 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
นรกแตก!โอเว่นนำชัยนาที 96 ผีระทึก 4-3
แนวรับอบต.ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรอดพ้นความอับอายขายขี้หน้าเหลือเชื่อหลังได้ไมเคิ่ล โอเว่นซูเปอร์ซับมายิงกู้หน้าในช่วงทดเจ็บนาที 96 เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้สุดระทึก 4-3 พร้อมยัดเยียดความปราชัยให้ลูกทีมของมาร์ค ฮิวจส์สะใจกันไป
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2552
พรีเมียร์ลีก
แมนฯยูฯ 4-3 แมนฯซิตี้
ประตู : 1-0 รูนีย์ น.2,1-1 แบร์รี่ น.16,2-1 เฟลทเชอร์ น.49,2-2 เบลลามี น.52,3-2 เฟลทเชอร์ น.80,3-3 เบลลามี น.90,4-3 โอเว่น น.90+6
ศึกดาร์บี้แมทช์เมืองแมนเชสเตอร์ครั้งที่ 153 หนนี้คาร์ลอส เตเบซมาในสีเสื้อฟ้าหลังเร่งฟิตกลับมาเป็นตัวจริงเจอเพื่อนและแฟนบอลทีมเก่า ในขณะที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจัดทัพตัวขยันในแดนกลางลงเล่นชัดเจนทั้งปาร์ค จี ซอง,อันแดร์สันและดาร์เรน เฟลทเชอร์โดยมีไรอัน กิกส์เป็นตัวประครอง
ครึ่งแรก
โกลลลลลลลลลลลลลลลล์ รูนีย์ 1-0 เริ่มไปแค่ 2 นาที"ปีศาจแดง"ขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะทุ่มเร็วตรงมุมธงของไรอัน กิกส์เป็นเอวร่าวิ่งสอดรับบอลในเขตโทษแบบชาญฉลาดก่อนแยงบอลสุดขาให้รูนีย์ หลอกจะยิงหนึ่งจังหวะแล้วแตะหนีทั้งเดยองและตูเร่ที่เข้าพรวดล้มระเนระนาด ก่อนยิงเต็มข้อระยะ 6 หลาบอลตุงตาข่ายเข้าไปท่ามกลางเสียงดีใจสนามแทบแตกและป๋าลุกขึ้นร้องอย่าง สะใจ ประตูนี้ต้องชมเด็กเก็บบอลด้วยที่รีบวิ่งไปเอามาไม่งั้นคงเล่นเร็วไม่ได้
เรือใบต่อเกมไม่ติด ตอนนี้เกมของทีมเยือนยังต่อไม่ติดเพราะหลายคนดูเหมือนยังตื่นๆกับดาร์ บี้แมทช์ครั้งนี้ที่พิเศษกว่าที่ผ่านๆมาเนื่องจากจะเป็นการวัดกันโดยตรงว่า ใครคือเจ้าของเมืองนี้กันแน่
เบอร์บายิงข้ามคาน+เตเบซถูกโห่ นาที 13 อันแดร์สันแทงบอลทะลุตรงกลางให้เบอร์บาตอฟหมุนตัวควงรับบอลแล้วยิงไกลนอกเขตบอลพุ่งข้ามคานออกไปแบบได้เสียว
คำขอร้องเร้ดอาร์มี่อย่าโห่ก่อนเกมไม่ได้ผลเพราะทุกๆครั้งที่ได้บอลเสียง boooooo ดังตลอด
ฟอสเตอร์งานเข้า เรือ 1-1 แต่แล้วอีก 3 นาทีต่อมาเบน ฟอสเตอร์ทำงานเลี้ยงกร่อยหลังเลสค็อตต์วางบอลยาวจากกลางสนามแต่ล้นเหมือนไม่ มีอะไรแล้วนายทวารสำรองวิ่งมาไม่ยอมเคลียร์ทิ้งแต่จะล้วงกลับมาเข้าในเขต เพื่อรับแต่เตเบซโชว์ขยันวิ่งมาไล่บีบแล้วแย่งบอลจังหวะที่ฟอสเตอร์ล็อกแถม จังหวะตระครุบนัวเนียแย่งกันก่อนเอามาได้แล้วตั้งให้แบร์รี่วิ่งมายิงด้วยอี ซ้ายหน้ากรอบโทษบอลผ่านวิดิชที่พยายามล้มสกัดแต่ไม่ทันการณ์บอลตุงตาข่าย เข้าไป
เรือชักแน่น+เตเบซโดนเหลือง พอได้ประตูตีเสมอตอนนี้กลายเป็น"เรือใบ"ที่เล่นดีกว่าและคุมเกมได้แล้วแต่ ตอนนี้โอกาสทำประตูของทั้งสองทีมเริ่มหาลำบากเพราะต่างฝ่ายต่างเล่นรัดกุม หลังเสียง่ายๆกันไปคนละประตู
นาที 27 เตเบซถูกใบเหลืองเป็นคนแรกหลังไปเสียบด้านหลังริโอช้า พอกรรมการชูใบเหลืองเร้ดอาร์มี่ร้องเสียงดังลั่นทันที
หมูพลิ้วขยันจนเสียว อีก 5 นาทีต่อมา"หมูพลิ้ว"โชว์ขยันไล่บอลก่อนแย่งจากแบร์รี่ตรงหน้าเขตโทษได้แล้ว รีบยิงกะชิพให้ข้ามกิฟเว่นแต่บอลไม่ตรงกรอบข้ามคานออกไป
นาทีสุดท้าย"หมูพลิ้ว"เกือบมอบโชคให้ทีมเยือนง่ายๆอีกแล้วหลังไปเล่นยาก ตอกลูกส้นตรงกลางสนามทำให้ตูเร่ตัดบอลได้ก่อนลากขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วปาด เข้าเขตโทษให้ไอร์แลนด์ที่ปล่อยบอลเลยไปถึงเตเบซที่ได้ล่อเป้าเน้นๆแต่ตอน ยิงเอวร่าวิ่งสไลด์บีบทำให้ต้องเร่งทำให้บอลไปชนเสากระเด้งออกหลังอย่างไม่ น่าเชื่อ
ครึ่งหลัง
เทพเฟลทช์มาทั้งตัวโขก 2-1 จะยังไงเนี่ยเล่นมาแค่ 4 นาทียูไนเต็ดได้ประตูเร็วอีกแล้วจากจังหวะที่เอวร่าได้บอลไหลจากกิกส์ตรง เส้นหลังแล้วไม่มีจังหวะโยนเพราะเจอบี้อยู่สองคนเลยม้วนย้อนแล้วตั้งคืนให้ กิกส์เปิดครอสบอลย้อยโด่งและดูเหมือนไม่มีอะไรเพราะแบร์รี่กำลังจะเก็บกิน แต่พี่ท่านยินรอทำให้เฟลทเชอร์โถมโมโขกตัดหน้าตรงระยะ 6 หลาบอลเด้งลงพื้นเบียดเสาเข้าไปสุดงาม
ผีมาอีกชุด ตอนนี้เกมรุกของเจ้าถิ่นชักมันนาที 51 ลูกวางยาวจากแดนตัวเองเป็นรูนีย์วิ่งมาเกี่ยวเก็บตรงหน้าเขตโทษแล้วมาดวลกบ ตูเร่ก่อนลากเข้าเขตโทษเข้าเท้าขวาแต่แทนที่จะยิงกลับไหลหักข้อหลอกออกอีก ด้านให้กิกส์วิ่งสอดมายิงดีดไซด์แต่กิฟเว่นใช้ขาเซฟทันควัน
อ้าว เบลลามีปั่นเสียบ 2-2 แต่อีกนาทีต่อมา"เรือใบ"มาตีเสมอหน้าตาเฉยจากจังหวะสวนกลับที่เหมือนไม่ มีอะไรเพราะเตเบซก็ดึงช้าแล้วฝากบอลต่อให้เบลลามี่ตรงเกือบๆริมกรอบโทษแต่ อดีตหอกลิเวอร์พูลเห็นไม่มีใครเข้าเลยแต่งบอลเข้าขวาตรงหน้ากรอบก่อนยิงปั่น ไซด์เฉี่ยวตัวริโอพุ่งเสียบใต้คานผ่านมือฟอสเตอร์เข้าไปอย่างสวยงาม
ผีพับสนาม+เบอร์บาโขกเผาขนไม่เข้า สถานการณ์ครั้งนี้ไม่เหมือนครึ่งแรกเพราะยูไนเต็ดโดนตีเสมอกลับกลายเป็นฝ่าย บ้าคลั่งจะทวงประตูตีเสมอปล่อยให้"เรือใบ"ถอยร่นไปตั้งรับคอยเคลียร์ทิ้ง พัลวัน
นาที 65 ยูไนเต็ดพลาดได้ประตูอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อได้ลูกเตะมุมเป็นเบอร์บาตอฟโขก เต็มๆ 6 หลาแต่ดันไปตรงตัวกิฟเว่นที่ประสานมือปัดบนเส้นสุดช็อก
เบอร์บาอีกหนกิฟเว่นเซฟอีก อีก 3 นาทีต่อมากิฟเว่นโชว์ฝีมือเซฟระดับเทพอีกครั้งเมื่อไรอัน กิกส์โชว์ลีลาสมัยหนุ่มแตะลอดขาไรท์ ฟิลลิปส์ตรงริมเส้นแล้วมาหลอกไอร์แลนด์ในกรอบฝั่งซ้ายก่อนเปิดย้อยต่ำให้ เบอร์บาตอฟเอียงตัวโขกตรงระยะ 8 หลาแต่กิฟเว่นโคตรไว้วิ่งมาปัดบนเส้นอีก
กิกส์ตะบันกิฟเว่นมารหัวขน ตอนนี้กลายเป็นบอลเล่นอยู่ข้างเดียวแล้วโดยนาที 70 ยูไนเต็ดมาอีกแล้วคราวนี้เป็นวาเลนเซียเปิดบอลจากปีกขวาบอลตกพื้นเลยเบอร์บา ตอฟกับกองหลังทีมเยือนมาตกที่กิกส์ซึ่งหวดตามน้ำด้วยซ้ายบอลติดไซด์ตรงตัว กิฟเว่นที่ผวาปัดข้ามคานสองมืออีก เหนียวจังนะพ่อคุณ
เทพเฟลทช์มาอีกแล้วโขกตุง 3-2 ก่อนหมดเวลา 10 นาที"เรือใบ"มาเสียท่าจากลูกตั้งเตะอีกแล้วเมื่อฟรีคิกทางกรอบโทษฝั่งซ้าย เป็นกิกส์ปั่นมาที่จุดนัดพบ 6 หลาและเป็นเฟลทเชอร์ที่โผนมาเขกบอลเสียบเสาเดิมมุมเดิมและกิฟเว่นไม่ได้ขยับ เซฟเหมือนเดิม 3-2 แล้ว!!
เรือตื่นเกือบตีเสมอ ครึ่งหลังต้องบอกว่ากึ๋นของเฟอร์กี้เอาชนะมาร์ค ฮิวจส์แบบขาดลอยเพราะสปาร์กี้ไม่ยอมปรับเปลี่ยนตัวในขณะที่ถูกพับสนามอยู่ ข้างเดียวแต่พูดไม่ทันขาดคำก่อนหมดเวลา 2 นาทีจังหวะสวนกลับของ"เรือใบ"เป็นไอร์แลนด์ไหลเข้าเขตโทษให้ไรท์ ฟิลลิปส์วิ่งมายิงแต่ฟอสเตอร์บินปัดออกหลังนิดเดียว
ริโอเสียหมา เบลลามี่หลุดตีเจ๊าท้ายเกม นาทีสุดท้าย"ปีศาจแดง"มอบโชคอีกแล้วเมื่อริโอ เฟอร์ดินนาด์ไม่รู้คิดอะไรอยู่ได้บอลกลางสนามไม่ยอมจ่ายทำยึกยักก่อนโชว์ เหนืองัดบอลจะให้วาเลนเซียตรงปีกขวาแต่ไปเข้าทางเปตรอฟตัวสำรองรี่ที่เบิ้ลบ อลจังหวะเดียวยาวให้เบลลามี่ควบหลุดเดี่ยววิ่งแข่งหนีริโอก่อนกระชากโซโล่ เข้าถึงกรอบเขตโทษแล้วแตะหนีฟอสเตอร์ก่อนยิงมุมแคบเบียดเสาเข้าไปช็อกกัน ทั้งสนาม 3-3 !!
พระเจ้า โอเว่นยิงลูกชัยนาที 96 เกมที่น่าจะจบลงด้วยสกอร์เสมอแต่แล้วผู้ตัดสินที่ทดเจ็บนานถึง 6 นาทีกลายเป็น"ปีศาจแดง"ที่มายิงประตูชัยปิดเกมเหลือเชื่อเมื่อลูกเตะมุมของ เจ้าถิ่นถูกเคลียร์ 2 หนแต่สุดท้ายมาเข้าทางกิกส์ตรงระยะ 30 หลาก่อนแทงบอลทะลุให้โอเว่นที่กางมุ้งในเขตโทษแต่ไม่ล้ำเพราะมีตัวห้อยยืนพอ ดีก่อนจิ้มสวนตัวกิฟเว่นเสียบหน้าต่างไกลเข้าไปเป็นประตูชัยนำยูไนเต็ดรอด พ้นหายนะกับแนวรับอันสุดห่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จากนั้นกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาโดยที่มาร์ค ฮิวจส์ไม่พอใจเพราะต่อเวลาเกินมา 2 นาทีและจริงๆแล้วลูกที่"เรือใบ"โขกทิ้งออกมาถึงกลางสนามตามหลักต้องเป่ายุติ ทันทีเรียกว่างานนี้ประเด็นทดเจ็บเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาว์นแน่นอนเช่นเดียวกับมาร์ติน แอตกินสันผู้ตัดสินอาจถูกสอบกันยาว
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนฯยูฯ : เบน ฟอสเตอร์ 4,จอห์น โอเช 6,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4,เนมันย่า วิดิช 6,ปาทริซ เอวร่า 7,ปาร์ค จี ซอง 6(วาเลนเซีย น.62,6),อันแดร์สัน 6(คาร์ริค น.93),ดาร์เรน เฟลทเชอร์ 8,ไรอัน กิกส์ 9 *,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 7(โอเว่น น.78),เวย์น รูนีย์ 8
แมนฯซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น 8,ไมคาห์ ริชาร์ดส 3,โจเลออน เลสค็อตต์ 6,โคโล่ ตูเร่ 6,เวย์น บริดจ์ 6,ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ 6,แกเรธ แบร์รี่ 7,ไนเจล เด ยอง 6(เปตรอฟ น.83),สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 6,เคร็ก เบลลามี่ 8[/img],คาร์ลอส เตเบซ 7[/img]
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=189673%20target=
จากคุณ |
:
VanHelsing
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ย. 52 10:58:22
|
|
|
|
 |