 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
ว่าจะละเลงคีย์บอร์ดถึงความเปลี่ยนแปลงของกุญแจอีกสองดอกในทีมเชลซีอย่าง "นิโกล่าส์ อเนลก้า" กับ "มิชาเอล บัลลัค" มาหลายครั้งแล้วนะครับ แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆไม่ได้ซักที
แต่หลังจากเกมยุโรป ที่สิงห์บลูส์จัดการโด๊ปดีหมีมาบำรุงขวัญและกำลังใจ เพื่อลบเลือนความพ่ายแพ้เมื่อเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเลยได้โอกาสในการหล่นมุมมองส่วนตัวที่มีต่อของคีย์แมนทั้งสองไปพร้อมๆกับชัยชนะของทีมในคราวเดียวกันเลย เพราะฟอร์มการเล่นของทั้งสองคนนั้น มันเข้าตาและน่ากระแทกคีย์บอร์ดถึงจริงๆ
ถึงแม้ว่า "ซาโลมอน กาลู" ดาวยิงที่ชอบทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา (แถมยังนิยมใส่ยูนิฟอร์มของเชลซีแบบ "เด๊ปๆ" อีกต่างหาก) จะทำตัวน่ารักน่ากระทบมือดังๆ พร้อมกับยกนิ้วโป้งมือและเท้า (ในบางโอกาส) ด้วยการงัดจุดสามห้าเจ็ด แม็กนั่ม ขึ้นมาลั่นใส่หมีจากสเปนถึงสองเม็ดซ้อนๆ ก็จริง
แต่เบื้องลึกเบื้องหลังของความสำเร็จในการล้มหมีแบบมีคลาสของมือปืนโกต ดิวัวร์ รายนี้ คือ "ความสมดุล" ที่เกิดขึ้นจากปลายสตั๊ดของแผงมิดฟิลด์ในระบบไดมอนด์ ผสมผสานกับต้นคริสต์มาสแบบหลวมๆต่างหาก ที่ช่วยขับและส่งให้กาลูดูหล่อขึ้นกว่าเพื่อนๆในเกมนี้แบบชนิดที่ว่าน่าได้ "แฮตทริก-ฮีโร่" กันไปในหลายๆจังหวะเลยทีเดียว
"มิชาเอล เอสเซียง" ในบทบาทของฐานเพชร และแกนกลางของต้นคริสต์มาส ขนาบข้างด้วย "ซุปเปอร์แฟรงค์" และ "ไกเซอร์น้อย" ขณะที่ยอดเพชรถูกตกแต่งด้วย "เดโก้" และ "นิโก้ อเนลก้า" ตามแต่จังหวะของเกมจะพาไป โดยไม่ต้องสนใจว่าทั้งสองคนนี้แท้จริงแล้วถูกส่งลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก หรือกองหน้ากันแน่
โดยเฉพาะอดีตของเด็กดื้อที่ชื่อ "นิโก้ อเนลก้า" ซึ่งดูเหมือนว่าหอกเฟร้นช์ในวันนี้เติบโต และเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจกลไกของเกมลูกหนังมากกว่าสมัยละอ่อนมากมาย
อเนลก้าในเกมนี้ (ที่จริงต้องบอกว่าในซีซั่นนี้มากกว่า) เลือกที่จะถ่างออกด้านข้างและคอยเคลื่อนที่ไปมานอกกรอบเขตโทษระยะไม่เกิน 30 หลาแบบอิสระเสรีเอามากๆ เรียกว่าเหมือนเป็นหน้าต่ำกลายๆเลยล่ะครับ แถมยังแล่บไปที่ริมเส้นทางฝั่งซ้ายเพื่อคอยประสานงานกับแอชลี่ย์ โคล อยู่แบบถี่ยิบทีเดียวในช่วงครึ่งแรก ผิดกับตอนที่งัดข้อกับอัฟราม แกรนท์ สมัยย้ายมาใหม่ๆชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า
จะบอกว่าเพราะลุงแกรนท์นั้นขาดบารมีที่คอยกำราบเด็กดื้ออย่างนิโก้ ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งๆที่แกรนท์นี่เองนะครับ ที่เป็นคนเซ็นสัญญากับมือปืนอาร์ตตัวพ่อ (ต้นฉบับความอาร์ตในยุคมิลเลนเนียม) มาจากโบลตัน ด้วยค่าตัวราวๆ 15 ล้านปอนด์มาเองกับมือ เพื่อทดแทนการขาดหายไปของดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ติดภารกิจกลับไปรับใช้ชาติในศึกอแฟริกัน เนชั่นส์ คัพ (ซึ่งมันกำลังจะกลับมาหลอกหลอนเชลซีอีกครั้งในช่วงมกราคมนี้)
ตอนนั้น แกรนท์ใช้งานอเนลก้าที่ริมเส้นทั้งทางฝั่งซ้ายและขวาอยู่บ่อยๆ จนเจ้าตัวบ่นกระปอดกระแปดว่าทำให้ศักยภาพในความเป็นมือปืนอันเอกอุของเขาลดลงไป แถมยังจวกอีกดอกด้วยว่า เหตุที่เขายิงจุดโทษพลาดในนัดชิงชปล. ปีนั้น ก็เป็นเพราะแกรนท์นี่แหละครับ ที่ยัดเยียดให้เขายิง ทั้งๆที่เพิ่งลงสนามได้ไม่กี่นาทีเองด้วยซ้ำ เรียกว่าฉายแววของเด็กดื้อที่พร้อมจะป่วนทีมเหมือนสมัยไปป่วนอาร์เซน่อล, มาดริด รวมไปถึงเปแอสเช อีกครั้ง
จะว่าไป อเนลก้าในตอนนั้นก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะตูมตามใส่มือคนที่ถือได้ทุกวินาทีนั่นแหละครับ จนกระทั่งการมาถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์ของ "กุส ฮิดดิ้งค์" นั่นแหละครับ ที่ช่วยปรับเปลี่ยนทัศนคติแบบเด็กที่ไม่รู้จักโตของเขา ให้ก้าวไปสู่อีกขั้นของยอดนักเตะ
ผมว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธถึงพรสวรรค์ของนิโก้หรอกนะครับ อเนลก้านั้นเป็นกองหน้าที่มีทั้งความเร็ว และความคมกริบฝังติดอยู่ที่ปลายสตั๊ดมาตั้งแต่กำเนิด เช่นเดียวกับ "ความก้าวร้าว" และ "ความมีโลกส่วนตัวสูง" ที่ทำให้เขากลายเป็นตัวป่วนไปในสายตาของเพื่อนร่วมทีมทุกทีมที่เขาย้ายไปร่วมสังคายนาค้าแข้งด้วยมาตลอด โดยจะเห็นได้ว่า อเนลก้าแทบไม่มีเพื่อนสนิทกับทีมที่เคยร่วมค้าแข้งมาก่อนเลยซักคนเดียว ซึ่งน่าจะบ่งบอกถึงความน่าคบของเขาได้ในระดับหนึ่ง (ha)
แต่บิ๊กกุสนั้น จัดว่าเป็นกุนซือที่มากทั้งบารมี และจิตวิทยา ในระดับอ๋องไม่แพ้เฮียมู หรือเซอร์ อเล็กซ์ซักเท่าไหร่ นั่นจึงทำให้เด็กหัวดื้ออย่างเขา ยอมปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำงานกับเพื่อนร่วมทีม จากการเล่นเพื่อตัวเองและเล่นตามแบบฉบับ "ช่างมัน ฉันไม่แคร์" ของเขา มาเป็นการยอมลดบทบาทของตัวเองเพื่อทำงานหนักช่วยทีม เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
ผลที่ได้รับก็คือตำแหน่ง "รองเท้าทองคำ" เป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งของเขาเมื่อซีซั่นที่แล้ว จากการพยายามปั้นและดันให้ของเพื่อนๆเชลซีในวันปิดฤดูกาลกับซันเดอร์แลนด์ ซึ่งอเนลก้าสารภาพว่าปลื้มและขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมากๆ
ผลพวงจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเล่นเพื่อทีมมากขึ้นของเขา กระทบชิ่งมาถึงอันเชลอตติที่สามารถทำงานกับอเนลก้า และดร็อกบาง่ายขึ้นเป็นกอง ส่งผลให้ทั้งคู่กำลังทำผลงานติดลมบนอยู่ในเวลานี้ยังไงล่ะครับ
จากคุณ |
:
นอมินี เทอร์รี่คุง (anna-samanta)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ต.ค. 52 14:03:06
|
|
|
|
 |