ความคิดเห็นที่ 1 4 ทุ่มนิดๆ(เวลาประเทศไทย) หลายคนคงกำลังสงสัยว่า...เอ๊ะ!? ทำไมแฟนบอลที่นั่นถึงได้ใส่ผ้าพันคอสีเขียวเหลืองหว่า? หมายถึงอะไรกันนะ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:33:44

ความคิดเห็นที่ 2 มันไม่ใช่สีเขียวเหลืองครับ แต่เป็นสีเขียว-ทอง อันเป็นสีประจำสโมสร "นิวตันฮีทธ์" ชื่อเดิมของ "แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" โดยแฟนบอลที่นั่นได้ร่วมกันใส่เสื้อ+ผ้าพันคอสีเขียวทองเพื่อประท้วงตระกูลเกลเซอร์ ที่เป็นเจ้าของทีมในปัจจุบัน จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:39:46

ความคิดเห็นที่ 3 สวยดีนะครับ ผมล่ะอยากได้จริงๆ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:41:05

ความคิดเห็นที่ 4 ปาดดดด ได้มั้ยคับ ถ้าจะลบก็ไม่เป็นไรนะครับ ยินดีต้อนรับกลับนะครับ ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้ด้วย จากคุณ : sos_num เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:43:58

ความคิดเห็นที่ 5 ปรัชญาการสร้างสโมสรฟุตบอลการรถไฟ แอล.และวาย.นิวตัน ฮีท นั้น มิได้มีแนวคิดในเรื่อง "กำไรและขาดทุน" เป็นปัจจัยในการสร้างสโมสร หากแต่มีความคิดในการสร้างทีมฟุตบอลประจำเมืองอันเป็นที่รักของแฟนๆขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเห็นเจตนาที่แน่ชัดในการเข้าซื้อทีมของตระกูลปลิงเกลเซอร์ ก็ไปกระตุ้นต่อม "อยากกระทืบ" ของบรรดาเรดอาร์มี่ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:45:53

ความคิดเห็นที่ 6 United 4 Life but my Life is United จากคุณ : เจ้าชายเท้าเปล่า เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:46:11

ความคิดเห็นที่ 7 การประท้วงได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่มีข่าวว่าจะเข้าซื้อสโมสร โดยผ่านการทะยอยไล่ซื้อหุ้นย่อยๆ จากบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหลาย จนกระทั่งซื้อได้สำเร็จ แต่ด้วยความสำเร็จอันหอมหวาน และบทบาทในการไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของผู้จัดการทีม ก็ทำให้การประท้วงขับไล่นี้น้อยลง หรืออาจจะไม่มีเลย(เมื่อเทียบกับทีมเพื่อนรักของเราอีกทีมฮะ 5555+) จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:51:29

ความคิดเห็นที่ 8 ดีใจด้วยค่ะ ที่ได้โพสต์รูปอีกครั้ง เห็นคุณกระแตตั้งกระทู้แต่ไม่ได้โพสต์รูปแล้วขัดๆ ชอบกลๆ จากคุณ : nekojung เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:55:10

ความคิดเห็นที่ 9 แต่แล้วก็เข้าทำนอง "น้ำลดตอผุด" หรือ "ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด" ความเหม็นโฉ่ในการเข้าบริหารสโมสรก็เริ่มออกมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะหนี้สินที่สโมสรมี การต้องออกพันธบัตรเพื่อพยุงหนี้ของสโมสร หลายเกมส์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดในเกมส์ที่แข่งในบ้าน ก็จะเห็นการแสดงออกซึ่งการประท้วงและขับไล่ตระกูลปลิงจากอเมริกา ออกมาอย่างมากมาย หนาตาขึ้นในทุกๆเกมส์ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:56:53

ความคิดเห็นที่ 10 เขียว - ทอง นี่คือสีที่สะท้อนให้พวกหน้าเงินทั้งหลาย ที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้พึงตระหนักว่า "พวกเราจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว" ในฐานนะของแฟนบอลผู้รักสโมสรแห่งนี้ จะไม่ยอมให้สโมสรแห่งนี้ต้องตกต่ำลงเพียงเพราะ "เงิน" ที่พวกแกกระหายจะขูดเอาไปจากยูไนเต็ด สวัสดีทุกๆคนครับ ไหนๆก็ได้สิทธิ์คืนมาแล้ว กระทู้นี้ผมใส่ไม่ยั้งเลยนะครับ กรั๊กๆๆๆๆๆ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:01:08

ความคิดเห็นที่ 11 ชุดแข่งในอดีตครับ ก่อนที่ จอห์น เฮนรี่ เดวี่ส์ ผู้อำนวยการบริษัทเบียร์ ได้เข้ามาซื้อหุ้นของสโมสร และกรรมการบริหารชุดใหม่ ได้เปลี่ยนชื่อนิวตัน ฮีท เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วก็ได้กำหนดให้มีการเปลี่ยนชุดแข่งใหม่มาเป็นเสื้อแดงและกางเกงขาสั้นสีขาว ปล.นี่คือเสื้อแข่งของยูไนเต็ดที่ทำขึ้นมาแนวเรทโทรในช่วงก่อนหน้านั้นนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 53 23:04:53 จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:03:24

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนที่ก็องโตใส่นะครับ เท่ห์.....โครต!!! จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:07:48

ความคิดเห็นที่ 13 Munich Air Disaster 52nd Anniversary จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:09:28

ความคิดเห็นที่ 14 ก่อนเริ่มเกมส์........ แฟนบอลจำนวนหนึ่งไปรวมตัวกันหน้าสนาม ทางฝั่ง East Stand เพื่อร่วมรำลึกถึงเหล่าผู้เสียชีวิต จากเหตุการณเครื่องบินตก ที่กรุงมิวนิค ในวันที่ 6 ก.พ. 1958 จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:12:59

ความคิดเห็นที่ 15 ผู้คนจำนวนมาก + การ์ดไว้อาลัย + เทียนไข + ดอกไม้จำนวนมหาศาล ถูกนำมาวางไว้ เพื่อรำลึกถึงการจากไปของนักเตะอันเป็นที่รักของพวกเขา แด่....The Flowers of Manchester จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:17:52

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วก็ยังมีกลุ่มธงพื้นแดงและตรงกลางเป็นรูปนกสีดำอยู่ด้วย จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:20:05

ความคิดเห็นที่ 17 ธงแต่ละผืนมีชื่อนักเตะผู้ล่วงลับในแต่ละคนอยู่ด้วย เป็นภาพที่สวยงามจริงๆครับ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:22:21

ความคิดเห็นที่ 18 มิวนิค 15.03 นาฬิกา(วันที่แฟนแมนยูเศร้าที่สุด) A great team dies "อะ เกรท ทีม ดายส์ ... ยอดทีมตายแล้ว ซากเครื่องบิน อลิซาเบธัน ตกแหลกกระจายที่สนามบินเมืองมิวนิค อันเป็นผลทำให้ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชุด 1950 ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง" นี่เป็นส่วนหนึ่งของข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ที่ทำเอาเหล่าบรรดา "เรด อาร์มี่" ในยุคนั้นแทบใจสลาย เมื่อรู้ข่าวว่าเหล่าสตาร์ขุนพลนักเตะอันเป็นที่รักและ ชื่นชอบของตนต้องมาจบชีวิตลง ในช่วงที่กำลังเรียกได้ว่าโด่งดังสุดขีด จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่เมือง มิวนิค ประเทศเยอรมนี จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:25:21

ความคิดเห็นที่ 19 6 ก.พ. 1958 เป็นวันอันแสนมืดมนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และเป็นการทำลายทีมปีศาจแดง ชุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ วีรบุรุษปีศาจแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้นคือ วอลเตอร์ คริกเมอร์, ทอม เคอร์รี่, เบิร์ท วอลลี่ย์, ทอมมี่ เทย์เลอร์, เดวิด เพ็กก์, เจฟฟ์ เบนท์, เอ็ดดี้ โคลแมน, โรเจอร์ เบิร์น, มาร์ค โจนส์, เลียม วีแลน คนที่เสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยายาบาลคือ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, ทอม แจ๊คสัน และ แฟร้งค์ สวิฟต์ รวมไปถึงนักบินและนักข่าวอีก 8 ชีวิต นอกจากนั้นยังมีแฟนบอลที่ตามไปเชียร์อีกจำนวนหนึ่ง นั่นคือเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความโศกสลดในวงการฟุตบอลอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังสร้างทีมได้อย่างมั่นคงและเริ่มต้นไขว่คว้าหาความสำเร็จในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปกับ เรด สตาร์ เบลเกรด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนไป เบลเกรด ขุนพลปีศาจแดง ต้องฟาดแข้งดิวิชั่น 1 กับ อาร์เซนอล ที่สนามไฮบิวรี่ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีผู้ชมประมาณ 63,000 คนที่เข้าไปแออัดยัดเยียด ในสนามเพื่อชมการดวลแข้งนัดนี้ ขุนพลปีศาจแดงไม่ทำให้เหล่าพลพรรค เรด อาร์มี่ ต้องผิดหวังเมื่อ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำไปก่อน 1-0 และตามมาด้วย ประตูของ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ เอ็ดดี้ โคลแมน ในครึ่งหลัง แต่ด้วยความที่ประมาททำให้ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ไล่ยิงจนตีเสมอได้เป็น 3-3 ขุนพลปีศาจแดงไม่ยอมแน่ที่นำไปก่อนถึง 3 ประตู แต่สุดท้ายกลับมาได้ 1 คะแนนกลับไป พวกเขาโหมบุกอย่างหนักอีกครั้งและมายิงเพิ่มได้อีก 2 ประตู จากความขยันของ อัลเบิร์ต สแกนลอน แต่ขุนพลปืนใหญ่ก็มายิงได้อีก 1 ประตู จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถบุกมายัดเยียดความปราชัย ให้กับไอ้ปืนใหญ่ไป 5-4 มันเป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ เรด อาร์มี่ ควรจะภาคภูมิใจและจดจำไว้ ... ว่ามันเป็นการฟาดแข้งฟุตบอลลีกนัดสุดท้ายของ "เดอะ บัสบี้ เบบส์" จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:28:23

ความคิดเห็นที่ 20 หลังเกมนั้นเครื่องบินเช่าสองเครื่องยนต์แบบอลิซาเบธัน ของสายการบิน บริติช ยูโรเปี้ยน แอร์ไลน์ ชื่อ "ลอร์ด เบอร์เลก" นำขุนพลนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บินลัดฟ้าสู่ เบลเกรด การเล่นด้วยฟอร์มสุดยอดในถิ่นไฮบิวรี่ของ อาร์เซนอล ทำให้ แมตต์ บัสบี้ ตัดสินใจใช้ทีมชุดเดียวกันนั้น เดินทางไปเพื่อลงสนามดวลแข้งกับ เรด สตาร์ เบลเกรด นัดที่สองฟุตบอล ยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เริ่มแข่งไปได้ 2 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตูขึ้นนำไปก่อน และก่อนหมดครึ่งแรก บ็อบบี้ ชาร์ลตัน มาซัลโวอีก 2 ประตูปิดท้าย ดูเหมือนปีศาจแดงจะผ่านรอบนี้ไปได้สบาย แต่เกมเริ่มเดือดในช่วงครึ่งหลังเมื่อ เรด สตาร์ ยิงไล่มาเป็น 2-3 และเป็น 3-3 จากลูกจุดโทษ การแข่งขันครั้งนั้นจบลงด้วยการเสมอ 3-3 แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเพื่อพบกับ เอซี มิลาน ด้วยประตูรวมสองนัด 5-4 ทำให้พวกเขาไม่หนักใจมากนัก และมีความสุข เตรียมกลับบ้านเพื่อเตรียมลงสนามสู้ศึกในลีกดิวิชั่น 1 ที่ยังเหลืออยู่ต่อไป จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:28:43

ความคิดเห็นที่ 21 เครื่องบิน อลิซาเบธัน เหินฟ้าออกจาก เบรดเกรด ในเช้ามืดที่แสนเยือกเย็นคราคร่ำไปด้วยเม็ดหิมะที่กำลังตกอยู่ประปรายของวัน ที่ 6 ก.พ. 1958 และลงจอดที่สนามบินที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะในกรุงมิวนิคเพื่อเติมเชื้อเพลิง เวลา 14.30 น. การนำเครื่องออกจากรันเวย์ไม่ประสบผลสำเร็จ หลังวิ่งไปได้ครึ่งรันเวย์แล้ว กัปตันพยายามอีกครั้งเป็นหนที่สองแต่ก็ต้องยกเลิกไปอีกครั้งเพราะไม่แน่ใจ กับแรงดันที่เพิ่มมากเกินไป ในเครื่องยนต์เครื่องหนึ่ง พวกเขาพยายามเป็นครั้งที่สามหลังหยุดพักมาจนถึงเวลา 15.00 น. ขณะที่เครื่องบินกำลังเร่งความเร็วเต็มที่ วิ่งไปตามทางมองออกไปนอกกระจกแทบมองไม่เห็นอะไรเพราะหิมะที่ถูกพัดกระจายมา ปิดบังเอาไว้หมด แต่ทันใดนั้นความเร็วของเครื่องก็ลดลง แทนที่จะเชิดหัวขึ้นฟ้า แต่กลับวิ่งต่อไปข้างหน้า ชนแนวเขตรั้ว ไถลไปอีก 250 หลาชนเข้ากับบ้านของผู้คนแถวนั้นจนปีกและหางของเครื่องกระเด็น ไปคนละทิศ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:29:13

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับพี่กระแต ดีใจด้วยที่ได้สิทธิ์การโพสต์รูปกลับมานะครับ อ่ะลบออกก็ได้ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 53 23:37:39 จากคุณ : CrazyMc เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:30:11

ความคิดเห็นที่ 23 มีนักเตะส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตในทันทีสำหรับเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่สำหรับคนที่รอดมาได้ก็มาเสียชีวิตเพิ่มอีกในเวลาต่อมา สำหรับนักข่าวที่เสียชีวิต ชื่อของพวกเขาเหล่านี้ถูกจารึกไว้บนแผ่นป้ายโลหะในชั้นที่นั่งของนักข่าวใน สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ขณะที่ แมตต์ บัสบี้ ผู้จัดการทีมที่รอดมาได้ จากอุบัติเหตุเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าทำไมไม่ให้เขาตายไปพร้อมกับคน อื่นๆ ด้วย ทำไมต้องเป็นเขา... สำหรับผู้ที่รอดชีวิตมาได้อย่าง แฮร์รี่ เกร็ก, บิล โฟล์กส์, ไวโอเลต และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม แฮร์รี่ เกร็ก กล่าวว่า ไม่มีเสียงร่ำไห้ ไม่มีเสียงคร่ำครวญ สภาพวันนั้นมีแต่ความมืดและกลิ่นน้ำมันเครื่องบิน หลังจากรอดพ้นความตายอย่างหวุดหวิด เขารู้สึกละอายใจที่เขารอดในขณะเพื่อนร่วมทีมเสียชีวิต การสูญเสียครั้งนี้ยิ่งใหญ่และสะเทือน ไปถึงวงการลูกหนังของโลก ไม่ใช่แต่เพียง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงเท่านั้น ทีมชาติอังกฤษของ วอลเตอร์ วินเทอร์บอททอม ก็ต้องขาดหัวใจหลักสำคัญของทีมไปเมื่อขาด โรเจอร์ เบิร์น, ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ และ ทอมมี่ เทย์เลอร์ แทบไม่เหลือกำลังใจไว้สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:30:15

ความคิดเห็นที่ 24 ทีมชาติอังกฤษอาจจะกระทบกระเทือนแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาไม่เหลืออะไรและเริ่มสร้างทีมขึ้นมาใหม่จากการช่วยเหลือของสมาคม ฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) รวมไปถึงสมาคมฟุตบอลของเวลส์ที่เลือกเอา จิมมี่ เมอร์ฟี่ ผู้ช่วยของ แมตต์ บัสบี้ มาคุมทีมชาติเวลส์ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไปหานักเตะมาจากไหน จะไปหยิบยืมใครมาได้ พวกเขาทำได้อย่างเดียวคือซื้อเท่านั้น แต่ก็ไม่มีนักเตะชั้นนำมากมาย ให้ทีมปีศาจแดงซื้อได้ในเวลานั้น แต่โชคดีที่สโมสรคู่อริอย่าง ลิเวอร์พูล และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ให้ยืมตัวนักเตะมาเล่นให้กับทีมได้ มีเพียง 2 สโมสรเท่านั้น หวัดดีตาแม็ค พี่แนะนำให้เอารูปออกเหอะนะ โดนแบนมามันไม่คุ้มหรอก ในเมื่อมันเป็นกฏที่เจ้าบ้านเค้ากำหนดมา การไปฝืนไปดื้อเพ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก....เชื่อพี่ พี่เจ๊บมาเย๊อะ!!! จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:33:51

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อการแข่งขันรอบรองชนะเลิศฟุตบอล ยูโรเปี้ยน คัพ มาถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามต้อนรับการมาเยือนของ เอซี มิลาน ทีมจากอิตาลี เป็นเวลาเดียวกับทีมชาติอังกฤษเตะกระชับมิตรกับ โปรตุเกส ทำให้ทีมปีศาจแดงไม่มี บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แต่ขุนพลปีศาจแดง ในยุคใหม่ก็ไม่ทำให้เหล่าบรรดาแฟนบอลต้องผิดหวังเมื่อสามารถเอาชนะไปได้ 2-1 แต่สุดท้ายก็ต้องไปพ่ายให้กับ เอซี มิลาน 4-0 ในนัดที่สอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังต้องพบกับความพ่ายแพ้อยู่อย่างสม่ำเสมอถึงแม้จะยอมทุ่มเงินสูงถึง 300,000 ปอนด์ กว้านซื้อนักเตะดาวดังเข้ามาเสริมหลายต่อหลายคนก็ตาม หลังจากนั้น บัสบี้ ได้คว้าตัว เดนิส ลอว์ และ จอร์จ เบสต์ เข้ามาเสริมทีม แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยกับระบบการเล่น 2-3-5 จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:35:21

ความคิดเห็นที่ 26 การรอคอยการประสบความสำเร็จของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาสิ้นสุดลงในปี 1963 เมื่อ แมตต์ บัสบี้ และ จิมมี่ เมอร์ฟี่ ผู้ช่วยของเขาพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 รวมไปถึงแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้เป็นผลสำเร็จ จากการรอคอยและบูรณะทีมครั้งใหญ่มานานกว่า 6 ปี ปีศาจแดงกลับมายิ่งใหญ่ อีกครั้ง แมตต์ บัสบี้ กล่าวไว้คำหนึ่งว่า "เราไม่ต้องกลัวความพ่ายแพ้อีกต่อไป" เขายืนหยัดลุกขึ้นมามุ่งมั่นจนพาทีมประสบความสำเร็จอย่างสุดยอด ทีมของเขาคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก นั่นคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ไม่ได้มาแบบโชคช่วย ภาพนาฬิกามิวนิคที่ติดตั้งอยู่บริเวณอัฒจรรย์หน้า โอลด์ แทรฟฟอร์ด แสดงถึงวันที่เครื่องบินตกและเวลาเพื่อย้ำเตือน แฟนปีศาจแดงรุ่นหลังให้ใส่ใจกับประวัติศาสตร์อันน่าสะเทือนใจของสโมสรที่ เกิดขึ้นเมื่อบ่ายสามโมงของ วันที่ 6 ก.พ. 1958... จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:36:00

ความคิดเห็นที่ 27 เพลง The Flowers of Manchester เป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับขุนพลนักเตะปีศาจแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินตก ขอบคุณข้อมูลดีๆจากคุณscrapza แห่ง manuclub.com ด้วยครับ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:38:46

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาร่วมแสดงความคิดเห็นกันนะครับ  ONE UNITED   จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:41:43

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณ คุณกระแตตาโต นะคะ เมื่อวานก็คิดเหมือนกันว่าไม่มีใครตั้งเลย Never forget "The Flowers of Manchester". ปีนี้ชนะ 5-0 เย้! จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:43:40

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณจ้า we wil never forget จากคุณ : GIRLCHESTER เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:48:22

ความคิดเห็นที่ 31 ปีนี้ชนะ 5-0 แต่ปีที่น่าจะมีความหมายสุดๆคือเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดันแพ้แมนซิคาบ้านซะนี่ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:49:20

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : happybee เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:50:10

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากครับพี่กระแต จากคุณ : danya เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:54:11

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ #31 รำลึก 50 ปีโศกนาฎกรรมมิวนิค ใส่เสื้อย้อนยุคซะด้วย แต่ดันแพ้อริร่วมเมืองซะงั้น แอบเซ็งเหมือนกัน จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 23:55:17

ความคิดเห็นที่ 35 หนังสือพิมพ์ข่าวเหตุการณ์ในครั้งนั้นครับ ปล.ภาพเก่าแล้วครับ ภาพปีนี้หายากพอควร จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 00:00:28

ความคิดเห็นที่ 36 ภาพสวยๆอีกภาพนะครับ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 00:01:53

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพสวยๆทั้งนั้นเลย คุณกระแต จากคุณ : เฮโรด (Youth In Asia) เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 04:45:38

ความคิดเห็นที่ 38 ขอต้อนรับการกลับมา ดีใจที่ได้เห็นภาพสวยๆอีกครั้ง^^ จากคุณ : ข้าวฟ่าง&ม่านแพร เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 18:52:21

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาเสียน้ำตา... ร้องมันทุกปีสิน่า...แฮ่ อย่างว่าอ่ะ ภาพที่คุณกระแตเลือกมา บีบคั้นเกิ๊นนนนนนน จากคุณ : หนูติงต๊อง น้องแสนดี เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 05:43:35

ความคิดเห็นที่ 40 แฟนยูไนเต็ดบางส่วนได้ทำเสื้อใส่ต่อต้านเกลเซอร์ด้วยนะ จากคุณ : PinManchester เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 06:40:54

ความคิดเห็นที่ 41 ผ้าพันคอเขียวและทอง ราคาขายในอีเบย์ตอนนี้ขึ้นไปเยอะเลย จากคุณ : PinManchester เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 06:43:41

ความคิดเห็นที่ 42 เสื้อ retro นิวตั้น ฮีธ ตอนนี้กำลังขายดีเลย จากคุณ : PinManchester เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 06:46:31

ความคิดเห็นที่ 43 แฟนยูไนเต็ดแต่งไว้ ***** United's soul is never sold วิญญาณยูไนเต็ดไม่ได้มีไว้ขาย So proudly wear that green and gold ดังนั้นจงภูมิใจที่จะใส่สีเขียวและทอง We'll never wear our famous Red พวกเราจะไม่ใส่สีแดงที่โด่งดังของเราอีก 'Til Glazer's gone or even dead จนกว่าเกลเซอร์จะออกหรือตายไป So raise that ancient standard high ดังนั้นจงช่วยกันยกอันเก่าอันดั้งเดิมของเราให้สูงขึ้น (แปลยากแฮะ) By green and gold we'll live or die ด้วยสีเขียวและสีทอง พวกเราจะอยู่หรือตาย That day will come again for sure วันนั้นของพวกเราต้องมาถึงแน่ ๆ When we can wear our Red once more วันที่พวกเราจะได้ใส่สีแดงอันโด่งดังของเราอีกครั้ง จากคุณ : PinManchester เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 06:54:37

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมากค่ะ คุณกระแตตาโต จากคุณ : ย้ำคิดย้ำฝัน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 08:23:10

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านเรื่องนี้ทีไรขนลุกทุกที R.I.P จากคุณ : LnTan เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 09:16:14

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณมากๆเลยค่ะพี่แต จากคุณ : ดาวเคียงดอย เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 09:16:36

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : บะหมี่^^ผีแดง เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 09:16:43

ความคิดเห็นที่ 48 น้ำตาซึม   จากคุณ : MBA ฮาเฮ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 09:30:00

ความคิดเห็นที่ 49 สุดยอด จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 09:56:33

ความคิดเห็นที่ 50 ฟังเพลงนี้ทีไร น้ำตาซึมทุกทีเลย จากคุณ : ผักทอดยอด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 10:12:07

ความคิดเห็นที่ 51 ขออณุญาต นำภาพMunich Air Disaster 52nd Anniversary ในคห.13 ไปทำลายเซ็น ในเวบฟุตบอลอีกเวบนึงนะครับ จากคุณ : bingos เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:09:07

ความคิดเห็นที่ 52 มารำลึกกับนักเตะในตำนานทุกคนครับ จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:42:27

ความคิดเห็นที่ 53 #43 So raise that ancient standard high ดังนั้นจงช่วยกันยกอันเก่าอันดั้งเดิมของเราให้สูงขึ้น (แปลยากแฮะ) ---------------------------------------------------- คุณพิณจ๊ะ  เธอเมาหรือเรางงกันแน่จ๊ะ มันน่าจะแปลง่ายๆ แค่ว่า "เรามาช่วยกันยกระดับมาตรฐานเดิมที่สูง"(ให้สูงขึ้นไปอีก) มิใช่หรือ ????????? หรือว่าผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า   จากคุณ : เดอะ ปูด เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 13:42:08

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับ อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย จากคุณ : เขยสันป่าตอง (เขยสันป่าตอง) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:09:31

ความคิดเห็นที่ 55 จอร์จ เบส หล่อมากครับ ไอโด้ผมให้หล่อน้อยกว่านิดหน่อย จากคุณ : อนุภาคกลูออน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 14:49:58

ความคิดเห็นที่ 56 ขอคุณสำหรับข้อมูลครับ คุณกระแตตาโต จากคุณ : aong_ha เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 16:44:35

ความคิดเห็นที่ 57 ตั้งชื่อกระทู้เหมือนมีใครตายเลยนะครับ หุหุ จากคุณ : wazenteq (wazenteq) เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 18:21:25

ความคิดเห็นที่ 58 ฟังเพลงแล้วรู้สึกถึงบรรยากาศตอนนั้นเลยค่ะ ถึงเราจะเกิดไม่ทัน แต่ก็พอจะรับรู้ได้ถึงความสูญเสีย ความโศกเศร้าในตอนนั้น ขอไว้อาลัยให้เหล่าขุนพลปิศาจแดงด้วยค่ะ แล้ว แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น จากคุณ : คุณหนูแพนด้าตัวน้อย เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 20:15:45

ความคิดเห็นที่ 59 อ้าวขึ้นกระทู้แนะนำด้วยนะเนี่ย ขอบคุณทุกแรงโหวตนะฮะ ไว้วันที่ 19 นี้มาเจอกันได้ในกระทู้ฉลองครบรอบ 100 Oldtrafford กันนะครับ ช่วงนี้กำลังหารูป+เนื้อหาและข้อมูลอยู่ จากคุณ : กระแตตาโต เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 20:43:36

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณค่ะคุณเดอะ ปูด อาจจะเมาอะ เมื่อคืนอ่านไปดื่มไวน์ไปขวด 555 จากคุณ : PinManchester เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 23:30:50

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณคร้าบบบ จากคุณ : นางฟ้าสีแดง เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 23:32:33

ความคิดเห็นที่ 62 ซึ้ง จากคุณ : dabodabo55 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:17:25

ความคิดเห็นที่ 63 Glory, glory, Man United, Glory, glory, Man United, Glory, glory, Man United, As the reds go marching on, on, on. ขอบคุณครับ จากคุณ : ขุนขวาน (akejuven) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 09:46:43

ความคิดเห็นที่ 64 จากคุณ : Plakud04 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:07:04

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีดี ครับผม โหวต!!! จากคุณ : nameyoungjet เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 17:38:37

ความคิดเห็นที่ 66 จากนี้ และ ตลอดไป Love United จากคุณ : OrangE_KnighT เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 21:01:44

ความคิดเห็นที่ 67 ยูไนเต็ด  ตลอดไป ชั่วนิรันดร์ จากคุณ : ลูกหม้อดำรงฯ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 21:29:24

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณมากค่ะ เข้ามาอ่านก็เสียน้ำตาอีกแล้ว แต่เหตุการณ์เป็เหมือนจุดเริ่มต้นในการเชียร์แมนยูของคุณพ่อเลยนะคะ พ่อบอกว่า...เชียร์ทีมนี้เพราะสงสารที่นักเตะแทบไม่เหลือเลย แล้วมันก็เป็นเหตุให้เราเริ่มเชียร์แมนยูตามพ่อ และติดตามมาจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : nanni เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 21:46:29

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีดีค่ะ ไม่เคยลืม -Flowers of Manchester- จากคุณ : l33jj เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 00:10:28

ความคิดเห็นที่ 70 ซึ้งมากมาย ภาพสวย ๆ ทั้งนั้นเลยอะแต ขอบคุณนะ ป.ล. จอร์จ เบสท์ หล่อสุด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จากคุณ : IrisGiRL เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 10:49:02

ความคิดเห็นที่ 71 ขนลุก จากคุณ : จอนนี่ ย่าง เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 11:01:38

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากๆครับ อ่านแล้ว ทำให้รัก แมนยู เพิ่มอีกเป็น หลายร้อยเท่าเลย จากคุณ : สองลิตรร้อย เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 16:36:55

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณครับ   อ่านกระทู้นี้แล้ว  น้ำตาพาลจะไหลเอา จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 53 21:13:31

ความคิดเห็นที่ 74 เพื่อนๆครับ กระทู้นี้ทรงคุณค่ามากๆเลย ขอแนะนำให้กดเก็บเข้าคลังกระทู้ครับผม จากคุณ : จอนนี่ ย่าง เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 01:38:44

ความคิดเห็นที่ 75 โหวดดด จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 03:41:13

ความคิดเห็นที่ 76 แฟนปืน เข้ามาโหวตให้ครับ อย่างที่ท่าน #37 บอก กระทู้นี้ทรงคุณค่าเหลือเกินจริงๆ.. จากคุณ : LightBreeze เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 17:06:41

ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อปีก่อน True เคยเอาภาพยนตร์ของ BBC ที่สร้างเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฉาย ผมดูไปได้ครึ่งเรื่อง แฟนถามว่าดูอะไร ผมว่าจะเล่าให้ฟังแต่พูดออกไปได้ครึ่งประโยคมั้ง มันจุกที่คอ พยายามจะคุยต่อให้จบแต่พูดไม่ออก แฟนผมเลยเข้ามากอดแล้วพูดว่า "ครับ....ครับ" ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้น้ำตาไหล มีอะไรจุกที่คอ และพยายามพูดยังไงก็พูดไม่ออก จากคุณ : z2k เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 53 23:51:13

ความคิดเห็นที่ 78 #53 คุณพิณจ๊ะ  เธอเมาหรือเรางงกันแน่จ๊ะ มันน่าจะแปลง่ายๆ แค่ว่า "เรามาช่วยกันยกระดับมาตรฐานเดิมที่สูง"(ให้สูงขึ้นไปอีก) มิใช่หรือ ????????? หรือว่าผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า _________________________________ น่าจะแปลว่า ให้ยกชูเอามาตรฐานอันดั้งเดิมขึ้นมา คือให้เอาของเดิมกลับมามากกว่านะครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : 21st@1st (immercury) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 21:18:23