Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักเตะ สายเลือดazzurri สู่ BCCFC  

เบื่อกับจูเว่
เลยเอาอันนี้มาเสนอให้ชมกัน

จากเบรสชา...สู่กรุงเทพคริสเตียน
ยาโคโป (สงกรานต์) อาร์แคตตี้
แข้งมะกะโรนีรายแรกแห่งลีกอาชีพเมืองไทย
     
ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนนี้กระแสความร้อนแรงของวงการฟุตบอลไทยนั้นระบือไกลไปกว่าที่ใครหลายคนคิดเอาไว้  ล่าสุดในช่วงปลายปีก็สามารถสร้างความกระหึ่มด้วยการติดเป็น 1 ใน 10 เหตุการณ์สำคัญของวงการฟุตบอลบนผืนแผ่นดินเอเชียในรอบปี พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมาอีกด้วย และจากข่าวที่ออกมาก็ทำให้บรรดาขุนพลแข้งจากต่างชาติ เริ่มที่จะสนใจเข้ามาขุดทองกันเป็นทิวแถว จากเดิมที่เคยมีแต่พวกผิวสีจากทวีปแอฟริกา มาวันนี้ดูไม่เหมือนเก่าเมื่อนักเตะจากทวีปยุโรป รวมถึงเอเชียต่างก็ทยอยเข้ามาค้าแข้งลีกอาชีพเมืองไทยเยอะขึ้นเรื่อยๆ บางรายถึงขั้นสร้างสีสันให้กับการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิ่ล เบิร์น (เวลส์ / ชลบุรี), ฮิโรโนริ ซารูตะ (ญี่ปุ่น / บางกอกกล๊าส เอฟซี) ฯลฯ
     แต่ที่น่าติดตามและเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดในช่วงเวลานี้ก็เห็นจะเป็นในลีกรองอย่างลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 2010 ซึ่งกำลังจะดีเดย์ประเดิมสนามในวันที่ 14 ก.พ. 53 หลาย ๆ สโมสรกำลังเดินเครื่องเตรียมความพร้อมกันอย่างคึกคักโดยเฉพาะการเสริมทัพด้วยผู้เล่นต่างชาติเพื่อนำไปสู่การสร้างกระแสความนิยมที่จะเกิดขึ้นจากเหล่าแฟนคลับ เหมือนกับตัวอย่างที่เห็นมาแล้วยังศึกไทยพรีเมียร์ลีกในซีซั่นที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ชงโค” กรุงเทพคริสเตียน หรือที่เหล่าแฟนคลับรู้จักกันในนามของ “บีซีซี เอฟซี” อดีตสโมสรชื่อดังที่เคยรุ่งเรืองจนสามารถก้าวขึ้นไปเล่นในศึกไทยลีกมาแล้วหนึ่งสมัย แต่ในทุกวันนี้พวกเขาต้องมาฝ่าฟันอุปสรรคในลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการซิวตัวแข้งแห่งเมืองมะกะโรนีอย่าง “ยาโคโป อาร์แคตตี้” อดีตนักเตะฝึกหัดสโมสรเบรสชา ในศึกกัลโช่ เซเรีย บี แห่งประเทศอิตาลี เข้ามาร่วมทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ท่านผู้อ่านคงจะเกิดความสงสัยใช่ไหมละครับว่า หมอนี้เป็นใครมาจากไหน จากอดีตเบรสชา  ทุกวันนี้ถึงมาอยู่กับกรุงเทพคริสเตียนได้ วันนี้ “อ๊อฟ...อ๊อฟ” มีคำตอบให้หายสงสัยกันครับ
     ยาโคโป อาร์แคตตี้ เด็กหนุ่มแห่งเมืองเบรสชา ถือกำเนิดออกมาภายในครอบครัวระดับปานกลาง มีคุณพ่อประกอบอาชีพวิศวกร ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน พร้อมกับพี่ชายคนโตอีกหนึ่งคน และเป็นธรรมดาที่เด็กผู้ชายอย่าง “ยาโคโป” จะชื่นชอบลูกหนังเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ จนในที่สุดเมื่อเจ้าตัวอายุเข้าวัย 20 ปี ก็สามารถพิสูจน์ฝีเท้าเป็นที่ประจักษ์ จนได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบอาชีพกับทีมสมัครเล่นอย่าง “บาร์โตโลเนโอ” ซึ่งเป็นสโมสรปั้นเด็กดาวรุ่งที่บรรดาแมวมองของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน มักจะชอบซุ่มมาฉกนักเตะเจ๋งๆ ไปปลุกปั้นจนโด่งดังมาแล้วอาทิ “มาริโอ  บาโลเตลลี่” ศูนย์หน้าผิวสีของทีม “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ซึ่งก็เริ่มต้นการค้าแข้งมาจากรังเดียวกันกับเจ้าของตำแหน่งปีกขวาอย่าง “ยาโคโป” นั้นเอง
     และที่นี่แหละครับที่ทำให้ปีกขวาชาวอิตาลีรายนี้สามารถงัดฟอร์มเด่นบริเวณริมเส้นด้านขวาจนไปเข้าตาสโมสรยักษ์ใหญ่ประจำเมืองอย่าง “เบรสชา” จนสุดท้ายก็ดึงตัวไปร่วมทัพในที่สุด ซึ่งช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นเบรสชาเจ้าตัวก็เผยว่า ค่อนข้างที่จะฝึกซ้อมหนักมากๆ โดยในแต่ละวันจะต้องเดินทางไปเรียนในช่วงเวลา 08.00 – 12.00 น. และในช่วงบ่าย 15.00 – 20.00 น. ก็จะเป็นเวลาการฝึกซ้อมที่สโมสรเบรสชา ซึ่งที่นี่เขาจะเน้นเรื่องความแข็งแรงของร่างกายโดยเน้นที่การสร้างกล้ามเนื้อและการเล่นเวตเทรนนิ่ง แต่ละวันก็บอกเลยว่าเล่นเอาเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว ไหนจะต้องตื่นตอนเช้าไปเรียนอีกเป็นอย่างนี้ตลอดเลกแรก หากเทียบกับเมืองไทยถือว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เรียกง่ายๆ ว่าเมืองไทยสบายกว่าเยอะ
     จนเข้าสู่ช่วงการพักเบรกเลกแรก “ยาโคโป” ก็ไปสะดุดตากับโปสการ์ดที่มีรูปของมหานคร “กรุงเทพฯ” จากประเทศไทย สวยเด่นเป็นสง่าเตะตา จนทำให้เกิดอยากที่จะมาสัมผัสด้วยตาของตัวเอง และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเก็บกระเป๋าพร้อมกับบินลัดฟ้ามายังประเทศไทยทันทีที่หัวใจของเขามันเรียกร้อง
     ช่วงเวลา 1 อาทิตย์ที่ก้าวขามาถึงเมืองไทย “ยาโคโป” นั้นก็ไม่ได้มีความสุขเลยเหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ เนื่องด้วยอากาศที่ร้อนจัดแตกต่างจากบ้านเกิดโดยสิ้นเชิง รวมถึงยังไม่ค่อยที่จะรู้จักใคร และที่สำคัญคือเรื่องของอาหารการกินที่มันดูจะไม่ค่อยถูกปากหนุ่มหัวทองรายนี้สักเท่าไหร่
     ตอนแรกก็แค่อยากจะมาเที่ยวเฉยๆ แต่ทำไปทำมาพอได้มาเจอกับบุคคลคนหนึ่งที่ “ยาโคโป” มักจะเรียกว่า “พี่ชาย” โดยทั้ง 2 ได้เจอกันในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ไทย หรือที่เราชาวสยามรู้จักกันดีก็คือวัน “สงกรานต์” นั้นเอง จากการที่สื่อสารกันรู้เรื่องเมื่อ “พี่ชาย” คนดังกล่าวเป็นลูกครึ่งอิตาลีและอเมริกา รวมถึงยังเป็นเจ้าของบริษัทประกันภัยที่ชื่อว่า “PRIMA – DENT” จึงทำให้ทั้งคู่มีความสนิทกันพร้อมกับตั้งชื่อให้ “ยาโคโป” ใหม่ในแบบไทยๆ ว่า “สงกรานต์” เพราะจากการที่รู้จักกันในช่วงเทศกาลดังกล่าว และที่สำคัญ “สงกรานต์” ก็ได้ตัดสินใจเข้ามาทำงานในบริษัทดังกล่าวในตำแหน่งผู้จัดการบริหารลูกค้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับมหานครกรุงเทพฯ ในหลายๆ เรื่องของสงกรานต์ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปในแง่บวก จนพานไม่อยากที่จะกลับอิตาลีเข้าให้แล้วซิครับ
     คุยไปคุยมา “สงกรานต์” เองก็ได้เล่าประวัติพี่ชายทราบว่าเคยเป็นอดีตนัดเตะฝึกหัดของเบรสชา และนั่นจึงทำให้สงกรานต์ได้รับรู้เรื่องราวของวงการฟุตบอลไทยจากพี่ชายที่ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยมานับ 10 ปี ซึ่งเขาก็เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ฟุตบอลไทยโดยเฉพาะลีกอาชีพกำลังบูมสุดๆ และได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งจากแฟนบอลชาวไทย ซึ่งหลังจากที่สงกรานต์ได้รับทราบถึงแวดวงบอลสยามแล้ว ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาว่าอยากที่จะกลับไปสวมสตั๊ดเหินหาวอีกครั้ง
     กับระยะเวลา 13 เดือน ที่สงกรานต์ใช้ชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งก็ทำให้เจ้าตัวสามารถเรียนรู้วิธีการใช้ภาษาไทยทั้งการอ่าน, เขียน, สื่อสารกับคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี จนไปพบเว็บไซต์สโมสรฟุตบอลกรุงเทพคริสเตียน ในลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 ซึ่งจากคำว่า “คริสเตียน” ก็สอดคล้องกับศาสนาคริสต์ที่เจ้าตัวให้ความเคารพนับถืออยู่ จึงทำให้ปีกขวารายนี้ไม่พลาดที่จะเดินทางเข้ามาขอคัดตัวกับทางด้าน “บิ๊กหมี” หัสชัย ลีนะวัฒนา ผจก.ทีม รวมถึง นพพร เอกศาสตรา กุนซือใหญ่ และก็ไม่มีอุปสรรคอะไรสำหรับการเป็นสมาชิกใหม่แห่งทัพ “ชงโค” ของ”สงกรานต์”
     แม้จะถูกหักเงินเดือนจากงานประจำที่ทำอยู่จากเดิมหลังจากที่เคยได้รับถึง 60,000 บาท / เดือน จนทุกวันนี้ลดลงมาอยู่ที่ 30,000 บาท เนื่องจากต้องเอาเวลามาซ้อมบอลซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเจ้าตัวก็ยอม โดยดีเมื่อดูแล้วคงจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความรักและผูกพันในเกมลูกหนังของเขาไปได้อย่างแน่นอน
และการย้ายมาร่วมทัพ “ชงโค” ของปีกขวาตัวที่เด็ดอย่าง “ยาโคโป (สงกรานต์) อาร์แคตตี้” อดีตเด็กฝึกของสโมสรเบรสชาแห่งศึกกัลโช่ ฌวเรีย บี ในครั้งนี้ ก็เรียกได้ว่าเป้นนักฟุตบอลชาวอิตาลีคนแรกในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไทย นับได้ว่าเป็นการเรียกการแสความโด่งดังของลีกอาชีพเมืองไทยได้เป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง เมื่อทุกวันนี้เริ่มที่จะมีผู้เล่นชาวต่างชาติทยอยตบเท้าเข้ามาสร้างสีสันกันได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อเหลือเกินว่ายังไม่น่าจะหยุดแค่นี้สำหรับนักเตะต่างชาติ ที่กำลังจะเข้ามาสร้างความฮือฮารวมถึงกระแสความคลั่งไคล้ของเหล่าแฟนคลับได้เป็นอย่างดีในอนาคตอันใกล้แน่...รอดูก็แล้วกัน

credit บทความและรูป จาก
http://www.bccfootballclub.com ,http://www.bccfootballclub.com

 
 

จากคุณ : alek149
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 11:19:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com