Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
TIA Column : ห่วย ซวย เซ็ง ...แต่รักที่มีให้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง vote  

สำหรับคนชอบเขียน แค่เพียงคนอ่านคนเดียวอยากอ่าน มันก็มีกำลังใจที่จะเขียนอย่างเหลือล้นแล้ว ...นี่เอง จึงเป็นเหตุให้มานั่งเคาะแป้นพิมพ์ พิมพ์บทความทั้งๆที่เมื่อคืนไม่ได้ดูความอัปยศอดสูของทีมรักก็ตาม แต่กระนั้น ความเศร้าโศก เจ็บช้ำก็ไม่ได้น้อยไปกว่าในวันที่เห็นทีมแพ้คาตา เพียงสิ่งที่ต่างออกไป และมันก็เป็นมากขึ้นทุกวันๆก็คือ จิตใจที่สามารถวางเฉยได้มากขึ้นต่อความย่ำแย่เหลือทนของทีมมากกว่า

มันอาจจะเป็นความชาชินที่ต้องเผชิญสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า จนความคาดหวังต่อทีมอันเป็นที่รักลดน้อยถอยลงก็ได้ แต่ที่สุดแล้ว เราทุกคนอยากชนะเป็นที่สุด อยากจะเห็นทีมในแบบที่เคยเห็น เคยเป็น อย่างในฤดูกาลที่แล้วนั่นไง

อะไรกันที่มันเปลี่ยนไป

ฮูเปีย, อลอนโซ่ และอาเบลัว


นักเตะ 3 คนทำให้ทีมเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ โดยเฉพาะอลอนโซ่ มิดฟิลด์มาดคุณชายที่เราทุกคนคิดถึงเขาสุดหัวใจ ในยามที่เขายังอยู่กับเรา น้อยนักที่ใครจะพูดถึงเขาในยามที่ทีมชนะ น้อยมากเหลือเกินที่จะมีใครพูดว่า เราชนะได้เพราะเรามีอลอนโซ่

เราพูดกันแต่ว่า เราชนะเพราะมีเจอร์ราร์ด มีตอร์เรส แต่จะมีใครสักกี่คนมองเห็นว่าอลอนโซ่สำคัญขนาดไหนต่อทีม โดยเฉพาะทีมที่เล่นในระบบ 4-2-3-1

ในฤดูกาล 2007-2008 อลอนโซ่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องพักไปนาน และพอกลับมาลงสนามอีกครั้ง จังหวะที่เคยเล่นมันก็ไม่เหมือนเดิม เขาเล่นช้าลง และจ่ายบอลไม่แม่นยำเหมือนเก่า ซึ่งมันเป็นเวลาที่ราฟาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการแบร์รี่มาเสริมทีมในฤดูกาลถัดไป และเป็นที่แน่ชัดว่า ถ้าจะซื้อ เราต้องขายออกเสียก่อน อลอนโซ่เป็นนักเตะหมายเลข 1 ที่มีข่าวว่าจะโดนขายให้ยูเวนตุส ถึงขนาดบินไปตรวจร่างกายแล้ว แต่เกิดตกลงอะไรบางอย่างกันไม่ได้ เขาจึงต้องกลับมาอยู่แอนฟิลด์ตามเดิม ประกอบกับราฟาไม่ได้ตัวแบร์รี่ มันทำให้เราคนหนึ่งล่ะที่ทำใจแล้วว่าคุณชายคงจะไปแน่ๆ ดีใจอย่างที่สุด แม้ว่าคุณชายจะเล่นไม่แจ่มเหมือนเดิม แต่ถ้่าให้เลือกระหว่างแบร์รี่กับคุณชายล่ะก็...

ไม่บอกก็รู้ใช่มั้ยคะว่า เราเลือกใคร

และการเลือกของเราเป็นการเลือกแบบไร้ซึ่งเหตุผล เลือกเพราะแค่ เรารักคุณชายมากกว่าแบร์รี่ ก็แน่สิ อยู่กับทีมมา 4 ปี (ในตอนนั้น) ผจญอะไรหลายอย่างมาด้วยกัน ลูกยิงตีเสมอ 3-3 ในนัดชิงฯ UCL จะให้เห็นคนอื่นดีกว่าได้ยังไง


และแล้ว มันกลับเป็นการกลับมาที่สุดยอด อลอนโซ่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เราได้ดูทีมเกือบทุกนัด และแต่ละนัด สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่บ่งบอกเลยว่า อลอนโซ่เป็นคนที่สำคัญต่อทีมมากขนาดไหน

เขาเป็นเหมือนเสนาธิการของทีม เราจะบุกทางไหน ซ้าย ขวา ตรงกลาง โยนยาว ทุกอย่างเริ่มต้นที่เขา

เคยได้ยินมั้ยว่า "เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" การเริ่มต้นเกมบุกของอลอนโซ่ทำให้ทีมมีเกมรุกที่หลากหลายขึ้น เขาครองบอลได้ดีมาก จ่ายบอลอย่างมีวิสัยทัศน์ และที่สำคัญที่สุดคือ การยืนตำแหน่ง รักษาพื้นที่นั้นเข้าขั้นยอดเยี่ยม ฉะนั้นเมื่อทีมโดนสวนกลับหรือถูกบุก การยืนตำแหน่งขวางทางก่อนที่บอลจะถึงกองหลังของเขาจะช่วยแบ่งเบาภาระของแผงหลังได้มาก แม้จะไม่ได้มีความดุดันและการเข้าสกัดที่หนักหน่วงอย่างมาสเคราโน่ แต่อลอนโซ่ใช้การดักทางบอลที่แม่นยำแทน การเข้าคู่กับมาสเคราโน่จึงเป็นความลงตัวอย่างที่สุดของแดนกลางของลิเวอร์พูล บวกกับเกมรุกของเจอร์ราร์ดที่แทบไม่ต้องลงมาช่วยเกมรับเลย ทำให้แดนกลางของเราในฤดูกาลที่แล้วเป็นจุดแข็งของทีมไปโดยปริยาย

และส่วนสำคัญนั้นก็คืออลอนโซ่นี่แหละ

การจากไปของเขาจึงเป็นความเศร้าใจอย่างยิ่งของเรา เคยคิดว่ามันคงจะไม่กระทบกระเทือนมากนัก เพราะคิดหวังจริงๆว่า ราฟาจะถอยเจอร์ราดลงมายืนแทน และปรับไปเล่นในระบบ 4-4-2 เพราะคู่เจอร์ราร์ด - มาสเคฯ ก็เป็นคู่ที่ไม่เลวทีเดียว แต่ราฟาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายังคงใช้ระบบ 4-2-3-1 โดยใช้ลูคัสแทนที่อลอนโซ่

เชื่อว่าราฟาคงไม่ได้สั่งให้ลูคัสเล่นแบบอลอนโซ่แน่นอน เพราะลูคัสก็คือลูคัส แต่วิธีการเล่นของเขามันไม่อาจทดแทนหรือสร้างสิ่งที่ดีกว่าที่อลอนโซ่เคยทำไว้ได้ ลูคัสมีความเข้าใจเกมน้อย ทักษะก็ไม่ได้เลิศเลออย่างนักเตะบราซิลคนอื่นๆ แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่ากับการยืนตำแหน่ง

เราสังเกตหลายนัดแล้วว่า ลูคัสเป็นมิดฟิลด์ที่ยืนตำแหน่งได้แย่มาก เขาไม่สามารถยืนเป็นตัวยืนพื้นได้ คำว่า "ตัวยืนพื้น" ในที่นี้หมายถึง คนคุมเกม หรืออย่างน้อย รักษาพื้นที่ของตัวเอง และสร้างสรรค์โอกาสในการรุกตามสมควร

จำได้ว่า ในฤดูกาล 2007-2008 ลูคัสได้ลงเล่นเป็นตัวจริงหลายนัด และดูดีมีอนาคตมาก เพราะเขาลงเล่นคู่กับเจอร์ราร์ด เจอร์ราร์ดเป็นคนที่เล่นคู่กับใครก็ได้ (อาจจะยกเว้นแลมพ์คนเดียวล่ะมั้ง) โดยเฉพาะในวันที่อยู่ในฟอร์มปกติ ใครเล่นกับเขาก็สบาย เพราะเขาสามารถเล่นได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ ที่ไม่มีวันลืมเลย คือ ในขณะที่อยู่ในพื้นที่แดนตัวเอง เพิ่งจะตัดบอลจากคู่ต่อสู้ได้ กัปตันของเราจ่ายบอลเลียด 50 หลาตัดหลังเซ็นเตอร์คู่ต่อสู้ให้ตอร์เรสหลุดเดี่ยว และชิพเข้าประตูไปง่ายๆ ในเกมส์กับโบลตันที่แอนฟิลด์ เป็นประตู 2-0 ผู้บรรยายอุทานว่า "What's a pass from Gerrard!!!"

แล้วลูคัสจะต้องทำอะไรที่มันยากเย็นล่ะ

การเสียคุณชายไป โดยที่ราฟาไม่ยอมถอยกัปตันลงมาคุมเกม มันทำให้บอลจากกลางสนามไปไม่ถึงข้างหน้า แล้วเราจะทำประตูได้ยังไง

เจอร์ราร์ดอาจจะไม่ใช่เสนาธิการที่ดี แม้จะเป็นแม่ยกกัปตันก็ตาม แต่เราต้องยอมรับเลยว่า เทียบกันแล้ว ยังไงอลอนโซ่ก็เป็นคนคุมเกมที่ดีกว่าเจอร์ราร์ด แต่เราก็เชื่ออีกว่า เจอร์ราร์ดจะเป็นคนคุมเกมที่ดีกว่าลูคัส 555+

สิ่งที่ผิดหวังในการตัดสินใจของราฟาที่สุดในฤดูกาลนี้ ก็คือ การดึงดันไม่ยอมถอยเจอร์ราร์ดลงมายืนเป็นตัวคุมเกมนี่แหละ เราไม่อาจรู้เหตุผลของราฟาได้ว่า เพราะอะไร แต่จะว่าไป กัปตันเองก็ฟอร์มตก แถมเจ็บออดๆแอดๆอีกต่างหาก ถึงให้ลงมาเล่นคู่มาสเคราโน่ ก็ไม่ได้รับประกันอยู่ดีกว่าเราจะชนะมากกว่านี้ เพราะการที่กัปตันฟอร์มตก มันก็ส่งผลกับทีมอย่างมหาศาลเหมือนกัน

เพราะว่า เมื่อเป็นคนเก่งมาก หากทำความผิดพลาดใดๆ ความผิดพลาดนั้นก็จะใหญ่โตตามความเก่งกาจที่มีไปด้วย

ถ้าให้ตัดสินว่า การจากไปของอลอนโซ่ทำให้ทีมย่ำแย่หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหากว่า คนที่เหลืออยู่สามารถทดแทนได้ การจากไปของเขาก็จะไม่มีผลต่อทีมเลย เพียงแต่มันไม่มีใครทดแทนได้ หรืออาจจะมี แต่ราฟากลับไม่ให้คนที่พอจะทดแทนได้มาทำหน้าที่นั้นแทนคุณชาย

จะทำยังไงได้ นอกจากบ่น

มาพูดถึงฟอร์มการเล่นกันบ้างดีกว่า


เด็ก ป.4 ยังบอกได้เลยว่าฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลห่วยแตกขนาดไหน แทบจะไม่มีนัดไหนที่เล่นได้ใกล้เคียงฤดูกาลที่แล้วเลย นัดที่ดีที่สุดคงจะเป็นนัดแดงเดือดที่ผ่านมาล่ะมั้ง แต่ฤดูกาลหนึ่งมี 38 นัด ถ้าลิเวอร์พูลจะเล่นดีแค่ 2 นัดแดงเดือด มันจะไม่เป็นการสร้างความชอกช้ำให้กองเชียร์เกินไปหน่อยเหรอ

แต่เรากำลังผจญกับมันอยู่นั่นแหละ แม้แต่กับทีมท้ายตาราง ลิเวอร์พูลก็ยังเล่นได้อัปยศยิ่งกว่า ทั้งๆที่ทีมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากฤดูกาลที่แล้วมากมายเลย แต่สิ่งที่เห็นกลับแตกต่างเหลือเกิน

ตามปกติ ถ้ายิงนำได้ โอกาสชนะของทีมเราจะเกิน 70% แต่ถ้าถูกยิงก่อนแล้วล่ะก็ โอกาสแพ้กว่า 60% และถ้าโดน 2 ลูกก็ปิดทีวีไปได้เลย แต่...

ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลได้สร้างคาแรกเตอร์ใหม่ขึ้นมา ถ้าโดนยิงก่อน กรูเอาคืนเป็น 2 เท่า ถ้ายิงได้ก่อน ก็ยิงอัดมันเข้าไปอีก ได้ 3-4 ลูกนี่กลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมันได้สร้างความหวังในใจสาวก The kop ทุกคน เราทุกๆคน ได้เห็น ได้ดู ได้ชื่นชม และได้สะใจ แม้สุดท้าย เราจะจบแบบไร้ถ้วยก็ตาม แต่มันไม่ได้ไร้ความหมายเลย มันทำให้เราหวังมากขึ้น

แต่แล้ว ความจริงก็หล่นลงตรงหน้า ฤดูกาลนี้ ถ้ายิงได้ก่อน กรูอุด ถ้าโดนยิงก่อน ตบะแตก มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่รู้ัว่าจะหาอะไรมาอธิบายปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงภายในไม่กี่เดือนที่เกิดขึ้นได้เลย

แต่ถ้าให้เดา เราคิดว่ามันเกิดจาก ฤดูกาลที่แล้วที่ทุกคนทุ่มเทสุดหัวจิตหัวใจ แต่มันไม่ถึงฝั่งฝัน พอมาฤดูกาลนี้ ขาดจุดเริ่มต้นที่ดี (อลอนโซ่) อะไรต่างๆนานา ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เช่น อาการบาดเจ็บของนักเตะค่อนทีม การตัดสินห่วยๆของกรรมการในบางนัด การตกรอบบอลยุโรป แม้กระทั่งลูกบอลชายหาด มันทำเอานักเตะเสียศูนย์ ทั้งผิดหวังและเจ็บปวด ทั้งหมดที่เจอมา มันมองไม่เห็นโชคดีๆซักกะผีกหนึ่ง เป็นใครก็ทรุดได้ทั้งนั้น

เราเป็นแค่กองเชียร์ เราก็แค่เฝ้ามอง ตะโกนเชียร์ ใช่ที่ว่าเราอยากชนะ แต่นักเตะในสนามผู้สวมเสื้อสีแดงเพลิงนั่นไม่อยากชนะยิ่งไปกว่าเราเหรอ พวกเขาอยากชนะ พยายามที่จะชนะในทุกๆนัด

ถามจริงๆเถอะว่า ในช่วงเวลาที่ฟอร์มของทีมย่ำแย่แบบนี้ กับบางนัด พวกเราที่เป็นกองเชียร์ ยังหวังเพียงแค่เสมอเลย จริงมั้ยล่ะ

เพราะอะไร ก็เพราะเรากลัวเจ็บ เมื่อเราไม่ชนะ เราอาจจะผิดหวังบ้าง แต่เชื่อเถอะว่า ความเจ็บปวดมันไม่อาจเทียบได้กับนักเตะทุกคนที่ลงไปสู้แทนเรานั่นหรอก พวกเขาหวังจะชนะในทุกนัดนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ยากขนาดไหน พวกเขาก็อยากชนะ พยายามที่จะชนะให้ได้ เพราะงั้น เมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่หวัง อย่างที่พยายาม พวกเขาย่อมเจ็บปวดอย่างแน่นอน และมันต้องมากกว่าพวกเราที่เป็นกองเชียร์หลายเท่านัก

ลองคิดถึงความเศร้าโศก ความเจ็บช้ำที่เรารู้สึกในยามที่ทีมไม่ชนะดูสิ แล้วคูณอีกซัก 10 เท่า นั่นแหละ ความเจ็บปวดของนักเตะและสตาฟโค้ช

คุณอาจจะคิดว่า ไม่จริงหรอก นักเตะมันก็แค่พนักงานคนหนึ่ง ที่เตะบอลแล้วได้เงิน แค่ได้เงิน มันไม่แคร์หรอกว่าทีมจะแพ้หรือชนะ

อยากจะบอกว่า ใช่ นักเตะแบบนั้นมีอยู่จริง แต่ไม่ใช่นักเตะลิเวอร์พูลแน่นอน และถึงจะเป็นนักเตะลิเวอร์พูล เขาก็จะเป็นอยู่ไม่ได้นาน (อย่างไอ้ดิยุฟจอม:-)ส์) และจะไม่ได้รับการจดจำจาก The kop เลย

เพราะฉะนั้น เชื่อเถอะว่า ที่เราเจ็บช้ำ เทียบไม่ได้กับที่นักเตะรู้สึก โดยเฉพาะเจอร์ราร์ดกับคาราเกอร์

สำหรับราฟา คำพูดเดียวที่อยากจะพูดถึงก็คือ "ถ้าเราไม่จบด้วยอันดับ 4 คุณก็สมควรต้องรับผิดชอบต่อคำสัญญาของคุณได้แล้ว"

ศรัทธาของเราที่มีต่อทีม ต่อราฟา และต่อนักเตะ ไม่เคยลดลงแม้เพียงสักนิด เชื่อสุดหัวใจว่า พวกเขาจะพยายามอย่างที่สุดที่จะดึงทีมขึ้นมาให้อยู่ในอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้อันดับ 4 ที่พวกเราต้องการจะห่างไกลออกไปทุกที แต่ตราบใดที่คะแนนยังไม่ขาด เราก็จะหวัง หวังต่อไปจนกว่าจะไม่เหลือสิ่งใดๆให้หวัง เหนือสิ่งอื่นใด ความรักที่มีให้ลิเวอร์พูล จะไม่มีวันลดน้อยถอยลงจนสักนิดเดียว

ลิเวอร์พูลจ๋า...เพราะฉันรักเธอ เธอถึงเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุด

และคำว่า "You'll never walk alone." ก็เป็นคำที่มีความหมาย...ความหมายที่มีแต่ The kop เท่านั้นที่เข้าใจ

YNWA.

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:26:43

 
 

จากคุณ : howk_ky
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:12:44




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com