 |
"ผมอยากได้รับการจดจำในฐานะพ่อที่ดี มากกว่าจะเป็นแค่นักเตะคนหนึ่งที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก"
|
|
แฉ!บริดจ์ยังเจ็บลึกไม่ยอมจับมือเจที
สื่อเมืองผู้ดีแฉเบื้องลึก เวย์น บริดจ์ แบ็กจอมอาภัพของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเจ็บปวดกับการโดน จอห์น เทอร์รี่ ซี้เก่ากัปตันทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" แทงหลัง แอบกกแฟนเก่า จนไม่ยอมจับมือกันในเกมล่าสุดที่ไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมให้เหตุผลถึงการตัดสินใจถอนตัวออกจากทีมชาติอังกฤษ ว่าเป็นเพราะคำนึงความรู้สึกของลูกชายเป็นสำคัญ
"นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" แท็บลอยด์จอมขุดคุ้ยของอังกฤษ เปิดเผยถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์โด่งดังที่ เวย์น บริดจ์ ฟูลแบ็กตัวหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ยอมจับมือกับ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมเชลซี อดีตเพื่อนซี้เก่า ที่ลักลอบเป็นชู้กับอดีตแฟน ก่อนเกมพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด ที่ ซิตี้ บุกไปถล่ม เชลซี คาสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ 4-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
บริดจ์ เพิ่งจะประกาศถอนตัวจากการร่วมทีมชาติอังกฤษ ไปลงทำศึกฟุตบอลโลก 2010 กลางปีนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถทนอยู่ร่วมกับ เทอร์รี่ ที่มีความสัมพันธ์ลับกับ วาเนสซ่า แปร์รงเซล แฟนเก่าของเขา และแม่ของลูกชาย เจย์ดอน วัย 3 ขวบ ได้ และในเกมที่ทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้ากันเมื่อวันเสาร์ ฟูลแบ๊กจาก "เรือใบสีฟ้า" ก็ยังแสดงอาการอย่างชัดเจนว่ายังไม่พร้อมที่จะให้อภัยเพื่อนเก่า
"นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" กล่าวอ้างคำพูดของ ดาวเตะวัย 29 ปี พูดถึงสาเหตุการอำลาทีมชาติกับเพื่อนสนิทของเขาว่า " ผมต้องตัดสินใจโดยคำนึงถึงอนาคตของ เจย์ดอน เป็นสำคัญ เพราะในอีกซัก 10 ปีหลังจากนี้ ผมจะมองหน้าเขาได้ยังไง หากผมบอกกับเขาว่า " แน่นอน นี่คือผู้ชายที่พยายามทำลายชีวิตของเรา แต่พ่อก็ยังลงเล่นทีมเดียวกับเขาอยู่นะ" มันเป็นไปไม่ได้แน่ "
" ผมอยากได้รับการจดจำในฐานะพ่อที่ดี มากกว่าจะเป็นแค่นักเตะคนหนึ่งที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก แม้ผู้คนจะพากันคาดหวังให้ผมลืมเรื่องนี้ออกไป แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผมเพียงแค่คนเดียว มันเกี่ยวกับ เจย์ดอน และเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะบอกกับเขา เมื่อเขาโตพอที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วด้วย " บริดจ์ กล่าว
สำหรับฉากปฏิเสธการจับมืออันโด่งดังของ บริดจ์ ก็ตกอยู่ในกระแสความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนในอังกฤษ และแฟนบอลทั่วโลกอย่างมาก โดยมีผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลก เห็นเหตุการณ์นี้ผ่านทางการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ รวมทั้งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่าง โทนี่ พูล ภรรยาของเทอร์รี่, ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ และ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี ที่มานั่งดูเกมนี้อยู่ข้างสนามด้วยกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้แฟนบอลจำนวนมากจะเห็นว่าการไม่ยอมจับมือของ บริดจ์ เป็นการเอาคืนที่สมควรกระทำ แต่บรรดากองเชียร์ของเชลซี หลายส่วน ก็ยังโห่ใส่อดีตแบ็กซ้ายของทีมทุกครั้งยามสัมผัสบอลตลอดทั้งเกม และยังพากันตะโกนถ้อยคำสนับสนุนเทอร์รี่ กัปตันทีม "สิงห์บลูส์" อยู่ตลอดเวลาด้วย ซึ่งแฟนบอลของแมนฯ ซิตี้ ที่ตามมาด้วย ก็พยายามตะโกนตอบโต้ไปเช่นกัน
แหล่งข่าวใกล้ชิดของ บริดจ์ ยังเผยเรื่องราวหลังจากการถอนตัวจากทีม "สิงโตคำราม" ต่อไปอีกว่า " มันไม่ใช่แค่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหาก เวย์น ยังร่วมแคมป์ทีมชาติเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับการที่เขาจะต้องรับมือกับความรู้สึกผิดที่เขาจะมีต่อ เจย์ดอน ด้วย เขารู้สึกว่าตัวเองและลูกชาย เป็นเหยื่อที่ต้องรับผลจากเหตุการณ์นี้ และทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด "
" เมื่อเขามองดู จอห์น เขาจะรู้สึกเหมือนเห็นคนที่โดนปลดจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษไปแล้ว แต่กลับได้รับการให้อภัยจากภรรยาไปอย่างสมบูรณ์ ด้าน วาเนสซ่า ก็ปรากฏตัวตามสื่อต่างๆมากมาย ซึ่งเธอก็ชอบการเป็นแบบนี้ ในขณะที่ เวย์น ต้องกลายเป็นคนที่ชีวิตแตกสลายอยู่กับ เจย์ดอน เพียงแค่ 2 คน "
" เวย์น เป็นคนที่รักความเป็นส่วนตัว ที่ไม่ชอบการตกเป็นจุดสนใจ และเขาจะหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์อยู่เป็นประจำ แต่เขาก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้อง เจย์ดอน จากเรื่องเหล่านี้ แม้มันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ เขาไม่ต้องการเล่นในทีมชาติร่วมกับเทอร์รี่ และหาก เจย์ดอน จะถามเขาในวันหนึ่งข้างหน้า เขาก็จะสามารถตอบถึงมันได้ มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือเรื่องของฟุตบอลไปแล้ว มันเกี่ยวกับการทรยศหักหลัง "
นอกจากนั้น แหล่งข่าวใกล้ชิดกับแบ็กมาดนิ่งอีกคนหนึ่ง ก็เผยว่าเหตุผลสำคัญที่บริดต์ ยังคงไม่ให้อภัยกับอดีตเพื่อนร่วมทีมง่ายๆ เป็นเพราะ "เจที" ไม่เคยออกมากล่าวคำขอโทษใดๆ ในเรื่องที่กระทำลงไปเลย ไม่ว่าจะในแบบส่วนตัว หรือผ่านสื่อสาธารณะก็ตาม
" สิ่งเหล่านี้มันทำให้ เวย์น เสียใจและเป็นทุกข์อย่างมาก จอห์น ไม่เคยแม้แต่ส่งข้อความผ่านเพื่อนมา ว่าเขาเสียใจเกี่ยวกับสิ่งที่ทำลงไปกับเวย์น และทำให้ชีวิตของเขาเป็นทุกข์แค่ไหน สิ่งที่เวย์นเห็น มีแต่รูปภาพของเทอร์รี่ และภรรยา โทนี่ กำลังมีความสุขอยู่ในดูไบ พวกเขาดูเป็นครอบครัวที่มีความมั่นคงอีกครั้ง ในขณะที่ชีวิตของเวย์น กลับมีแต่ความย่ำแย่ลง "
ด้านแหล่งข่าววงในของนักเตะซิตี้ ก็เปิดเผยเรื่องราวของ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ เพื่อนร่วมทีม "เรือใบสีฟ้า" ของบริดจ์ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะของ เชลซี อีกคน ที่คอยเป็นกำลังใจให้เพื่อนสนิทตลอดในช่วงเวลานี้ รวมถึงเป็นโต้โผใหญ่ในการจัดปาร์ตี้ฉลองชัยชนะหลังเกม
" ฌอน อยู่กับ เวย์น ตลอดเวลา พวกเขาสนิทกันมาก พวกเขาเล่นด้วยกันที่ เชลซี และยังคงมีความสนิทสนมกันดีเมื่อย้ายมายัง แมนฯ ซิตี้ พวกเขานั่งด้วยกันบนรถบัสในการเดินทางมายังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ฌอน ดูจะช็อกมากกับการตัดสินใจออกจากทีมชาติอังกฤษของเวย์น เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เขาหวังว่าในที่สุด เวย์น จะเปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฌอน ต้องการจะแสดงให้เวย์นเห็น ว่ามีนักเตะในทีมที่อยู่ข้างเขา และหวังว่านักเตะในทีมชาติอังกฤษ และในทีมเชลซีอีกหลายคน จะออกมาแสดงการสนับสนุนให้กับ เวย์น ด้วย "
ปีกตัวจี๊ดวัย 28 ปี ได้จองโต๊ะวีไอพีในไนต์คลับหรูในกรุงลอนดอนเอาไว้ เพื่อฉลองชัยชนะให้กับ บริดจ์ โดยเฉพาะ โดยการฉลองครั้งนี้ได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการหลุดรอดเรื่องราวออกไปสู่สาธารณะ โดยถึงกับเปลี่ยนแปลงโรงแรมที่พวกเขาจะพักในนาทีสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจจากสื่อและบรรดาฝูงชน
มีรายงานว่าในขณะนี้ ทนายความของบริดจ์ และ วาเนสซ่า กำลังเตรียมไปขึ้นศาลกันภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อตกลงกันในเรื่องสิทธิการเลี้ยงดูลูกชาย ซึ่งเข้าใจกันว่า บริดจ์ ได้ยื่นข้อเสนอจ่ายเงินถึง 10,000 ปอนด์ (ราว 560,000 บาท) ต่อเดือน ให้กับนางแบบสาวชาวฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่า โทนี่ พูล ภรรยาของเทอร์รี่ แสดงความไม่พอใจอย่างมาก เมื่อได้ยินคำให้สัมภาษณ์เย้าแหย่ของ เคร็ก เบลลามี่ กองหน้าของแมนฯ ซิตี้ หลังจบเกมล่าสุด ที่กล่าวในทำนองว่า รู้ดีว่า เทอร์รี่ เป็นคนอย่างไร และไม่แปลกใจกับเรื่องราวชู้สาวนี้ โดยโทนี่ ที่อยู่ท่ามกลางบรรดาภรรยาของนักเตะ และแขกระดับวีไอพีของเชลซีมากมาย รู้สึกอับอายอย่างมากกับคำให้สัมภาษณ์ของเบลลามี่
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100228_094.html
| จากคุณ |
:
still solo one 
|
| เขียนเมื่อ |
:
28 ก.พ. 53 16:14:49
|
|
|
| |
