ความคิดเห็นที่ 1 การจัดทัพ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำถามหนาหูเกี่ยวกับอนาคตของราฟา รวมทั้งอาการบาดเจ็บของบรรดานักเตะตัวหลักของทั้งสองทีม ฝั่งเจ้าบ้านที่มีสโลแกนยอดเท่ติดอยู่ที่เหนือทางเดินขึ้นสนามว่า This is Anfield นั้น จะขาดก็เพียงแค่กัปตันมหาประลัยเพียงคนเดียว แต่ได้เฟร์นานโด ตอร์เรส ผ่านความฟิตกลับมาเป็นหน้าเป้าได้ตามคาด ผู้รักษาประตูยังเป็นเปเป้ เรน่า แผงแบ๊กโฟร์ได้เกล็น จอห์นสัน ฟิตกลับมาอีกคน ที่เหลือประกอบไปด้วย เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนียล แอ็กเกอร์ และ เอมิเลียโน่ อินซัว มิดฟิลด์ตัวรับสองคนมีฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตัวรุกสามคน ฝั่งซ้ายให้ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ส่วนทางขวากับตรงกลาง ให้ ยอสซี่ เบนนายูน กับเดิร์ค เคาท์ สลับดอกกันตามแต่จังหวะเกมจะอำนวย นี่ถือเป็นหมากเด็ดของราฟาก็ว่าได้ และเป็นจุดที่ผมกังวลพอสมควร เมื่อเห็นออเรลิโอมายืนเป็นตัวจริงอีกคน เนื่องจากเกรงๆลูกเซ็ตพีซของหมอนี่อยู่พอตัวเลยครับ และที่สำคัญ คนที่ผมกลัวที่สุดคือเบนนายูนครับ ส่วนทางผู้มาเยือน นัดนี้ได้เวย์น รูนี่ย์ฟิตกลับมาลงเป็นตัวจริง โดยจับคู่กับดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ปีกสองข้างซ้ายขวาให้ไรอัน กิ๊กส์ กับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย มิดฟิลด์ตัวกลางสองคนเลือก พอล สโคลส์ กับ ไมเคิล คาร์ริค แผงแบ๊กโฟร์ให้จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช และ ปาทริซ เอวร่า มีเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ เฝ้าเสา เกมนี้ เรื่องตัวผู้เล่นผมไม่ห่วงเท่าไหร่ เพราะประสบการณ์โชกโชนกันทั้งนั้น ผมห่วงแค่สองประเด็นเท่านั้นครับในวันนี้ ประเด็นแรกเรามา 4-4-2 แน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่ยังเป็นคำถามก็คือ เราจะเล่นด้วยจังหวะเกมแบบไหน รุก หรือรับ หรืออดทนรอจังหวะ ซึ่งตรงนี้ มันจะส่งผลถึงรูปเกมโดยรวม และประสิทธิภาพของการทำเกมของทั้งสองฝั่งเป็นอย่างมาก ส่วนประเด็นที่สองก็คือ ความมุ่งมั่น อย่างที่ทราบกันดีครับ นักเตะลิเวอร์พูลถูกกดดันอย่างมาก รวมทั้งราฟาเอล เบนิเตซเองก็ด้วย ทำให้เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็พบว่า ความมุ่งมั่นและกระหายในชัยชนะของฝั่งเจ้าบ้าน ดูจะถูกรีดออกมาในสนามได้มากกว่าเยอะ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:54:12

ความคิดเห็นที่ 2 ว่ากันถึงเกมในสนามก็เป็นอย่างที่ผมเองกังวลไว้จริงๆ และก็เป็นแม่ม...ทุกอย่างเลยด้วย เอาเข้าไปสิครับ เฮ้อ.... ราฟาเอล เบนิเตซที่ดูเหมือนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายในสายตาหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับผม เพราะผมมองว่า ที่ผ่านมาราฟาคือผู้รับผิดชอบในความตกต่ำของลิเวอร์พูลก็จริง แต่ตัวเลือกอื่นในนาทีนี้ที่ดีกว่าเขามันก็ไม่มี แถมที่ผ่านมา ราฟาเองก็เป็นผู้ที่พาหงส์แดงมาอยู่ในจุดที่สูงที่สุดเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยเดินทางมาตลอดสิบเก้าปีหลัง ดังนั้น โอกาสที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลในปีนี้คือ ให้ราฟาพลิกสถานการณ์ทีมกลับมา โดยแก้ปัญหาให้ถูกจุด เกาให้ถูกที่คัน เท่านั้นก็น่าจะดีขึ้นได้เยอะ สำหรับลิเวอร์พูล และเกมนี้ ราฟาก็จัดหมากได้ลงตัว และเค้นความมุ่งมั่นออกมาจากลูกทีมได้แบบเพอร์เฟคท์เสียด้วย อันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ลูกทีมยังเชื่อใจเขาอยู่ จึงสามารถรีดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเพื่อราฟา เพื่อแฟนบอล จนได้ผลลัพธ์อย่างทีต้องการ เป็นการตอบทุกๆคำถามที่มีถึงตัวเขาอย่างชัดเจนชนิดที่หมดคำถามกันเลยทีเดียว หงส์แดงลงสนามมาในวันนี้ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท ขยัน มีวินัย ใฝ่คุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง สู้ทุกลูก ชนทุกช็อต และไล่ทุกจังหวะ ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามคาดของหลายๆท่านรวมทั้งท่านเซอร์ด้วย เพราะอะไร เพราะหงส์แดงก่อนเกมนี้ก็เหมือนยืนอยู่ที่ปากเหว หลังพิงไว้เพียงแค่มวลอากาศบางเบาจากการพ่ายแพ้มาสี่เกมรวดแถมยิงได้แค่เม็ดเดียว ทำให้ไม่มีที่จะให้ถอยอีกต่อไป เดอะค็อปทุกคนนั้นทราบดีครับว่า นัดนี้ ต้องเร่ง ต้องรีด ต้องเค้นทุกอย่างออกมาสู้ให้ได้ และมีเพียงชัยชนะเท่านั้น ที่จะดึงพวกเขาออกมาจากจุดที่ล่อแหลมนั้นได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ มันก็คือหายนะของลิเวอร์พูลดีๆนี่เองครับ เพราะการทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในเกมๆนี้ แต่ถ้าแพ้ออกมา มันจะไปบ่อนทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ลิเวอร์พูลเชื่อมั่น และคงกลับมาได้ลำบากแน่ๆ ตรงนี้ท่านเซอร์เองก็ทราบดี และเป็นเหตุผลที่จัดตัวที่เก๋าเกม เพื่อคุมจังหวะ คอนโทรลรูปเกมได้ดีลงมามากหน่อย กิ๊กส์, สโคลส์, คาร์ริค เหล่านี้คือตัวความหวังที่จะประคองสถานการณ์ท่ามกลางพายุสีแดงที่โหมเข้าใส่อย่างบ้าระห่ำ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:54:43

ความคิดเห็นที่ 3 แต่เหตุการณ์จริงในสนามกลับหนักหนาสาหัสกว่าที่ท่านเซอร์คิดไว้ นอกจากลิเวอร์พูลจะวิ่งเป็นม้า บ้าพลังทุกคนแล้ว ยังปรี่เข้ารุมผู้เล่นยูไนเต็ดเพื่อสร้างสถานการณ์สองหนึ่ง สามหนึ่งในทุกๆจังหวะ เพื่อกดดันผู้เล่นทีมเยือนไม่ให้เล่นได้ถนัด เกมนี้ลิเวอร์พูลวางโพสิชั่นนิ่งของการยืนมาดีมากๆและการให้บอลจังหวะสุดท้ายก็ถูกเซ็ตติ้งมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะเป็นการแก้ลำของสองปีก่อนได้ดีมากๆ ตอร์เรสถูกวางไว้ข้างหน้าโดยส่ายไปมาได้ทุกพื้นที่และพิงไลน์สุดท้ายของยูไนเต็ดตลอดเวลาเพื่อกดดันตัวรับตัวสุดท้ายเอาไว้ แต่สามแนวรุกจะไม่ยืนสนับสนุนตอร์เรสสูงมากนัก กลับยืนเหลื่อมเส้นกลางสนามไม่มากมายในจังหวะรุกสวนขึ้นมา ตรงนี้มีเหตุผลครับ การที่ไม่รีบดันสามแนวรุกขึ้นมาก็เพื่อ หนึ่ง ระวังการเสียบอลแล้วโดนสวนเร็ว และสอง นี่สำคัญที่สุดครับ คือการตรึงแนวมิดฟิลด์ของยูไนเต็ดและฟูลแบ๊กไม่ให้รีบลงไปตั้งรับลึกมั่นคงนั่นเอง สังเกตง่ายๆครับ ลิเวอร์พูลพยายามเพรสซิ่งตลอดเวลา ทุกแดน ทุกพื้นที่ การครอบครองบอลของลิเวอร์พูลจะทำเพื่อสร้างเกมรุก และไม่เน้นจ่ายบอลห้าสิบห้าสิบเลยแม้แต่ลูกเดียว การจ่ายจังหวะสุดท้ายนั้นจะเน้นมากๆ เรียกได้ว่าไม่ชัวร์ไม่จ่ายก็ว่าได้ แต่ลักษณะการตั้งเกมรับของยูไนเต็ดนั้นค่อนข้างเป็นระเบียบเป็นแบบแผนและมาร์คคนในกรอบได้ดีมากๆ ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาในจังหวะที่ลิเวอร์พูลครองเกมกดดันอย่างที่ว่าสักเท่าไหร่ แล้วปัญหามันมาจากไหน ก็มาจากจังหวะรุกสวนกลับเร็วของลิเวอร์พูลต่างหาก ตรงนี้สร้างปัญหาหนักอกหนักใจได้ตลอด สามแนวรุกได้บอลโต้กลับ แต่ไม่เร่งลากขึ้นไปหรือรีบจ่ายขึ้นไป พอไปถึงจุดหนึ่งก็จะดึงรอหนึ่งหรือสองจังหวะ เพื่อให้ตอร์เรสได้ดึงจังหวะไลน์ล้ำหน้าของแนวรับทีมเยือน จากนั้นจึงค่อยจ่ายให้ตอร์เรสไปดวลกับตัวรับ นี่แหละครับ คือหมากรุกฆาตของราฟาเอล เบนิเตซอย่างแท้จริงในเกมนี้ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:55:01

ความคิดเห็นที่ 4 ทำไมไม่รีบจ่ายให้ตอร์เรสแต่แรก นั่นก็เพราะรูปแบบนี้ ยูไนเต็ดสามารถจัดการได้ง่ายกว่านั่นเอง และราฟาเองก็มีประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้วเต็มๆ กับกับดักล้ำหน้าที่เล่นงานตอร์เรสจนชีช้ำกะหล่ำปลีมาก่อน หรือแม้แต่การที่แผงมิดฟิลด์ยูไนเต็ดลงไปรับลึกตามนักเตะลิเวอร์พูลที่ดันกันขึ้นไปเหมือนก่อนๆ แพ็ทเทิร์นนั้นราฟาจับจุดได้หมดแล้วครับ และแก้ทางมาได้แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วนั่นแหละ จึงไม่จำเป็นจะต้องให้ฟูลแบ๊กเติมช่วยมากนัก ไม่จำเป็นต้องให้มิดฟิลด์ตัวรับดันเกมสูงมากนัก ทำให้กลางยูไนเต็ดต้องตรึงตำแหน่งสูงหน่อยตามจุดที่ลิเวอร์พูลดึงไว้ ทำให้ช่องหว่างระหว่างแผงกลางและแผงหลังมีค่อนข้างมาก อย่างเกมนี้ หงส์แดงก็ใช้แค่สามตัวเท่านั้นในเกมรุก คือ ยูน-เคาท์-ตอร์ และมีออเรลิโอในบางจังหวะ แคนั้นก็เหลือๆแล้วในการจะยิงประตูยูไนเต็ด และนี่ก็เป็นรูปเกมเดิมๆที่ราฟาพิชิตเราได้สามเกมติดต่อกัน แบ๊กโฟร์ไม่บุก กลางรับสองตัวคุมพื้นที่ตรงกลาง ที่เหลือก็เล่นตามจังหวะ และเน้นในเกมสวนกลับ เมื่อรูปการณ์ออกมาอย่างนี้ มิดฟิลด์ยูไนเต็ดก็ลงไปรับลึกไม่ได้ในจังหวะสวน เพราะลิเวอร์พูลไม่ดันขึ้น แต่ให้เบนนายูน หรือเคาท์ ลากบอลมาเดี่ยวๆดึงตัวประกบมา ตรึงแนวกองกลางคู่ต่อสู้ไว้สูงหน่อย ดึงจังหวะจ่ายเลี่ยงกับดักล้ำหน้า เมื่อสบโอกาส ก็จ่ายยัดเข้าให้ตอร์เรสไปดวลทันที เมื่อไม่ล้ำหน้า ตอร์เรสที่เป็นศูนย์หน้าที่ผมเชื่อว่าไม่แพ้กองหลังคนไหนถ้าจับมาดวลกัน แกก็ชอบสิครับ เพราะแกเร็ว คล่อง และพลิกได้ทั้งสองข้าง การแตะบอลแค่จังหวะเดียวแล้วพลิกไปทางใดทางหนึ่งคือจุดเด่นของเขา และจังหวะแบบนี้แหละคือจังหวะสังหารลูกแรก หลังจากก่อนหน้านี้ตอร์เรสมีโอกาสอย่างนี้หลายครั้ง แต่ยังสลัดไม่หลุดเท่าไหร่ มาคราวนี้เบนนายูนดึงจังหวะก่อน เพื่อให้ไลน์รับยูไนเต็ดย้อนกลับไปประกบตอร์เรสแล้วค่อยจ่าย บอลตัดหลังวิดิชทันทีที่ออกจากเท้ายอสซี่ กลายเป็นตอร์เรสวิ่งควบไปกับริโอ แล้วริโอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเหนี่ยวแขน ด้วยความที่ตอร์เรสเร็วกว่าริโออยู่สเต็ปหนึ่งนั่นเอง ตอร์เรสขืนไว้ก่อนจะยิงเต็มข้อเสยเพดานตาข่ายเข้าไปได้สำเร็จ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:55:17

ความคิดเห็นที่ 5 นี่แหละครับ คือสิ่งที่ราฟามองไว้ การสร้างเกมสวนกลับโดยไม่ให้ถูกกับดักล้ำหน้าเล่นงาน โจทย์ข้อแรกของราฟาที่เขาแก้ได้ ที่เหลือ เมื่อไม่ล้ำหน้าก็ไปวัดกันระหว่างตอร์เรสกับกองหลัง ด้วยความคมและแข็งแกร่งของตอร์เรส ราฟาคงเชื่อว่า ดวลกันยี่สิบช็อต อาจจะแพ้สิบเก้า แต่ขอแค่ช็อตเดียวที่ผ่านได้ แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับตอร์เรส แล้วมันก็จริง ส่วนลูกที่สองที่เสียไปช่วงทดเจ็บนั้น ผมว่ามันเป็นไปตามจังหวะเกมครับ เกมมันถูกบังคับให้ออกมาในรูปแบบนั้น ว่าอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อเราดันสูงกันเต็มที่แต่ยิงคืนไม่ได้ ก็ย่อมเป็นโอกาสให้เขาสวนแล้วย้ำชัยกลับไป เช่นเดียวกับจังหวะของใบแดงวิดิชก็ไม่ต่างกันนัก ส่วนใบแดงของมาสเคราโน่นั้น ผมว่าไม่น่าเสียเท่าไหร่ เพราะไม่ได้อันตรายอะไรเลย และลูกนั้นก็ไม่ได้มีลุ้นอะไรกับจังหวะหวาดเสียวเลยด้วย ส่วนแพ็ทเทิร์นที่เหลือของราฟา หมากกลที่เขาวางไว้ นอกจากที่พูดไปแล้ว ก็คงเป็นการเอาแอ็กเกอร์มายืนกับคาร์ราเกอร์นี่แหละครับ ที่ถือเป็นการเกาถูกที่คันอีกที่ แอ็กเกอร์ผมว่าเล่นลูกกลางอากาศได้ดี และเป็นบอลอ่านทางเก่ง สามารถป้องกันได้จากทั้งภาคพื้นและอากาศ ช่วยงานคาร์ราเกอร์ได้มาก ส่วนออเรลิโอ นี่ไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นส่วนเติมเต็มให้แผนของราฟาอย่างแท้จริงนอกจากจะช่วยกรองบอลให้อินซัวที่ยังไม่จัดเจนบนถนนพรีเมียร์ลีกแล้ว ออเรลิโอยังเป็นตัวเทคนิคอีกตัวในแนวรุก ที่ครองบอลดี จ่ายแม่น และยิงไกลหวังผลได้สูง เรียกได้ว่าแท็คติคการวางหมากและจัดตัวของราฟานั้น เกมนี้ทำได้ละเอียดทุกเม็ด ทุกจุดเลยจริงๆ ทำให้แทบไม่ต้องแก้เกมในตอนพักครึ่งเลยก็ว่าได้ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:55:32

ความคิดเห็นที่ 6 เอาล่ะ พูดถึงลิเวอร์พูลมากพอแล้ว ที่เอ่ยถึงมากหน่อยเพราะเกมนี้เป็นลิเวอร์พูลที่กำหนดจังหวะเกมและรูปแบบการเล่น โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายวางแผนแก้ตลอดเก้าสิบหกนาทีครับ ท่านเซอร์ไม่ได้ต้องคิดมากนักกับเกมนี้ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วครับ ว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นก่อนเกม มันเป็นตัวบ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูลต้องมาเต็มสูบแน่ๆในเกมนี้ และต้องรีดเอาทุกอย่างออกมาด้วย ท่านเซอร์จึงต้องวางหมากมาเพื่อรองรับสถานการณ์ตรงนั้นเป็นหลักก่อน นั่นคือเหตุผลที่ไม่เปิดเกมแลก ถึงแม้ผมเองจะมองว่าลิเวอร์พูลในปีนี้ น่าจะอ่อนลงพอสมควรในแดนกลางจากการขาดอลอนโซ่ และเราน่าจะเปิดหน้าแลกกันก็เถอะ แต่ท่านเซอร์ที่ช่วงนี้พยายามเล่นกับทีมใหญ่ๆด้วยแท็คติคยุโรปจ๋า ก็ยังคงเพลย์เซฟก่อน เล่นอดทน และรอจังหวะที่จะโจมตีแบบเข้าเป้าให้ได้  แต่เมื่อเหตุการณ์กลับกลาย ลิเวอร์พูลบุกจริง เล่นจริง กดดันจริง แต่ไม่ดันสูง ใช้แนวรุกไม่กี่ตัวเพื่อกดทีมเยือนเอาไว้ แค่นั้น หมากของท่านเซอร์ก็แทบจะถูกกลืนหายไปเลย แบ๊กโฟร์ไม่ดัน ออเรลิโอประคองอินซัว ลูคัสกับมาสเคราโน่ไม่ลอยพร้อมกัน นี่เท่ากับตัดโอกาสที่ยูไนเต็ดจะหาช่องว่างเล่นชิงจังหวะกับกองหลัง หรือสวนกลับ เพราะพื้นที่ไม่เปิด ในขณะที่ไลน์ดีเฟ้นซ์ต้องพะวงกับตอร์เรสชนิดปล่อยเดี่ยวไม่ได้ วิดิชถูกวางเป็นตัวชนตอร์เรส และเน้นเล่นบอลจังหวะแรกทันที โดยมีริโอคอยซ้อนจังหวะสอง และมีฟูลแบ๊กตามมาช่วยในจังหวะสามสี่ห้า เป็นการป้องกันตัวสอดเติมของลิเวอร์พูล แต่ก็เท่ากับเป็นการลดความจัดจ้านของการเติมของเอวร่าไปด้วย เพราะตอร์เรสถ่างตัวเองออกมาด้านนี้บ่อยๆ และเบนนายูนกับเคาท์เองก็สลับดอกมาโจมตีด้านนี้หลายครั้ง เอวร่าจึงต้องพะวักพะวงกับเกมรับมากกว่าปกติจนรุกไม่ค่อยขึ้น กิ๊กส์ก็โดดเดี่ยวทางปีก ถูกเกล็น จอห์นสันที่เร็วกว่าเยอะชิงจังหวะได้ตลอด มิดฟิลด์คู่กลางที่เน้นโฮลดิ้งคนหนึ่ง เปิดป้อนคนหนึ่ง แต่เมื่อเจอลูกสดและขยันของลูคัสกับมาสช์เข้าไปก็ทำงานลำบาก คาร์ริคไม่ใช่ตัวที่จะมาวิ่งไล่บดบี้คู่แข่งเหมือนเฟล็ทช์ ส่วนสโคลส์ก็ช้าไปเยอะ ถึงจะวางบอลแม่น แต่เมื่อตัวรับทางปีกไม่มีพื้นที่ไม่มีตัวช่วยมันก็ไร้ประโยชน์ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:55:52

ความคิดเห็นที่ 7 เล่นไปๆ แบ๊กโฟร์แมนฯยูไนเต็ดจึงเหมือนถูกตอร์เรสกดไว้ตลอดเวลา ส่วนฟูลแบ๊กก็ทำงานไม่ได้ตามถนัด มิดฟิลด์ครองบอลไม่ได้ แถมยังถูกแนวรุกของลิเวอร์พูลพยายามตรึงแนวห่างจากไลน์แบ๊กโฟร์ด้วย กองหน้าไม่ได้บอลก็ต้องลงมาทำเกมเองบ่อยๆ ถ่างออกมาเล่นริมเส้นบ่อยๆ แต่ด้วยการที่ทั้งคู่ไม่ใช่พวกสปีดยาวๆ การชิงจังหวะไลน์แผงหลังลิเวอร์พูลจึงเกิดขึ้นได้ยาก ยิ่งรูนี่ย์ไม่ใช่พวกเซ้นส์บอลตัวปั้นแต่ต้องลงมาล้วงเอง การจ่ายทะลุช่องหรือคิลเลอร์พาสจึงผิดพลาด ติดโน่นติดนี่ตลอด บอลไม่สามารถทะลุไปได้ ส่วนเบอร์บาตอฟเองเมื่อได้บอลก็ถูกรุมตลอด เพราะผู้เล่นลิเวอร์พูลไม่ปล่อยให้ยูไนเต็ดมีพื้นที่ มีเวลาเล่นกับบอลเลย สุดท้ายเบอร์บาตอฟก็ถูกแทนด้วยโอเว่น และสโคลส์ก็ถูกแทนด้วยนานี่ ซึ่งก็ทำให้วูบวาบมากขึ้นพอสมควร แต่หงส์แดงได้กำลังใจมาเต็มที่แล้วตอนนี้ ตั้งไลน์ป้องกันได้ดีมากๆ แถมกรรมการยังค่อนนกหวีดข้างหวานกับเจ้าถิ่นอีกด้วย ยิ่งทำให้นักเตะยูไนเต็ดหงุดหงิด ร้อนรน และทำอะไรผิดพลาดไปหมด เกมนี้จะว่าไป ถ้าผมไม่ได้ปวารณาตนเป็นสาวกผีแดง ก็คงได้รับอรรถรสไปเต็มๆล่ะครับ เพราะเป็นการสู้ด้วยแท็คติคกันจริงๆ แถมเป็นอีกนัดหนึ่งแล้ว ที่แท็คติคของราฟาดูจะเหนือกว่าป๋าเฟอร์กี้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องมาวัดกันจริงๆแบบนี้ ความละเอียดในการวางหมาก วางโพสิชั่นนิ่ง รายละเอียดในการเล่นแต่ละช็อต แต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวะ ราฟาทำการบ้านมาได้ดีมากๆ ปิดทุกการแก้เกม ปิดทุกหมากเกมรุกของเฟอร์กี้ได้อยู่หมัด เลือกที่จะใช้ตอร์เรสดวลกับแผงหลังโดยขอเพียงจังหวะที่ดวลชนะครั้งสองครั้งก็จะปิดเกมได้ ในขณะที่ป๋าเฟอร์กี้ ที่เลือกจะมาในแท็คติคการต้านทานมากกว่า เฟอร์กี้พยายามเน้นเกมที่ยืดหยุ่นกว่า เสี่ยงน้อยกว่า และหวังว่าจังหวะไม่กี่ครั้งที่เปิดให้จะทำให้เราสามารถปิดบัญชีได้ แต่ใครจะไปคิดถึงล่ะครับ ว่าเกมนี้ ราฟาละเอียดสุดๆและปิดทางหนีทีไล่ของทีมเยือนได้หมด มิดฟิลด์ถูกบีบตลอดเวลา ริมเส้นขึ้นเกมไม่ได้ ต่อให้ขึ้นได้ เปิดเข้ากลางได้ ก็จะไม่ค่อยมีตัวเล่นสะดวกๆ คาร์ราเกอร์ กับแอ็กเกอร์เก็บกินแทบทุกลูก ลูกโด่งอย่าไปหวัง เพราะเราไม่ได้วางแพลนมาแบบนั้น ตัวกองหน้าทั้งคู่จึงไม่ได้เข้าไปรอในกรอบเลย นี่คือการตีกรอบเกมของยูไนเต็ดได้หมดจดจริงๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:56:09

ความคิดเห็นที่ 8 เอาล่ะครับ ไม่ว่าจะออกมายังไง มันก็ผ่านไปแล้วกับเกมๆนี้ ทำได้อย่างเดียวคือเรียนรู้จากความผิดพลาด จากความพ่ายแพ้ บทเรียนคราวนี้ น่าจะตอกย้ำให้เฟอร์กี้ได้เข้าใจมากขึ้น เพราะไม่ใช่ครั้งสองครั้งนะที่รูปเกมเป็นแบบนี้ แต่สามครั้งติดต่อกันเข้าให้แล้ว ต้องคิดอย่างจริงๆจังๆแล้วครับ ว่าเราจะแก้จุดสลบในหมากของราฟากันอย่างไร เรื่องกรรมการนั่นผมไม่อยากให้เป็นประเด็นอะไรมากนัก เรื่องนี้มันมีมานมนานกาเลแต่ไหนแต่ไร การเล่นเป็นทีมเยือนก็ต้องเจอนกหวีดขมมากบ้างน้อยบ้างเป็นธรรมดา แม้แต่ตอนผมดูบอลสมัยเกือบยี่สิบปีก่อน ทุกคนก็เข้าใจในจุดนี้ และด่ากรรมการกันเป็นเรื่องปกติ แต่มันทำอะไรไม่ได้ไงครับ สุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับการทำประตูอยู่ดี ไอ้ครั้นจะมัวบอกว่าเราหวังจะปราบลิเวอร์พูลด้วยเซ็ตพีซ จึงต้องหวังลูกฟรีคิก แต่กรรมการไม่เป่ามันก็เลยจบ ไอ้อย่างนั้นมันไม่ไหวครับ เราควรต้องเอาชนะในแนวทางของเรา ด้วยตัวของเรา และด้วยแผนการเล่นของเรา ไม่ใช่รอแต่จะเล่นลูกเซ็ตเพลย์ อย่างนั้นมันคงไม่สมกับที่เป็นยูไนเต็ดเท่าไหร่มั้งครับ และรูปเกมที่เกิดในวันนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูลนั้น สมควรแล้ว ที่จะเดินออกจากสนามอย่างผู้ชนะจริงๆ ส่วนตัวผมนะ ผมอยากเห็นป๋าเปลี่ยนมุมมองแท็คติคเกมแดงเดือดบ้าง ราฟาหลังจากเจอมาเยอะ เจ็บมาแยะ เขาก็เปลี่ยนแนวตัวเองพอสมควร จนสามารถอยู่เหนือเราได้ ทั้งแท็คติค และผลลัพธ์ วันนี้เราคงต้องดูตัวเองแล้วครับป๋า ว่าควรต้องเปลี่ยนแนวทางการเล่นไหมในเกมแดงเดือดขบวนหน้า ขืนกลับมาแพ้คาบ้านตัวเองอีกให้มันกลายเป็นแพ้เหย้า-เยือนสองปีติดนี่มันจะดูไม่จืดเชียวนะป๋านะ เด็กหงส์ที่ทำงานผมเขาคงมันปากกันตลอดสัปดาห์อ่ะ ผมเองนั้นอยากเห็นป๋าจัดทีมที่สู้ได้สูสีกว่านี้ และก่อกวนลิเวอร์พูลได้ดีกว่านี้ แต่จะทำได้ยังไงล่ะครับ ตัวที่ถูกส่งลงมานี่ก็แทบจะดีที่สุดเท่าที่ส่งได้แล้ว แต่ปัญหามันคืออะไรล่ะ  มันคงเป็นโจทย์ที่เฟอร์กี้ตีไม่แตกมากกว่า ว่าจะเล่นในรูปแบบที่เข้าทางผู้เล่นตัวเองได้อย่างไร เพราะถ้าจะว่ากันตามแท็คติคเพียวๆแล้วนั้น ผมไม่เชื่อครับว่า เฟอร์กี้โดยลำพังจะอยู่เหนือราฟาได้ เพราะหลังจากหมดเคยรอซผมก็ไม่เห็นว่า เวลาที่แก้เกมด้วยแท็คติคจัดๆเนี่ย ป๋าจะทำได้ดีเท่าเดิม เช่นเกมกับบาร์ซ่า และแดงเดือดปีที่แล้ว เป็นต้น จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:56:31

ความคิดเห็นที่ 9 ดูตามความเป็นจริง ก็ถือว่ายังไม่เสียหายอะไรมากกับผลพ่ายแพ้นัดนี้  (นอกจากเสียหายทางใจ เวลาเจอเพื่อนหงส์ที่ทำงาน) เพราะทีมที่ตามหลังเรามาดันออกเสมอกันรวดทีเดียวเชียว ไม่ว่าจะเป็น แอสตัน วิลล่า, แมนฯ ซิตี้ หรือ อาร์เซน่อล แม้แต่สเปอร์สเองก็ถึงแพ้ด้วยซ้ำไป มีเพียงเชลซีที่ฉีกหนีออกไปเท่านั้น ซึ่งเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่มีหวังอยู่มากกับอันดับที่สองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ขอเพียงดีดตัวเองกลับมาจากนัดนี้ได้ เราก็ยังได้ลุ้นอยู่ตลอดครับ และอย่าลืม...ว่า นี่ยังไม่ถึงช่วงโค้งถนัดของเรานะครับ เอาไว้อดใจรอช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ กับช่วงแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพก่อนเถอะครับ ผมว่าขุมกำลังที่มีของเราเมื่อถึงตอนนั้นก็จะแสดงให้เราได้เห็นเองครับ ว่าเราสมควรจะยืนตรงไหนเมื่อจบฤดูกาล   แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 10:56:54

ความคิดเห็นที่ 10 หวัดดีครับพี่สงบ ผมขอคห.สั้นๆละกันครับวันนี้ เรื่องความผิดพลาดของกก. ก็เซ็งๆอยู่ แต่มันเป็นสิ่งที่เคยเจอกันมาทุกทีมครับ บางนัดเราก็ได้ประโยชน์ บางนัดเราก็เสีย (แต่รวมๆผมว่าผีเราได้มากกว่าเสีย ^___^) ดังนั้นก็เลยอยากออกคห.เรื่องการวางตัวและแท็คติคมากกว่า ผมเห็นด้วยกับพี่สงบนะว่า เฟอรกี้เป็นเต้ยในแง่การจัดการทีม โรเตช่น จิตวทยา แต่ด้านแท็คติค รายละเอียดเกมลูกหนังเพียวๆ ยังสู้พวกโค้ชจากภาคพื้นทวีปไม่ได้คับ เทียบกันในกลุ่มบิ๊กโฟร์แล้ว เฟอรกี้ด้อยเรื่องนี้สุดเลยก็ว่าได้ ปีหน้าคงต้องหาผู้ช่วยที่เชี่ยวในด้านแท็คติคมาเสริม เหมือนสมัยมีเคยรอซละครับ อีกจุดคือการจัดตัววันนี้ ผมเข้าใจว่าเฟอรกี้อยากที่จะเน้นการครองบอลตรงกลางและคุมจังหวะ เลยใช้สโคลส์ซึ่งช่วงหลังเล่นไม่ดีเลยเป็นตัวจริง แต่ผมมองต่างกันนะว่า น่าจะใช้แอนเดอรสันที่ลงติดต่อกันมาหลายนัด แถมได้ลูกบู๊ ความคล่องตัวที่จะชนกับกลางหงสซึ่งวิ่งสู้ฟัดทุกนัดตอนเจอกับเรา เพียงแต่ในด้านความแน่นอนของการออกบอลอาจจะด้อยกว่า เพราะเจ้าแอนชอบเร่งจังหวะ แต่ผมว่ายังเหมาะกว่าสโคลในตอนนี้แหละคับ อีกจุดคือ แบ็คขวา โอเชียเกรดบอลไม่ถึงที่จะเป็นตัวจริงให้ทีมระดับผีจริงๆครับ ผมเห็นหลายชอตที่ไม่สามารถเล่นประสานกับวาเลนเซียได้ เพราะทางวิ่งโอเชียไม่ได้เกื้อหนุนวาเลนเซีย เจ้าตัวเลยต้องพาบอลตัดเข้ากลางแล้วก็ตันไปเองหลายครั้ง ทั้งที่หากเป็นแบ็คอาชีพแบบเนวิล เราจะได้เห็นจังหวะทะลุอ้อมหลังไปแล้วหลายครั้ง ตรงนี้ก็ต้องรอว่าเมื่อไหร่ราฟาเองจะโตเสียที หรือไม่ก็ได้แบ็คที่เกรดบอลดีกว่านี้และเป็นแบ็คอาชีพจริงๆมาเสริมทีม อีกจุดคือ ผมว่ารูนี่ย กับ แบร์บาตอฟ ถ้าจะเล่นเข้าขากันให้ได้ คงต้องใช้เวลาอีกหน่อยละ ดูๆแล้ว เปลี่ยนเป็นรูนี่ย โอเว่น หรือแบร์บา โอเว่นยังดูดีกว่าอีก อาจเพราะทั้งรูนและแบร์บาชอบลงต่ำเกินไปทั้งคู่ด้วย จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:06:57

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากพ่ายแพ้แบบหมดรูปไปด้วย สกอร์ 2 - 0 จุดอ่อนมากมายได้ถูกทีมลิเวอร์พูลเปิด ออกมาเพียบ อีกทั้ง ราฟาดูท่าจะเน้นเกมส์นี้ มากกว่า ป๋าเฟอร์กี้ มากมาย สังเกตได้ถึงความละ เอียดของเกมส์   จุดอ่อนของแมนยูมีอะไรบ้าง 1.แผงกองกลางที่โรเตชั่นกันแทบทุกนัดโดยไม่มี ตัวจริง คอยยืนค้ำอยู่ สโคลส์ คาร์ริค เฟรชเชอร์ แอนเดอร์สัน นานี่ กิ๊กซ์ วาเลนเซีย รวมไปถึงเวลเบค ได้สลับสับเปลี่ยนกันลงอยู่เรื่อยๆ โดยแทบไม่มีใครการันตี ตำแหน่ง ทำให้เกมส์รุกแมนยู มักจะฝืดๆ ในต้นครึ่งแรก กว่าจะจูนกันติดต้องใช้เวลาพอ สมควร   แถมยัง ไม่สามารถเร่งฟอร์มได้ คุณลงวันนี้นัดหน้าคุณโดนดร๊อป ทำให้สภาพร่างกายติดๆ ขัดๆ   ผมว่าจุดนี้ ป๋าเฟอร์กี้ คิดมากเกินไปในช่วงต้น ฤดูกาล  (จากเกมส์นัดนั้ทำให้รู้ว่า สโคลส์ และ คาร์ริค ไม่สามารถเล่นได้ดีเหมือน สองสามปีที่แล้วได้ เนื่องด้วยขีดจำกัดของอายุ และความสามารถที่ถึงขีดสุดแล้ว) ตอนนนี้แผงกลางของเราเทียบกันแล้วน่าจะอ่อนที่สุดในกลุ่ม TOP 5 แล้วครับ 2. การเล่นบอลมิติเดียวของแมนยู ด้วยความที่เป็นืทีมที่เล่นต่อบอลกันได้ดี แล้ว มีทีเด็ดทีขาดในการจ่ายบอล ไม่ได้เน้น บอลโยนจากเส้นข้างมากมาย อาจจะสามารถใช้ได้ดีกับทีมระดับเล็ก กว่า   ซึ่งเมื่อเจอบอลระดับเดียวกัน ถ้าเจาะแบบทะลุช่องไม่เข้า ก็ไม่สามารถ จะหาทางอื่นเข้าไปยิงได้อีกเลย  อาจจะใช้ความสามารถของกองหน้าเข้าไปยิง ได้บ้าง แต่รับรองว่าไม่ใช่ทุกเกมส์    บอลริมเส้นก็ไม่ใช่จุดเด่นมากมาย อะไรของเรา เพราะปีกของเราตอนนี้ เหลือแต่เกรด B-C แค่นั้น เลี้ยง 1-1 ยังแทบไม่ผ่านเลยครับ 3.ขาดมิราเคิล เพลเยอร์ สังเกตได้ว่าตั้งแต่เฟอร์กี้มาทำทีมแมนยู ถ้าช่วงไหนมีมิราเคิลเพลเยอร์  แมนยู จะสามารถทำผลงานได้ดีในยามคับขัน อาทิ อีริค คันโตน่า,เดวิด เบ็คแฮม (ช่วงท๊อปฟอร์ม) และ คริสเตียนโน่  โรนัลโด้     แต่ปัจจุบันหันไปก็เหลือเพียงแต่ รูนี่ย์ และ เบอร์บา เท่านั้น   เพียงแต่ว่าขีดจำกัดของเบอร์บา  ที่เด่นชัดได้ถูกสะกดไว้ด้วยทีมใหญ่มากมาย ซึ่งมักจะเล่นไม่ออก ไม่วาจะเจอเชลซี อาร์เซนอล ลิเวอร์พูล ซึ่งดับสนิท สำหรับรูน่ย์มีพรสวรรค์ เพียงแต่ ยังสับสนตัวเองว่า จะเล่นเป็น SC หรือ FC แถมยัง ถูกจับทางได้ง่ายขึ้นกับการเล่นลักษณะเดิมๆ ของเขา  สำหรับลิเวอร์พูล ยังมีมิราเคิลเพลเยอร์ถึงสองคนเชียว  คือ ตอร์เรส กับ เจอร์ราด 4. ลูกฟรีคิกที่ไร้ความเด็ดขาด ใครล่ะมือหนึ่ง ก่อนโอเว่น ฮากริฟจะหายเจ็บ   ทั้งนานี่ กิกซ์ รูนี่ย์ ต่างขยัน จับจองมือวางฟรีคิกกัน  แต่ดูแน่นอนที่สุดคงจะเป็นกิกซ์ ซึ่งถามว่า ได้ครึ่งหนึ่ง ของเบ็คแฮม หรือ เออร์วิน หรือ ฮา่กริฟ ไหม   ขอตอบว่ายัง????ครับ ผมขอพูดเล่นๆว่า ลูกฟรีคิกสอง สามลูกสุดท้าย ถ้าหากมีมือปืนเท้าฉมัง 1 ในสามลูกนั้น  ต้องลงไปกองอยู่ในก้นตาข่ายแล้วครับ 5. ทีมเวิร์คที่มีส่วนมากจากข้อหนึ่งคือ  กองหน้ากับกองหน้า และ แบ๊คกะปีก    เล่นไม่เข้าขากันเสียที    รูนี่ย์กับเบอร์บายังไม่เข้าขากันที่ควร ส่วน AV กับ โอเชีย  จ่ายบอลแทบไม่รู้กันหลายครั้ง หลายเกมส์ จนมาเจอนัดลิเวอร์พูล ค่อนข้างชัดเจน มากครับ   6. ขาดมิดฟิลด์ฮาร์ดแมน หรือ ตัวตัดเกมส์ ตัวกระตุ้นชั้นดี เมื่อวันก่อนผมเห็นเอสเซียงเล่นกับเชลซีแล้วต้องร้อง อูยยยยยย ซึ่งเค้าเคยตกเป็นเป้้าของแมนยู มานานแล้ว เพียงแต่ว่า ไม่ได้ซื้อเข้ามาร่วมทีม จนเสร็จเชลซีไป (ทั้งที่เจ้าตัวเป็นแฟนแมนยู)   หมดยุค ร๊อบสัน อินซ์ คีน แม้ว่าจะได้ ฮากรีฟมาแต่ยัง ไม่ได้ลงแบบเต็มๆฤดูกาลสักที   ก็คงจะเหลือ เฟรชเชอร์เท่านั้น ยามนี้ ที่พอจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราได้     7..ตอนนี้ป๋ามองเกมส์ดีกรีแดงเดือดลดลงไปมาก จากให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ปัจจุบันป๋าคงมองแค่มันก็คือ สามแต้ม หนึ่งแต้ม และ ไม่มีแต้ม   ดังนั้นป๋าแทบจะไม่เสี่ยงอะไรมากมายในเกมส์แดงเดือด แถมเลือกจะไปเี่สี่ยง ในเกมส์ UCL มากกว่่า  ทำให้แฟนแมนยูอย่างผมอึดอัดเหมือนกัน T-T แบบว่าอยากชนะมั่งอ่ะ     ตอนนี้เรายังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อยู่ หากยังต้องการแชมป์ น่าจะต้องมีอะไรดีๆ ใน Summer นี้แน่นอน แถมรอการเปิดตัวของโอเบตอง อีกคน ซึ่งน่าจับตาดู พอตัว   ขอบคุณทุกท่านที่อดทนอ่านจนจบครับ ปล  เดี๋ยวนี้ทุกทีมเวลาเจอแมนยู มักจะดันกองหน้าตัวใหญ่ๆ ไปยืนทางเอฟร่า กันจังงงเลยอ่ะ   แล้วโยนยิกๆๆ เลย  สงสารพี่ติ๊กมากมาย 55555 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 11:19:15 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 11:16:59 จากคุณ : ~killdeathnote~ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:11:25

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับป๋าหงบ รูปเกมส์ในวันนี้ก็เหมือนที่ป๋าหงบว่ามาครับ บอกกันตรงๆว่าวันนี้ และระยะหลังๆมานี่ ราฟาเค้าจัดทีมและวางหมากมาเจอกับแมนยูได้ดีกว่าตลอด ตรงจุดนี้เราต้องยอมรับครับ และเรื่องกรรมการ ในการที่เราเป็นแฟนผี ผมก็ต้องบอกว่าคงไม่ผิดหนักที่เราจะผิดหวังจากหลายๆจุด และหลายๆจังหวะที่เกิดขึ้นในเกมส์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราจะไปหวังจากจุดนั้นและจากลูกกินเปล่ามากก็ไม่ได้ครับ ผมว่าเราควรจะมามองถึงวิถีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เล่นและสร้างโอกาสจากโอเพ่น เพลย์มากกว่า การจัดทีมวันนี้ผม สำหรับตัวผมเองติดใจนิดหน่อยครับ ไม่ได้ตามข่าวด้วยครับว่า แกรี่ หายไปไหนครับ เพราะถ้าเค้าไม่ได้บาดเจ็บ ผมมองว่าเค้าน้าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โอเชียในเกมส์นี้สำหรับผม เพราะอย่างที่หลายคนและหลายๆเกมส์ผ่านมา ส่วนผสมด้านขวาระหว่าง วาเลนเซียกับ แกรี่ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดแล้วครับ เกมส์วันนี้มีหลายๆจังหวะที่อารมณ์พาไปและอยากเขกกระบาลคุณท่านโอเชียเหลือเกิน เพราะตำแหน่งการวิ่งเพื่อที่จะดึงกองหลังและช่วยประสานงานกับ วาเลนเซีย คุณท่านทำได้ไม่เนียนมากถึงมากที่สุด ทำให้วาเลนเซียไม่สามารถที่จะเล่นได้ตามเกมส์ที่เค้าถนัดและนั้นเป็นจุดเปลีั่ยนจุดสำคัญเลยครับ สำหรับผม จากคุณ : sparrow_knight เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:15:01

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ นัดนี้ยอมรับว่าสู้ไม่ได้จริงๆ เจ้าบ้านมีความมุ่งมั่น กระหายกว่าจริงๆ  ก็สู้กันต่อไปครับ จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:16:11

ความคิดเห็นที่ 14 คันไม้คันมือ  รอคุณ สงบใจ มาเปิดประเด็นอยู่ เกมเมื่อวานถึงแม้ว่าจะแพ้  ผมยังค่อนข้างพอใจกับระบบการเล่นโดยรวมอยู่ เพราะโดยรวมแล้วแพ้ด้วย แทคติก  ตามที่คุณสงบใจบอกไว้จริงๆ เกมแบบนี้ใครได้ประตูก่อนเข้าทาง ทันที อย่างที่ลิเวอร์พูลทำได้ไปในเกม เมื่อคืน ที่นี้มาดูในส่วนของรายบุคคลดีกว่า ถ้าพูดกันเกมนี้  ผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ทำให้ชนะมาได้ผมมองว่า  เบนายูน เลยครับ เกมรับเราไม่สามารถหยุดเบนายูลได้ เลย  สามารถครองบอลได้ตลอด หาจังหวะ ได้ตลอด อาจจะขาดๆเกินๆมาตลอดจนมาลงตัวตอนจ่ายให้ ตอร์เรส ซึ่งไม่มี บทบาทอะไรมากมายในเกมนอกจากลูกที่ยิงได้ จริงๆผมมองว่าน้าซาร์ เราปิดมุมไม่ค่อยดีเท่าไหร่  น่าจะป้องกันได้ดีกว่านี้ ส่วน ยูไนเต็ดเรา   จุดที่เห็นชัดๆและเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เกมบุกเราบุกไม่ขึ้นเลย คือ  โอเชีย   ตอนเริ่มเกมไม่นิ่งเอาซะเลย    การเติมเกมริมเส้นไม่มีเลยได้แต่ ประครอง  วาเลนเซียอยู่ข้างหลังอย่างเดียว ทำให้ วาเลนเซียต้องเล่นคนเดียว ตลอด  แต่ก็สามารถหาจังหวะโยนได้หลายครั้งอยู่ต้อง ที่สำคัญบอลมาถึง โอเชีย ทีไร  เห็นแกมองเข้าแต่ตรงกลาง   บางทีวาเลนเซียว่างๆไม่จ่ายซะงั้น จ่ายคาร์ริค จ่าย สโคลล์  ที่โดน มาสเคกับลูคัสจ้องฉกอยู่  พอไม่รู้จะจ่ายอะไรก็โยนซะงั้น เสียเกือบหมด เกมนี้แพ้ก็ไม่เป็นไร  การแพ้ทีมใหญ่ๆด้วยกัน  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้     ก็หวังว่าทีมเราจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บแต้ม จากทีมเล็กๆไม่สะดุดง่ายๆ  จนคว้าแชมป์   เหมือนปีที่แล้วให้ได้แล้วกันครับ จากคุณ : SRV เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:20:51

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนตัว ผมเฉยๆครับ  ....  อาจเสียหมาเล็กน้อยถึงปานกลาง ... เราแพ้ความมุ่งมั่นครับ     ที่พูดเพราะ นัดนี้ ความมุ่งมั่นมันต่างกัน ตั้งแต่นักเตะ ... ยัน .... ผู้จัดการ  .... รูปเกมส์ ระบบ เรายังโอเคอยู่  ถ้าจะให้ปรับก็คงต้องเติมความมุ่งมั่นเข้าไป .... จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:22:17

ความคิดเห็นที่ 16 สั้นๆง่ายๆครับ มาดีแค่ไหนเจอบอลทุ่มเทกว่าก็แพ้ได้ ผิดในการเลือกเอาสโคลล์มาลงเจอเกมเพรสซิ่ง เกมเร็วของหงส์ เละเทะเลย น่าจะเอาแอนเดอสันลง ประมาทจริงๆป๋าเรา เลือกที่จะโยนเข้าใส่ แทนที่จะต่อบอลเข้าทำแบบถนัด หงส์เขาปิดการทำเกมด้านข้างหมด แบ็คหงส์ไม่เติม เจาะไม่ได้ ก็น่าจะตัดเข้าเจาะตรงกลาง แค่นี้แหละครับ จากคุณ : k_boung เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:27:43

ความคิดเห็นที่ 17 และแล้ว  ถ้วยเหย้า-เยือน  จะอยู่กะเราอีกปี ฮี่ ๆ ๆ จากคุณ : thong765 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:31:02

ความคิดเห็นที่ 18 ลูกที่ 2มันไม่ควรเสียเลยป่ะคะ เหมือนหมดใจแม้กระทั่งน้าซาร์อ่า เฮ้ออออออออออออออออออออออออออ จากคุณ : poojo_ke เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:31:03

ความคิดเห็นที่ 19 อืม....ความมุ่งมั่นเนี่ย  เกมแดงเดือดเราเป็นรองมาสามนัดติดๆแล้วฮะ เห็นด้วยอย่างคุณพริบฯว่ามาแหละ ไม่รู้ว่าป๋าจะเน้นยังไงให้มันพุ่งขึ้นมาได้บ้าง เพราะป๋าเองก็ดาวน์ๆลงไปเหมือนกัน ส่วนเรื่องโอเช ผมว่าป๋าตั้งใจเลือกเขาลงมานะในเกมนี้ ป๋าคงวางหมากไว้อย่างนี้แหละ ว่าให้เอวร่าเติมกะกิ๊กส์ทางซ้าย ส่วนทางขวาให้วาเลนเซียฉายเดี่ยวไปเหมือนเคยๆเวลาเล่นกะเฮียจอห์น แล้วเอาเฮียจอห์นเล่นรับช่วยริโอกับวิดิช เกรงว่าแค่สองคนจะเอาตอร์ไม่อยู่ ปรากฏว่าของจริงดันผิดแผนไงครับ ทางซ้ายกลายเป็นซอยตัน ทางขวาจะดันไปขึ้นแทนก็เลยแหว่งๆ เพราะโอเชไม่ใช่สไตล์นั้น กลายเป็นตันทั้งแผงไปเสียฉิบ ปล. จริงๆนะ ผมว่าสู้ไปเลยน่าจะเวิร์คกว่า เพราะกลางหงส์ไม่มีอลอนโซ่แล้ว ความน่ากลัวในการออกบอลจากตรงกลางที่แม่นยำหายไปเยอะ เราน่าจะสู้ด้วยปีกสองข้างไปเลย อย่างน้อยก็กดเบนนายูนหรือเคาท์ได้อีก ใช้แกรี่คู่เอวี เอวร่าคู่กิ๊กส์ พาฟูลแบ๊กสองข้างหงส์ทัวร์เหมือนสมัยเบ๊ค-กิ๊กส์ หรือไม่ก็ตั้งรับลึกๆไปเลย กลางปักหลักหน้าแผงหลัง ทิ้งหน้าไว้คนสองคนพอ เพราะเล่นรอจังหวะ ก้ำกึ่งแบบนี้ เคาท์ กับยอสซี่ มีพื้นที่มากมายจริงๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:31:59

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าแท็คติกท่านเซอร์แพ้ราฟามา 4-5 เกมแล้วนะครับ ไม่ใช่ 3 เกม เกมก่อนหน้าที่แพ้ 3 นัดติดรูปเกมก็ไม่ได้ดีอะไรกองกลางก็โดนหงส์คุมได้หมด เพียงแต่อาศัยความสามารถเฉพาะตัวและการเล่นลูกนิ่งที่ดีมาช่วยทำให้เอาตัวรอดได้ไม่เสมอก็ชนะ การจัดตัวผู้เล่นก็เป็นไปตามสถานการณ์ซึ่งเป็นใจให้เรามากกว่า แต่ผมงงตรงที่ทำไมแก้เกมช้าจัง จริงๆครึ่งหลังน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ เพราะเห็นตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วว่าคู่กลางทำงานไม่ได้ผล สถิติครึ่งแรกเรามีโอกาสยิงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น จากรูนีย์โหม่งลูกเปิดจากปีกขวาโดยวาเลนเซีย ตลอดทั้งเกมแทบจะไม่เห้นการเข้าทำจากตรงกลางเลย ในขณะที่เกมริมเส้นก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ยังรอแบ็คขวาตัวจริงกับปีกซ้ายตัวจริงอยู่ อีกประเด็นสำคัญก็เหมือนกับทุกคนคิดคือความมุ่งมั่นมีน้อย เล่นกันแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ กลางไม่ค่อยไล่บอลอาจจะเป็นเพราะสภาพร่างกาย พอกลางเสียบอลง่าย บอลทะลุถึงแนวหลังเร็ว ก็เหมือนเล่นรอเวลาโดนยิง ลูกที่โดนหรือเกือบๆโดนส่วนมากเป็นจังหวะที่เสียบอลแล้วลิเวอร์พูลโต้กลับในขณะที่แนวรับยังตั้งตัวไม่ทันเกือบทั้งนั้นเลย ทำให้มีช่องว่างเยอะประกอบกับแนวรุกของลิเวอร์พูลก็มีตัวเร็วๆคมๆทั้งตอร์เรสหรือเบนายูน ทำให้แผงหลังโดนกดดันมาก แต่ท่านเซอร์ก็ยังไม่ปรับเกม รอจนเสียประตูถึงได้ขยับ ดูแล้วเหมือนความมุ่งมั่นของท่านเซอร์จะน้อยตามนักเตะไปด้วย หรืออาจจะน้อยกว่าเสียอีก สรุปปัจจัยที่ทำให้แพ้ในเกมนี้คือความมุ่งมั่นน้อย แท็คติกผิดพลาด กรรมการเป็นองค์ประกอบรองๆเท่านั้นครับ เพียงแต่ดูแล้วจะหงุดหงิดเสียอารมณ์มากไปหน่อย จากคุณ : Army (Army2000) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:52:37

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีค่ะคุณสงบใจ ครึ่งเวลาแรก มีความรู้สึกว่าลมหายใจมันขัดๆ เนื้อตัวก็ร้อนผ่าว.. พอผ่านมาครึ่งหลังและลิเวอร์พูลยิงนำก่อน 1-0 ความรู้สึกมันก็ทุเลาลง แต่ความเย็นเยียบกลับเข้ามาแทน.. เฮ้อ.... ดูวิธีการเล่นของแมนยูแล้วยังไงก็สู้เค้าไม่ได้ เหมือนมาแข่งเพื่อแพ้ มันติดๆขัดๆไปหมด  ป๋าก็ดูใจเย้น ใจเย็น.. ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จากรูปเกมส์คนที่พอฝากความหวังได้ก็คือวาเลนเซีย แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว .. ได้แต่ถอนหายใจ.. และก็อยู่ห่างๆ อย่างเหงาๆต่อไป.. แต่แปลกใจอยู่อย่าง ทำไมนัดนี้สโคลไม่โดนใบเหลือง.. ปกติแข่งกับทีมท้ายตาราง คุณพี่เธอก็ขยันหาใบเหลืองตั้งแต่ไก่โห่ แต่นัดนี้ เรียบร้อยผิดปกติ นึกว่าจะได้ใบเหลืองตั้งแต่ห้านาทีแรกซะแล้ว.. จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:55:14

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับ คุณสงบใจ ดูเกมส์เมื่อคืน พร้อมยาแก้ไอขวดเขียว แรกๆก็ยังลื่นๆดีอยู่ ดูไปชักขมทั้งนอกจอ และในจอ ประเด็น เรื่องเกมส์ ก็คงเหมือนกับที่เพื่อนๆ และคุณสงบใจพูดไปแล้ว ทั้งเทพโอเชีย การแก้เกมส์ของราฟา (ซึ่งผมต้องยอมรับว่าแกเยี่ยมจริงๆ)แพสชั่นของทางฝั่งเราเอง และอื่นๆ ก็คงจะไม่พูดถึง แต่เกมส์เมื่อคืน ผมยอมรับลูกยิงของตอร์เรสจริงๆ สุดยอดครับอยากให้เรามีดาวยิงแบบนี้บาง หลังจากที่รุดไม่อยู่ แต่ก็คงยากเนื่องจากแทคติกที่เปลี่ยนไป ดูไปก็มีข้อสงสัย 2-3 ประเด็นอยากมาแลกเปลี่ยน กับเพื่อนๆ และคุณสงบใจ ครับ 1. ทำไมป๋าไม่จัด 4-5-1 หรือ 4-3-3 สู้ ผมจำได้ว่าสมัยที่เคยรอชอยู่เวลาที่เจอะกับทีมใหญ่ๆ มักจะจัดระบบนี้ แล้วก็ทำผลงานได้ดี แต่ทำไมหลังๆมานี่ ถึงไม่ใช้ระบบนี้ ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับที่เคยรอชไม่อยู่นะ 2. อันนี้คิดเองเล่นๆนะครับ ป๋ากำลังลองดูวิธีการวางเกมส์ของราฟาอยู่ เหมือนสมัยก่อนที่เราแทบจะผูกปีแพ้ ยูเวนตุส, บาเยิน หรือทีมอื่นๆในยุโรป ก่อนที่หลังๆ มาป๋าอ่านเกมส์ได้ดี วางหมากได้ดีขึ้น ทำให้ชนะมากขึ้น จากคุณ : FaFa_Red เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:57:05

ความคิดเห็นที่ 23 การให้สัมภาษณ์หลังเกมของเอฟร่า "การพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดที่คุณจะได้รับเมื่อคุณเล่นให้กับยูไนเต็ด ห้องแต่งตัวจะมีแต่ความเงียบ และเราจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อจะให้ลืม เพื่อลบล้างความผิดหวังของพวกเรา , สต๊าฟ และแฟนๆ" "ตอนนี้เราคงต้องทำอย่างที่เราทำเมื่อปีที่แล้ว คว้าแชมป์ลีกให้ได้หลังจากแพ้ให้กับลิเวอร์พูล  เราจะแสดงให้พวกเขาเห็นยูไนเต็ดที่แท้จริง ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" ใช่ค่ะเราต้องทำอย่างที่เราทำเมื่อปีที่แล้ว คือเราต้องคว้าแชมป์ลีกให้ได้ อย่าไปให้ความสำคัญกับเกมที่ผ่านมามากนัก เราต้องเอาความผิดพลาดจากการที่เราไม่สามารถเล่นตามรูปเกมของเราได้ ไปปรับปรุงดีกว่าจะมานั่งคร่ำครวญ หรือทับถมกัน... LIVERPOOL 2.............. MANCHESTER UTD 0 5...............Shots on target............. 3 6...............Shots off target............. 2 5.............Blocked shots ..................3 5 ................. Corners ........................1 20 ..................Fouls ........................13 1...................Offsides ....................... 3 363 ..........Total passes ................484 70%......Passing success ...........75% 31 .................Tackles ..................... 25 71% ......Tackles success ........... 88% 43% .........Possession................ 57% 51% ............Territory .................49% จากคุณ : july 19 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 11:58:10

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่าจุดอ่อนของทีมเรา ทุกทีมก็รู้อยู่แล้ว แต่จะมีโอกาสเปิดมันออกมาได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ผมว่านัดนี้ป๋าว่างแผนมาผิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว สังเกตุดูว่ากลางลิเวอร์จ่ายบอลได้ง่ายมาก โดยตรงกลาง ทีมเราแทบไม่มีโอกาสถึงตัวเลย ผมว่านี้คือบทเรียนอีกบทของป๋าในการจัดตัวกองกลาง ทั้ง 2 ตัว ว่าไม่น่าจะเหมาะสมนัก ในการจัดเอา คาร์ริค กับสโคลล์(ทั้ง 2 คน เป็นตัวเชื่อมเกมส์ทั้งคู่)มาเล่นคู่กัน แต่ที่สำคัญผมว่า การสอนลูกทีมของ ป๋า กับ ราฟา ต่างกัน ราฟา ต้องสั่งให้ลูกเน้นมาก ถึงมากที่สุด ไม่ต่างกับนัดชิง เอฟ เอ คัพ(แบบที่นักเตะลิเวอร์พูดนั้นแหละ) ป๋า ผมว่าป๋า ไม่ต้องการให้นักเตะในทีม ไปให้ความสำคัญ ต่อแม็ทช์ได แม็ทชืหนึ่งมากเกินความจำเป็น ในระบบบอล ลีก ทุกแม็ทช์ ทุกเกมส์ ไม่ว่าจะเจอร์ทีมใหญ่ หรือทีมเล็ก มีความสำคัญทุกเกมส์(เพียงแต่ว่าแม็ทช์ใหนจะผ่อนหลัก ผ่อนเบาได้เท่านั้น) ฉะนั้น การมองการแข่งขันถึงต้องมองกันตลอดทั้งปี จากคุณ : Achaki Oddy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:01:13

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับคุณสงบใจ #20 น่ะครับ ท่านเซอร์น่าจะจัดตัวสู้กันไปเลย ผมมองเก่อนเกมมองยังไงก็ไม่เห็นว่ากลางหงส์ที่ไม่มีเจอร์ราดกับอลองโซ่จะน่ากลัวเลย หรือถ้ากลัวสู้ตรงกลางไม่ได้ก็น่าจะจัดเกมรุกริมเส้นทั้งซ้ายขวาให้สุดๆไปเลยดีกว่า จัดแบบกั๊กๆเลยไม่ได้เรื่องทั้งรุกทั้งรับทั้งริมเส้นทั้งตรงกลาง เสียไปหมด ลองมาตั้งโจทย์เล่นๆกับเพื่อนดูหน่อยครับว่าถ้าทุกคนเป็นท่านเซอร์จะแก้เกมในช่วงพักครึ่งและถ้าพักครึ่งไม่ได้ปรับอะไรหลังจากที่เสียประตูแรกแล้วจะปรับอย่างไร กรณีแรกพักครึ่งผมคงเปลี่ยนอย่างน้อย 1 คน คือเนวิลล์หรือฟาบิโอแทนโอเชหรือไม่ก็เอาอันแดร์สันแทนคาร์ริกครับ ผมว่าเกมริมเส้นฝั่งขวาดูวาเลนเซียโดดเดี่ยวเกินไปทั้งๆที่อินซัวแบ็คซ้ายหงส์ก็ไม่ได้ดีซักเท่าไหร่ น่าจะเป็นจุดอ่อนที่สุดในแผงหลังแล้ว น่าจะลุยเน้นๆไปเลย ตัวที่แทนถ้าเน้นความเก๋าก็เลือกเนวิลล์ ถ้าเน้นความสุดก็ฟาบิโอไปเลย อย่างน้อยถ้าเกมริมเส้นฝั่งขวาทำได้ดียังช่วยกดดันออเลริโอไม่ให้สนับสนุนเกมรุกด้านซ้ายของหงส์ได้อีกด้วย ส่วนตรงกลางในเกมนี้สโคลส์มีประโยชน์กว่าคาร์ริกอย่างน้อยก็ช่วยแก้ไขเหตุการณ์หน้าเขตโทษได้ดีกว่า และเอาอันแดร์สันมาช่วยวิ่งไล่อย่างน้อยเค้าก็วิ่งมากกว่าคาร์ริกแน่ๆ แถมยังช่วยทำเกมรุกในแดนหน้าได้อีก กรณีที่สองถ้ายังไม่ได้ปรับอะไร เมื่อเสียประตูแรกไปแล้ว ผมคงเน้นลุยเต็มตัว ใจผมอยากให้ท่านเซอร์ลองเล่นหน้า 3 ตัวทั้งโอเว่น เบิร์บ รูนีย์พร้อมกันดูบ้างโดยถอยเบิร์บลงต่ำหน่อย อย่างน้อยการครองบอลและการจ่ายบอลของเบิร์บน่าจะพอช่วยลดข้อบกพร่องของมิดฟิลด์คู่กลางได้บ้าง และใช้ควมเร็วของโอเว่นกับรูนีย์ปั่นป่วนแนวรับของหงส์ เพราะเกมเปิดหงส์เองแม้จะได้ประตูนำแต่ก็ไม่ได้ตั้งรับเต็มตัวแต่เน้นรับแล้วสวน ซึ่งน่าจะพอเปิดช่องให้ใช้ความเร็วได้บ้าง ไม่ทราบเพื่อนๆมีความเห็นยังไงบ้างครับ จากคุณ : Army2000 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:09:16

ความคิดเห็นที่ 26 จริงๆ ยอมเล่นรับลึกรอสวนก็ทำได้นะครับ  แต่พอดีมันเป็นเกมส์แดงเดือด ท่านเซอร์เลยต้องวางแทคติคแบบนี้ออกมานะผมว่า คือรุกเมื่อมีโอกาส รับก็แบบ ประคองๆไม่รัดกุมสุดๆ แต่ลิเวอร์พูลไม่เล่นกับเราครับ ลิเวอร์พูลแทบไม่สนรูปเกมส์ เขาลงมาเล่นเพื่อชนะด้วยแทคติค แพ็คแน่นหลังกลาง หน้าเร็วรอสวน มิดฟิลด์ตัวรับ 2 ตัวยิงไกลอย่างเดียว เพื่อตัดโอกาสการโดนตัดบอลแล้วสวนกลับของแมนยู สุดท้าย อยากให้ท่านเซอร์ใส่ความมุงมั่นกับ จุดไฟกระหายแห่งชัยชนะให้เด็กๆ เมื่อคืนเล่นเป็นระบบเล่นสวย แต่ไม่มี Passion ครับ คราวหน้าเจอกันที่บ้านเรา เล่นรุกเต็มสูบไปเลยไม่ต้องไปสนรูปเกมส์ให้มาก วางตัดหลังฟูลแบ็ควิ่งไล่บดกันเลยดีกว่า เชื่อว่าลิเวอร์พูลมียุบครับ เหมือนที่ ฟิออร์ ทำให้เห็นมาแล้วใน UCL จากคุณ : ค้างคาวเฒ่า เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:11:09

ความคิดเห็นที่ 27 มุมมองของผมไล่จากกองหลังไปหน้า 1.ริโอโรยราลงไปเยอะ 2.โอเชียลงมาทำอะไรวะ ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน 3.กิกส์โดนจอห์นสันรับมือได้สบายๆ 4.วาเลนเซียก็เป็นปีกมิติเดียว ถึงแม้จะสร้างปัญหาให้อินซัวได้บ้าง แต่ราฟาแก้ทางโดยเอาออโรริโอมาซ้อนก็จบ 5.กองกลางทั้ง 2 คนของเรา เจี๋ยมเจี้ยมได้ใจจริงๆ ไม่สู้เลย ไม่วิ่งไล่บอล ไม่ขอบอลตอนได้บอลบุก 6.กองหน้าเราทั้ง 2 คน แทบจะหายไปจากเกมส์จากเหตุผลที่ว่า กองกลางเราสู้ไม่ได้ 7.อยากเห็นแอนเดอร์สันลงมาเปลี่ยนแนวของกองกลางให้บู๊มากขึ้น เพราะโดนมาสเคกับลูคัสบู๊ใส่ซะจนเราไปไม่เป็น 8.นานี่เมิงมันไร้ประโยชน์จริงๆ 9.เล่นด้วยใจตุ๊ดๆแบบนี้แพ้ก็ไม่แปลก 10.กรรมการห่วยแตก 11.หงส์เล่นดีกว่ามาก จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:16:58

ความคิดเห็นที่ 28 ผมแฟนเชลซีนะครับ แต่ขอออกความเห็นกับเค้าด้วยคน โทษฐานที่นั่งดูอยู่ด้วย บอกตรงๆว่านั่งดูโดยที่ไม่ได้เชียร์ลิเวอร์พูล อยางที่ใครหลายคคิดว่าแฟนสิงห์ต้องเจช่วยหงส์แดง สำหรับผมเชียร์ให้เสมอกันครับ เพราะผมกลัวเหลือเกิน เวลายูไนเต็ดแพ้ ทีมนี้มักจะมีสปริงที่เด้งกลับมาสุ่ฟอร์มการเล่นอันน่าเกรงขามอย่างเร็วที่สุด ถามว่าผมกลัวทำไม? ตอบว่ากลัวยูไนเต็ดจะมาลงกับเชลซีในวันที่ 8 นี้น่ะซิครับ ถึงแม้ลึกๆแล้ว ผมเองจะเชื่อว่าลิเวอร์พูลสู้ถวายหัวอยู่แล้ว ซึ่งก็จริงอย่างที่คิดเลย มุมมองส่วนตัว ผมไม่เห็นนักเตะยูไนเต็ดคนไหน สมควรต่อการโดนด่าแบบสาดเสียเทเสียเลยนะครับ เพราะทุกคนพยายามแล้ว แต่บอลที่หลังพิงฝาอย่างลิเวอร์พูล สู้ยากจริงๆ ยูไนเต็ดไม่คุ้นเคยมากนัก กับการยืนบนหัวแถวในเดือนตุลาคมหรอกครับ ไว้กุมภา-มีนา ยังไม่สามารถยึดที่ที่คุ้นเคยกลับคืนมาได้ อันนั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติ ยังไงผมก็ยังเชื่อว่ายูไนเต็ดเป๋ไม่นานหรอกครับ และนักเตะของพวกคุณก็ไม่ได้ไม่เอาอ่าวอย่างที่หลายๆคนวิจารณ์ อาจจะอารมณ์น้อยใจมากกว่า เดี๋ยวพวกคุณก็กลับมาได้แล้วล่ะครับ สังหรณ์ผมมันบอกอย่างนั้น จากคุณ : เทอร์รี่คุง (anna-samanta) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:27:27

ความคิดเห็นที่ 29 สู้ต่อไป แมนยู นัดหน้าสู้ใหม่ จากคุณ : CuPid Pathway เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:33:40

ความคิดเห็นที่ 30 1. ริโอ ตั้งแต่โชว์แอ๊คกับแมนฯซิตี้ เหมือนจะหมดความมั่นใจไปเลย วิดิชต้องเป็นตัวที่ทำแทนทุกอย่างตั้งแต่ประกบตอเรส  ตัดบอล โหม่งสกัด 2. น้าซาร์  ลูกแรก มุมเหลืออยู่แค่นั้น ยังปิดเสาแรกไม่มิดเลยคับ แต่ฟอร์มโดยรวมทั้งเกมถือว่าโอเคนะ เพียงแต่พอพลาดทีนึงแล้วถึงแพ้เลย 3. โอเช  นี่ตอนซ้อม คุณเมิงไม่เคยซ้อมแปบอล จ่ายบอล หรือโยนบอลเลยเหรอคับ  ไม่โยนแรงเกินจนออกหลัง ก็จ่ายให้คู่แข่งตลอด เกมรุกก็แทบไม่เติมช่วย AV   ช่วงนี้ใครเล่นปีกขวา แล้วแบ๊คขวาเป็นโอเช โอกาสเสียหมามีเยอะ กล้า ๆ ดัน ดาซิลวา ลงสนามดีกว่าถ้าโอเชยังได้แค่นี้ 4.  รูนีย์ เหมือนเรื้อสนามไปนาน ติด ๆ ขัด ๆ ขาด ๆ เกิน ๆ ตลอด ส่วนความทุ่มเทยังเต็มร้อย 5. คู่กลางช้ากว่า หงส์แดงตลอด เจอความเร็วความคล่องของ เบนายูน เค้าท์ มาสเค เข้าไป  สังเกตว่าช่วงหลัง ๆ บิ๊กแมทช์นัดไหนส่งสโคลส์ กับ กิ๊กส์ ลงพร้อม ๆ กัน  แดนกลางจะเป็นรองคับ เพราะความสด ความเร็ว สู้ไม่ได้  แถมเชิงบอลทันกันอยู่   6. หงส์เล่นได้ดีกว่าโดยรวมทั้งเกมคับ ผีมีวูบวาบให้หวาดเสียวเป็นพัก ๆ 7.  ส่วนเรื่องกรรมการผมว่า ก็พอรับได้ ไม่ถึงกับเป็นจุดเปลี่ยนอะไรของเกม  แพ้เพราะแทคติกมากกว่า จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:40:11

ความคิดเห็นที่ 31 แก้เกมด้วยหน้าสามไม่เวิร์คแน่ๆครับ เพราะบอลจากกลางที่มาน้อยอยู่แล้วจะยิงน้อยลงไปอีก ถ้าจะแก้เกมให้เวิร์คคือต้องตีโจทย์ให้แตกก่อน ว่าเกมนี้ปัญหาเราอยู่ตรงไหนกันแน่ และที่เห็นๆไปแล้วจากครึ่งแรกก็คือ ปีกไม่ทำงาน กลางขึ้นเกมครองเกมไม่ได้ บอลไม่ถึงหน้า แต่จะให้แก้ทุกจุดโดยตัวผู้เล่นที่มีแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ก็คงต้องเลือกจุดใดจุดหนึ่ง ถ้าถามผม ในกรณีแก้เกมนะ หมายถึงสิบเอ็ดตัวแรกส่งลงมาแบบนั้นไปแล้วนะครับ ผมก็จะเลือกแก้เกมแบบป๋าอ่ะแหละ คือถ้าไม่เพลี่ยงพล้ำก็รอต่อไปได้นั่นแหละ เกมนี้เสมอก็ไม่เสียหายอะไร เพราะด้วยตารางแข่ง ด้วยแต้มห่าง มันไม่เสียหายจริงๆ แล้วพอโดนนำ ผมก็จะเลือกจิ้มไปที่ปีกครับ เอาแกรี่ลงมาแทนโอเชก่อน เพื่อดันปีกขวาขึ้น ชส่วนทางซ้ายเอากิ๊กส์กับเอวร่าไว้ ดันเกมสูงไปเลย ถอยเบิร์บลงมาต่ำเป็นกลางรุก แล้วเอาโอเว่นลงมาเป็นหน้าเป้าคู่รูนี่ย์ ถอดสโคลส์ออก ไม่ใช่หน้าเล่นแบบสามนะ แต่เป็น 4-1(คาร์ริค)-3(กิ๊กส์/เบิร์บ/วาเลนเซีย)-2(เว่น/รูน) เล่นเกมรุกเต็มสูบ เอาประตูคืนให้ได้ มาถึงตรงนี้ แพ้หนึ่งเม็ดหรือสามเม็ดก็คือ 0 แต้มเท่ากัน แต่หากทำประตูคืนได้ล่ะ ผมว่าหงส์อาจมียุบนะ (แค่ความคาดหวัง) จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:41:48

ความคิดเห็นที่ 32 ยังไงผมก็ยังเชื่อว่ายูไนเต็ดเป๋ไม่นานหรอกครับ และนักเตะของพวกคุณก็ไม่ได้ไม่เอาอ่าวอย่างที่หลายๆคนวิจารณ์ อาจจะอารมณ์น้อยใจมากกว่า เดี๋ยวพวกคุณก็กลับมาได้แล้วล่ะครับ สังหรณ์ผมมันบอกอย่างนั้น จากคุณ : เทอร์รี่คุง (anna-samanta) ---------------------------------------------------------- เห็นด้วยครับ ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ แต่ที่สำคัญผมว่า การสอนลูกทีมของ ป๋า กับ ราฟา ต่างกัน ราฟา ต้องสั่งให้ลูกเน้นมาก ถึงมากที่สุด ไม่ต่างกับนัดชิง เอฟ เอ คัพ(แบบที่นักเตะลิเวอร์พูดนั้นแหละ) ป๋า ผมว่าป๋า ไม่ต้องการให้นักเตะในทีม ไปให้ความสำคัญ ต่อแม็ทช์ได แม็ทชืหนึ่งมากเกินความจำเป็น ในระบบบอล ลีก ทุกแม็ทช์ ทุกเกมส์ ไม่ว่าจะเจอร์ทีมใหญ่ หรือทีมเล็ก มีความสำคัญทุกเกมส์(เพียงแต่ว่าแม็ทช์ใหนจะผ่อนหลัก ผ่อนเบาได้เท่านั้น) ฉะนั้น การมองการแข่งขันถึงต้องมองกันตลอดทั้งปี จากคุณ : Achaki Oddy   -------------------------------------------------------------------- ผมมองว่ามีน้ำหนัก แต่ไม่มากเท่าสิ่งที่ราฟาและลูกทีมแบกอยู่ก่อนเกมแน่ๆครับ สิ่งนั้นมันบังคับให้ต้องรีดออกมาเกินร้อยเปอร์เซนต์ทุกลูก คือการยืนบนปากเหว ลิเวอร์พูลพลาดอีกไม่ได้ มันสุ่มเสี่ยงต่อหายนะของทีมในปีนี้เลยนะครับ ลองคิดดู ใครจะอยากจารึกชื่อเป็นขุนพลชุดที่ผลงานห่วยแตกที่สุดในรอบ 56 ปี ตอร์เรสคงไม่ยอม เบนนายูน เรน่าคงไม่ยอม ทุกๆคนคงไม่ยอม ถึงได้สู้ถวายหัว นี่คือความจริงครับ คนที่สู้เพื่อคว้าชัยชนะ กับคนที่สู้เพื่อให้รอดจากหุบเหวมรณะ ใครจะเค้นความมุ่งมั่นออกมาได้มากกว่ากัน...เท่านั้นเอง แต่เห็นด้วยนะครับ กับที่ว่า บอลลีก ต้องมองทุกนัด สำหรับผม แพ้ลิเวอร์พูล ไม่ได้ต่างจากแพ้เบิร์นลีย์ เพราะอังกฤษไม่ใช้เฮดทูเฮด มันคือ ศูนย์-หนึ่ง-สาม แต้ม เท่าๆกัน ทุกนัด ดังนั้นไม่ควรทุ่มให้บางเกม เกจนหมดหน้าตัก แล้วนัดต่อๆไป หมดมุข หากจะชนะหงส์จนต้องสังเวยตัวหลักสองสามคน แล้วทำให้สามสี่นัดต่อมาเก็บแต้มไม่ได้ อย่างนั้นผมว่าไม่ถูก (ถึงแม้แพ้หงส์จะชอกช้ำให้เพื่อนที่ทำงานก็เถอะ) จะลุยก็ลุย แต่ต้องไม่ลืมที่จะถนอมร่างกายกันด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 13:06:28 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 12:57:08 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 12:45:36

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณ ฮะ ลุงหงบ .. เห็นต่างนิด เดียวฮะ เรื่องใจ  ... ผมว่า ใจไม่เป็นรองเท่าไหร่หรอกครับ สำหรับนักเตะ ที่ปอด จริงๆ น่าจะเป็นป๋า มากกว่าครับ สังเกตุว่าเจอ หงส์ทีไร ที่แพ้ 3 นัดหลังสุดนี้เพราะ  ไม่บุก เลยครับ กะ รับแล้วรอสวน ทั้งๆ ที่ จริงๆ  ธรรมชาติ แมนยู นิยม เกมส์บุก ยิง หงส์ หลังชนฝาแบบนี้ บุก ให้ นำได้ก่อน แล้ว จะดึงเกมส์โต้กลับ น่าจะดีกว่า แต่อย่างว่าแหละ ฮะ บอลจบแล้ว  T^T ว่าแต่ โอเว่น ป๋าให้โอกาสน้อยไปไหมฮะ เนี่ย - - จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:00:17

ความคิดเห็นที่ 34 ทำไมชอบว่า จอร์นเรือเกลือกันจัง ทั้งที่ก็รู้กันดีว่าเขาเล่นได้แค่ไหน ถ้าเป็นผมนะน้าหงบ จะปูพรมริมเส้นให้สุดปีกลอยไปเลยเอาเฟลทมาเล่นปีกขวา แทน AV ที่หมดไอเดียออกมาตะโกนให้จอร์นสนับสนุนเฟลทหน่อย ดันมิดฟิลด์ ตัวกลาง 1 ตัวขึ้นไปยืนกับ มิดฟลิด์รับคู่ของลิเวอร์พูลอีกตัวเปิดบอลยาวจากแนว หลังไปกดดันแบ็คคือวางไปตรงพื้นที่รัศมี 10 หลามุมธงอ่ะครับเบียดเอากับ ฟูลแบ็คแต่ก็ต้องเสี่ยงเหมือนที่เสียประตูที่สองนั่นแหล่ะครับ แต่ผมจะทำตั้งแต่ นาที 75 แล้ว ปล. และที่สำคัญที่สุดไม่มีการไว้หน้ากองหน้าเบอร์ 9 ของเราหรอกเปลี่ยนตั้งแต่ นาทีที่ 60 แล้วเพราะเกมส์แบบนี้ไม่ใช่เกมส์ที่กองหน้าเก็บบอลครองบอลจะ ทำประโยชน์ได้มากมายเพราะมิดฟิลด์ทำงานหนักเกินจะมีเวลามาต่อบอลด้วยได้ ต้องอาศัยกองหน้าที่ชิงจังหวะเล่นกับลายกองหลังแบบที่เบอร์ 9 ลิเวอร์พูลทำกับ กองหลังเรานั่นแหล่ะ ว่าก็ว่านะจังหวะหลุดของโอเว่นน่าจะให้แดง คาราเกอร์ซะเลย ทำฟาล์วน่าเกลียดจริงๆ จากคุณ : ค้างคาวเฒ่า เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:08:32

ความคิดเห็นที่ 35 มีความรู้สึกว่าคาร์ริค ไม่ได้ดีกว่าลูคัสเลยครับ ได้แต่ป้ายบอลไปมา ผิดจากฟอร์มที่ผ่าน ๆ มาไปเยอะเลยครับ อีกอย่าง นักเตะวิ่งเหมือนไม่อยากชนะเลยเมื่อวานนี้ แต่ยังไงก็รักผีนะครับ จากคุณ : SmudgE เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:11:06

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณน้าหงบค่ะ แสนเสียดายลูกชนคาน ของ พี่เวียร์ T-T พี่เวียร์นี่ยิ่งชนคานบ่อยกว่ายิ่งเข้าอีก คานแทบแตกทุกที นัดหน้าสู้กันใหม่ แมนยูสู้ๆ จากคุณ : ไม่ได้ขอบัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:27:14

ความคิดเห็นที่ 37 Thanks for a nice review krub. I only have a very bad concern on Referee. Beside,... -Evra looks very tired. -Berbatov made me sick. He has no speed. Every time he lost the ball because of that long leg!. Please try somethings new. Anyway, at the Anfield. our player did a great job. :-S จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 13:30:39

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ^ วาเลนเซีย  เป็น พี่เวียร์  เชียวเหรอคับ 555+ โอเว่นลงมา เกมรุกดูน่ากลัวขึ้นนะ (หรือผีเริ่มเน้นบุกเพื่อตีเสมอ) สร้างโอกาสให้ AV ได้ซัดเหน่ง ๆ ซะด้วย แถมเกือบหลุดเดี่ยวอีก แฟนหงส์ที่นั่งโต๊ะข้างผม นั่งเกร็งเสียวซี้ดดดด กลัวโอเว่นทำแสบช่วงท้ายเกมอีก พอเอ็นก็อกยิงได้ เหมือนได้ปลดปล่อย แบบชนะแล้วโว้ยยยย ขำขำดีคับ จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 14:14:08

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีครับทุกคน ผมมองว่ากลางเราวันนี้หมายถึง บอลจากหลังเซ้ทไปหน้านะครับ เราคเลื่นที่กันน้อย แล้ว เรายืนอยู่ประจำตำแหน่งกันมากไป พอไม่มีช่องจ่าย เวลาเล่นบอลก็น้อยลง เพราะลิเวอร์พูลรับลึก แล้ว การยืนตำแหน่งของเรามันเดาได้ ขวา วาเลนเซียอยู่ตรงไหน ไล่ให้จน บอลจะถูกเคาะคืนหลังตลอด พอกลางขยับ ก็ขยับเข้าไปในวงล้อม ฝั่งตรงข้าม ไม่ได้ออกไปหาที่ว่างหรือฉีกตัวออกไปหาที่ให้เพื่อนจ่ายบอล แล้วผมว่ากิ๊กมาเล่นกลางช้าไปนิด เพราะ กิ๊กพาบอลฝ่าแนวรับไปเพื่อเปิดทางได้ แต่นานี่ คงหมดโอกาสลงทุกทีครับ จากคุณ : ramintra day เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 14:46:44

ความคิดเห็นที่ 40 กรรมการ - ก็ไม่ได้ทำหน้าที่แย่อะไร  จะมีเล็กๆน้อยๆเรื่องใบเหลือง คาราเกอร์ ลิเวอร์พูล - เล่นไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย  แค่มีความมุ่งมั่นมากกว่าแค่นั้นจริงๆ แมนยู - สั้นๆว่า ... ห่วย โดยเฉพาะ จอห์น โอเช สปีดการให้บอล ห่วย จะใกล้ จะไกล จะมีคู่แข่งประกบเพื่อนอยู่ พี่แกก็จ่ายไม่เคย "ดี"  ไม่เคยจ่ายให้เพื่อนได้เปรียบเลย  และก็ชอบโยนเสีย ทิ้งๆขว้างๆ   "ถ้าจำไม่ผิด ลูกแรกที่เสียบอล ก็มาจากการที่ โอเช โยนแล้วโดนตัดได้ แล้วก็โดนสวน" เรื่องการเล่นเป็นแบคของโอเช ... เป็นแบคฆ่าปีกทีมตัวเองชัดๆ  เติมเกมไม่เคยทันเพื่อน จ่ายบอลไม่มีประโยชน์กับทีม  และเป็นแบคที่บีบให้ปีกเล่นลำบากทุกจังหวะ  ไม่เคยดึงกองหลังให้ปีกเลย    หลายๆจังหวะเล่นเหมือนเป็นกองกลาง  คือชอบไปรอบอลตำแหน่งของคาร์ริค   และเปิดบอลลอยตลอด ลูกพุ่งไม่มี [ข้อเสียคือสปีดบอล...แต่ถ้าทีมเรามีกองหน้าอย่าง ปีเตอร์ เคราซ์ โยนแบบโด่งจะได้เปรียบ] รูปเกมที่ได้ดูตั้งแต่นาทีที่ 8 ... เราสู้ได้ ทั้งๆที่กองกลางเราไม่ค่อยไล่บอลนั่นแหละ  เพราะเบอบาตอฟ พักบอลได้ จ่ายบอลได้ จะเสียตรงที่ โอเชไม่ช่วยวาเลนเซียนี่แหละ  ไม่มีคนมาดึงกองหลัง  วาเลนเซียเลยทำไรไม่ได้ จังหวะสุดท้ายเราเลยจบไม่ได้ เจาะไม่ได้ สุดท้าย ... ฝากไว้ก่อนเหอะ ชิชะ จากคุณ : o_extreme เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 14:57:34

ความคิดเห็นที่ 41 รู้สึกว่านัดนี้ เราเล่นกันเรื่อยๆ เหมือนไม่มีแรงจูงใจ สังเกตุมาหลายนัด เล่นเหมือนยังไม่ตื่น ต้องรอโดนนำไปก่อน ถึงจะวิ่งถวายหัว  แต่นัดนี้ โดนนำไปตั้งนานดันมาตื่นเอาเกือบ หมดเวลา จากคุณ : Blue Wednesday เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:02:05

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับ คุณสงบใจ... ตั้งใจดูนัดนี้เต็มที่ ให้ข้าวหมา ให้หมาเข้านอนแต่หัววัน แล้วตัวผมก็ขึ้นไปนั่งหาสบู่ดู ในขณะที่ใจก็หวั่นลึกๆ ว่านัดนึ้เพื่อนหงส์มาเต็มที่แน่ๆ แล้วก็จริงๆ ครับ โดยเฉพาะกลางสู้ไม่ได้ เพราะเท่าที่ผมดู แทคติกเค้าทำให้กลางเราเล่นยาก ด้วยการเพรสซิ่งเร็ว ทำให้จ่ายบอลกันลำบาก แต่ยังไงผมก็สังเกตเห็นว่าคาร์ริกเองก็สกัดได้หลายลูกเหมือนกัน ส่วนพื้นที่ด้านข้างนั้น ผมก็ไม่อยากจะว่าโอเชสักเท่าไหร่ เนื่องจากรู้ว่าจับฉ่ายไม่ถนัดเติมเกมริมเส้น จะชอบยืนคุมพื้นที่มากกว่า แต่ก็อดขัดใจไม่ได้ตอนที่เห็นแกรี่ลงมาวอร์ม แต่ดันไม่เปลี่ยนแกรี่ลงมา คิดว่าหากแกรี่ลงมาเกมด้านข้างน่าจะดีกว่านี้ ส่วนโอกาสของโอเว่นนั้นผมว่าน้อยเกินไป จริงๆ ก็นั่งมองนาฬิกาตั้งแต่นาทีที่ 50 กว่าๆ ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนเว่นลงซะที ส่วนน้าซาร์ก็ทำได้ดีมากๆ กับลูกที่เสียไปนี่ จะว่าปิดมุมไม่ดีก็ไม่ถูกนัก เพราะเล่นยิงยัดซะขนาดนั้น คงป้องกันได้ลำบาก ส่วนเฮียเต่ารู้สึกจะอืดลงไปเยอะเลย จึงทำให้เบียดตอร์เรสได้ไม่ดีนัก ที่ขัดใจก็คือ ตอนเปลี่ยนตัว น่าจะเปลี่ยนคนอื่นมากกว่านานี่ลงมา เปลี่ยนแกรี่ หรือน้องแอนก็ได้ กับสิ่งสุดท้าย อย่างที่หลายๆ ท่านกล่าวไว้ คือ ความมุ่งมั่น ทีมเรามีน้อยกว่าเพื่อนหงส์จริงๆ สรุปว่าแพ้ทุกทางจริงๆ นั่นแหละครับ จากคุณ : pongonna (สาวกgarfield) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:22:37

ความคิดเห็นที่ 43 ผมอาจจะเป็นแฟนผีไม่กี่คนก็ได้ครับ ที่ไม่อยากตำหนิ จอห์น โอเชเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าเขามีหน้าที่แค่นั้น เป็นตัวสำรองอดทน เป็นมือสองทุกตำแหน่ง ซึ่งการที่ป๋าเราเลือกโอเชมาในเกมนี้ ก็คงเพราะมีจ๊อบที่เหมาะกับโอเชในใจ จะให้โอเชไปเติมเกมรุกก็ลำบาก เพราะไม่ใช่หน้าที่ถนัดของเขานัก การจ่ายบอลก็ไม่ได้ดีเด่มาจากไหน จ่ายยาวๆไม่เคยเข้าเป้า ทุกคนก็รู้ดี แต่ทำไมป๋าเลือกเขาลงมา ผมคงต้องเคารพในจุดนี้มากกว่า ป๋าก็มีพวกที่เล่นตามแผนป๋า โอเช,เฟล็ทช์,บราวน์,พาร์ค พวกนี้ทั้งนั้นครับ ที่จะเล่นแบบมีวินัย ตามคำสั่ง ไม่ผิดแผน ป๋าจึงไว้วางใจได้ ส่วนฟอร์มของโอเช ผมว่าเขาเป็นกำลังสนับสนุนชั้นดีของทีมเลยนะ อย่าไปคิดว่าเขาไม่ดีพอจะเป็นตัวจริงให้เรา ก็เพราะเขาเป็นสำรองไงครับ ขอให้คิดว่า ช่วงนี้เรายังหาตัวตายตัวแทนแกรี่ไม่ได้ จะดีกว่าครับ เลยต้องให้โอเชมาเล่นขัดตาทัพในช่วงที่ราฟาเอลเจ็บ แกรี่ไม่ฟิต สำหรับป๋า แกอาจจะมองยาวกว่าที่เราคิดก็เป็นได้ แกอาจไม่ได้คิดแค่เกมนี้ หนทางยังอีกไกล แกอาจจะคิดถึงการรีบเข้ารอบชปล. แล้วค่อยมาทุ่มให้ลีก การแพ้ลิเวอร์พูล ย่อมเป็นความชอกช้ำอย่างหนึ่ง ที่ป๋าเองก็คงขมขื่นไม่แพ้เรา แต่เมื่อชั่งน้ำหนักภาพรวมแล้ว ป๋าคงเลือกที่จะไม่ทุ่มเกมนี้หมดหน้าตัก เลือกจะเก็บพลัง เก็บแรงไว้สำหรับหนทางที่ยังเหลืออีกยาวไกล ก็เป็นได้ ปล. แต่เรื่องความมุ่งมั่นนี่ มันก็น้อยไปจริงๆแหละ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 15:42:07

ความคิดเห็นที่ 44 ป๋าก็คงเจ็บปวดไม่แพ้เราหรอกครับ นักเตะคงเหนื่อยจากมอสโควด้วยแหละ  โอเชียไม่อยากโทษหรอก แต่อยากโทษกองกลางทีมเรามากกว่า ไม่มีตัวตัดเกมเลย คิดถึงตลอดคิดมากด้วยเจมทีมใหญ่ๆสู้เค้าไม่ค่อยได้ กองกลางเจอบีบนี่แทบทำอะไรไม่เป็นเลย ถ่ายไปถ่ายมา คิดถึงฮากรีฟจริงๆ จากคุณ : qerlic เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 16:12:57

ความคิดเห็นที่ 45 ว่าแต่ โอเว่น ป๋าให้โอกาสน้อยไปไหมฮะ เนี่ย - - จากคุณ : vn, man ผมว่าป๋ากำลัง สร้างให้โอเว่น มีความกระหายที่จะลงสนามและพิสูจนืตัวเองครับ ฤดูกาลแข่งขันเพิ่มผ่านไปแค่ 10 นัด ยังเหลืออีกตั้ง 28 แม็ทช์ ใหนจะมีลีกคัพ เอฟเอคัพ และที่สำคัญ แชมป์เปี้ยนส์ลีกอีก จากคุณ : Achaki Oddy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 16:15:42

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อคืนนี้นอกจากสกอร์แพ้แล้ว ความมุ่งมั่นในสนามก็แพ้ลิเวอร์พูลด้วย โดยรวมไม่ได้เล่นแย่มากมายนัก กรรมการก็พอให้อภัยได้ ก่อนเกมก็เตรียมใจไว้เหมือนกันว่าอาจแพ้ได้ เนื่องจากหงศ์แดงนั้นดูต้องการและกระหายในชัยชนะมากกว่าโข วิ่งเพรสซิ่งกันตลอด ยืนต่ำมาก เล่นเอาเราแทบทำอะไรไม่เป็นเป็นอันเลยทีเดียว ส่วนเมื่อคืนที่ที่เล่นดีสุดยกให้ "เบนนายูน" แล้วกัน เฮ้อ.... สงสารวีวี่จัง นัดหน้าที่บ้านเรา ให้แกนั่งพักข้างสนามดีกว่ามั้ยป๋า ป.ล. เพิ่มเติมนิดถึง สำหรับโอเชนั้น จะอย่างไรก็ยังสำคัญกับทีมนะ ไม่มีแก แล้วเราต้องแย่แน่ อย่างน้อยก็ยังดูดีกว่าบังขายถั่วนิดนึงล่ะน่า แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 16:23:06 จากคุณ : Merlion เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 16:20:59

ความคิดเห็นที่ 47 ผมอาจจะเป็นแฟนผีไม่กี่คนก็ได้ครับ ที่ไม่อยากตำหนิ จอห์น โอเชเท่าไหร่ นับผมด้วยนะฮะ ลุงหงบ ^^ เชจับช่าย ถ้าไม่มีเค้า ปีที่ผ่านๆ มาที่ไม่มีแกรี่ ไม่มีน้องน้ำตาล เรา(อาจจะ)ไม่ได้แชมป์ EPL~ ก้อได้นะครับ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 16:56:13

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยว่าเหมือนป๋าเห็นความสำคัญของแดงเดือดน้องลงไป พี่วีงานหนักตลอดเลยสงสารนะเนี่ย ตอฟ กับ รูน คู่กันไม่ค่อยเวิรคเลยอ่ะ เกมส์เมื่อวานพอหมดครึ่งแรกแล้วคิดถึงแอนนี่กับฮาจังสุดๆ จากคุณ : ผีหลายบทบาท เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:07:44

ความคิดเห็นที่ 49 ทีมนี้ไปได้ไมาไกลกว่านี้อีกแล้วล่ะ รอเวลาลามสลายเท่านั้นเอง จากคุณ : Torres เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 17:47:12

ความคิดเห็นที่ 50 สู้ไม่ได้ก็แพ้ครับเป็นธรรมดา กองกลางโดนไล่แล้วเอาตัวไม่ค่อยจะรอดเลย ขนาดสโคลที่ว่าเก๋าๆ เทคนิคดี ก็ยังไปไม่เป็น ที่ขัดใจที่สุดไม่ใช่ฟอร์มนักเตะผี แต่เป็นกรรมการ ลูกที่เบิร์บได้ใบเหลืองนี่มันอะไรกันหรือครับ ควรได้ฟาวล์กลับเสียฟาวล์ ยังไม่พอดันแจกใบเหลืองเบิร์บอีก ดูคล้ายกับว่าทุกครั้งที่ผีฟาวล์ จะกลายเป็นใบเหลืองเกือบทุกครั้ง อ่อ ที่สำคัญ โปรเฟชชั่นนอลฟาวล์นี่เขายังใช้กันอยู่หรือเปล่า ผมว่าทั้งลูกที่ โอเว่นโดนฟาวล์ ทั้งลูกที่เฮียวีไปฟาวล์เขา มันควรจะเป็นใบแดงทั้ง 2 คนเลย ไม่ใช่หรือ????????????? ไหนจะลูกที่ คาริคโดนเสียบอีก แทงตาขนาดนั้น ไม่จุดโทษได้ไง คือ ถึงตรงนั้นได้ลูกโทษ ผมก็ไม่คิดหรอกว่า ผีสมควรชนะ แต่อย่างนั้นมันก็แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่ดีของกรรมการ จากคุณ : ดาวเหิน เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:31:47

ความคิดเห็นที่ 51 ผมขัดใจมากกับการให้สโคลส์คู่กิกส์ มันไม่สามารถกดดันแผงกลางของน้องหงส์ได้เลย...แถมกองหน้าอย่างเบอบาตอฟ ความอาร์ต มันใช้ไม่ได้กับเกมส์ที่มีความมุ่งมั่นขนาดนี้ของคู่แข่ง.. ตอนโอเว่นลงมากับจังหวะทะลุช่องตอนนั้น แทบไม่มีเลยในช่วงครึ่งแรก เหมือนเกมส์เรามีมิติเดียว ไม่มีการกระชาก การกดดัน หรือดึงตัวประกบของหงส์ได้เท่าที่ควร... แต่ผมว่าการแพ้นัดนี้ ปลุกแมนยู ให้มาสู่โลกความจริงว่า พวกเขาไม่ได้มีความพิเศษที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์เหมือนเกมกับซิตี้ ได้บ่อยๆ..ต้องเน้นและมุ่งมั่นมากขึ้น  โดยรวมๆผมว่าน่าจะส่งผลในแง่ดีมากกว่า เพราะในการยืนระยะ ทีมที่พอๆกับทีมเราก็คือเชลซีเท่านั้น แล้วมาลุ้นกันต่อ ... ปล.. ตอเรส เก่งมากมาย แฟนผีอย่างผม ยังชอบเค้ามากเลย จากคุณ : กังป๋วย เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 18:55:06

ความคิดเห็นที่ 52 อยากถามคุณสงบใจว่าคิดยังไงกับคาริคครับ ผมดูแล้วเหมือนว่าแกคงไม่เก่งไปกว่านี้แล้วละ แล้วที่สำคัญเวลาเจอเกมเพรสซิ่งแบบนี้ทีไร ทำอะไรไม่ได้ทุกที เก็บบอลไม่ได้เลย เพราะไม่มีความคล่องตัว แพ้มิลาน บาร์ซ่า หรือลิเวอร์พูล เมื่อวานก็อีหรอบนี้ตลอด จากคุณ : storywriter เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:23:01

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าวาเลนเซียยิงเข้าลูกนั้น    ผมว่าเกมเปลี่ยนนะ   หงส์จิตตกแน่นอน   ถึงขั้นแพ้ได้เลยแต่พอดีมันไม่เข้า    มันก็เลยออกมาแนวนี้ไงครับ      ตรงตามที่ป๋าเตชคิดแทคติกไว้ทุกข้อ    ทุกอย่างมันก็เลยออกมาดี   แค่นั้นจบ จากคุณ : เด็กดื้อนิรัน5 เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 19:38:58

ความคิดเห็นที่ 54 ครับ  ไม่อยากจะโทษอะไรมาก ต้องโทษที่ทีมเราเล่นได้แย่กว่าเขาเท่านั้นเอง แต่ที่ดูแล้วค่อนข้างหงุดหงิดก็คือ  ทำไมทีมเราไม่ค่อยอยากจะบุกกันสักเท่าไหร่เลย ที่จริงวาเลนเซียได้บุกถึงเส้นหลังบ่อยเหมือนกัน แต่ไม่มีกองหน้ารอรับบอล  ต้องเสียเวลารอให้เพื่อนเติมมาก่อน เขาก็ลงมาตั้งรับทันแล้ว ที่จริงถ้าจะเล่นบอลตั้งรับ  ก็ควรมีจังหวะบุกเร็วเหมือนปีก่อน ๆ กันหน่อย รูนี่ย์ไม่น่าจะลงมาต่ำเลย  น่าจะรออยู่แถว ๆ หน้าเขตโทษโน่นแหละ อย่างน้อย  ก็น่าจะมีลุ้นมากกว่านี้เยอะ กองกลางวันนี้  ที่จริงก็เล่นได้ไม่เลวนัก แต่เจอกับบอลเพรชซิ่งแบบนี้  น่าจะถอดคาริคออก (เนื่องจากเมื่อคืนสโคลส์เล่นได้ดีกว่า) ให้แอนนี่ลงมาแทน  จะได้มีบอลที่ทะลุทะลวงบ้าง เมื่อคืนลุ้นนานี่มาก ๆ เลย  อยากให้ยิงไกลบ่อย ๆ เสียดายหลาย ๆ ลูก  น่าจะยิงดีกว่านี้ (เรื่องส่งเสิ่งอะไรนั้น  ไม่ลุ้นแล้ว) แต่แพ้ก็ไม่เป็นไร  แค่หายไปสามแต้มเอง แต่ได้เห็นจุดอ่อนที่ถูกเปิดขึ้นมาแทน หวังว่าการแพ้นัดนี้  จะทำให้ป๋าเห็นจุดอ่อนชัดเจนและแก้ได้ถูกจุด และหวังจะเป็นแรงกระตุ้นให้นักเตะทีมเรามีไฟในการที่อยากจะชนะมากขึ้นกว่านี้ครับ จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 21:13:12

ความคิดเห็นที่ 55 มาลงชื่อไว้ค่ะ  ทีมรักแพ้  แถมเป็นหวัดงอมแงมอีก  อ่านไม่ไหวแล้ว - -" เดี๋ยว add กระทู้นี้  กับกระทู้คุณไดอารีไว้  จะมาตามอ่านทีหลังนะคะ อยากอ่านทรรศนะของคุณสงบใจกับเพื่อน ๆ เหมือนกันค่ะ ^^ จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 21:38:37

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่าเรื่องจุดอ่อนเนี่ย มันเผยให้เห็นตั้งแต่ หงส์ปีที่แล้ว ทั้งเกมกับ บาซ่า รวมถึงเกมนี้ แต่สงสัยว่าทำไมป๋าไม่แก้ปัญหานี้ซะที จะรอหวัง ฮากรีฟ หรือเฟรทเชอร์ หากเกมไหนทั้งสองลงไม่ได้เหมือนเกมนี้  รูปเกมก็จะออก มาแบบนี้ แล้วไปหวังลุ้นกะลูกปาฏิหาริย์ มันคงไม่ได้มาบ่อยๆหรอกครับ อยากให้หาตัวรับดีๆมาซะหน่อย เกมคงจะดีกว่านี้มาก จากคุณ : PanywT เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:28:17

ความคิดเห็นที่ 57 ออกตัวเลยครับว่า..เลือดหงส์ขนาดแท้ แต่เลือกที่จะอ่านกระทู้ของคุณก่อน This is Anfield เสมอ.. ถูกใจกับการวิเคราะห์ขาดของคุณเสมอครับ เกมส์นี้แพ้กันที่แท๊กติกจริงๆ..ส่วนกรรมการนั้นผมว่าบ้านใครบ้านมันก็เกิดขึ้นได้ทุกที่แหละ..ที่ต้องเกรงๆ กับเสียงเชียร์เจ้าบ้าน ไม่มีส่วนมากหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 52 22:45:50 จากคุณ : Lancaster HKT เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:45:14

ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อวานแพ้ด้วยแท๊คติคกับความมุ่งมั่นจริงๆ ยูไนเต็ดก็เดินเกมด้วยระบบของเรา เพียงแต่ไม่เป็นดังใจ เพราะถูกกดด้วยแท๊คติคของราฟา และอาจจะหงุดหงิดกับกรรมการด้วย เกมเราดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับต้นฤดูกาล แต่สิ่งที่กังวลมากคือแดนกลางที่ไม่ลงตัว และที่สำคัญ มีผลต่อความหลากหลายในการรุก ผมอยากให้ป๋า สร้างกองกลางหลักๆ มากกว่าการโรเตชั่น เพราะถ้าเราได้แกนหลักคู่กลาง การปรับเปลี่ยนที่เกิดจะสร้างความหลากหลายในการเข้าทำ ผมว่าป๋ายังกั๊กๆ กลัวๆ มองว่าขุมกำลังเราที่มีไม่ดีพอ ต้องเอาเก๋าประคองเกม ซึ่งก็ดีที่เรายังประคองกันมาได้ แถมยังอยู่หัวตาราง อีกครั้งด้วยแนวคิดป๋าแบบนี้ที่เอาเก๋าประคองเกม เน้นแน่นอน เก็บแต้มไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าเราจะทำได้อีกปีใน EPL แต่กองเชียร์เหนื่อยฮะป๋า ยิ่งเจอเกมใหญ่ยิ่งเครียดคูณสิบฮะ จากคุณ : trebla เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:49:25

ความคิดเห็นที่ 59 ถามน้าหงบครับ ตอนนี้ถ้าให้ซื้อตัวได้คนหนึ่ง อยากได้ใครครับ จากคุณ : irr_f เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:59:11

ความคิดเห็นที่ 60 สวัสดี คุณ สงบใจ ตัวจริง ครับ ตามทัศนะของผม กับ รูปเกมที่เห็น + การจัดตัว และ แท็คติคนั้น นัดนี้ เรามาเล่น เพื่อ 1 คะแนน แต่เค้าเล่นเพื่อ 3 คะแนน และที่สำคัญ ความมุ่งมั่นต่างกันเยอะ เหมือนที่ทุกท่านว่าล่ะครับ แต่ผมว่า ถ้าเปลี่ยนจากโอเช เป็น แกรี่ วาเลนเซีย จะ น่ากลัวกว่านี้อีก เพราะจังหวะกระชากถ้ามี แกรี่ มาอ้อมหลัง ทางเลือกจะมากขึ้น จะทำอะไรคงได้มากกว่าที่เห็นล่ะครับ แต่เฮีย จับฉ่าย นัดนี้ ความชั่ว ไม่มี ความดีไม่ปรากฎ และอีกข้อที่สำคัญ ถ้า โอเว่นอีกคน หายเจ็บกลับมา ป๋าจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการจัดตัวผู้เล่นอีกเยอะ หวังว่า ป๋าคงจะมองเห็นอะไรจากการพ่ายแพ้ นัดนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทีมต่อไปครับ จากคุณ : ผมไม่ได้อยากดังนะ (air007) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 23:02:54

ความคิดเห็นที่ 61 หวัดดีทุกท่านฮะ ... อยากให้อารมณ์ออกมาชิลๆ กันมากกว่ามาเจ็บปวดอะไรกะอีกแค่ 3 คะแนนในต้นฤดูกาลแบบนี้... มันก็แค่สิวๆ ดีกรีไม่ได้ต่างไปจากเบิร์นลี่ย์หรอกฮะ ...แค่เสีย 3 แต้ม! - เฮียหงบไม่ได้วิเคราะห์แล้วอย่างนี้ ...ข้าเจ้าว่า "สังเคราะห์" เลยอะฮะ เล่นมันซะทุก movement ของหงส์เลย ...ข้าเจ้าก็ได้แต่เห็นด้วยในหลายประเด็นฮะ ... แต่บางที ข้าเจ้าเลือกมองคร่าวๆ มากกว่าเพ่งทุกจุดนะสำหรับเกมนี้ ...เผื่อเจออะไรแปลกๆ บ้างพอเอามาแชร์เฮียหงบกับทุกท่าน... - กรณีแพ้เนี่ย ข้าเจ้ามองว่าเป็นอาการเหมือนช่วงที่อุลิเย่คุมอยู่พักนึง ที่เราแพ้ติดต่อกัน 4-5 นัดเวลาดวลกับหงส์นะ ... ข้าเจ้ามองว่าหงส์เป็นทีมที่อยากจะเก่งก็เก่งเอาเป็นนัดๆ แต่ไม่ใช่ทีมเก่งเป็นปีๆ มันไม่เหมือนสมัยคิงเคนนี่ (ทันดูอยู่แค่ช่วงนั้นแหละ ย้อนไปกว่านี้เกิดไม่ทัน ทีวีไม่ถ่าย) ในขณะที่ทีมเราเป็นทีมที่ต่อเนื่องนานมาก ... นานมากก.... นานๆๆๆ เพราะเป็นการคุมทีมต่อเนื่องด้วยคนเพียงคนเดียว ...ซึ่งมันทำให้ทุกอย่าง ทุก passion หรือทุกแนวทางการเดินเกม เป็นอะไรที่สะท้อนตัวตนของผู้จัดการทีมมากกว่าสะท้อนปรัชญาหรืออารมณ์สโมสร ...ยังดีหน่อยที่ผู้จัดการทีมคนนี้มีอารมณ์เดียวกับ แมนฯ ยูฯ จึงไม่ค่อยแตกต่างมากนัก - ที่ข้าเจ้าว่าทีมเราสะท้อนตัวตนของเฟอร์กี้มากกว่าเพราะข้าเจ้าเองก็มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน อายุไล่เลี่ยกับเฟอร์กี้เนี่ยแหละ ... การที่คลุกคลีมาจนเห็นภาวะการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในตัวคนๆ เดียว ทำให้ข้าเจ้าเข้าใจในอารมณ์คนสูงอายุที่อายุประมาณเฟอร์กี้ .. เพราะเค้าทำ แมนฯ ยูฯ มานาน การหล่อหลอมเข้าด้วยกันของทีมกับเฟอร์กี้ จึงเหมือนกับว่าถ้าจะดูแนวโน้มทีมก็ให้ดูที่เฟอร์กี้ได้เลย ... ทุกอย่างจะหมุนรอบตัวเค้า มากกว่าไปโฟกัสที่ว่าซื้อใครมา ดันใครขึ้น หรือไล่ใครออก ...นักเตะคนเดียวจึงไม่สามารถมามีอิทธิพลต่อความเป็นไปของทีมได้เท่ากับเฟอร์กี้เมื่อเราลองมองย้อนกลับไปในอดีต .... - ดังนั้นถ้าจะให้เดาหรือดูอนาคต สำหรับ แมนฯ ยูฯ ทีมนี้ ก็สามารถดูลักษณะการเปลี่ยนแปลงของเฟอร์กี้แทบจะแทนกันได้เลย ... ด้วยตรรกนี้ เวลาข้าเจ้าตามเชียร์ หรือดู หรือลุ้น ข้าเจ้าจะนึกถึงคนในบ้านเอามาเทียบเคียงความคิดและอารมณ์ในแง่ธรรมชาติของคนแก่ได้ประมาณหนึ่ง ... และมันก็แทบเกือบจะคล้ยาๆ กัน ...ดังนั้น คนแก่อย่างเฟอร์กี้ จะซื้อ จะโค้ชเด็ก หรือจะคุมทีม มันก็อาจจะทำให้มองแนวโน้มได้มากกว่าการเดาความคิดในเชิงคงที่... ......    พร่ามมาตั้งเยอะ เข้าเรื่องซักที ... ข้าเจ้าว่าหลังๆ ต้องทำใจในบางเรื่องฮะ อย่างเรื่องการแก้เกมที่ตอนนี้เฟอร์กี้เริ่มมีอาการตัน ช้า หรือนั่งซึมกะทือคิดไม่ออก ...เราจึงไม่ค่อยเห็นการออกมากระตุ้น ...มองได้อีกอย่างว่าป๋าเองก็เริ่มแก่แล้ว คิดไม่ทัน ...แว็บนึงแก้เกมในใจไว้ step นึง แต่แค่มองไปที่สนาม รูปเกมก็เปลี่ยนไปอีกอย่างแล้ว หรือไม่ก็มีเหตุการณ์ป่วนสมาธิให้เครียดเล่น (เรื่องเครียดกับคนแก่เนี่ย เรื่องใหญ่นะฮะ ...มีผลมาก ไม่ใช่ว่าคุมทีมมายี่สิบกว่าปีจะเสียสูญไม่ได้) เช่น "ทำไมแม่มไม่ Professional Foul วะ...ไอ้หอก" "แม่มสะดุดขาตัวเองล้ม ไมเสื..กมาให้ในเหลืองทีมกูวะ" "เมื่อไหร่จะเลิกแอ็กอาร์ทซะทีวะ วิ่งประกบยังสู้ไม่ได้ หรือว่าถึงคราวเสียตังค์ซื้อ Center ใหม่อีกแล้ววะ" ...เป็นต้น ...ข้าเจ้าว่า ฟีแลน ในฐานะที่นั่งอยู่ข้างๆ ณ เวลานี้ ... ไม่สามารถช่วยป๋าได้ในระดับ "ทีมชั้นนำระดับทวีป" ได้ฮะ ... แค่ในลีกตอนนี้ข้าเจ้าว่าก็เต็มกลืนสุดๆ แล้ว ...กับการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการที่ "อายุและสังขารวิ่งตามทันสมอง" แล้ว...           ......เราสามารถสังเกต Passion การเล่นในสนามได้ในช่วง 2-3 ปีหลังนี้ แมนฯ ยูฯ เราเริ่มออกไปในทาง "คิดเฉพาะจังหวะตรงหน้า" มากกว่าการมองข้ามหลายๆ จังหวะ ... มันอาจจะเกิดได้จากสาเหตุต่อไปนี้... 1. เนื่องจากทีมนี้ (4-5 ปีหลัง) เริ่มสะท้อนตัวตนของเฟอร์กี้ออกมาอย่างแยกไม่ออก ข้าเจ้ามองมุมนึงในเรื่อง "ความสามารถที่เริ่มตัน" ...ไม่ใช่ถดถอย หรือหมดนะฮะ... แกยังมีเดินไปข้างหน้า แต่... มันเริ่มช้าแล้ว เริ่มโดนไล่หลังจากทีมร่วมลีก หรือร่วมทวีป ... วันใดที่เริ่มโดนไล่ทันกันมากๆ หรือเริ่มโดนแซง วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เจ็บปวดกว่าเห็นเฟอร์กี้วางมือนะฮะ... เหมือนคนที่ทำงานจนวันนึงโดนข้ามหัวกันไปหมดก่อนเกษียณ ตรงนี้ข้าเจ้าเองก็เห็นแววตาเฟอร์กี้เค้าสะท้อนออกมาชัดเจนมาก ... ไม่รู้จะมีใครเข้าไปช่วยแบ่งเบาหรือสืบทอดได้ทันเวลามั้ย... 2. วัฒธรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเตะ แมนฯ ยูฯ ยุคใหม่ ... เราคงจะเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กๆ ยุค Class of '94 นะฮะ ...พวกนั้นแต่ละคนพื้นฐานแทบจะปากกัดตีนถีบ ในความคิดของแต่ละคน มีแต่อยากจะ "เก่ง" เหมือนฮีโร่ในดวงใจ อยากเป็นสุดยอดนักแตะในตำนาน... แต่เดี๋ยวนี้ มันเริ่มจะกลายเป็น ... อยากจะ "ประสบความสำเร็จ" หรืออยากจะ "ร่ำรวย" เหมือนคนนั้น คนนี้ "อยากได้เล่นในทีมชุดใหญ่" "อยากดัง" ...อยากในเรื่องไม่เป็นเรื่อง... เด็กพึ่งขึ้นมาใหม่ เด็กที่พึ่งทำเซอร์ไพรซ์ ไม่ค่อยได้ยินข่าวลือเรื่อง "ซ้อมเตะหลังเกม" "ซ้อมยิง Free kick เป็นพันลูก" "ซ้อมเกินเวลาจนโดนไล่ให้ออกจากสนาม" ... มันมีก็จริงๆ แต่มันน้อยคนมาก ...การรวมกลุ่มกันแต่ละทีเพื่ออะไร.. เพื่อไปปาร์ตี้ เพื่อไปเป็นข่าว ....สมาธิในสนาม และการทำเกมมันฟ้องฮะ... มันต่างคนต่างไป มันเข้าใจกันไปคนละทาง ...บางทีก็มั่นใจกันผิดๆ ...นึกว่าตัวเองเป็นเบคแฮม เป็นโรนัลโด้ เป็นก็องโต้... ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะรู้กันมั้ยว่ากว่าชื่อเหล่านั้นจะผงาดได้...เค้าซ้อมกันขนาดไหน เค้าแทบจะไม่ค่อยมีข่าวเรื่องเทื่ยวเลย ...อย่างที่คีนว่าไว้... เด็กเดี๋ยวนี้มันห่วยลง... ... ไม่ได้อยากจะด่าทีมตัวเองให้มากกว่านี้ เพราะอะไรๆ มันก็หมุนไปแล้ว ...เด็กบางคนอย่างรูนี่ย์ ก็เป็นเด็กในไม่กี่คนที่ยังสามารถใช้ Passion ลากสังขารได้ ... ในขณะที่เด็กบางคน แม้แต่เพื่อนร่วมทีมเองยังไม่อยากจะส่งบอลให้... นั่นก็ไม่เขาใจเหมือนกัน ว่าที่ไม่มั่นใจ เพราะสังเกตได้จากตอนแข่ง "หรือว่าตอนซ้อม" ...มันเกิดอะไรขึ้น... ...เราคงจะด่าโอเชียไม่ได้มากนัก เพราะถ้าส่งแกรี่ลงมาก็ไม่แน่ว่าเกมเมื่อวานนี้จะลื่นไหล ...เพราะ AV เองก็ไม่ได้คลุกคลีตีโมงกับแกรี่นานพอเท่าครึ่งนึงที่เกิดกับเบคแฮม ... หรือแม้ว่าสโคลซี่จะดูช้า ...แต่เราก็คงปฏิเสธได้ยากว่าแล้วอีตอนซ้อมมันเล่นกันพอแล้วหรือถึงได้วิ่งไปไม่ตรงช่องกับ MF กลางสนาม ...ลักษณะการทำเกมเมื่อวานของหงส์ ข้าเจ้ามองว่ามันก็แค่ใช้ได้กับ แมนฯ ยูฯ ในวันอย่างนี้เท่านั้น ...ถ้าเมื่อวานเป็นทีมอย่างทีมชาติกรีซของอ็อทโต้ หรือบาร์เยิร์น หรือบาร์ซ่า ..ข้าเจ้าว่าหงส์อาจจะโดนลากวิ่งจนหัวใจวายตายไปแล้ว ไม่ก็โดนลิงชิงบอลจนชนกันเละเทะ... แต่ในขณะเดียวกัน แมนฯ ยูฯเองก็เพี้ยนเล็กๆ ที่เกิดอาการเหมือนคนซ้อมน้อย คิดช้า ซึ่งข้าเจ้าว่าตรงนี้มันมีผลมากกว่าการไปวิ่งไล่สู้กันนะฮะ... ...เกมมันก็ผ่านไปแล้ว สิ่งนึงที่ข้าเจ้าขอเดาไว้กับเฟอร์กี้ คงเป็นเรื่องสังขารกับความคิดของเจ้าตัว ..ข้าเจ้าว่าเค้าเองก็เครียดอยู่ในเรื่องนี้ เดาได้จากการที่ไม่ได้ซื้อผู้เล่นเข้ามามากมายอะไรเพื่ออุดช่องว่าง หรือเดาจากการสะสมผู้เล่น "เพื่ออนาคต" เป็นเกวียนๆ ยอมแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการโดนเล่นงานเหมือนเชลซี ...ข้าเจ้ามองว่าเฟอร์กี้ตอนนี้เหมือนสิงห์โตเฒ่าเข้าไปทุกที รู้ตัวเองว่าเวลาใกล้หมด พยายามวางอนาคตไว้ ...ดังนั้นช่วงนี้ข้าเจ้าเองจึงได้แต่เชียร์แบบกัดฟันและเห็นใจ อดทนรอดูผลผลิตที่แอบเพาะไว้ รอดูผู้สืบทอดที่จะมาทำต่อ ...แล้วก็รอดูว่า "เมื่อไหร่นักเตะในสนามมันจะมีทัศนคติที่ถูกต้องเหมือนคนรุ่นก่อนซักที" จากคุณ : _K_F_C_ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 23:26:39

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านของ #61 แล้วรู้สึกใจหวิวๆ แฮะ ผมเห็นผลงานคุมโปรตุเกสของลุงโรจน์ก็อยากให้แกกลับมาช่วยป๋าเหมือนเดิมจริงๆ น้าฟีแลนไม่ค่อยมีบทบาทกับการเป็นมือขวาเท่าไรเลย แม้แต่ป๋าเองบางนัดก็ดูนั่งเฉยๆ ไม่ออกแอคติ้งอะไรเลย แต่ก็ยังหวังว่าปีนี้ป๋าจะพาทีมเป็นแชมป์ 4 ปีติดได้เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 23:59:53

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นด้วยเลยค่ะว่า นักเตะแมนยูเล่นแบบเนือยๆยังไงไม่รู้ เราดูแล้วแบบ ..เฮ้ย นี่แดงเดือดนะ! อีกประเด็นนึงก็คือ เหมือนหงส์มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว แบบคล้ายๆกับพอเราไปถึงจุดต่ำสุด แมทต่อไปเราก็จะพีคขึ้นมา ..กลัวจริงๆตั้งแต่ก่อนเกมแล้ว แล้วก็แพ้จริงๆ กลาง เล่นไม่ดีเลย(ความคิดเรา) ทำเกมไม่ได้ เก็บบอลไม่ได้ สู้ฝ่ายนู้นไม่ได้จริงๆ สงสัยต้องรอเฟลชกลับมาแล้วมั้งคะ โอเชียด้วย อยากได้แบ็กขวาดีๆสักคน เราว่าที่มีอยู่มันยังไม่ใช่อ่ะค่ะ เวสบราวน์หรอ? แกรี่หรอ? เฮ้อ ถึงจะเศร้า แต่ก็คิดว่าทีมสมควรแพ้แล้วแหละ เล่นแบบนี้เหมือนไม่อยากชนะเลย ปล. แต่ตอนดูบอลอยู่มันเซงกรรมการจริงๆนะ (สงสัยไม่รู้จะโทษใคร 5555) ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิงเท็ดดี้แบร์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 02:14:47

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ  ที่มาวิเคราะห์ให้ ได้เห็นอะไรหลากหลายมุมทีเดียว จากคุณ : หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 02:33:24

ความคิดเห็นที่ 65 ผมว่าเรื่องจุดอ่อนเนี่ย มันเผยให้เห็นตั้งแต่ หงส์ปีที่แล้ว ทั้งเกมกับ บาซ่า รวมถึงเกมนี้ แต่สงสัยว่าทำไมป๋าไม่แก้ปัญหานี้ซะที จะรอหวัง ฮากรีฟ หรือเฟรทเชอร์ หากเกมไหนทั้งสองลงไม่ได้เหมือนเกมนี้  รูปเกมก็จะออก มาแบบนี้ แล้วไปหวังลุ้นกะลูกปาฏิหาริย์ มันคงไม่ได้มาบ่อยๆหรอกครับ อยากให้หาตัวรับดีๆมาซะหน่อย เกมคงจะดีกว่านี้มาก จากคุณ : PanywT   เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:28:17   ------------------------------------------------------------------------ นี่แหละครับ เรื่องนี้ ผมพูดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนเกมกับบาร์ซ่าด้วยซ้ำไป ว่ากองกลางเราจะมีปัญหา เวลาพบกับบิ๊กทีมกันเอง หรือบิ๊กทีมยุโรป นอกจากจะเค้นฟอร์มสุดยอดออกมาได้เท่านั้น ถึงจะพอยันกันได้ แต่ถ้าเอาฟอร์มปกติๆ ไปสู้ มันไม่ไหวครับ สงบใจ ========================================= ========================================= ถามน้าหงบครับ ตอนนี้ถ้าให้ซื้อตัวได้คนหนึ่ง อยากได้ใครครับ จากคุณ : irr_f   เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 52 22:59:11 -------------------------------------------------------------------------- ตอนนี้กลางเราล้น ผมว่าถึงกลางเราจะยังคุณภาพห่างจากบิ๊กๆอื่นๆอยู่บ้าง แต่ด้วยระบบความยืดหยุ่นในทีม และกำลังสำรอง รอฮากรีฟส์หายกลับมา มีเฟล็ทช์ ผมว่าโรเตชั่นได้ดีพอสมควร เก็บตัวสำคัญลงในเกมสำคัญดีกว่า หากถามผมว่าอยากได้ใครเป็นพิเศษ ถ้าซื้อได้ แล้วเขามาตามที่อยากซื้อ ตอนนี้ขอตอร์เรสก่อนเลย หรือไม่ก็เบนเซม่า สไตล์กองหน้าที่ไปได้คนเดียว ชงเอง กินเอง คมเป็นเลเซอร์ แล้วถอยรูนี่ย์หรือเบิร์บมาปั้นให้ ช่วยกองกลาง สิ่งนี้จะช่วยได้ในเกมที่มันตื้อๆครับ เพราะสไตรเกอร์แบบนี้ เราไม่มีจริงๆ ========================================== ========================================== ส่วนที่คุณ K_F_C_ ว่ามานั้น ผมค่อนข้างเห็นด้วยเกิน 80% เชียวนะ ผมว่าตอนนี้ ป๋าเริ่มเหนื่อยพอสมควร ยิ่งปั้นมือขวาเท่าไหร่ ยิ่งหนีไปโตที่อื่น ตั้งแต่ไบรอัน คิดด์, แม็คลาเรน, เคยรอซ จนป๋าเริ่มเซ็งๆแล้วมั้ง ผมว่า คนล่าสุด ไมค์ ฟีแลน ผมว่าชั้นยังไม่ใช่อ่ะ น่าจะเอามาเป็นลูกมือมากกว่า สุดท้ายป๋าคงคิดได้ ว่ามือขวาแต่ละคนที่เอามาใช้งาน เขาไม่อดทนรอเลย ป๋าคงอยากปั้นเป็นตัวแทนในอนาคต แต่ไม่มีใครแข็งใจเป็นสห. ให้ป๋ายาวๆ ตอนนี้เลยเหมือนแกกลายเป็นคนแก่ขี้เหงาข้างสนามยังไงยังงั้น เห็นแต่ละครั้งเหมือนเหม่อๆ ว้าเหว่ ยังไงไม่รู้นะครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 08:37:36

ความคิดเห็นที่ 66 อรุณสวัสติ์ฮะเฮีย... .. ตรงความแก่ว้าเหว่เนี่ยแหละที่น่ากลัว ... ข้าเจ้าเห็นคนแก่ที่บ้านข้าเจ้าที่เริ่มเหงาๆ อยู่คนเดียว ซักพัก ถ้าเราไม่มีเวลาให้มากพอ เค้าจะมีความคิดที่ตามไม่ทันยุค คุยไม่รู้เรื่อง ...นับประสาอะไรกับป๋าเฟอร์กี้ที่ต้องมาคุยหรือสั่งงานเด็กรุ่นหลาน ...ในเมื่อตัวกลางที่เป็นผู้ช่วยเอง IQ. ไม่พอ ... ไม่ได้ว่าฟีแลนโง่นะฮะ ... แต่เรื่องการประสาน การเข้าใจในแท็คติก และการแก้สถานการณ์ของคนที่เป็นผู้ช่วย มันต้องน้องๆ ผู้จัดการทีมเอง ...หรืออย่างที่ในยุโรปส่วนใหญ่เค้าแยกออกจากกันในตำแหน่ง "โค้ช" กับ "ผู้จัดการทีม" ...กรณี EPL ผู้จัดการทีมที่ต้องทำมันซะทุกอย่าง มันสร้างความล้าในสมองมาก เมื่อมีอายุขนาดนี้ทั้งๆ ที่ต้องแบกเอาความเครียดอยู่ตลอดเวลา ... มันมีงานวิจัยทางฝั่งอเมริกาออกมาด้วยซ้ำเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องระหว่างความเครียดและโรคความจำถดถอย... บางที เรื่องบางเรื่องที่ป๋าอาจจะหลงลืมมันก็อาจจะเป็นเรื่องสำคัญในส่วนของการแก้ไขแท็คติกเฉพาะหน้าก็ได้ ซึ่งส่วนตัวข้าเจ้ามองว่า "มันได้เกิดขึ้นแล้ว" ... แต่สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่คือ IQ. ในเรื่องการวางแผนล่วงหน้า หรือพวก Vision ซึ่งพบได้ในผู้บริหารระดับสูงที่มากประสบการณ์ ... แต่บังเอิญให้อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องเจอเหตุการณ์ทั้ง 2 ส่วน ... ข้าเจ้าว่าผู้ช่วยจะมีความสำคัญมากพอๆ กับระดับบุนเดสเทรนเนอร์ .... ... นักเตะ หรือสิ่งแวดล้อมในสโมสรเป็นเพียงเครื่องมือ ...กับตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนฯ ยูฯ ณ เวลานี้มันกลายเป็นตำแหน่งศูนย์กลางไปซะแล้ว ..ข้าเจ้าก็เห็นความยากเยี่ยงนรกในตำแหน่งนี้ที่แม้จะเอาไปยื่นไว้ตรงหน้าเวงเกอร์ ข้าเจ้าว่าเค้าก็ไม่เอา... เพราะรายนั้นก็กำลังจะกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของปืนใหญ่คล้ายๆ กับที่กำลังเกิดกับป๋าเราเหมือนกัน ข้าเจ้าว่าอีกหน่อยคนที่จะเจอปัญหานี้เหมือนกันคงเป็นเวงเกอร์เมื่อถึงคราวอายุเท่ากัน... นี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คาเปลโล่ประกาศออกมาก่อนเลยว่าจะคุมทีมชาติอังกฤษเป็นทีมสุดท้ายในชีวิตการทำงานด้านโค้ช ... ....     ณ วันนี้ข้าเจ้าแทบจะไม่ค่อยไปโทษนักเตะมากมายแล้วฮะ อาจจะมีค่อนขอดบ้างเป็นบางเวลา เป็นรายๆ แต่ไม่ค่อยรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของนักเตะตรงๆ เพียวๆ แล้ว ... สิ่งที่สะท้อนในพฤติกรรมการเล่นหรือทัศนคติที่เกิดขึ้นในระหว่างเล่นเกม ครึ่งหนึ่งคือสิ่งที่ติดตัวตัวนักเตะมาจากเดิม ...และอีกครึ่งหนึ่ง (หรือบางคนมันคือส่วนใหญ่) ในเวลานี้คือ "ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน" เนี่ยแหละฮะ... แพ้เกมนี้มันเหมือนฉายหนังซ้ำรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่แกคุม แมนฯ ยูฯ เจอหงส์มา (ไม่สนว่าจะเจอผู้จัดการทีมคนไหน) ...ถ้ามันเป็นการแพ้อะไรแปลกๆ อย่างเบิร์นลี่ย์ค่อยว่าไปอย่าง อย่างนั้นค่อยดูเป็นเกมๆ ได้ ... แต่แพ้ซ้ำซากด้วยแท็คติกเดิมๆ ข้าเจ้าว่ามันสะท้อนอะไรที่ลึกมากกว่าอะ... ใจนึงก็ไม่อยากให้เกิดการแก่เร็วอย่างนี้ อยากให้กลับมาได้เร็วๆ... แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้แก Retire เร็วๆ เพราะเห็นห่วงทีม ...และก็เห็นใจคนแก่เหมือนกัน จากคุณ : _K_F_C_ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:06:04

ความคิดเห็นที่ 67 สุดท้ายป๋าคงคิดได้ ว่ามือขวาแต่ละคนที่เอามาใช้งาน เขาไม่อดทนรอเลย ป๋าคงอยากปั้นเป็นตัวแทนในอนาคต แต่ไม่มีใครแข็งใจเป็นสห. ให้ป๋ายาวๆ ตอนนี้เลยเหมือนแกกลายเป็นคนแก่ขี้เหงาข้างสนามยังไงยังงั้น เห็นแต่ละครั้งเหมือนเหม่อๆ ว้าเหว่ ยังไงไม่รู้นะครับ จากคุณ : สงบใจ แล้วน้าลูกอม ละฮะ ลุงหงบ ว่าแต่ ฮากรีฟ จะกลับมา ฟิตเต็มถังได้มะไหร่ฮะเนี่ย เห็นข่าว แว่วๆ ว่า จะมาซ้อมได้ตั้งกะกันยา นิฮะ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:11:27

ความคิดเห็นที่ 68 จริงๆอย่างว่ามานั่นแหละครับ ป๋าเฟอร์กี้เองหลังๆในเกมใหญ่ ที่ตกเป็นรอง ก็มักแก้เกมไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอโค้ชเคี่ยวๆในเกมยุโรป หรือบิ๊กโฟร์ด้วยกัน ต้องยอมรับว่าสองปีก่อนที่เราไปได้ไกล เพราะโด้มันกลบด้านมืดนี้ได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อทีมในระยะยาว หากต้องพึ่งพานักเตะบางคนแบบนี้ การปล่อยโด้ไป มันจึงเป็นผลดีต่อภาพรวมของทั้งสโมสร และทีมงาน มันเปิดให้เห็นด้านมืดที่แท้จริง ว่าจุดอ่อนเรามีตรงไหน โดนเปิดออกมายังไง อย่างตอนนี้ เห็นๆกันว่า กับทีมกลางๆ ล่างๆ ถ้าไม่เอ๋อไปเอง ก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อเจอทีมใหญ่ด้วยกัน กลางเราบอดทันที นอกจากจะเร่งกันสุดๆ แต่การเร่งฟอร์มแบบนั้นมันคาดหวังให้เกิดปุบปับไม่ได้หรอก บทมันจะมา มันก็มา บทมันจะหาย มันก็หาย เพราะคลาสนักเตะมันไม่ใช่ คาร์ริค-เฟล็ทช์-แอนนี่ ไม่ว่าเหลี่ยมไหน นาทีนี้คลาสไม่ถึงระดับโลก การเร่งฟอร์มออกมาทุกๆนัดไปจึงเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีดร็อปมีดาวน์บ้าง ไม่เหมือนพวกเอสเซียง-ชาบี-ปิร์โล่ พวกนั้นแม้เล่นฟอร์มธรรมดาก็หรูแล้ว แถมพอกลางบอด หน้าเราก็ไม่ใช่ประเภทข้าทำได้คนเดียวอีกต่างหาก มันเลยพากันตื้อไปกันใหญ่ แต่ตรงนี้เราไปทำอะไรไม่ได้มาก เพราะมันเป็นระบบพื้นฐานของทีมเรา สิ่งที่เราต้องเติมคือความเข้าใจเกม และทีมเวิร์ค รวมทั้งแท็คติค ไอ้ข้อสุดท้ายนี่แหละ ที่ป๋าเราอ่อนกว่าโค้ชยุโรปเคี่ยวๆคนอื่นๆเขาเยอะ แต่ที่ผ่านมาได้ทีมเวิร์ค ได้ความเข้าใจ ได้มือขวาแท็คติคดีๆ มันกลบได้ พอมาปีนี้ ทุกอย่างมันขาดไป ทีมเวิร์คยังไม่ลงตัว โรเตชั่นทุกนัด ตัวเจ็บบาน ความเข้าใจเกมก็เลยยังไม่เกิด มือสองเคี่ยวๆแท็คติคก็ไม่มี สิ่งที่เราเห็นก็คือ ถ้าเกมไหนเข้าล็อคแต่แรก ก็โอเค แต่ถ้าตัน มันก็จะตันอย่างนั้นจนกว่าจะมีใครฝ่าเข้าไปยิงปลดล็อคได้ก่อน นี่คือสิ่งที่ผมเห็นตั้งแต่นัดแรกนั่นล่ะ สิ่งที่ผมคาดหวังก็คือ อยากเห็นเฟอร์กี้ออกตลาดหามือขวาไฟแรงๆสักคน เอามาโค้ชชิ่ง เอามาวางแพลนนิ่งและรายละเอียดเกม เหมือนเคยรอซทำ แล้วเฟอร์กี้ จะไปมีความสุขกับการดูฟุตบอลอีกครั้ง ไปดูการดันเด็กอีกที ไปดูภาพรวมของเด็กๆ อบรมสั่งสอนเด็กๆเหมือนเมื่อก่อนที่แกทำ โดยไม่ต้องเครียดลงไม้ลงมือทุกๆอย่างแบบตอนนี้ น่าสงสารจริงๆ ตอนนี้แกคล้ายๆปู่บ๊อบแล้วนะฮะ ที่เคยพาอังกฤษเป็นที่ 4 อย่างฮือฮา เก่งขนาดนั้น แต่พอช่วงท้ายๆของอาชีพแก แกก็ตื้อมากๆเหมือนกัน จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:22:03

ความคิดเห็นที่ 69 น้าลูกอมแกคงต้องพิสูจน์ตัวเองอีกหน่อย กับการโค้ชทีมสำรองครับ แล้วอีกอย่าง แกเป็นลูกหม้อป๋าด้วย (ถึงแม้ไม่ใช่ลูกหม้อสโมสร) การจะดันแกผ่าหมากมาเป็นมือขวาเลย อาจเกิดปัญหาได้ ไม่เหมือนคนนอก ผมไม่แน่ใจว่าที่นั่นเขายังถือสาเรื่องมาก่อนมาหลังกันรึเปล่านะ เพราะลูกหม้อคนที่อยู่เหนือน้าโอเล่ในสโมสรตอนนี้ ก็ยังมีอีกพอสมควร ไมค์ ฟีแลนเองก็ใช่ ร็อบสันเองก็อยู่ในเครือข่าย หากเขาถือสากัน แล้วเห็นน้าโอเล่ข้ามหัวไปเป็นมือขวา ก็คงไม่สวย แต่ผมอยากเห็นน้าลูกอมขึ้นมานะ อยากเห็นครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 09:25:39

ความคิดเห็นที่ 70 -แฟนเชลซีครับ ไม่มีไรมาก  แค่บอกว่าอยากได้ตอเรสไปยืนคู่กะดรอก มากๆ จากคุณ : niknot66 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 13:50:23

ความคิดเห็นที่ 71 ดูเกมนี้แบบลุ้นไม่ขึ้นจริงๆครับ - โอเชียก็ได้แค่นี้จริงๆ คงไปหวังขึ้นร่วมทำเกมรุกอะไรมากไม่ได้ไม่รู้เพราะป๋ากำชับให้อย่าขึ้นสูงหรือไม่ขึ้นเอง ดูไม่ค่อยต่อบอลกะปีกเลยได้บอลก็ส่งเข้ากลางที่มี 2 กลางหงส์รอรุม 2 อืดไม่ก็ส่งกลับหลังโยนยาว ทำไมป๋าแกไม่เอาบราวน์ลงหรืออยากปั้นเป็นเซ็นเตอร์อีกล่ะนี่ - กองกลางอยากให้ลองให้โอกาสเด็กมากขึ้นได้แล้วล่ะครับ กิ๊บสัน แอนเดอร์ัสัน พอสเซบอน ลายิช โทซิซ ถ้ามากันครบแล้วก็ลองให้โอกาสเพิ่มบ้างได้แล้วล่ะครับ ถึงเวลาผลัดใบในแดนกลางแล้ว จากคุณ : Kazu_kung เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 16:39:54

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามาอ่านนะครับ *-* จากคุณ : dabodabo55 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 21:58:36

ความคิดเห็นที่ 73 แทคติก สู้ไม่ได้อีกแล้วครับ ไม่เข้าใจท่านเซอร์ เหมือนกัน โดนมาสามครั้งติดๆ กันแล้ว กลาง สู้ไม่ได้ก็เละแบบนี้แหละครับ เกมนี้น่าจะลดทิฐิ เอารูนี่ย์ เป็น ปีกซ้าย เหมือนในยุโรปปีที่แล้ว ยังไงรูนี่ย์ ก็ ต้องการพื้นที่ในการเล่นกับบอลครับ ไม่ใช่ หน้าเป้าที่สอดส่าย หาช่องวิ่งทะลุ สังเกตุดูรูนี่ย์ จะ หันหลังให้ประตูตลอด ไม่ใช่เอียงข้างแบบโอเว่นที่พร้อม ออกสตารท์ แข่งกับกองหลัง ตอฟ ก็สไตล์เดียวกัน ทำให้ เกมรุกดูติดติดขัดๆตลอด มีมิติเดียวและที่ผมเห็นว่าสำคัญกว่ารูปเกมหรือแทคติกคือ สปิริทของทีมครับ คือผมเห็นแว๊บๆ ตอนนานี่ยิงฟรีคิก แล้ว เหมือนมีใครก็ไม่รู้ ทำมือแบบ สะบัดๆ แบบเซ็งๆ ทีมที่ดีต้องช่วยกันสนับสนุนเพื่อนครับ ไม่ว่าเค้าฟอร์มตกหรือ เล่นไม่เข้าขากันอย่างไรก็ต้องช่วยเหลือกัน เพื่อนจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น  ตอนนี้นานี คงเซ็งอะครับ สถานการณ์ คล้ายๆ กับ ตอน เวรอน รุด โรนัลโด้ ที่มีปัญหาระหองระแหงกัน เรื่องทีมสปิริท ทำให้ผลงานแย่ที่สุดในรอบสิบปีทีเดียว คาดว่าท่านเซอร์ คงเห็น และคงมีการจัดการเร็วๆนี้ แน่ครับ เหมือนตอนเฉดหัวรุด กับเวรอน จากคุณ : DragonboyR เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 22:01:16

ความคิดเห็นที่ 74 ผมก็คิดนะว่านัดหน้าที่เจอกันที่บ้าน ได้เห็นแมนยูอีกโฉมแน่ๆ และทีมตัวจริงจะลงตัวแล้วในตอนนั้น ส่วนเรื่องแดนกลาง ถ้าฮากรีฟกลับมาแล้วไม่เหมือนเดิมนี่ เตรียมหากลางรับพันธุ์แท้ตัวใหม่เลยครับ ผมว่าเฟลทเชอรนั้นทักษะบอลมีขีดจำกัด ถึงจะพัฒนาขึ้นคงไปไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่ ถ้าจะกลับมาลุ้นในระดับยุโรปเต็มตัว ต้องมีกองกลางแถวหน้าของยุโรปสักคนที่สามารถยืนเป็นตัวหลักได้ตลอดเลยสักคนครับเหมือนสมัยที่เรามีคีน จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 22:41:27

ความคิดเห็นที่ 75 ผมว่าป๋าจัดแทคติกไปบุกสู้มากเกินครับ รู้ๆอยู่ว่าที่ผ่านมาสองนัดที่แพ้ หงส์ได้แต่จากลูกโต้กลับทั้งนั้น แล้วนี่ก็ยังไม่เปิดเกมส์บุกสู้อีก คือถ้าให้หงส์บุกใส่แล้วเราตั้งโซนเนี่ยยังไงก็ไม่มีปัญญาเจาะครับ แต่ต้องเข้าใจครับว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอมาตั้งรับไม่ได้ ทีนี้พอโดนสวนซึ่งหงส์ถนัดอยู่แล้วยิ่งเข้าทางเลย โดนไปทั้ง 2 ลูก และการที่เอฟร่าโดนใบเหลืองเร็วทำให้เติมเกมส์ไม่ถนัด รวมถึงไม่กล้าตัดฟาวล์กลางสนามนั่นคือจุดเปลี่ยนอย่างแท้จริงครับ จากคุณ : pleassure เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 52 23:56:01

ความคิดเห็นที่ 76 ก็ห า เหตุผล กันไป พอพลาด จากคุณ : แมวรักแมว เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 52 08:29:54