ความคิดเห็นที่ 1   ###เดินหน้าชิงบัลลังค์จ่าฝูง### วันที่ 4 พฤษภาคม 2551 เมืองทองลงสนามเป็นนัดที่ 8 ของฤดูกาลด้วยการเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของอดีตทีมยักษ์ใหญ่เมืองไทย “ทีมชาววัง” ราชวิถี เมืองทองยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อถล่มผู้มาเยือนขาดลอย 4-0 จากปฎิพน เพชรวิเศษ , แซมมี่ , ยาย่า และเทวา ศรีธรรมานุสาร ส่วนทางด้านจ่าฝูงศรีราชาสะดุดอีกครั้งเมื่อบุกไปเสมอการบินไทย 1-1 ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ศรีราชานำเมืองทองเพียงแค่หนึ่งคะแนน และนัดต่อเมืองทองบุกไปเยือนศรีราชา !!!!!!! จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:57:03

ความคิดเห็นที่ 2   ### BIG MATCH ศรีราชา VS เมืองทอง เดิมพันจ่าฝูง### ก่อนแข่งนัดนี้ศรีราชามีแต้มนำเมืองทองอยู่หนึ่งคะแนน ขณะที่เมืองทองยิ่งเล่นยิ่งเข้าฟอร์ม สามนัดหลังสุดเก็บชัยชนะได้หมดและยิงคู่แข่งรวมกันได้ถึง 10 ประตู ส่วนศรีราชาสะดุดทำได้แค่เสมอสองนัดติดต่อกัน ทำให้แต้มที่เคยนำจาก 5 คะแนน เหลือเพียงคะแนนเดียว วันที่ 11 พฤษภาคม 2551 เมืองทองลงเล่นเป็นนัดที่ 9 ด้วยการบุกไปเยือนจ่าฝูงศรีราชา และเมืองทองโชว์ฟอร์มมหาประลัยบุกไปถล่มเจ้าบ้านถึง 3-0 จากการทำประตูของเคลาดิโอ , ยาย่า , และอีกหนึ่งลูกนักเตะศรีราชาทำเข้าประตูตัวเอง จากชัยชนะนัดนี้ทำให้เมืองทองขึ้นเป็นจ่าฝูงดิวิชั่น 1 ครั้งแรกได้สำเร็จด้วยการมี 20 คะแนน นำศรีราชาที่มี 18 คะแนน การไล่ล่าสองปีสองแชมป์เริ่มเป็นจริงขึ้นมาแล้ว........ จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:57:36

ความคิดเห็นที่ 3   ### ชนะ 5 นัดติด ยิงได้ 15 ไม่เสียประตู### วันที่ 18 พฤษภาคม 2551 เมืองทองลงสนามเป็นนัดที่ 10 เปิดบ้านต้อนรับสุราษฎร์ธานี และเอาชนะผู้มาเยือนได้ 2-0 จากการทำประตูของปฎิภณ เพชรวิเศษ และโชคลาภ นิลแสง นับเป็นชัยชนะ 5 นัดติดต่อกัน โดยยิงได้ 15 และไม่เสียประตูเลย จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:58:01

ความคิดเห็นที่ 4   ### “สิงโตคู่” ปะทะ “สิงโตแดง” ### ท่านทราบมาก่อนหรือไม่ ก่อนที่ทีมเมืองทองจะใช้ฉายา “กิเลนผยอง” และปรับเปลี่ยนโลโก้สโมสรเป็นรูปกิเลน เริ่มต้นโลโก้ของสโมสรเป็นรูปสิงโตคู่ และทีมก็มีฉายา “สิงโตคู่” ก่อนมาปรับเปลี่ยนเป็นกิเลนผยอง เมื่อก่อนเปิดฤดูกาลไทยพรีเมียร์ลีก 2552 ส่วนสิงโตแดง คือฉายาของนครสวรรค์ เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ย้อนกลับไปในวัยเยาว์ ผมนึกถึง “สโมสรถาวรฟาร์ม” ที่เคยสร้างนักเตะฝีเท้าดีหลายรายประดับวงการบอลไทย และเมื่อย้อนไปสู่ช่วยสุดท้ายของยุคเฟื่องฟู “ยามาฮ่าไทยแลนด์คัพ” ที่เคยสร้างกระแสฟีเวอร์ในบ้านเรา ทีมจากภูธรที่โดดเด่นมากๆ ก็คือ “นครสวรรค์” และสุดยอดขวัญใจของผมคนนึงก็คือ “สิงโตเผือกแห่งปากน้ำโพ” วิฑูรย์ กิจมงคงศักด์ และนครสวรรค์ยังสร้างนักเตะฝีเท้าดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ “เจ้ารถถัง” เสนาะ โล่งสว่าง และปัจจุบันที่เป็นความภูมิใจของชาวนครสวรรค์ เขาคือยอดกองหลังจอมแกร่งของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด “ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์” ชื่อของณัฐพรเคยดังเป็นพลุแตกเมื่อยิงประตูฟ้าผ่าและเป็นประตูโกลด์เด้นโกลด์พาไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ ปีนี้นับว่าเป็นปีที่ตกต่ำมากๆ ของนครสวรรค์ ทีมต้องตกชั้นแบบที่ไม่รู้จะพูดยังไงดี บางนัดมีผู้เล่นมาเล่นไม่ครบก็มี ผมยังเอาใจช่วยให้ทีมนี้กลับมาให้ได้ครับ 25 พฤษภาคม 2552 “สิงโตคู่” ลงสนามนัดที่ 11 ของฤดูกาล บุกไปเยือน “สิงโตแดง” ก่อนจบเกมด้วยการเสมอกันไป 2-2 โดยสิงโตคู่ได้ประตูจาก เคลาดิโอ และโชคลาภ นิลแสง แม้จะสะดุดในเกมนี้แต่เมืองทองยังนำเป็นจ่าฝูงและไม่แพ้มา 10 นัดติดต่อกัน (นับจากแพ้นัดแรกให้กับราชนาวี) และยังนำราชนาวีกับศรีราชาอยู่สามคะแนน (เมืองทองมี 24 คะแนน ส่วนราชนาวีกับศรีราชามีคะแนนเท่ากัน 21 คะแนน) ------------------------------------------------------------ จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:59:20

ความคิดเห็นที่ 5   ### เริ่มออกอาการแกว่ง ### วันที่ 1 มิถุนายน 2551 เมืองทองลงเล่นเป็นนัดที่ 12 ต้อนรับการมาเยือนของการบินไทย ปรากฏว่าเมืองทองเริ่มออกอาการสะดุด เมื่อทำได้แค่เสมอ 1-1 โดยได้ประตูจากดานโญ่ เซียก้า แต่อย่างไรก็ตามบิ๊กแมทช์อีกหนึ่งคู่ ราชนาวีกับศรีราชา กลับตัดแต้มกันเองเสมอกันไป 2-2 ทำให้เมืองทองยังคงนำสองทีมนี้อยู่สามคะแนน ตอนต่อไปจะพาไปพบกับประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำ การพ่ายแพ้นัดแรกในธันเดอร์โดม TwT จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 17:59:49

ความคิดเห็นที่ 6   ###อีกหนึ่งตำนานการพ่ายแพ้ครั้งแรกในธันเดอร์โดม### ถ้าไม่นับเกมอุ่นเครื่อง นี่คือวันที่ไม่น่าจดจำนัดนึงเลยทีเดียว เมืองทองลงเล่นตลอดฤดูกาลที่แล้วและฤดูกาลนี้ ไม่เคยพ่ายแพ้ในบ้านตัวเองแม้แต่นัดเดียว หากเอ่ยชื่อของทีม ปตท. ท่านที่ติดตามกะทู้นี้มาแต่แรกคงทราบดี ทีมนี้เป็นทีมที่ลุ้นแชมป์แข่งกับเมืองทอง ตั้งแต่สมัยดิวิชั่น 2 เมื่อปีที่แล้ว และเลื่อนชั้นขึ้นดิวิชั่น 1 มาพร้อมกับเมืองทอง ซึ่งจากการเจอกันในดิวิชั่น 2 ปรากฏว่าเมืองทองชนะได้ทั้งสองนัด (เยือนชนะ 4-0 เหย้าชนะ 2-1) ก่อนแข่งสถานการณ์ของทั้งสองทีมที่ถือว่าเป็นน้องใหม่ของดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2551 ต่างกันสิ้นเชิง เมืองทองอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง ส่วนปตท.อยู่ในโซนหนีการตกชั้น วันที่ 8 มิถุนายน 2551 เมืองทองลงเล่นเป็นนัดที่ 13 ต้อนรับการมาเยือนของเพื่อนเก่า ปตท. และตำนานที่ไม่อยากบันทึกก็เกิดขึ้น เมืองทองที่ไม่แพ้ในบ้านตั้งแต่ดิวิชั่น 2 มาถึงดิวิชั่น 1 ก็มาพลาดท่าแพ้ให้กับปตท.ไป 0-1 ขณะที่ศรีราชาก็เอาชนะตำรวจ 2-0 ทำให้แต้มเท่ากับเมืองทอง แต่ประตูได้เสียของศรีราชาเป็นรอง เมืองทองจึงยังนำเป็นจ่าฝูงต่อไป แต่สถานการณ์สามนัดหลังสุดไม่ชนะเลย จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 18:00:29

ความคิดเห็นที่ 7   ###ความสามารถพิเศษของเมืองทอง เมื่อเข้าตาจน พวกเขาจะกลับมาได้อีกครั้ง### หากเอ่ยชื่อถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านคิดถึงอะไร ผมคิดถึง “บรรหาร-แจ่มใส” อิอิ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง แต่ผมพูดถึงโรงเรียนบรรหารแจ่มใส และอีกหนึ่งโรงเรียนเลยก็ต้องวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ปลุกปั้นนักเตะฝีเท้าดีสู่ทีมชาติอย่างมากมาย ย้อนกลับไปสมัยที่เริ่มมีการรวมลีก ระหว่างไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกกับโปรวินเชียลลีก สุพรรณบุรี รวมถึงชลบุรี ได้เข้าร่วมการแข่งขันไทยลีกเป็นครั้งแรก หากจะว่ากันตามตรงแล้ว ด้วยความพร้อมหลายๆ ด้าน ทั้งงบประมาณ บุคลากร ศักยภาพนักเตะ สนามแข่งขัน และแฟนบอลที่มีจำนวนมาก (ตูน บอดี้แสลม ก็เคยไปเชียร์สุพรรณบุรีที่สนาม) สุพรรณบุรีน่าจะกลายเป็นทีมยักษ์ใหญ่ได้ไม่ยาก แต่ด้วยการจัดการและความจริงใจในการบริหาร ต้องยอมรับว่าทีมงานชลบุรีจากรุ่นต่อรุ่น มีหัวใจเป็นลูกหนังจริงๆ หลายๆ อย่างที่คนตระผมลคุณปลื้ม และคนตระผมลสิงโตทอง ได้เสียสละและทุ่มเททั้งจิตรวิญญาณในการทำทีมฟุตบอล ปฏิเสธไม่ได้ว่าชลบุรีคือต้นแบบฟุตบอลอาชีพยุคนี้ ที่ผมใช้คำว่ายุคนี้ เพราะยุคก่อนหน้านี้เคยมีหลายทีมที่เคยลองทำ เท่าที่ผมจำความได้ทีมแรกก็ต้องธนาคารกสิกรไทยยุคเฟื่องฟู สมัยที่เป็นเจ้าเอเชีย ว่างๆ ผมจะขุดตำนานเจ้าเอเชียของสโมสรไทยมาให้อ่าน อีกหนึ่งผลงานที่เป็นความภูมิใจของเรา กลับมาที่ธนาคารกสิกรไทย พวกเขาเคยลงทุนทำระบบแฟนคลับด้วยการลงทะเบียนสมาชิก มีการสมัครแฟนคลับได้เสื้อ ได้หมวก และอะไรต่างๆ ในตอนนั้น แต่ภายหลังการเปลี่ยนผู้บริหาร และงบประชาสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไป ในที่สุดทีมแชมป์สโมสรเอเชียสองสมัย แอฟโรเอเชียหนึ่งสมัย ก็ต้องปิดตัวลงและกลายเป็นตำนาน สมัยนี้ทีมจากธนาคารก็ไม่เหลือในลีกสูงสุดของบ้านเรา นับจากปมปริศนาที่ธนากรุงเทพพาณิชยการทิ้งไว้ในนัดสุดท้ายของไทยลีกครั้งที่ 2 ก็ต้องปิดตัวลง และปีล่าสุดทีมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างธนาคารกรุงเทพ และอดีตแชมป์ไทยลีกสองสมัยซ้อนอย่างธนาคารกรุงไทย ก็ต้องยุบทีม ด้วยเงื่อนไขของการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จากยุคการสร้างแฟนคลับของธนาคารกสิกรไทย มาจนถึงยุคเฟื่องฟูของเทโร ช่วงนั้นผมเรียนอยู่รามคำแหง และมีโอกาสตามดูเทโรเตะบอลเอเชียทุกนัดที่เตะในบ้าน ครั้งหนึ่งเทโรเล่นในบ้านรอบแบ่งกลุ่มเจอกับทีมจากญี่ปุ่น (ผมจำไมได้ว่าทีมอะไร) นัดนั้นเตะที่สนามศุภชลาศัย กองเชียร์คนไทยนั่งฝั่งมีหลังคา ส่วนกองเชียร์ญี่ปุ่นนั่งอยู่เกือบเยื้องๆ โกลล์ (รอยต่อระหว่างฝั่งครบเพลิงกับหลังประตู) กองเชียร์จากทีมญี่ปุ่นที่ตามมาวันนั้นมากันไม่ถึง 100 คน แต่พวกเขาส่งเสียงเพลงยืนเชียร์ตากแดดร้อนๆ ในบ้านเราตลอด 90 นาที สาบานได้ว่า วันนั้นผมแทบไม่ได้ดูบอลเลย นั่งดูการเชียร์ของเขาและคิดในใจว่า สักวันเราต้องทำให้ได้แบบเขา ปีนั้นเทโรเข้าถึงรอบชิงสโมสรเอเชีย และเกือบเป็นแชมป์ถ้ากรรมการไม่โกงความตายให้กับทีมอัลไอน์จากยูเออี ผมโชคดีที่ได้อยู่เหตุการณ์ที่สำคัญนัดนั้นด้วย บรรยากาศในสนามราชมังคลาฯ วันนั้นคึกคักมาก ผมอยู่ฝั่งครบเพลิง และเกือบหลงใหลเป็นกองเชียร์เทโรไปแล้ว ถ้าใครบอกว่าแฟนบอลยุคนี้เชียร์เมืองทองตามกระแส ผมก็จะบอกว่า ในยุคที่เทโรเฟื่องฟูก็มีแต่คนเชียร์เทโร เพื่อนผมที่รามคำแหงเป็นกองเชียร์เทโรทั้งหมด “เพราะฉะนั้นเรื่องของการตามกระแส ใครพูดก็เปรียบเสมือนกับการถ่มน้ำลายรดฟ้า” ออกนอกเรื่องมาไกลเลย ฮ่าๆๆๆ  จากสุพรรณบุรี มาธนาคารกสิกรไทย และก็มาเทโร แล้วมันเกี่ยวกันยังไง พิมพ์จนเพลินเลย ฮี่ ฮี่ กลับมาต่อที่เรื่องของเรา 15 มิถุนายน 2552 เมืองทองลงเล่นเป็นนัดที่ 14 บุกไปเยือนสุพรรณบุรีทีมที่ยังมีลุ้นเลื่อนชั้น ก่อนแข่งเมืองทองไม่ชนะใครติดต่อกันสามนัด เกมนี้สำคัญมาก เพราะถ้าพลาดอีกมีสิทธิหล่นจากจ่าฝูงได้ทันที และในสถานการณ์คับขันแบบนี้เมืองทองกลับมาได้อีกครั้งด้วยการเอาชนะสุพรรณบุรี 2-0 จากการทำประตูของสลาฮูดิน อาแว และยาย่า ชัยชนะนัดนี้ทำให้เมืองทองยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูง ขณะที่คู่แข่งอย่างศรีราชาไปพ่ายให้กับทหารอากาศ และราชนาวีเริ่มไล่จี้ติดด้วยการเปิดบ้านเอาชนะนครสวรรค์ เกือบลืมล่าสุดเรามีคัมภีร์ ปิ่นฑะผมลที่ย้ายมาจากสุพรรณบุรี เพราะปัญหาการจ่ายค่าเหนือย และในเลกสองสุพรรณบุรีต้องเสียนักเตะเก่งๆ อีกหลายคนให้กับทีมในไทยลีก และปีนี้พวกเราต้องมาดิ้นรนหนีตกชั้นได้แบบหวุดหวิด ปีหน้าต้องมาลุ้นกันต่อว่า ทิศทางของทีมนี้จะเป็นยังไง ยังไงผมก็เอาใจช่วยทีมนี้ครับ -------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 18:02:05

ความคิดเห็นที่ 8   จบสำหรับวันนี้แล้วครับ ^^' ไปตามกันต่อตอนที่ ๔ >> พรุ่งนี้นะครับ จากคุณ : The dark Empire เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 18:02:45

ความคิดเห็นที่ 9 วันนั้นคึกคักมาก ผมอยู่ฝั่งครบเพลิง และเกือบหลงใหลเป็นกองเชียร์เทโรไปแล้ว ถ้าใครบอกว่าแฟนบอลยุคนี้เชียร์เมืองทองตามกระแส ผมก็จะบอกว่า ในยุคที่เทโรเฟื่องฟูก็มีแต่คนเชียร์เทโร เพื่อนผมที่รามคำแหงเป็นกองเชียร์เทโรทั้งหมด “เพราะฉะนั้นเรื่องของการตามกระแส ใครพูดก็เปรียบเสมือนกับการถ่มน้ำลายรดฟ้า” ชอบประโยคนี้จัง ตอนนนี้ ทีม นำไป 4 ต่อ 1 ผมกำลังนั่งจดบันทึก สถิติการครองบอล........จ่ายดี เสีย ของ คริตเตียน เด็กคนนี้อยู่........เห็นแววตอนสนามแห้ง กระชาก ทีมแชม พม่า  ขาดวิ่น หลุดหลายหน...........กำลังนั่งวิเคราะห์การเข้าฮอสของเขาเป็น..... แบบมัตติรึเปล่า.....ผมชอบคิดดูรูปแบบ การสร้างเกมแบบ  ลอกาทิซึ่ม....จำลองเป็นโมเด็ลแล้วจดๆๆ นัดนี้ได้หลายพ้อยคับ ด้วยความเคารพ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 52 18:29:29 จากคุณ : กองพัน...nick เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 18:25:00

ความคิดเห็นที่ 10 แฟนๆเมืองทองช่วยกันกดปุ่ม เก็บเข้าคลังกระทู้ กันด้วยนะครับ ประวัติศาสตร์ของพวกเรา จะได้มีให้กองเชียร์รุ่นหลังๆได้อ่านกัน จากคุณ : ss2498 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 52 21:35:14