ความคิดเห็นที่ 1 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 เชลซี 2 - 4 แมนฯ ซิตี้ สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์   "สิงห์บลูส์" เชลซี ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 5 ของตาราง   ทีมสิงห์บลูส์ของ คาร์โล อันเชลอตติ เจอข่าวร้ายเมื่อ ปีเตอร์ เช็ก โกลมือ 1 เจ็บน่องต้องพักอย่างน้อย 1 เดือน ทำให้ เอ็นริเก้ อิลาริโอ ได้ลงเฝ้าเสา เช่นเดียวกับแบ็กซ้ายที่ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ได้เล่นตามเดิม ส่วน โจ โคล เบียด ซาโลมง กาลู ลงผนึกกำลัง นิโกล่าส์ อเนลก้า และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา   ฝั่งกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ของ เรือใบสีฟ้า เพิ่งพาทีมตกรอบเอฟเอ คัพ หลังเล่น 120 นาที แพ้โบลตัน 1-3 เมื่อกลางสัปดาห์ และต้องเสีย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ หัวหอกตัวเก่งที่โดนไล่ออก โดนแบนถึง 4 นัด แต่ก็มีข่าวดีคือ คาร์ลอส เตเวซ ดาวยิงกลับมาจากเฝ้าภรรยาคลอดบุตร และลงบู๊ทันที   โดยระหว่างที่นักเตะทั้งสองทีมเดินสัมผัสมือกันก่อนลงสนาม ปรากฎว่า เวย์น บริดจ์ ไม่ยอมจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ ที่ยื่นมือรอ เนื่องจากปัญหาหัวใจของทั้งสอง สาเหตุมาจากกัปตันทีมเชลซีแอบตีท้ายครัวแบ็กซ้ายเพื่อนเลิฟของทีมเยือนนั่นเอง   เปิดฉากครึ่งแรกมาเป็นเจ้าบ้านที่เดินเกมรุกเข้ากดดันทีมเยือนทันที น.9 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็กขวาเจ้าถิ่นเติมขึ้นมากดด้วยเท้าขวากว่า 25 หลา ทักทายก่อน แต่บอลยังไม่ผ่าน เชย์ กิฟเว่น   สิงห์บลูส์ ยังลุยเข้าใส่แบบต่อเนื่อง น.18 โจ โคล ปีกร่างจิ๋วเจ้าถิ่น ลากหนี ไมกาห์ ริชาร์ดส์ จากซ้ายเข้ามาซัดด้วยเท้าขวาบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ กิฟเว่น ไม่พลาดปัดทิ้งออกมาให้กองหลังช่วยเคลียร์อีกที   ทีมเยือนยังตั้งลำไม่ติด น.29 นิโกล่าส์ อเนลก้า หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ลองสับไกกว่า 30 หลาจากกราบซ้ายไปเข้าซอง กิฟเว่น อีกครั้ง   เจ้าถิ่นยังบุกหนัก และก็มาทำได้สำเร็จใน น.42 จากจังหวะที่ โจ โคล ดีดบอลตามช่องให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สอดเข้าไปกดด้วยเท้าขวาในเขตโทษทางขวาเรียดผ่านมือ เชย์ กิฟเว่น เสียบหน้าต่างเข้าไปสุดสวยช่วยให้ เชลซี นำก่อน 1-0   แต่สาวกสิงห์บลูส์เฮได้ไม่นาน เพราะช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เวย์น บริดจ์ เตะเคลียร์จากหน้าปากประตูตัวเองลอยโด่งมากลางสนามเหมือนไม่มีอะไร แต่ มิเคล โหม่งคืนหลังพลาดไปเข้าทาง คาร์ลอส เตเวซ ลากจี้จากกลางหนี คาร์วัลโญ่ และ เทอร์รี่ เข้าตวัดยิงมุมแคบเขตโทษทางขวาบอลค่อยๆ กลิ้งผ่านมือ อิลาริโอ เข้าเสาไกลแบบเหนือชั้นตีเสมอ 1-1 และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้   เริ่มครึ่งหลังทั่งสองทีมต่างยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นและนาที 50 ทีมเยือนมาได้ลุ้นประตูก่อนจากการที่ เทอร์รี่ ทำฟาวล์ อดัม จอห์นสัน ระยะประมาณ 20 ด้านขวา บริดจ์ รับหน้าที่ปั่นฟรีคิกแต่ว่าติดกำแพงกระดอนออกมาได้   ถัดมาอีกนาทีเดียวแฟนบอลเจ้าถิ่นมีอันต้องอึ้งกันทั้งสนามเมื่อ แกร์เร็ธ แบร์รี่ ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนบรรจงเปิดยาวให้ เบลลามี่ ด้านปีกซ้าย และเป็น เบลลามี่ กระชากเข้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจตวัดยิงด้วยเท้าซ้าย บอลเรียดผ่านมือ ฮิลาริโอ เสียบเสาสองสวยงามให้ เรือใบ ออกนำบ้าง 2-1   หลังจากเสียประตูที่สองเจ้าบ้านเดินเกมรุกบุกแหลกทันที และมาได้ลุ้นประตูตีเสมอบ้างจากจังหวะฟรีคิกของ ดร็อกบา ระยะ 25 หลา บอลแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางผ่าน กิฟเว่น ไปแล้วแต่ว่าเฉี่ยวเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย   นาทีที่ 60 เจ้าบ้านน่าได้ประตูที่สองเหลือเกินเมื่อ อเนลก้า ได้โขกจ่อๆ หน้าปากประตูระยะ 6 หลาบอลกำลังเสียใต้คานแล้ว แต่ว่า กิฟเว่น ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกหลังได้อีก อย่างไรก็ดีผู้ตัดสินเป่าฟาวล์แฮนด์บอลของ มิชาเอล  บัลลัค ไปก่อนแล้ว   นาที 66 เกมโต้กลับของ เรือใบ เกือบทำแฟนเจ้าถิ่นเซ็งอีกครั้งเมื่อ เบลลามี่ รับบอลยาวจากเพื่อนก่อนควบตะบึงเข้ากรอบเขตโทษ แต่ อิวาโนวิช ยังตามกลับมาแหย่สกัดออกหลังได้ทันเวลา   ถัดมาอีกนาทีเดียวเจ้าบ้านตอบโต้บ้าง เมื่อ ดร็อกบา ได้บอลรับยาวในกรอบเขตโทษพักอกหนึ่งครั้งก่อนตวัดยิง แต่ว่า กิฟเว่น ยังไวออกมาปิดมุมไว้ได้ทันเวลา   นาที 75 สิงห์บลูส์ มีอันต้องสังเวยประตูที่สามจนได้เมื่อ ชูเลียโน่ เบลเลตติ ตัวสำรองที่ลงมาใหม่เล่นบอลช้าโดน แบร์รี่ ตัดบอลได้แล้วเลี้ยงเข้าเขตโทษและ เบลเลตติ ตามไปทำฟาวล์ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษพร้อมแจกใบแดงไล่กองหลังชาวอิตาเลียนออกไป   จากจังหวะดังกล่าว คาร์ลอส เตเวซ รับหน้าที่เป็นผู้สังหารจุดโทษและกองหน้าอาร์เจนไตน์ ไม่พลาดเมื่อเจ้าตัวหลอกหน้าเท้าซัดบอลเสียบเสาซ้ายมือของตัวเองตุงตาข่ายสวยงามได้ แมนฯ ซิตี้ ทิ้งห่าง 3-1   หลังจากได้ประตูที่สาม มันชินี่ กุนซือเรือใบ ตัดสินใจส่ง โรเก้ ซานตา ครูซ ลงมาเล่นแทน เวย์น บริดจ์ พร้อมกับอนุญาตให้แบ็กซ้ายตัวเก่งกลับบ้านได้ทันที โดยไม่ต้องอยู่รอจนเกมจบ   นาที 80 สถานการณ์ของเจ้าบ้านยิ่งแย่หนักลงไปอีก เมื่อ บัลลัค ฟิวล์ขาดไปไล่เสียบ เตเวซ จากด้านหลัง ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามให้ สิงห์บลูส์ เหลือผู้เล่นในสนามแค่ 9 คน   นาที 87 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์เกมโต้กลับอันรวดเร็วและแม่นยำให้แฟนเจ้าถิ่นได้ประจักษ์ เมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้บอลเร็วทางด้านปีกขวาและควบเข้ากลางก่อนจ่ายผ่านหน้า ฮิลาริโอ ไปเสาสองให้ เบลลามี่ วิ่งมาแปด้วยซ้ายเสียบเสาแรกสวยงามให้ยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ทิ้งขาด 4-1   นาที 90 เจ้าบ้านได้ลุ้นประตูจากจุดโทษที่ แบร์รี่ ไปขัดขา อเนลก้า ล้มลงในเขตโทษ และเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด รับหน้าที่สังหารเสียบเสาซ้ายมือของตัวเองให้ เชลซี ไล่มาห่างๆ 2-4 แต่ว่าช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ทำให้จบเกม เชลซี แพ้ 2-4 แต่ยังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ต่อไป รายชื่อ 11 นักเตะที่ลงสนาม   เชลซี (4-3-3) : เอ็นริเก้ อิลาริโอ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเคล - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, โจ โคล   แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เชย์ กิฟเว่น - ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์ - ปาโบล ซาบาเลต้า, ไนเจล เด ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่ - เคร็ก เบลลามี่, คาร์ลอส เตเวซ, อดัม จอห์นสัน http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100227_155.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:49:33

ความคิดเห็นที่ 2 มันโช่สรรเสริญบริดจ์-เตฟนำเรือทุบสิงห์ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยก เวย์น บริดจ์ และ คาร์ลอส เตเวซ เป็นสองนักเตะคนสำคัญที่นำทีมบุกชนะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 4-2 เกมลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา             โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวสรรเสริญผลงานของ เวย์น บริดจ์ แบ็กซ้ายอาภัพรัก และ คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ในเกมทุบ เชลซี 4-2 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บริดจ์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับ จอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังกัปตันทีม "สิงห์บลูส์" เป็นครั้งแรก หลังเกิดเหตุการณ์เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด โดยฟูลแบ็กจอมบุก สามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และมีส่วนสำคัญช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" บุกมาหยิบ 3 แต้มในเกมสำคัญได้สำเร็จ อดีตโค้ช อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ ให้ความเห็นหลังจบเกมว่า "เวย์น บริดจ์ ทำผลงานได้ดีจริงๆ และทีมชุดนี้มีความมุ่งมั่นทุ่มเทที่ยอดเยี่ยม และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราชนะในเกมนี้ มันเป็นแมตช์ที่ยากลำบาก เพราะ เชลซี เป็นทีมที่แข็งแกร่ง และได้เล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มาหลายปีแล้ว" เตเวซ ซึ่งเพิ่งกลับมาจาก อาร์เจนตินา หลังไปเฝ้าภรรยาที่ให้กำเนิดลูกสาวคนที่ 2 มาร่วมสัปดาห์ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเช่นกัน โดยเหมา 2 ประตูในเกมนี้ ซึ่ง "มันโช่" กล่าวแบบติดตลกว่า "บางทีวันพรุ่งนี้เขาคงจะกลับไปที่อาร์เจนตินา และกลับมาอีกวันก่อนแข่ง ผมคิดว่า คาร์ลอส ลงฝึกซ้อมที่อาร์เจนตินาทุกวันเพื่อเกมนี้จริงๆ" ในส่วนของฟอร์มการเล่นของลูกทีมที่เหลือนั้น มันชินี่ เผยว่า "ในครึ่งแรก เชลซี เล่นได้ดี เราต้องมีสมาธิ และไม่ปล่อยให้พวกเขามีพื้นที่เล่น ส่วนในครึ่งหลังเราเล่นได้อย่างสุดยอด มันเป็นเกมที่ยากลำบาก เราเล่นเกมรับและเกมรุกได้ดีมาก สิ่งที่สำคัญในวันนี้ก็คือ เราได้ 3 แต้มจากหัวจิตหัวใจ, ความมุ่งมั่น และเพื่ออนาคต รวมทั้งอันดับในตาราง" http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_017.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:54:07

ความคิดเห็นที่ 3 เบลลามี่สะใจซิตี้ทุบเดอะบลูส์พังพาบ เคร็ก เบลลามี่ ดาวเตะตัวจี๊ด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลิงโลดสุดขีดหลังเจ้าตัวกับ คาร์ลอส เตเวซ ช่วยกันเหมาคนละ 2 ประตูช่วยให้ทีมบุกเชือด เชลซี ที่เหลือ 9 คนถึงถิ่น 4-2 ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ชี้เป็นชัยชนะที่สำคัญสุดๆ หลังพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" โชว์ฟอร์มไม่เอาอ่าวในช่วงเดือนที่ผ่านมา เคร็ก เบลลามี่ หัวหอกสารพัดประโยชน์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกอาการสะใจสุดๆ หลังเหมา 2 ประตูช่วยให้ทีมบุกไปเชือด เชลซี ทีมจ่าฝูงที่เหลือผู้เล่นแค่ 9 คน ถึงถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ 4-2 ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเอาชนะ "สิงห์บลูส์" แบบไปกลับเป็นครั้งแรกของ "เรือใบสีฟ้า" นับตั้งแต่ปี 1957 แถมยังเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครในบ้านตัวเองของยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนเอาไว้ที่ 38 นัดอีกด้วย   ในเกมนัดนี้ เชลซี ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนหลัง ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ และ มิชาเอล บัลลัค โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม โดย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงให้ทีมเจ้าถิ่นขึ้นนำก่อน 1-0 ก่อนที่ เบลลามี่ กับ คาร์ลอส เตเวซ จะช่วยกันซัดคนละ 2 ประตูให้ทีมพลิกขึ้นนำ 4-1 ก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจะยิงจุดโทษให้พลพรรค "สิงโตน้ำเงินคราม" ตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-4 ในนาทีที่ 90 แต่ไม่สามารถช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้คารังในเกมลีกเป็นนัดแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2008 ไปได้   เบลลามี่ กล่าวว่า "ชัยชนะในวันนี้ถือเป็นชัยชนะที่มีความสำคัญมากๆ สำหรับเรา เพราะเราทำผลงานได้ไม่ดีนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งแรกนั้น เราต้องเจอกับงานยากในการเล่นเกมโต้กลับ โดยมี คาร์ลอส (เตเวซ) ยืนค้ำอยู่ในแดนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาต้องพาบอลไปด้วยตัวเอง แต่ในครึ่งหลัง ผมคิดว่าพวกเราขยับเข้าไปอยู่ใกล้กับเขามากขึ้น  และเราก็มีนักเตะที่สามารถทำประตูได้หลายคน"     จากชัยชนะในเกมนี้ ส่งผลให้ "เรือใบสีฟ้า" ขยับกลับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 ของตารางได้สำเร็จ แถมยังเป็นการลดความกดดันให้กับ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือของทีม อีกด้วย หลังนายใหญ่ชาวอิตาลีพาทีมชนะได้แค่ 4 นัดเท่านั้น จากการลงสนาม 11 นัดก่อนหน้าเกมนี้     http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_007.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:55:11

ความคิดเห็นที่ 4 เบลลามี่แหย่เจทีหลังเกมสอยสิงห์บลูส์ เคร็ก เบลลามี่ ดาวยิงตีนจรวด แมนฯ ซิตี้ ออกโรงกระเซ้าเย้าแหย่ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม เชลซี หลังจบเกมที่ทั้งสองทีมดวลกันเมื่อคืนวันเสาร์ โดยบอกตนรู้จักนิสัยใจคอที่ชอบตีท้ายครัวชาวบ้านของ "เจที" เป็นอย่างดี เคร็ก เบลลามี่ กองหน้าความเร็วสูงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงแหย่ จอห์น เทอร์รี่ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีม เชลซี หลังจบเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ "เรือใบสีฟ้า" บุกไปอัด "สิงห์บลูส์" ถึงรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ 4-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา "ผมรู้ว่า เจที ชอบอะไร และมันก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเลยในเรื่องนี้  ผมจะไม่ขอพูดอะไร ผมคิดว่า ทุกๆ คนในวงการฟุตบอลรู้ว่าเขาชอบอะไร  แต่นั่นเป็นเรื่องนอกสนาม ส่วนในสนามนั้น เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เป็นกัปตันทีมที่ใหญ่ของ เชลซี ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ยากเสมอในการเจอกับเขาหรือทีมของเขา" หัวหอกทีมชาติเวลส์วัย 30 ปี ซึ่งยิงได้ 2 ประตูในเกมนี้ กล่าว ก่อนเริ่มแมตช์นี้ก็เป็นไปตามคาดที่ เวย์น บริดจ์ แบ็กซ้ายจอมบุก แมนฯ ซิตี้ ปฏิเสธที่จะจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ หลังจากที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสเจอกันในสนามเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ เทอร์รี่ ก่อคดี "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" แอบไปมีความสัมพันธ์สวาทกับ วาเนสซ่า แปร์รงเซล อดีตหวานใจของ บริดจ์ ทั้งที่ตอนนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของดาวเตะ "เรือใบสีฟ้า" อยู่   http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_008.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:56:04

ความคิดเห็นที่ 5 ไรท์จิ๋วรับชอบเฮียเครียดมากสุด ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รับ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นกุนซือที่ตัวเองชื่นชอบมากที่สุด เหตุมีสไตล์การคุมทีมที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะในช่วงฝึกซ้อม พร้อมรับรู้สึกช็อกสุดๆ ตอน มาร์ค ฮิวจ์ส โดน "เรือใบสีฟ้า" ไล่ออกแล้วให้ โรแบร์โต้ มันชินี่ มาคุมทัพแทน ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ปีกร่างเล็กของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจทำให้ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" มีเคืองเล็กน้อย หลังออกโรงยกย่อง โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์ อินเตอร์ มิลาน จ่าฝูง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ว่า เป็นผู้จัดการทีมที่ตัวเองชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา   ไรท์-ฟิลลิปส์ เคยร่วมงานกับ "สเปเชียล วัน" สมัยที่อยู่กับ เชลซี เมื่อฤดูกาล 2005-06 และแม้ว่า จะได้ลงสนามแค่ไม่กี่นัดภายใต้การคุมทัพของ มูรินโญ่ แต่ปีกขวาฝีเท้าจรวดก็นับถือในการทำงานของกุนซือชาวโปรตุกีส เป็นอย่างมาก ดาวเตะวัย 28 ปี กล่าวผ่าน "อินดิเพนเดนต์" หนังสือพิมพ์รายวันเมืองผู้ดีเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า "การฝึกซ้อมของ มูรินโญ่ เป็นไปตามแนวทางที่นักเตะชื่นชอบ มันน่าตื่นเต้น ทั้งความไว และความรวดเร็ว หากคุณต้องการพัฒนาตัวเองล่ะก็ คุณจะต้องอยู่ในการฝึกซ้อมแบบนั้น มูรินโญ่ เป็นคนดี เขาเป็นแฟมิลี่แมนมากๆ หากแฟนบอลมีลูกๆ เขาจะอนุญาตให้พวกเขานำเด็กๆ เข้ามาร่วมชมการฝึกซ้อม" พร้อมกันนี้ ไรท์-ฟิลลิปส์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือชาวเวลส์ โดน "เรือใบสีฟ้า" ไล่ออกแล้วให้ มันชินี่ มาคุมทัพแทนว่า "แน่นอน พวกเรารู้สึกช็อก ทุกคนมีแนวทางการคุมทีมที่แตกต่างกัน ฮิวจ์ส ก็มีแนวทางของเขา และเราก็แพ้ไปเกมเดียวเท่านั้น ผมเข้าใจดีว่า ผลการแข่งขันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการนำมาตัดสินการทำงานของผู้จัดการทีม" http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_003.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:56:59

ความคิดเห็นที่ 6 มันโช่โวไม่เคยกดดันคุมเรือใบสีฟ้า เวย์น บริดจ์ กองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปฏิเสธที่จะจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม เชลซี หลังทั้งคู่ได้มีโอกาสเจอกันในสนามครั้งแรกตั้งแต่มีข่าว "เจที" ก่อคดี "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" แอบสะบึมส์เด็กของเพื่อน ความบาดหมางระหว่าง เวย์น บริดจ์ แบ็กซ้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ จอห์น เทอร์รี่ เซนเตอร์แบ็ก เชลซี มีหวังไม่จบลงแบบง่ายๆ แน่นอน ภายหลังจากที่ดาวเตะ "เรือใบสีฟ้า" ไม่ยอมจับมือกับกัปตันทีม "สิงห์บลูส์" ก่อนลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งสองทีมเจอกันที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เกมดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นทั้งสองรายได้มีโอกาสเจอกันในสนามตั้งแต่มีข่าวว่า เทอร์รี่ ก่อคดีอื้อฉาว "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" แอบไปมีสัมพันธ์สวาทกับ วาเนสซ่า แปร์รงเซล อดีตหวานใจของ บริดจ์ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังได้ชื่อว่าเป็นเมียของแบ็กซ้าย "เรือใบสีฟ้า" อยู่ทนโท่ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริดจ์ ได้ประกาศหันหลังให้กับทีมชาติอังกฤษ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความสมานฉันท์ภายในทีมผู้ดี เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่บรรดานักเตะ "ทรี ไลอ้อนส์" จะเลือกเข้าข้างใครสักคนระหว่างตนเองกับ เทอร์รี่ แม้กองหลัง "สิงห์บลูส์" จะโดนถอดออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติไปแล้วก็ตาม http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100227_149.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:58:36

ความคิดเห็นที่ 7 มันโช่โวไม่เคยกดดันคุมเรือใบสีฟ้า โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โวสนั่นไม่เคยรู้สึกกดดันกับการทำงานในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เผยสมัยทำหน้าที่โค้ช "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน โดนคาดหวังให้ทำทีมชนะตลอด แต่ก็ไม่เคยหวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาวของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายืนยันว่าไม่เคยรู้สึกกดดันในการกุมบังเหียนทัพ "เรือใบสีฟ้า" โดยคิดว่าการทำงานในลีกอิตาลี เป็นเรื่องที่ยากกว่าหลายเท่า "มันโช่" เพิ่งเข้ามาคุม แมนฯ ซิตี้ แทน มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือชาวเวลส์ ที่โดนไล่ออก เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าชัยชนะรวด 4 เกม อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา "เรือใบสีฟ้า" เริ่มฟอร์มสะดุด ล่าสุดเพิ่งแพ้ สโต๊ค ซิตี้ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ตกรอบ 5 ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สำหรับเป้าหมายหลักของ แมนฯ ซิตี้ ในเวลานี้คือการทำอันดับติดท็อปโฟร์ เพื่อเข้าร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล โดยหาก มันชินี่ ทำไม่สำเร็จ ก็มีสิทธิ์ที่จะพบชะตากรรมเดียวกับ ฮิวจ์ส ซึ่งเรื่องนี้ อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลี เผยว่า "มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมตกอยู่ภายใต้ความกดดัน ในอิตาลีมันแตกต่างกันเพราะ อินเตอร์ มิลาน เป็นทีมชั้นนำ และคุณต้องทำทีมชนะตลอดเวลา แต่ผมไม่เคยกดดัน ผมเล่นฟุตบอลอาชีพมา 20 ปี และผมก็ไม่เคยรู้สึกกดดัน" http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100227_056.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 03:59:26

ความคิดเห็นที่ 8 อันเช่ไม่โทษเจทีตัวการทำสิงห์พ่าย คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ เชลซี ก้มหน้ารับ ทีมเล่นพลาดกันเอง จนพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-4 เมื่อวันเสาร์ ยันไม่โทษ จอห์น เทอร์รี่ และ ฮิลาริโอ ที่ฟอร์มออกทะเลจนโดนวิจารณ์หนัก ลั่นขอมองไปข้างหน้า เพื่อลุ้นแย่งแชมป์ต่อไป คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมมาดนิ่ง เชลซี จ่าฝูงในศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปฏิเสธตำหนิ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังทีมชาติอังกฤษ และ ฮิลาริโอ นายทวารมือ 2 เป็นต้นเหตุแห่งความปราชัยสุดช็อกต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-4 ในเกมบิ๊กแมตช์ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา   เกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถูกจับจ้องไปยังการปะทะแข้งกันของ เทอร์รี่ กับ เวย์น บริดจ์ ซึ่งมีปัญหาคาใจ จากการที่กัปตันทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" แอบแทงหลังบ้านอดีตเพื่อนร่วมทีม โดยฟูลแบ็ก "เรือใบสีฟ้า" ปฏิเสธจับมือ "เจที" ในช่วงก่อนทำการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม โค้ชชาวอิตาเลียน ยืนยันว่า การพบกันของนักเตะทั้ง 2 ราย ไม่ส่งผลกระทบต่อความปราชัยนัดแรกในบ้าน ตั้งแต่เขาเข้ามารับงานคุมทีม   เมื่อถูกถามว่า เรื่องฉาวของ เทอร์รี่ ส่งผลกระทบต่อทีมหรือเปล่า อันเชล็อตติ กล่าวว่า "ไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้น พวกเราแพ้เพราะก่อความผิดพลาดในครึ่งแรก เราเล่นได้ดี และเรากุมความได้เปรียบ เราแพ้เพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นได้ดี และเราทำพลาดเอง"   แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงประตูให้ "สิงห์บลูส์" ออกนำ แต่ "เรือใบสีฟ้า" กลับแซงขึ้นหน้าจากลูกโต้กลับของ คาร์ลอส เตเวซ และ เคร็ก เบลลามี่ นอกจากนั้น ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ และ มิชาเอล บัลลัค ต่างทำพลาด โดนตะเพิดออกจากสนามทั้งคู่ จนส่งผลให้ทีมตกเป็นรองอย่างหนัก แม้ว่า แลมพ์ส จะแก้คืนได้จากลูกจุดโทษในช่วงท้ายเกม แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นความพ่ายแพ้ในที่สุด   อดีตนายใหญ่ เอซี มิลาน ไม่ขอกล่าวโทษ ฮิลาริโอ ซึ่งน่าจะป้องกันประตูได้ดีกว่านี้ ใน 2 ประตูแรกที่เสียไป โดยระบุว่า "ผมคิดว่า ฮิลาริโอ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่บรรดาแนวรับก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ในสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน พวกเราเสียความสมดุลไป ทั้งที่กุมเกมเอาไว้ในมือ"   "ผมคิดว่า เราทำพลาดในช่วงท้ายครึ่งแรก และช่วงออกสตาร์ตครึ่งหลังในเกมนี้ และทำให้เราต้องพ่ายแพ้ พวกเราเสียประตูจากลูกโต้กลับ และเสียความสมดุลของตัวเองในช่วงเวลานั้น เราเสียไป 2 ประตู และหลังจากนั้น เกมมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่พวกเราไม่สามารถกลับเข้ามาสู่เกมการแข่งขันกันได้เอง"   พร้อมกันนี้ กุนซือหน้าอ้วน ยังยอมรับว่า กำลังเจอกับการแข่งขันที่แท้จริง ในการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครอง เมื่อถือความได้เปรียบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหลือเพียง 1 แต้ม ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็เดินหน้าไล่จี้เข้ามา "สำหรับเราแล้ว มันยากกว่าเดิม และเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา พวกเราตามหลังแค่ 1 คะแนน ผมเคารพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล พวกเราต้องทำงานในเรื่องนี้"   "เราต้องรอ ตอนนี้มันเป็นช่วงพักเบรกทีมชาติ และวันอาทิตย์หน้า พวกเราต้องแสดงการตอบสนองออกมาในเกม เอฟเอ คัพ (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) เราแพ้ เราผิดหวัง มันไม่ใช่เกมที่ดี แต่เราต้องมองไปข้างหน้า เพราะเรายังเป็นจ่าฝูงอยู่ พวกเราต้องมีสมาธิ และปรับปรุงตัวเอง และทำงานของเราเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดพลาดแบบนี้ต่อไป" อันเชล็อตติ ร่ายยาว http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_031.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:20:59

ความคิดเห็นที่ 9 ตารางคะแนน จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:21:30

ความคิดเห็นที่ 10 ปกติดูบอลไม่ค่อยสนใจการเดินจับมือเท่าไหร่ แต่นี่มันได้ลุ้นตั้งแต่แรกๆเรย เห็นบริดจ์ โชว์แมนเป็นพระเอกมาตลอด ยิ่งมาแบบนิ่งๆยกมือข้ามไป เทอรี่มันเจอแบบต่อหน้าก็ต้องมีสะเทือนมั่งแหละ จากคุณ : VanHelsing เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:24:31

ความคิดเห็นที่ 11 เซงพันติ๊บ อดทายผลเรย เคยดูไปโพสไป ร่วมสะใจกับเพื่อนสมาชิก...แห้วซ้า กว่าจะรู้ก็เกือบเช้า(ตามมาจากประชาไท) ขอแช่งคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้..เหอๆ(เลียนแบบใครคนนึง..อิอิ) ดีใจสุดๆที่ชนะทีมเต็งแชมป์ จากคุณ : timetable เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:25:35

ความคิดเห็นที่ 12 โปรแกรมแข่ง 11 นัดสุดท้ายในลีก Sunday, 14 March 2010: Sunderland v Man City, 16:00 Sunday, 21 March 2010: Fulham v Man City, 15:00 Monday, 29 March 2010:Man City v Wigan, 20:00 Saturday, 3 April 2010: Burnley v Man City, 17:30 Sunday, 11 April 2010: Man City v Birmingham, 16:00 Saturday, 17 April 2010: Man City v Man Utd, 12:45 Saturday, 24 April 2010 : Arsenal v Man City, 17:30 Saturday, 1 May 2010: Man City v Aston Villa, 15:00 Sunday, 9 May 2010: West Ham v Man City, 15:00 ขาด 1 นัด เปิดบ้านต้อนรับ สเปอร์ ที่เจอเลื่อนแข่ง ยังไม่มีโปรแกรมแน่นอน 11 นัดสุดท้าย ต้องเน้น ห้ามหลุดจริงๆ สำหรับที่ 4 ก็ยังยากอยู่ เพราะ หลุดประจำ แถมเกมไปเยือน 6 นัด เปิดบ้าน 5 นัด เกมเยือนต้องทำดีกว่านี้ จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:30:40

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อความถึงเพื่อนเลว จากใจเบลลามี จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:39:28

ความคิดเห็นที่ 14 [Highlight Premier League] Chelsea -vs- Manchester City [27th February 2010][Sky Sport l 576x320 l HQ] Part1 : http://www.uploadfile.biz/file/?i=MZEMMEIEEMMMDM Part2 : http://www.uploadfile.biz/file/?i=MZEMMEIEEMXNEI แบ่งเป็น 2 part นะครับ สำหรับคนที่อยากโหลดเก็บไว้ดู เลยอัพมาฝากกัน จากคุณ : Gonzii_7 ไฮไลต์แบบดูผ่านจอทีวี แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 04:55:05 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:44:41

ความคิดเห็นที่ 15 Chelsea 2 City 4: Player ratings 7 GIVEN Got cleanly behind everything that Drogba and Anelka could throw at him 7 RICHARDS Couple of early wobbles but ended up pulling his weight in great defensive problems 8 KOMPANY Made light of the world-class strike force which he was up against 9 LESCOTT Immense. Who said he wasn’t worth £24million? 8 BRIDGE Given the circumstances, he was focused and professional, and deserved his moment 8 ZABALETA Gave the defence plenty of protection in typically brave, ferocious performance 8 DE JONG Came to the fore when the battle was at its fiercest, and nullified Chelsea’s midfield threat 8 BARRY Did brilliantly to earn the penalty, which capped a strong, commanding display 7 A JOHNSON Gave Chelsea a few problems in the first half, but inexperience showed after that 8 BELLAMY Two goals and a return to his early season form as he terrorised the Chelsea right flank 9 TEVEZ After all his personal problems, the man is already close to being a City legend Substitutes 7 WRIGHT-PHILLIPS (for Johnson 60) Posed Chelsea plent of problems SANTA CRUZ (for Bridge 78) no time to mark SYLVINHO (for Tevez 90) no time to mark ตอนนี้ ฟอร์มดีสุดในหลังๆ ก็ซาบาเรต้า เด่นทุกนัด ถ้า เตฟ + เบลเลอร์ ร้อนแรงจนจบฤดูกาล เราได้ลุ้นยาวแน่ๆ ยิ่งแบร์รี่ คืนฟอร์มเหมือนนัดนี้ ใน 11 นัดสุดท้าย ได้เฮสนั่นเมืองแน่ ฤดูกาลหน้ากลางสัปดาห์ เราจะไม่เหงาอีกแล้ว ช่อง 3 - ช่อง 7 จะมีเรือใบลำน้อยท่องยุโรปเป็นของคู่จอทีวีเลย จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 04:49:45

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่มีใครตอกบัตรเลย ผมตอกก่อน สะใจอย่างแรง อิอิ ใส่เสื้อแมนซิเชียร์ด้วย เพื่อนๆที่เชียร์แมนซิสนใจสอบถามได้ครับ ราคาพิเศษ จากคุณ : พี มีนบุรี (p นะ) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 05:19:33

ความคิดเห็นที่ 17 ตอกบัตรฉลองชัย นอกบ้าน ไปกลับทีมหัวตาราง ขึ้นอันดับ4 จากคุณ : มุมโค้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 05:48:20

ความคิดเห็นที่ 18 ลงชื่อดีใจและสะใจ ชนะเชลซีไป กลับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี อิๆๆ จากคุณ : BABY BU เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 06:26:09

ความคิดเห็นที่ 19 สถานการณ์แย่งแชมป์ปีนี้ ลุ้นน่าดูเลยนะ แมนยู เชลซี อาเซน่อล ทุกทีมมีโอกาส ได้แชมป์หมดเลย ส่วนแมนซิตี้ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งที่ดี แต่ อีก 11 นัดสุดท้ายที่เหลือ เจอแต่ทีมหัวแถวกลางตารางเกือบทั้งนั้นเลย ไม่ง่ายเลยที่จะได้ ที่ 4 จากคุณ : ขาจร...ขอแจม เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 06:31:36

ความคิดเห็นที่ 20 ตอกบัตรคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ วู้ๆๆๆ จากคุณ : Vantage เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 06:37:19

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อคืนเข้าพันทิปไม่ได้เซ็งมาก เลยนอนดีกว่า เพิ่งเปิดกระทู้มาดูสกอร์ต้องขยี้ตาหลายๆ รอบ จากคุณ : Yahsarah เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 06:46:06

ความคิดเห็นที่ 22 สงสัยผู้กองอาจจะได้นั่งยาว  เวลาผู้กองไม่อยู่ฟอร์มซิตี้ไฉไลจัง จากคุณ : เจ้าสัวกิมเบ๊ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 07:29:08

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาดีใจแระ จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 07:37:23

ความคิดเห็นที่ 24 จากคุณ : Yahsarah เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 07:38:05

ความคิดเห็นที่ 25 chelsea Vs manchester City 2-4 - Wayne Bridge Ignores Handshake With John Terry - High Quality จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 07:41:07

ความคิดเห็นที่ 26 Chelsea 2-4 Manchester City 27/2/10 Full Highlight Goals จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 07:45:04

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อวานเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ผมไม่คิดเลยว่าจะชนะเพราะเชลซียังไม่แพ้ในบ้านเลย ครึ่งแรกยังห่วยเหมือนเดิมแต่ด้วยความเทพของเตเบซ เลยได้ประตูตีเสมอ ครึ่งหลังที่สุดยอดมาก ผีเข้ากันทุกคน สงสัยเพื่อบริจ ปล. เรื่องยากๆนี่ชอบจังเลยน่ะ เรื่องง่ายๆนี่ไม่เคยทำ จากคุณ : shounenheart เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 07:50:48

ความคิดเห็นที่ 28 มาตอกบัตรฉลองชัยชนะ เรายังไม่มีบัตรนี่หว่า ทำให้ด้วยครับ จากคุณ : gungib เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 08:04:33

ความคิดเห็นที่ 29 เวนเกอร์ภูมิใจแข้งปืนแต่เศร้าเสียแรมซี่ย์ วันที่ 2/28/2010 8:20:06 AM   อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ภูมิใจกับการที่ลูกทีมสามารถกลับมาเอาชนะ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ ได้สำเร็จ แต่ก็ฉลองไม่ออกเมื่อ อารอน แรมซี่ย์ ขาหักอย่างสยองขวัญ อาร์เซนอล ต้องตามหลังสโต๊ค ทีมตัวแสบอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 7 แต่ที่สุดแล้วก็กลับมาเอาชนะได้ 3-1 โดยได้ 2 ประตูตัดสินในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ทางด้าน เวนเกอร์ ก็เศร้าใจกับเรื่องดาวรุ่งชาวเวลส์ "ผมภูมิใจกับเกมของเราเพราะมันคือการต่อสู้ที่น่ายกย่องจากนาทีแรกและเราก็ต้องเล่นอย่างเข้มแข็ง อทน และพยายามที่จะกลับมาชนะ" "ดังนั้นผมภูมิใจกับลูกทีมของผม แต่ในขณะเดียวกันผมก็เศร้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอารอน" "เรารู้ว่ามันเป็นอาการที่เวร้าย เราต้องส่งตัวเขาไปลอนอนเพื่อดูว่าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนหรือไม่ http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=53934&ch=253 จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 08:43:48

ความคิดเห็นที่ 30 ชนะด้วย Team Bridge ยินดีครับ จากคุณ : แมวเหมียว (cat30) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 08:46:09

ความคิดเห็นที่ 31 คาเปลโล่เรียกชอว์ครอสส์ติดทีมชาติ วันที่ 2/28/2010 8:18:32 AM   ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ สวนกระแสเรียกตัว ไรอัน ชอว์ครอสส์ กองหลังทีม "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ มาติดทีม "สิงโตคำราม" เป็นครั้งแรก แม้จะเพิ่งไปเสียบอารอน แรมซี่ย์ จนขาหักก็ตาม โดยแม้ว่าจะเพิ่งเสียบใส่ แรมซี่ย์ ดาวเตะ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ถึงขั้นขาหักสองท่อนในเกมล่าสุดที่กันเนอร์สชนะไป 3-1 จนคาเปลโล่ ต้องขอปรึกษาด่วนกับ ฟรังโก้ บัลดินี่ มือขวาประจำตัว ก่อนจะยืนยันการเรียกตัวดาวเตะวัย 22 ปีที่ไม่เคยติดทีมชาติมาก่อนให้มีชื่อในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติอียิปต์ด้วย สำหรับรายอื่นๆที่น่าสนใจคือ สตีเฟ่น วอร์น็อค และ เลช์ตัน เบนส์ ที่จะชิงตำแหน่งแบ็กซ้ายกันหลัง เวย์น บริดจ์ ประกาศอำลาทีมชาติไปแล้ว แต่ไม่มีชื่อ โจ โคล กองกลางเชลซี แต่อย่างใด รายชื่อผู้เล่นทีมชาติอังกฤษ ผู้รักษาประตู : เดวิด เจมส์ (พอร์ทสมัธ), โรเบิร์ต กรีน (เวสต์แฮม), โจ ฮาร์ท (เบอร์มิงแฮม) กองหลัง : เวส บราวน์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี), แมตธิว อัพสัน (เวสต์แฮม), โจเลียน เลสค็อตต์ (แมนฯ ซิตี้), ไรอัน ชอว์ครอสส์ (สโต๊ค), เลช์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน), สตีเฟ่น วอร์น็อค (แอสตัน วิลล่า) กองกลาง : เจมส์ มิลเนอร์ (แอสตัน วิลล่า), เดวิด เบ็คแฮม (เอซี มิลาน), ธีโอ วัลค็อตต์ (อาร์เซนอล), แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี), แกเร็ธ แบร์รี่ (แมนฯ ซิตี้), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล), ไมเคิล คาร์ริค (แมนฯ ยูไนเต็ด), ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ (แมนฯ ซิตี้), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (แอสตัน วิลล่า) กองหน้า : เอมิล เฮสกีย์ (แอสตัน วิลล่า), เจอร์เมน เดโฟ (สเปอร์ส), เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), ปีเตอร์ เคราช์ (สเปอร์ส), คาร์ลตัน โคล (เวสต์แฮม) http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=53932&ch=253 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 08:51:06 จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 08:48:01

ความคิดเห็นที่ 32 วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 Chelsea 2 - 4 Manchester City Hull City Postpone  Aston Villa   Birmingham City 1 - 0 Wigan Athletic   Burnley 1 - 2 Portsmouth   Bolton 1 - 0 Wolverhampton   วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 Stoke City 1 - 3 Arsenal   Tottenham 20:00 Everton   Sunderland 22:00 Fulham   Liverpool 22:00 Blackburn จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 08:57:45

ความคิดเห็นที่ 33 สุดยอดครับ นัดนี้....ขอชมบริดส์จากใจจริงๆ  ถ้าเราโดนคนอื่นสวมเขา มันก็เจ็บพอแล้ว แต่นี่โดนเพื่อนรักสวมเขา มันเป็นอะไรที่เจ็บลึกครับ แต่ บริดส์ทำทุกอย่างถูกที่ถูกเวลา น่าชื่นชมจริงๆ  ชัยชนะนัดนี้เพื่อบริดส์... จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 09:10:25

ความคิดเห็นที่ 34 เว๊ป PANTIP มีปัญหาตอนกำลังเชียร์ เลยอดลุ้นหน้าจอ ต้องออกไปหาดูที่อื่น ถ้าผมเป็นบริจด์ ผมก็ไม่จับมือ เทอร์รี่หรอก แต่จะจับ(บีบ)อย่างอื่นแทน เห็นกองเชียร์เชลซีโห่ใส่บริจด์ ตอนได้ลูก ยังนึกสงสารอยู่เลย ทีมเราเล่นประทับใจมากครับ สู้ สู้ ให้ได้ที่4 ครับ ตอนนี้ผมกลับไม่กลัวการเจอกับทีมหัวตารางแล้ว กลัวตอนเจอทีมท้ายตารางมากกว่าครับ จากคุณ : CondoPro เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 09:12:26

ความคิดเห็นที่ 35 ข่าวความคิดเห็นที่ 5 นี่มันเหมือนพวกเชลียร์เจ้านายใหม่ล่วงหน้าเลยนะ สั้น จากคุณ : i_saw_u_standing_alone เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 09:43:10

ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อคืนสนุกมากจริงๆ จากคุณ : คุณแม่pp (anwan) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 10:11:59

ความคิดเห็นที่ 37 สุดยอด เหนือความคาดหมายจริงๆ ตอก..... จากคุณ : หัวหน้า"ไพร" เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 10:12:59

ความคิดเห็นที่ 38 สะจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : Mister ManCity เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 10:49:12

ความคิดเห็นที่ 39 นัดนี้สุดๆละ ไม่ตอกไม่ได้^^ จากคุณ : CloridiaN เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 11:01:43

ความคิดเห็นที่ 40 ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ                                วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553                                 แมนฯ ยูไนเต็ด - แอสตัน วิลล่า สนาม : เวมบลีย์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ ปีศาจแดง เพิ่งนำทีมถล่ม เวสต์แฮม 3-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ โดยเกมนั้น ริโอ เฟอร์ดินานด์ เกิดเจ็บหลัง ทั้งที่พ้นโทษแบน 4 นัดกลับมาแล้ว ทำให้เขาต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษ ที่จะลงอุ่นเครื่องกับ อียิปต์ ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ไปแล้วด้วย เฟอร์กี้ ยังขาด นานี่ ที่ติดโทษแบนนัดสุดท้าย, ไรอัน กิ๊กส์ แขนหัก, อันแดร์สัน เจ็บเข่าพักยาวทั้งฤดูกาลไปแล้ว ทำให้กุนซือชาวสกอตต์ แชมป์เก่ารายการนี้เมื่อซีซั่นที่แล้ว อาจเลือกตัวสำรองหรือดาวรุ่งบางรายลงสนาม ดาร์รอน กิ๊บสัน, จอนนี่ อีแวนส์ และ ราฟาเอล ดา ซิลวา เป็นสามดาวรุ่งที่อยู่ในข่ายถูกเลือกลงตัวจริงเกมนี้ ขณะที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู เฟอร์กี้ ยังต้องคิดหนักว่าจะเลือกใครลงเฝ้าเสา ระหว่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, โทมัส คุสแซ็ค และ เบน ฟอสเตอร์ แนวรุก เฟอร์กี้ อาจพิจารณาพักใช้งาน เวย์น รูนี่ย์ เหมือนฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่กองหน้าฟอร์มแรงจะลงเล่นเกมนี้ เนื่องจากเจ้าตัวต้องการลงสัมผัสเกมนัดชิงชนะเลิศบ้าง ระบบการเล่น 4-5-1 โทมัส คุสแซ็ค ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ ราฟาเอล ดา ซิลวา, เนมานย่า วิดิช, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า แดนกลางมี อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, พอล สโคลส์, ดาร์รอน กิ๊บสัน, พาร์ค ชี-ซอง ส่วนหน้าเป้า ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ เวย์น รูนี่ย์ จะต้องแย่งกันลงสนาม ด้าน มาร์ติน โอนีล กุนซือ สิงห์ผงาด เพิ่งนำทีมผ่าน คริสตัล พาเลซ ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ ในเอฟเอคัพ รอบ 5 นัดรีเพลย์ มาได้เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย โอนีล ส่งนักเตะเกือบจะชุดใหญ่ลงสนาม ชนิดไม่มีการเก็บตัวสำหรับนัดชิงคาร์ลิ่งคัพด้วย กัปตันทีม สติลิยัน เปตรอฟ ผ่านการทดสอบความฟิตกลับมาคุมแดนกลางได้เหมือนเดิม หลังป่วย (ติดเชื้อไวรัส) จนพลาดเกมกลางสัปดาห์ แต่ก็กลับมาลงซ้อมได้แล้ว โอนีล ตัดสินใจพักนักเตะแค่ แบร๊ด ฟรีเดล, เจมส์ คอลลินส์ และ เอมิล เฮสกี้ ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งทั้งหมดน่าจะกลับมาเป็นตัวจริงเกมนี้ ระบบการเล่น 4-4-2 แบร๊ด ฟรีเดล ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ การ์ลอส เกยาร์, ริชาร์ด ดันน์, เจมส์ คอลลินส์, สตีเฟ่น วอร์น็อค แดนกลางมี แอชลี่ย์ ยัง, สติลิยัน เปตรอฟ, เจมส์ มิลเนอร์, สจ็วร์ต ดาวนิ่ง คู่หน้า กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ยืนคู่ เอมิล เฮสกี้ รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัส คุสแซ็ค - ราฟาเอล ดา ซิลวา, เนมานย่า วิดิช, จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, พอล สโคลส์, ดาร์รอน กิ๊บสัน, พาร์ค ชี-ซอง - เวย์น รูนี่ย์ (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ) แอสตัน วิลล่า : แบร๊ด ฟรีเดล - การ์ลอส เกยาร์, ริชาร์ด ดันน์, เจมส์ คอลลินส์, สตีเฟ่น วอร์น็อค - แอชลี่ย์ ยัง, สติลิยัน เปตรอฟ, เจมส์ มิลเนอร์, สจ็วร์ต ดาวนิ่ง - กาเบรียล อักบอนลาฮอร์, เอมิล เฮสกี้ ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์                                        ฟุตบอลลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ                                           ลิเวอร์พูล - แบล็คเบิร์น สนาม : แอนฟิลด์ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง นำลูกทีมบุกชนะ ยูนิเรีย 3-1 ถึงโรมาเนีย ในเกมยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเรียบร้อย   แต่ข่าวร้ายจากเกมนั้นคือ มาร์ติน สเคอร์เทล กระดูกเท้าขวาแตก ทำให้ ราฟา ต้องคิดหนักกับการจัดแนวรับทีเดียว เพราะ โซติริออส คีร์เกียกอส เซนเตอร์ฮาล์ฟอีกคนก็ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว   ด้วยเหตุนี้ ราฟา จะขยับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กลับมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ แล้วเลือก ฟิลิปป์ เดเก้น หรือ มาร์ติน เคลลี่ ดาวรุ่ง คนใดคนหนึ่งลงสนาม   เกล็น จอห์นสัน ใกล้กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว หลังเจ็บเข่า แต่ยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ ขณะที่ มักซี่ โรดริเกซ จะกลับสู่ทีม หลังติดคัพ-ไทถ้วยยุโรป   ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ ฟิลิปป์ เดเก้น, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ลูคัส เลว่า กับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เป็นกลางรับ ส่วนตัวรุกมี มักซี่ โรดริเกซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เดิร์ค เค้าท์ หน้าเป้าใช้ เฟร์นานโด ตอร์เรส   ด้าน แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือ กุหลาบไฟ จะไม่มี ไรอัน เนลเซ่น เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีม ที่เจ็บเข่าจากเกมที่ถล่ม โบลตัน 3-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะต้องพักประมาณ 3-4 สัปดาห์   แต่พวกเขาก็จะได้ คริสโตเฟอร์ แซมบ้า เซนเตอร์ฮาล์ฟร่างใหญ่ พ้นโทษแบนกลับมาพอดี ขณะที่ เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน ก็หายเจ็บเอ็นร้อยหวายกลับมาแล้วด้วย   ในราย เดวิด ดันน์ กองกลางจอมถล่มประตู มีโอกาสกลับคืนทีมสูง หลังผ่านเกมสำรองไปแล้วเมื่อกลางสัปดาห์   ระบบการเล่น 4-4-2 พอล โรบินสัน ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้งาน มิเชล ซัลกาโด้, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, กาแอล ชิเวต์, มาร์ติน โอลส์สัน แดนกลางมี ดาวิด ฮอยเล็ตต์, สตีเว่น เอ็นซอนซี่, คีธ แอนดรูว์ส, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น คู่หน้า เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ เล่นกับ นิโกล่า คาลินิช   รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า - ฟิลิปป์ เดเก้น, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินชัว - ลูคัส เลว่า, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ - มักซี่ โรดริเกซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เดิร์ค เค้าท์ - เฟร์นานโด ตอร์เรส   แบล็คเบิร์น : พอล โรบินสัน - มิเชล ซัลกาโด้, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, กาแอล ชิเวต์, มาร์ติน โอลส์สัน - ดาวิด ฮอยเล็ตต์, สตีเว่น เอ็นซอนซี่, คีธ แอนดรูว์ส, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น - เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, นิโกล่า คาลินิช   ผู้ตัดสิน : อลัน ไวลี่ย์ พรีเมียร์ลีก 20.00 น. สเปอร์ส - เอฟเวอร์ตัน ทรูสปอร์ต 1(101) 22.00 น.ลิเวอร์พูล - แบล็คเบิร์น ทรูสปอร์ต 1(101) 22.00 น. ซันเดอร์แลนด์ - ฟูแล่ม     ทรูสปอร์ต 3(103)   คาร์ลิ่งคัพ 22.00 น. แอสตัน วิลล่า - แมนฯ ยูไนเต็ด  ช่อง 7   http://www.siamsport.co.th จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 11:44:58

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดีค่ะ เมื่อคืนก้อนั่งดูเหมือนกันค่ะ แต่รอบข้างเชียร์เชลซี มีตาลคนเดียวอ่ะที่เชียร์ซิตี้ค่ะ แต่ไม่กลัวนะ นั่งเฮ !! คนเดียวก้อได้ ไม่แคร์  อยากตอกบัตรบ้างจังแต่โพสไม่ได้ งั้นตาลขอเข้าไปตอกบัตรใน เฟสบุ๊คของตาลล่ะกันนะ มีบัตรแต่โพสไม่ได้ เซ็งเนอะ  ดีใจกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ แฟนคลับแม้วซิตี้ด้วยค่ะ จากคุณ : sugar_hbk เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 11:54:39

ความคิดเห็นที่ 42 ตอกบัตรฉลองชัยและสะใจ ชนะเชลซีทั้งไป กลับ ดั่งปีที่แล้ว ชนะทีมใหญ่เหมือนกันทั้งไปและกลับ ปีนี้ก็ทำได้อีก และทุปสถิติ เชลซีปีนี้ด้วยที่ยังไม่ เคยแพ้ใครในบ้านเลย แต่ แมนซิฯ ได้จัดให้ไปแล้ว 555 555 555 จากคุณ : ดงตาล เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 11:57:29

ความคิดเห็นที่ 43 . อย่าง................แมน............................ . . . . . . ((((ภาพนี้ดูแมนมาก.....ถึงแม้จะเป็นเสื้อคนละตัวกัน))))) จากคุณ : เขียวแอ๊บแบ๊ว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 11:57:51

ความคิดเห็นที่ 44 เสียดายเมื่อคืน เวบยังแก้ไม่เสร็จ จากคุณ : JohnHenry เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:00:14

ความคิดเห็นที่ 45 เป็นเกมที่คุ้มค่ามากจริงๆ  ใครที่เชียร์แมนซิแล้วไม่ได้ดูนี้ ผมเสียดายแทนด้วยจริงๆเลย ลูกตีเสมอของเตเวซมันเป็นจุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง ถ้าไม่ได้ลูกนั้นนัดนี้คงไม่ฟื้นแล้ว  แล้วลูกมันเกือบจะไม่เข้าอยู่แล้ว ตัวประกบ 2 ตัว พัวพันอยู่ ลูกยิงก็ไม่แรง แต่ยังเข้าไปได้ สุดยอดดดดดด และลูกยิงขึ้นนำของเบลามี่ ไม่รู้จะบอกยังไงดีมันดีทั้ง 2 ลูก เยี่ยมทั้ง เตเวซ เบลามี่ อยากให้จับคู่กันนานๆเลย เตเวซเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแมนซิตี้จริงๆ อ่อ แล้วทำไมเกมกับสเปอร์สถึงต้องเลื่อนอะครับ จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:04:30

ความคิดเห็นที่ 46 ตอกบัตรฉลองชัย ลุ้นๆผู้จัดการทีม จากคุณ : CityEagle เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:13:05

ความคิดเห็นที่ 47 อีกตั้ง 2 สัปดาห์ถึงจะได้เห็นนัดต่อไปของซิตี้ รู้สึกนานมาก นัดเมื่อวานเตฟคืนชีพให้ซิตี้กลับมาอยู่้ในเกมได้อีกครั้งจากที่เป็นรองอยู่มากทำให้มีกำลังใจขึ้น เบลลามีจัดมาลูกนั้นสุดยอด ถ้าบุกสวนกลับตัวต่อตัว หาคนจับเบลลามียากเหมือนกัน สุดยอดครับ รูปเกมก็ยังเหมือนเดิม ก็อย่างที่ว่า คงต้องเล่นและจัดตัวไปตามทรัพยากรที่มีอยู่ จะยึดอันดับ 4 ได้ตอนจบฤดูกาลก็ต้องใช้ลูกฮึดของผู้เล่นนี่แหละ เป็นกุญแจสำคัญ นัดอย่างนัดนี้ครับ ที่เป็นนัดสำคัญ เป็นนัดที่ยากแล้วกลับมาชนะได้ จะทำให้ซิตี้มีกำลังใจและแรงฮึดจนถึงนัดปิดฤดูกาล สู้สู้ ครับ จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:27:30

ความคิดเห็นที่ 48 มีไม่บ่อยด้วย ที่แมนซิโดนยิงนำไปก่อนแล้วพลิกกลับมาชนะได้ นอกบ้านอีกต่างหาก  หาดูยากจริงๆ   เลสคอต คู่ กอมปานี่  เล่นได้โอเคเลยนะ จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:35:26

ความคิดเห็นที่ 49 ดูเกมส์เมื่อคืนด้วยความตื่นเต้น แต่ในความเห็นส่วนตัว ยังเห็นความผิดพลาดอยู่เยอะเหมือนกัน  แต่โชคดีที เตฟ เบลเลอร์ทำงานได้สมบูรณ์แบบมากโดยเฉพาะครึ่งหลัง อีกทั้งประตูของเชลซีไม่ใช่เช็คไม่งั้นยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าเกมส์จะจบแบบเมือคืนหรือปล่าว เกมส์นี้ต้องชมแบ็คโฟร์เหมือนกันที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวถึงแม้จะมีความผิดพลาดบางแต่ก็ไม่มากนัก เห็นบรรดานักเตะวิ่งกันแบบไม่หยุด ไม่มีเหนื่อยแบบนี้แล้วนึกถึงแมทช์ที่เจอกับแมนยูและอาร์เซนอล เมื่อต้นฤดูกาลเลยทีเดียว เกมส์เมื่อคืนผมชอบ ซาบาเลต้ามากที่สุดหมอนี่สารพัดประโยชน์ เหลือแต่เพียงการเข้าบอลถ้าไม่โฉ่งฉ่างมากจะเยี่ยมสุดๆไปเลยครับ ส่วน ไมค์้ก้า ริชาร์ด บางครั้งออกอาการแอ็คอาร์ตต้องการโชว์เหนือไปหน่อยเืกือบไปหลายครั้งเหมือนกัน ส่วนคนอื่นๆก็งัดฟอร์มเก่งได้ทันเวลาจริงๆ แต่ตอนนี้ชักเริ่มชอบ กอมปานีจับคู่กับเลสค็อตแล้วซิ อีกอย่างตอนช่วงท้ายเกมส์ยังมีความรู้สึกว่ามีบางคนสมาธิยังไม่นิ่งเท่าที่ควรเล่นเอาเสียวไปเหมือนกัน ดูเกมส์เมื่อคืนสมกับเป็น Battle of the Bridge แล้ว TEAM BRIDGE ก็เป็นฝ่ายชนะแบบสมบูรณ์แบบครับ   จากคุณ : treky_S60 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:46:59

ความคิดเห็นที่ 50 เชื่อปล่าวตอนแบร์รี จ่ายไปให้เบลลามีหลุดทางกราบ แล้วเบลเลอร์โซโล่ไป ผมพูดออกมาเลย หอยโดนแน่ๆ เพราะเปิดพื้นที้กราบ ไลน์วิ่งเข้าทางกรอบเขตโทษซะยังงั้น ลูกชอบเลยของเบลลามี่ ลูกเตฟนี่จุดเปลี่ยนจริงๆ เพราะเป็นจังหวะนะจังงัก เล่นอัดกลางรับ 3 คน จะรุกกลับไปยังไง แถมเป็นลูกกรรมตามทันตาจริงๆ เพราะบริดจ์เป็นคนสกัดยาวตรงไปที่ไอ้เพื่อนเลว แล้วเพื่อนเลวมันตกใจในบาปที่ตนเองทำ เลยเว้า ทั้งที่ปกติมันไม่เว้า กรรมเวรมีจริง ส่วนลูกจุดโทษโดนแบร์รี่ ความเก๋าขั้นเทพของแบร์รี่ กระโดดบังแย่งบอลมา ท่าประจำของแบร์รี่ แล้วก็เป็นประจำทุกเกม แบร์รี่จะทะลุไปที่กรอบเขตโทษได้ พอไปถึงจุดโทษ พี่แกยืนบังให้เบลเลตติให้เข้าทางหลัง หลงเหลี่ยมกระแทกฟาวล์  เข้าไปจุดโทษ  เรียกว่า แบร์รี่ เก๋าเหนือชั้นมาก นี่แหละทำไมอังกฤษต้องมีแบร์รี่ เพื่อให้ แลมป์ กับ เจอร์ราด เล่นด้วยกันได้ เพราะนักเตะโชว์เพื่อตนเองมีเยอะแยะ แต่นักเตะที่จะโชว์เพื่อทีมมีกี่คน เสียดาย ฟรีคิกของบริดจ์ ไปติดกำแพง ไม่งั้นจบสวยกว่านี้ แต่พี่แกยังไปตามไล่สกัดบอลเอาคืนให้กราบขวา ตอนเสีย เรียกว่าข้ามไปเอาจริงๆ แต่นัดนี้ไม่ได้บอกว่าเราทีมเราจะกลับมาฟอร์มดี อย่างที่รู้กัน ทีมเราเล่นกับทีมแข็ง แข็งตาม เล่นทีมอ่อนก็อ่อนตาม ยิ่งนัดไหนมีแรงขับเพื่อผลักให้ทีมกระฉูด สู้ไม่ตาย ชนะทุกนัด นัดนี้เล่นเพื่อบริดจ์กัน คงเป็นความแค้นร่วมกัน แต่นัดหน้าเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ ตามแนวซิตี้ ทีมที่แพ้น้อยสุดในลีก ไม่แพ้ใครในบ้าน แต่ไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ บ่งบอกถึงคุณภาพความสม่ำเสมอได้อย่างดี  ก่อน 10 นัดสุดท้าย อย่างน้อย บ่งชี้ชัดแล้ว คุณภาพทีมเราไม่แพ้บิ๊กโฟร์ ชนะได้ทุกทีมในลีก แต่แพ้และเสมอได้ทุกทีมเช่นกัน จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:57:01

ความคิดเห็นที่ 51 คู่เซ็นเตอร์แบ็คเมื่อคืนรับกินลูกกลางอากาศหมดเลย คู่กอมปานีกับเลสค็อตต์น่าจะจับให้เล่นกันอีกนะครับ ตูเร่หายเจ็บเข่ากลับมาซ้อมได้อาทิตย์นี้ อาิทิตย์หน้าก็คงเรียกความฟิตกลับมา ส่วนตัวจริงนัดต่อไป อยู่ที่การตัดสินใจของมันโช่ แต่ผมว่ากอมปานีจนถึงขณะนี้เมื่อไหร่ที่เอาลง ก็ดูแล้วให้ความมั่นใจได้มากกว่าตูเร่ครับ เมื่อคืนตามฟอร์มการเล่นก็คือเล่นรับเหนียวแน่น วางแผนมาเล่นเพื่อเสมอ แต่ชนะมาได้ สุดยอดจริงๆ จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 13:04:43

ความคิดเห็นที่ 52 อีกบทบาทหนึ่ง ผมว่าเชย์ ทำหน้าที่กัปตันทีมได้ดีกว่าตูเร่นะ จังหวะเจอยิงลูกสอง เชย์ไปโวยเพื่อนร่วมทีม ที่นิสัยเสียประจำ พอได้เปรียบแล้ว ชอบไปผ่อนเกมส์ ถึงขนาดยกนิ้ว 9 นิ้วด่าเลย ว่าเขามี 9 คน พวกเอ็งยังปล่อยให้เข้ามาล่อเป้ากัน ซึ่งบทบาทนี้ไม่ค่อยจะเห็นจากตูเร่ ยิ่งทีมแย่ ตูเร่แทบจะฉุดทีมแย่ตลอดกาล ยกตำแหน่งกัปตันให้เชย์ตลอดไปดีกว่า คนที่เซพแต้มสำคัญให้ทีม จะโวยทีมได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัว จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 13:19:39

ความคิดเห็นที่ 53 ขอฮึดท้ายฤดูกาลหน่อยนะเรือ 11นัดเอง ชนะเชลซีได้ก็ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้แล้ว จากคุณ : BCrich เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 13:44:54

ความคิดเห็นที่ 54 จบฤดูขออันดับที่ 4 นะครับ .... น้าแมนซินี่ จากคุณ : bowlman เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 13:55:13

ความคิดเห็นที่ 55 สุดๆจริงๆค่ะแมตช์นี้ ตอนแรกก่อนแข่งยังคิดอยู่เลยว่าด้วยฟอร์มนัดที่ผ่านๆมา จะเอาอะไรไปสู้เชลซีได้นะ ซิตี้เล่นนอกบ้านด้วย แถมมีข่าวออกมาอีกว่าแมนซินี่อาจมีปัญหากับนักเตะอีก แต่นัดนี้สุดยอดจริงๆ ทีมเล่นเพื่อบริดจ์มากๆ โดยเฉพาะเตเบสที่เป็นจุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง ประทับใจตอนที่เพื่อนดึงบริดจ์ให้มาดีใจด้วย แถมเตเบสยังเอามือชี้มาที่บริดจ์หลังยิงจุดโทษได้แล้วดีใจอีก รู้สึกว่านักเตะแมนซิตี้รักกันดีจริงๆ เป็นวันที่เชียร์แมนซิตี้แล้วมีความสุขสุดๆๆวันนึงเลย จากคุณ : kurei เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 14:16:21

ความคิดเห็นที่ 56 ลูกแรกของเตฟ เรียกว่าสุดยอดจริงๆ  ทั้งฝีมือ ทั้งโชค  ลูกก็ยิงบดด้วยนะ ผมว่าโกว์ยืนปกติ ยังไงก็ปัดทัน  แต่แปลกใจ ฮิลาริโอ ปัดไม่ได้ซะงั้น แล้วลูกก็วิ่งเข้ากรอบไปช้าๆ  ผมยังเสียว กองหลังเขาวิ่งไปเคลียร์ได้เลย   ทีมเราเล่นโต้กลับ กับทีมใหญ่ๆเนี่ย  มีลุ้นตลอด เพราะเร็ว และคม แต่ปัญหาจะอยู่ที่เวลาเจอทีมกลางๆ เล็กๆ ตั้งรับ นี่สิครับ จะเล่นยังไง จอนสัน รู้สึกว่า เจอทีมใหญ่ๆ เล่นไม่ค่อยออกครับ  แต่เจอทีมเล็กๆ เล่นดีมาก แบรี่ เหลี่ยมบังบอลดีมาก ได้ฟาล์วแบบนี้บ่อยๆ  น่าให้เข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วจ่ายบอลยัดไปให้ซะ บายอร์ กับตูเร่  หายไปทั้งคู่ ทีมชนะ   มีช่วงนึง ทีมเราก็ไม่มีสองคนนี้ ฟอร์มดีจะตายไป ตูเร่ ผมว่าชั่วโมงนี้ ไม่นิ่งแล้วครับ รั่วด้วย   กอมปานี เล่นกองหลังตัวกลางสุดยอดอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น เขาเล่นไม่เข้าขากับกองหลังตัวกลางคนอื่นๆเลย ไม่ว่าจะไมก้า  โอนูฮา  ดันท์ พอมาคู่  เลสคอต  เอ๊ะ  ชักแจ่มแฮะ   กองหน้าฝ่ายตรงข้ามผ่านกอมปานียากมากเลย ตัวสูงใหญ่ แข็งแกร่ง ทางบอลดี แย่งบอลเก่ง  ผมดูคล้ายๆ ริโอ เหมือนกันนะ เล่นสง่าดี เบลลามี่ ตกลงเขาถนัดเท้าไหนกันแน่เนี่ย  ผมจำได้ว่าเขาถนัดขวานะ เลยให้เตะมุมทางซ้ายตลอด  แต่นัดนี้ ยิงสองประตู เท้าซ้ายทั้งสองลูกเลย  ลูกแรกมุมแคบ คล้ายๆ นัดยิงแมนยูเลย แต่นัดนั้น โกว์ออกมา  นัดนี้ โกว์คุมเสาใกล้ แต่ประตูแรกของแลมพาร์ต  ยิงคมเหมือนกันนะ ฉีกมุมสุดๆเลย แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 53 14:37:13 จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 14:35:38

ความคิดเห็นที่ 57 ซะใจจิงๆ ชอบหัวกระทู้อะครับ ล้างแค้นเพื่อนเลว.......... จากคุณ : บาเต้า เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 15:40:26

ความคิดเห็นที่ 58 ประตูแรกที่โดนนี่ ความผิดกอมปานีเต็มๆเลย เจอแลมพ์วิ่งปาดหน้าตนเองไปเฉย แถมตามไปประกบไม่ทัน ฉีกออกไป แต่ลูกโจ โคลจ่ายดี ตัดหลัง ฉีกแนวหลังไลน์ดันขึ้นมาล้ำหน้าหลังหักเลย จริงๆ วันนี้ อเนลก้า กับ โจ โคลเล่นดีนะ ลูกเซพ มือเดียวของเชพ์ จากการยิงของอเนลก้า ก็สุดยอด ความเทพยังมีมนต์ขลัง อันเช่ตัดสินใจผิด เอาไอ้หนูสเตอร์ริจด์ลงแทน โจ โคล แทบจบเลย แบ็กขวาแม้จะรุกดีๆ แต่เข้าบอลโฉ่งฉ่างทั้งคู่เลย ทั้งไมห์การ์ด และซาบา  ทีมเรามักจะเสียจากลูกทางฝั่งขวาบ่อยมาก บริดจ์นี่ดูเหมือนไม่เด่น แต่แกคุมพื้นที่ ประกบดี โจ โคลไปไม่เป็นเลย ทีมเราไม่ค่อยเสียจากกราบซ้าย ถ้ามีบริดจ์ยืนคุมอยู่ ซาบเรต้า ฝึกเล่นกลางบ่อยๆ ก็ดีครับเพราะ ทักษะ ความสามารถถ แกเล่นได้มากกว่า 1 ตำแหน่ง แล้วจะเพิ่มความเข้าใจในเกมมากขึ้น พอลงมาเล่นแบ็คขวา การฟาล์วก็จะน้อยลงตามมา แต่ตอนนี้แกร้อนแรงจริง ซาบา  เดอ ยอง อาจหลุดได้ ในนัดหน้า ที่ต้องการแนวรุกเพิ่ม นัดนี้ ถ้าเป็นแฟนซิตี้ต้องดู หรือ ใครมีไฟล์แมทช์เต็มให้ดาวน์โหลด ใคร่ขอความกรุณาเลย เอามาฝากไว้หน่อย ผมก็ไม่ใช่คนเก็บแมทช์เต็มๆเท่าไหร่ แต่นัดนี้ความทรงจำประทับใจ มันเต็มไปหมด จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 15:40:43

ความคิดเห็นที่ 59 สุดยอด เหลือเชื่อ แจ่มมาก จากคุณ : tnmcfc เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 16:09:48

ความคิดเห็นที่ 60 แฉ!บริดจ์ยังเจ็บลึกไม่ยอมจับมือเจที สื่อเมืองผู้ดีแฉเบื้องลึก เวย์น บริดจ์ แบ็กจอมอาภัพของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเจ็บปวดกับการโดน จอห์น เทอร์รี่ ซี้เก่ากัปตันทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" แทงหลัง แอบกกแฟนเก่า จนไม่ยอมจับมือกันในเกมล่าสุดที่ไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมให้เหตุผลถึงการตัดสินใจถอนตัวออกจากทีมชาติอังกฤษ ว่าเป็นเพราะคำนึงความรู้สึกของลูกชายเป็นสำคัญ "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" แท็บลอยด์จอมขุดคุ้ยของอังกฤษ เปิดเผยถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์โด่งดังที่ เวย์น บริดจ์ ฟูลแบ็กตัวหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ยอมจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมเชลซี อดีตเพื่อนซี้เก่า ที่ลักลอบเป็นชู้กับอดีตแฟน ก่อนเกมพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด ที่ ซิตี้ บุกไปถล่ม เชลซี คาสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ 4-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา   บริดจ์ เพิ่งจะประกาศถอนตัวจากการร่วมทีมชาติอังกฤษ ไปลงทำศึกฟุตบอลโลก 2010 กลางปีนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถทนอยู่ร่วมกับ เทอร์รี่ ที่มีความสัมพันธ์ลับกับ วาเนสซ่า แปร์รงเซล แฟนเก่าของเขา และแม่ของลูกชาย เจย์ดอน วัย 3 ขวบ ได้ และในเกมที่ทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้ากันเมื่อวันเสาร์ ฟูลแบ๊กจาก "เรือใบสีฟ้า" ก็ยังแสดงอาการอย่างชัดเจนว่ายังไม่พร้อมที่จะให้อภัยเพื่อนเก่า   "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" กล่าวอ้างคำพูดของ ดาวเตะวัย 29 ปี พูดถึงสาเหตุการอำลาทีมชาติกับเพื่อนสนิทของเขาว่า " ผมต้องตัดสินใจโดยคำนึงถึงอนาคตของ เจย์ดอน เป็นสำคัญ เพราะในอีกซัก 10 ปีหลังจากนี้ ผมจะมองหน้าเขาได้ยังไง หากผมบอกกับเขาว่า " แน่นอน นี่คือผู้ชายที่พยายามทำลายชีวิตของเรา แต่พ่อก็ยังลงเล่นทีมเดียวกับเขาอยู่นะ" มันเป็นไปไม่ได้แน่ "   " ผมอยากได้รับการจดจำในฐานะพ่อที่ดี มากกว่าจะเป็นแค่นักเตะคนหนึ่งที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก แม้ผู้คนจะพากันคาดหวังให้ผมลืมเรื่องนี้ออกไป แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมเพียงแค่คนเดียว มันเกี่ยวกับ เจย์ดอน และเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะบอกกับเขา เมื่อเขาโตพอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วด้วย " บริดจ์ กล่าว   สำหรับฉากปฏิเสธการจับมืออันโด่งดังของ บริดจ์ ก็ตกอยู่ในกระแสความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนในอังกฤษ และแฟนบอลทั่วโลกอย่างมาก โดยมีผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลก เห็นเหตุการณ์นี้ผ่านทางการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ รวมทั้งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่าง โทนี่ พูล ภรรยาของเทอร์รี่, ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ และ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี ที่มานั่งดูเกมนี้อยู่ข้างสนามด้วยกันทั้งหมด   อย่างไรก็ตาม แม้แฟนบอลจำนวนมากจะเห็นว่าการไม่ยอมจับมือของ บริดจ์ เป็นการเอาคืนที่สมควรกระทำ แต่บรรดากองเชียร์ของเชลซี หลายส่วน ก็ยังโห่ใส่อดีตแบ็กซ้ายของทีมทุกครั้งยามสัมผัสบอลตลอดทั้งเกม และยังพากันตะโกนถ้อยคำสนับสนุนเทอร์รี่ กัปตันทีม "สิงห์บลูส์" อยู่ตลอดเวลาด้วย ซึ่งแฟนบอลของแมนฯ ซิตี้ ที่ตามมาด้วย ก็พยายามตะโกนตอบโต้ไปเช่นกัน   แหล่งข่าวใกล้ชิดของ บริดจ์ ยังเผยเรื่องราวหลังจากการถอนตัวจากทีม "สิงโตคำราม" ต่อไปอีกว่า " มันไม่ใช่แค่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหาก เวย์น ยังร่วมแคมป์ทีมชาติเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับการที่เขาจะต้องรับมือกับความรู้สึกผิดที่เขาจะมีต่อ เจย์ดอน ด้วย เขารู้สึกว่าตัวเองและลูกชาย เป็นเหยื่อที่ต้องรับผลจากเหตุการณ์นี้ และทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด "   " เมื่อเขามองดู จอห์น เขาจะรู้สึกเหมือนเห็นคนที่โดนปลดจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษไปแล้ว แต่กลับได้รับการให้อภัยจากภรรยาไปอย่างสมบูรณ์ ด้าน วาเนสซ่า ก็ปรากฏตัวตามสื่อต่างๆมากมาย ซึ่งเธอก็ชอบการเป็นแบบนี้ ในขณะที่ เวย์น ต้องกลายเป็นคนที่ชีวิตแตกสลายอยู่กับ เจย์ดอน เพียงแค่ 2 คน "   " เวย์น เป็นคนที่รักความเป็นส่วนตัว ที่ไม่ชอบการตกเป็นจุดสนใจ และเขาจะหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์อยู่เป็นประจำ แต่เขาก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้อง เจย์ดอน จากเรื่องเหล่านี้ แม้มันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ เขาไม่ต้องการเล่นในทีมชาติร่วมกับเทอร์รี่ และหาก เจย์ดอน จะถามเขาในวันหนึ่งข้างหน้า เขาก็จะสามารถตอบถึงมันได้ มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือเรื่องของฟุตบอลไปแล้ว มันเกี่ยวกับการทรยศหักหลัง "   นอกจากนั้น แหล่งข่าวใกล้ชิดกับแบ็กมาดนิ่งอีกคนหนึ่ง ก็เผยว่าเหตุผลสำคัญที่บริดต์ ยังคงไม่ให้อภัยกับอดีตเพื่อนร่วมทีมง่ายๆ เป็นเพราะ "เจที" ไม่เคยออกมากล่าวคำขอโทษใดๆ ในเรื่องที่กระทำลงไปเลย ไม่ว่าจะในแบบส่วนตัว หรือผ่านสื่อสาธารณะก็ตาม   " สิ่งเหล่านี้มันทำให้ เวย์น เสียใจและเป็นทุกข์อย่างมาก จอห์น ไม่เคยแม้แต่ส่งข้อความผ่านเพื่อนมา ว่าเขาเสียใจเกี่ยวกับสิ่งที่ทำลงไปกับเวย์น และทำให้ชีวิตของเขาเป็นทุกข์แค่ไหน สิ่งที่เวย์นเห็น มีแต่รูปภาพของเทอร์รี่ และภรรยา โทนี่ กำลังมีความสุขอยู่ในดูไบ พวกเขาดูเป็นครอบครัวที่มีความมั่นคงอีกครั้ง ในขณะที่ชีวิตของเวย์น กลับมีแต่ความย่ำแย่ลง "   ด้านแหล่งข่าววงในของนักเตะซิตี้ ก็เปิดเผยเรื่องราวของ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ เพื่อนร่วมทีม "เรือใบสีฟ้า" ของบริดจ์ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะของ เชลซี อีกคน ที่คอยเป็นกำลังใจให้เพื่อนสนิทตลอดในช่วงเวลานี้ รวมถึงเป็นโต้โผใหญ่ในการจัดปาร์ตี้ฉลองชัยชนะหลังเกม     " ฌอน อยู่กับ เวย์น ตลอดเวลา พวกเขาสนิทกันมาก พวกเขาเล่นด้วยกันที่ เชลซี และยังคงมีความสนิทสนมกันดีเมื่อย้ายมายัง แมนฯ ซิตี้ พวกเขานั่งด้วยกันบนรถบัสในการเดินทางมายังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ฌอน ดูจะช็อกมากกับการตัดสินใจออกจากทีมชาติอังกฤษของเวย์น เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เขาหวังว่าในที่สุด เวย์น จะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฌอน ต้องการจะแสดงให้เวย์นเห็น ว่ามีนักเตะในทีมที่อยู่ข้างเขา และหวังว่านักเตะในทีมชาติอังกฤษ และในทีมเชลซีอีกหลายคน จะออกมาแสดงการสนับสนุนให้กับ เวย์น ด้วย "   ปีกตัวจี๊ดวัย 28 ปี ได้จองโต๊ะวีไอพีในไนต์คลับหรูในกรุงลอนดอนเอาไว้ เพื่อฉลองชัยชนะให้กับ บริดจ์ โดยเฉพาะ โดยการฉลองครั้งนี้ได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการหลุดรอดเรื่องราวออกไปสู่สาธารณะ โดยถึงกับเปลี่ยนแปลงโรงแรมที่พวกเขาจะพักในนาทีสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจจากสื่อและบรรดาฝูงชน   มีรายงานว่าในขณะนี้ ทนายความของบริดจ์ และ วาเนสซ่า กำลังเตรียมไปขึ้นศาลกันภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อตกลงกันในเรื่องสิทธิการเลี้ยงดูลูกชาย ซึ่งเข้าใจกันว่า บริดจ์ ได้ยื่นข้อเสนอจ่ายเงินถึง 10,000 ปอนด์ (ราว 560,000 บาท) ต่อเดือน ให้กับนางแบบสาวชาวฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่า โทนี่ พูล ภรรยาของเทอร์รี่ แสดงความไม่พอใจอย่างมาก เมื่อได้ยินคำให้สัมภาษณ์เย้าแหย่ของ เคร็ก เบลลามี่ กองหน้าของแมนฯ ซิตี้ หลังจบเกมล่าสุด ที่กล่าวในทำนองว่า รู้ดีว่า เทอร์รี่ เป็นคนอย่างไร และไม่แปลกใจกับเรื่องราวชู้สาวนี้ โดยโทนี่ ที่อยู่ท่ามกลางบรรดาภรรยาของนักเตะ และแขกระดับวีไอพีของเชลซีมากมาย รู้สึกอับอายอย่างมากกับคำให้สัมภาษณ์ของเบลลามี่ http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_094.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 16:12:28

ความคิดเห็นที่ 61 คุณหนึ่งครับ ข่าว คห 60 ขอเอาไปลงไว้ในกระทู้แสดงความเห็นใจบริดจ์ครับ คิดว่าข่าวนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆไว้เยอะและสมบูรณ์ คงทำให้ผู้ที่เข้าไปในกระทู้แสดงความเห็นใจได้รับข้อมูลครบถ้วนขึ้นด้วย จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 16:43:27

ความคิดเห็นที่ 62 เข้ามาร่วมฉลองชัย จากคุณ : focus me not เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 16:58:13

ความคิดเห็นที่ 63 เด ยอง เผยเบื้องหลังผู้เ่ล่นซิตี้นัดกันเล่นเพื่อบริดจ์ การเล่นของซิตี้ด้วยการเล่นเพื่อท้าทายจอห์น เทอร์รี่ที่สนามแสตนฟอร์ดบริดจ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีการวางแผนเตรียมการมาก่อนแล้วเป็นเวลาหลายอาทิตย์ เด ยอง กล่าวว่า "เรื่องเทอร์รี่มีผลกระทบอย่างมากต่อผู้เล่นของเรา คุณพนันได้เลยว่าเราจะเอามันขึ้นมาในเกมกับเชลซี เชื่อผมเถอะ เราทำมันขึ้นมาเพื่อเวนย์" "ไม่มีเรื่องอะไรอื่นที่ต้องกล่าวถึง เราทุกคนสนับสนุนเวนย์อย่างแน่นอนที่สุด และได้บอกเขาว่า ไม่ต้องพูดให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เราจัดการเรื่องนี้เอง" "ในนัดที่เจอปอร์ตสมัธเราสวมเสื้อ ทีมบริดจ์ ไว้ในเสื้อแข่ง ผมไม่ต้องคิดมาก มันเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วเพื่อเพื่อนร่วมทีม" เด ยองได้เคยพูดให้สัมภาษณ์กับนิตยสารในเนเธอร์แลนด์โดยได้เปิดเผยถึงจริยธรรมที่นักเตะควรปฏิบัติว่า "คุณต้องไม่แตะภรรยาของเพื่อนร่วมทีม นั่นเป็นข้อห้ามในวงการฟุตบอล การทำอย่างนั้นกับภรรยาของผู้เล่นทีมอื่นอาจแตกต่างออกไป แต่สิ่งที่เทอร์รี่ทำไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาใช้ห้องแต่งตัวร่วมกันและเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน" "เวนย์ไม่ต้องห่วงอะไรมากนักตอนนี้เกี่ยวกับข่าวในหนังสือพิมพ์ ตอนนี้สื่อได้เหยื่อรายใหม่คือแอชลี่ โคล" http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-1254310/Manchester-Citys-Nigel-Jong-gets-stuck-John-Terry-row.html?ITO=1490 จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 17:13:12

ความคิดเห็นที่ 64 ผมตั้งกระทู้แยกออกมาแล้วครับ ผมว่าประเด็นในเรื่องนี้ บริดจ์ เทอร์รี่ นี่ครบถ้วนสุด ตั้งแต่มีเรื่องราวมา แถมมีประเด็นเพื่อนแท้ อย่างณอน ไรท์ ฟิลลิปป์ (ซึ่งตอนนี้ เจ้าตัวกำลังรอสัญญายาวจากทีมอยู่ สัญญาปัจจุบัน เหลือ 2 ปี แต่เจ้าตัวต้องการ 5 ปีจนแขวนสตั๊ดเลยครับ "ผมอยากได้รับการจดจำในฐานะพ่อที่ดี มากกว่าจะเป็นแค่นักเตะคนหนึ่งที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก" http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8931496/S8931496.html รบกวนเพื่อนๆแฟน แมน ซิตี้ ใครมีกำลังเหลือ ช่วยโหวตกระทู้ข้างบนให้ขึ้นแนะนำทีหนึ่งสิครับ ดูมันครบถ้วนประเด็น จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 17:41:53

ความคิดเห็นที่ 65 มาเชียร์ไก่เจอทอฟฟี่ กัน http://www.myp2p.eu/broadcast.php?matchid=65162&part=sports ข่าวล่าสุด ไก่ท้องเสียทั้งสต๊าฟและนักเตะร่วม 20 คนก่อนแข่ง ออกหน้าเสมอน่าจะดีสุดสำหรับเรา เพราะถ้าท็อฟฟี่แรงต่อ คราวนี้ลุ้นที่ 4 ไม่ใช่แค่ 4 ทีม อาจจะมีทีม 5 ทีม แต่ถ้าชนะท็อฟฟี่ ชนะก็ไม่เลวร้าย จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 20:01:20

ความคิดเห็นที่ 66 ไก่จิกท็อฟฟี่ไป 2 ดอกแล้ว ขนาด โกเมสรับวืด เว้ามา 2 รอบแล้ว   ท็อฟฟี่ รอดยาก พาฟลิวเชโก้นี่ ร้อนแรงช่วงท้ายฤดูกาลซะงั้น จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 20:37:01

ความคิดเห็นที่ 67 ท็อฟฟี่บูด ไล่ไม่ทัน แพ้ไป 1 - 2 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 21:58:54

ความคิดเห็นที่ 68 ตารางล่าสุด รวมผลหงส์แดงชนะแบล๊กเบิร์น และไก่ชนะทอฟฟี่ แซงกลับขึ้นที่ ๔ ตอนนี้แมนซิตี้ถือหลายสถิติเลย ทีมเดียวที่ไม่แพ้ในบ้าน แพ้รวมน้อยที่สุด เสมอมากที่สุด ร่วมกับสโต๊ค จากคุณ : Mister ManCity เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 53 00:31:05

ความคิดเห็นที่ 69 กระทู้วันใหม่ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S8933945/S8933945.html#1 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 53 09:27:31

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นใจ บริดจ์และลูกมาก จากคุณ : timetable เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 53 23:00:02