ความคิดเห็นที่ 1 การลงสนามในเกมนี้ของทั้งสองทีม ก็ต้องถือว่าพิการไม่ต่างกัน สภาพบาดแผลย่ำแย่พอๆกัน ทีมเจ้าบ้านนั้นต้องขาดไอ้หัวฟู มารูยาน เฟลไลนี่ กับซิโก้แดนใต้ ทิม เคฮิลล์ ที่ถือเป็นสองคีย์แมนหลักในเกมไดเรกต์ที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดของเอฟเวอร์ตันในยามนี้ แต่เดวิด มอยส์เหลือบตาดูทัพที่เหลือพลางยักไหล่ไม่แยแส บอกว่า ก็แล้วไง... เล่นไดเรกต์ไม่ได้ ก็ไม่ต้องเล่นสิ แล้วก็เลือกแท็คติคบอลภาคพื้นลงมาใส่เพิ่มในทีมไดเรกต์ พร้อมหวังว่าการปรับให้ทีมมาเล่นบอลเร็วบนพื้นมากขึ้น จะช่วยกลบข้อด้อยของการไร้สองคีย์แมนไปได้ เราจึงได้เห็นการลงสนามของมิดฟิลด์ถึงห้าคน ที่แต่ละคนก็มีคุณภาพในสไตล์บอลคอนโทรลพอตัว ไม่ว่าจะเป็น ดินิยาร์ บิลยาเลทดินอฟ, มิเกล อาร์เตต้า, ลีออน ออสแมน, แลนดอน โดโนแวน  และ สตีเฟ่น พีนาร์ ที่ยืนเป็นตัวฟรีข้างหลังหน้าเป้าอย่าง หลุยส์ ซาฮา พลางถอยมิดฟิลด์จำเป็นอย่างฟิลลิปป์ เนวิลล์ ลงไปยืนตำแหน่งที่แจ้งเกิดขึ้นมาคือฟูลแบ๊คโดยนัดนี้วางเป็นแบ๊คขวา และมี เลห์ตัน เบนส์ เป็นแบ๊คซ้าย คู่เซ็นเตอร์คือ จอห์นนี่ ไฮติงก้า และ ซิลแว็ง ดิสแต็ง ใช้งานทิม ฮาวเวิร์ด เฝ้าระหว่างเสา ส่วนฝั่งแชมป์เก่าผู้มาเยือน ที่ป๋าช่วงช่วงพลิกดูสถิติแล้วคงลูบปาก(ทำไม) บอกว่า จัดปายจั๊กดอกสองดอก เพื่อเถลิงที่นั่งจ่าฝูงให้ป๋าหน่อยสิลูก แล้วก็จัดการใส่ชื่อวิดิช ที่มีข่าวว่าฟิตเต็มถังพร้อมรบแล้วไว้ข้างสนาม (ทำไม 2, รึว่าจะมีเคืองกันจริงๆ หรือยังไม่ฟิตกันแน่เนี่ย) โดยท่านเซอร์ยังไว้ใจ เอ็ดวินให้เฝ้าเสาต่อไป แต่คู่เซ็นเตอร์อาจเกิดจากการประมาทเล็กๆที่เห็นทอฟฟี่ขาดสองคีย์แมนตัวแกร่ง เลยเลือกส่งจอนนี่ เอแวนส์ และ เวสลี่ย์ บราวน์ลงมาเป็นคู่เซ็นเตอร์ ทั้งๆที่วิดิชพร้อมเนี่ยนะ แถมด้วยแกรี่ เนวิลล์เป็นแบ๊คขวา (ทำไม 3) ทางซ้ายใช้เอวร่าตามเดิม นัดนี้วางหมากมาทะลวงด้วยหน้าคู่ จึงต้องใช้มิดฟิลด์สี่คน ไล่ตามกันไปดังนี้ ปาร์ค ชี ซอง, ไมเคิล คาร์ริค, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และ วาเลนเซีย โดยมีหน้าคู่เป็น รูน และเบิร์บ ตามหน้าตักค่าเหนื่อยของทั้งคู่นั่นเอง จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:51:32

ความคิดเห็นที่ 2 จะเห็นว่าการจัดทัพหลังบ้านนัดนี้นั้น เราค่อนข้างสบายตัวสบายใจเหลือเกิน คิดว่าสปีดของสามในสี่แผงหลังจะเอาชาวบ้านชาวช่องเขาอยู่ แกรี่งี้, บราวน์งี้, เอแวนส์งี้ สปีดต้นด้อยกว่ากองหน้าทุกรายเห็นๆ แต่กลับถูกจับมายืนเรียงเป็นแผงโดยมีตัวเร็วที่สุดเป็นเอวร่าทางซ้ายคนเดียว รูปเกมที่เกิดขึ้น เอฟเวอร์ตันที่คงดูและศึกษาเทปเกมมิลานมาเต็มที่ จึงหักหน้าเสื่อและหักด้ามปากกาของทุกเซียนอย่างไม่ไว้หน้า แล้วหันมาเปิดเกมรุกกดดันแผงหลังแชมป์เก่าทันที มอยส์เลือกส่งการบ้านอาจารย์ด้วยการวางเกมแพลน 4-4-1-1 ลงสนามเพื่อช่วงชิงเกมตรงกลางมาเป็นของตัวเอง พร้อมทั้งทิ้งไพ่แท็คติคเพรสซิ่ง ไล่เร็ว ประกบติดทุกตัว วิ่งทั้งสนาม เรียกได้ว่าเอาตายกันเลยทีเดียว ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเราก็รับทราบกันดีอยู่แล้วว่า บรรดานักเตะทอฟฟี่นั้น มีดีที่ความฟิต ถึงแม้ว่าทั้งสองทีมจะเพิ่งลงสนามกลางสัปดาห์มาพร้อมๆกัน แต่เรียวแรงที่เหลือกลับดูต่างกันลิบลับ อาจจะเพราะการเฝ้าบ้าน กับการต้องออกไปเยือนนั้น (หมายถึงมิดวีค) อาจส่งผลกระทบต่างกันก็เป็นได้ เกมของยูไนเต็ดต่อเกมกันไม่ค่อยได้ ความเคยชินกับเกมแพลน 4-5-1 (หรือ 4-3-3 ในอีกนัยยะ) เริ่มแสดงออกมาให้เห็น เมื่อแผงมิดฟิลด์แชมป์เก่าออกอาการหาบอลไม่ค่อยเจอ และยืนกันค่อนข้างห่างกว่าเกมแพลน 4-4-2 ตามปกติ นี่คือข้อเสียของการปรับแท็คติตบ่อยๆก็ว่าได้ มันจะทำให้นักเตะสับสนง่าย ซึ่งทอฟฟี่เมนอาศัยจุดนี้มาเล่นงานตรงกลางสนามเราเต็มๆ มิดฟิลด์ของทอฟฟี่เคลื่อนที่กันได้ดีกว่า และรับ-ส่งบอลได้ไหลลื่นกว่า ดูเหมือนว่ารูปเกมที่เกิดขึ้นทำให้เราเผลอมองได้ตลอดว่า นักเตะเอฟเวอร์ตันมีมากกว่าเรารึเปล่า นี่แหละครับ คือจุดที่การเคลื่อนที่และวางตำแหน่งการยืนที่ดีกว่ามันส่งผลเกิดขึ้นให้เราเห็น และตรงนี้ก็ต้องยอมรับด้วยว่า เดวิด มอยส์นั้น ทำการบ้านและปลุกเร้านักเตะได้ดีกว่าท่านเซอร์ในเกมนี้ กับอีกอย่างหนึ่งก็คือนักเตะของมอยส์นั้น ตอบสนองต่อแท็คติคของมอยส์ได้ดีกว่านักเตะเราตอบสนองป๋า จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:51:49

ความคิดเห็นที่ 3 การเดินเกมของทั้งสองทีมกลายเป็นว่า เอฟเวอร์ตันพยายามเดินเกมด้วยระบบทีมและแท็คติคที่วางมา ในขณะที่ยูไนเต็ดกลับต้องอาศัยจังหวะฉาบฉวยเข้าตอบโต้มากกว่า มีเพียงช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกมเท่านั้น ที่ยูไนเต็ดเหมือนจะทำเกมได้ดีและกดดันให้เจ้าบ้านต้องถอยร่นไปตั้งรับได้เต็มๆหน่อย แต่พอถูกประตูตีเสมอเท่านั้น ก็เหมือนทำนบสมาธิเราแตกกระเจิงในที่สุด จนเริ่มที่จะค่อยๆเล่นหลุดฟอร์มกันไปตามๆกัน ประตูแรกของเราได้มาจากการที่เกมริมเส้นทางฝั่งขวาทำงานได้ดีตามเป้า วาเลนเซียวูบวาบหนีเบนส์ได้เรื่อยๆและดึงเอาดิสแต็งฉีกตามออกมาได้ตลอดจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จหลังจากใกล้เคียงจะทำได้มาหลายลูกในลักษณะคล้ายๆกัน นาทีที่ 16 วาเลนเซียกระชากหลบจนถึงเส้นหลังก่อนจะตบบอลเรียดกลับมากลางติดเท้านักเตะทอฟฟี่ที่พยายามสกัดนิดหนึ่ง แต่บอลยังมาเข้าเท้าเบิร์บที่ถอยออกมาเก็บบอล เบิร์บยิงสวนเร็วเสียบใต้คานทันที ส่งผลให้แชมป์เก่าออกนำได้สำเร็จ แล้วผมก็ลุกไปชงนม ไม่กี่นาที ได้ยินเสียงผู้บรรยายให้อรรถรสเต็มที่ ผมก็รีบแจ้นกลับมาดูทีวี ปรากฏว่ากลับมาเท่ากันซะงั้น และจากภาพไฮไลต์นั้น ก็แสดงให้เห็นว่า กองหลังเราพลาดกันอีกแล้ว จากบอลสาดยาวขึ้นหน้า เอวร่าหลุดตำแหน่งตามซาฮามาไม่ทัน ซาฮาเทคขึ้นกะโหม่งชงให้เพื่อน แต่เอแวนส์ปรี่ออกจากตำแหน่งมาโหม่งสกัด แต่ดันผิดเหลี่ยมบอลตกมาเข้าทางบิลย่าร์ ที่ตามมาเก็บจังหวะสองแล้วมีเทพน้ำตาลขวางไลน์วิ่งอยู่ บิลย่าร์เงยหน้าเห็นบราวน์วิ่งประคองอยู่ก็เหมือนเห็นสกอร์อยู่รำไร จึงใช้ลูกบอดของบราวน์ให้เป็นประโยชน์ นั่นคือล็อคกลับมาอีกข้างทำให้บราวน์ต้องหันหลังกลับตัวมาและนั่นคือจังหวะที่บิลย่าร์รออยู่ เขาบรรจงปั่นบอลออกจากเท้าโดยใช้ร่างของบราวน์ที่หลังหักอยู่นั้นเป็นเกราะกำบังการมองเห็นของน้าซาร์ ก่อนจะบอลจะโค้งซุกหน้าต่างโดยที่น้าซาร์ขยับไม่ทัน นี่คือจุดที่ต้องชมมอยส์จริงๆครับกับการทำการบ้านได้ดีมากๆ รู้จุดอ่อนของแผงหลัง รู้จังหวะที่จะเจาะและเลือกวิธีการที่เหมาะสมมาใช้จนสำเร็จในที่สุด จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:52:02

ความคิดเห็นที่ 4 แผงหลังของยูไนเต็ดนั้น ถ้าเป็นเอแวนส์กับริโอ หรือวิดิช จะยังพอเบาใจได้บ้างเรื่องการยืนตำแหน่งและสั่งการแผงหลัง แต่กระนั้น เกมกับมิลานเอง ป๋าช่วงช่วงยังต้องมาออกงิ้วข้างสนามใส่เอแวนส์เรื่องการยืนตำแหน่งอยู่เลย แต่นี่เอแวนส์กลับได้มาจับคู่บราวน์ ที่ทำให้การสั่งงานแผงหลังและยืนกำกับตำแหน่งมันด้อยลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย มอยส์พิจารณาแล้วจึงวางตัวเจาะทางกราบมาทั้งโดโนแวน และบิลย่าร์ ที่กำลังฟอร์มสดทั้งคู่ บวกกับมีพีนาร์เป็นตัวฟรีวิ่งพล่านดึงตำแหน่งทั้งซ้ายขวา และให้ซาฮาค้ำคู่เซ็นเตอร์ตัวหนึ่งอยู่ตลอด นี่คือการเล่นกับตำแหน่งแผงหลังที่เป็นสก็อตต์ของเรา (หมายถึงทิชชู่นะ) อันนี้ถือเป็นแผนการแรกที่มอยส์วางมา ส่วนแผนขั้นที่สองนี่มอยส์วางมาเพื่อจัดการเกมรุกของเราที่มีรูนี่ย์เป็นผู้บัญชาการ ซึ่งผมเองพอเห็นรูปเกมก็เข้าใจทันที ว่าการที่ไฮติงก้าให้สัมภาษณ์ว่า ก ร ะ สั น เหลือเกินที่จะหยุดความร้อนแรงของรูน คำพูดนั้นก็มีน้ำหนักขึ้นมาทันที และทำให้ผมเชื่อสนิทใจเลยว่า การที่มอยส์หยุดแนวรุกผีแดงได้นั้น ไม่ใช่เรื่องฟลุ้คแต่อย่างใด โอเคว่าการจะหยุดรูนี่ย์ให้ได้นั่นคือเรื่องที่ยากสาหัส แต่มีวิธีการที่ง่ายกว่านั้น ก็คือการตัดรูนี่ย์ออกจากเกมไปเลยต่างหาก มอยส์พยายามกดดันพื้นที่ตรงกลางด้วยมิดฟิลด์คุณภาพถึงห้าคน และบีบให้ยูไนเต็ดต้องหันมาเล่นทางกราบแทนมากขึ้น เป็นการตัดรูนี่ย์จากการมีส่วนร่วมกับเกม ซึ่งทางขวาเขาไม่กังวลเมื่อถอยเนวิลล์ผู้น้องลงมารับบทบาทแบ๊ค เพราะฟิลล์เป็นฮาร์ดแมนตัวรับอาชีพอยู่แล้ว สามารถหยุดเอวร่าและปาร์คร่วมกับไฮติงก้าได้แน่ๆ ถึงแม้ต้องแลกมาด้วยการออกบอลที่สะเปะสะปะและสาดยาวบ่อยเกินความจำเป็นของฟิลล์ก็ตาม (นิสัยฟิลล์เขาแหละฮะ) ส่วนทางซ้าย เบนส์ที่เสียท่าให้วาเลนเซียบ่อยๆช่วงแรก มอยส์เห็นแล้วกลับไม่เลือกหาวิธีการปรับเกมรับมาแก้ แต่แก้ลำด้วยการจงใจสวนเกมรุกขึ้นข้างนี้แทนทันที และให้บิลย่าร์กับพีนาร์ คอยมาป่วนตามกราบแกรี่แทน นี่ได้ผลเต็มๆสิครับ แกรี่ที่วันนี้สปีดไม่เหลือแล้ว ลงไม่ค่อยทัน วาเลนเซียก็ต้องลงไปเล่นรับมากขึ้นจนไม่สามารถปั่นป่วนเบนส์ได้ตามใจตัวเองอีกเลย จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:52:17

ความคิดเห็นที่ 5 สองแท็คติคการเล่นของมอยส์ที่วางลงมามานั้น ได้ประสิทธิภาพเต็มที่จริงๆ หากจะมองถึงรูปเกมหลังจากช่วงครึ่งค่อนชั่วโมงแรกผ่านพ้นไป และยิ่งหากมองถึงผลลัพธ์มันก็ยิ่งใช่ ส่วนทางฝั่งแชมป์เก่านั้นเล่า กลับไม่ได้เล่นในเกมที่ตัวเองถนัดสักเท่าไหร่นัก การครองเกมเบ็ดเสร็จที่เคยทำได้ประจำๆ ก็ถูกเอฟเวอร์ตันขโมยเอาไปซะ ส่วนการโต้กลับสวยๆตามสไตล์ก็ทำไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว จังหวะหวาดเสียวมีน้อยลงกว่าเกมพรีเมียร์ลีกเกมอื่นๆที่เราเคยเล่น บางจังหวะที่ควรได้ก็กลับไม่ได้ โอกาสของรูนี่ย์ที่ได้มาอย่างงามๆจากการชิ่งหนึ่งสองกับเบิร์บแล้วหลุดเดี่ยวนั้น ก็ถูกฟิลล์ตามเก็บในจังหวะสุดท้ายได้อย่างน่าหวาดเสียว และนั่นก็คือโอกาสจะจะของเจ้าหมูที่แผงหลังทอฟฟี่ปล่อยให้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนครบครึ่งชั่วโมงของเกมนั่นเอง หลังจากนั้น เจ้าหมูก็ดูเหมือนจะถูกตัดออกจากเกมไปกับเบอร์บาตอฟทั้งคู่ ท่านเซอร์เองก็ดูแล้วพอจะทราบว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรบ้างในเกมนี้ มันไม่ใช่เพียงแค่การถูกมอยส์เอาชนะทางแท็คติคเท่านั้น เพราะหากเป็นแบบนั้น แค่ลงมาเล่นงิ้วข้างสนามสักสองสามองค์ ประกอบกับการปรับเกมเล็กน้อย ก็คงเพียงพอที่จะให้เรากลับมาสู่เกมได้ แต่นี่มันมีมากกว่านั้นครับ หลายคนอจจะเถียงหากผมบอกว่ามันเป็น Mid-week effect เพราะทอฟฟี่เองก็ผ่านเกมมิดวีคเช่นกัน แต่ที่ผมอยากจะสื่อให้เห็นภาพก็คือ ที่มิลานนั้น ยูไนเต็ดทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งก๊อกแรก ก๊อกสอง และความมุ่งมั่น สมาธิ รวมถึงพลังกดดันวิญญาณ ออกมาจนเรียกได้ว่า หมดทุกก๊อกจริงๆ เพราะมันคือเกมที่ยูไนเต็ดตั้งใจเล่นกันมากเพื่อลบรอยแผลฝังลึกยาวนานตลอดห้าสิบปีที่นั่นออกไป และเมื่อทำได้ มันก็เหมือนได้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างมอดไหม้ไปหมดแล้ว และคงต้องอาศัยเวลามากว่าสามสี่วัน เพื่อสร้างมันขึ้นมาใหม่แน่นอน จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:52:32

ความคิดเห็นที่ 6 นอกจากนั้น จุดเปลี่ยนของเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อรูปเกมนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงก็คือ การโดนแบนของริโอ เฟอร์ดินานด์ และหลุยส์ นานี่ ที่ทำให้ทางเลือกในการจัดทัพแทบไม่มีทางไปมากนัก ตัวที่ดีกว่าปาร์คที่จะส่งลงมาเลื้อยเพื่อเปลี่ยนทรงของเกม จึงมีเพียง โอแบร์กตอง เท่านั้น ส่วนวิดิช วันนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่า จริงๆเขาเจ็บ หรือมีเรื่องกับป๋าสองช่วงอย่างที่เป็นข่าวกันแน่ ป๋าถึงได้จงใจจัดแผงหลังที่มันเหมือนแท่นขุดเจาะน้ำมันลงไปเช่นนี้ เมื่อทุกอย่างที่กล่าวมานั้น คือ แท็คติคของมอยส์, ความ ”หมด” ของนักเตะยูไนเต็ด, และอาการไร้ทางเลือก ที่เกิดขึ้น มันจึงส่งผลให้รูปเกมของแชมป์เก่าไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากนัก กลับกันทางทีมของมอยส์เอง ต่อให้ไม่ต้องเปลี่ยนตัวอะไรก็สามารถยันรูปเกมแบบเดิมๆเอาไว้ได้อยู่แล้ว แต่ยิ่งเห็นว่ายูไนเต็ดออกอาการหมดมากขึ้น มอยส์เองก็เลือกที่จะส่งเด็กปั้นตัวแสบลงมาบดต่อ และนั่นเองก็คือจุดที่ทำให้มอยส์และเด็กๆได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินกว่าที่ตัวเองคาดหวังด้วยซ้ำครับ ท่านเซอร์พยายามปรับจังหวะของลูกทีมกลับมาด้วยการหันหลังกลับมาใช้เกมแพลน 4-5-1 อีกครั้ง เพื่อช่วงชิงพื้นที่ตรงกลางกลับมาให้ได้ ด้วยการถอดปาร์ค ชี ซองออก แทนที่ด้วยโอแบร์กตองที่เป็นมิดฟิลด์ริมเส้นโดยธรรมชาติมากกว่า กับอีกจุดหนึ่งคือการถอดเบอร์บาตอฟออกแทนที่ด้วยพอล สโคลส์ เพื่อเพิ่มผู้เล่นมิดฟิลด์ตรงกลางไว้ต่อสู้กับเจ้าบ้าน แต่บางกระแสเองก็บอกว่าเบิร์บมีอาการเจ็บ ซึ่งผมเองมองว่าต่อให้เขาเจ็บ แต่ถ้าป๋าจะคงแพ็ทเทิร์น 4-4-2 ไว้ ก็สามารถส่งโอเว่นลงมาแทนได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนด้วยสโคลส์ นี่จึงเป็นการเปลี่ยนเกมแพลนมากกว่าเปลี่ยนตัวธรรมดาครับ แต่การเปลี่ยนครั้งนี้มันมีเดิมพันสูงมากๆ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะถึงแม้ปาร์คเองจะไม่สามารถเข็นเกมริมเส้นให้วูบวาบได้มากนัก แต่กับเกมรับริมเส้นแล้วเขาช่วยเอวร่าวิ่งไล่ได้มากกว่า ซึ่งตรงนี้แหละ จะทำให้เกมรับทางกราบของเราเสียขบวนไปแน่ๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:52:46

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนพื้นที่ตรงกลางนั้น สโคลส์ลงมาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก เนื่องจากเอฟเวอร์ตันยังเล่นกันด้วยสปีดเกมที่เร็วมากๆอยู่ การเพรสซิ่ง กดดัน ไล่บี้ ก็ทำได้ดีซะจนผู้เล่นยูไนเต็ดออกบอลกันลำบอกจนหลายครั้งต้องส่งคืนไปตั้งหลักกันใหม่ที่น้าเอ็ด ส่วนไมเคิล คาร์ริค และดาร์เรน เฟล็ทเชอร์นั้น ดูก็รู้ว่า “หมด” นานแล้ว ไม่สามารถวิ่งได้เต็มสปีดตั้งแต่นาทีที่ 60 กว่าๆแล้วด้วยซ้ำไป แถมเฟล็ทช์เองกลายเป็นลิงชิงบอลในหมู่นักเตะทอฟฟี่แล้วตั้งหลายครั้งจนผมเองอดสงสารไม่ได้ แล้วในที่สุด เมื่อป๋าช่วงช่วงชิงแก้เกมไปก่อนนั้น มอยส์ก็สามารถใจเย็นรอดูสถานการณ์ แล้วค่อยส่งตัวทีเด็ดลงมาตอบโต้ได้เต็มที่ นั่นคือทั้งๆที่เขายังเหลือยาคูบูนั่งอยู่ แต่กลับเลือกที่จะส่งแดน กอสลิ่ง ลงมาแทนบิลย่าร์ เพื่อเพิ่มความสดและแรงกดดันใส่แผงหลังยูไนเต็ด ตรงนี้แหละครับ ที่เสริมให้เห็นว่าเราหมดจริงๆ และเพียงห้านาทีกว่าๆเท่านั้น กอสลิ่งก็ยิงประตูให้เจ้าบ้านได้ พีนาร์เล่นชิ่งแล้วสลัดแผงหลังยูไนเต็ดสองสามคนหลุดมาทางกราบของแกรี่โล่งๆ ชนิดผมหัวเสียเอามากๆ ก่อนจะได้เปิดเรียดเข้ามากลางประตู ไม่มีแนวรับยูไนเต็ดคนไหนยืนตำแหน่งจัดการบอลได้ เอวร่าที่ตามคุมกอสลิ่งอยู่ก็ดันประมาท ถลามาคงกะจะบล็อคไม่ให้กอสลิ่งที่อยู่ข้างหลังเข้าถึง แต่กอสลิ่งเขี้ยวครับเขาเบียดเอวร่าจนสามารถจิ้มเท้าเข้าถึงบอลจนได้ ส่งบอลตุงตาข่ายในนาทีที่ 76 ให้แฟนๆเจ้าบ้านเริงร่าอย่างที่สุด หลังจากนั้น ป๋าก็ส่งพี่เว่นลงมาแทนวาเลนเซียที่ครึ่งหลังเริ่มหมดทางทำมาหากิน จนกลายเป็นมิดฟิลด์ตัวรับริมเส้นไปซะงั้น แต่เฮียเว่นลงมาก็ไม่สามารถเล่นได้ตามถนัดเช่นกัน เพราะทรงบอลมันเสียหมดแล้ว กลายเป็นเกมของเจ้าบ้านไปหมดแล้ว จังหวะบุกจังหวะลุยจังหวะเข้าทำของแชมป์เก่ากลับไม่สามารถสร้างความกดดันให้เจ้าถิ่นได้มากนัก ยิ่งน้องหมูนี่ยิ่งเห็นเลยว่า ลำพังตัวคนเดียวปราศจากการสนับสนุนนั้น ไม่สามารถทำอะไรได้เลยครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:53:03

ความคิดเห็นที่ 8 มอยส์ปรับอีก ส่งแจ๊ค ร็อดเวลล์ลงมาแทนพีนาร์เมื่อเหลือเวลาไม่มากนัก และแค่ไม่กี่จังหวะ ร็อดเวลล์ก็ยิงประตูได้ทันที เมื่อได้จังหวะสวนกลับ อาร์เตต้า(รึเปล่า) จ่ายบอลทะลุเร็วขึ้นหน้าให้ร็อดเวลล์ที่ควบไปเอาบอลโดยวิ่งฉีกเอแวนส์จนขาดเป็นริ้วๆ ก่อนจะตวัดยิงด้วยขวาเสียบเสาไกลสุดปลายมือของน้าซาร์ในช่วงนาทีสุดท้ายได้สำเร็จ ทำให้เจ้าบ้านได้เริงร่าสุดขีด ตรงข้ามกับแฟนบอลทีมเยือน ที่ไม่เคยสัมผัสความพ่ายแพ้ที่นี่มานานแล้ว ต้องแบกความขมขื่นกลับบ้านไปในที่สุด แถมด้วยความชอกช้ำแบบดับเบิ้ล เมื่อเชลซีทำงานของตัวเองได้สำเร็จลุล่วง เก็บสามคะแนนบวกสองสกอร์ที่โมลินิวซ์ กราวนด์ได้ ทำให้แต้มห่างกลายเป็นสี่เข้าไปแล้ว พร้อมประตูได้-เสียเราตามกลายเป็นสองลูก ยังครับ ยังกลายเป็นชอกช้ำแบบทริปเปิ้ล เมื่ออาร์เซน่อลเองก็เก็บชัยชนะได้สำเร็จ ทำแต้มไล่หลังเราเหลือเพียงแค่สองแต้มเท่านั้นเองแล้วในขณะนี้ ดันเขียนมาซะยืดยาว ขอสรุปเลยนะครับ ว่า ผลจากเกมนี้ มันกระทบชิ่งเยอะมากๆ ทั้งปล่อยให้เชลซีลากหนีห่างออกไป ทั้งทำให้อาร์เซน่อลไล่จี้หลังเข้ามา แถมยังโชว์ให้ชาวบ้านชาวช่องเขาได้เห็นอีกว่า อาการหมดของเรานั้นมาเร็วกว่าที่คิด นี่ยังเหลือตั้งสิบเอ็ดนัด จะรีบมาหมดทำไมกันเนี่ย ที่สำคัญคือเดวิด มอยส์ กับลูกทีมควรได้รับคำชมเต็มที่จากการแข่งขันเกมนี้ ที่ทั้งเกมแพลน-แท็คติค-ตัวผู้เล่น-ความมุ่งมั่น มันมาพร้อมๆกันหมดเลย จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีมๆนี้เองจะสามารถเก็บเชลซีได้เมื่อไม่นานมานี้นะครับ และอีกอย่างหนึ่งคือ หลายคนอาจจะคิดว่า การขาดนักเตะอย่างเคฮิลล์ และเฟลไลนี่ อาจเป็นช็อตบังคับที่ทำให้มอยส์จัดทีมและวางแผนเกมนี้มาแบบนี้แล้วเข้าทางปืนก็เป็นได้ แต่ผมว่าต่อให้เปลี่ยนเกมมาเป็นเฟลไลนี่กับเคฮิลล์แล้ว คิดเหรอว่าแกรี่-บราวน์-เอแวนส์ จะจัดการกับบอลไดเรกต์ของพวกนี้ได้ง่ายๆ แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:53:16

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับยูไนเต็ด ผมเองและแฟนๆทีมรุ่นใหญ่หลายๆท่านคงไม่แปลกใจ หากฟอร์มของทีมจะออฟเช่นนี้หลังจากเพิ่งสลุตฟอร์มเทพมาหลายนัดติดต่อกัน ยูไนเต็ดเราก็เป็นเช่นนี้แหละครับ ไม่ใช่ทีมอินวินซิเบิ้ล ไม่ใช่ทีมที่เดินเครื่องเป็นเครื่องจักร และไม่ใช่ทีมที่มีนักเตะเกรดเอมากมายแทบทุกตำแหน่งคอยทดแทน ยูไนเต็ดเราจะเป็นทีมที่มักจะผสมผสานดาวรุ่ง-ตัวเก๋า-ดารา ได้อย่างค่อนข้างกลมกล่อม อาศัยส่วนผสมที่พอเหมาะกับแท็คติคการจัดทีม และวางแผนของท่านเซอร์ รีดเอาฟอร์มของนักเตะแต่ละคนออกมาประสานงานกันได้อย่างดีเยี่ยมมาตลอด แต่จะทำได้ติดต่อกันอย่างมากแค่สิบนัดก็หรูแล้ว เพราะการจัดทีมและวางแผนการเล่นแบบหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไปในลักษณะนี้ มันย่อมเกิดเหตุการณ์ “ผิดแผน-ไม่ลงล็อก” กันบ้าง รวมทั้งการที่มีนักเตะผสมผสานกันในทีมเยอะ มันย่อมเกิดเรื่อง “เดย์-ออฟ / ฟอร์มหลุด” เกิดขึ้นได้เช่นกัน และที่สำคัญที่สุดคือ หลังจาก “match of the year” เช่นเกมกับมิลานนั่น ทีมของเราเองก็มักจะ “หลุด” อย่างนี้ให้เห็นแทบทุกปีอยู่แล้วเช่นกัน แต่ผมเองเชื่อครับว่า หลังจากฟอร์มบู่ในเกมนี้แล้ว ป๋าช่วงช่วง จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ พาทีมกลับมาอยู่ในวงโคจรลุ้นแชมป์เต็มตัวได้อีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อริโอ เฟอร์ดินานด์ ชดใช้โทษแบนครบถ้วน กำลังจะกลับมาในเกมหน้ากับเวสต์แฮมวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการที่วิดิชมีชื่อในม้านั่งสำรองอย่างน้อยก็อุ่นใจว่าหายเจ็บ และปัญหากับป๋าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะถ้าเรื่องใหญ่ ก็คงไม่มีชื่อให้เห็นแน่ๆ ตอนนี้เราคงรอเพียงนานี่ชดใช้โทษแบนครบและกลับมาเป็นตัวเลือกอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น มาเอาใจช่วยป๋าช่วงช่วงและบรรดาลูกๆของป๋ากันนะครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:53:28

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 10:53:44

ความคิดเห็นที่ 11 ดูไปเซ็งไปครับ ไม่รู้เป็นอะไร เนือยๆ บอกไม่ถูก รู้สึก (ไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้) ว่าปีนี้ น้าแกรี่ไม่ไหวที่จะลงมาเป็นตัวหลักจริงๆ ลูกหนักนะโอเคอยู่ แต่แกช้าไปมาก (มาก) ทางดี ประสบการณ์ดีก็จริง แต่ร่างกายมันไม่ตอบสนองความคิดเท่าไรแล้วละ ยิ่งจับคู่กับบราวน์ทางขวาแล้วละก็ ไม่ไหวจะเคลียร์ บอกตรงๆ ว่า ผมดูพีนาร์ป่วนฝั่งขวาเราเพลินไปเลย จากคุณ : next station เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:15:27

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับคุณสงบใจ   ตอนนี้ก็หลีกทางให้บอลไทยนิดหนึ่งนะครับกระแสแรงจริงๆอิอิ ***************************************** ก่อนอื่นต้องชม เดวิด มอยส์ และลูกทีมทุกคนที่เล่นได้ตามแผนเป๊ะๆ อันนี้ต้องชมจากใจจริงเลย  ส่วนแมนฯยูก็เข้าสูตรเป๊ะๆครับ  เข้าสูตร ฟอร์มเฮงซวยแห่งปีซึ่งฤดูกาลหนึ่งจะมี 3-4 นัด ถ้าใครยังจำกันได้ เมื่อปี 2007-08 หลังจากบุกไปพ่ายโรม่า 2-1 ในยูซีแอลรอบ 16 ทีม เราก็มาแพ้ต่อพอร์ทสมัธ 2-0 (ริโอยิงประตูตัวเองลูกที่สอง) ซึ่งถ้าใครตามแมนฯยูมานานก็พอจะทราบคาแรกเตอร์ของทีมนี้นะครับ จะถามว่าล้าไหม?  ผมมองดูแล้วก็พอสมควรเลยหล่ะครับ แต่อย่าลืมว่าเอฟเวอร์ตันก็แข่งกลางสัปดาห์วันเดียวกับเราเหมือนกัน เพราะนั้นแพ้นัดนี้ก็ต้องยอมรับโดนดุดสดีครับว่าแพ้ แพ้ทุกกระบวนท่า จริงๆ อย่างเซอร์เฟอร์กี้ให้สัมภาษณ์นะครับ "แพ้ก็คือแพ้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครอยากแพ้หรอกและ คงไม่มีใครที่จะชนะไปตลอด ก็อยู่ที่ว่าเราจะลุกขึ้นได้เร็วแค่ไหนเท่านั้นเอง" ครับนัดนี้แพ้ก็คือแพ้ครับ .. จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:21:25

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณน้าหงบใจ จากคุณ : anurak_jun เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:28:00

ความคิดเห็นที่ 14 ตั้งแต่วันเสาร์ยังไม่ได้เข้าไปตอบกระทู้แมนยูเลย (เพราะโดนท่าเรือกลบ) วันนี้ขอหน่อยเหอะ หลังรั่วมาก ทั้งบราวน์ทั้งเด็กแว๊นซ์ ประกบหลวมมาก แล้วอีกอย่าง ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่เอาเนวินมายืนฝั่งเดียวกับบราวน์ เห็นแววเครียดตั้งแต่เห็นรายชื่อแล้ว คู่นี้ลงพร้อมกันทีไร บรรลัยทุกเกม! จากคุณ : ParisHolic เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:38:42

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะ แบบว่าเซ็งมากมาย จากคุณ : poojo_ke เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:43:21

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับผมที่เป็นแฟนทอฟฟี่ต้องยอมรับครับว่าโปรแกรมบอลยุโรปมีผลเหมือนกัน เพราะแมนยูต้องบินไป-กลับอิตาลี แถมเกมส์นั้นก็ใส่กันหมดทุกก็อกอย่างที่คุณสงบใจว่าไว้จริงๆ ส่วนเกมส์ยุโรปของทอฟฟี่ผมเตะในบ้านก่อน แม้จะเป็นเกมส์ยากกับสปอร์ติ้งแต่ก็ยังโชคดีที่หลังแข่งแล้วก็นั่งไขว่ห้างที่กูดิสัน ปาร์ครอสะกดผีได้เลย สำหรับรูปเกมส์และผลการแข่งขันที่ออกมาก็เห็นได้ชัดครับ ว่าความทุ่มเทและมุ่งมั่นตั้งใจของมอยส์ ทีมงาน และนักเตะทุกคนได้รับผลตอบแทนที่สมควรได้รับแล้ว ต่อไปทอฟฟี่ผมก็ไม่มีโปรแกรมกับท็อปโฟร์ให้ช่วยตัดแต้มคืนให้ผีแล้วซะด้วย (แต่ก็ช่วยไปตั้งแต่ชนะเชลซีแล้วนี่นะ) ลุ้นต่อไปของทอฟฟี่ก็คือพื้นที่ยุโรปล่ะครับ สำหรับแฟนผีก็เอาไว้เจอกันใหม่ปีหน้าครับ(หวังว่าจะได้เจอกันในUCLด้วยจะหวังสูงไปไหมเนี่ย...) แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 53 11:47:27 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 53 11:48:12 จากคุณ : John Bames เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 11:46:32

ความคิดเห็นที่ 17 T.T จากคุณ : 2faiutd เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 12:09:03

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีค่ะคุณสงบใจและเพื่อนผองแมนยู และไม่ใช่แมนยู เหนื่อยใจค่ะบอกตามตรง.. ตอนที่เบิร์บยิงได้ นึกว่าจะใสๆซะแล้ว แต่กลายเป็นว่าทางเค้าใส เราขุ่นซะงั้น สกอร์ 3-1 นี่มันบาดใจจริงๆ แต่ก็สมควรแล้วล่ะ เล่นเป็นทีม อบต ขนาดนี้ ดีเท่าไหร่ไม่แพ้ 5-1 ไงก็เชียร์ต่อไปค่ะ.. ไฟลนก้นแล้วจะนั่งแช่อยู่ต่อไปได้ไง ต้องลุกขึ้นมาสู้เท่านั้น.. จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 13:21:32

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้ด๋อยไปช่วงหนึ่ง น่าจะช่วงประมาณเที่ยงวัน ซึ่งผมก็ได้แจ้งพันทิปไป ทางทีมงานพันทิปก็ได้ดำเนินการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วอย่างที่เห็น เจ้าของกระทู้ จึงขอขอบคุณทีมงานพันทิปมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 13:55:56

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาอ่านครับ บราวน์ลงพร้อมเนวิลล์แล้วไม่ค่อยมั่นใจกองหลังเลยครับ เทพน้ำตาลยังไงก็เหมาะกับแบ็คขวา แต่ป๋าก็ให้ยืนกลางทุกที คงเพราะตัวเลือกไม่มีแล้วด้วย - - ปีนี้พอเข้าใกล้เชลซีได้ ก็ต้องพลาดถูกทิ้งห่างออกไปทุกที ก็หวังว่าจะตามไม่เกิน 5 แต้มจนถึงนัดเจอเชลซีครับ ถ้าชนะเชลซีได้ก็ไล่ไปอีกนิด แต่ถ้าเสมอหรือแพ้เชลซี คงต้องยกธงแล้ว ดีไม่ดีจะถูกอาร์เซนอลแซงเอาซะอีก >< จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:00:09

ความคิดเห็นที่ 22 ปีนี้ถ้าจะไม่ได้แชมป์ลีก ก็เพราะกองหลังเรานี่แหละ ปกติไม่เคยคิดเลยว่าจะเจ็บพร้อมๆกัน 2 คนแบบนี้ แถมพอหายเจ็บก็โดนแบนอีก ปีนี้ยิง 1 ลูกไม่เคยอุ่นใจเลย ต่างกับปีที่แล้วเลยนะครับ ปีที่แล้วได้ 1 ประตูนอนตีพุงเลย เพราะหลังเหนียวสุดๆ แต่ปีนี้หลังพร้อมเสียทุกนาทีจริงๆ เกมส์นี้ตอนแรกที่เบิร์บยิงเข้าก็นึกว่า สบายแล้ววันนี้ แต่พอโดนตีเสมอนี่ เราแทบโงหัวไม่ขึ้นเลย ความมั่นใจหายกันทั้งทีม ไม่อยากโทษอีแวนเลย แต่มันก็พลาดจริงเพราะถ้าไม่โดนลูกแรก ผมก็ยังว่าเราน่าจะเดินเกมส์บุก และคุมอยู่ อีแวนส์นี่ถ้าไม่ลงพร้อมเฟอร์ดินาน หรือ วีดิทนี่ก็ไม่ไหวจริงๆ จากคุณ : karpin เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:13:46

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ แพ้แบบสมควรแพ้จริงๆ เกมนี้ จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:22:47

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาต แสดงความเห็น วันเสาร์ดูบอลขัดใจ จอนนี่ อีแวนส์   บ่อของจริง ยืนผิดตำแหน่งตลอด  ใครชอบโทษเวส บราวน์  เพราะภาพในอดีต   จริงๆแล้ว อีแวนส์ เมื่อวันกับมิลาน ต่อเนื่องมาวันเสาร์ เล่นแย่ มากๆ   วาเลนเซีย  ไม่เล่นเกมรับเลย  หมดแรงจากกลางสัปดาห์ หรือไงไม่ทราบ   ปล่อยให้แบ็คซ้าย ทอฟฟี่ มาบุกสลับกับพีนาร์ได้ตลอด  เป็นเหตุที่ทำให้เซอร์ต้องเปลี่ยนตัวออกแล้วเอาเฟลทเชอร์ไปเล่นทางขวา เพื่อหยุดการเติมเกมของแบ็คซ้ายเอฟเวอร์ตัน ทำให้กลางหลวมโครกในเวลาต่อมา ไมเคิ่ล คาริค  เป็นอีกคนไม่เล่นเกมรับเลย  วิ่งน้อยมากๆ  จากเดิมที่วิ่งน้อยอยู่แล้ว  คราวนี้วิ่งน้อยกว่านั้นอีก พอเฟลทไปเล่นขวาปุ๊บ  กลางเจ๊งไปเลย เพราะ สโคลล์ก็เล่นเกมรับไม่เก่งอยู่แล้ว   ดูได้จากประตูที่ 3  คาร์ริควิ่งตามร็อดเวลล์ มาดีๆ แล้วก็หยุดซะดื้อๆ  ทำให้เขาได้บอลหลุดเข้าไปยิงสบายๆ   ปาร์ค  แทบไม่เจอบอล ผมว่าเนวิลล์ และ บราวน์ เล่นได้ระดับกลางๆ นะ ไม่ดีไม่แย่  คนอื่นก็ระดับทั่วไป ไม่ดีไม่แย่ จากคุณ : นิกรครับ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:29:44

ความคิดเห็นที่ 25 ในมุมมองผม เอแวนส์คงกลับมาเล่นได้ตามมาตรฐานตัวเองน่ะครับ คือมาตรฐานที่ต้องพึ่งพานักเตะรุ่นพี่ที่เก๋ากว่า คอยประคอง คอยสั่งการ เพราะลำพังเอแวนส์เอง เพิ่งทะลุขึ้นชุดใหญ่เต็มๆก็ปีนี้ จะเด่นได้เองคงยาก ปีที่แล้วเขาเพิ่งได้สลับขึ้นมาก็ยังไม่มากมายนัก มามากก็ปีนี้แหละ จะหวังให้นิ่ง ให้พึ่งพาได้เต็มๆด้วยตัวคนเดียวคงยังไม่ได้เต็มที่ แต่ถ้าอีกปีสองปี เอแวนส์ยังเล่นได้เท่านี้ ผมเองก็จะตำหนิเขาเต็มๆด้วยคน แต่ที่ผมตำหนิมากหน่อยก็บราวน์นี่แหละ ที่เป็นเซ็นเตอร์อาชีพมาร่วมๆสิบปี ประสบการณ์ในทีมล้นทะลัก กลับช่วยเหลือประคองคู่ขาตัวเองไม่ได้เลย การที่เอแวนส์หลงตำแหน่งนี่ ต้องตำหนิบราวน์ด้วยที่ไม่กำกับบทบาท นัดกับมิลานพอโดนป๋าออกงิ้วใส่ ริโอก็ช่วยกำกับแวนส์ได้ดีขึ้นเยอะ แต่พอนัดนี้ หายหมดเลย ลูกที่สองที่เสียให้กอสลิ่งก็เห็นๆว่าหลุดกันหมด หลุดทั้งกระบิฝั่งขวาเลย หลุดจนได้แต่ยืนมองหน้ากันนั่นล่ะ จนพีนาร์ได้เปิด เกมนี้ขอบอกว่านอกจากแพะตัวใหญ่จะเป็นแผงหลังแล้ว กองกลางก็สมควร เล่นเกมได้ไม่มีเรี่ยวแรงเอาซะเลย แต่ละคนเหมือนง่วงมาจากไหนไม่ทราบ ตรงกลางมีเฟล็ทช์วิ่งจนลิ้นห้อย แล้วก็หมดก่อนเกมจบ คาร์ริคตื้อมาก แกรี่นี่หมดลายแล้ว โดนพีน่าร์พานวดซะงอม จนวาเลนเซียก็ขึ้นหน้าไม่ได้ วาเลนเซียเองก็จบข่าวตั้งแต่ถูกตีเสมอ แล้วก็หายไปเลยไม่โผล่มาอีก ปาร์คเหมือนวิ่งเล่นคนเดียว เบิร์บกับรูนเหมือนต่อกันติดแค่ลูกเดี่ยวนั่นแหละ นี่แหละครับ พอกลางหายปล่อยให้ทอฟฟี่โขยกๆเอาข้างเดียว บอลทะลักมาหลังที งานเข้าตลอด แล้วสปีดแต่ละคนกวดเขาได้ที่ไหน หลุดมาแต่ละที เล่นเอาหวาดเสียวตลอดเกมนี้ไม่จบที่หกลูกก็ยุญแล้วครับ ปล. นี่ว่ากันตามอารมณ์ในเกมเลยนะ ส่วนในกระทู้ นั่นซอฟท์ลงเยอะครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 53 15:01:41 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 14:59:36

ความคิดเห็นที่ 26 T___T ปล.ขอบคุณคุณสงบใจมากๆครับ จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 15:09:43

ความคิดเห็นที่ 27 ลงชื่อและให้กิ๊ฟท์ก่อนอ่านเ่ช่นเคย จากคุณ : นายคิ้วเข้ม เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 15:16:37

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนที่ดู ลุ้นอย่างเดียวว่า ยันให้อยู่นะ ขอร้อง เอาเสมอนะ.... คือดูทรงแล้ว ไม่รอดแหง ได้แต่หวังโชคชะตา แต่มันจะมาได้ไงเล่า.... เมื่อเจอกับคู่แข่งเยี่ยมขนาดนั้น จากคุณ : proofman เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 15:52:57

ความคิดเห็นที่ 29 ผีแดงหมดแรงครับเกมนี้ เอฟร่าที่ว่าเร็วและคล่อง ยังช้าและขาสั่นดูเปลี้ยๆ รูนีย์ลงมาทุกเกมเริ่มออกอาการล้าาาาา กลางยิ่งหมดสภาพเลย ผลจากเกมกะมิลานที่บดสภาพร่างกายและจิตใจไปเยอะ ทั้งแผงหลังที่ไม่นิ่ง(อีแวน) และนิ่งจนเกินไป(บารวน์) และช้าเกินไป(เนวิลล์) ก่อให้เกิดทั้ง 3 ประตูซึ่งป๋าคงคิดว่า จะให้วิดิชพักจนถึงเกมมิลานมั้ง ว่ากันต่อไปนัดหน้าๆ จากคุณ : k_boung เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 16:06:52

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคุณสงบใจ ปล. แอนนี่ไปไหนแล้วครับ ไม่มีข่าวว่าเจ็บนี่ จากคุณ : aong_ha เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 16:28:25

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณฮะลุงหงบ ปล. ปีนี้เสียวิดิชไปแหงมๆ เลยฮะ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 16:37:48

ความคิดเห็นที่ 32 แอนนี่มีข่าวว่าเพิ่งหายเจ็บครับ จำได้ลางๆว่าเพิ่งลงทีมสำรองไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องชั่งน้ำหนักข่าวด้วย เพราะเรื่องงัดข้อป๋าท่าจะจริง ถึงแม้นักเตะจะขอโทษขอโพยแล้ว แต่ป๋าอาจจะยังเคืองอยู่ ข่าวว่า ถ้าไม่ติดที่ค่าแรงแอนนี่แพง ป่านนี้ได้ถูกยืมไปฝรั่งเศสแล้วด้วย ณู้สึกว่าจะเป็น โอแอลด้วยนะ เห็นว่าเป็นสัญญาอาจจะแลกกับโกล์เขา จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 16:44:20

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนเรื่องวิดิชนี่ผมยังสองจิตสองใจ คือหนึ่งผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องคาแรคเตอร์วิดิช ที่จะไปงัดกับป๋า ตรงนี้เรื่องบาดเจ็บจนไม่ยอมซ้อมหรือลงแข่งอาจจะขัดใจป๋าบ้าง แต่ถ้ามันเจ็บจริง พิสูจน์ได้ แล้วจะไปโกรธนักเตะทำไม นอกจากจะเห็นว่าเริ่มเปลืองข้าวสุก แต่ถ้าแบบนั้นฮาร์โก้ไม่เปลืองกว่ารึ ถึงแม้เมียจะอยากย้าย แต่ถ้าเจ้าตัวเอาอยู่ ผมว่าป๋าก็ไม่ไร้เหตุผลหรอก ถ้าคิดตามเคสนี้ ผมว่าวิดิชน่าจะยังอยู่ สองผมว่าเรื่องฟอร์มของวิดิชหลังๆนี่ถูกเปิดจุดอ่อนเยอะเหมือนกัน ทั้งเรื่องการเจอคู่ต่อสู้พลิกหนีดื้อๆ จากที่ตอร์เรสเปิดแผลคนแรก หลังๆนี่เลยดูเหมือนเจอไม้นี้เล่นตลอด จะให้ริโอซ้อนทุกครั้งก็ใช่ที่ แล้วเจ้าตัวเองก็ดูเหมือนเร่งฟอร์มดีๆมากลบยังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเป็นที่เคสนี้ แล้วป๋าเริ่มไม่ปลื้มฟอร์ม อันนี้ผมว่ามีสิทธิ์ครับ แต่ผมว่าถาป๋าจะขาย คงไม่น่ารีบขายปีนี้อ่ะครับ ตัวแทนยังลูกผีลูกคนอยู่เลย เอแวนส์ยืนระยะไม่ได้ คู่กับคนอื่นตายสนิท สมอลลิ่งเพิ่งขึ้นชั้นพรีเมียร์ไม่กี่นัด จะดันขึ้นมาไหวรึเปล่า บราวน์ ถามจริงๆ ว่าเพื่อนๆไว้ใจกับตำแหน่งเซ็นเตอร์รึไม่ครับ ดังนั้นผมว่า ถ้าจะขายวิดิชต้องมีตัวแทนที่สมน้ำสมเนื้อกว่านี้ก่อน อย่างน้อยถ้าซัมเมอร์นี้ซื้อตัวเจ๋งๆมาได้เร็วๆสักคน ก็แน่นอนว่าวิดิชไป (เช่นพวกเคียร์ส หรือคิเอลลินี่) หรือไม่ก็ ถ้าปีนี้จับพลัดจับผลูได้สองแชมป์เมเจอร์ชนิดตะลึงทั้งบางล่ะก็... ป๋าอาจเลือกกลับมาตั้งหลักใหม่ โดยปั้นเด็กขึ้นอีกชุดก็เป็นได้ เพื่อล่าความฝันอันใหม่ กับทีมชุดใหม่ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 16:55:46

ความคิดเห็นที่ 34 ซ้าาาาธุ กับพลัดกับผลูของป๋าหงบใน33 ว่ากันด้วยนัดนี้ แทนที่จะได้ชื่นชมจ่าฝูง(ชั่วคราว)เต็มๆตาเพราะแข่งหัวค่ำ ดั๊นนนนน เล่นกันได้...เฮ้อ ล้มแล้วลุกเร็ว หวังว่าแคแรกเตอร์นี้ของทีมเราจะยังอยู่นะ จากคุณ : ข้าวฟ่าง&ม่านแพร เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 19:52:27

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาพร้อมกับแปลกใจที่คุณสงบใจดูจะวิจารณ์แมนยูฯ ยามแพ้ ไม่ดุเดือดเหมือนปกติ (เพิ่งรู้จากคห. 25 ที่ว่า วิจารณ์ซอฟท์ลงไปเยอะจากอารมณ์ของเกม) เข้ามาพร้อมความเซ็ง ธันวา-มกรา กองหลัง+ประตูเดี้ยงหมด (ยกเว้นเอวร่า) เสียไปหลายคะแนน พอนานี่เข้าฟอร์ม เฟอร์ดินานด์ กับ น้าซาร์กลับมา ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา (ก็คู่แข่งเราหลุดฟอร์มเหมือนกันนี่) นี่พอเข้ากุมภา  เฟอร์ดินานด์โดนแบน 4 นัด, (วีดิชยังเจ็บอยู่), นานี่ก็โดนใบแดง, น้ากิ๊กก็เจ็บแขนเข้าไปอีกเป็นเดือน ... เฮ้อ แต่ทางหนึ่งก็ดีใจที่ปกติ ถ้าเราเสียผู้เล่นตัวหลักไป (ก๊องโต้, เฟอร์ดินานด์ โดนแบนทั้งคู่ และ ยอร์ค) จะฟอร์มทีมกลับมาไม่ได้เลย  แต่นี่ป๋ากลับไปเล่น 4-3-3 อย่างได้ผลเหนือคาดหมาย ก็ดีใจมากแล้ว หวังว่า จากนี้ไป คงไม่มีข่าวร้ายอะไรเข้ามาอีกนะ ไม่งั้นคงหมดกำลังใจไปเลย จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 21:03:51

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณครับ น้าหงบ บทความยังเฉียบเหมือนเดิม ผมล่ะกลุ้ม จอห์นนี่ อีแวนส์ มากครับ ปกติคนที่โดนป๋าสวดหนักๆ น่าจะดีขึ้น แต่หมอนี่กลับเล่นแย่ลงกว่าเดิมอีก โดยเฉพาะการโยนยาว ที่ไม่เคยเข้าเป้า เวสบราวน์อีกตัว หมอนี่เข้าบอลอืดอาดมาก จังหวะซ้อนควรจะเร็วกว่านี้ วาเลนเซีย นอกจากลูกแรกที่เปิดได้ฉลาด ที่เหลือได้แต่เล่นโป้งแปะกับแกรี่ สุดท้าย รูนี่ครับ ทุกครั้งที่มันติดแอ๊กเกินไป (อยากอาร์ทแบบเบิร์บ) ผมอยากเอาขวดน้ำปลาฟาดหัวมันจริงๆ ไม่มีใครด่าแต่ผมขอด่า กับรูปร่างของมัน ถ้าเล่นแบบโรนัลโด้(บราซิล)ไม่ได้ ก็ไม่ควรเล่น ใช้ร่างกายซึ่งประกอบด้วยชั้นไขมันของแก เบียดเข้าไป โหดเข้าไว้ ถ้าแกติดแอ๊กอาร์ท แกก็ไม่ต่างอะไรกับก้อนไขมันเหลว ในสนามบอล เซ็งมากกก จากคุณ : benher เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 22:46:31

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ มาลงชื่ออ่าน ไปเที่ยวต่างจังหวัด กลับมาถึงก็รีบเปิดดูผลบอล..แพ้...เซ็งมาก จากคุณ : No Sleep Tonight เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 00:22:20

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์นะคะ ^^ จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 02:09:18

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีครับ ....แหม ตั้งกระทู้ถี่กว่าที่คาดไว้นึกว่าจะหายไปซะนานนะครับ ดีแล้วครับ เป็นเพื่อนชาวเร้ดอาร์มี่อย่างผม ที่ไม่รู้จะไประบายความเซ็งไว้ที่ไหน จบเกมยอมรับว่าหงุดหงิดครับ เซ็งครับเซ็ง อาการเหมือนเกมที่แพ้ ฟูแล่ม ที่ผมคิดว่าเป็นนัดที่เราห่วยที่สุดนักนึงใน ฤดูกาลเลยทีเดียว ถ้าเป็นแฟนทีมนี้ 10-15 ปีขึ้นไป อย่างที่คุณสงบใจว่านั้นแหละ นี่คือวัฐจักรของแมนยู คือช่วงที่ชนะติดกัน ซัก 5 นัดขึ้นไป จะเริ่มสะดุดให้เห็นละ ก่อนเกมกับเอฟเวอร์ตันผมยอมรับว่า ก็มีเสียว เพราะถ้าเราสังเกตกันจะเห็นว่า รูนีย์ จะเล่นไม่ค่อยออกเสมอเวลามาเยือนสนามแห่งนี้ และเมื่อรูนีย์เล่นในเกมของตัวเองไม่ได้ นั่นคือ จบ ต้องยอมรับครับว่า แมนยูชุดนี้ ยังไม่เห็นคนที่ฉายแววจะ เป็นอาวุธเด็ดพอที่จะพลิกเกมได้อีกนอกจากรูนีย์แล้ว ในตอนนี้ แม้แต่เฟรชเชอร์ ก็ตามผมมองว่ายังไม่นิ่งพอ ซึ่งอันที่จริงแล้ว แมนยูชุดนี้ก็ถือเป็นชุดที่โอเคน่ะ แต่ผมว่าหากต้องการจะเป็นแชมป์รายการใหญ่ มันต้องมีทีเด็ดอะไรที่มากกว่านี้ ที่ผมหนักใจ เมื่อมองไปที่บรรดา ตัวสำรองที่มองไปแล้วไม่น่าส่งลงมาเลย ตั้งแต่ ดิยุฟ โอแบร์ตอง ที่ตอนแรกทำท่าว่าจะดีแต่ผมว่า ต้องดูกันอีกระยะยาววววเลยครับ ดูแล้วกระดูกยังไม่แข็งพอ เผลอๆกลายเป็น มานูโช่ กันไปอีก ส่วนโอเว่น ขอบอกตามตรงว่า หมดสภาพไปแล้วครับ ในความเห็นของผม กลับมาว่ากันที่เกมบ้าง ปัญหาหลักใหญ่ๆกว่า 60 เปอร์เชนต์ในเกมนี้ก็คือ จุดที่ปีที่ผ่านมากับปีนี้ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมากๆคือ แผงหลัง ที่ไม่น่าไว้ใจเป้นอย่างมาก ซึ่งเป้นจุดที่หากสังเกตแมนยูทุกนัดเลยที่แพ้ในฤดูกาลนี้ โดยตลอตจะเห็นเลยว่าวันไหนกองหลังไม่แน่น ประตูฟอร์มรั่วเมื่อไหร่ แมนยูโดนตลอด....แล้วโดนปุ๊ปกลับมาไม่ค่อยได้ด้วย เกมนี้ก็เช่นกัน กองหลังนอกจากผลัดกันลงไม่ทัน ซำยังผลัดกันพลาดแล้ว ยังผลัดกันจ่ายบอลกันเสียอีก ทำให้เกมมันไม่ไปไหน อยู่กับเอฟเวอร์ตันนั่นแหละเกือบตลอดทั้งเกม มีโอกาสกระชากลากเลื้อยทำเกมกันได้ตลอด กลับเป็นแมนยูซะอีกที่ต้องคอยมาไล่บอลตัดเกม โดยเฉพาะครึ่งหลัง - เอฟร่านี่ไม่ได้เติมเกมเต็มที่มา 2-3 นัดแล้วนะครับ มันบอกจะไรได้หลายอย่าง - เวส บราวน์ ผมเคยให้ความเห็นหลังเกมกับ วิลล่าในบอร์ดแล้วว่า ซักวันจะเจอดีแน่ ยังไม่ทันไร เกมถัดมาโดนเลย - จอนนี่ อีแวนด์ ดูเหมือนจะโดนบราวน์ชวนเข้าร่วมแกงค์ จตุรเทพแทน เฟรชเชอร์ไปซะแล้ว เขายังเด็ก ยังอยู่ในช่วงพัฒนาแล้วมาคู่กับ บราวน์ คุณก็รู้ใครจับคู่กับเขาขนาดพวก เก๋าๆอย่าง บาร์เตซ / บลองค์ โดนมาหมดแล้ว กับอีแวนด์ จากกำลังจะเป็นดาวรุ่ง กลายเป็นดาวกำลังจะร่วงไปเลย แต่ผมเชื่อว่าเขาจะกลับมาได้ เพราะเบสิคเขามีอยู่ในตัวไม่ต่างจากปีเก้ มากนัก ช่วงนี้กำลังเสียความั่นใจไปมากกว่า - แกรี่ เนวิลล์ นี่ไม่ต้องพูดถึง มาลงเล่นได้ก็บุญแล้วครับ จุดดีของเขาจุดเดียวตอนนี้คือการเปิดเกมเข้ากลางยังโอเคอยู่ แต่นอกนั้นไม่เลย โดนโดโลแวน เลี้ยงจี้เข้าหาตลอด ..... ปัจจัยที่ 2 คืออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ รูนีย์เล่นเกมไม่ออก ทุกวันนี้ แมนยูให้รูนีย์เป็นศูนย์กลางในการขึ้นเกม สาเหตุที่รูน๊ย์เล่นไม่ออก นอกจากเพื่อนร่วมทีมส่งบอลไม่ค่อยถึงเขาแล้ว ส่วนนึงเป้นที่ตัวเขาเองด้วยครับ เป็นอาถรรพ์ ความกดดันหรืออย่างไรไม่ทราบ เหมือนกันครับ ปัจจัยที่ 3 อย่างที่คุณสงบใจและหลายท่านได้ตั้งข้อสังเกตไว้แหละครับ คือแมนยูกลับมาจากเกมยุโรป หรือเกมที่ใหญ่ มักเป็นเช่นนี้ตลอด ผมมอว่าถ้าสลับเป็น เจอเกม เวสแฮม เลื่อนขึ้นมาก่อนแล้วค่อยเจอกับเอฟเวอร์ตัน แมนยูน่าจะทำได้ดีกว่านี้ (เพราะจะได้ริโอกลับมา ไม่ใช่อะไรหรอกครับ 555) อันนี้เป็นความเห็นของผม .... พิมพ์ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยนะครับ ส่วนเรื่องแชมป์ จะยังไม่ถอดใจและยังไม่หวังอะไร ดูเป็นนัดๆไปดีกว่าครับ ที่ยังหวังอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่รูนีย์ ไม่ใช่นักเตะคนใดคนนึงในทีม แต่เป็นตัวท่านเซอร์ นั่นเอง ครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 02:56:58 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 02:57:38 จากคุณ : Title-PANTIP เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 02:32:17

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณค่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆค่ะ ๕๕๕ จากคุณ : prettybua เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 05:57:27

ความคิดเห็นที่ 41 ดูนัดนี้แล้ว  เฮ้อ  ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของฤดูกาลแล้ว อย่างน้อยที่สุด  ถึงยิงประตูไม่ได้  ก็น่าจะเล่นได้สมศักดิ์ศรีหน่อย อย่างนัดที่แพ้เบิร์นลี่ย์ตอนต้นฤดูกาล   นัดนั้น  การเล่นดีกว่านัดนี้เยอะ  แม้จะแพ้ก็เถอะ นัดนี้  เล่นเป็นลิงชิงบอล(ไม่ได้) ซะงั้น แถมสกอร์ก็ห่างถึงสองลูกเชียว แผงหลังของเรา  ก็อย่างที่ท่านบน ๆ ว่าไปนั่นแหละ ไม่ไหวจะเคลียร์  ขนาดเอฟร่า  เกมนี้  ยังเล่นต่ำกว่ามาตรฐานเลย แผงกลาง  ก็ไล่บอลครองบอลกันไม่ได้ วาเลนเซีย  ผมว่าเล่นใช้ได้นะ  ได้เปิดไปหน้าประตูบ่อย แต่........ใครคือคนรับบอลต่อ ????? กิกส์  ซึ่งเป็นตัวแสบของเอฟฯประจำ  ก็ดันเจ็บซะนี่ (กิกส์  เล่นกับเอฟฯทีไร  เล่นได้ดีแทบทุกครั้ง) แผงหน้า  ผมว่าเบิร์บเล่นได้ดีนะวันนี้   จะว่าไปแล้ว  ผมให้เล่นดีที่สุดของทีมในวันนี้เลย แต่ทำไมป๋าเปลี่ยนออกก็ไม่รู้ รูนี่ย์  ปีที่แล้ว  ก็พลุ่งพล่านมากไป  จนคุมตัวเองไม่อยู่ ปีนี้  เงียบมากกกกกกกก  ถึงมากที่สุด เหมือนไม่ค่อยมีใจอยากเล่นเท่าไหร่ คงยังสลัดความรู้สึกส่วนตัวออกไม่หมด ผมว่าถ้ารูนี่ย์ก้าวผ่านจุดนี้ไปได้นะ ก้าวไปเป็นยอดนักเตะระดับโลกได้เลย หวังว่า  คงจะทำได้นะ  เจ้าหมูรูน ป.ล.  เอฟฯ  เป็นทีมที่ผมชอบเป็นอันดับสองรองจากแมนฯยูฯ อดีตนักเตะทีมเรา  ก็ย้ายมาบ่อยด้วย ยิ่งปีนี้  มีถึง ๓ คนด้วยกัน  เลยเหมือนกับเตะกับกันเองเลย  (ส่วนตัวนะครับ) จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 15:00:16

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่า ป๋า ดื้อไปครับ คิดดู เอา คนที่ กลับจาก อิตาลี ลงเกือบหมด ที่จริง กลาง น่าเอา แอน ลงบ้าง ส้วน นเวิลล์ หมดแล้ว ครับ จากคุณ : เทพพิสดาร เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:05:35