 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
โดยปกติแล้วนะครับ "เครื่องหมายการค้า" ของเชลซีตั้งแต่ยุครานิเอรี่เป็นต้นมาแล้วนั้น คือ "เกมโต้กลับ" ไม่ใช่ "เกมรุกที่สะเด็ดสะเด่าเร้าอารมณ์" อย่างที่เสี่ยหมีสรรหาข้ออ้างมาขับไล่มูรินโญ่ออกจากทีมไปเมื่อปี 2007
เชลซีในยุคอันเชลอตติเองก็เช่นกัน เทรดมาร์คของเขาในการคุมมิลานก็คือการค่อยๆยึดพื้นที่ในแดนกลาง และจู่โจมด้วยการสวนกลับเร็ว
แต่ในเกมกับวิลล่านั้น พอเชลซีได้ประตูขึ้นนำ พวกเขากลับใจร้อนเลือกที่จะเปิดเกมแลกกับวิลล่าแบบหมัดต่อหมัด ถ้าเป็นมวยก็คงต้องบอกว่า "แลกหมัด" กันไปเลย อะไรทำนองนั้น ซึ่งความจริงแล้ว ไม่มีความจำเป็นเลยครับ แค่เชลซีใจเย็นๆ แล้วตั้งการ์ดรอหาโอกาสสวนกลับเพื่อปิดเกมแบบงามๆ เหมือนนัดที่เจอลิเวอร์พูล แค่นั้นงานของพวกเขาก็จะไม่ยากเกินไป
ซึ่งมุมมองของผมเองมองว่า ผิดวิสัยและไม่ค่อยเหมาะกับสถานะของเชลซีในการเป็นทีมเยือนเลยแม้แต่น้อย เชลซีเล่นดีกว่าวิลล่านะครับ อีกทั้งโอกาสในการเข้าทำ โดยเฉพาะเมื่อดูจากสถิติที่ยิงเข้ากรอบนั้นของเชลซีสูงถึง 26 ครั้งเลยทีเดียว ขณะที่วิลล่ายิงเข้ากรอบแค่ 5 ครั้ง แต่อุตส่าห์ไปกองที่ก้นตาข่ายถึง 2 ลูก
ขณะที่บางคนบอกว่าเป็นเพราะแบรด ฟรีเดล ผีเข้า แต่สำหรับผม กลับรู้สึกว่ามือปืนของเชลซีแต่ละคนยิงไปตรงตัวฟรีเดลมากกว่า ทั้งมาลูด้าเอย อเนลก้าเอย เดโก้เอย กับจังหวะที่ตะลิ๊ดติ๊ดชึ่ง ทำชิ่งทะลุเข้าเขตโทษกันไปนั้น ถ้ามีใครซักคนยิงออกซ้ายออกขวาบ้าง เอาหัวอ้ายทิดเป็นประกันเลยครับว่า "กระจุย"
ระบบไดมอนด์ผมสังเกตุและรู้สึกเอาเองว่าในครึ่งแรกนั้น นักเตะเริ่มเข้าใจในหมากนี้มากขึ้นในทุกๆเกมที่ลงเล่น โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำ เราได้เห็นการต่อบอลที่เร็วและแม่นยำมากขึ้น การพาสแอนด์มูฟ และการเคลื่อนที่เพือไปรับบอลระหว่างกันและกันของนักเตะเชลซี เริ่มดูดี และเนียนตามากขึ้น แต่ในเมื่อผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเชลซีแพ้ ผู้คนก็จะเริ่มสงสัยในระบบไดมอนด์กันทันทีอย่างเลี่ยงไม่ได้
สารภาพและก้มหน้ายอมรับครับ ว่าจุดอ่อนของระบบนี้อยู่ที่เกมริมเส้นนี่แหละครับ สังเกตุมาหลายนัดแล้ว ว่าเวลาเชลซีเจอกับทีมที่มีปีกความเร็วสูง หรือมีความรอบจัดเมื่อไหร่ อัมพาตจะเริ่มเกาะกินที่เกมทางกราบทันที
เวลาที่ยัง หรือ อักบอนลาฮอร์ รวมไปถึงมิลเนอร์ ขึ้นเกมมาทางริมเส้นทีไร หัวจิตหัวใจของแฟนเชลซีทุกคน ผมเชื่อว่าคงเต้นระส่ำราวกับเห็นมิยาบิมายืนส่งสายตาเย้ายวนโดยปราศจากอาภรณ์ห้อหุ้มกายที่หัวเตียงทุกที
ในส่วนของแอชลี่ย์ โคล ไม่มีปัญหาเลยครับ สำหรับระบบนี้ แต่กับโบซิงวา และอิวาโนวิช ตัวสแตนด์บายนี่ซิครับ ที่อาจมีปัญหา แน่นอนว่าโบซิงวานั้นอาจมีเกมรุกที่เป็นจุดขาย แต่เรื่องเกมรับยังคงอยู่ในเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มเลยนะครับ ส่วนอิวาโนวิชนั้น ก็เด่นที่เกมรับ ส่วนเกมบุกเนี่ย ปีนึงขอยิงลิเวอร์พูลทีมเดียวก็พอ :)
วิลล่าเลือกเจาะที่ทางฝั่งขวาของเชลซีแบบวันเวย์ โดยพยายามหาทางหลีกเลี่ยงแอชลี่ย์ โคล ให้ได้มากที่สุด ยิ่งในช่วงเวลาที่อิวาโนวิชลงมาแทนโบซิงวาด้วยแล้ว สังเกตุเห็นเลยนะครับว่าอิวาโนวิชนั้นใช้โควตาเกมที่ดีที่สุดเกมนึงในฤดูกาลของเขาไปในนัดที่เจอลิเวอร์พูลไปแล้ว ในช่วงเวลานึง ตอนที่อิวาโนวิชวิ่งไล่กวดแอชลี่ย์ ยัง ผมเห็นแล้วอดสงสารแบ็คหน้าหวานของสาวๆจริงๆ
อีกจุดที่อยากตำหนิคนเป็นกุนซือบ้างก็คือ เรื่องการเปลี่ยนตัวนี่แหละครับ ปกติอันเชลอตติจะเป็นคนที่แก้เกมในครึ่งหลังได้ดีในระดับหนึ่ง โดยมีหลักฐานจากหลายๆเกมในฤดูกาลนี้ให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเกมที่พลิกกลับมาทุบหัวแมวดำ, ไล่ตีหม้อของสโต๊ค หรือแม้แต่เกมล่าสุดที่ขย้ำลิเวอร์พูลนั่นก็ใช่ เรียกว่าแกเป็นคนที่ค่อนข้าง "คิดเร็ว ทำเร็ว"
แต่เกมนี้ อันเชลอตติลงมือเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ช้ามากๆเลยนะครับ เชลสกี้ส์หลายๆคน หรือแม้แต่ผู้บรรยายเกมทางทีวีของอังกฤษยังพูดกันอยู่เลยว่า เมื่อไหร่ที่เชลซีจะส่งนักเตะที่มีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงอย่างโจ โคล, ชีร์คอฟ หรือกาลู ก็ได้ให้ลงมาเพื่อช่วยจุดประทุไฟในแดนกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ทีมต้องการความเปลี่ยนแปลง ยามเมื่อการเข้าทำตีบตันอย่างนั้น
เพราะหลังจากที่โดนวิลล่าอัพเปอร์ คัต ลูกนั้น เชลซีครองบอลบุกได้ไม่ต่อเนื่องเอาเสียเลยครับ บุกอยุ่ดีๆ โดนสวนกลับจนเกือบพังพาบเอาก็หลายครั้ง โดยเฉพาะลูกที่คาริวยิงเข้าฮอสแบบเฉือนๆลูกนั้น ถ้าคาริวคมกริบกว่านี้ซักนิดส์ รับรองได้เลยครับว่าเชลซีตายสนิท ศิษย์ส่ายหน้าแน่ๆ
อันเชลอตติ ต้องรีบมองหาแผนบี แผนซี ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆได้แล้วนะครับ เพราะระบบไดมอนด์ที่ใช้ เป็นบอลที่หาทางจับได้ไม่ยากเลย หากคู่ต่อสู้เตรียมตัวมาดี อย่างวีแกน กับ วิลล่าที่แสดงให้เห็นมาแล้ว การได้ตัวริมเส้นที่ฝีเท้าไว้วางใจได้กลับคืนสู่สนามอย่างโจ โคล, ชีร์คอฟ น่าจะเป็นอีกแนวทางให้อันเชลอตติลองหันกลับไปลอง 4-3-3 บ้างในบางโอกาส
เพราะถึงนักเตะในทีมจะให้ความร่วมมือกับไดมอนด์ของเขามากก็จริง แต่ต้องไม่ลืมนะครับ ว่านักเตะชุดนี้ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของกุนซือหน้าเครียดคนเก่าอย่าง "มูรินโญ่"
เพราะฉะนั้น ถ้าหากไดมอนด์เริ่มอุดตันทางการจู่โจม และโดนจับทางได้เมื่อไหร่ 4-3-3 ของเฮียเครียด ก็เป็นตัวเลือกฉุกเฉินของเชลซีได้ทุกเมื่อนะครับ เพราะว่านักเตะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
อันเชลอตติมีเวลาให้ผิดพลาดไม่มากนะครับ ถึงแม้แฟนๆจะคอยสนับสนุน เจ้าของยังพอใจในผลงาน นักเตะจะให้ความร่วมมือกันอยู่ แต่ฟุตบอลกลมๆ ไม่เคยมีอะไรแน่นอน มันพร้อมจะกลิ้งหลุนๆไปได้ตลอดเวลา
ยิ่งถ้ารัสเซียตกรอบเพลย์ออฟเมื่อไหร่ แล้วอันเชลอตติยังไม่สามารถแก้ปัญหาในการป้องกันเซตพีซ, การยืนระยะรักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้ให้นานที่สุด, การรับมือกับอาการบาดเจ็บของคีย์แมน หรือแม้แต่ยังไม่สามารถหาทางออกให้กับอาวุธอันตรายของเชลซีอย่าง "แลมพาร์ด" ให้สามารถปล่อยของได้เหมือนทุกๆปีล่ะก้อ เก้าอี้ของเฮียแกคงร้อนวาบๆ ไม่ต่างอะไรกับบิ๊กฟิลกุนซือคนก่อนซักเท่าไหร่หรอกนะครับ
ยิ่งกุส ฮิดดิ้งค์ เคยหยอดคำหวานเอาไว้ว่าหลงใหลบรรยากาศของฟุตบอลอังกฤษ พอๆกับที่สนิทสนมกับเจ้าของทีมและเป็นที่รักของนักเตะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเนี่ย แค่คิดก็สยดสยองแทนพี่แจ้แกแล้วล่ะครับ พี่น้อง.
จากคุณ |
:
เทอร์รี่คุงฝากมาตั้งครับผม (anna-samanta)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ต.ค. 52 12:31:13
|
|
|
|
 |