 |
ความคิดเห็นที่ 23 |
จะกลัวทำไมกับความจริงครับ รายการเล็กก็เล็ก แต่เราช่วยกันให้มีคุณภาพคับแก้วได้นี่ครับ ที่มาเลเซีย เค้าก็ 250 เท่าเรา ทำไมเค้าได้นักเทนนิสมือดีๆไปเล่นหมด ทั้งๆที่หลายๆคนก็มาไทยแลนด์โอเพ่นของเรามาแล้ว ไม่ว่าจะ Verdasco, Soderling, Berdych, Davydenko, Dent, Lopez, PimPim, Youzhny etc. เราควรถามนักเทนนิสดังๆที่เคยมาเล่นกับเราแล้วว่า ทำไมไม่มาเล่นกับ เราอีก เพื่อได้ feedback ว่าเค้าเลือกไปมาเลย์เพราะ ? ขอยาวเลยนะ
management หรือการจัดการที่ดีเท่านั้นครับ จะสามารถดึงดูดนักเทนนิส ดังๆมาให้เราดูได้ ดูจากคนดูรอบวันจันทร์ - ศุกร์ แล้ว บอกตามตรงว่า น้อยมากๆๆ ถ้าคุณ จขกท ได้เป็น volunteer ตั้งแต่ปีแรก จะเห็นได้ชัด เลยว่า แต่ก่อน เรามี event แม้กระทั่งชั้นบน คนต่อคิวยาวมากเพื่อจะเข้า ชมเทนนิส เดี๋ยวนี้เราต้องเกณฑ์แม้กระทั่งกองเชียร์ และนักเรียนมาชม มาเชียร์ Day session คนดูราวร้อยคนเท่านั้น
ไหนๆก็ไหนๆยนะครับ จะขอฝากไปบอก BEC คนจัดเลย เพราะผมมีโอกาส ไปดูเทนนิสตปท หลายรายการแล้ว รู้สึกเซ็งกับการจัดเทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่นของเรามาก (จริงๆ สิ่งดีๆก็มีเยอะ แต่ขอบอกแต่สิ่งที่ควรปรับปรุง แล้วกัน) นักเทนนิสดังๆจะได้มาแข่งอีกเรื่อยๆ และมี TO ต่อไปเรื่อยๆ คนดูจะได้เยอะๆไม่กร่อยแบบนี้
1) การห้ามคนดูนำกล้อง(ใหญ่) เข้าไป แค่คิดก็ผิดแล้วครับ เข้าใจว่ากลัวคนแอบเข้าไปถ่าย vdo แล้วนำไปเผยแพร่ โดยละเมิดลิขสิทธิ์ มือถือก็ถ่ายได้ครับท่าน ที่ Australian Open เค้าห้ามแค่ ขาตั้งกล้อง ไม่ให้เอาเข้า ไม่ว่าอะไรเลย กล้องโปรไม่โปร ซูมได้ ซูมไม่ได้ มันไร้สาระมากครับ ใครๆก็อยากจะดูและเก็บภาพ นักเทนนิสคนโปรดของตนเองทั้งนั้น ที่ Medibank International, Sydney หรือ Indian Wells Masters Series หรือ Sony Ericsson Open ที่ Miami ไม่มีที่ไหน ห้ามนำกล้องซูม กล้องโปร เข้าไปถ่ายรูปนักเทนนิสเลย เค้ามีแต่กำชับว่า อย่าถ่าย flash และกล้องถ่าย vdo handy cam นะ จะเข้าไม่ได้ แถมเดินกระทบไหล่นักเทนนิสได้ ง่ายๆ ดูนักเทนนิสตอนซ้อม ก็ได้ และสามารถเลือกดูสนามไหนก็ได้ ไม่ใช่บังคับดูแบบเรา อยากดู court 1 ที่รายการอื่นๆ เค้าเดินกันไปได้ตลอด เพราะมันไม่ได้อยู่ ในสถานที่เดียวกัน ใครเพิ่งมาดู TO คงไม่ทราบ ว่าแต่ก่อนเรามี court 1 และ practice court อยู่ใน hall ข้างๆ impact arena แต่ปรากฎว่าทุกวันนี้ เราเหลือแต่ใน arena เป็นทั้ง center court , court 1 และ practice court practice court อีกที่ ซึ่งใช้เป็น tennis clinic ด้วย คือ thunder dome ก็ไกลซะ แล้วห้ามแฟนๆเข้าดูอีก แต่ก่อนใครอยากดูเฉพาะ court 1 ก็เดินไปดูได้เลย ดูได้ชัดใกล้ชิดมากๆๆ ปัจจุบันนี้ใครอยากดู court 1 แล้วไม่ได้นั่งชั้น 1 ก็ต้องเดินเลื่อนที่นั่งมาด้าน court 1 เอง หรือ ต้องอยู่ชั้นบนสุด ถึงจะเห็นได้ 2 สนาม เรื่องนี้ส่งผลต่อนักเทนนิสโดยตรงด้วยนะครับ เพราะเค้าต้องการสนามซ้อมที่พร้อมให้ซ้อมได้ตลอด ไม่ใช่ซ้อมได้ เฉพาะตอนที่ไม่มีคนแข่ง หรือ ก่อน match จะเริ่มเท่านั้น
2) นักเทนนิสต้องได้รับความสะดวกสบายมาก อย่าง masters series Roma ที่อิตาลี่ มีทีมงานไปรับถึง gate รถ limousine มาจอดรอนักเทนนิส พร้อมออกเดินทางเข้าสู่ที่พัก ไม่ต้องยืนรอรถ นักเทนนิสฝรั่งเศสมา ก็เอาเจ้าหน้าที่พูดฝรั่งเศสได้ไปคอยอำนวยความสะดวก เรื่องพวกนี้ เราน่าจะทำได้ดีมากๆๆ แต่ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้นักเทนนิสเท่าที่ควร หรืออย่าง Safin มาเล่นเป็นปีสุดท้าย แทนที่เราจะจัด party อำลา Safin ให้ซะหน่อย ก็ไม่มี ที่ปักกิ่งเค้ายังทำให้เลย มีของขวัญให้ Safin ตอนหลัง match ที่เค้าแพ้ก็ได้หรือไม่ก็มีการสัมภาษณ์ในสนามเลย ให้ Safin พูดอะไรถึงแฟนๆชาวไทยและเมืองไทย ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก จะช่วย promote ประเทศ และการท่องเที่ยวได้อีก ก็ไม่ทำ เรื่อง limousine เราก็มีการแบ่งชั้นกัน คนไม่ดังได้นั่้งรถตู้ไปหลายๆคน Safin ได้นั่ง camry อยากจะบอกว่า ที่อื่นเค้าจะเลือกรถที่นักเทนนิสนั่้งได้สบายๆ และขนอุปกรณ์ได้สะดวก อย่าง Medibank ที่ Sydney เนี่ย เค้าจะใช้รถเบนซ์แบบ touring นักเทนนิสมือระดับไหนก็ได้นั่งรถเหมือนกัน
3) การทำ presentation ให้นักเทนนิส ผ่าน website ของ TO กรุณาไปดู website ของ Malaysia Open เค้ามี powerpoint ทำไว้ให้ นักเทนนิสเลย ว่าทำไมต้องมาเล่นที่ กัวลาฯ มีรายละเอียดบอกพร้อม ดึงดูดใจนักเทนนิสมากๆ หรือการจัด marketing campaign และ event ต่างๆ เช่น ต่อยมวยไทย แจกลายเซ็น น่าจะบอกให้แฟนๆทราบก่อน ล่วงหน้าทาง web TO ไปดูของมาเลย์ด่วน ว่าเขาทำอย่างไรบ้าง http://www.malaysianopentennis.com/pdf/KLIMG%20Presentation.pdf
ซึ่งถ้าไทยทำแบบมาเลย์ รับรองเลยว่า ใครๆก็ต้องอยากมาแข่งที่ไทย มากกว่า แต่เราไม่ทำ เรายึดติดกับตัวบุคคลคนใดคนหนึ่งมากไป promote แต่ Nadal ว่าจะมา พอไม่มาเข้าจริง ใครๆที่อยากมาชมก็ เปลี่ยนใจกันไปเยอะ ทั้งๆที่ promote ใหม่ก็ได้ว่า นักเทนนิสที่มา ก็คุณภาพคับแก้ว ไม่เห็นมีใครพูดเลยว่า Gilles Simon เนี่ยชนะ Federer ได้ตั้งกี่ครั้งก๊่หน ไม่มีใครพูดเลยว่า Marco Chiudinelli เนี่ย เป็นคู่ซ้อมประจำของ Federer ไม่มีใครพูดเลยว่า John Isner คว่ำ Andy Roddick ที่กำลังฟอร์มดีที่ US Open ไม่มีใครพูดเลยว่า Lukas Dlouhy เป็นแชมป์ชายคู่ US Open
4) การขายบัตร แพงเกิน และไม่คุ้ม บัตรฟรีมีแจกมากมาย แถมได้นั่งชมที่ดีกว่าคนซื้อบัตรแพงๆ ใครจะ อยากซื้อบัตรไม่ทราบครับ ฝรั่งเนี่ยได้นั่งดูที่ดีกว่าคนไทยตลอด ทั้งๆที่บัตรฟรีเหมือนกัน เฮ้อ TO นะครับ ไม่ใช่ US Open รอบ qualifying ที่อื่นๆ ส่วนใหญ่เค้าจะให้แฟนๆเข้าชมฟรีนะครับ ไม่คิดเงิน แต่เราคิด แพงซะอีก แล้วไม่มีที่ไหน เค้าจัด qualify ให้เล่นกัน 3 วัน เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ นะครับ
เรื่องนักเทนนิสที่เราเชิญมา ไม่จำเป็นต้องดังมากครับ แค่เค้าเล่น เก่งแล้ว คนไทยพอรู้จักชื่อ เรารู้จักวิธีโปรโมต ก็เพียงพอแล้วครับ เท่าที่ทราบ คนจัด ไม่ใช่แฟนเทนนิสพันธุ์แท้ ทำให้ไม่ทราบว่า คนไหนเป็นยังไง และแฟนๆให้ความสนใจนักเทนนิสคนใดในขณะนั้นๆ ปีหน้าถ้าเลือกได้ อยากให้คนที่เป็นมือรองบ่อน แต่โค่นนักเทนนิส ดังๆได้บ่อยมา อย่าง Gilles Simon นี่ถือว่า ปีนี้เลือกถูกต้องมากๆ ปีหน้าขอประมาณ Marin Cilic คนที่คว่ำ Andy Murray ได้ใน US Open จริงๆปีนี้ น่าจะเชิญ Soderling มามากๆ เพราะเป็นช่วงที่เค้าฟอร์มดีมาก ปีหน้าก็ขอให้พิจารณา Robin ด้วย หรือนักเทนนิสดาวรุ่งที่ดูจะมาแรง หรือ นักเทนนิสที่กำลัง come back มาเล่นเทนนิสอีกครั้ง ปีหน้าลอง เชิญ Nalbandian ก็ดีครับ จริงๆปีนี้ น่าดึง Gasquet มา มาเลย์เค้า ฉลาดที่จะเลือกนักเทนนิสจริงๆ คว้าไปทั้ง Gasquet และ Joachim Johansson ด้าน PimPim นี่ตอนแรกแขวน racket ไปแล้ว แต่ตัดสินใจ กลับมาเล่นใหม่ มาเลย์ฯเลยให้ wild card เชิญมาเล่น แล้วก็ทำผลงาน ดี ชนะ Hewitt ได้ซะอีก หรืออย่าง แฝด Bob - Mike ก็น่าจะชวนมา แล้วทำ tennis clinic คู่กับ แฝดไทย โห แบบนี้ น่าจะมีแต่คนมาทำข่าว Tipsy ก็น่าจะให้มาแข่ง พวกที่เล่นแล้วสร้างสีสันเยอะๆเนี่ยครับ น่าจะให้ มาแข่ง Stepanek , Kohlschreiber , ด้วยครับ
แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 52 21:24:12
แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 52 21:22:59
จากคุณ |
:
P T
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ต.ค. 52 21:22:12
|
|
|
|
 |