ความคิดเห็นที่ 1 กับกระแสก่อนเกม ที่ออกจะดูเงียบๆไปนิดหนึ่ง เนื่องจากเกมนี้ถึงแม้จะเป็นนัดชิงชนะเลิศ แต่ด้วยการที่เป็นถ้วยใบเล็กที่สุดของประเทศนี้ ประกอบกับมีอีกศึกหนึ่งที่ดันถูกจับตามองมากกว่า นั่นก็คือศึก Battle of The Bridges ที่กรุงลอนดอนก่อนหน้านี้หนึ่งวันนั่นเอง ทำให้เกมนัดชิงฯ นึ้ถูกกลบกระแสลงไปพอสมควร เกมนี้ทางฝั่งแชมป์เก่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาพอสมควร จากการบาดเจ็บของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และโทษแบนนัดสุดท้ายของนานี่ ทำให้ต้องปรับกันพอเป็นพิธี ผู้รักษาประตูหลังจากให้บิ๊กเบนได้ลงสนามไปเมื่อกลางสัปดาห์ เกมนี้จึงเป็นคิวของโทมัส คุสแซ็ค แผงหลังสี่คนไล่เรียงไปด้วย ราฟาเอล ดา ซิลวา, เนมานย่า วิดิช, โจนาธาน เอแวนส์ และ ปาทริซ เอวร่า แผงกลางสี่คนมี อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิล คาร์ริค, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และ ปาร์ค ชี ซอง คู่กองหน้าวันนี้ป๋าเลือกส่ง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ ไมเคิล โอเว่น ลงล่าตาข่ายคู่กัน มาดูอีกฝั่งหนึ่งกันบ้าง เกมนี้ มาร์ติน โอนีล กุนซือผู้ร้อนแรงของเกาะอีกคนในขณะนี้ ได้ตัวสติลิยัน เปตรอฟ ฟิตกลับมาลงสนามได้ทัน แต่ยังมีการชั่งใจระหว่างการจะส่ง แบรด กูซาน ที่ได้ลงเฝ้าเสามาตลอด หรือจะเอาชัวร์ด้วยการส่ง แบรด ฟรีเดล ลงมา ซึ่งสุดท้าย โอนีลเลือกที่จะส่งฟรีเดลลงสนาม แผงหลั้งสี่คนประกอบไปด้วย การ์ลอส กวยยาร์, เจมส์ คอลลินส์,  ริชาร์ด ดันน์ และ สตีเฟ่น วอร์นอค โอนีลวันนี้วางระบบ 4-4-2 ตามถนัดลงมาสู้กับ 4-4-2 ของป๋าช่วงช่วง โดยแผงกลางสี่คนของโอนีล ประกอบด้วย แอชลี่ย์ ยัง, เจมส์ มิลเนอร์, สติลิยัน เปตรอฟ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง วางคู่กองหน้าเป็น กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ และ เอมิล เฮสกี จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:10:25

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มเกม วิลล่าเปิดฉากบุกทันที โดยอาศัยการวางบอลขึ้นหน้าให้ตัวจี๊ดริมเส้นอย่างดาวนิ่ง และยัง จี้เข้าหากองหลังยูไนเต็ด ร่วมด้วยช่วยกันกับบอลยาวที่มีเป้าข้างหน้าคือเฮสกี และอักบอนลาฮอร์ เกมของยูไนเต็ดยังไม่ทันได้ตั้งหลักอะไรก็เสียท่าไปก่อน จากการลอยดันเกมขึ้นสูงของแผงหลังแชมป์เก่า วิลล่าได้จังหวะวางบอลสวนยาวขึ้นหน้าจากแอชลี่ย์ ยัง ที่มีเพียงแค่อักบอนลาฮอร์ยืนเป็นเป้าตัวต่อตัวกับวิดิชเท่านั้น อักบอนลาฮอร์อาศัยความเร็วควบแซงวิดิชและได้เหลี่ยมที่ดีกว่า บังบอล เข้าไปในกรอบโทษ ก่อนจะโดนวิดิชที่ตามมาข้างหลังทั้งเบียดทั้งดึงและกวาดจนแก๊บบี้เสียหลักล้มลงไป พร้อมๆกับเสียง ปรี๊ดดดดดด จาก ฟิล ดาวด์ นั่นกลายเป็นลูกจุดโทษทันทีตั้งแต่นาทีที่ 4 เท่านั้น แต่โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ดาวด์ไม่ลงโทษวิดิชแม้แต่เหลืองอ่อนๆ แต่อย่างใด ทั้งๆที่หากมองตามตัวกติกาเป๊ะๆแล้วนั้น วิดิชได้กระทำ โปรเฟสชันนั่ล ฟาล์ว นะครับ จากการเป็นกองหลังตัวสุดท้ายที่สกัดทำฟาล์วกองหน้าคู่แข่งในจังหวะที่หลุดเข้ามายิงประตู หรือจะมีใครปฏิเสธว่า ในจังหวะที่ถูกกวาดล้มไปนั้นแก๊บบี้ไม่มีจังหวะยิง ผมมองว่า ลูกปัญหานี้ ได้ก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจหลายอย่างต่อ ดาวด์ หนึ่งเลยก็คือ ตามกติกาสากลแล้ว มันคือ โปรเฟสชันนั่ล ฟาล์ว แน่นอน และโทษของมันก็คือ แดงแจ๊ดแจ๋อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ แต่ แต่ ข้อสอง คือนี่มันเพิ่งสี่นาทีเองนะไอ้ทิด กรูยังวิ่งไม่ทันเหงื่อตกเลย แล้วนี่บอลนัดชิงนะเว้ยเฮ่ย จะให้ควักไอ้แดงออกมาตั้งกะสี่นาทีแรกเลยรึไง แล้วยังมีตัวช่วยข้อที่สามอีก อย่างการที่แก๊บบี้ ขืนตัวเองไว้ได้ในจังหวะแรก เพื่อพยายามล็อกดึงจังหวะหนีวิดิช ที่ทำให้วิดิชตามมาทันและล้มตัวกวาดจากด้านข้างแทนที่จะกลายเป็นจากด้านหลังเต็มๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ผมมองว่า แชมป์เก่าโชคดีมากจริงๆ ที่ดาวด์ดันพิจารณาออกมาในแง่นี้ และไม่ลงโทษวิดิชแต่อย่างใด ถึงแม้เจมส์ มิลเนอร์ จะยิงจุดโทษเข้าไปได้ แต่การที่วิดิชไม่ได้รับแม้แต่ใบเหลือง (ถ้าให้เหลืองก็ตลกหมือนกัน เพราะโทษของการฟาล์วแบบนี้ คือแดงอย่างเดียว เช่นเดียวกับที่เบลเล็ตติโดน และเช่นเดียวกับที่ ฮูเปียเคยโดนตั้งแต่นาทีไก่โห่ในเกมแดงเดือดเมื่อกาลก่อนโน้น) ตรงนี้ทำให้รูปเกมของแชมป์เก่าไม่เสีย ทรงบอลยังเหมือนเดิม และที่สำคัญไม่ได้ก่อความได้เปรียบกับวิลล่า อย่างที่มันควรจะเป็นไป จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:10:38

ความคิดเห็นที่ 3 ผลจากลูกโทษปัญหานี้ ส่งให้วิลล่าออกนำตั้งแต่ห้านาทีแรกของเกม แต่ผลของการไม่โดนลงโทษจากสีเหลืองหรือแดง ทำให้โมเมนตัมของเกมไม่เสียไป วิดิชยังคงได้รับอนุญาตจากท่านเปา ให้ยืนลั่นกุญแจแก๊บบี้ต่อไปด้วยการไร้ซึ่งแรงกดดันจากโทษานุโทษที่พึงมี และเกมของวิลล่าก็เริ่มเฝดเอาท์ไปเรื่อยๆตามนาทีที่ผ่านเลยไปสวนทางกับเกมรุกของแชมป์เก่า ที่เริ่มจูนกันติดมากขึ้น และเริ่มประสานงานกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเกมตรงกลางสนาม วิลล่าอาศัยเพียงลูกยาวเพื่อคุกคามแผงหลังยูไนเต็ด แต่ถูกวิดิชเก็บกินเรียบ ในขณะที่แผงกลางวิลล่าไม่ค่อยได้ต่อบอลกันงามๆเท่าไหร่นัก มีเพียง มิลเนอร์คนเดียวที่พล่านเดินเกมให้วิลล่าไปทั่วทั้งสนามในสไตล์เพลย์เมกเกอร์ ร่วมกับอักบอนลาฮอร์ เกมรุกของวิลล่าที่ผมเห็นมีเพียงเท่านี้จริงๆครับ ประตูนำเพียงลูกเดียวในขณะที่รูปเกมทั้งสองฝั่งยังขี่กันไม่ลงเท่าไหร่ แต่ริชาร์ด ดันน์ ของวิลล่า กลับทำให้ทุกอย่างมันพังลงง่ายๆซะงั้นหลังจากที่เพิ่งออกนำไปไม่กี่นาที ในนาทีที่ 14 ขณะที่ริชาร์ด ดันน์ เก็บบอลได้หน้ากรอบโทษตัวเองทางด้านขวา และกำลังจะพาบอลขึ้นไปนั้น ก็กลับชะล่าใจจนทำให้ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ พรวดเข้ามาพัวพันและแย่งบอลจากเท้าไปได้หน้าตาเฉยก่อนจะควบขึ้นหน้ามุ่งเข้ากรอบโทษ ดันน์กวดตามไปสไลด์บอลไว้ได้ แจ่บอลเจ้ากรรมกลับกลิ้งหลุนๆออกมาตรงกลางหน้ากรอบที่มีเบบี้ โกล์ควบตะบึงตามมาเก็บแถวสอง โอเว่นยิงสวนด้วยขวาทันทีส่งบอลพุ่งเรียดผ่านมือฟรีเดลเสียบโคนเสาสองอย่างสุดสวยให้แชมป์เก่าตามตีเสมอได้สำเร็จ นี่คงเป็นประตูในนัดชิงชนะเลิศของโอเว่นในรอบหลายๆปีเลยทีเดียวนะ จากการคาดเดาของผม และเป็นประตูที่ยิงโชว์คาเปลโล่ต่อหน้าต่อตา หลังจากที่คาเปลโล่เพิ่งกระชุ่นโอเว่นไปหมาดๆว่า ถ้าอยากไปแอฟริกา จงลงสนามบ่อยๆ นั่นเอง ดูเจ้าตัวเองก็มีความสุขกับประตูนี้มากทีเดียว เหมือนเป็นการปลดปล่อยความกดดันหลายๆอย่างออกไปจากตัวได้สำเร็จนั่นเองครับ อ้อ...อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่ทราบว่า ในสัญญาที่ทำกับสโมสรเรานั้น ประตูนี้ของโอเว่นจะมีมูลค่ากี่พันกี่หมื่นปอนด์กันนะ หากว่าสุดท้ายเรารักษาถ้วยแชมป์ใบนี้ไว้ได้สำเร็จ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:10:55

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากตีเสมอได้สำเร็จ แชมป์เก่าก็เริ่มค่อยๆคืนฟอร์ม และเริ่มตั้งลำได้ทีละเล็กละน้อย เฟล็ทเชอร์กับคาร์ริคสองคนช่วยกันกดแผงกลางของวิลล่าไม่ให้ทำเกมได้ถนัด รวมทั้งสกรีนบอลจากการแทงทะลุช่องของแผงกลางวิลล่าได้เรื่อยๆจนทำให้เกมภาคพื้นของวิลล่าทำอะไรไม่ค่อยถนัด ต้องอาศัยบอลยาวและการลากเลื้อยของผู้เล่นริมเส้นอย่าง ยังและดาวนิ่งแทน โดยมีตัวประสานงานข้างหน้าเป็นมิลเนอร์ที่แบกความหวังของทีมเอาไว้ มิลเนอร์นัดนี้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วครับ ทั้งรับและรุก อยู่ริมเส้นทางขวาบ้าง ซ้ายบ้าง เพื่อประคองและเพิ่มออปชั่นเกมรุกทางริมเส้นซ้ายและขวา รวมทั้งพาบอลขึ้นหน้าด้วยตัวเอง เพื่อพยายามชงให้เฮสกีและอักบอนลาฮอร์ เห็นฟอร์มของมิลเนอร์แล้วผมก็ค่อนข้างแปลกใจนะ ที่โอนีลปลุกปั้นเขาจนได้ดิบได้ดีกับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในรูปแบบเกือบๆจะเป็นเพลย์เมกเกอร์อยู่แล้ว ทั้งๆที่ตอนขึ้นมาเล่นใหม่ๆสมัยหนุ่มๆ มิลเนอร์ดูจะไม่มีแววทางตำแหน่งนี้ และดูไม่มีบทบาทในเกมรุกมากนักด้วยซ้ำไป แต่โอนีลกลับเข็นมิลเนอร์ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ด้วยวัยเพียง 24 น่าจับตามองอนาคตของหนุ่มคนนี้มาก ว่าหลังจากหมดรุ่นของ เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด, แบร์รี่ หรือคาร์ริค ไปเนี่ย คงเป็นมิลเนอร์นี่แหละ ที่น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักทดแทน หากเขาพัฒนาได้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเกมของวิลล่าดูอันตรายและมีพิษสงน้อยลงเรื่อยๆ ประกอบกับแผงหลังยูไนเต็ดไม่ประมาทและเปิดช่องแบบไม่ดูตาม้าตาเรืออีก เกมของวิลล่าก็ค่อยๆถูกยูไนเต็ดกลืนหายไป จนในที่สุดก็เป็นเกมวันเวย์ของยูไนเต็ดจนได้ ครึ่งแรกนี้เกมของวาเลนเซียยังดูไม่ค่อยอันตรายนัก เพราะคู่ขาอย่างน้องหมูยังไม่ได้ลงสนามมา โอเว่นเองก็ไม่สามารถเบียดหรือบดบี้แผงกองหลังวิลล่าได้อย่างสูสีเท่าไหร่ ส่วนเบอร์บาตอฟเองก็ตามสไตล์ครับ ชอบเล่นปั้นเกมและดึงตำแหน่งกองหลังมากกว่าจะลอยค้ำเพื่อส่องประตู แนวรับวิลล่าจึงวางแนวป้องกันริมเส้นฝั่งนี้ได้ง่ายกว่า ทำให้ครึ่งแรกนี้ ตัววูบวาบของยูไนเต็ดกลับเป็นปาร์ค ชี ซองที่พาบอลคุกคามแผงหลังวิลล่าได้น้ำได้เนื้อกว่าใครและเล่นประสานงานกับเพื่อนๆในแดนหน้าโดยเฉพาะเบิร์บได้น่ากลัวมากทีเดียว อย่างที่ผมคาดไว้ครับ ตอนนี้ฟอร์มของปาร์คเริ่มจะกลับมาดูดีสูสีกับตอนพีคๆสมัยเล่น ชปล. ปี 2008 แล้ว ด้วยความเข้าใจเกมสูง การเล่นเป็นทีมเวิร์คแท้ๆ และไม่เห็นแก่ตัว เมื่อฟอร์มกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว ปาร์คก็นับเป็นอาวุธอันตรายที่ใช้เจาะแนวรับคู่ต่อสู้ทางภาคพื้นได้ดีมากๆ ยิ่งถ้านับถึงความขยันในการพล่านช่วยเกมรับด้วยแล้ว ปาร์คจึงเป็นจิ๊กซอว์หน่วยสนับสนุนอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้ของทีมไปซะแล้ว จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:11:14

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากป่วนเกมรับวิลล่าได้พักใหญ่ๆ ก็ถึงคราวซวยของโอเว่น ที่เกิดอาการเจ็บจากการสปริ๊นต์ไปรับบอลในกรอบโทษ สุดท้ายต้องถูกถอดออกมาในช่วงท้ายๆครึ่งแรกและแทนที่ด้วย เวย์น รูนี่ย์ และนั่นเองคือจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งของเกมเกมนี้ก็ว่าได้ การมีรูนี่ย์ในสนามนั้น เท่ากับเราสามารถคุกคามแนวรับวิลล่าเพิ่มเติมได้อีกสองสามแนวทางเลยทีเดียว นั่นคือ หนึ่ง รูนี่ย์สามารถพาบอลไปกับตัวด้วยความแข็งแกร่ง รวดเร็ว ในรูปแบบที่เบอร์บาตอฟและโอเว่นไม่สามารถทำได้ ทำให้ช่วยดึงกองหลังออกจากตำแหน่งมาหาตัวเองเพื่อเปิดทางให้เพื่อนๆมีที่ว่างมากขึ้น แทนที่จะรอเล่นชิ่งหนึ่งสองเพียงอย่างเดียว สองก็คือ รูนี่ย์มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ทรหดอดทน สามารถเบียด บดบี้ และไถกับกองหลังวิลล่าได้หนักกว่าเบอร์บาตอฟหรือโอเว่น ทำให้โอกาสที่จะได้เล่นในจังหวะสองในพื้นที่กรอบโทษมีมากขึ้นนั่นเอง และนั่นก็เท่ากับช่วยกดดันแผงหลังวิลล่าให้เล่นยากขึ้นเยอะ การสกัดบอลออกมาจากพื้นที่อันตรายก็ทำได้ยากขึ้น เมื่อถูกเบียดถูกบังจากผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ รูนี่ย์นั้น ค่อนข้างเข้าขากับวาเลนเซียมากแล้วในขณะนี้ และไม่ใช่แค่วาเลนเซียเท่านั้น แต่ยังมีนานี่อีกคน ที่สามารถเปิดบอลเข้าหัวรูนี่ย์ได้บ่อยครั้งในช่วงหลังๆ นี่คงไม่ใช่หมายความว่าวาเลนเซียหรือนานี่เก่งขึ้น แต่มันหมายถึงพัฒนาการในการเล่นลูกกลางอากาศ รวมทั้งการอ่านทิศทางของบอลที่พุ่งมาในอากาศ เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เหมาะสม ตรงนี้ครับ ที่รูนี่ย์พัฒนามันขึ้นได้มากในช่วงสองเดือนล่าสุดที่ผ่านมา กล่าวคือผู้เล่นปีกนั้น ธรรมชาติจะไม่ค่อยมีเวลาเงยหน้าหาเพื่อนในกรอบว่ายืนตรงไหน แล้วจะตั้งป้อมสวยๆเปิดให้ได้ทั้งน้ำหนักและทิศทาง มันไม่มีพื้นที่ไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกในจังหวะหนึ่งๆ สิ่งที่ปีกมักจะได้ทำบ่อยๆในเกมๆหนึ่งก็คือ การหาโอกาสหลุดขึ้นไปถึงเส้นหลัง แล้วรีบเปิดเร็วกลับเข้ามาในกรอบต่างหาก ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเรียกจุดที่บอลจะตกนั้นว่า จุดนัดพบ นั่นเอง และหน้าที่ของกองหน้าประเภทจ้าวเวหานั่นก็คือ การมีสัญชาตญาณรู้ว่าจุดนัดพบแต่ละครั้งนั้นควรจะอยู่ที่ไหน เพราะบอลที่โยนมาแต่ละลูก น้ำหนัก ทิศทางก็ต่างกันไป จุดนัดพบจึงแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กองหน้าจึงต้องมีสัญชาตญาณที่ดีในการอ่านทางบอลตรงนี้ เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ และตรงจุดที่บอลจะตก หรือจุดนัดพบนั่นเอง จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:11:32

ความคิดเห็นที่ 6 ผมสังเกตมาหลายนัดแล้วว่า รูนี่ย์พัฒนาเรื่องนี้ขึ้นเยอะมากทีเดียว เมื่อก่อน การเปิดบอลด้านข้างไม่ใช่จุดเด่นของเราตั้งแต่หมดยุคเฮียเบ๊คส์ไป เราไม่สามารถหากินกับลูกครอสด้านข้างได้มากมายเหมือนก่อน บอลเปิดจากข้างจึงเหมือนการเสี่ยงดวง วัดดวงกันไป ตาดีได้ ตาร้ายเสีย และกองหลังก็มักจะได้เปรียบกว่ากองหน้า ในการยืนสกัดลูกเปิดวัดดวงแบบนี้ เพราะมีจำนวนผู้เล่นมากกว่า แต่เมื่อรูนี่ย์สร้างสัญชาตญาณตรงนี้ได้แล้ว ก็เท่ากับโอกาสจบสกอร์จากลูกครอสก็มีมากกว่าวัดดวง เพราะบอลที่ถูกเปิดมาแต่ละครั้ง มีโอกาสมากที่รูนี่ย์จะอยู่ถูกที่ถูกเวลา และได้โหม่งโล่งๆ สังเกตง่ายๆก็ตั้งแต่นัดกับมิลานมาแล้ว และเกมนี้ถ้าไม่ติดที่เสา รูนี่ย์ก็จะโหม่งโล่งๆเข้าไปถึงสองลูกจากลูกครอส แทนที่จะเป็นลูกเดียว ตรงนี้แหละครับ เมื่อรูนี่ย์พัฒนาจุดนี้ขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงออกอาการหัวเสียทุกที เมื่อปีกเปิดบอลครอสเข้ามาแบบไร้หางเสือเหมือนที่นานี่โดนรูนี่ย์ด่าประจำนั่นแหละ เพราะหลายครั้งที่นานี่เปิดบอลข้ามไปเสาสามเสาสี่ หรือเปิดย้อนกลับไปไกลถึงกรอบโทษ ทำให้รูนี่ย์ที่ย่องเข้าไปในพื้นที่ ไม่มีโอกาสสัมผัสบอลนั่นเอง การที่รูนี่ย์พัฒนาเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ประโยชน์ไม่ได้ตกที่ยูไนเต็ดฝ่ายเดียว แต่เป็นทีมชาติอังกฤษด้วย และเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้คาเปลโล่สามารถจิ้มเลือกเบ๊คแฮมติดธงสิงโตคำรามได้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย การที่รูนี่ย์เล่นลูกหัวได้ดี และเลือกตำแหน่งการยืนได้ถูกต้อง ย่อมไม่จำเป็นที่คาเปลโล่จะต้องเปลี่ยนตัวเอาปีเตอร์ เคราช์ลงมาแทนเพื่อเปลี่ยนแท็คติค แต่สามารถให้รูนี่ย์จับคู่กับคู่ขาคนใดก็ได้ เพราะรูนี่ย์เล่นได้ทั้งภาคพื้นและกลางอากาศ แม้กระทั่งจะเล่นหน้าตัวเดียว ก็ไม่มีปัญหา เพราะรูนี่ย์ปรับตัวตรงนั้นได้แล้วจากแท็คติคของป๋าเฟอร์กูสัน ที่เหลือก็แค่การที่คาเปลโล่จะจับใครมาป้อนให้รูนี่ย์ก็เท่านั้น นี่คือพัฒนาการของรูนี่ย์ที่เพิ่มความอันตรายให้เจ้าตัวขึ้นได้มากในช่วงหลังนี้ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดที่ผมกล่าวถึงเมื่อเขาถูกหย่อนลงน้ำมาแทนโอเว่นที่บาดเจ็บนั่นเองในช่วงท้ายๆครึ่งแรก จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:12:52

ความคิดเห็นที่ 7 ในครึ่งหลัง รูปเกมยังคงตกเป็นของแชมป์เก่าอยู่ตลอด ชนิดที่ต้องบอกว่ากดอยู่ข้างเดียว วิลล่ามีโอกาสสวนกลับแต่ก็ไม่สามารถคุกคามได้มากนัก เฮสกีเก็บบอล พักบอลได้แต่เหมือนพยายามเล่นด้วยตัวเองมากเกินไป จนมักจะเสียบอลเองตลอด ส่วนอักบอนลาฮอร์ก็ถูกล็อกตายตลอดเวลาจนไม่สามารถคายพิษสงออกมาได้อีก แต่ข้อดีของแก๊บบี้วันนี้ก็คือ เขาดึงกองหลังมาหาได้ครั้งละสองคนตลอด เพียงแต่เพื่อนไม่สามารถฉวยโอกาสไว้ได้เท่านั้นเอง และนี่คือสิ่งที่โอนีลโมโห เพราะเขาคิดว่า ถ้าวิดิชถูกลงโทษตามกติกาซึ่งหมายถึงใบแดงแล้ว วิลล่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้แน่ๆ เพราะกองหลังที่เหลือ ไม่มีใครอีกแล้วที่บี้บดกับแก๊บบี้ได้สมน้ำสมเนื้อเหมือนวิดิช ยิ่งถ้าวิดิชโดนแดงไปจริง ทางเลือกของป๋าก็คงต้องถอดกองหน้าออก แล้วส่งบราวน์มายืนคู่เอแวนส์แทน ถ้าเป็นเช่นนั้น พี่ๆน้องๆคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ ในเกมนี้ รูนี่ย์ลงมาก็ทำให้วาเลนเซียคายพิษสงได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น รูนี่ย์ดึงตัวประกบหุบเข้าไปในได้มากขึ้น วาเลนเซียก็มีพื้นที่จะเล่นได้มากขึ้น รวมไปถึงการปรับหมากจากป๋าเล็กๆ ที่สั่งให้วาเลนเซียมีอิสระในการเล่นมากขึ้นด้วยการหุบตัวเองเข้ามาใน และลากบอลเข้าไปด้วยตัวเองบ่อยขึ้น ตรงนี้ทำให้กองหลังที่เคยดักทางขวาของวาเลนเซียต้องคิดมากขึ้น และไม่สามารถปิดทางได้ง่ายๆอีก ปิดกราบก็โดนลากหุบเข้าใน จะตามไปปิด ตัวเติมก็สอดเข้ามาแทน ปวดหัวครับ วิลล่าเล่นรับมากๆแบบนี้ ยิ่งเปิดทางให้เกมรุกของยูไนเต็ดได้ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองไม่ค่อยมีโอกาสสวนกลับ แก๊บบี้ไม่ได้บอล เฮสกีไม่มีคนเล่นด้วย มิลเนอร์ต้องเล่นรับ คุสแซ็คยังไม่พลาด แค่นี้ก็จบข่าวสำหรับวิลล่า ประตูชัยของยูไนเต็ดก็มีที่มาจากกราบขวา เมื่อวาเลนเซียหลุดขึ้นมาถึงเส้นหลังก่อนเปิดครอสเข้ากลางไปเจอหัวรูนี่ย์ที่ปักหลักโขกย้อยย้อนทางเสียบสามเหลี่ยมเสาแรก หมดปัญญาที่ฟรีเดลจะป้องกันไว้ได้ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:13:10

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วรูนี่ย์ก็เกือบทำได้อีกครั้ง เมื่อวาเลนเซียได้เปิดจากกราบเช่นเดิมบอลหลุดมาเสาสอง ที่มีเพียงรูนี่ย์ยืนโล่งๆคนเดียว รูนี่ย์โหม่งเต็มๆบอลพุ่งกระทบเสาอย่างน่าเสียดาย ยูไนเต็ดบุกจนหวุดหวิดจะได้ลูกที่สามหลายครั้งหลายหนแต่ก็พลาดไปหมด แถมเกมนี้ราฟาเอลก็มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นจากการสไลด์บอลสุดเหยียด จนป๋าช่วงช่วงต้องส่งแกรี่ เนวิลล์ลงมาแทนในช่วงก่อนที่ยูไนเต็ดจะได้ประตูออกนำเพียงเล็กน้อย และหลังจากบุกจนได้ประตูนำไปแล้ว โอนีลก็แก้เกมด้วยการส่งยอห์น คาริวลงมาแทน การ์ลอส กวยยาร์ เพื่อเพิ่มเกมรุก ในขณะที่ป๋าเฟอร์กี้ถอดเอาอาตี๋ดริฟท์คิงออกมา แล้วแทนที่ด้วย ดาร์รอน กิ๊บสัน เพื่อตรึงพื้นที่ตรงกลางสนามมากขึ้น รูปเกมจากนั้นกลายเป็นวิลล่าที่บุกมากขึ้นโดยยูไนเต็ดวางเกมรัดกุมและเล่นกับเวลา จนสุดท้ายหมดเวลา ยูไนเต็ดฟาดแชมป์แรกของซีซั่นได้สำเร็จที่นิวเวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 2:1 หนือแอสตัน วิลล่า รายละเอียดได้พูดถึงไปหมดแล้ว จึงขอพูดเล็กๆน้อยๆถึงสิ่งที่ได้เห็นในเกมนี้ นั่นก็คือ ความเข้าอกเข้าใจกัน และการประสานงานในเกม ที่ปีนี้เริ่มจะมาดีขึ้นเอาในเดือนกุมภาพันธ์ (ไม่นับเกมพ่ายเอฟเวอร์ตันที่ห่วยแตก) หวังว่าการดร็อปบอลลีกไปเล่นเกมทีมชาติกลางสัปดาห์นี้ จะไม่ทำให้แพสชั่นดีๆมันหายไปนะครับ อุตส่าห์สร้างมาอย่างยากลำบากแท้ๆ เกิดมันหายไปดื้อๆผมคงเสียดายแย่         ตรงกลางสนาม ไมเคิล คาร์ริค เริ่มคืนฟอร์มได้มากขึ้น เฟล็ทเชอร์จึงต้องปรับบทบาทตัวเองลงไปตามธรรมชาติ แต่ก็ถือได้ว่าทำให้สมดุลเกมตรงกลางมันกลมกล่อมขึ้นมาก และคงเป็นตัวหลักในแผงกลางของทีมเราไปแล้วสำหรับคู่หูคู่นี้ การสลับกันรุกและรับอย่างเข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งเราไม่ได้เห็นมานานหลังจากหมดยุคคีน-สโคลส์ ถึงแม้สองคนนี้จะไม่ แร๊งงงแรง เท่า แต่สิ่งที่ได้ทดแทนมาในตอนนี้ก็คือ ความสมดุลและความไหลลื่น รวมทั้งการเชื่อมเกมระหว่างรุก-รับ ที่เริ่มเข้าตามากขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป สองคนนี้จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นไปถึงระดับที่คีน-สโคลส์เคยทำไว้นะครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:13:35

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากนี้ เรายังเห็นว่า แผงกองหลังที่ได้วิดิชกลับมา ก็ยังออกอาการซวนเซให้เห็นอยู่ประปราย วิดิชเองผมบอกเสมอว่าจุดอ่อนของแกคือการเล่นดวลตัวตัวกับกองหน้าเร็วๆแบบนี้แหละ วิดิชเสียคนมานักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะกับตอร์เรส วิดิชจึงจำเป็นต้องมีตัวรองครับ แต่เกมนี้ตัวรองมันดันไม่มาไม่ทัน วิดิชเลยเกือบซวยไป เอแวนส์เองก็มีแกว่งให้เห็น จ่ายบอลคืนหลังเกือบไปเข้าเท้าวิลล่า นี่ถ้าวิลล่าตั้งอกตั้งใจมีเวลาเล่นเกมรุกมากกว่านี้ เราเองก็คงเหนื่อยไม่น้อยนะครับ    เอาล่ะ วันนี้ผมคงขอจบไว้ที่ตรงนี้ และหวังว่านักเตะทุกๆคนของทุกๆทีม จะคัมแบ๊คกลับมาจากทีมชาติแบบสมบูรณ์พร้อมกันถ้วนหน้า เพื่อให้การลุ้นแย่งแชมป์ได้ขับเคี่ยวกันเมามันต่อไป แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ ปล. วันนี้ผมอยู่ ตจว. อาจไม่มีโอกาสกลับมาแลกเปลี่ยนอีก ถ้าไม่เห็นผมเข้ามาอีก ก็รอพรุ่งนี้นะครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:14:01

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดีๆครับป๋าหงบ จากคุณ : ข้าวมันไก่ไข่ดาวจานนึง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:41:39

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกมนี่มันนานจริง ๆ .. จากคุณ : AnotherLife เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:51:52

ความคิดเห็นที่ 12 มาตามอ่านอย่างกระชั้นชิด จากคุณ : ชื่อนี้มีคนใช้แล้ว เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 11:52:56

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยครับว่า วิดิชถ้าไม่มีตัวคอยรองแล้ว เจอกองหน้าสปีดสูงก็แย่เหมือนกัน ดังนั้นตอนที่จับคู่กับริโอช่วงท็อปฟอร์ม ถึงได้แน่นขนาดนั้น เพราะริโอเป็นตัวรองที่หากมีตัวชนดีๆให้ เขาจะเล่นได้เป็นธรรมชาติมาก จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 12:04:29

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ ป๋าหงบ สำหรับบทวิพากษ์ดีๆ จากคุณ : aunpk68 เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 12:49:36

ความคิดเห็นที่ 15 เสริมอีกนิด คุณสงบเห็นด้วยไหมครับว่าถ้ายังรักษาฟอร์มไว้แบบนี้ได้เรื่อยๆ รูนี่ย์จะเข้าใกล้การเป็นกองหน้าเวิร์ลคลาสอย่างแท้จริงเข้าไปทุกทีแล้ว ยิ่งถ้าเขารักษาระดับการเล่นไว้ได้ต่อเนื่อง ไม่ใช่มาวูบเดียวละก็นะ เผลอๆหากในบอลโลกเขายังเล่นดีต่อเนื่อง บัลลงดอร์ปีนี้ เขามีลุ้นติดใน 5 อันดับแรกเลยละ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 12:59:53

ความคิดเห็นที่ 16 เย้ ขอบคุณค่ะ อิอิ จากคุณ : poojo_ke เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 13:24:03

ความคิดเห็นที่ 17 อ่ะ พอดีแวบเข้ามาพอดีเลย รูนี่ย์ตอนนี้ มีสิ่งเหล่านี้แล้ว - สัญชาตญาณในการยืนตำแหน่งถูกที่ถูกเวลา - การเล่นลูกกลางอากาศ (ที่เคยเป็นจุดอ่อน) - ความแข็งแกร่ง ใจสู้ ความมุมานะ และทุ่มเท - ความเยือกเย็น (เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ) - ความคมในระดับกองหน้าหัวแถว สิ่งที่เคยมีแต่ขาดหายไป และควรจะนำกลับมาโดยด่วน - สัญชาตญาณการเป็นกองหน้า ที่ยิงได้ทุกจุด ทุกจังหวะ   (หายไปตอนโปรฯ เจ้าโด้ ที่ถูกทอนบทบาทไปเยอะ แต่ตอนนี้เริ่มมาแล้ว) -ความคมตอนพีคๆจากปลายเกือก ในระดับปีแรกๆที่เล่น   (หายไปพร้อมๆกันนั่นแหละ) ลำพังแค่ที่ว่ามานี่ ผมก็ว่ารูนี่ย์ใกล้เวิลด์คลาสเต็มทีแล้วนะครับ แต่ถ้านำไอ้ที่เคยมีให้กลับมาได้ แล้วได้ข้อนี้มาเพิ่มนะ - การจ่ายบอลจังหวะสุดท้ายเข้าเป้า 60% อัพ (ตอนนี้จ่ายสิบเข้าเป้าหนึ่ง) ถ้าได้ทั้งหมดที่ว่ามา ผมว่า เรอัลมันทุ่มเกินร้อยยี่สิบล้านปอนด์แน่ครับ เพราะมันจะเป็นระดับจักรวาลแล้ว (เข้าข่าย มนุษย์ต่างดาว เหมือนโด้อ้วน) จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 13:24:34

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีค่ะคุณสงบใจและเพื่อนผีแดงทุกคน.. ได้มา 1 แชมป์เอาฤกษ์เอาชัย .. แชมป์ต่อๆไปก็จะตามมา ... ปล...ชอบปาร์คมาก เล่นได้ดี ขยันวิ่งไม่มีหมด.. สุดยอด... จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 13:56:48

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นใจโอเว่น.... ได้ลงทั้งที ยิงก็ได้แล้ว..... แต่ก็ไม่วาย.. จากคุณ : proofman เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 14:27:09

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับคุณสงบใจ เกมวันนั้นเหมือนนักเตะล้าๆ แต่จริงๆแล้วสนามลื่นครับ เวลาวิ่งต้องจิกเท้าเกร็งเท้าไปด้วย ช่วงแรกๆเราตั้งเกมไม่ติดเลยครับ เราขาดตัวที่ลงมาคอยสกรีนตรงแถวหัวกระโหลกจนถึงระยะ35หลา ซึ่งเฟลทควรมาประจำการครับ แต่ดันเป็นคาร์ริค ซึ่งบอกตรงๆว่าเกมนี้แกขึ้นสูงแล้วจังหวะตามกลับมา บังทางได้ชะลอได้นิดเดียวจริงๆ โชคดีที่เราพอมีโอกาสจั๋งๆปุ๊บได้ประตูตีเสมอไว ซึ่งมันส่งผลต่อจิตวิทยาทั้งเราและฝั่งตรงข้าม แล้วเบิร์บดันเล่นได้ตามแผนที่ป๋าวางไว้ ซึ่งแกเก็บบอล ได้เยอะมากจากบอลยาวมาจากหลัง ถ้าเบิร์บเล่นไม่ได้ แบบนี้ผมเองยังไม่แน่ใจว่าเกมจะออกหน้าไหน พอเบิร์บเล่นได้ปุ๊บ เกมรุกเราต่อติด ก็ไปกดพวกตัวจี๊ดๆวิลล่าต้องลงมารับด้วย พอหาโอกาสเล่นเกมบุกก็ไปได้ไม่เต็มตัว เพราะถึงเวลาต้องรับเป็นหลักก่อน เพราะยูไนเต็ดเล่นเกมบุกได้ ครองเกมได้ ครั้นจะไปเปิดแลกก็เกรงในศักดิ์ศรียิ่งบอลนัดเดียวด้วย อีกคนที่ผมชื่นชมคือปาร์คครับ ผมคิดว่าตอนนี้physical ของปาร์คนี่มาตรฐานยุโรปแท้ๆแล้ว  ซึ่งตามสายตาผมเพิ่งเกิดขึ้นฤดูกาลนี้ แต่ก่อนจับบอลยังไม่ค่อยจะอยู่ ในขณะวิ่ง แล้วพอวิ่งๆไปถึงจังหวะยิง ก็ซัดได้ไม่เต็ม แต่หลังจากการหายเจ็บกลับมาไม่ใช่แบบนั้นแล้วซึ่งทางด้านทีมงานที่ดูแลทำได้ดีเกินคาด   ซักวันผมอยากเห็นแกเล่นตัวรุกตรงกลางแบบที่สโคลส์เคยเล่นในหมาก4-5-1 คนต่อมาคือวาเลนเซีย ที่มีเกมที่ยอดเยี่ยม แต่เขาต้องพัฒนามากกว่านี้ในซีซั่นหน้า ถ้าไม่งั้นโอกาสอยู่แมนยูนานๆคงยากเพราะถ้ามิติมีอยู่เท่านี้ อีกไม่นานก็กลายเป็นบอลหมดทรง หรือถ้าเปิดมิตใหม่ๆไม่ได้ น่าจะปั้นมาเล่นแบ๊คไปเลย ทรงบอลแกใช่และเหมาะกับยูไนเต็ด โดยส่วนตัวผมว่าลูกเปิดของแกเนี่ย ใช้ได้กว่าพี่เบคอีกน่ะ เพราะแกมองก่อนเปิดแล้วตักไปลงหัวเลย ในขณะที่เบควิถีลูกสวยแต่เปิดตามสัญชาติญาณ เข้าโฉบกันเอาเอง ส่วนรูนนั้นยิงประตูได้แต่ไม่ค่อยมีเกมที่ดีเท่าที่ควร เพราะลงไปอาจจะยังจับจังหวะเกมไม่ได้ แล้ววอร์มไม่ถึงกว่าจะเข้าที่ก็นาน จริงๆเจ้าตัวฝีเท้าเวิลด์คลาสตั้งแต่ยูโร04แล้ว ในความเห็นน่ะ พอย้ายมายูไนเต็ด กลายเป็นบอลเปลี่ยนทรงไปเลย โชคดีได้คาเปลโล่มาชี้ทางสว่าง ว่าควรยืนอยู่ตรงไหน หน้าที่เธอควรทำอะไรบ้าง จุดที่ควรจะยืนในเขตโทษ ปีนี้รูนเข้าฮอสได้ สุดยอมมากๆโดยเฉพาะการโฉบเข้าไปปาดด้วยเท้า ตอนนี้ครบเครื่องสุดๆ ภาวนาแค่ให้คาเปลโล่คุมอังกฤษต่อไป ผมว่าถ้าอยู่ในมือคาเปลโล่ อีกสัก2-3ปี น่าจะถึงจุดพีคสุดๆ ส่วนวิดิช นั้นผมเห็นด้วยเรื่องวัดกับกองหน้าเร็ว แต่ช่วงแกพีคๆ ร่างกายเต็ม100แกก็จัดการ ให้ผมหายกังขาแกได้หมด หลังฤดูกาลโดนผีกาก้า จริงๆตามหลักเพื่อนต้องช่วยบังอีกทางนึง ให้แกจะได้เข้าอีกทางได้เลย ลูกแบบนี้ผมเห็นใจแกน่ะ จากคุณ : กระบี่เก้าสําเนียง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 14:28:23

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยครับ ว่าปาร์คนั้นปี 2008 เป็นปีที่แกสุดยอด แต่ยังติดขัเตรงที่คุณกระบี่ฯ ว่ามานั่นแหละ ก็คือจังหวะจับบอล และรวมไปถึงการกระชาก ที่ปาร์คชอบทำลั่นจังหวะสุดท้าย ทำให้มักโดนจิ้มทิ้งก่อนจะทันยิง แต่มาปีนี้ เหมือนทักษะตรงนี้แกดีขึ้น เมื่อฟอร์มกลับมาเข้าที่เพิ่มอีก หลังจากฟอร์มดร็อปไปปีนึง ปีนี้ แกเลยผลงานกระฉูดกว่าที่เคยเห็น และที่เห็นด้วยเต็มๆคือ แท็คติคที่ป๋ษให้เบิร์บเล่นแล้วเวิร์ค ทำให้เก็บบอลได้แทบตลอด แล้วครองบอลได้ เซ็ตเกมได้ พอเป็นรูนลงมาอีกคนช่วยเก็บบอลได้อีก งานเลยยิ่งเข้าวิลล่า จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 14:43:20

ความคิดเห็นที่ 22 แหม อ่านของคุณกระบี่จั่วหัวมานี่ ผมกดกิ๊ฟท์ก่อนทุกทีเรยอ่ะ จากคุณ : Skyline_CII เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 14:48:21

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ คุณสงบใจ  นัดนี้ ทุกอย่างก็โอเคหมด  แต่มีด่าช่วง 10 นาสุดท้ายมากหน่อย  เพราะเล่นผ่อนเกมส์ให้วิลล่าได้บุก กลัวโดนตีเสมอเป็นที่สุด แล้วมันจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอีก... นำแค่ลูกเดียว มันเสียวหัวใจจริง ๆ  ดิฉันบ่น ด่า จนลูกสาวตื่นมาดูว่าแม่พูดกับใครอยู่คนเดียว สรุปบอกลูกว่า นอนเถอะ แม่ด่าฟุตบอลลูก ไม่มีอะไร... ยัยลูกสาวยังมีหน้าย้อนถามอีกนะ ก็แม่ดูแมนยูไม่ใช่เหรอ แล้วแม่ด่าแมนยูทำไม เค้าเข้าใจไปตามประสาเด็ก 6 ขวบว่า แม่รักทีมแมนยู แม่ก็ต้องเชียร์แมนยู แล้วแม่ด่าแมนยูทำไม  เออ !  สรุป แม่ผิดเองลูก แม่ใส่อารมณ์ไปหน่อย จากคุณ : นู๋แจง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:24:46

ความคิดเห็นที่ 24 จะรอดู หมูรูนเป็น มนุษย์ต่างดาว แบบโด้อ้วน อิอิ เชื่อว่าหมูต้องทำได้ แต๊ แดด แต๊ แดด ปล. เป็นมนุษย์ต่างดาวแต่ไม่ต้องไป แมดริดได้ป่าว T-T จากคุณ : ไม่ได้ขอบัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:25:39

ความคิดเห็นที่ 25 นัดนั้นสนามลื่นมากฮะ จากภาพช้านี่ วิ่งทีดินกระจุยกระจายไปหมด จังหวะเสียจุดโทษก็ดูเหมือนวิดิชจะลื่นนิดๆด้วย จังหวะสุดเหยียดของราฟาเอลอีกคน มาพูดถึงเกมส์บ้าง แอบเห็นจังหวะนึง คาร์ริคให้บอลเพื่อนแล้วตัวเองวิ่งพรวดเข้าเขตโทษ สุดท้ายได้จบแต่ฟรีเดลซุปเปอร์เซฟไปก่อน ลูกนั้นสวยมากฮะ คาร์ริคน่าจะเล่นแบบนั้นบ่อยๆบ้าง สมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ขาดแต่จังหวะสอดจากแถวสองนี่แหละ ที่เจ้าตัวทำได้ดี แต่ไม่ค่อยชอบทำ น้าหงบว่าไงบ้างฮะ จากคุณ : boatzie เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:38:13

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยครับ แต่หลังๆมานี่เหมือนแกจะถูกกำกับให้ยืนห้อยต่ำอยู่เรื่อย จึงไม่ค่อยได้เห็นแกลอยสูงมาเติมเข้ากรอบโทษบ่อยนัก ยิ่งเกมหลังๆมานี่ ตัวเติมดันกลายเป็นเฟล็ทช์ซะมากกว่าไปเสียอีก ส่วนหนึ่งเลยน่าจะเป็นเพราะแกฟอร์มตกจากเกมถูกมนุษย์ต่างดาวกระทำ กวา่จะกลับมาเข้าที่เข้าทางก็ร่วมๆปี ช่วงนั้นแกเลยยืนต่ำเป็นพิเศษ พอสองสามนัดมานี่ จึงเห็นแกเติมบ่อยมากขึ้น ฟอร์มเริ่มดีขึ้นมาด้วย คงเพราะเริ่มฟิวชั่นกับเฟล็ทช์สำเร็จแล้วด้วยครับ ต่างคนต่างรู้จังหวะหน้าที่ คนนึงเติม คนนึงถอย คนนึงสอดขึ้น อีกคนลงมาประคองแทน ผมเริ่มเห็นมานัดหลังๆนี่แหละ เริ่มจับคู่กันได้เนียนเข้าตาดีเหลือเกินครับ ถ้าเฟล็ทช์ กับ คาร์ริค เติมได้ดีๆทั้งคู่เมื่อไหร่ ก็มันเมืิ่่่อนั้นแหละครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:48:10

ความคิดเห็นที่ 27 ฟอร์มแบบนี้   สงสัยไอ้ทีมสีขาวๆจะมาลักพาตัวไปอีกคน จากคุณ : เรือแจวสีฟ้า เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:56:57

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ค่ะ คุณสงบใจ ต้นครึ่งแรกที่โดนลูกโทษเหมือนเรายังไม่ตั้งตัว เครื่องยังไม่ร้อน เจอบอลเร็วๆ จี๊ดๆ ของวิลล่าเราแทบต่อเกมกันไม่ติด ดีที่ได้ลูกแรกเร็ว พอโอเว่นยิงได้ตะโดนลั่นบ้าน แอบเชียร์ให้ได้ไปบอลโลก ลูกนั้นที่สปีดไปเอาบอลแล้วเจ็บ ถ้าไม่เจ็บมีลุ้นประตูเลยนะ เพราะกำลังใจมาแล้ว ส่วนรูนตอนแรกที่ลงมายังบ่นอยู่ว่าเล่นแปลกๆ ส่งเสียบ่อยโดยเฉพาะใกล้ๆ แต่ดันโยนข้ามฟากไปให้วาเลนเซียซะแม่น คงเพราะยังวอร์มไม่เต็มที่ แต่พอครึ่งหลังก็เนียนขึ้น เห็นด้วยกับคุณสงบใจ ถ้ากลางเราเติมดีๆ ทำชิงหรือยิงจากแถว 2 เนียนๆ นี่แมนยูฯน่ากลัวกว่าเดิมอีกเยอะ นัดหน้าริโอจะได้ลงคู่วิดิชหรือเปล่า อยากให้คู่เซ็นเตอร์เราได้จูนจังหวะเดิมๆ กลับมาก่อนเจอมิลานอ่ะ จากคุณ : ห้องสี่เหลี่ยมไร้มุม เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 15:58:12

ความคิดเห็นที่ 29 พี่สงบฯ มีน้องแล้วแมนยูเป็นแชมป์ทันที แบบนี้ถ้าอยากให้ แมนยูได้แชมป์ทุกฤดูกาล ต้องให้พี่สงบฯ มีลูกทุกปี จากคุณ : death trip21 เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:06:58

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ ^ ตรรกะนี้ อยากได้สามแชมป์ต้องแฝดสามเลยมั้ยครับเนี่ย 555 จากคุณ : boatzie เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:16:46

ความคิดเห็นที่ 31 55+ รูนี่ย์ พระเอกตัวจริง อ่านอะไรก็ออก จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 16:56:21

ความคิดเห็นที่ 32 จังหวะที่เสียจุดโทษนั้นมาจากทางฝั่งขวาในยุคที่ เนวิล ยังรุ่งๆอยู่จังหวะแบบนี้จะมีเฮียแกคอยเป็นตัวเก็บอยู่บ้าง มีจังหวะที่ คีน วิ่งห้อกลับมาสกัดทันในจังหวะสุดท้ายให้เห็นอยู่บ่อยๆ  คงต้องรอให้ ราฟาเอล นิ่งกว่านี้อ่านเกมขาดขึ้น น่าจะช่วยได้นะครับ ส่วนหาคนมาแทนจังหวะสกัดของ คีน นีั้คงต้องรอดูกันต่อไป ที่มีอยู่ทั้ง เฟลท คาริก นี่ยังไม่ค่อยมีให้เห็นเลยครับ จากคุณ : AnotherOne เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:21:30

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากครับ คือบรรยายการทำประตูได้ละเอียดเห็นภาพตามได้เลยครับ จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:27:53

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณครับ จากคุณ : นายคิ้วเข้ม เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:35:42

ความคิดเห็นที่ 35 เข้ามาอ่านครับ ขอบคุณครับ หวังว่าจะไม่มีใครเจ็บจากทีมชาตินะ ว่าแต่นัดต่อไปนานี่ก็ลงได้แล้ว ไม่รู้ป๋าจะส่งนานี่หรือเอวีลงตัวจริง จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 17:42:29

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่า หลัง ยังไม่ดีเท่าที่ควร ครับ ยังมี ให้เสียวเรื่อยๆ   ไม่ชอบ 55555 ส่วน รูนีย์ ผมว่า ถ้า ไม่วิ่งมากไป คือ เล่นเฉพาะ ในครึ่งสนามข้างหน้า จะกดดันมากกว่า บางที่ ลงเล่นมากเกินไปห จน ข้างหน้าที่ บอลโยนมา ไม่มีใครรับ แต่ ตอนนี้ รูน สปีดตัวเองมาเป็น ดาวยิงเต็มตัวแล้ว จากคุณ : เทพพิสดาร เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 19:04:47

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ จากคุณ : คันโตน่าตาตี่ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 20:32:25

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:56:13

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีครับ  คุณสงบใจและผองเพื่อนปีศาจแดง ดีใจพอสมควรกับแชมป์แรกของปีนี้ แต่เห็นหน้าโอนีลแล้วก็สงสารยังไงก็ไม่รู้ ปีนี้  เป็นปีที่แกสู้กับแมนฯยูฯ ได้ดีที่สุดเท่าที่เคยทำทีมมาแล้ว (เอาไว้เชียร์ให้ในถ้วยเอฟเอคัพก็แล้วกันนะ) สำหรับเกมนี้  ผมว่าดูไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ เพราะพลาดง่าย ๆ กันทั้งสองทีม   (เพิ่งมารู้ว่าเป็นเพราะสนามลื่น) รูนี่ย์ก็วิ่งน้อยกว่าที่เคยเล่นในเกมผ่านมา ความตื่นเต้นเลยไม่พีคถึงที่สุด แต่ชอบการเล่นของ  ปาร์ค  เบิร์บ  แล้วก็วาเลนเซียมาก ๆ ปาร์ค  วิ่งหาช่อง  รับบอล  ต่อบอล  ได้เยี่ยมจริง ๆ วิ่งได้ไม่มีหมด  แถมมีลุ้นยิงประตูอีก  เสียดายที่ชนเสา เบิร์บ  ถ้านัดนี้ยิงประตูได้  น่าจะเด่นกว่ารูนกับโอเว่นอีก รับบอล  เก็บบอล  จ่ายบอล  สุดยอดมาก  (ยกเว้นยิง  - - ่ ่ ) วาเลนเซีย  ดูเหมือนจะทื่อ  แต่ผมว่าไม่ทื่อนะ แม้ลีลาจะไม่แพรวพราว  แต่ผมว่ากองหลังก็จับทางแกยาก เพราะไม่รู้แกจะไปทางไหน   จะเลี้ยงไปถึงสุดเส้น  จะเลี้ยงแล้วหยุด ๆ หรือว่าจะเลี้ยงตัดเข้าใน แกเปลี่ยนได้ทุกเวลา  แถมโยนใช้ได้เลย ชอบลูกที่แกยิงก่อนหมดเวลา  ยิงแรงสะใจมาก คนอื่นลงไปรับกันหมด  แกได้บอลวิ่งเลี้ยงจี้ไปหาประตู ถึงหน้าประตู  ไม่มีใครวิ่งขึ้นมาทัน  แกก็อัดเต็มแรงเลย เสียดาย  ไม่เข้ากรอบ  ไม่งั้น  มีลุ้นอีกประตูแน่ ๆ แชมป์แรกได้แล้ว   หวังว่า  คงจะมีอีกแชมป์ที่สอง  กับแชมป์ที่สามตามมานะ จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:00:54

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ หลังเกมแบบนี้ 10 นาทีท้าย ยิ่งทดเจ็บเข้าไปอีก ลุ้นมาก กลัวโดนตีเสมอ นัดนี้น้องอีฟหลุดให้เห็นบ่อยเหมือนกัน อยากให้นิ่งกว่านี้ ก็คงพัฒนากันต่อไป จากคุณ : ผักทอดยอด เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:30:18

ความคิดเห็นที่ 41 นี่ถ้านานี่ลงได้ และ กิ๊กหายเจ็บ ป๋าคงได้ rotation ปีกของเรากันสนุก เห็นด้วยกับคุณสงบใจมากว่า เฟล็ทเชอร์ กับ คาริค เริ่มสอดประสานกันได้อย่างเข้าขาแล้ว ทำให้ผมอุ่นใจมากขึ้นเยอะ เพราะสโคลส์คงลงไม่ได้ทุกเกมอยู่แล้ว และในอนาคตอีกไม่นาน แกก็คง retire   จะเสียดายก็แต่ปีนี้ ดุเหมือนแอนนี่ที่เพิ่งเคลียร์กับป๋าลงตัวจะหมดสิทธิลงสนามทั้งฤดูกาล พัฒนาการจึงขาดหายลงไป จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:38:23

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่าช่วงหลังๆสไตล์การเปิดบอลของทีมแมนยูเปลี่ยนแปลงไป วิถีของบอลจะมีความโค้งความโด่งมากขึ้น จุดนี้เป็นจุดที่สำคัญที่สุดที่ทำให้รูนี่ย์ ทำประตูจากลูกโหม่งได้บ่อยมากในช่วงหลัง แรกๆผมรู้สึกว่าทำไมวาเลนเซียมันต้องเปิดโด่งขนาดนั้น ก็เสร็จโกล์หมดหน่ะสิ แต่พอเห็นว่าลูกเปิดมักจะโด่งข้ามโกล์ไป  มันก็ดีไปอีกแบบ ถ้าเปิดน้ำหนักดีๆคราวนี้ คนที่อยู่ถูกจุดมันจะได้เปรียบมากๆ ไม่จำเป็นตัวสูงถึงจะได้เปรียบ ยิ่งรูนี่ยซ้อมลูกโหม่งมากๆจนกะจังหวะได้ดีก็จะสามารถใช้ประโยชน์ จากลูกโด่งได้ดีกว่าลูกเปิดที่พุ่งต่ำ ซึ่งมันจะได้แค่ความเร็วแต่ไม่ได้เปรียบสำหรับกองหน้าที่ตัวไม่สูง ซึ่งมักจะโดนกองหลังที่ตัวใหญ่สกัดได้ตลอดเพราะรูนี่ย์เสียเปรียบด้านส่วนสูง ทางโค๊ชจึงน่าจะให้ฝึกให้วาเลนเซียและนานี่เปิดลูกเปิดลักษณะโค้งโด่งพิเศษให้รูนี่ย์หรือคนอื่นๆในกรอบเขตโทษ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 00:32:10 จากคุณ : Saint_K เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:27:10

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องกลางสลับกันสอดขึ้นมานี่เห็นบ่อยมากๆ ในเกมหลังๆ มานี้ ตอนที่ป๋าใช้ระบบ 4-5-1 สโคลล์ แฟลช คาริค เปลี่ยนกันสอดขึ้นมาหน้าประตู เนียนมาก เห็นแล้วชอบมากเลย ทำให้รูปแบบเข้าทำหลากหลายขึ้น ขอชมราฟาเอลหน่อยล่ะกัน (คนอื่นข้างบนพูดไปหมดแล้ว) แม้จะมีจังหวะพลาดไปบ้าง บางจังหวะเติมแล้วลงมาไม่ทัน แต่ดูแล้วก็น้อยกว่าเมื่อก่อน จังหวะเบียด ตัดบอลได้ดีขึ้น ดูนิ่งมากกว่าเดิม ร่างกายก็ดูบึ๊กขึ้นแล้ว หวังว่าที่เจ็บไปคงพักไม่นานนะ จากคุณ : GiggsScholes เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:29:37

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : No Sleep Tonight เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:32:05

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ส่วนใหญ่ครับ.. แต่ สำหรับ รูนี่ย์ .. ผมอยากเห็น อีกอย่างหนึ่ง เพิ่มมาก็คือ "การจ่าย-ชิ่งบอล ระยะใกล้ ๆ" ซึ่ง ผิดพลาดบ่อยมาก ตั้งแต่ ต้นฤดูกาลมาแล้ว..ยังแก้ไม่ค่อยตก.. ซึ่งการพลาด จากการส่งบอล ระยะสั้น มักจะถูกคู่แข่ง แย่งบอลแล้ว โต้กลับไปได้ง่าย ๆ เกินไป.. แม้ว่า ส่วนใหญ่ เจ้าหมูบิน จะวิ่งกลับมาแย่งบอลกลับก็เถอะ.. ไม่เหมือนกับวางบอลยาว เปลี่ยนแกน ลูกโยนไกลจากกลางสนาม ไปทางปีกขวา ให้ วาเลนเซีย หรือ นานี่.. เด็ก "เวย์น" จะโยนได้แม่นยำทีเดียว ทั้งน้ำหนัก และ ทิศทาง.. แต่ถึงจะยังไม่เพอร์เฟ็ค .. แต่ "ดวง" ดี (และ "หัวดี" .. ผิดปกติ??) .. เหมือน "พ่อลูกอ่อน" อย่าง คุณ "สงบใจ"   ปีนี้ (ถ้า)น่าจะ ดวงดี มีแชมป์ พรีเมียร์ลีกได้.. ซึ่งก็จะได้เป็น Player of The Year และ "รองเท้าทองคำ"..ตามไปด้วย ... ส่วน รางวัล "ใหญ่กว่านั้น" ..ก็ต้อง อยู่ที่ว่า "ดวง" จะ "เลิศ" ถึง UCL มั้ย??? (ลุ้น ๆๆๆ) ในส่วนภาพรวมของทีม ... กองหน้า กับกองกลาง ในช่วงโค้ง 10 นัดสุดท้าย .. เริ่ม ดีวัน ดีคืน เป็นส่วนใหญ่แล้ว.. ทั้ง วาเลนเซีย คาร์ริค พาร์ค ทั้งนานี่ (ช่วงที่ เข้าร่างอวตาร ใหม่ นะครับ.. ไม่ใช่ เจ้าเก่า..ฮ่า ๆ ๆ).. ตอนนี้ ไม่ "ห่วงหน้า" แล้ว แต่ ยัง "พะวงหลัง" อยู่มาก ๆ ๆๆๆ ... แผงหลัง ตอนนี้ คนที่ฟอร์ม  "พลาด" น้อยที่สุด คือ เอฟร่า ... นอกนั้น "พลาด" กันทุก ๆ คน.. ไม่มียกเว้น.. ดีที่ได้ น้าซาร์ กลับมา.. หรือ คุสแช็ค ก็ดีใช้ได้.. แต่ ไม่ใช่ "เบน ฟอสเตอร์"...!! ... ถ้า "กองหลัง" ได้ ริโอ + วิดิช กลับมา Top Form ได้ล่ะก็.. จะ "เสริม" ดวง เจ้าหมู และ ของ ทีมปีศาจแดง.. ไปไกลได้ดั่งฝันแน่... จากคุณ : จิตตารมณ์ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:59:45

ความคิดเห็นที่ 46 เดือนๆ หนึ่งกิ๊ฟท์มาหมดกันกระทู้นี้ตลอด ดูเกมส์แบบไม่ค่อยต่อเนื่อง ช่วง 20 นาทีแรก ดั๊นมัวแต่ติดทัดดาวบุษยา -*- เปลี่ยนช่องมาทีแรก ตกใจหมดเลย 1-1 !!! เห็นฟอร์มรูนีย์แล้วก็ปลื้ม แชมป์แรกมาแล้ว หวังว่าปีนี้เราจะได้แชม์ที่ 2-3 ตามมาด้วย จะได้รอเชียร์อังกฤษในเวิล์ดคัพให้สาแก่ใจกันไปเลย ป.ล. ไม่ได้ตามข่าวเลยว่าโอเว่นเจ็บมากน้อยแค่ไหน ใจยังเชียร์ให้คาเปลโล่หนีบโอเว่นไปด้วยนะเนี่ย แต่เห็นฟอร์มเฮสกี้แล้ว เฮ่อ...เว่นเอ๊ย...จะเบียดใครเขาไหวไหมเนี่ย จากคุณ : หนูติงต๊อง น้องแสนดี เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 04:49:26

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณน๊าหงบใจ จากคุณ : anurak_jun เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 05:41:41

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณครับ จากคุณ : Birth-30 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 07:24:57

ความคิดเห็นที่ 49 การจ่ายบอลของรูนี่ย์ก็อย่างที่บอกครับคุณจิตตารมณ์ การทำชิ่งหนึ่งสอง จ่ายใกล้ๆหน้ากรอบ ก็คือจังหวะสุดท้ายนั่นล่ะ ตอนนี้รูนยังขาดตรงนี้เยอะครับ ทำให้เสียโอกาส แล้วยังโดนสวนด้วย หากการจ่ายสั้นของรูนเข้าเป้ามากขึ้นกว่านี้ โอกาสจบสกอร์มีมากขึ้นแน่ๆ เว่น ข่าวล่าสุด 2-3 สัปดาห์ครับเอ็นหลังหัวเข่า แอนนี่ จบซีซั่นไปแล้ว ฮาร์กรีฟส์ ได้ลุ้นแค่สำรองช่วงท้ายซีซั่น ริโอ น่าจะ 2-3 วีคเหมือนกัน (จากที่เริ่มเจ็บ) เฮ้อ............. เศร้า จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:04:39

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีครับ คุณสงบใจ ทีมเราไม่มือเปล่าแล้วนะครับ แหะๆ ช่วยกันลุ้นต่อไปครับกับอีก 2 แชมป์ที่เหลือ จากคุณ : Roo_Ni_Gy เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:35:05

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดีๆเช่นเคยค่ะ จากคุณ : ดาวเคียงดอย เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:02:37

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ จากคุณ : ทางสีฝุ่น เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:16:59

ความคิดเห็นที่ 53 สวัสดีครับ   เขียนดีมากๆ     ไม่มีไรตอบและ   ^^'       ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เเมนเอล เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 14:44:22

ความคิดเห็นที่ 54 ดูจากนัดนี้ผมรู้สึกว่าป๋าจะตั้งใจปั้นกิ๊บสันมากเลยนะครับ ปาร์คฟอร์มดีๆดันเปลี่ยนออก พอกิ๊บสันลงมานี่จากดูสบายๆกลาบเป็นได้ลุ้นเลยครับ - -" จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:02:16

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณมากค่ะ ขอ หน่อยเหอะสำหรับ10นาทีสุดท้าย ผ่อนเกมกันซะจนหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวโดนลูกเสมอตอนทดเวลาเป็นที่สุด เฮ้อ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 20:04:04 จากคุณ : ข้าวฟ่าง&ม่านแพร เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:03:50

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณคับ จากคุณ : grampus01 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:24:49

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์ครับคุณหงบ หลังเกมส์ผีแดง ถ้าไม่ได้อ่านบทความของคุณนี่เหมือนขาดอะไรไปจริงๆ ยกเว้นเวลาแมนยูแพ้นะครับ ผมจะ shut down ตัวเองจากสื่อทันที 555 จากคุณ : กระต่ายน้อยเล่นโยคะ เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 01:08:18

ความคิดเห็นที่ 58 มาตอนตลาดวายละ ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดี ๆ ของคุณสงบใจ และความเห็นของเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ  ^^ จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 02:23:02

ความคิดเห็นที่ 59 ได้ข้อคิดดีๆเสมอกับกระทู้นี้ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 11:29:08

ความคิดเห็นที่ 60 อย่างงี้ทุกทีเลย ช่วงนาทีสุดท้ายเนี่ยลุ้นกันมากกกกกกกก ตอนนี้ก็ขอให้รูนีย์ยิ่งเยอะๆๆๆๆเข้าไว้ละค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความนะคะ จากคุณ : นางสาวขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 23:10:36