ความคิดเห็นที่ 1 มีสโมสรหนึ่งกำลังไปไม่ถึงไหน ไม่มีแม้กระทั่งสนามซ้อม มีที่นั่งชมในสนามเพียงแค่ 1 ทิศ และน้ำฝนก็ชอบรั่วเข้ามาทางหน้าต่างของห้องแต่งตัว ส่วนนักเตะจะเป็นพวกพาร์ทไทม์ แล้วจำนวนคนดันมีไม่เพียงพอ รวมไปถึงจำนวนชุดแข่งด้วย เงินกองกลางสำหรับซื้อนักเตะรวมแล้วก็ประมาณ 2,000 ปอนด์ A club going nowhere, with no training ground, one stand and rain coming through the dressing-room window. There were part-time players, just not enough of them, nor was there enough kit. The transfer kitty amounted to £2,000. ในขณะที่แต่ละวันที่ผ่านพ้นไป นำมาซึ่งการเปิดเผยถึงสถานะภาพทางการเงินของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด      จอร์จ อดัมส์ อาสาจะพากลับไปดูว่าในสมัยก่อนนั้น ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เจอเรื่องอะไรมาบ้าง As another day brings yet another revelation about the state of Manchester United’s finances, George Adams can take you back to how it used to be for Sir Alex Ferguson. เป็นที่รู้กันว่า อดัมส์ นั้นเป็นนักเตะคนแรกสุดที่ถูกซื้อโดย เฟอร์กูสัน เมื่อครั้งที่เขาได้เริ่มการเป็นผู้จัดการทีม อีส สเตอร์ลิ่งเชียร์ เอฟ ซี ตอนอายุ 32 ปีในปี 1974     บอสแห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เคยกล่าวไว้ขำๆเมื่อไม่นานมานี้ว่า ในขณะที่เขาเป็นคนแรกที่ได้ซื้อเข้ามาแล้ว อดัมส์ นั้นถือเป็นการซื้อที่แย่ที่สุดของเขา ค่าตัวในการเซ็นสัญญานั้นอยู่ราวๆ 100 ปอนด์ และเขาได้รับค่าเหนื่อย 14 ปอนด์ต่ออาทิตย์ Adams has the distinction of being the first-ever managerial signing by Ferguson, then only 32 having just been taken on by East Stirlingshire FC. It was 1974. The Old Trafford boss recently joked that, as well as being his first signing, Adams was his worst. He was bought for a signing-on fee of about £100, and he earned £14 a week. และความทรงจำต่างๆจากสถานที่อย่าง อีส สเตอร์ลิ่ง และชีวิตในวัยเยาว์อันไม่ราบรื่นใน กลาสโกว์ ตามที่ อดัมส์ ได้กล่าวนั้น ควรได้รับการพิจารณาเมื่อการคาดเดาทั้งหลายต่างพุ่งเป้าไปว่า เฟอร์กูสัน จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไรต่อหายนะของกองหนี้ที่ตระกูล เกลเซอร์ กำลังกองพะเนินอยู่บน ยูไนเต็ด And the memory of places like East Stirling, and of a gritty Glasgow childhood, Adams says, should be considered when speculation centres on how Ferguson is reacting to the avalanche of debt the Glazer family are heaping upon United. จากคุณ : เส้นสำราญ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:07:17

ความคิดเห็นที่ 2 เฟอร์กูสัน ได้ปฏิเสธที่จะออกความคิดเห็นเกี่ยวกับจำนวนหนี้ 716 ล้านปอนด์ของสโมสรอย่าง ยูไนเต็ด ที่เขาได้ช่วยสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่มากกว่าใครๆ แต่ อดัมส์ ผู้ซึ่งติดต่อกับเจ้านายเก่าของเขาอย่างสม่ำเสมอ (ล่าสุดก็เมื่ออาทิตย์นี้เอง) ไม่ได้แสดงอาการใดๆว่าโดยส่วนตัวแล้ว เฟอร์กูสัน กำลังรู้สึกถูกต้อนให้จนมุม มันช่างไม่ใกล้เคียงเลย Ferguson has declined to comment on the debts of £716 million at a club he, more than anyone, helped to re-invent. But Adams, who is in regular contact with his former boss — he spoke to him this week — does not give the impression that, privately, Ferguson is feeling cornered. Far from it. ความเชื่อที่ว่าพวกชีคแห่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทำให้ เฟอร์กูสัน รู้สึกหวั่นไหวนั้นแทบจะทำให้ อดัมส์ นั้นขำก๊าก      เหมือนๆกับที่ อีส สเตอร์ลิ่ง อดัมส์และเฟอร์กูสันนั้นได้ร่วมงานกันที่ อเบอร์ดีน กว่าแปดปีครึ่ง (อดัมส์ทำงานเป็นโค้ชทีมเยาวชนของเฟอร์กูสัน) และเขาได้เสริมว่าถ้าเป็นความรู้สึกตรงข้ามก็ว่าไปอย่าง The idea that the sheiks of Manchester City have given Ferguson the shakes has Adams almost guffawing. As well as East Stirling, Adams and Ferguson were together for eight and a half years at Aberdeen — Adams was Ferguson’s youth coach — and Adams says the opposite is more likely. “ผมคิดว่า ‘อเล็ค’ นั้นเห็นทุกอย่างทั้งหมดนี้ (เรื่อง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทุกๆสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน) ว่าเป็นความท้าทายมากกว่านะ” อดัมส์ ผู้ซึ่งเหมือนกับเพื่อนชาวสก็อตติชทุกคนของ เฟอร์กูสัน ที่มักเรียก เซอร์ อเล็กซ์ ว่า ‘อเล็ค’ กล่าว ‘I think Alec sees all of this — Manchester City and all of it — as a challenge,’ says Adams, who, like all of Ferguson’s Scottish friends, refer to Sir Alex as ‘Alec’. “อเล็ค ใช้ประโยคคำพูดนี้ด้วยตัวเอง ‘ดูนะ หากคุณกำลังมีเรื่องชกต่อย คุณจะถกแขนเสื้อแจ็คเกตขึ้น และเมื่อมันเริ่มหนักข้อขึ้น คุณก็จะถกมันสูงขึ้นไปอีกนะ หากมันยากขึ้นอีก คราวนี้คุณจะถอดเจ้าแจ็คเกตนั้นออก แล้วคุณก็ลุยด้วยหมัดล้วนๆเลย’ เขาเป็นนักต่อสู้มาตลอดชีวิตของเขา แล้วตอนนี้จะให้เขามายอมแพ้น่ะเหรอ ? ไม่มีทางหรอก ไม่มีทาง” ‘Alec uses this expression himself: “See when you’re in a fight, you roll your sleeves up. When it gets harder, you push them up higher. When it gets harder again, you get the jacket off and you fight bare-fisted”. He’s been a fighter all his life. Is he going to give in now? Not a chance. Not a chance. “เฮ้ เขากำลังรื่นเริงกับเรื่องนี้นะ ไม่ต้องมีข้อสงสัยเลยล่ะ      ‘มีคนกำลังจะมาฉกมงกุฎของฉันน่ะเหรอ? ไม่มีทางหรอก ไม่มีทาง ไม่มีทาง’ (ผู้แปล: คาดว่าเป็นคำพูดของท่านเซอร์ครับ) ‘Hey, he’s relishing this. Without. A. Doubt. “Someone coming in to take my crown? Not a chance. Not a chance. Not a chance”. “และเขาก็ผลักดันทัศนคตินั้นสู่พวกพ้องที่ร่วมงานด้วย ถ้าคุณไม่อยากทำงาน งั้นก็ ‘ลาก่อนล่ะ’ ทุกๆครั้งที่มีเรื่องท้าทายเกิดขึ้น เขาก็จะเพิ่มเงินเดิมพันให้มันสูงยิ่งขึ้นไปอีก” ‘And he pushes that attitude into folk. If you don’t want to work, it’s “See ya”. Every time there’s been a challenge, he’s upped the stakes. “นี่นะ เมื่อไรก็ตามที่ผู้คนเริ่มคิดว่าเขากำลังอิ่มตัวหรือจะเรียกอะไรก็ได้ เมื่อนั้นคือตอนที่คุณจะต้องรู้สึกกังวลแล้วล่ะ ลองคิดถึงหลักการทำงานของเขา และต้องไม่ลืมว่าเขามาจากที่ไหนสิ ถ้าคุณมาจากที่ๆไม่มีอะไรเลย คุณย่อมที่จะลุยงานต่อไปได้” ‘See, whenever people think he’s mellowing or whatever, that’s when you’ve got to worry. Think of his work ethic. And never forget where he came from. If you come from somewhere where there’s nothing, you can work with that. “ไม่มีอะไรน่ะเหรอ? นั่นก็คือว่า อเล็ค เฟอร์กูสัน กำลังกลับคืนสู่รากฐานไงล่ะ” ‘Nothing? That’s Alec Ferguson going back to his roots.’ จากคุณ : เส้นสำราญ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:07:54

ความคิดเห็นที่ 3 กระนั้นหากการทำงานโดยไม่มีอะไรเลยที่ อีส สเตอร์ลิ่ง เป็นอะไรที่หินอย่างปฏิเสธไม่ได้      การทำงานโดยไม่มีอะไรเลยตอนนี้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นั้นก็ต้องเรียกว่าหายนะ  ดังนั้นไม่ว่านโยบายการพัฒนาเยาวชนของ เฟอร์กูสัน จะเยี่ยมยอดแค่ไหน เงินลงทุนถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกๆทีมที่เจริญก้าวหน้า และความกังวลใจที่สัมผัสได้ชัดเจนของเหล่ากองเชียร์ ยูไนเต็ด ก็คือกองหนี้ของตระกูล เกลเซอร์ ที่กำลังกัดกินเข้าไปในงบประมาณช็อปปิ้งของ เฟอร์กูสัน ลองดูค่าใช้จ่ายสุทธิเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วสิ ของ ยูไนเต็ด นั้น - 59 ล้านปอนด์ ส่วนของ ซิตี้ ก็ 118 ล้านปอนด์ Yet if working with nothing was undeniably tough at East Stirling, working with nothing now at Old Trafford would be calamitous. No matter how brilliant Ferguson’s youth policies have been, all progressive squads require investment and the palpable anxiety among United supporters is that the Glazer debt is eating into Ferguson’s budget. Last summer United’s net spend was minus £59m; City’s net spend was about £118m. “ถ้าหากวันหนึ่ง มีคนมาบอกคุณว่าคุณมีเงินให้ใช้อยู่จำนวนเท่ากับ X แล้วอีกวันต่อมา คุณดันไม่มีให้ใช้แล้วล่ะ อย่างนี้ก็เท่ากับคุณถูกมัดมือ จะทำอะไรก็ไม่ถนัด” อดัมส์ ยอมรับ ‘If one day you’re told you’ve X amount to spend and the next you’ve not, then your hands are tied,’ accepts Adams. “แล้วคุณก็มีพวกเพื่อนบ้าน (อย่าง ซิตี้) แต่ผมก็ยังมองในแง่บวกว่านั่นจะเป็นแรงกระตุ้นนะ หากเป็นเขา เขาก็จะพูดว่า ‘ฉันจะลุยเข้าไปหาพวกนั้นแล้วอัดมันให้น่วมเลย’ มันจะมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นแน่ เรื่องเงินๆทองๆเนี่ย มันจะต้องมีแน่ๆ” ‘Then you’ve got the neighbours. But I’m positive that will act as a catalyst. He’ll be saying, “I’ll take them on and beat them”. And there will be contingencies, financially. There will be.’ เรื่องนั้นยังเป็นสิ่งที่รอการพิสูจน์ แต่จนกว่าจะมีการเซ็นสัญญาพวก ‘บิ๊กเนม’ เข้ามา ความรู้สึกบอกกับเราว่า เฟอร์กูสัน กำลังถูกปิดกั้น That remains to be proven. Until a galvanizing major signing is made, the sense will be that Ferguson is hemmed in. เป็นอีกครั้งที่ อดัมส์ เห็นด้วยกับข้อโต้เถียงนั้น ซึ่งก็คือความสำคัญของทรัพยากรต่างๆในระดับท็อป Adams again accepts that argument, the importance of resources at the top level. “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจำเป็นจะต้องมีงบก้อนโตไว้ใช้จ่าย” เขาพูด “แต่เขาก็ทำได้ไม่เลวนะ โรนัลโด้ทำให้ รีล มาดริด ต้องควักถึง 80 ล้านปอนด์ แล้วไม่ทราบว่าเขาเจียดเงินไปซื้อมาเท่าไรนะ ?  ประเด็นจริงๆก็คือ ไม่ว่าเขากำลังจัดการกับเรื่องในระดับนั้นหรือต่ำกว่าก็ตาม ผมคิดว่าเขาก็จะผ่านไปได้สบายๆ บางทีเขาอาจกลับไปลงทุนกับสิ่งที่คุ้มค่าราคาไม่แพงอีกก็ได้นะ” ‘There’s no doubt you need a big budget,’ he says. ‘But he’s not bad with that. Ronaldo cost Real Madrid £80m. What did he pay for him? The point is, whether he’s dealing at that level or below, I think he’s comfortable. Maybe he’ll go back to buying bargain-basement again. “สิ่งที่คุณต้องคำนึงไว้เสมอก็คือเขาได้เข้ามาคุม แมน ยูไนเต็ด ในช่วงที่พวกเขากำลังเป็นยักษ์หลับในปี 1986      แมน ยูไนเต็ด ตอนนั้นไม่ได้ยืนอย่างสง่าผ่าเผย แล้วลองดูสิ่งที่เขาได้ทำสิ ลองดูสิ่งที่เขาทำที่ อเบอร์ดีน เขาได้เริ่มการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่นั่น ความมานะและการมองการณ์ไกล นั่นคือสิ่งที่เขามีล่ะ” ‘What you have to bear in mind is that he took over Man United when they were a sleeping giant in 1986. Man United were on their knees. Look at what he’s done. Look at what he did at Aberdeen:he started a revolution. Diligence and foresight, that’s what he had.’ อดัมส์ บอกว่าเขาได้เห็นคุณสมบัติเหล่านั้นจากการเข้าร่วมการฝึกซ้อมภายใต้การนำของ เฟอร์กูสัน ในฐานะผู้จัดการทีม โดยในวันที่เขาตอบรับเข้ามาคุมทีมนั้น สโมสรมีรายชื่อนักเตะอยู่ในสมุดเพียงแค่ 8 คนเท่านั้นเอง นั่นทำให้ เฟอร์กูสัน จำเป็นต้องรีบหานักเตะอย่าง อดัมส์ เข้ามาในถิ่น เฟอร์ส พาร์ค      ตอนนี้ในอายุ 59 ปีและเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลที่ โรส เคาว์ตี้  อดัมส์ ได้เคยไปทดสอบฝีเท้าที่ ลิเวอร์พูล กับ เคนนี่ ดัลกลิช ในปี 1966 และต่อมาได้ไปเล่นให้กับ อเบอร์ดีน Adams says he saw those qualities from Ferguson’s first training session as a manager. Having had eight players on the books the day he agreed to take the job, Ferguson rushed recruits like Adams into Firs Park. Now 59 and director of football at Ross County, Adams had been to Liverpool on trial with Kenny Dalglish in 1966 and went on to play for Aberdeen. เฟอร์กูสัน เข้าใจทันทีว่าเขา (อดัมส์) และคนอื่นๆนั้นอยู่เหนือผู้เล่นบางคนของ อีส สเตอร์ลิ่ง ที่เขาได้รับมรดกมา ดังนั้นเขาจึงได้เริ่มแยกการซ้อม ซึ่งนั่นทำให้ อดัมส์ รู้สึกประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้    เช่นเดียวกัน ในยุคแรกๆของ เฟอร์กูสัน ในการติวเข้มลูกทีมในช่วงเวลาพักครึ่ง ซึ่งตอนนั้นพวกเขากำลังตามหลัง อีส ฟิฟ อยู่ 3 – 0  อดัมส์ ได้บรรยายถึง ‘การให้กำลังใจ’ ของ เฟอร์กูสัน ว่าเป็นเหมือน ‘ฟ้าว !’   ผลก็คือ เสมอกัน 3 – 3 และจบด้วยการเลี้ยงเครื่องดื่มเป็นการขอบคุณจาก ‘คุณผู้จัดการ’ Ferguson quickly realised he and others were a cut above some of those East Stirling players he inherited and he separated training. It made an impression on Adams that has lasted. So, too, an early Ferguson half-time team-talk, when they were losing 3-0 at East Fife. Adams describes Ferguson’s ‘encouragement’ as ‘Phwoah!’ The effect was a 3-3 draw and a thank-you drink from the manager. เฟอร์กูสัน อยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลา 117 วันก่อนที่จะโดน เซนต์ เมอร์เรน ฉกตัวไปและในเวลานั้นเขาได้ริเริ่มนโยบายทีมเยาวชนและได้ดร็อปผู้เล่นจากการโดดซ้อม ซึ่งนั่นเป็นหัวข้อของเยาวชนและระเบียบวินัยที่ได้ตามมาที่ อเบอร์ดีน (1978 – 86) แล้วต่อมาที่ ยูไนเต็ด Ferguson was there for 117 days before being pinched by St Mirren and in that time he established a youth policy and dropped a player for missing training; themes of youth and discipline which followed at Aberdeen (1978-86) and then United. แต่การจะกลับไปสู่ยุคที่ต้องถูกรัดตรึงด้วยเศรษฐกิจฝืดเคืองนั้นคือสิ่งที่ เฟอร์กูสัน คงจะไม่ปรารถนา ถึงแม้ อดัมส์ จะบอกว่าเขาพร้อมที่จะลุยต่อไปโดยไม่แยแสก็ตาม But the economic straitjacket is not a theme Ferguson will wish to revisit, although Adams says he would plough on regardless. “ลองดูความไฟแรงที่เขามีสิ ในตอนอายุ 69 ปีเนี่ยนะ ! เรื่องแรงผลักดันล่ะ ? หากดูทางการเงินแล้ว จำเป็นด้วยเหรอที่เขาจะต้องทำงานน่ะ ? แต่ถ้าจะถามว่าเขาจำเป็นต้องทำงานมั้ย ? คำตอบก็คือ ‘แม่นแล้ว’ เพราะมันเป็นดั่งเส้นชีวิตของเขา” ‘Look at the passion he has. At 69! The drive? Financially, does he need to work? No. But does he need to work? Aye. Because it’s a lifeline. “เขาต้องการจะเป็นสุดยอดมั้ย ?  ‘แม่นอยู่’  แล้วเขาจะยอมแพ้รึเปล่า ? ไม่หรอก เขาได้มาทุกอย่างแล้วแต่มันยังไม่เพียงพอ ผมรู้ว่าเขาได้การยอมรับนับถือมามากมายขนาดไหน แต่ผมไม่ชัวร์นะว่าเขาได้เพียงพอรึเปล่า” ‘Does he want to be the best? Aye. Will he give up? No. He’s won everything but it’s not enough. I know he gets a lot of credit — I’m not sure that he gets enough.’ จากคุณ : เส้นสำราญ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:08:35

ความคิดเห็นที่ 4 "You can't win anything with kids" .... คุณยังจำประโยคนี้ได้ไหมครับ ... ไม่มีใครเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ .... มันเป็นไปแล้ว  ณ ตอนนี้ ผมก็ยังเชื่ออยู่ลึกๆว่า เราทำได้แต่อาจยากสักหน่อยเพราะเชลซี แรงดีมาก  อาร์เซนอลก็ยังไม่หมดหกวังไหนจะทีมอื่นๆที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอีก  ...น่าติดตามครับ  เพราะสิ่งที่ชายชื่อ อเล้กส์ เฟอร์กูสัน เขามีติดตัวมาตลอดนั่นคือ "Believe"... จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:24:09

ความคิดเห็นที่ 6 moke เข้ามาทำแมวอะไร พึ่งจะ 11 โมงครึ่ง ยังไม่ทันไรก็จะล้มกระทู้ แต่ก็หยุดไม่อยู่ กระทู้เค้าดีๆอะ เกือบเสียหมด ถ้าต่อมายังป่วนอย่างโง่ๆ แบบนี้ต้องโดนเตือนแน่ๆ แต่ WM ใจดีไม่จับ --------------------------------------------------------------------------------- ถ้าจะบ่นสโคล ก็ไปกระทู้ที่เค้าให้คะแนนนักเตะ หรือ วิจารณ์ฟอร์มการเล่นดีกว่านะครับ ถ้าไม่มีก็ตั้งเองซะเลย เห็นคุณตั้งกระทู้อยู่บ่อยๆนี่ครับ จากคุณ : กรุณา Log in เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:40:07

ความคิดเห็นที่ 7 น่าเสียดายที่ Ferguson มีเวลากับแมนยูอีกไม่มาก ถ้าเขาทำได้อีกแชมป์กับแมนยู ผมคิดว่าเขาวางมือค่อนข้างแน่ เพราะความลำบากในการเป็นแชมป์ที่ต้องก้าวข้ามมหาอำนาจลูกหนังด้วยเงินอย่างเชลซี กับแมนซิตี้ที่กำลังแข็งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ถ้าเขาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้สำเร็จ ความมุ่งมั่นจะลดทอนลงไปอย่างมากมาย กับเกมส์ที่ค่อนข้างหินและโหดขึ้นเรื่อยๆ เพราะอำนาจเงินของเชลซีกับแมนซิตี้จะทำให้การคุมทีมข้างสนามให้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องนั้นยากขึ้นเป็นลำดับๆ เมื่อเขาหมดความกระตือรือร้นไป ไฟในการกระตุ้นลูกทีมก็คงไม่เหมือนเดิม ทีมแมนยูในปัจจุบันถ้าไม่ใช่ Ferguson คนนี้ที่ยังเต็มไปด้วยความกระหายแห่งการสร้างประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งคุมทีมอยู่ ไม่น่าจะยืนระยะได้ขนาดนี้ แมนยูเก่งมากจนถึงวันนี้ก็เพราะ Ferguson และคงจะลดบทบาทมหาอำนาจอันดับหนึ่งไปพร้อมๆ กับการวางมือของเขา จะไม่มีใครทำสิ่งที่ Ferguson ทำได้กับทีมฟุตบอลของลีกอังกฤษไปอีกยาวนาน หรือตลอดไป แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 11:41:45 จากคุณ : คนดู เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:40:38

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 5 จะพูดซ้ำๆกันทุกกระทู้เลยหรือครับ นี่ขนาดเอาสโคลส์ตอน 35 ลงนะครับ ยัง 3-1 ถ้าเป็นตอน 26 ล่ะ? ไม่เละกว่านี้แล้วเหรอ? ม๊าวววววววววววววว จากคุณ : แมวกักขฬะ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:41:56

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าป๋า นี่แหละคือคนที่สร้าง ยูไนเต็ดให้มีชื่อเสียงและความสำเร็จโดยแท้จริง ผมรักป๋า ฮับ จากคุณ : กรุณา Log in เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:44:03

ความคิดเห็นที่ 10 พอนึกถึงว่า80ล้านค่าตัวโด้ต้องเอาไปจ่ายหนี้แล้วรู้สึกช้ำๆแหะ จากคุณ : ผีฟรีคิก เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 11:57:09

ความคิดเห็นที่ 11 ในฐานะคู่แข่ง แน่นอนว่าผมเกลียดอเล็กซ์และบทสัมภาษณ์หลายๆครั้งของเขา แต่ก็ยอมรับและเคารพในฐานะคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือครับ นึกไม่ออกเหมือนกัน ถ้าไม่มีอเล็กซ์แล้ว แมนยูจะมีวันนี้หรือไม่ ? เกียรติประวัติที่เขาสร้างให้กับทีม มันมากมายมหาศาลเกินกว่าจะตีเป็นมูลค่าใดๆ ได้ บอกตรงๆ อิจฉาแฟนแมนยูครับ ได้แต่หวังว่าจะมีคนพาหงส์เราโบยบินอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง เช่นเดียวกับที่อเล็กซ์ทำให้แมนยู (ได้สักครึ่งของอเล็กซ์ผมก็ดีใจแล้ว T^T) #5 ตามเก็บเลเวลกับหงส์ทีมเดียวไม่พอหรือครับ จากคุณ : Fenix_Strike เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:02:03

ความคิดเห็นที่ 12 #5 คุณโมค post ซ้ำๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอครับ  ไม่มีสโคลส์แล้วใครจะบงการเกมให้เราหล่ะครับ อ้อ เพิ่งรู้จากคุณ Fenix_Strike ว่า ไปป่วนหงส์เหมือนกันหรือครับ กลับตัวกลับใจยังทันนะครับ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:17:30

ความคิดเห็นที่ 13 ขำ คห.6 จากคุณ : danya เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:17:35

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณบทความค่ะ จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:19:07

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่แปลมาให้อ่านครับ ความเห็น 5 มาเพ้อเจ้ออะไรแถวนี้ ทำกระทู้ดีๆเสียหมด จากคุณ : AiBook เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:22:59

ความคิดเห็นที่ 16 วิกฤตเรื่องการเงินของแมนฯยู กำลังค่อยๆเกิดอย่างช้าๆครับ เพราะถ้าแมนฯยูประสบความสำเร็จขนาดนี้ มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก ของในเมกาสโตร์ขายได้ตลอด แต่ยังติดหนี้มหาศาลชนิดใช้คืนไม่มีแวว นั่นก็แสดงว่า หนี้มันจะยิ่งพอกพูนขึ้นไปอีก ใครที่เคยกู้เงินแล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยจะรู้ดี โดยเฉพาะในช่วงเวลาเงินหมุนไม่ทันนี่แย่เลยทีเดียว แต่กับแมนฯยู สถานการณ์ดีกว่ากันเห็นๆ เรียกว่า เงินไหลมาเทมาจากความสำเร็จ แต่ยังติดหนี้แบบเจ้าหนี้มาทวงแบบนี้ คงพูดอะไรไม่ออกเลยครับ นี่คือวิกฤตที่เกิดจากทฤษฎีทุนนิยมแบบอเมริกันล้วนๆที่กู้มาหากำไร เพราะวิกฤตซับไพรม์ที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกก็เริ่มต้นจากแบบนี้ คนไปเซ็นกู้เพื่อที่จะเอาเงินมาซื้อบ้าน แล้วหวังจะขายให้ได้เร็วที่สุดในราคาสูงๆเพื่อทำกำไร แต่ปรากฎว่าขายบ้านไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นหนี้เน่า นี่ก็คล้ายๆกัน ทั้งตระกูลเกลเซอร์ และสองดูโอมะกันที่ลิเวอร์พูล กู้เงินมาหวังหากำไรกับสโมสรสองแห่งที่มีฐานแฟนบอลมากมายอยู่ทั่วโลก โดยความไม่รู้เรื่องฟุตบอล และหวังหากำไรให้มากที่สุด ก่อนกำหนดใช้เงินกู้คืนจะหมด แต่ทำไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นหนี้เน่าที่กำลังต้องเลหลังขาย เพราะโดยปกติ สโมสรจะคงสมดุลของงบประจำปีไว้ได้เพดานหนึ่ง มีเงินสดและหนี้ในระดับที่คงตัว และจะใช้จ่ายได้เรื่อยๆตราบใดที่ยังคงงบดุลได้ แต่เมื่อมีเศรษฐีหนี้ ไปกู้เงินมาซื้อ งบดุลที่เคยคงไว้ได้ทั้งหลายแหล่ ก็กลายเป็นหนี้ไปทุกตัว เงินสดที่คงคลังไว้ก็หายวับกลายเป็นหนี้ที่ต้องหมุนไป นั่นล่ะ ทำให้ทั้งแมนฯยูและลิเวอร์พูลเกิดปัญหา เพราะไอ้พวกมะกันมันไปกู้หนี้มาซื้อ ไม่ได้เอาเงินสดมาซื้อ ทุกอย่างในสโมสรจึงกลายเป็นหนี้หมด . . อยากให้กลุ่ม Spirit Of Shankly ของลิเวอร์พูลจัดการได้ถึงจุดสูงสุดที่จะทำให้แฟนบอลเป็นเจ้าของสโมสรได้ ปัญหาทุกอย่างจะได้จบสิ้นกัน เช่นเดียวกับแมนฯยู ถ้ามีแฟนบอลรวมตัวได้แบบลิเวอร์พูลก็น่าทำเป็นอย่างยิ่ง จะได้ขับไล่ไอ้พวกกู้หนี้มาซื้อสโมสรให้ออกไปพ้นประเทศเสียที เกลียดไอ้พวกสองปลิงมะกันกับตระกูลเกลเซอร์มาก เพราะมันเอาแต่มาหากำไรจริงๆ ฐานความคิดมันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกที่มาซื้อสโมสร เพราะถ้ามันรักฟุตบอลจริง มันต้องทำแบบอบราโมวิช หรือเจ้าชายที่ไปซื้อแมนฯซิตี้ เอาเงินตัวเองซื้อ รู้เงินตัวเองอยู่แล้ว บริหารเองไม่ติดหนี้ ผมแฟนลิเวอร์พูลก็ต้องทนเห็นสโมสรถูกไอ้ปลิงสองตัวนี่มันทำวีรเวรต่อไป ความสำเร็จก็ไม่มา ยิ่งทำให้สถานการณ์การเงินย่ำแย่ลงไปอีก แมนฯยูยังมีเฟอร์กี้ ความสำเร็จยังมาเรื่อยๆ ก็ยังมาเจอแบบนี้ เอาใจช่วยให้แฟนแมนฯยูกำจัดไอ้ตระกูลเกลเซอร์ชั่วๆนี่ออกไปให้ได้ครับ คนอเมริกันดีๆก็มีมาก แต่กลับมาเจอไอ้กันชั่วๆแบบนี้ เซ็งโคตรจริงๆครับ..... แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 53 12:53:33 จากคุณ : อายานุ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 12:51:43

ความคิดเห็นที่ 17 ในฐานะแฟนปืน ผมชื่นชมท่านเซอร์นะครับ ยิ่งถ้าทำได้ในสถานะการเงินจำกัด ไม่ใช่ทุ่มซื้อได้ตัวละ20-30ล้านปอนด์ ไอ้ข้อกังขา(ปนอิจฉา)ว่าท่านเซอร์มีเงินให้ใช้มากกว่าเวนเกอร์ของผมคงหมดไป.. จากคุณ : Metroman เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:04:57

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาอ่านครับ เห็นฟอร์มนานี่ตอนนี้ ก็ไม่ต้องไปซื้อสตาร์ที่ไหนแล้วล่ะ รอฮาากรีฟหายก็เหมือนซื้อนักเตะมาใหม่เหมือนกัน ริโอพ้นแบน วีวี่หาย ทีมก็ดีขึ้น จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 13:12:10

ความคิดเห็นที่ 19 มั่นใจในป๋า มั่นใจในแมนฯยูไนเต็ด จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 14:13:45

ความคิดเห็นที่ 20 #17 เวนเกอร์ก็มีเงินให้ใช้ แต่เวนเกอร์ไม่ใช้เองครับ ไอ้ข้อกังขาของคุณ ใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ได้แชมป์ไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 14:22:08

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ มิได้มีตรงไหนที่บอกว่าเป็นข้ออ้างเลยนะครับ ไม่ได้แชมป์มันก็คือไม่ได้แชมป์ สู้ไม่ได้มันก็คือสู้ไม่ได้ แล้วไม่ได้มีข้อห้ามไว้ตรงไหนว่าต้องใช้เงินไม่เกินเท่าไร ดังนั้นผมชื่นชมท่านเซอร์เสียด้วยซ้ำ ทีมที่ใช้เงินมากกว่ามีครับแต่ก็ยังทำไม่ได้เท่า ผมใช้คำว่ากังขาอาจจะผิดไปนะครับ เอาเป็นว่าผมจะชื่นชมท่านเซอร์ยิ่งขึ้นถ้าเจอสถานการณ์บีบคั้นทางการเงิน(ตามหัวข้อกระทู้)แล้วท่านเซอร์ทำได้เหมือนเดิม แต่ที่ว่ามีเงินให้ใช้แต่เวนเกอร์ไม่ใช้เอง ถ้าติดตามปืนมาบ้างในช่วงที่สร้างสนามใหม่ก็จะรู้ครับหรือกลับไปดูทีมที่สร้างสนามใหม่ที่ผ่านมาก็จะรู้ครับ เวนเกอร์รู้ดีและก็พูดมาตลอดว่าถ้าสร้างสนามใหม่แล้วทีมจะต้องเจอกับอะไร อันนี้พูดมาแต่แรกๆเลยนะครับ จึงเป็นที่มาว่าทำไมถึงต้องสร้างทีมจากเด็ก ทำไมต้องจำกัดเพดานค่าเหนื่อย ทำไมต้องรักษาสมดุลย์ทางการเงิน จากคุณ : Metroman เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 15:22:44

ความคิดเห็นที่ 22 #17 ลงทุน ลงแรง มากกว่า จะประสบความสำเร็จมากกว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ มีเงินแล้วไม่ใช้ จะมาห้ามให้คนอื่นไม่ใช้ด้วย มันก็ไม่ถูกนะครับ ต้องดูว่าทำทีมเพื่ออะไร เฟอร์กูสัน ทำทีมเพื่อรักษาระดับทีม ให้อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ เสียโรนันโด้ ก็เสริมผู้เล่น แล้วก็เปลื่ยนวิธีเล่น รักษาสมดุลย์ให้ทีม ยังคงลุ้นแชมป์ปีที่ 4 ติดต่อกัน เวงเกอร์ ปีก่อนทีมยืนระยะยังไม่ได้ แถมเสียผู้เล่นระดับท๊อป แต่ เลือกไม่เสริมทีมด้วยผู้เล่นระดับท๊อป เพราะต้องการใช้ทีมดาวรุ่ง การทำทีมต่างกัน จะวัดกันด้วยอะไรครับ ถ้วยรางวัลเยอะกว่า หรือ ปั้นเด็กให้มีความสามารถจำนวนเยอะกว่าคู่แข่ง ถ้าเฟอร์กูสัน เลือกที่จะไม่ใช้เงินทุ่มซื้อตัว ความสำเร็จอาจจะไม่ต่อเนื่องแบบตอนนี้ ซึ่งน่าจะถือว่าล้มเหลว เวงเกอร์เลือกที่จะเสี่ยง ด้วยผู้เล่นดาวรุ่ง ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าจะยืนระยะได้ ถึงท้ายฤดูกาลหรือไม่ เอาเรื่องใช้เงินมาเป็นประเด็นผมว่าไม่ถูกนะครับ ของแบบนี้อยู่ที่การจัดการทีม แล้วก็การวางเป้าหมาย ใครสามารถบริหารเงินที่มี ให้ลงตัวกับความสำเร็จได้ดีที่สุด จากคุณ : ese (- ese -) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 15:34:35

ความคิดเห็นที่ 23 #21 ผมก็เห็นผู้บริหารปืนออกมาพูดทุกปีครับว่า "มีเงินให้ใช้แน่ๆ แต่เวนเกอร์ไม่ใช้เอง" หรือว่าผู้บริหารปืนออกมาพูดไป "งั้นๆ" เหรอครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 15:52:25

ความคิดเห็นที่ 24 #22, 23 ถึงแฟนผีที่น่ารักทั้งสองครับ.. ผมไม่ได้ตั้งใจจะสื่อไปให้เข้าใจว่าดูถูกท่านเซอร์เลยเลยนะครับ คงจะผิดที่คำว่า"กังขา" เอาเป็นว่าถ้าทำให้เข้าใจแบบนั้นก็ต้องขออภัยจริงๆ ผมไม่เคยว่าเลยว่าทีมอื่นใช้เงินไม่ได้หรือเอามาเป็นข้ออ้าง แต่ต้องการสื่อว่าหากท่านเซอร์สามารถทำได้จริงตามหัวข้อกระทู้ซึ่งเป็นเรื่องการใช้งบที่จำกัด หากไม่มีเงินให้ซื้อทีละ20-30ล้านปอนด์แล้วทำได้ จะชื่นชมไปมากกว่านี้ ตอบ#23นะครับ ถ้าฟังเฉพาะคำให้สัมภาษณ์ผู้บริหาร ซึ่งก็มักจะออกมาตอนที่โดนนักข่าวถามตลอดว่ามีเงินหรือเปล่า โดยเฉพาะช่วงฤดูการซื้อขาย คำตอบที่ออกมาจากปากคือแบบนั้นครับ แต่ถ้าติดตามคำสัมภาษณ์เวนเกอร์อย่างต่อเนื่องตลอดหลายๆปี ทั้งข่าวตามสื่อเทศสำนักต่างๆ สื่อไทยที่แปลมา(อย่าไปเชื่อมาก) Arsenal Magazineรายเดือนฉบับทางการที่เวนเกอร์ให้สัมภาษณ์ยาวๆเป็นประจำ และสื่ออื่นๆ มีวิธีคิดที่สื่อออกมาตลอดว่าทำไมต้องสร้างสนาม สร้างแล้วจะเกิดอะไร ทำไมไม่ทุ่มซื้อนักเตะ ทำไมจำกัดเพดานเงินเดือน ทำไมเลือกสร้างเด็ก.. อ่านแล้วจะรู้ว่าตอนนี้ปืนมีเงินไม่เยอะหรอกครับ แต่ถ้าผ่านช่วง8-10ปีนี้ที่เป็นการวางรากฐานไปได้โดยไม่มีอุบัติเหตุ ด้วยสนามที่สร้างขนาด60,000ที่นั่ง รายได้เป็นกอบเป็นกำ สามารถชำระหนี้สนามหมด ถึงตอนนั้นรับรองว่ามีเงินสู้กับทีมยักษ์ๆได้แน่นอน.. จากคุณ : Metroman เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 16:34:23

ความคิดเห็นที่ 25 อืมมม.. ต่อให้เสี่ยหมีมาเทคแมนยู ต่อให้แมนยูไม่มีหนี้ มีเงินให้ทุ่มไม่อั้น เฟอร์กี้ก็ไม่ซื้อกระจัดกระจายแน่นอนครับ... มันไม่ใช่ทางของเฟอร์กี้น่ะ และไม่ว่าท่านเซอร์จะซื้อใคร แน่นอนว่าเค้าต้องพิจารณาทุกมุมแล้วว่าเค้าคนนั้น ดีพอ และ พอดีกับยูไนเต็ด... ส่วนฟอร์มคนนั้นจะเป็นยังไงในยูนิฟอร์มยูไนเต็ด เป็นเรื่องที่เฟอร์กี้ไม่อาจรู้ได้ เช่นเดียวกับเราทุกคน... ส่วนตัวผมมองว่า เกม FM ที่อยู่ๆมันก็บูมขึ้นมานี่แหละครับ... ทำให้เราไม่เข้าใจวัฒนธรรมสโมสร เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ต้องได้คนนั้น คนนี้ คนนั้นเมพ คนนี้สุดยอด ทำไมไม่เอาคนนั้น คนนี้ ทำไมไม่เล่นอย่างงี้ บลาๆ... ลองหยุดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสโมสรดูครับ แล้วจะพบมุมมองดีๆของเฟอร์กี้อีกเยอะเลย จากคุณ : King of Extreme เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 16:59:09

ความคิดเห็นที่ 26 #16 เข้ามาบอกว่าแมนยูก็มีกลุ่มแฟนบอลเหมือนกันค่ะ ชื่อ MUST Manchester United Supporters Trust มีเวบไซต์เหมือนกัน อย่างตอนประท้วงเกลเซอร์ด้วยผ้าพันคอหรือเสื้อเขียวเหลือง กลุ่มนี้ก็มีส่วน จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 17:04:38

ความคิดเห็นที่ 27 #24 งั้นคุณคงเด็กเกินไปกับยุคที่เรียกว่า You can't win anything with the kids จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 18:37:03

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ผมพอทันรู้จักผีน่าจะช่วงยุครอน แอ็ตคินสันครับ ตอนนั้นลิเวอร์พูลยังเป็นเต้ยอยู่เลย ส่วนปืนก็ยังแทบไม่มีใครรู้จักเลยมั๊ง ต้องการบอกว่ายุคYou can't win anything with the kidsนั้นป๋าก็ไม่ได้ใช้เงินใช่ไหมครับ ก็น่าคิดนะครับ มีเด็กขึ้นมาจากชุดเยาวชนที่ได้แชมป์ จริงๆก็มีประเด็นที่ผมอยากถกอยู่นะครับ แต่ดูจากที่คุณตอบมาแล้ว จบแค่นี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวไปกันใหญ่ จากคุณ : Metroman เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 20:47:05

ความคิดเห็นที่ 29 Believe จากคุณ : forcez เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 22:14:56

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 06:00:18

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : K-modjung เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 06:38:03

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 07:52:55

ความคิดเห็นที่ 33 ฮ่าๆๆๆ เจอคำตอบของ #28 เข้าไป เจ้าของความเห็น #27 นี่แทบจะขึ้นรถไปโรงเรียนไม่ทันเลยทีเดียว จากคุณ : waanjorjae เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 09:25:32

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่มีป๋า แมนยูไม่มีวันนี้ จากคุณ : dabodabo55 เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 12:18:54

ความคิดเห็นที่ 35 ผมว่า ผู้จัดการทีมทุกทีม ก็คงคิด มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น งบมีแค่ไหนก็ทำให้เต็มที่  แต่แบบมีเงินแล้วไม่ซื้อ ก็คงจะเพราะเห็นว่าไม่จำเป็นมากกว่า ผมว่ามีตัวดี ๆ เยอะ ก็เครียดนะ ไม่รู้จะเอาใครลงดี 555 และถ้าเปลี่ยน นักเตะเป็นอาวุธ อีกฝั่งเป็นปืน อีกฝั่งเป็นมีด  คนมีมีด ก็ต้องหาทาง หรือสถาการณ์ที่ตัวเองพอจะสู้ได้ แต่สำหรับป่า ผมพูดได้อย่างเดียว ว่า ป๋าว่าไง ก็ว่าตามนั้น .... จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:44:42

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ จาก จขกท ครับ จากคุณ : กระต่ายน้อยเล่นโยคะ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 22:14:02

ความคิดเห็นที่ 37 ช่วงวิกฤตของแมนยู คือ ช่วงที่ไม่มีเฟอร์กี้ จากคุณ : dragon alone เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 13:00:35

ความคิดเห็นที่ 38 เงินไม่มีได้ เฟอร์กี้ไม่มีไม่ได้ จากคุณ : oHmmzLoVE เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 19:19:32

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนตัวผม หมั่นไส้ตาแก่ปากร้ายเอาแต่ใจคนนี้มากครับ แต่ยอมรับและนับถือในฝีมือ สมอง รวมถึงใจของเค้ามากครับ ผมชอบแช่งให้ MU แพ้ แต่ไม่อยากให้เค้าวางมือเลย คงจะคิดถึงพอสมควร ขอบคุณสำหรับบทความครับ จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 13:49:00

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณคุณเส้นสำราญครับ ไม่งั้นจะไม่มีวันได้อ่าน เพราะผมไม่เก่ง ปะกิด จากคุณ : yyswim เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 19:12:46

ความคิดเห็นที่ 41 it's fact... จากคุณ : น้ำลูกพรุน เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 23:41:52

ความคิดเห็นที่ 42 ยอมรับเลยสำหรับท่านเซอร์แพนด้าเนี่ย สุโก้ยยยยย !!! จากคุณ : ชิววี่ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 02:21:58

ความคิดเห็นที่ 43 กำลังอ่านซึ้งๆ มาเพลินๆ .... เพราะนับถือท่านเซอร์ พอควร จนมาเจอะ "คุณUmiki" เนี่ยครับ ..ผมว่าเวลาจะเข้าบอร์ดอ่านข้อความ อะไรสักอย่างเนี้ย พยายามตีความหมายของคนที่พิมพ์ให้ออกก่อน ที่คุณจะโพสอะไรออกมาดีไหม.. เข้าใจว่าคุณชื่นชมท่านเซอร์ ..ทว่า ผมอ่านความเห็นของ "คุณMetroman" กี่รอบๆ ก็เป็นโพสชื่นชมอยู่ดี ----------------------------- ขอบคุณ จขกท ครับ ... อ่านแล้ว ซึ้งดีครับ และถ้าแมนยูได้แชมป์ปีนี้ไป ก็ยังไม่อยากให้ท่านเซอร์วางมืออยู่ดี (อยากให้เป็นสีสันของพรีเมียร์ต่อไป) ------------------- เข้ามาลดความรุนแรงของตัวหนังสือครับ .. แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 53 15:07:28 จากคุณ : toschatz เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 14:43:16

ความคิดเห็นที่ 44 แวะมาอ่าน  ขอบคุณค่ะ All My heart is UNITED   BELIEVE จากคุณ : ดาวเคียงดอย เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 19:50:48

ความคิดเห็นที่ 45 โม้ สั้นๆแต่ได้ใจความ จากคุณ : gaomask เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 13:15:07

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าไม่มีป๋ากี๋   ผมว่าเชลซีคงผูกขาดแบบอินเตอร์แน่นอนครับ    และมันก็จะน่าเบื่อ   แต่ผมคงเห็นป๋าอีกไม่นานหรอกคับ   ถ้าทำแชมป์เกิน18  เมื่อไหร่ป๋าแกก็คงวางมือแน่นอน   เพราะนั้นคือจุดมุ่งหมายที่เหลืออยู่  เพราะตอนแรกที่มีข่าวว่าแกจะวางมือ   แกเปรยๆว่าอยากได้แชมป์เปี้ยนลีคอีกซักครั้ง   และก็ทำได้แล้ว    ตอนนี้ที่เหลือก็   แค่ทำทีมได้แชมป์มากกว่าหงส์   ถ้าทำได้   ทีนี้แกก็คงจะวางมือจริงๆแล้วหล่ะคับ จากคุณ : เด็กดื้อนิรัน5 เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 19:37:46

ความคิดเห็นที่ 47 จากใจแฟนหงส์ นะครับ  ผมชอบป๋าเป็นการพิเศษที่มีความสามารถในเรื่องการเรียงลำดับการวิเคราะห์ด้วยตรรกะทางจิตวิทยา ป๋าแกมีความสามารถสองอย่างเลยครับ 1. คือการใช้เงินได้สะใจ และผลคุ้มค่าของเงินก็ได้ผลดีมากกว่าผลเสีย เรื่องมีตังค์แล้วต้องใช้มันก็ต้องใช้ และแกก็เลือกที่จะใช้ได้อย่างดี  เพียงแต่อาจเพราะสถานะแมนยูมีกำลังเงินของผลตอบแทนที่เยอะ ซึ่งเราไม่ได้มองว่าที่แมนยูมีเงินเยอะ  เพราะความสามารถทางการตลาดเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่ง...เรื่องนี้ยอมรับป๋าครับ  เงินมันสร้างอะไรได้คุ้มค้ากับคำว่า "เงิน" 2. เรื่องการสร้างแรงจูงใจให้กับนักเตะ  ตั้งแต่ไอ้ตัวเล็ก  ยันตัวใหญ่  ความเด็ดขาดในการบัญชาการสูงส่งจริง ๆ นับถือมากมายนัก  สถานะการณ์ที่แมนยูกำลังล่อแหลม  หรือเข้าข่ายหายนะ  และกลับมาได้หลาย ๆ ครั้ง  ผมมองว่ามันหล่อหลอมมาจากบุคลิกบางอย่างจากป๋านี่แหละ  เหมือนประชาชนเข้มแข็งเพราะผู้นำเข้มข้น  หรือพ่อแม่ไง  ลูกยังงั้นน่ะ ขอบคุณ จขกท ที่เขียนบทความดี ๆ ครับ  อ่านแล้วดีมาเลย  ส่วนที่มีแกว่ง ๆ จากอิทธิพลกระแทกกันเพราะรักชอบทีมตน  ผมมองว่าคุณ Metroman ไม่ได้ว่าอะไรป๋าเลยนะครับ เพียงแค่อยากรู้ หรือตามดูเพิ่มขึ้นว่าถ้าถึงจุดสาหัสแบบพีคทุกทาง ป๋าจะพาแมนยูไปท่าไหนมากกว่า  ยิ่งถ้าสาหัสสุดขีดแล้วยังได้แชมป์ด้วย...ยิ่งแหร่ม ไรประมาณนี้ กระทู้ดี ๆ อย่างนี้  ไม่น่าจะมาวิพากย์เรื่องอื่นมากกว่าชื่นชมกับวิธีการนำเสนอภาพทางภาษาจาก จขกท ครับ... จากคุณ : หงส์เต็มพิกัด (archparty) เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 00:40:07