ความคิดเห็นที่ 1 ฮิวจ์สเชื่อฟูแล่มกรำศึกหนักช่วยเรือได้เปรียบ 24/10/2009 10:53:39 มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มั่นใจจะสามารถเปิดรังเอาชนะ ฟูแล่ม ในเกมพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ ได้แน่นอน หลังจากทำผลงานในบ้านยอดเยี่ยมชนะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม และคู่แข่งยังมีอาการเหนื่อยล้าจากเกมถ้วยยุโรป ช่วงกลางสัปดาห์อีกด้วย มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรเจ้าบุญทุ่มแห่งเกาะอังกฤษ ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าจะเปิดถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เก็บ 3 คะแนนจาก ฟูแล่ม ในเกมพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.นี้ หลังจากคู่แข่งเพิ่งกรำศึกหนักกับ โรม่า ในถ้วยยูโรป้า ลีก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา   พลพรรค "เรือใบสีฟ้า" มีสถิติชนะรวดในการเล่นเป็นทีมเหย้าฤดูกาลนี้ จะต้อนรับทีม "เจ้าสัวน้อย" ซึ่งเพิ่งเปิดรังคราเว่น ค็อตเทจ เสมอ โรม่า  1-1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้น 3 วัน ก็เพิ่งจะรับลงเตะเกมลีกกับฮัลล์ ซิตี้ โดยเป็นฝ่ายกำชัย 2-0 ฮิวจ์ส เชื่อว่าฟูแล่ม จะเหนื่อยล้าจากการลงสนามติดต่อกัน จนทำให้นักเตะ "เรือใบสีฟ้า" รักษาสถิติชนะในบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์ไว้ได้ "พวกเขาลงสนามเมื่อวันจันทร์ และวันพฤหัสบดี ตอนนี้กำลังเดินทางมาเล่นกับเรา ซึ่งถือเป็นงานหนักสำหรับพวกเขา มันยากเมื่อคุณต้องเล่นเกมยุโรปด้วย เราเคยประสบมาแล้ว (เมื่อฤดูกาลก่อน) และเราหวังจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้" นายใหญ่ถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ มั่นใจว่าจะชนะได้แน่นอน แต่จะไม่ประมาทอาคันตุกะจากกรุงลอนดอน "พวกเขาเล่นกันเป็นระบบ มีแนวทางการทำงานที่ดี และสามารถกลับไปตั้งรับในตำแหน่งของตัวเองได้รวดเร็ว ถ้าคุณเล่นไม่ได้ในระดับที่จำเป็น มันก็ยากที่จะทำลายได้ เราจะไม่ประมาทพวกเขา เพราะถึงพวกเขาจะปรับทีม ก็ยังสร้างความยากลำบากให้เราได้ ดังนั้นเราต้องเล่นให้ได้ระดับที่ควรเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะผ่านไปได้" ขณะที่ อารอน ฮิวจ์ส กองหลังของ ฟูแล่ม เชื่อว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัว แมนฯ ซิตี้ แม้ว่าในฤดูกาลนี้ ทีมของเขาจะชนะนอกบ้านแค่เกมเดียว และยิงได้ 2 ประตูเท่านั้น "เกมวันอาทิตย์นี้สำคัญมาก พวกเขามีนักเตะมากพรสวรรค์หลายคน ซึ่งเล่นได้เข้าขากันอย่างดี พวกเขามีผลงานที่ดี และมันจะเป็นเกมที่ยากสำหรับเรา แต่เราชื่นชอบมันอยู่แล้ว และจะคว้าบางอย่างออกมาจากที่นั่นได้แน่นอน" แมนฯ ซิตี้ ยังมีข่าวดีหลังจะได้ โคโล่ ตูเร่ และ เคร็ก เบลลามี่ กลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังพลาดเกมกับ วีแกน เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ อาจหมดสิทธิล์งสนามเช่นเดียวกับโรบินโญ่ สตาร์เลือดแซมบ้าที่ยังไม่หายเจ็บ ขณะที่ ฟูแล่ม จะไม่มี พอล คอนเชสกี้ กองหลัง ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมกับ โรม่า รวมถึง แดนนี่ เมอร์ฟี่, ดิ๊กสัน เอตูฮู, ไซม่อน เดวี่ส์ และ แอนดี้ จอห์นสัน ที่มีอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_086.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:48:39

ความคิดเห็นที่ 2 ฮิวจ์สเร่งไมกาห์เค้นศักยภาพถ้าหวังไปบอลโลก 24/10/2009 16:04:08 มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เร่ง ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ แบ๊กขวาดาวโรจน์ อย่านิ่งอยู่กับที่ ตอนนี้ถึงเวลาเค้นเอาศักยภาพที่มีอยู่ในตัว ออกมาแสดงเป็นฟอร์มการเล่นในสนามได้แล้ว หลังปักหลักเป็นกำลังสำคัญทั้งในสโมสร และทีมชาติไม่ได้เสียที ทั้งที่ติดทีมชาติตั้งแต่อายุ 18 ปี มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีของอังกฤษ ต้องออกมาสะกิดเตือน ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ กองหลังดาวรุ่งมากพรสวรรค์ เพื่ออนาคตที่ดีของตัวนักเตะ ชี้ถ้าหากยังเล่นได้เท่านี้ ก็ลืมเรื่องการไปเล่นฟุตบอลโลก 2010 ได้เลย เพราะฟอร์มการเล่นถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งที่ไม่มีใครกังขาในศักยภาพที่มีล้นเหลือในตัว ไมก้าห์ ปัจจุบันอายุ 21 ปี ติดทีมชาติมาตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถพาตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับที่เล่นดีอย่างคงเส้นคงวาได้ ขณะที่ในฤดูาลนี้ ฮิวจ์ส ยังตัดสินใจดร็อปเขาออกไปนั่งสำรอง แล้วเปิดทางให้ ปาโบล ซาบาเลต้า แบ๊กทีมชาติอาร์เจนตินา เป็นตัวจริงแทน ก่อนได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองในเกมเสมอ วีแกน แอธเลติก 1-1 เมื่อ โคโล่ ตูเร่ บาดเจ็บ ส่วนเกมกับ ฟูแล่ม ในวันอาทิตย์นี้ จะเป็นโอกาสดีของเขาอีกครั้ง เพราะ ซาบาเลต้า โดนไล่ออกจากเกมก่อน เลยโดนแบน ฮิวจ์ส กล่าวว่า "ผมคิดว่าหลายครั้งเลยที่ผู้คนคงลืมไปว่า ไมกาห์ ยังเด็กอยู่มาก เขายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยๆ และสำหรับนักเตะดาวรุ่งแล้ว บางครั้งพวกเขามักจะมีความรู้สึกว่าต่อไปมันจะเป็นยังไงเสมอ แต่ยังไงมันก็ต้องมีบ้างที่คุณจะถูกมองอย่างจับผิดเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ไมกาห์ ตอนนี้" "สำหรับ ไมกาห์ แล้ว เขาจำเป็นต้องสร้างสถานะที่มั่นคงภายในทีมของเราให้ได้ เขาต้องรักษาระดับฟอร์มการเล่นที่ดีให้ได้ต่อเนื่อง ยาวนาน ส่วนทีมชาติอังกฤษนั้น ผมว่ามันไม่น่าจะมีเซอร์ไพรส์มากนักในตอนจบ เพราะทีมดูมีความลงตัวแล้วตอนนี้"     http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_086.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:49:47

ความคิดเห็นที่ 3 เวนเกอร์คุยรู้อยู่แล้วอัพสันรุ่งชัวร์ อาร์แซน เวนเกอร์ ยอดกุนซือ อาร์เซน่อล โวสนั่น รู้มานานแล้ว แม็ทธิว อัพสัน จะสามารถแจ้งเกิดบนเวที พรีเมียร์ลีก ได้ ยกปราการหลัง เวสต์แฮม มีคุณสมบัติครบทุกประการ สำหรับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนังเมืองผู้ดี ยืนยัน ตนรู้มาตั้งนานแล้วว่า แม็ทธิว อัพสัน อดีตเซนเตอร์แบ็กของทีม ที่ปัจจุบันกำลังเล่นให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จะสามารถแจ้งเกิด และทำผลงานได้สุดยอดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างเช่นทุกวันนี้ เวนเกอร์ ซื้อ อัพสัน มาจาก ลูตัน เมื่อปี 1997 แต่ตอนนั้นตัวนักเตะไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นในทีมตัวจริงได้ เพราะมียอดปราการหลังอย่าง โทนี่ อดัมส์, สตีฟ โบลด์ และ มาร์ติน คีโอว์น ขวางทางอยู่ จนถูกขายออกไปให้ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 56 ล้านบาท) ในปี 2003 ก่อนที่จะถูก เวสต์แฮม ซื้อตัวไปร่วมทีมในราคาสูงถึง 7.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 420 ล้านบาท) เลยทีเดียว ในอีก 4 ปีต่อมา กุนซือวัย 60 กะรัต กล่าวว่า "ตอนที่เขาย้ายออกไป ผมรู้อยู่แล้วว่า เขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ตอนที่เขาอยู่ที่นี่ เขาไม่มีความอดทนเอาเสียเลย แต่ผมก็เข้าใจเช่นกันนะ เพราะผมซื้อเขามาจาก ลูตัน และหลังจากนั้นเขาก็แทบไม่ค่อยได้ลงเล่นเลยกับที่นี่ ผมไม่ได้ห้ามให้เขาย้ายออกไป เพราะผมรู้ดีว่า เขามีคุณภาพสูงพอที่จะเล่นใน พรีเมียร์ลีก แต่ตอนนั้นมันมีนักเตะอีกหลายคนที่อยู่ข้างหน้าเขา ซึ่งมันอาจจะทำให้เขาไม่สามารถพัฒนาฝีเท้าได้" "ผมรู้เสมอแหละว่า เขาจะสร้างความประทับใจให้กับลีกนี้ได้อย่างแน่นอน เขามีคุณสมบัติสำหรับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก และก็มีคุณสมบัติในการเล่นระดับทีมชาติด้วย ตอนนี้เขาขึ้นไปอยู่ตรงจุดนั้นได้แล้ว เพราะเขามีอายุที่เหมาะสมสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ และถัดจากนี้ออกไปอีก 2-3 ปี เขาจะไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ซึ่งมันเคยปัญหาของเขามาพักหนึ่ง" นายใหญ่แห่งถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ตบท้าย       http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_049.html นี่คืออีกคีย์แมน ที่สามารถเติมเต็มความสมบูรณ์ทีมเรา โดยเฉพาะตอนเดือนมกราคม ที่ตูเร่ไม่อยู่  แม็ทธิว อัพสันไปๆมาๆ อาจจะเป็นเซ็นเตอร์ตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ คู่จอหน์ เทอร์รี่ เพราะเล่นเป็นตัวชน ดีกว่า ริโอ ที่ฟอร์มตก เล่นเป็นตัวซ้อนเหมือนเทอร์รี่ จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:52:39

ความคิดเห็นที่ 4 สปาร์กี้ฟันธงบิ๊กโฟร์ใกล้ล่มสลายแล้ว 24/10/2009 6:22:42 มาร์ค ฮิวจ์ส นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ฟันธง กำลังจะหมดยุคเรืองรองของทีมในกลุ่ม "บิ๊กโฟร์" แล้ว เหตุหลายทีมกำลังพัฒนาขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว รวมถึง "เรือใบสีฟ้า" คุยตนรู้สึกถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่นแล้ว มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรเงินถุงเงินถังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อว่า ใกล้หมดยุคยิ่งใหญ่ของ 4 ยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล และ เชลซี เต็มทีแล้ว เนื่องจากเวลานี้มีหลายทีมที่ก้าวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะสอดแทรกขึ้นมาติดกลุ่ม 4 อันดับแรกเมื่อจบฤดูกาล "เมื่อเราลงสนามดวลกับทีมในระดับบิ๊กโฟร์ ถ้าเราสามารถทำงานของตัวเอง และเก็บแต้มจากพวกเขาได้ มันก็จะช่วยเพิ่มความทะเยอทะยานให้กับพวกเราได้มากทีเดียว ผมเชื่อว่า ฤดูกาลนี้บรรดาทีมระดับท็อปๆ จะโยนคะแนนทิ้งมากกว่าที่เคยเป็น" "มันไม่ใช่เพราะว่า ผมพูดได้หลังจากที่เห็นเหตุการณ์มาแล้วนะ แต่ผมรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลแล้ว ผมแค่รู้สึกว่า ตอนนี้มันมีหลายทีมที่แข็งแกร่ง ซึ่งพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย และทีมเหล่านี้แหละ สามารถสร้างปัญหาให้กับพวกบิ๊กโฟร์ได้" กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" ร่ายยาว   สำหรับสถานการณ์ใน พรีเมียร์ลีก ของ แมนฯ ซิตี้ เวลานี้ พวกเขากำลังรั้งอันดับที่ 5 ของตารางคะแนน โดยมีอยู่ 17 แต้ม ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง ซึ่งเป็นแชมป์เก่าอยู่ 5 แต้ม แต่ลงแข่งน้อยกว่า 1 นัด http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_045.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:55:55

ความคิดเห็นที่ 5 ฮิวจ์สฟุ้งถึงเวลาจับตาเกมแดงเดือด 24/10/2009 5:30:26 มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือ แมนฯ ซิตี้ ยืดอกคุย ถึงเวลาต้องจับตาดูผลการแข่งขันระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กับ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเต็มตาเสียที หลัง "เรือใบสีฟ้า" แล่นฉิวทำผลงานขึ้นมาอยู่ในกลุ่มหัวแถวจนมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก รับเมื่อก่อนได้แต่มองดูผลระหว่างทีมกลางตาราง แต่ปีนี้ขอมีเอี่ยวลุ้นชิงความได้เปรียบจากการเจอกันของ "บิ๊กโฟร์" บ้างแล้ว มาร์ค ฮิวจ์ส เทรนเนอร์เวลส์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่า จะตั้งหน้าดูเกมการแข่งขันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 คู่แข่งสำคัญในการลุ้นแชมป์ลีก ที่มีโปรแกรมเชือดเฉือนกันเองวันอาทิตย์นี้ ก่อนหน้าพาทีมปะทะแข้ง ฟูแล่ม ในวันเดียวกัน จากการที่ "เรือใบสีฟ้า" ออกสตาร์ตซีซั่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ ฮิวจ์ส สามารถมองดูเกมที่ แอนฟิลด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับตำแหน่งบนตารางคะแนนของทีมในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า "ผมกำลังยินดีกับเรื่องที่ทั้งสองทีมจะลงห้ำหั่นกันเอง มันเป็นโปรแกรมยักษ์ใหญ่ในปฏิทินกีฬา ทุกคนต่างจับจ้องเกมนี้ เพราะมันเป็นแมตช์ใหญ่ และได้รับความสนใจมากมาย โดยไม่เกี่ยวอะไรกับเป้าหมายของพวกเราในปีนี้" "กระนั้นบางทีในปีนี้ พวกเราจะดูเกมเหล่านี้ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป และด้วยความสนใจรูปแบบใหม่ คุณหวังให้ทีมที่อยู่รอบตัวคุณสะดุด เพื่อฉวยความได้เปรียบเอาไว้ แน่นอนว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเราเคยชินกับทีมกลางตาราง และมองดูผลการแข่งขันของพวกเขา บางทีตอนนี้ พวกเราสามารถบอกได้ว่า เรากำลังมองดูทีมชั้นนำรอบๆ ตัวเรา และหวังว่า พวกเขาจะพลาด" ฮิวจ์ส กล่าวในที่สุด http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_039.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:56:47

ความคิดเห็นที่ 6 เวนเกอร์รับเคยคิดดึงอัพสันกลับปืน 24/10/2009 9:46:37   อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ อาร์เซน่อล รับเคยคิดดึง แม็ทธิว อัพสัน ปราการหลัง เวสต์แฮม กลับมาร่วมทีมอีกครั้ง แต่ยืนกราน ตอนนี้แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากตัวนักเตะกำลังไปได้สวยกับ "ขุนค้อน" อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสของ อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมายอมรับว่า ตัวเขาเคยมีความคิดที่จะดึงตัว แม็ทธิว อัพสัน เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สโมสรคู่แข่งร่วมลีก กลับมาเป็นขุนพล "ไอ้ปืนใหญ่" อีกครั้ง "ใช่ เขายังคงอยู่ในใจของผมเสมอ อัพสัน เป็นนักเตะที่มีคุณภาพสูง, มีทัศนคติที่ดี และก็มีสปิริตที่สุดยอด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนั้น เพราะเขาเป็นนักเตะของ เวสต์แฮม ถ้าเป็นเมื่อ 3,4 หรือ 5 ปีก่อน มันก็ใช่แหละว่าผมสนจริง แต่ตอนนี้เขาลงหลักปักฐานได้แล้ว และก็มีอาชีพการค้าแข้งที่ดีกับที่ๆ เขาอยู่ในตอนนี้" ยอดกุนซือสมองเพชรวัย 60 ปี กล่าว   ทั้งนี้ เวสต์แฮม มีคิวเปิดรัง อัพตัน พาร์ค รับมือ อาร์เซน่อล ในเกมพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ อัพสัน จะได้เจอกับทีมเก่าของเขาอีกครั้ง   http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_079.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:57:54

ความคิดเห็นที่ 7 บ่อนแสบ!ยกหงส์เต็งแชมป์ยูโรปา 24/10/2009 9:02:57   "สกายเบท" เล่นแรงมั่นใจ"หงล์แดง" ลิเวอร์พูล ตกรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนส์ ลีกแน่เลยเปิดราคาให้ลูกทีมราฟาเอล เบนิเตซ เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก 2009/10 แต่ไม่มีรายงานว่ามีเหล่านักเสี่ยงโชคเข้าไปจิ้มกันมากน้อยแค่ไหน บริษัทรับแทงพนันถูกกฎหมายของอังกฤษอย่างสกายเบทเล่นแรงแล้ว เมื่อออกราคาว่าลิเวอร์พูลยอดทีมของพรีเมียร์ลีกที่กำลังเผชิญวิกฤตในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเต็งหนึ่งที่จะครองแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2009/10 ด้วยราคาจ่ายต่ำกว่าใครที่ 9/1 (แทง 1 จ่าย 9 ไม่รวมทุน) ลิเวอร์พูลแพ้ไป 2 นัดติดในรอบแบ่งกลุ่มของแชมเปี้ยนส์ ลีก และสกายเบทมองว่า "หงส์แดง" มีโอกาสได้แค่อันดับ 3 ของกลุ่ม ร่วงตกรอบมาเล่นในรอบต่อไปของยูโรปา ลีก จึงเปิดราคาให้เป็นเต็งหนึ่งครองแชมป์ไปเลยในเวลานี้ ราคา 9/1 ดังกล่าว ถอยทอฟฟี่เต็งห้าหลังโดนห้าเม็ด ส่วนเอฟเวอร์ตันคู่แข่งร่วมเมืองลิเวอร์พูลถูกสกายเบทถอยลงไปเป็นเต็งห้าที่จะครองแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซีซั่นนี้ หลังล่าสุดโดนเบนฟิก้าถล่มแหลก 5-0 เกมรอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" แพ้เบนฟิก้าเละเทะถึง 0-5 ในเกมล่าสุด และสกายเบทเพิ่มราคาครองแชมป์ขึ้นไปเป็น 14/1 แล้ว ส่วนเต็งหนึ่งได้แก่ ลิเวอร์พูล 9/1 ตามด้วยเต็งสอง โรม่า 10/1, ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 11/1, แวร์เดอร์ เบรเมน 12/1, ฮัมบูร์ก 12/1, บาเลนเซีย 12/1, บียาร์เรอัล 16/1, เบนฟิก้า 16/1 และ กาลาตาซาราย 20/ http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091023_250.html ปีก่อน ตอน รอบ 16 ทีมสุดท้าย ถึง 8 ทีมสุดท้าย เราเคยเป็นเต็งหนึ่งรายการนี้ แต่ปีหน้า เราอยากเป็นเต็งท้ายในแชมป์เปี้ยน ลีก มากกว่า เต็งหนึ่ง ยูโรป้า คัพ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 18:00:02 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:59:43

ความคิดเห็นที่ 8 ไรท์เชื่อ"แอฟริกันเนชั่นส์"อาจทำเชลซีเป๋ เอียน ไรท์ ตำนานลูกหนังอาร์เซน่อลกลัวว่าศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่จะเริ่มในเดือนมกราคมปีหน้าอาจส่งผลให้เชลซีทำแต้มหล่นและอาจไปไม่ถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก "สิงห์ไฮโซ" จะต้องเสียสตาร์หลายรายไม่ว่าจะเป็นดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , ซาโลมอง กาลู หรือไมเคิ่ล เอสเซียง นอกจากนี้ยังติดปัญหาเรื่องโทษแบนห้ามซื้อนักเตะอีกด้วย ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนผู้เล่นอย่างชัดเจน ไรท์ชี้ว่า "การขาดดร็อกบาและเอสเซียงจะสร้างปัญหาให้พวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" "และถ้าพวกเขาไม่ทำทีมให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งก็คงทำไม่ได้เพราะพวกเขาติดโทษห้ามซื้อ พวกเขาก็จะเสียนักเตะไปแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นก็จะส่งผลร้ายต่อทีมมาก" "มันเป็นใบสั่งของความหายนะ และทีมที่เหลือก็มีสิทธิ์เรียงหน้ามาถล่มพวกเขาได้เลย" http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=200553 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:04:22

ความคิดเห็นที่ 9 หงส์มั้ย?บิ๊กฟิลทำสถิติสุดหรูคว้าแชมป์ลีกอุซเบฯ "เดลี่ เมล์" สื่อผู้ดีพาดยั่วล้อหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือบุนยอดกอร์ ทีมจากอุซเบกิสถานว่า "บ่อนรับพนันให้ราคาสโคลารี่เท่าไหร่เหรอ..เพื่อมาเป็นผู้จัดการทีมคนต่อไปของลิเวอร์พูล" หลังจากกุนซือแซมบ้า พาทีมคว้าแชมป์ด้วยสถิติสุดหรู บุนยอดกอร์ทำสถิติใหม่ให้กับวงการลูกหนังอุซเบกิสถาน ด้วยการคว้าแชมป์ลีกก่อนปิดฤดูกาลถึง 4 นัด หลังจากพาตากอร์ ทีมอันดับ 2 ของลีกทำได้แค่เสมอ อย่างไรก็ตาม เคยมีกุนซือบราซิเลี่ยนมาสร้างชื่อในลีกนี้มาแล้วนั่นคือซิโก้ ตำนานลูกหนังแซมบ้าอีกราย ที่ต่อมาโดดสปริงไปหาความท้าทายใหม่ที่ซีเอสเคเอ มอสโก แต่สำหรับ "บิ๊กฟิล" คาดว่าจะทำงานที่บุนยอดกอร์อีกหนึ่งปีจนหมดสัญญา เนื่องจากมิดฟิลด์คู่บุญอย่างริวัลโด้ อดีตมิดฟิลด์เลื่องชื่อของบาร์เซโลน่า ยังคงเล่นอยู่ในวัยถึง 39 ปีเข้าให้แล้ว ซึ่งสื่ออังกฤษก็ไม่วายตีประเด็นว่าเขาอาจอยากมากอบกู้สถานการณ์ของ "หงส์แดง" แทนที่ราฟาเอล เบนิเตซ แม้ว่าตอนนี้เครดิตของเขาจะกลับมาดีอีกครั้งหลังทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมในอุซเบฯแล้วก็ตาม ในขณะเดียวกัน บุนยอดกอร์ก็ปฏิเสธข่าวที่ว่าพวกเขาสนใจราอูล กอนซาเลซ หอกมาดริดิสต้าเต็มขั้นทีมชาติสเปน http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=200548 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:05:10

ความคิดเห็นที่ 10 เรือหน้าซีด!ปูโยลจ่อต่อสัญญาบาร์ซ่าวีคหน้า ความหวังของแมนฯซิตี้ที่รอหนีบมาเสริมแผงหลังมลายหายหมดเมื่อล่าสุดคาร์เลส ปูโยล กองหลังจอมแกร่งจะต่อสัญญากับบาร์เซโลน่าในสัปดาห์หน้า สัญญาของเซนเตอร์วัย 31 ปีจะหมดลงภายในปีนี้พร้อมกับกระแสที่จะเป็นตัวแถมในการแลกตัวกับโรบินโญ่ สตาร์บราซิลที่กำลังกลายเป็นคนที่ถูกลืมในซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ อย่างไรก็ตาม ปูโยลซึ่งค้าแข้งกับบาร์ซ่ามาตั้งแต่ปี 1995 ยืนยันว่าเขาไม่เคยอยากย้ายไปไหน และทางเวปไซต์สโมสรยืนยันว่าเขาจะต่อสัญญาออกไปอีก 4 ปี หรือจนถึงปี 2013 "คาร์เลสจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกหลายปีเพราะเขาคือคนของบาร์ซ่า" "เขาเป็นตัวอย่างให้กับทุกคน และการต่อสัญญากับเขาก็เป็นข่าวดีสุดๆ" _________________ http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=200544 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:05:46

ความคิดเห็นที่ 11 โอนีลเตือนสติแข้งวิลล่าห้ามหลงระเริง มาร์ติน โอนีล กุนซือ วิลล่า กำชับลูกทีม ห้ามหลงระเริงกับผลงานของทีมในช่วงที่ผ่านมาเด็ดขาด ชี้ลีกเป็นการชิงชัยที่ยาวนาน ที่ผ่านมาไม่นับเป็นความสำเร็จใดๆ ทั้งนั้น มาร์ติน โอนีล ผู้จัดการทีม "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า สะกิดเตือนสติลูกทีม อย่าหลงเคลิบเคลิ้มจนเกินงามกับการออกตัวอย่างแข็งแกร่งใน พรีเมียร์ลีก ช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา แถมเพิ่งเปิดรัง อัพตัน พาร์ค เฉือนหวิว "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 2-1 ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผงาดรั้งอันดับ 6 ของตารางในเวลานี้ จนถึงเวลานี้ แอสตัน วิลล่า จัดการสอยทีมระดับ "บิ๊กโฟร์" ของ พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 2 ราย หลังจัดการเชือดนิ่ม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 3-1 เมื่อเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม โอนีล ไม่ใส่ใจความสำเร็จช่วงต้นฤดูกาลมากเกินไป พร้อมยืนกราน ลีกเป็นการชิงชัยแบบมาราธอน ไม่ใช่การต่อสู้ช่วงสั้นๆ แค่ไม่กี่ร้อยเมตร "เพียงเพราะเรามีผลการแข่งขันที่ดี 2 นัดกับทีมยักษ์ใหญ่ ไม่ได้หมายความในทันทีว่า คุณประสบความสำเร็จแล้ว เรายังต้องพัฒนากันต่อไปไม่ต้องสงสัยเลย เรามีทีมที่แกร่งมาก มันผ่านมา 3 ปีแล้วที่นักเตะฝีเท้าดีไม่สามารถลงเล่นให้ทีมได้ มันเป็นแรงกระตุ้นที่ดีจริงๆ เราทำผลงานกันได้ดี แต่ลีกเพิ่งผ่านไปแค่ 8 นัดเท่านั้นเอง" โอนีล อธิบาย http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091023_040.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:08:51

ความคิดเห็นที่ 12 บอลที่จะเตะวันนี้ เน้นแต่คู่มีความสำคัญกับเรา เชลซี - แบล็กเบิร์น     “สิงห์สำอาง” เชลซี เปิดรัง สแตม ฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส โดยเชลซี โชว์ฟอร์มไม่ค่อยดีในสัปดาห์ที่แล้ว บุกไปแพ้  แอสตัน วิลลา ทำให้ฤดูกาลนี้ เชลซี แพ้ไปแล้ว 2 นัด ยังดีที่ชนะ 7 นัด ทำให้มีทั้งหมด 21 แต้ม จากการลงสนาม 9 นัด รั้งรองจ่าฝูง ส่วน แบล็กเบิร์น เตะไปแค่ 8 นัด มีอยู่ 10 คะแนน รั้งอันดับ 13     สภาพทีมในนัดนี้ เชลซี ของคาร์โล อันเชลอตติ จะยังไม่มี โฮเซ โบซิงวา แบ๊กขวาทีมชาติโปรตุเกส เนื่องจากยังบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่ได้ดิดิเยร์ ดร็อกบา กลับมาคืนสนาม หลังจากที่เกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่พบกับแอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชม เปี้ยนส์ ลีก ไม่ได้ลงเล่นเนื่องจากโดนแบน ส่วนตัวที่เคยเจ็บไปอย่างจอห์น โอบี มิเกล, อเล็กซ์ และ มิชาเอล บัลลัค ก็กลับมาคืนสนามได้หมดแล้ว ทำให้ อันเชลอตติ มีทางเลือกให้ใช้งานมากขึ้นเยอะ     ด้าน แบล็กเบิร์น ของแซม อัลลา ไดซ์ สัปดาห์ที่แล้ว ชนะ เบิร์นลีย์ 3-2 ในบ้านตัวเอง แต่นัดนี้ สภาพทีมถือว่าดี มีเพียงแค่ วินซ์ เกรลลา และ สตีเฟน รีด เพียง 2 คนเท่านั้นที่ยังบาดเจ็บอยู่ ส่วนตัวอื่น ๆ ลงเล่นได้ครบครัน โดยคาดว่า แบล็กเบิร์น น่าจะยืนพื้นใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นหลัก     รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม     เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, มิชาเอล บัลลัค, มิคาแอล เอสเซียง, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, นิโคลาส์ อเนลกา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา     แบล็กเบิร์น - พอล โรบินสัน, ลาร์ส ยาคอบเซน, คริสโตเฟอร์ แซมบา, ไรอัน นีลเซน, ปาสกาล ชิมบงดา, สตีเวน เอ็นซองซี, คีธ แอนดรูว์ส, เอล ฮัดจิ ดิยุฟ, เดวิด ดันน์, มอร์เทน กัมสต์ พีเดอร์เซน, ฟรังโก ดิ ซานโต     ความน่าจะเป็นของเกม - เชลซี เล่นได้ดีเสมอยามได้เล่นในบ้าน แม้นัดนี้ความสดจะเป็นรองแบล็กเบิร์น เนื่องจากเพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์มา แต่ชื่อชั้นและความสามารถของนักเตะ เหนือกว่ามาก แถมดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าตัวเก่งไม่ได้เล่นเมื่อกลางสัปดาห์ด้วย ทำให้เกมนี้น่าจะคึกคักเป็นพิเศษ ดูแล้วแบล็กเบิร์น น่าจะต้านไม่ไหว และถ้าโดนเร็วสกอร์อาจจะไหลไปถึง 2-3 ลูกด้วย     ผลการแข่งขันที่คาด - เชลซี ชนะ 2-0 วูลฟ์แฮมป์ตัน - แอสตัน วิลลา     “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน ของมิค แม็คคาร์ธี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา โดยผลงานที่ผ่านมา วูล์ฟแฮมป์ตัน เตะไป 9 นัด มี 8 คะแนน  รั้งอันดับ 16 ของตาราง ส่วน แอสตัน     วิลลา ปีนี้ผลงานดี มี 16 คะแนน รั้งอันดับ 6 ของตาราง     สภาพทีมในนัดนี้ แม็คคาร์ธี ของวูล์ฟส์ ถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากไม่มีปัญหานักเตะตัวหลักบาดเจ็บเลยแม้แต่คนเดียว แถมตัวที่เคยเจ็บไปอย่าง ไมเคิล ไนท์ลีย์ และ ซิลแวง อีแบงค์-เบลค ก็กลับมาคืนสนามได้แล้ว ทำให้นัดนี้สามารถจัดชุดใหญ่ลงสู้กับทีมเยือนได้เต็มสูบ อย่างไรก็ตาม สเตฟาน ไมเออร์โฮเฟอร์ ตัวสำรองในนัดที่แล้ว ลงไปเล่นในนาทีที่ 79 แต่ดันโดนใบแดง ทำให้เกมนี้โดนแบน หมดสิทธิลงสนาม อย่างไร  ก็ตาม คาดว่าแม็คคาร์ธี ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงทีมตัวจริงไปจากชุดที่บุกไปเสมอเอฟ เวอร์ตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมากนัก     ด้าน แอสตัน วิลลา ของมาร์ติน โอนีล สัปดาห์ที่แล้ว ทำผลงานดีด้วยการเอาชนะ เชลซี อย่างเหนือความคาดหมาย 2-1 เกมนี้ โอนีล มีนักเตะให้เลือกใช้งานเกือบจะครบ ขาดไปแค่เคอร์ติส เดวีส์ ที่เจ็บยาวเท่านั้น ส่วน ลุค ยัง ที่เจ็บไปนาน หายเจ็บกลับมาคืนทีมแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าเกมนี้ยังไม่น่าจะได้ลงเล่นเนื่องจากคาร์ลอส กูเอญาร์ ที่โยกมาเล่นแบ๊กขวา โชว์ฟอร์มไม่เลวในเกมชนะเชลซี ส่วนตัวหลักคนอื่น ๆ ยังอยู่กันครบ     รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม     วูล์ฟแฮมป์ตัน - เวย์น เฮนเนสซี, โรนัลด์ ซูบาร์, คริสตอฟ เบอร์รา, โจดี แครดด็อค, จอร์จ อีลอคโคบี, ไมเคิล ไนท์ลีย์, เดวิด เอ็ดเวิร์ด, คาร์ล เฮนรี, เกร็ก ฮัลฟอร์ด, เควิน ดอยล์, ซิลแวง อีแบงค์ เบลค       แอสตัน วิลลา - แบรด ฟรีเดล, คาร์ลอส กูเอญาร์, เจมส์ คอลลินส์, ริชาร์ด ดันน์, สตีเฟน วอร์น็อค, สติลิยัน เปตรอฟ, เจมส์ มิลเนอร์, สตีฟ ซิดเวลล์, แอชลีย์ ยัง, ยอห์น คาริว, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์     ความน่าจะเป็นของเกม - แม้ว่านัดที่แล้ว วูล์ฟแฮมป์ตัน จะเล่นดีและสามารถแบ่งแต้มกับเอฟเวอร์ตันมาได้ แต่เกมนี้เจอกับแอสตัน วิลลา ที่ฟอร์มกำลังแรง แถมกองหน้าจัดจ้าน ดูแล้วไม่น่าจะต้านไหว อย่างไรก็ตาม ด้วยสไตล์วิ่งสู้ฟัด น่าจะทำให้วูล์ฟส์สามารถยื้อกับวิลลาได้สักระยะแต่สุดท้ายก็จะแพ้ไปอยู่ดี     ผลการแข่งขันที่คาด - แอสตัน  วิลลา ชนะ 2-0 เบอร์มิงแฮม - ซันเดอร์แลนด์     “เดอะ บลูส์” เบอร์มิงแฮม เล่นในสนามของตัวเอง เจอกับ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ที่ฟอร์มกำลังแรง โดยผลงานที่ผ่านมา เบอร์มิงแฮม เล่นไปแล้ว 9 นัด มี 7 แต้ม อยู่อันดับ 11 ของตาราง ส่วน ซันเดอร์แลนด์ ปีนี้ออกสตาร์ตสวย มี 16 แต้ม จาก 9 นัด รั้งอันดับ 7     สภาพทีมในนัดนี้ เบอร์มิง แฮม ของอเล็กซ์ แม็คลิช ยังมีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บ ทั้ง    เกรกอรี วิญาล, ฟรองค์ เกอดรู, มาร์ติน เทย์เลอร์, เดวิด เมอร์ฟี, ตีมู ตายนิโอ, โจวานนี เอสปิโนซา, สจ๊วร์ต พาร์นาบี และ คีธ เฟฮีย์ ลงเล่นไม่ได้ทั้งหมด ยังดีที่ได้ คาเมรอน เจอโรม กองหน้าตัวความหวังกลับมาแล้ว         ส่วน ซันเดอร์แลนด์ ของ  สตีฟ บรูซ นัดที่แล้วเอาชนะลิเวอร์พูล ได้อย่างงดงาม เกมนี้ บรูซ ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงทีมไปจากชุดเดิมมากนัก แต่จะไม่มี ลี แคตเตอร์โมล กองกลางตัวเก่ง ที่ต้องพักยาวถึง 3 เดือน เนื่องจากบาดเจ็บหัวเข่า ส่วนตัวหลักคนอื่นอยู่กันครบ โดยเฉพาะกองหน้าค่อนข้างอันตราย ดาร์เรน เบนท์ จับคู่กับ เคนวิน โจนส์     รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม     เบอร์มิงแฮม - โจ ฮาร์ต, สตีเฟน คาร์, โรเจอร์ จอห์นสัน, สกอตต์ แดนน์, เลียม ริดจ์เวลล์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, แบร์รี เฟอร์กูสัน, ลี โบวเยอร์, ลี คาร์สลีย์, เจมส์ แม็คฟาดเดน, คาเมรอน เจอโรม     ซันเดอร์แลนด์ - เครก ดอร์ดอน, ฟิลลิป บาร์ดสลีย์, ไมเคิล เทอร์เนอร์, แอน ตัน เฟอร์ดินานด์, จอร์จ แม็คคาร์ทนีย์, สตีด มัลบรอง, ลอริค ซานา, เบาเดอไวน์ เซนเดน, แอนดี รีด, ดาร์เรน เบนท์, เคนวิน โจนส์     ความน่าจะเป็นของเกม - 2 ทีมนี้ ผลงานตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ซันเดอร์แลนด์ ฟอร์มกำลังดี ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ ขณะที่ เบอร์มิง แฮม แม้รูปเกมจะใช้ได้ แต่ผลการแข่งขันมักจะไม่ค่อยเป็นใจ เกมนี้ เบอร์มิงแฮม ที่ได้ คาเมรอน เจอโรม กลับมาแล้ว น่าจะทำให้เกมรุกอันตรายขึ้นและน่าจะสู้กับซันเดอร์แลนด์สนุก อย่างไรก็ตาม ทีมเยือนมีคู่กองหน้าที่อันตรายและเฉียบคมในจังหวะเข้าทำ จึงน่าจะเป็นฝ่ายเฉือนชนะไปได้     ผลการแข่งขันที่คาด - ซันเดอร์แลนด์ ชนะ 2-1 ทอตแนม ฮอตสเปอร์ - สโตค     “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดรัง ไวท์ ฮาร์ต เลน รับการมาเยือนของ “ช่างปั้นหม้อ” สโตค โดยปีนี้ สเปอร์ ทำผลงานได้ดีในช่วงออกสตาร์ต มีอยู่ 19 แต้ม จาก 9 นัด รั้งอันดับ 3 ส่วน สโตค อยู่  แถว ๆ กลางตาราง เตะไป 9 นัด มี 12 คะแนน รั้งอันดับ 9     เกมนี้ แฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือหน้าแดงของสเปอร์ หมดสิทธิใช้งานเจอร์เมน   เดโฟ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ เนื่องจากโดนแบน จากการโดนใบแดงในนัดที่แล้ว แต่นัดนี้จะได้ พาลาซิออส กลับมาคืนสนาม รวมทั้ง โจนาธาน วูดเกต ด้วย แต่รายหลังยังไม่น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ตำแหน่งกองหน้า ปีเตอร์ เคราช์ จะลงเล่นแทนเดโฟ     ส่วน สโตคของโทนี พูลิส นัดนี้มีเพียง เกล็นน์ วีแลน คนเดียวที่ยังต้องรอทดสอบความฟิตเนื่องจากยังเจ็บน่องมาจากเกมทีมชาติ ส่วนตัวหลักคนอื่นอยู่กันครบ     รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม     ทอตแนม ฮอตสเปอร์ - เฮเรลโญ โกเมส, เวดราน ชอว์ลูกา, เล็ดลีย์ คิง, เซ บาสเตียน บาสซง, เบนัวต์ อัสซู เอกอตโต, อารอน เลนนอน, วิลสัน พาลาซิออส, ทอม ฮัดเดิลสโตน, นิโก ครานชาร์, ปีเตอร์ เคราช์, ร็อบบี คีน     สโตค - โธมัส โซเรนเซน, โรเบิร์ต ฮูธ, อับดูลาเย ฟาย, ไรอัน ชอว์ครอสส์, แดนนี คอลลินส์, รอรี ดีแลป, ซาลิฟ ดิเยา, ดีน ไวท์เฮด, แมทธิว เอเธอร์ริงตัน, ริคาร์โด ฟุลเลอร์, เจมส์ บีตตี     ความน่าจะเป็นของเกม - สเปอร์ เกมนี้ไม่มีเจอร์เมน เดโฟ ก็จริง แต่ก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากมีปีเตอร์ เคราช์ ลงเล่นแทน แถมได้ พาลาซิออส กลับมาแล้ว ทำให้เกมกลางสนามแน่นขึ้น ดูแล้ว สเปอร์ น่าจะเป็นฝ่ายครองบอลเปิดรุกเข้าใส่ ขณะที่ สโตค แม้โดยปกติเป็นทีมที่เล่นได้เหนียวแน่น แพ้ยาก แต่เกมนี้เสียเปรียบหลายด้าน ดูแล้วน่าจะกลับบ้านมือเปล่า     ผลการแข่งขันที่คาด - สเปอร์ ชนะ 2-1. แมวน้ำ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=308&contentId=27861# จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:11:28

ความคิดเห็นที่ 13 เกมชี้ชะตาราฟา วันเสาร์ ที่ 24 ตุลาคม 2552 เวลา 0:00 น   เนื้อหาข่าว ดับสนิทศิษย์ส่ายหน้าจริง ๆ ครับสำหรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในยามนี้     ด้วยสถานะของทีมระดับ “บิ๊กโฟร์” และด้วยความคาดหวังที่สูงลิบจากบรรทัดฐานผลงานฤดูกาลที่แล้ว ลำพังการแพ้แค่นัดเดียวก็ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายชนิดเกือบรับไม่ได้แล้ว     แต่การแพ้รวด 4 นัดติดต่อกันอันเป็นสถิติเลวร้ายที่สุดในรอบ 22 ปี มันเกินเลยคำว่า รับไม่ได้ ไปมาก     เวลานี้นอกเหนือจากคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล อีกคำถามที่แฟนบอล เดอะ ค็อป จำนวนมากคิดก็คือเมื่อไหร่ ราฟาเอล เบนิเตซ จะไปให้พ้น ๆ เสียที?     ผมอาจจะใช้ “อารมณ์” และอินเกินไปเล็กน้อย ในฐานะ “เดอะ ค็อป” คนหนึ่ง     สื่อที่อังกฤษ เองก็มีการวิเคราะห์กัน  มากตั้งแต่เกมที่พ่าย ซันเดอร์แลนด์ แล้วว่า   ราฟา ดูเหมือนจะสิ้นมนต์ขลังการเป็นยอดกุนซือที่ถือเป็น “ปราชญ์” ด้านแทคติกการเล่นคนหนึ่งไปแล้ว     สแตน คอลลีมอร์ อดีตกองหน้าแบด บอยที่เคยจับคู่กับ ร็อบบี ฟาวเลอร์ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 ก็เป็นอีกคนที่ออกมาเขียนหลังพ่ายแพ้ต่อ ซันเดอร์แลนด์ ในสัปดาห์ที่แล้วว่า    “เวลาของราฟา ได้หมดลงแล้ว”     นับประสาอะไรกับการแพ้ โอลิมปิก ลียง คาถิ่นแอนฟิลด์ ในเกมที่จำเป็นต้องชนะเพื่อ      “รักษา” ความหวังของฤดูกาลนี้เอาไว้ กระแส  ที่ออกมาในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอล หรือสื่อจึงเริ่มมองหาใครสักคนที่จะเข้ามาทำทีมแทนในเวลานี้กันแล้วล่ะครับ     ไม่อยากจะบอกครับว่าเขาลือกันไปถึงว่า “The King of Anfield” เคนนี่ ดัลกลิช ที่เพิ่งจะกลับมาทำงานในแอนฟิลด์ในฐานะทูตสโมสร และดูแลทีมเยาวชนว่า อาจจะได้โอกาสทำทีมชุดใหญ่อีกครั้งนับตั้งแต่ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีม ด้วยเหตุผลส่วนตัวเมื่อปี ค.ศ. 1990     อีกคนที่ถูกคาดไว้ก็คือ แซมมี่ ลี ในฐานะมือขวาที่ใกล้ชิดที่สุดในเวลานี้ ซึ่งถ้าหาก ราฟา โดนสั่งเด้งจริง “ลิตเติ้ลแซม” คนนี้ก็จะได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลทีมในระยะสั้นแน่นอนครับ     นี่คือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกุนซือชาวสเปน เพราะ “เครดิต” ที่สร้างสมมา โดยเฉพาะการนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพาทีมคว้าอันดับ 2 ในฤดูกาลที่แล้ว มันถูกลืมไปหมดแล้วครับ     ทั้งนี้เมื่อมองย้อนหลังกลับไปในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะบอกว่า ราฟา ไม่ได้ทำอะไรเลยก็ไม่ใช่ เพราะอย่างน้อยที่สุดเราก็ได้เห็นว่า Rafalution ทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ดีกว่าในยุคของ เชราร์ด อุลลิเยร์ ค่อนข้างชัดเจน     เกมรุก เกมรับ มีระบบแบบแผนมากขึ้น มีการคิดค้นระบบที่ดีที่สุดในฤดูกาลที่แล้วคือ 4-2-3-1 ซึ่งสามารถใช้ความสามารถของนักเตะแกนนำของทีมได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการเข้าคู่ระหว่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเวน เจอร์ ราร์ด และคู่กองกลางตัวโฮลดิ้งบอล ชาบี อลอน โซ กับ ฮาเวียร์ มาสเชราโน     แต่ปัญหาใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ราฟา “สอบ ตก” ก็คือเรื่องของการบริหารจัดการทีม     ในวิกฤติของหงส์แดงเวลานี้ มันเกิดขึ้นเพราะ ราฟา ไม่ได้มีการบริหารจัด  การทีมที่ดีพอ นั่นทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่มีขุมกำลังที่เข้มแข็งมากพอที่จะ  สู้กับทีมอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะในยามที่ขาดตัวหลักอย่าง ตอร์เรส หรือ เจอร์ราร์ด ไป     โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ ที่เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล ขาด Strength in depth หรือกำลังทดแทนที่ดีและมากพอซึ่งจำเป็น มากสำหรับทีมในระดับท็อป     ประเด็นนี้ อลัน แฮน เซน อดีตนักเตะหงส์แดงในยุครุ่งเรืองซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับสถานีโทรทัศน์ BBC ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Telegraph.co.uk เหมือนกันครับว่า ถ้าวัดกันตัวต่อตัวแล้ว ทีมอย่าง สเปอร์ส หรือ แอสตัน วิลลา น่าจะดีกว่า ลิเวอร์พูล ของราฟา ด้วยซ้ำไป     แฮนเซน ชี้เป้าไปที่การซื้อตัวผู้เล่นของ ราฟา ที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะ “ล้มเหลว” มาก กว่า “ประสบความสำเร็จ”     โอเค-ตอร์เรส, มาสเชราโน หรือล่าสุด เกล็น จอห์นสัน และอาจจะรวมถึง อัลแบร์โต อาควิลานี คือการซื้อที่ดี แต่ทั้งหมดนี้ก็ล้วนมีค่าตัวในหลัก 20 ล้านปอนด์ด้วยกันทั้งนั้น     แต่กับการซื้อนักฟุตบอลในช่วงราคาตั้งแต่ 3-10 ล้านปอนด์ ราฟา แทบจะหาคนลงทุนที่ใช้การได้จริง ๆ จัง ๆ ไม่เจอ     5 ปีที่ผ่านมา ราฟา ซื้อตัวผู้เล่นไปไม่น้อยนะครับ ซื้อมา 55 คน (ไม่นับเด็กดาวรุ่งที่ไปคว้ามาเสริมอีกเพียบ แต่ไม่เคยใช้งานได้จริง) ใช้เงินไปกว่า 228.8 ล้านปอนด์ ขณะที่ขายคืนกลับมาได้ 144.8 ล้านปอนด์ (ข้อมูลจาก Lfchistory.net) ด้วยกัน     ดังนั้นถ้า ราฟา จะบ่นว่าไม่ค่อยมีเงินซื้อตัว ไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ ผมว่ามันก็ถูกครับ เพราะตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในแอนฟิลด์ ไม่เคยมีปีไหนเลยที่จะได้รับงบประมาณมากในระดับเดียวกับสโมสรคู่แข่งอย่าง เชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด     อย่างไรก็ตามมัน “ถูกแค่ครึ่งเดียว” เพราะคนเป็นผู้จัดการทีมมีหน้าที่ในการบริหารจัดการทีมให้ดีที่สุดในทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งด้วยระยะเวลา 5 ปี มันสมควรอย่างยิ่งที่ ราฟา ควรจะมี Squad ของตัวเอง “สะสม” ในระดับที่ดีพอต่อการลุ้นแชมป์ได้แล้ว     สายตา และฝีมือ ในการปั้นนักเตะของ ราฟา เทียบไม่ได้กับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ อาร์เซน เวนเกอร์ ที่น้อยมากครับจะซื้อนักเตะพลาด โดยเฉพาะ เวนเกอร์ ที่กว่าจะเลือกนักเตะเข้าทีมได้แต่ละคนนี่ คัดแล้วคัดอีกจน แฟนบอลอึดอัดที่ไม่ยอมซื้อใครเข้ามาเสริมทีมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที     แต่พอเห็นฟอร์มของ นักเตะอย่าง บาการี ซาญา, อังเดร อาร์ชาวิน หรือ โธมัส เวอร์มาเลน แฟนบอลก็หายสงสัยว่าทำไมถึงได้เลือกนักเตะนานนัก     เวนเกอร์ นี่ไม่ได้แค่ “คัดเข้า” นะครับ “คัดออก” ไปเพราะชั้นไม่ถึงก็มีเยอะ เอาที่คิดออกก็มีก๊วนเด็กเทพอย่าง แมตธิว อัพสัน, เจอร์เมน เพนแนนท์ หรือ เดวิด เบนท์ลีย์ ซึ่งต่อมาพวกนี้อาจจะแจ้งเกิดได้กับทีมอื่น แต่สำหรับอาร์เซนอลแล้ว เวนเกอร์ มองว่านักเตะพวกนี้ดีไม่พอกับทีม     ขณะที่ ราฟา มักจะซื้อตัวพลาดบ่อย ๆ และจบด้วยการขายแบบขาดทุน     ไม่นับเรื่องของการปั้นนักเตะที่เคยประกาศเอาไว้ตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งว่าจะดันนักเตะเยาวชนจากอคาเดมี่ของสโมสร ที่ลงทุนไปกว่า 10 ล้านปอนด์ แต่โดนเกมการเมืองภายในสโมสรในยุคของ เชราร์ด อุลลิเยร์ เล่นงานจนถูกทอดทิ้ง     ที่สุดแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา เราก็ไม่ได้เห็นนักเตะดาวรุ่งคนไหนได้แทรกตัวขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีมเลยแม้แต่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ได้ถึง 2 สมัย (2006,2007) และปีกลายก็ได้รองแชมป์อีกสมัย (2009)     นี่คือเหตุผลหลัก เหตุผลใหญ่ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เผชิญกับวิกฤติการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ได้ ราฟา เข้ามาคุมทีม และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่กุนซือชาวสเปน เจอกับความกดดันเพราะเก้าอี้ที่เคยมั่นคงจากการหนุนหลังของแฟน ๆ ที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กมาตลอด มันกำลังล่มสลายลงมา     เกมกับ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในสัปดาห์นี้จึงมีความหมายที่แตกต่างไปจากที่ควรจะเป็นอย่างสิ้นเชิง     ศึกใหญ่ที่แอนฟิลด์ นัดนี้จะไมใช่เกมที่จะมีความหมายถึงการลุ้นแชมป์ หรืออะไรอีกแล้ว     แต่มันคือเกมที่จะตัดสินอนาคตของ ราฟา เบนิเตซ ว่าจะได้คุมทีม ลิเวอร์พูล ต่อไปหรือไม่     โดยส่วนตัวผมเชื่อว่ามันจะเป็นเกมที่สนุกในอารมณ์ที่แตกต่างไปจากฤดูกาลที่แล้วที่เป็นการขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันอย่างดุเดือด เพราะ   ลิเวอร์พูล ซึ่งหลังพิงฝาหมาจนตรอกอยู่จะสู้ตายแน่นอน ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อยากจะฝังคู่แข่งให้ตายทั้งเป็นด้วยการแพ้ 5 นัดติดต่อกันไปเลย เรียกว่าไม่มีอะไรจะสะใจไปกว่านี้อีกแล้ว     ดังนั้นขออนุญาตเชิญชวนแฟนบอลทั้ง  “ผี” ทั้ง “หงส์” นะครับ วันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค. นี้ มาร่วมงาน TrueSport Mega Red War Day จัดโดย ทรูสปอร์ต ที่ Motor Sports Land แดนเนรมิต ในเกมจะมีการถ่ายทอดสดคู่ “เรด วอร์” นี้ผ่านจอยักษ์ในระบบ HD ที่คมชัดมากกว่าปกติถึง 5 เท่า โดยจะมีกิจกรรมร่วมสนุกมากมาย ศิลปินกอล์ฟ-ไมค์ และมิสทรูสปอร์ต พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป     ใครว่างอยากมานั่งดูบอลบิ๊กแมตช์คู่นี้แบบเป็นทางการก็เรียนเชิญนะครับ หรือไม่ก็บนหน้าจอทรูสปอร์ต 1 เวลา 3 ทุ่มครับ. ณัฐวุฒิ ประเทืองศิลป์ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=306&contentId=27834 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:13:04

ความคิดเห็นที่ 14 ดูกีฬาสดบนเน็ต...ทางเลือกแห่งอนาคต เรื่องที่มีการพูดถึงกันมากที่สุดกลับเป็นเรื่องของการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต “ครั้งแรก” ของทีมชาติอังกฤษ     เรื่องนี้สำหรับแฟนบอลทั่วโลกที่มีความ   รู้ความสามารถในการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็คงจะ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะการถ่ายทอดผ่าน       อินเทอร์เน็ตในรูปแบบ สตรีมมิ่ง นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่เป็นแบบ “เถื่อน” ด้วยการใช้เทคนิคในการดึงสัญญาณที่เรียกว่า P2P (Peer-to-Peer)     แต่สำหรับที่อังกฤษ เรื่องนี้ถือเป็น “ของใหม่” ที่พวกเขาไม่คุ้นเคย     วัฒนธรรมการดูฟุตบอลของคนอังกฤษ แบบดั้งเดิมนั้นมี 2 รูปแบบครับ คือการไปที่สนามตอนบ่าย 3 โมงวันเสาร์ ซึ่งปัจจุบันในฟุตบอลระดับสูงสุดนั้นได้ถูกเปลี่ยนไปอันเป็นผลกระทบจากเรื่องการถ่ายทอดสดฟุตบอลที่บีบให้มีการเริ่มเล่นในหลายช่วงเวลาเพื่อไม่ให้ไปกระทบกับเวลาดั้งเดิม     อีกรูปแบบคือการไปนั่งดื่มเบียร์คนละไพน์  สองไพน์ที่ผับแล้วนั่งดูบอลร่วมกับคนอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แฟนแต่ละทีมก็จะมีร้านประจำของตัวเองไว้รวมกลุ่มกัน     เรื่องการต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิว เตอร์เพื่อดูฟุตบอลทางอินเทอร์เน็ตไม่ได้อยู่ในความคิดของพวกเขาเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมชาติอังกฤษที่ถือเป็น “สมบัติของชาติ” ยังไงก็ต้องมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไม่ฟรีทีวีก็ต้องเปย์ทีวี     เมื่อต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ แถมยังต้องเสียเงินอีกคนละ 4.99-11.99 ปอนด์เพื่อชมเกมนี้ กระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมพวกเขาซึ่งเป็นชาวอังกฤษแท้ ๆ จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ในขณะที่คนทั่วโลก (รวมทั้งประเทศไทยทาง “ทรูสปอร์ต 1”) สามารถ นั่งดูเกมบนโซฟาได้อย่างสบายใจเฉิบ     ต้นเหตุของเรื่องนี้เกิดจากการที่ช่องกีฬา เซทันตา สปอร์ตส์ ล้มลงไปเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดทีมชาติอังกฤษในเกมนัดเยือนตกไปอยู่ในมือเอเจนซี่กีฬาสัญชาติสวิสที่ชื่อว่า เคนทาโร     ในขณะที่ช่องโทรทัศน์ในอังกฤษ ก็มองข้ามเกมนัดระหว่าง อังกฤษ-ยูเครน ไม่มีใครยอมควักเพื่อซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดแทน เซทันตา   ทำให้ เคนทาโร ตัดสินใจจับมือกับ เพอร์ฟอร์ม บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการถ่ายทอดทางอินเทอร์เน็ตเพื่อทำการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการโฆษณาว่าเป็น “ครั้งแรกของโลก” ขึ้น     สำหรับช่องทางในการขาย “ตั๋วออนไลน์” นั้นก็มีการจับมือร่วมกับพันธมิตรที่ไปเจรจามา ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือหนังสือพิมพ์รายวันฉบับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เดอะ ซัน, เดอะ ไทม์ส, นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์, เดลิ เมล์, เดลิ เทเลกราฟ, เดลิ เอกซ   เพรสส์, เดลิ สตาร์, ดิ อินดิเพนเดนท์, เวอร์จิ้น  มีเดีย แอนด์ ออเรนจ์     หรือไม่เช่นนั้นก็สามารถตีตั๋วไปนั่งชมเกมในโรงหนังโอเดียน ที่ย่านเลสเตอร์ สแควร์ ได้ด้วยราคาราว 12 ปอนด์     การถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรกของโลกแบบเป็นกิจจะลักษณะของชาติบิ๊กเนมในโลกลูกหนังชนิดไม่มีสดทางทีวีทุกช่องทางจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ครับ     อย่างไรก็ดี ด้วย “อคติ” ในหัวของแฟนบอลเมืองผู้ดีที่ไม่ค่อยพอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และด้วย “คุณภาพ” ของการถ่ายทอดสดที่ออกอากาศนั้นได้สร้างความ “ไม่ประทับใจ” อย่างแรงถึงขั้นโดนสาปส่งจากแฟนบอลทั่วเกาะอังกฤษเลยทีเดียว เพราะแม้จะใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแค่ไหน แต่คุณภาพที่ได้นั้นเมื่อเทียบกับโทรทัศน์ แล้วถือว่า “ต่ำ” มาก     ยิ่งมีแฟนบอลหลายรายที่พยายามต่อออกจากจอคอมพิวเตอร์เข้ากับโทรทัศน์ แอลซีดี หน้าจอใหญ่ 42 นิ้วบ้าง 50 นิ้วบ้าง ภาพที่ได้นั้นยิ่ง “เละ” เข้าไปใหญ่เพราะคุณภาพสำหรับการถ่ายทอดแบบ สตรีมมิ่ง นั้นมันถูกออกแบบมาสำหรับการดูบนจอคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ เท่านั้น     ไม่นับเรื่อง ความรู้สึก ที่เทียบกันไม่     ได้เลย     ที่เจ็บปวดกว่านั้นคือไม่มีใครรู้มาก่อนว่าหลังการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตจะมีการฉาย “ไฮไลต์” ขนาดยาวร่วมชั่วโมงทาง บีบีซี หลังเกมซึ่งเป็น “เงื่อนไขลับ” ที่ถูกปกปิดเอาไว้เพื่อผลทางการตลาด งานนี้ทำให้ บีบีซี พลอยโดนลูกหลงถูกด่าขรมไปด้วย เพราะมีแฟนบอล “หลวมตัว” จ่ายเงินไปร่วม 500,000 คน (คูณเป็นเงินสิครับว่าเท่าไหร่) เพราะคิดว่าจะไม่มีโอกาสหรือช่องทางอื่นใดจะชมเกมทีมชาติผู้ดีทั้งสด หรือไฮไลต์     ด้วยเหตุนี้ครับ ล่าสุดทางด้านสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้ “แบน” การถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตไปอีกยาว และในฟุตบอลโลก 2010 ก็จะมีการถ่ายทอดสดทางฟรีทีวีทั้ง บีบีซี และ    ไอทีวี ด้วยเพื่อกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก     อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นของ เคนทาโร กับ เพอร์ฟอร์ม ซึ่งความจริงฝ่ายหลังก็ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดแบบดิจิทัลอยู่แล้วทั้งฟุตบอลลีก, คาร์ ลิ่ง คัพ, เว็บไซต์ Bet365", เว็บไซต์ Omnisport.tv การบุกเบิกถึงตลาดกลุ่มใหญ่ ครั้งนี้มีความสำคัญมากครับ เพราะพวกเขาจะได้รู้ว่า ฐานและกระแสจากลูกค้าในอนาคตจะมีทิศทางเป็นอย่างไร? และประมาณใด?     เสน่ห์ของการลงทุนถ่ายทอดสดทาง     อินเทอร์เน็ตอยู่ที่โอกาสในการทำรายได้มหาศาลครับ ลองคิดดูว่าหากเกมที่มีดีกรีความน่าสนใจระดับแค่ 2-3 ดาวอย่าง อังกฤษ-ยูเครน ยังมีฐานผู้ซื้อถึง 500,000 คน     หากเป็นเกมหยุดโลกระดับ ลิเวอร์พูล-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ รีล มาดริด-บาร์ เซโลนา จะสามารถทำเงินได้มหาศาลขนาดไหน?     นี่คืออีกหนึ่งช่องทางสื่อในอนาคตของการถ่ายทอดสดรายการกีฬาครับ     ยิ่งต่อไปในอนาคตเทคโนโลยีก้าวหน้า มากขึ้น สัญญาณการถ่ายทอดทางอินเทอร์เน็ตมีคุณภาพสูงขึ้นจนใกล้เคียงกับสัญญาณโทรทัศน์  มีโปรดักชั่นในระดับเทียบเท่ากัน (เหมือนเกมอังกฤษ-ยูเครน ก็มีการเชิญ สเวน โกรัน อีริคส์สัน มาเป็นผู้วิเคราะห์การแข่งขัน)     สื่อดิจิทัลแบบนี้ยังมีโอกาสเสริมสิ่งที่โทรทัศน์ ไม่อาจให้ได้ด้วย เช่น ข้อมูลสถิติแบบ      “ออนไลน์” ในระดับที่สามารถใช้เมาส์เลื่อนตามผู้เล่นคนนั้น ๆ แล้วมีข้อมูลขึ้นว่าคนนี้วิ่งไปกี่เมตร ผ่านบอลไปกี่ที ประสบความสำเร็จกี่ครั้ง     ถ้าทำได้ระดับนี้ก็มีโอกาสที่ความนิยมของมันก็จะพุ่งขึ้นมากไปด้วย     แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ตจะทำให้การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ล้มหายตายจากนะครับ เพราะการถ่ายทอด สดทางโทรทัศน์นั้นยังถือว่าเป็น “สื่อสาธารณะ” อยู่เหมือนเดิม ขณะที่การถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต ถือเป็นอีก “ทางเลือก” มากกว่า     ในขณะที่บางคนยังเลือกที่จะเข้าผับนั่งชมเกมร่วมกับคนอื่น ๆ ก็อาจจะมีคนที่ติดธุระกะทันหัน หรือต้องเดินทางไกลแต่ไม่อยากพลาดโอกาสติด ตามทีมรัก นักกีฬาคนโปรด เขาก็สามารถเปิดคอม พิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อนั่งดูได้เหมือนกัน     ครับ นี่คืออนาคตและข้อดีของเทคโนโลยี ที่จะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่จะไม่ใช่การทดแทนสื่อหลักของโลกครับ... http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=306&contentID=26501 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:16:41

ความคิดเห็นที่ 15 ไทยได้อะไรจาก "ไบรอัน ร็อบสัน" เอาหัวใจมาชั่งน้ำหนักแล้วยังไงก็ต้องบอกว่า ขอแสดงความยินดีต่อแฟนบอลชาวไทยด้วยนะครับกับการที่เราได้ ไบรอัน ร็อบสัน มาเป็นโค้ชทีมชาติไทยคนใหม่     จะ (ยินดี) มาก หรือน้อยก็ต้องบอกว่า ยังไงนี่ก็คือหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของทีม   “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทีมชาติอังกฤษ     ดังนั้นการได้บุคลากรระดับนี้มาเป็นผู้นำของทีมชาติเรา มันก็ย่อมดีกว่าการแต่งตั้งตาสีตาสาที่ไหนเข้ามาทำทีมอยู่แล้ว จริงมั้ยครับ?     เพียงแต่ก็ต้องยอมรับกันว่า นักข่าว และแฟนบอลชาวไทยไม่ได้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ลำพังมือข้างเดียวปิดตาพวกเขา และพวกเรานักข่าวไม่มิดหรอกครับ     การมาของร็อบสัน ในครั้งนี้มาพร้อมกับเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่     บางทีอาจจะใหญ่ยิ่งกว่าการแต่งตั้ง ปีเตอร์ รีด แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเมื่อปีกลายด้วย  ซ้ำไป     สิ่งที่หลายคนกังขาในตัวของร็อบสัน หรือ “ร็อบโบ้” นั้น ด้วยความเคารพต่ออดีตยอดมิดฟิลด์เจ้าของสมญา “กัปตันมาร์เวล” ที่เก่งเข้าขั้นระดับโลก จะพูดว่าเป็นต้นแบบของ สตีเฟน เจอร์ราร์ด ในเวลานี้ก็ว่าได้ มันคือเรื่องฝีไม้ลายมือในการทำทีม     เพราะตั้งแต่ปิดฉากชีวิตตำนาน ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี ค.ศ. 1994 ด้วยการย้ายไปรับบท ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ของ “สิงห์แดง” มิดเดิลสโบรห์ ทีมจากแดนอีสานของอังกฤษ     ร็อบสัน ไม่เคยประสบความสำเร็จ   ใด ๆ สมกับศักดิ์ศรีการเป็นนักเตะของเค้าแม้แต่น้อย     ในช่วงเริ่มแรกของการทำงานด้านนี้ ด้วยบารมี และไฟในตัวที่ยังคุโชนอยู่ ร็อบสัน เริ่มต้นได้เหมือนฝันครับ กับการนำ มิดเดิลสโบรห์  กลับมาสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง ในช่วงที่สโมสรกำลังเปลี่ยนสนามจาก แอร์ซัม ปาร์ค มาสู่ ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม พอดิบพอดี     นาทีนั้นแฟน ๆ โบโร ต่างพากันวาดวิมานในอากาศเอาไว้สวยหรูว่าบางที ร็อบโบ้ อาจจะทำให้ทีมมีลุ้นความสำเร็จเหมือนที่ “คิงเคฟ” เควิน คีแกน ทำเรื่องเหลือเชื่อด้วยการทำให้นิวคาสเซิล ก้าวกระโดดจากดิวิชั่น 2 มาเป็นทีมชั้นนำในพรีเมียร์ลีก ได้เบียดลุ้นแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด     ในช่วงที่ “รุ่ง” ที่สุดนั้น โบโร สามารถดึงดูดนักเตะตัวท็อป ๆ อย่าง “เจ้าหงอก” ฟา บริซิโอ ราวาเนลลี ดาวยิงซ้ายฉมังจากยูเวนตุส, จูนินโญ เพลย์เมคเกอร์เล็กพริกขี้หนูที่เคยนำบราซิล สอนบอลอังกฤษ ที่เวมบลีย์ และ เอเมอร์สัน กองกลางแซมบ้าที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน รู้อีกทีก็เห็นว่าเก่งใช้ได้     รวมถึง นิค บาร์มบี หนึ่งในดาวรุ่งตัวท็อปของวงการฟุตบอลอังกฤษในเวลานั้นจากสเปอร์ ซึ่งทั้งหมดนั้นทำให้โลกลูกหนังต้องหันมามองว่า โบโร ทีมนี้คือใครมีอะไรดี?     และถ้ายังจำกันได้ โบโร ชุดนี้ก็เคยเดินทางมาเล่นนัดกระชับมิตรในบ้านเราด้วยในช่วงที่กระแสฟุตบอลนอกเริ่มลงลึกหยั่งรากในบ้านเราตามกระแสการถ่ายทอดสดฟุตบอลที่เริ่มมีมากขึ้น     ผมแอบรู้มาว่าเจ้า “ลูกแม่กิ่ง” น้องรัก จาก นสพ.คิกออฟ ที่ปิดไปเคยบอกว่า ตอนนั้นยังหัวเกรียน ไปยืนรอขอลายเซ็นนักเตะอยู่ที่สนามเทพหัสดินกับเพื่อน ๆ แถมได้ถ่ายรูปคู่กับเอเมอร์สันด้วย เท่านั้นไม่พอหลังจบเกมยังชวนเพื่อนวิ่งลงไปในสนามศุภฯ เก็บเอาขวดน้ำที่ ร็อบสัน กินระหว่างเกมกลับบ้านมาด้วย     นั่นคือผลพวงจาก “บารมี” ของกัปตันมาร์เวลโดยแท้     ส่วนตัวผมเอง เติบโตมาแบบแฟนหงส์ ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ร็อบสัน คือ หนึ่งในนักเตะที่ผม “แอบชอบ” มากที่สุด อย่างน้อย ๆ ก็ที่ความหล่อเหลาเกินระดับมาตรฐานนักเตะด้วยกัน     แต่ที่เข้าขั้น “ระดับเทพ” คือ ความเท่ยามปรากฏกายในสนามที่ “บารมี” กัปตันทีมกระดูกเหล็กรายนี้แผ่เต็มสนามมาก ๆ     อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาสวยงามเหล่านั้นมันอยู่ไม่คงทนครับ แค่ฤดูกาลแรกที่ขึ้นมาพรีเมียร์ลีก (เริ่มต้นเกมแรกด้วยการเสมอกับลิเวอร์พูล 3-3 ราวาเนลลี ทำแฮตทริกด้วย) ร็อบสัน ก็ทำทีมตกชั้นแล้วทั้งที่พาทีมเข้าชิงบอลถ้วยถึง 2 รายการคือ เอฟเอ คัพ และลีก คัพ แต่สุดท้ายก็วืด    ทั้งหมด     หลังจากนั้นถึงจะนำทีมเลื่อนชั้นกลับมาได้อีกครั้ง แต่โบโร ก็กลายเป็นทีมดาด ๆ ที่ไม่น่าสนใจไปแล้ว ผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพียงแต่ที่ไม่โดนปลดก็เพราะเป็นเพื่อนรักกับ สตีฟ กิบสัน ประธานสโมสรเท่านั้น     ขนาดจะออกจากตำแหน่งกิบสัน ยังหาทางลงให้ด้วยการแต่งตั้ง “เอล เทล” เทอร์รี เวนาเบิลส์ มาช่วยทำงาน เพื่อให้ ร็อบโบ้ ลงจากหลังเสือได้อย่างไม่เจ็บตัวในปี ค.ศ. 2001     ชีวิตหลังจากนั้นของ ร็อบโบ้ ก็มีแต่ขาลงครับ ทำทีมแบรดฟอร์ด (2003-04) ก็ไม่รอดตกชั้น ตกงานไป 8 เดือน ได้กลับมาทำงานกับ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน (2004-06) ก็พาทีมตกชั้นอีก     ส่วนทีมสุดท้ายที่ได้คุมก็คือ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในระดับแชมเปี้ยนชิพ ก็ทำผลงานได้ย่ำแย่ แถมมีปัญหากับแฟน ๆ จนสุดท้ายก็โดนปลดกลางอากาศ     บทบาทสุดท้ายของ ร็อบสัน ก่อนหน้าที่จะเข้ามารับตำแหน่งทีมชาติไทยคือตำแหน่ง     “ทูต” ของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ร่วมกับ เซอร์บ็อบบี ชาร์ลตัน เมื่อปี ค.ศ.  2008     จากผลงานที่ผ่านมา ไม่น่าแปลกใจครับที่ ร็อบสัน จะถูกตั้งคำถามในเรื่องของฝีไม้ลายมือ เพราะหากพูดกันตรงไปตรงมาในวงการฟุตบอลอังกฤษ เขาถือว่าร็อบโบ้ นั้นหมดสภาพไปแล้ว     เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่ายอดนักเตะนั้นใช่จะเป็นยอดผู้จัดการทีมเสมอไป     อย่างไรก็ดีหากมองอีกแง่ ผมเชื่อว่าด้วย “ประสบการณ์” ของร็อบสัน ที่เคยยืนอยู่ในระดับสูงสุดของโลกลูกหนังมาก่อน นักเตะไทยรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชรุ่นใหม่ ๆ ที่มีข่าวว่าจะดึง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มาเป็นผู้ช่วย ก็น่าจะสามารถ “เก็บเกี่ยว” อะไรกลับมาได้บ้างไม่มากก็น้อย     โดยเฉพาะ “ทัศนคติ” และเรื่องของ     “จิตใจ” ที่ ร็อบสัน น่าจะถ่ายทอดความเป็น     “มืออาชีพ” ให้นักเตะไทย     ไม่นับการเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้ลูกทีมรวมถึงแฟนบอลชาวไทยที่ยังรัก และนับถือในบารมีของกัปตันมาร์เวล ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะพวก “เด็กผี” อย่าง     “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่น่าจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ     ขณะเดียวกันการแต่งตั้งครั้งนี้ก็ยังเป็นการโหนกระแสของทีมชาติไทยให้ภาพลักษณ์ดูดีมีชาติสกุล เคียงข้างไปกับกระแสไทยลีกฟีเวอร์     ที่มาแรงสุด ๆ เหล่านี้น่าจะเป็นผลดีต่อวงการฟุตบอลของเรา แม้จะต้องจ่ายแพงถึงปีละ 1 ล้านปอนด์ หรือ 56 ล้านบาทก็ตาม     สำหรับเรื่องที่หลายคนแสดงความกังวลที่ ร็อบสัน ขอควบตำแหน่งทูตของแมนฯ ยูไนเต็ด ไปด้วยว่าเดี๋ยววันนึงข้างหน้าจะชิ่งกลับบ้านเกิดเหมือน รีด ที่ก็ต้องบอกว่าทำเอาบ้านเราเสียหน้าไปเยอะ เพราะแค่งาน “มือขวา” ของทีมระดับสโตค ก็ยังทำให้ทิ้งบ้านเราได้     ตรงนี้ต้องบอกแบบชัด ๆ เลยครับว่า วันนั้นจะมาถึงแน่ จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง     มันเป็นสิ่งที่เราควรเข้าใจครับว่า “ฝรั่ง” นั้น ชีวิตเขาเดินคนละจังหวะคนละรูปแบบกับชีวิตคนเอเชีย การมาใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างเป็นเดือนเป็นปีนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย สักวันเขาก็ต้องกลับไปอยู่ที่ที่เขาควรจะอยู่     แต่ไม่ใช่ว่า ร็อบสัน กลับไปแล้วทุก อย่างจะล้มครืน เพราะ “ตัวจริง” ที่ทำงานอยู่ในเงามืดคือ สตีฟ ดาร์บี ที่ทำงานอยู่ในวงการฟุตบอลเอเชียมานาน ย่อมรู้จัก และเข้าใจทั้งในโครงสร้างรากฐานของสังคม และความกลมเกลี้ยงของฟุตบอลเอเชียเป็นอย่างดี     คนที่สวม “หัวโขน” จะเป็นใครก็ช่าง แต่คนทำงานตัวจริงยังอยู่ก็ถือว่าโอเค     สุดท้ายผมสรุปเลยนะครับว่า ไทยจะได้ Knowledge จากร็อบสัน พอสมควร อาจจะไม่ต่อยอดจากปีเตอร์ รีด มากนัก แต่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นแผนการประชาสัมพันธ์ทีมชาติไทยที่ถือว่าได้ผลดี     http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=306&contentID=22483 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:18:12

ความคิดเห็นที่ 16 ฮอจด์สันโวยกรรมการยูฟ่า หลังได้มีการใช้ระบบกรรมการ 6 คน รวมทั้งผู้ตัดสินในสนาม ทว่าในจังหวะใบแดง กลับสับสน เมื่อผู้ตัดสินควักใบแดงให้ เบรด ฮันเกลันด์ เซนเตอร์แบ็ก ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปให้ สตีเฟน เคลลี แบ็กขวา นั่นรวมถึงว่าการให้จุดโทษในจังหวะดังกล่าว มันสมควรเป็นจุดโทษจริงๆ หรือเปล่า "ผมมีความสงสัยมากว่ามันเป็นจุดโทษหรือเปล่า แถมบรรดากรรมการพิเศษ ให้ใบแดงกับนักเตะผิดคนด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น มันจะเป็นใบแดงได้อย่างไร ในเมื่อ ฮันเกลันด์ กำลังจะเข้ามาซ้อน และ เคลลี ก็ไม่ใช่นักเตะคนสุดท้ายก่อนถึงผู้รักษาประตู แต่ด้วยนักเตะ 10 คน เราเสมอกับ โรม่า ผมคิดว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว" สำหรับเกมดังกล่าว ฟูแล่ม ขึ้นนำก่อนจาก ฮันเกลันด์ นาที 24 และต้องสังเวยใบแดงนาที 76 เมื่อ เคลลี ถูกไล่ออก และเสียจุดโทษไปพร้อมกัน แต่ว่า เฌเรมี เมเนซ ยิงไม่เข้า ทว่า "หมาป่า" ก็ได้ประตูตีเสมอจนได้จาก มาร์โก อังเดรโอลลี นาที 90 (+2) ส่งผลให้ในกลุ่ม ไอ 3 นัดแรก ฟูแล่ม เป็นรองจ่าฝูง มี 5 แต้ม ตามหลัง เอฟซี บาเซิล ของ สวิส 1 แต้ม ส่วน โรม่า มี 4 แต้ม อยู่อันดับ 3 นำหน้า ซีเอสเคเอ โซเฟีย ทีมอันดับสุดท้าย 3 แต้ม โดย 2 อันดับแรก จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ 32 ทีมสุดท้ายต่อไป http://www.komchadluek.net จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:23:28

ความคิดเห็นที่ 17 แลมพ์สเชื่อซิตี้จะประสบความสำเร็จดั่งเชลซี 24/10/2009 8:34:59 แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ตัวเก่ง เชลซี เชื่อ เศรษฐีใหม่อย่าง แมนฯ ซิตี้ จะใช้เงินปูทางสู่ความสำเร็จได้เหมือน "สิงห์บลูส์" แน่นอน ชี้งานนี้น่าจะมีทีมในกลุ่มบิ๊กโฟร์กระเด็นตกกระป๋องชัวร์ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จอมทัพเท้าหนัก เชลซี ทีมดังแห่ง ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มั่นใจว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะประสบความสำเร็จได้เหมือนกับ "สิงห์บลูส์" หลังได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก อาบูดาบี ยูไนเต็ด เจ้าของสโมสร แบบไม่อั้น   แลมพาร์ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ เชลซี ยุคที่ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียน เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรเมื่อ 6 ปีก่อนจนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นไปครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 2 สมัยซ้อนนั้น ยังมองด้วยว่า งานนี้อาจจะมีบิ๊กโฟร์ทีมใดทีมหนึ่งถูกเขี่ยตกบัลลังก์ก็เป็นได้   "ปีนี้ทีมท็อป 4 อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงกว่าที่เคย เพราะการก้าวขึ้นมาของ แมนฯ ซิตี้ และเงินที่พวกเขามีอยู่ ตามปกติทีมเจ้าประจำในกลุ่มท็อป 4 จะก้าวขึ้นมาสู่หัวตารางได้ในท้ายที่สุด แต่เมื่อมี แมนฯ ซิตี้ ผมคิดว่า มันคงจะต่างไปจากเดิมแล้ว เมื่อคุณทุ่มเงินไปถึง 150 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,400 ล้านบาท) คุณย่อมหวังจะอยู่บนหัวตารางแน่นอน และผมก็คิดว่า พวกเขาจะทำได้" แลมพ์ส กล่าว   http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/091024_058.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:25:58

ความคิดเห็นที่ 18 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ช่อง 3 ยิงสปอต์ ถ่ายทอดสด เบอร์มิงแฮม - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใกล้ๆ รอเช็คข่าวกันอีกที น่าจะข่าวดีอีกนัด รายการประจำรายการประจำวัน 01 พฤศจิกายน 2552 22:59 - 23:58 ถ่ายทอดสด ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก เบอร์มิงแฮม ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ http://www.thaitv3.com/ch3/schedule/week.php?month=11&year=2009&day_select=1&month_select=11&year_select=2009 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 18:39:28 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:38:05

ความคิดเห็นที่ 19 โปรแกรมฟุตบอล ประจำวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2552 ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 18.45 วูล์ฟแฮมป์ตัน : แอสตัน วิลล่า  ทรูสปอร์ต 1(59) 21.00 เบอร์มิงแฮม  :  ซันเดอร์แลนด์  ทรูสปอร์ต 5(63) 21.00 เบิร์นลีย์ :  วีแกน  ทรูสปอร์ต 3(61) 21.00 ฮัลล์ :  พอร์ตสมัท  ทรูสปอร์ต เอ๊กซ์ตร้า 1(66) 21.00 สเปอร์ :  สโต๊ค  ทรูสปอร์ต 1(59) 23.30 เชลซี  : แบล็คเบิร์น  ทรูสปอร์ต 3(61) โปรแกรมฟุตบอล ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2552 ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 19.30 โบลตัน  : เอฟเวอร์ตัน 20.00 ลิเวอร์พูล  :  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  ทรูสปอร์ต 1(59) 21.00 แมนฯ ซิตี้ : ฟูแล่ม 22.15 เวสต์แฮม  :อาร์เซน่อล  ทรูสปอร์ต 1(59) พรุ่งนี้ข่าวร้ายปนข่าวดี ข่าวร้ายทีมเราดันไปเตะเหลื่อมกับแดงเดือด ข่าวดี ถ้าดูผ่านเน็ตคงลื่นปรื้ดๆ เพราะคนไปแห่ดูแดงเดือดหมด แฮ่มๆ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 18:45:59 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:43:54

ความคิดเห็นที่ 20 ปล่อย "เสือ" (เตี้ย) เข้าป่า! อ่า...ในที่สุดก็มีคอลัมน์อยู่ในโลกไซเบอร์กะเขาบ้างหลังจากที่มิเคยมีกิจกรรมใดๆ ในวังวนแห่งเน็ต ในลักษณะของการรับจ๊อบเขียนคอลัมน์, ใบ้บอล, ตั้งกระทู้, เข้าไปคอมเมนต์ตามเว็บไซต์ หรือมีบล็อกเป็นของตัวเอง อย่าว่าแต่ไอ้ที่พูดมานั่นเลย กระทั่ง hi5 หรือ facebook และรวมถึงทวิตตี้ ทวิตเตอร์อะไรก็ไม่เคยมีกะเขา แถมไม่สนใจจะมีด้วย เอาเถอะ ในเมื่อฟ้าลิขิตให้มาเจอกันบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว ก็ช่วยๆ กันคลิกเข้ามาหน่อย ไม่งั้นจะกลายเป็นพูดอยู่คนเดียว เหงาตายห่า! ใครที่เป็นแฟนหนังสือพิมพ์สตาร์ ซอคเก้อร์ รายวัน คงจะพอทราบว่าทุกสุดสัปดาห์จะมีคอลัมน์ชื่อ “คุยกันวันหยุด” หรือที่เมื่อก่อนมีชื่อสามัญว่า “ด่ากัน 7 วันที” เพื่อแก้เลี่ยนจากที่ต้องคุยกันเรื่องบอลมาตลอดสัปดาห์ ครั้นพอต้องย้ายวิกมาคุยกันในโลกออนไลน์ ก็เลยขอหยิบยืมชื่อคอลัมน์ตัวเองมาใช้ดื้อๆ ชั่วโมงนี้จะคุยเรื่องกีฬาอื่นก็คงไม่เข้าแก๊ป เพราะเราๆ ท่านๆ คงยังอยู่ในอารมณ์ของการส่งท้ายรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งหลายโซนรูดม่านเป็นที่เรียบร้อย และทีมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงท้ายของรอบคัดเลือกก็ต้องขอยกให้ทีมมาราโดน่า เอ๊ย! ทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งออกอาการเจียนไปเจียนอยู่มานาน ที่สุดแล้ว ดีเอโก้ มาราโดน่า ก็สามารถเข็นทีมฟ้า-ขาว เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 15 และสมัยที่ 10 ติดต่อกันจนได้ คงไม่ต้องเท้าความกันแล้วนะ ว่าทำไมคนอาร์เจนฯ จึงต้องมาลุ้นกันจนเหงื่อตกเอาจนถึงนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก ซึ่งพลันที่ทีมผ่านเข้ารอบด้วยชัยชนะอันจุ๋มจิ๋มเหนือทีมชาติอุรุกวัยในเช้ามืดวันพฤหัสฯ ที่ 15 ต.ค. ของบ้านเรา มาราโดน่าก็ออกลายเดิมทันที กล่าวคือใช้ปากซัดอาวุธลับใส่บรรดาผู้ไม่เชื่อน้ำยาเขาทั้งหลาย พร้อมกับที่ไม่ลืมย้ำว่า พวกกูเข้ารอบได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือของคนอื่น คือก่อนเกมนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือกมันมีความเป็นไปได้ต่างๆ นานามากมาย โดยนอกจากอาร์เจนตินาจะต้องช่วยตัวเอง (อย่าคิดลึก) แล้ว คู่ของชิลีกับเอกวาดอร์ ซึ่งเตะในเวลาเดียวกัน อาจส่งผลกระทบชิ่ง ครั้นเมื่ออาร์เจนฯ ชนะทีมจอมโหดเสียได้ ก็ไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจ ซึ่งนั่นกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ “เดอะเตี้ย” ยิ่งภูมิใจเสนอการเข้ารอบของทีมฟ้า-ขาวในคราวนี้เป็นอย่างมาก คำพูดเหน็บแนม ประชดประชันต่างๆ นานาของมาราโดน่า ร่วงจากปากเขาราวกับห่าฝนตั้งแต่เกมจบ และคาดว่าคงจะยิ่งมากกว่านี้อีกเมื่อเจ้าตัวตั้งหลักติด มีเวลาไล่เฉ่งพวกที่จวกเขามาเป็นเดือนทั้งหลาย งานนี้ก็เลยต้องปล่อยให้เขาระบายอารมณ์ไป เพราะคนชนะ (หรือคนเข้ารอบ) พูดอะไรก็ไม่น่าเกลียด นอกจากคนเข้ารอบจะพูดอะไรก็ไม่น่าเกลียดแล้ว ยังมีเวลาสงบอกสงบใจ รอการมาถึงของฟุตบอลโลกมากกว่าพวกที่ต้องลุ้นตั๋วไปแอฟริกาใต้ 2010 ด้วยอีก 2 นัดในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งระหว่างที่รอ คาดว่าเสียงวิจารณ์ต่อความเหมาะสมของมาราโดน่ากับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติชุดใหญ่ คงจะบรรเทาเบาบางลงไปด้วย ถึงตอนนี้ ต่อให้ไม่เชื่อมือเขา หมา เอ๊ย! แมวตัวไหนในสมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินา ก็คงไม่กล้าปลดพี่เตี้ยให้เปลืองตัว และคงจะเป็นการปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองมากกว่า ถ้าจะปล่อยให้มาราโดน่าพิพากษาตัวเองเมื่อทัวร์นาเมนต์มาถึง อาร์เจนตินาอาจดูทุเรศนัยน์ตาเกือบตลอดรอบคัดเลือกที่ผ่านมา แต่ใครจะไปรู้ว่าพอฟุตบอลโลกเปิดฉาก พวกเขาจะกระทำการ “เฟซ ออฟ” เผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็นกัน ไม่แน่นะว่าจากไอ้ที่ต้องลุ้นกันยอสระเอี้ยวเหนียวในเกมกับอุรุกวัยนั้น มันอาจกลายเป็นบทเริ่มต้นของการปล่อยเสือเข้าป่า แถมเสือตัวนี้ยังไม่ใช่เสือธรรมดา หากแต่เป็นถึง “เสือเตี้ย” อีกต่างหากนะคุณ!                                                                     มาเฟียรี่ http://www.siamsport.co.th/Column/091016_112.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 18:49:15

ความคิดเห็นที่ 21 ดูถ่ายทอดสด วูลฟ์ - วิลล่า มาร์ติน โอนีลนี่เก่งนะ ปั้นดันเล่นเป็นผู้เป็นคน แถมให้ขึ้นสุดไป ความเฟอะที่แมน ซิตี้ แทบไม่ปรากฏ ถึงกรอบเขตโทษ สร้างความอันตรายได้ด้วย แถมยังช่วยสกัดให้วูลฟ์ เอาบั้นท้ายไปบังลูกยิง เพื่อนร่วมทีมซิดเวลล์เฉยเลย หุหุหุ แต่โดยรวม ริชาร์ด ดันน์มิติใหม่ดีกว่า โจสลีน เลสค็อต ณ ปัจจุบัน อยู่ขั้นสองขั้น แถมลูกเปิดจากแดนหลัง ของดันน์ คมมากขึ้นเลย สมัยแมน ซิตี้ ความดีไม่ปรากฏเลย ล่าสุดนาที 78 อักบาลาฮอล์ ยิงเข้าไปแล้ว มันเริ่มลูกเปิดยาวของดันน์  ยิ่งดูยิ่งไม่เชื่อ นั่นริชาร์ด ดันน์ที่เรารู้จักที่ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ทำไมมันมีคลาสขึ้นว่ะ แต่นาที 82 ซิดเลลล์ไปฟาวล์ ไคลี่ เสียจุดโทษ วูลฟ์ตีเสมอ 1 - 1 วันนี้ซิดเวลล์เล่นดี แต่พลาดทีเดียวเป็นเรื่อง ที่วิลล่าไม่เป๋หลังเสียแบร์รี่ ก็เพราะ สตีฟ ซิดเวลล์ตัวนี้ กลับมาเกิดอีกครั้ง ฝีมือ มาร์ติน โอนีลอีกแล้วครับพี่น้อง แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 20:30:43 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:24:44

ความคิดเห็นที่ 22 ฮิวส์จยันชัดไม่ปล่อยบินโญกลับสเปน   มาร์ค ฮิวส์จ ผู้จัดการทีมเศรษฐีเรือใบ ย้ำชัดไม่ปล่อยโรบินโญ สตาร์บราซิเลี่ยนกลับมสเปน อย่างแน่นอน ยอมรับเคยมีปัญหากันแต่ทุกอย่างลงตัวแล้ว หลังจากมีข่าวลือมาโดยตลอดว่า โรบินโญ สตาร์ชาวบราซิลของแมนเชสเตอร์ ซิตี เตรียมเก็บกระเป๋ากลับไปยังสเปนอีกครั้ง โดยจะไปร่วมทัพบาร์เซโลนา ที่สนใจอยากได้ตัวไปเสริมแนวรุก แต่ล่าสุด มาร์ค ฮิวส์จ กุนซือใหญ่ของทีม ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมกับยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะไม่ยอม ปล่อยโรบินโญ ออกจากทีมอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ฮิวส์จ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ ทั้งตนเอง และโรบินโญ มีปัญหากันเกี่ยวกับเรื่องสปิริต ของทีม และมีความคิดเห็น และแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ไม่ค่อยจะเหมือนกัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังลงตัว "มันเป็นเรื่องไม่เหมาะแน่ หากมีการเลือกปฏิบัติต่อนักเตะคนหนึ่งในทีม ดังนั้นเราจึงได้มีการคุยกัน เพื่อให้เป็นไปตามกฎเดียวกันทั้งทีม" ฮิวส์จ กล่าว   http://www.innnews.co.th/sport.php?nid=195530 รักกัน รักกัน จากคุณ : PHANTOM OF THE NIGHT เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:35:48

ความคิดเห็นที่ 23 มือขวาอันเช่ย้ำเชลซีต้องการเสริมทัพ   มือขวาของคาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือใหญ่เชลซี ยันทีมต้องการเสริมทัพในช่วงปีใหม่นี้ แข้งดังหลายรายต้องไปเล่นแอฟริกันเนชั่นส์ คัพ โดยเป้าหมายแรกคือเชอร์จิโอ อเกวโร จากแอต.มาดริด เดอะซัน แท็บลอยด์ ชื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า เรย์ วิลกิน มือขวาของคาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่ของทีมสิงห์บลูส์ ระบุทีมต้องการได้นักเตะใหม่เสริมทัพในช่วงปีใหม่นี้ เพราะว่าในช่วงเดือนมกราคม ทีมต้องเสียกำลังหลักหลายคนอาทิ ดิดิเยร์ ดร็อกบา,โซโลมอน กาลู,มิเชล เอสเซียง และ จอห์น โอบี มิเกล กลับไปรับใช้ชาติในศึกแอฟริกันเนชั่นส์ คัพ อย่างไรก็ตาม เชลซี ยังต้องพยายามยื่นอุทรณ์ให้มีการชะลอโทษแบน เกี่ยวกับการห้ามยุ่งเกี่ยวกับตลาดซ้อขายนักเตะที่จะมีผลในวันที่ 1 มกราคมศกหน้าจากกรณีที่ถูกฟีฟ่าลงโทษ ฐานขโมย กาเอล กาคูตา มาจากล็องส์ ในฝรั่งเศสผิดกฎด้วยนั่นเอง ทั้งนี้ หากทำการชะลอโททษได้สำเร็จ เชลซี นั้นต้องการคว้าตัว เชอร์จิโอ อเกวโร "กุน" กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ของแอตเลติโก มาดริด มาร่วมทีม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในแนวรุก กรณีที่เสียดร็อกบากลับไปช่วยทีมชาติไอเวอร์รีโคสต์ นั่นเอง   http://www.innnews.co.th/sport.php?nid=195525 ยืนระยะไหวเปล่า จากคุณ : PHANTOM OF THE NIGHT เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:37:07

ความคิดเห็นที่ 24 วิลล่าเก็บได้แค่ 1 แต้ม รอลุ้นสเปอร์ต่อ หุหุ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 20:43:45 จากคุณ : ummnoi เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:42:42

ความคิดเห็นที่ 25 โรบิญโย่จริงๆ แล้วใหญ่คับทีมแมน ซิตี้ ว่าแต่ย้ายไปอยู่ทีมใหม่ แล้วจะยังได้เป็นเจ้าพ่อยังนี้เหรอ สู้อยู่ต่อไป ได้ด้วยกัน 2 ฝั่ง เร็วๆนี้ แมน ซิตี้ ใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว คนหนึ่งที่ได้เครดิตต้นๆ ก็ไม่พ้นโรบิญโย่ ผู้ย้ายมาเปิดยุคใหม่กับ แมน ซิตี้ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมฟีฟ่า นักเตะเบอร์หนึ่งของโลก มันไม่หนีไปไหนหรอก ถ้าโรบิญโย่ นำแมน ซิตี้สู่เป้าหมายแท้จริง แต่ไปอยู่บาร์ซ่า ก็แค่เบี้ยตัวหนึ่ง เหมือนซลาตัน อองรี จะไปเด่นกว่า เมสซี่ ซาบี ก็คงไม่ใช่ โครงสร้างทีมไม่ได้ออกแบบให้โรบิญโย่แจ้งเกิดแบบจรัลแสง วูลฟ์ เสมอ แอสตัน วิลล่า 1 - 1 เป็นผลที่ดีของทีมเรา แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 20:45:15 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:43:57

ความคิดเห็นที่ 26 Thank you. จากคุณ : คนค้ำฟ้า เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:54:07

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนนี้กำลังแช่งชัก หักกระดูกสเปอร์อยู่ จะว่าไปอยากจ่าแฮรี่ มาคุมซิตี้จัง ฝีมือ ประสบการณ์การันตี เอาไป ห้ากระโหลก จากคุณ : เกิดมาเพื่อrock เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 21:37:46

ความคิดเห็นที่ 28 จริงๆฤดูกาลที่แล้วที่ฮิวจ์สมีปัญหาไม่ได้กับโรบินโญ่ แต่กับนักเตะหลายคนที่ตอนนี้ถูกปล่อยตัวไปหมดแล้ว ปัญหาที่ฮิวจ์สให้สัมภาษณ์ว่ามีกับโรบินโญ่คือเรื่องการแต่งตัวครับ ปกติในสนามซ้อมนักเตะจะใช้ชุดฝึกที่ทีมจัดเตรียมไว้ แต่โรบินโญ่จะมาชุดเก่งแจ็คเก็ตตัวโปรดประมาณนั้น แล้วเวลาแต่งตัวไปไหนกับทีมก็มักจะไม่ใส่เสื้อไว้ในกางเกง ฤดูกาลนี้ฮิวจ์สจัดการเรียกประชุมและให้นักเตะทุกคนช่วยกันออกความเห็นว่าต้องปฏิบัติกันอย่างไร และได้มติออกมาว่าใส่ชุดฝึกและชุดในโอกาสต่างๆแบบเดียวกันหมด เท่าที่ตามข่าวมาโรบินโญ่จะไม่ใช่เด็กหัวแข็งอะไร ไม่ได้มีปัญหาอะไรนักกับฮิวจ์ส จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 21:41:39

ความคิดเห็นที่ 29 ผมแปลกใจทำไมดันไปอยู่ทีมอื่นแล้วเล่นดี จากคุณ : sovent เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 21:58:42

ความคิดเห็นที่ 30 วันนี้ สโต๊คมาแน่นตามสูตร แพ็คหลังเน้น รอสวนลูกยาว กับ ลูกทุ่มยาว หลังไม่ขึ้นเลย ยืนเป็นแผง เลนนอน ยังเลื้อยไม่ออกมาก ใช้เคราช์เป็นหัวหอกหลัก ยิ่งเข้าทางสโต๊ตใหญ่เลย ไม่กลัวลูกโด่ง แต่กลัวพวกตัวจี๊ด พวกพลิกบอลเก่ง ต้องดูว่าครึ่งหลัง สโต๊คยังอุดอยู่ปล่าว ดูว่าจ่าแฮร์รี่แก้เกมส์ไง เพราะนี้คือหนึ่งในซือแป๋การแก้เกมครึ่งหลัง จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:03:23

ความคิดเห็นที่ 31 สิ่งไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นได้ เมื่อ สเปอร์โดยคู่หน้าใหม่ เคร้าช์ กับ พาฟลิวชิวโก้ บุกเขาไม่ได้ อยู่แผ่วๆ ให้สโต๊คได้ส่องเน้นๆ โดยเกล็น วีแลนด์ แถมด้วยข่าวร้ายก่อนหน้านี้ นีล เลนนอน เจ็บโดนเปลี่ยนตัวไปก่อน ยิ่งเช็คผลล่าสุด Wolverhampton W. 1 - 1 Aston Villa  90' Birmingham C. 2 - 1 Sunderland  90' Burnley 1 - 3 Wigan Athletic  90' Hull C. 0 - 0 Portsmouth  90' Tottenham H. 0 - 1 Stoke C. ซันเดอร์แลนด์ที่กำลังมาแรงบุกไปพ่ายเบอร์มิงแฮม 1 - 2  ผลสัปดาหก์นี้ล้วนเป็นใจต่อเราอีกแล้วครับท่าน แต่ผลเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าพรุ่งนี้เราไม่สามารถชนะฟูแล่ม ได้แบบสองนัดที่ผ่านมา ทุกอย่างอยู่ที่ฮิวส์และลูกทีม ว่าเราจะผงาดกลับอยู่ 4 อันดับแรกได้ไหม เป้าหมายของผมคือ ตำแหน่งที่ 3 เหนือ อาร์เซนอล ลิเวอร์พูล วิลล่า สเปอร์ เอฟเวอร์ตัน จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:53:45

ความคิดเห็นที่ 32 เอาแล้วครับผองเพื่อน ซิตี้ สโต๊คขึ้นนำ สเปอร์แล้วว เป็นโอกาสทองให้ซิตี้ แย่งขึ้นนำ!! จากคุณ : เกิดมาเพื่อrock เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:54:07

ความคิดเห็นที่ 33 วันนี้กองแช่ง เข้าทุกคู่ 55+ รอลุ้นเชลซีต่อ หุหุ จากคุณ : ummnoi เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 22:59:20

ความคิดเห็นที่ 34 สเปอร์แพ้   วิลล่าเสมอ   แบบนี้ลุ้นกันยาวๆละครับ จากคุณ : yut เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 23:07:48

ความคิดเห็นที่ 35 ตามมาอ่านข่าวครับ จากคุณ : yellow fins เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 23:44:09

ความคิดเห็นที่ 36 ผมเองก็เป็นคนนึงครับ ที่ลืมไปว่า ไมก้า อายุแค่ 21 ปี  เผลอไปด่าซะเยอะ จริงๆ นักเตะอายุ 21 ปี ฝีเท้าระดับนี้ เรียกว่าไม่ธรรมดาแล้ว  แต่เทียบตามพัฒนาการ แกน่าจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ แต่กลับดรอปลงไป  คงต้องโทษกุนซือแหละครับ  ปั้นเด็กไม่เป็น จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 00:34:17

ความคิดเห็นที่ 37 Chelsea  ยิงสลุต Blackburn 5-0 เหอๆๆ จากคุณ : กำแปง เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 01:21:26

ความคิดเห็นที่ 38 พรุ่งนี้จะแอบปันใจเชียร์หงส์ซะหน่อย หน่วงแต้มหมีฟายบ้างก็ดี จากคุณ : กำแปง เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 01:22:21

ความคิดเห็นที่ 39 มาครับ จากคุณ : tnmcfc เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 01:33:02

ความคิดเห็นที่ 40 . จากคุณ : tnmcfc เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 01:43:42

ความคิดเห็นที่ 41 .. จากคุณ : tnmcfc เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 01:46:22

ความคิดเห็นที่ 42 ตามอ่านข่าวครับ จากคุณ : ด.ช.ไอติม เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 08:38:14

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับข่าวครับ จากคุณ : แมวเหมียว (cat30) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 10:47:17

ความคิดเห็นที่ 44 ต้องชนะอย่างเดียว จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 17:25:15

ความคิดเห็นที่ 45 กระทู้วันใหม่ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8471166/S8471166.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 18:23:34

ความคิดเห็นที่ 46 1 จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:06:00

ความคิดเห็นที่ 47 2 จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:06:41

ความคิดเห็นที่ 48 3 จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 52 19:07:24