร่ใจซื่อ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:21:03

ความคิดเห็นที่ 105 ซึ้งครับ จากคุณ : 15ค่ำเดือน11 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:24:13

ความคิดเห็นที่ 106 ลงชื่ออย่างเดียวพอ Liverpool, I love you ... จากคุณ : Thongchai เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:25:53

ความคิดเห็นที่ 107 ซึ้งจัง T_____T จากคุณ : Ikkusan เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:29:18

ความคิดเห็นที่ 108 โหวต ให้กระทู้ดีๆครับ จากคุณ : King Kop เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:30:01

ความคิดเห็นที่ 109 ซึ้งจัง T_____T จากคุณ : สเกาเซอร์ จากยุค 80's (Ikkusan) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:30:25

ความคิดเห็นที่ 110 โหวต ให้กระทู้ดีๆครับ จากคุณ : King Kop เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:30:48

ความคิดเห็นที่ 111 ตอนจบขนลุกเลย ชอบครับ ถึงจะเป็นแฟนผี ผมก็จะกดโหวตครับ จากคุณ : Armani Man เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:30:58

ความคิดเห็นที่ 112 ซาบซึ้งมากครับ เจอร์ราร์ด สุดยอดจริงๆ ผมแทบย้ายกลับมาเชียร์เลย จริงๆนะนี่ จากคุณ : ชายน้อยมองเหม่อนั่งเอ๋อริมถนน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:31:46

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาเก็บรายละเอียดในคอมเมนต์อีกรอบเหมือนกัน (จริงๆอ่านวนมาหลายรอบแล้ว 55+) เท่าที่อ่านๆข่าวมา ไมเคิล ชิลด์ส ร้องขอให้ทางการบัลแกเรียออกมาขอโทษนะคะ นอกจากจะยังไม่มีคำขอโทษออกมาแล้ว รู้สึกว่า เค้ายังจะโมโหที่ชิลด์สได้อภัยโทษอีกแน่ะ จากคุณ : The Field Where I Died เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:32:33

ความคิดเห็นที่ 114 แหม นี่ถ้าผมทะลึ่งยงไม่มีทีมเชียร์นะ อ่านกระทู้นี้จบผมคงประกาศตัวเป็นเด็กหงส์ไปแล้ว จากคุณ : OrangE_KnighT เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:49:07

ความคิดเห็นที่ 115 You'll never walk alone จากคุณ : ค่ำ2มีนา46 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 19:55:27