 |
ความคิดเห็นที่ 6 |
ระวัง...เรือใบมาแล้ว
อากาศบนโลกเรานับวันจะยิ่งวิปริตแปรปรวนมากขึ้นทุกที ขณะที่ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือกำลังเผชิญกับพายุหิมะพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง แผ่นดินขาวโพลนไปด้วยหิมะ อุณหภูมิต่ำกว่าจุด เยือกแข็ง
แต่ที่ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ทางซีกโลกใต้ กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อากาศร้อนตับแลบ เนื่อง จากโดนคลื่นความร้อนพาดผ่าน ทำให้ประชาชนในแถบนั้นต้องแห่กันไปแช่น้ำทะเลเพื่อคลายร้อน
ส่วนที่ทวีปแอฟริกา สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปแอฟริกา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "แอฟริกัน เนชันส์ คัพ" ประจำปี 2010 ซึ่งมีประเทศแองโกลา รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ ที่แองโกลาหนนี้ ตกเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก หลังเกิดเหตุรถบัสของนักเตะทีมชาติโตโกถูกกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในแองโกลาลอบยิงถล่ม จนมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บอีกร่วมสิบคน ทำให้ทีมชาติโตโกถอนตัวออกจากการแข่งขันไปแล้วตามคำสั่งของผู้นำประเทศ
เล่นเอาทัวร์นาเมนต์นี้เกือบล่มเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไร "เดอะโชว์ มัสท์ โก ออน" ในที่สุดศึกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ 2010 ก็ดำเนินการแข่งขันตามกำหนดเดิม และถึงตอนนี้ก็ผ่านพ้นไป 2 วันแล้ว
สำหรับนัดเปิดสนามระหว่างเจ้าภาพแองโกลาพบกับมาลีในกลุ่มเอนั้น เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆที่แองโกลาชวดคว้าชัยในนัดเปิดสนาม หลังเป็นฝ่ายถล่มนำห่างมาลีไปก่อนถึง 4-0
แต่ขณะเหลืออีก 11 นาทีจะหมดเวลาก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางวันแสกๆ เมื่อมาลีตามตีเสมอแองโกลาเป็น 4-4 ได้อย่างเหลือเชื่อ เล่นเอาท่านต่อช็อกตาค้างกันไปเลย (ก่อนจะต้องไปจ่ายตังค์ตามระเบียบในวันรุ่งขึ้น)
ดูบอลมาก็มาก นานๆทีถึงจะเห็นทีมที่นำห่างก่อน 4-0 แล้วมาโดนตีเสมอ 4-4 ทั้งที่เหลืออีกแค่สิบกว่านาทีก็จะหมดเวลา นี่แหละครับอะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมฟุตบอล
ขณะที่เจ้าภาพทำได้แค่เสมอ ทีมเต็งหามอย่าง "ช้างดำ" ไอวอรีโคสต์ ก็โชว์ฟอร์มสุดฝืดเช่นกัน หลังลงเล่นนัดแรกในกลุ่มบี แล้วเจ๊ากับบูร์กินา ฟาโซ ไปแบบจืดชืดไร้สกอร์ 0-0 ทั้งที่ส่งซุปเปอร์สตาร์ลงบู๊เต็มทีม ไม่ว่าจะเป็นดิดิเยร์ ดร็อกบา โคโล ตูเร เอ็มมานูเอล เอบูเอ และยายา ตูเร เป็นต้น
นัดหน้า ไอวอรีโคสต์ ต้องเจองานหนักกับ "ดาวดำ" กานา เสียด้วย แถมดร็อกบายังต้องมาห้ำหั่นกันเองกับเพื่อนร่วมทีมเชลซีอย่างเอสเซียง งานนี้ลุ้นกันมันหยดแน่นอน
ส่วนเกมพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนท์ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ ยังโชว์ฟอร์มสุดยอดภายใต้การคุมทัพของโรแบร์โต มันชินี กุนซือชาวอิตาเลียน หลังเปิดรังถล่มแบล็กเบิร์นยับ 4-1
นับเป็นชัยชนะ 4 นัดติดต่อกันจากการลงเล่นรวมทุกรายการของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ นับตั้งแต่ได้ โรแบร์โต มันชินี มาคุมทีม
เกมถล่มแบล็กเบิร์นนัดนี้ คาร์ลอส เตเบซ หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินา ทำแฮตทริกของเขาในสีเสื้อทีมเรือใบสีฟ้าได้สำเร็จ
ส่งผลให้ขึ้นมารั้งอันดับ 3 ในทำเนียบดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ด้วยผลงาน 12 ประตู ตามหลังเดโฟ ดร็อกบา และรูนีย์ ซึ่งนำอันดับ 1 ร่วม แค่ 2 ลูก
ต้องยอมรับว่าบอร์ดบริหารทีมแมนฯซิตี้ตาแหลมมากที่ดึงตัวมันชินีมาคุมทีมแทนมาร์ก ฮิวจ์ส ชนิดถูกที่ถูกเวลาดีเหลือเกิน
ส่วนมันชินีเองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "เก่งจริง" ผลงานที่นำอินเตอร์ มิลาน ผงาดซิวแชมป์กัลโชซีรีเอ 3 สมัยซ้อน ไม่ใช่เรื่องฟลุกแต่อย่างใด
ถึงตอนนี้แมนฯซิตี้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4 แล้ว มีคะแนนตามหลังที่ 3-2-1 อย่างอาร์เซนอล, แมนฯยู, เชลซี อยู่เพียง 4, 6 และ 7 แต้มตามลำดับเท่านั้น
เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยว่า ระวังหลังให้ดี...เรือใบ แมนฯซิตี้ มาแล้ว "สิงห์ ผี ปืน" พลาดเมื่อไหร่ โดนเรือใบแซงแน่!!
หมวดแซม
จากคุณ |
:
still solo one
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ม.ค. 53 10:10:54
|
|
|
|
 |