ความคิดเห็นที่ 1 มาดูกันที่การจัดทัพนักเตะของผู้จัดการทีมทั้งสองฝั่งกันนะครับ ฝั่งเจ้าบ้านปิศาจแดงที่นอกจากจะได้พักมาเต็มๆแปดวันก่อนเกมแล้วนั้น ท่านเซอร์ยังได้พักนักเตะคีย์แมนอย่างปาร์คไว้ลงเป็นเพียงตัวสำรองเพื่อถนอมความสดไว้บดเกมนี้โดยเฉพาะอีกด้วย ทำให้ท่านเซอร์สามารถส่งชุดใหญ่ที่สุดลงสนามได้เต็มที่ในเกมนี้ นั่นคือผู้รักษาประตูเป็น เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ แผงหลังสี่คนประกอบไปด้วย แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช และปาทริซ เอวร่า แผงมิดฟิลด์วันนี้อัดตรงกลางมาสามคน โดยให้ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และไมเคิล คาร์ริค เป็นไลน์ดีเฟนซีฟหน้าแผงหลัง แล้วจับปาร์ค ชี ซองเป็นตัวฟรีหลังหน้าเป้า กำหนดตัวริมเส้นฝั่งซ้ายเป็นนานี่ ฝั่งขวาเป็นวาเลนเซีย มีหน้าเป้าคือ เวย์น รูนี่ย์ ส่วนขุมกำลังสำรองข้างสนามก็ยังเพียบไปด้วยตัวที่ลงมาเปลี่ยนมิติได้อย่าง สโคลส์, กิ๊กส์, เบอร์บาตอฟ พร้อมกับตัวทดแทนอย่างโอแบร์กตอง, ราฟาเอล, เอแวนส์ และคุสแซ็ค ส่วนทางฝั่งทีมเยือนลิเวอร์พูลนั้น วันนี้มาในชุดเยือนที่สวยแปลกตา ด้วยเสื้อสีดำขลิบทองสามเส้นบนไหล่ กับกางเกงสีทอง ดูผ่านแสงไฟในอุโมงค์แล้วออกจะน่าเกลียดพิลึก แต่พอได้ออกมาต้องแสงแดดเท่านั้นก็กลายเป็นสวยขึ้นมาทันที (อยากได้แฮะ) เกมนี้ราฟาเอล เบนิเตซ เทรนเนอร์น้องหงส์จัดชุดใหญ่ที่คาดว่าพร้อมที่สุดลงสนามมาสู้ มีโฆเซ่ เรน่า เฝ้าเสา แผงหลังสี่คนประกอบไปด้วยเกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนียล แอ็กเกอร์ และ เอมิเลียโน่ อินซัว ราฟามาวัดกับป๋าช่วงช่วงด้วยแทคติคเดียวกันเป๊ะๆคือ 4-2-3-1 เกมนี้ราฟาส่งลูคัส เลว่า กับฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ วางสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดเป็นตัวฟรีหลังเฟร์นานโด ตอร์เรสที่รับบทบาทหน้าเป้า ส่วนตัวริมเส้นทางฝั่งซ้ายเป็นหน้าที่ของมักซี่ โรดริเกรซ ฝังขวาเป็นสัมปทานของเดิร์ก เคาท์ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:08:04

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มเกมมาเครื่องยังไม่ทันร้อน เพิ่งได้ทักทายน้องหงส์ไปพอเจ็บๆคันๆ ยูไนเต็ดเจ้าบ้านก็มาเสียประตูไปก่อนตั้งแต่ไก่โห่แค่ห้านาทีเท่านั้น เมื่อคาร์ริคพยายามพาบอลขึ้นมาตรงกลางสนามแล้วถูกแซะเสียบอลจากด้านหลัง ผู้เล่นยูไนเต็ดหลายคนดันมัวแต่จะเอาฟาล์วในขณะที่ลิเวอร์พูลนั้นไม่ฟังอีร้าค่าอีรมทั้งสิ้น จ่ายบอลสวนขึ้นหน้าทางกราบขวาทันที มีเดิร์ก เคาท์ ควบขึ้นไปสวนแนวรับยูไนเต็ดที่ลงไปไม่ทัน เคาท์รอจังหวะตอร์เรสก่อนจะเปิดเข้าหน้ากรอบซึ่งมีเพียงตอร์เรสเทคโล่งๆคนเดียวส่งบอลเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ลูกนี้ผมไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของใครเป็นการเฉพาะเจาะจงเพราะมันพลาดทั้งกระบิ และจังหวะมันให้ลิเวอร์พูลจริงๆครับ และอยากให้สังเกตจริงๆในการเคลื่อนที่ของตอร์เรสในจังหวะทำประตูนี้ เริ่มจากพอหงส์แดงแซะบอลจากคาร์ริคได้ (โดยน่าจะเป็นเจอร์ราร์ด) และมีการแทงบอลสวนเร็ว ตอร์เรสวิ่งดึงคู่แข่งไปตรงกลางโดยเช็คไลน์ตลอดเวลา ไม่ต่างกับเคาท์ที่วิ่งขึ้นไปรับบอลแทงสวนทางขวาโดยเช็คไลน์ตลอดเวลาเช่นกัน ทำให้จังหวะแทงทะลุของเจอร์ราร์ดไปให้เคาท์นี้ไม่ล้ำหน้าแต่อย่างใด พอเคาท์ได้บอลก็ควบขึ้นทางขวาทันทีโดยนักเตะยูไนเต็ดยังตั้งกระบวนยืนตำแหน่งกันไม่ทันจากการที่เพิ่งดันขึ้นสูงตามคาร์ริคไปหมาดๆ เคาท์ดึงจังหวะก่อนจะเปิดโค้งเข้าหน้ากรอบ จังหวะนี้ครับ ผมเห็นว่าตอร์เรสเล่นงานไลน์กองหลังสองคนที่เหลือคือริโอกับแกรี่ยังไง (วิดิชขยับมาปิดทางกว้างแล้ว) ตอร์เรสขยับมาข้างหน้าดึงริโอมาคุมตัวเอง ก่อนจะถอยหลังฉีกตัวมาเสาสอง ดึงให้แกรี่ขยับตามมาคุมอีกที (และริโอก็ถูกทิ้งไว้) จากนั้นตอร์เรสก็สอดเข้าด้านหน้าที่ว่างระหว่างแกรี่และริโอที่จังหวะนั้นทั้งคู่ต้องจ้องบอลจากจังหวะเปิดแทนแล้ว ทำให้เมื่อบอลถูกเปิดออกมานั้น จึงมีเพียงตอร์เรสคนเดียวที่ได้ขึ้นโล่งๆระหว่างแกรี่ที่อยู่ข้างหลังและริโอที่อยู่ข้างหน้า จะเห็นว่าการขยับหลอกตำแหน่งการยืนของตอร์เรสนั้นทำได้ดีมากๆ จนสองนักเตะแผงหลังที่น่าจะเก๋าที่สุดของยูไนเต็ดเองก็ยังตามจังหวะเขาไม่ทัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องชมความรู้ใจระหว่างตอร์เรสและเคาท์ด้วยครับ เพราะเคาท์เองก็ต้องรู้จากการซ้อมมานานว่า ตอร์เรสจะขยับมารอที่ตรงไหนในบริเวณหน้ากรอบนั่นเองครับ เป็นจุดนัดพบแน่ๆ ไม่ใช่โยนลวกๆไปงั้นๆแน่นอน จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:08:34

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากเสียประตูไปแบบช็อคอารมณ์แฟนๆคาสนามของตัวเอง เกมของยูไนเต็ดก็วูบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาตั้งลำใหม่อีกครั้งในเวลาไม่นานนัก เกมของยูไนเต็ดเกมนี้ไม่ได้เน้นไปที่การเซ็ตเกมรุกเปิดเกมบุกเหมือนสองสามนัดล่าสุดที่ผ่านมาๆ เนื่องจากสาเหตุแรกก็คือการรู้ตัวเองเป็นอย่างดีว่านาทีนี้ ไม่มีใครดวลเดี่ยวๆกับตอร์เรสได้ไหวอีกแล้ว ขืนไปลุยเข้าใส่แบบนั้นก็รังแต่จะมำให้วิดิชต้องรับบทหนักและเสี่ยงต่อใบเหลืองใบแดงอีกเหมือนเดิมนั่นเอง ท่านเซอร์จึงวางหมากเกมนี้มาด้วยแท็คติครัดกุม พยายามให้ลูกทีมพัวพันไล่บี้กดดันผู้เล่นลิเวอร์พูลเมื่อได้บอลทุกจังหวะตลอดเวลา ตั้งแต่หน้ากรอบหงส์แดงเองโดยปาร์ค ชี ซอง จากนั้นก็จะมีด่านสองคือเฟล็ทเชอร์ที่ไล่ทุกตำแหน่งตรงกลางสนาม จนมาเจอตัวซ้อนสุดท้ายคือคาร์ริค ก่อนจะฝ่ามาเจอแผงแบ๊คโฟร์ที่ยืนกันตระหง่านตลอดเวลา แท็คติคนี้ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลทำอะไรไม่ถนัดเช่นกัน และหากจะขึ้นทางริมเส้น ก็ต้องเจอปีกซ้ายขวาซ้อนฟูลแบ๊คเข้าไปอีก หากจอห์นสันหรืออินซัวจะเติม ก็ต้องลุ้นจังหวะโดนสวนทางกราบด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจนได้ บอลยาวจากหลังของยูไนเต็ดข้ามมาข้างหน้าทางริมเส้นฝั่งขวา ลิเวอร์พูลดักโหม่งได้ แต่บอลมาเข้าทางวาเลนเซีย โดยไม่มีใครคาดคิด วาเลนเซียจิ้มบอลสวนทันทีแล้วควบตามขึ้นหน้า มีเพียงมาสเคราโน่เท่านั้นที่คิดทันแล้วกวดตามไป แต่สปีดของวาเลนเซียก็จัดเสียจนมาสเคราโน่ได้แต่ตามเหนี่ยวแขนจากข้างหลัง โดยที่กองหลังหงส์แดงคนอื่นๆที่น่าจะดักไลน์วิ่งไว้ ก็ได้แต่คุมพื้นที่ป้องกันตัวรุกคนอื่น ปล่อยให้มาสเคราโน่พัวพันวาเลนเซียคนเดียวแล้วก็เอาวาเลนเซียไม่อยู่ วาเลนเซียขืนไว้เต็มที่ก่อนจะได้แตะต่อเข้าไปในกรอบอีกจังหวะโดยมาสเคราโน่ยังคงพยายามเหนี่ยวเอาไว้ จนสุดท้ายพอเข้ามาในกรอบได้ วาเลนเซียก็สะบัดแขนที่ถูกเหนี่ยวเอาไว้แล้วก็ไม่ขืนตัวเองสู้ต่อ ปล่อยตัวให้ล้มไปตามจังหวะเหนี่ยวของมาสเคราโน่นั่นเอง จังหวะนี้กรรมการไม่มีทางเลือกอื่นครับ เพราะวาเลนเซียแอ๊คชั่นได้เข้าตาดีเหลือเกิน โอเคว่าจังหวะการฟาล์วอาจจะหกเต็มสิบแต่จังหวะล้มที่ออกมามันเกือบจะเต็มสิบทีเดียว เว็บบ์จึงต้องเป่านกหวีดปรี๊ดดดดดด  และเป็นรูนี่ย์ที่เข้ามาสังหารติดบล๊อคเรน่าก่อนจะตามไปแปซ้ำตุงตาข่าย (เล่นเอาเสียแว๊บบบบ) ในนาทีที่ 12 พร้อมใบเหลืองของมาสเคราโน่จากจังหวะฟาล์วดังกล่าว จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:08:55

ความคิดเห็นที่ 4 ผมดูภาพช้าแล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่ราฟาจะบอกว่าวาเลนเซียพุ่งล้ม เพราะจังหวะล้มนั้นมันมีบวกแอ๊คชั่นของวาเลนเซียเข้าไปอีกหน่อย แต่ราฟาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาสเคราโน่นั้นพยายามเหนี่ยวดึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นอกกรอบจนมาถึงในกรอบอันถือเป็นการจงใจขัดขวางการพาบอลไปทำประตูนั่นเอง และหากเทียบกับกรณีแฟร์มาเล่นแล้ว มาสเคราโน่ยังโชคดีที่เว็บบ์ไม่พิจารณาว่าเป็นโปรเฟสชันนั่ล ฟาล์วครับ จังหวะนั้นแฟร์มาเล่นเล่นเบากว่ามาสช์เยอะยังโดนทั้งจุดโทษและเสียใบแดง แต่กรณีมาสช์นี้ เว็บบ์ยังมองให้เป็นการฟาล์วในเขตธรรมดาโดยโดนแค่ใบเหลือง ซึ่งจริงๆหากจะมองให้เป็นธรรมแล้วก็ต้องยอมรับครับ ว่าวาเลนเซียมีโอกาสหลุดเดี่ยวจริงๆ นักเตะหงส์สองคนที่คุมโซนอยู่ก็ไม่พยายามปรี่เข้ามาสกัด ทำให้จังหวะแตะสุดท้ายนั่นหลุดได้จริงๆ และควรจะได้เข้าไปทำประตูแล้ว นั่นจึงควรเป็นโปรเฟสฯ แต่ถ้าจะมีอีกมุมให้มอง ก็คงเป็นว่ากรรมการบางคนอาจพิจารณาให้ได้ฟรีคิกตั้งแต่จุดเกิดเหตุคือนอกกรอบ เพียงแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าจังหวะนี้วาเลนเซียเล่นได้ฉลาดกว่า คือเขาพยายามจะเปลี่ยนจากจังหวะลากเข้าไปธรรมดาให้เป็นจังหวะหลุดเดี่ยว และวาเลนเซียก็ทำได้สำเร็จ ส่วนมาสช์นั้นต้องยอมรับว่าพลาดเต็มๆครับ ผลพวงจากจุดโทษดังกล่าวที่กลายเป็นประตูตีเสมอของเจ้าบ้าน นอกจากจะทำให้รูปการณ์กลับมาเท่ากันแล้ว ยังทำให้ความได้เปรียบที่ลิเวอร์พูลพยายามดึงเอาไว้กับตัวต้องสลายไปด้วย ไม่แปลกที่ตอร์เรสจะโมโหเสียจนไปเตะตำแหน่งจุดโทษจนกระจาย อาจจะโกรธเว็บบ์ด้วย แต่ผมเดาว่าตอร์เรสรู้ดีว่าโอกาสที่จะสร้างขึ้นใหม่จากรูปเกมแบบนี้มันเป็นไปได้ยากแล้ว อุตส่าห์หาจังหวะจนทำได้หนึ่งประตูแต่ก็ยังเสียจุดโทษคืนให้เขาอีก และจากนั้น ลิเวอร์พูลก็ไม่มีโอกาสได้จบสกอร์อีกเลยในครึ่งเวลาแรก ในขณะที่ยูไนเต็ดเจ้าบ้านก็พยายามเล่นรัดกุมเป็นหลัก ทำให้จังหวะรุกก็ยังคงไม่อันตรายหรือวูบวาบมากนัก วาเลนเซียกับนานี่ยังคงเน้นวินัยในการไล่บอลมากกว่าจะพยายามสร้างเกมรุกเดินหน้าขึ้นไป ส่วนคาร์ริคก็ปักหลักห้อยหลังเป็นตัวสุดท้ายของแดนมิดฟิลด์ตลอดเวลาแต่คงด้วยแรงกดดันจากเกมนี้ และจากคาเปลโล่ที่นั่งมองอยู่ คาร์ริคจึงมีลูกเกร็งอยู่บ้าง และจ่ายบอลออกบอลผิดพลาดบ่อยกว่าที่เราเห็นในเกมอื่นๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:09:14

ความคิดเห็นที่ 5 รูปเกมครึ่งแรกและครึ่งหลังไม่ต่างกันมากนัก ลิเวอร์พูลตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ เพราะถูกไล่บีบพื้นที่อยู่ตลอด ในขณะที่ต้องแบ่งสมาธิมาเล่นเกมรับอย่างมีวินัยเพราะเจ้าบ้านก็เซ็ตเกมรุกตลอดเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่รุกเต็มตัวนัก แต่ลิเวอร์พูลเองก็รู้ตัวว่าจะพลาดให้ไม่ได้เป็นอันขาด เกมของลิวอร์พูลจึงวนอยู่แต่เพียงหน้ากรอบตัวเอง และค่อนไปทางตรงกลางสนาม บอลขึ้นหน้าไปให้ตอร์เรสที่ถูกวิดิชและริโอคุมก็ไม่สามารถสร้างอันตรายได้ เคาท์และมักซี่ถูกตัดออกจากเกม นานๆจึงจะโผล่มาให้เห็น แต่ก็ลงเอยด้วยการเปิดบอลที่ไม่ได้ลุ้น เพราะแผงหลังเจ้าบ้านไม่ปล่อยให้ตอร์เรสได้เล่นง่ายๆอีกแล้ว เกมของทั้งสองฝั่งเล่นแท็คติคเดียวกัน แต่ความแตกต่างมันอยู่ที่สาเหตุเดียวครับ (หากเราไม่มองว่าเล่นบ้านใคร) นั่นก็คือเรี่ยวแรงและความสด เราจะเห็นว่าเกมนี้ เจอร์ราร์ดมีบทบาทน้อยมากๆทั้งรุกและรับ ไม่สามารถเข็นลูกทีมให้ตื่นขึ้นมาได้ ไม่สามารถเค้นฟอร์มของตัวเองให้ทะลุแนวมิดฟิลด์ได้ เกมของเจอร์ราร์ดเงียบเกินไป อีกคนก็คือเคาท์ ที่วิ่งออกเต็มที่แค่ครึ่งชั่วโมงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็วิ่งน้อยลง ไล่บอลน้อยลง ทั้งๆที่ปกติ เคาท์เองคือคนที่เล่นเหมือนปาร์คในแดนคู่ต้อสู้นะครับ และเป็นคนที่กดดันแผงหลังเราให้ลนลานได้ดีที่สุด เมื่อลิเวอร์พูลมาเล่นเกมนี้ด้วยเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แพสชั่นที่เคยนำมาใช้เล่นงานเราตลอดสามนัดหลังสุดก็เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อมาพบกับนักเตะเราที่สดยกกล่องจริงๆก็เลยทำให้งานของลิเวอร์พูลกลายเป็นเข็นครกขึ้นภูเขาไปทันที ปาร์ควิ่งไล่ตลอดเวลา ตลอดทุกพื้นที่ในเขตแดนลิเวอร์พูล คาบเกี่ยวกับการไล่บอลของเฟล็ทเชอร์ในบริเวณกึ่งกลางสนาม ทั้งคู่ไล่ล่าบอลอย่างเมามันไม่มีหมดจนนักเตะลิเวอร์พูลคายบอลไม่ค่อยถนัด และเริ่มออกอาการวิ่งไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ปาร์คถึงแม้จะเน้นการไล่บอลเสียจนเกมรุกตัวเองขาดๆไป เสียบอลง่ายบ่อยๆ แต่ก็ถือว่าป๋าช่วงช่วงตั้งใจเลือกแท็คติคนี้ลงมาโดยเฉพาะครับ ปาร์คและเฟล็ทช์ ไม่ใช่พวกครองบอลได้ดี พาบอลไปกับตัวได้เก่งอย่างกิ๊กส์ หรือสโคลส์ตอนรุ่งๆ แต่สองคนนี้ได้ลูกสด และลูกพัวพันกัดไม่ปล่อย แท็คเกิ้ลแม่นยำ นี่คือประเด็นแรกที่ท่านเซอร์เลือกลงมาใช้ในเกมนี้ครับ ทำลายเกมหงส์แดงก่อน  จากนั้นค่อยไปคิดถึงเกมรุก เล่นแบบมีวินัยในเกมรับมาก่อนเป็นอันดับแรก จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:09:30

ความคิดเห็นที่ 6 สิ่งที่ทุกคนรอคอยมาประสบความสำเร็จในชั่วโมงเต็มๆของเกมพอดี ยูไนเต็ดขึ้นเกมรุกทางขวา บอลถูกถ่ายออกมาให้เฟล็ทเชอร์ที่ถ่างตัวเองมาทางขวา เฟล็ทเชอร์ดึงจังหวะนิดหนึ่งก่อนนักเตะลิเวอร์พูลจะเสียจังหวะเมื่อมีตัวสอดหลังเฟล็ทเชอร์เติมขึ้นไป เฟล็ทเชอร์เห็นดังนั้นจังรีบเปิดเร็วเข้าหน้ากรอบทันที เป็นลูกเปิดที่เฟล็ทเชอร์ถนัดนั่นคือ ลูกเร็วและโค้งต่ำเข้าระยะประมาณห้าหกหลาหน้าเส้นประตูที่ทำให้ผู้รักษาประตูไม่กล้าผวาออกมาตัด และทำให้กองหน้าเราโถมเข้าไปได้เต็มๆ ประกอบกับกองหลังเองก็สกัดออกมายาก รูนี่ย์โถมเข้ามาข้างหน้าดึงตัวประกบเข้ามาได้ แต่มันไปเปิดช่องให้ปาร์คที่สอดเติมเข้ามาข้างหลัง บอลข้ามรูนี่ย์มาตกที่หัวปาร์คที่พุ่งตอร์ปิโดบกส่งบอลตุงตาข่ายอย่างสุดสวย ชนิดแลกด้วยรอยสตั๊ดที่ขมับ แต่เป็นความแช่มชื่นของแฟนๆเจ้าบ้านทุกผู้ทุกนาม หลังจากเสียประตูนี้ เกมของยูไนเต็ดก็เล่นง่ายขึ้น บีบให้ลิเวอร์พูลต้องเดินหน้าแลกกับการเปิดพื้นที่ในแดนหลัง แต่นักเตะเจ้าบ้านก็เน้นกันไม่มากพอ จึงจบสกอร์ที่สามเพิ่มไม่ได้ รูนี่ย์เริ่มมีสัญชาตญาณกองหน้ามากขึ้น เมื่อเริ่มเห็นแก่ตัว ตรงนี้มันมีข้อดีและเสียครับ ที่ดีก็คือกองหน้าควรเห็นแก่ตัวในระดับหนึ่ง เพื่อคงความกระหายในการทำประตูและจังหวะการจบสกอร์ไม่ให้มันจางหายไป แต่ที่เสียก็คือเรา  อาจจะ  เสียโอกาสที่ดีกว่า ความน่าจะเป็นที่สูงกว่า ในการจบสกอร์หากรูนี่ย์เลือกที่จะจ่ายให้เพื่อนในตำแหน่งที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ทังนั้น สองข้อที่ว่านี้ มันต้องถูกรูนี่ย์ปรับปรุงร่วมกันผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การลงสนาม และ โอกาสในการจบสกอร์ ยิ่งได้ลงมากขึ้น ยิ่งผ่านโอกาสมากขึ้น สุดท้าย รูนี่ย์ก็จะปรับและผสมผสานความเห็นแก่ตัวกับความใจกว้างให้มันกลมกล่อมลงตัวได้ดีที่สุด และนั่นคือสุดยอดปรารถนาที่กองหน้าทุกรายล้วนต่างอนากแสวงหามาให้ตนเองทั้งนั้น จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:09:42

ความคิดเห็นที่ 7 การเปลี่ยนตัวในเกมนี้คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เมื่อตัวที่ถูกส่งลงมาไม่ได้สร้างความแตกต่างให้เกมมากนัก อาจจะมีผลกระทบต่อรูปเกมบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เป็นจุดเปลี่ยนที่รูปเกมจะพลิกกลับได้ อาควิลานี่ถูกส่งลงมาแทนเคาท์ แต่ก็เงียบไป บาเบลลงมาแทนมักซี่ ซึ่งสร้างความวูบวาบได้บ้างแต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงแนวรับเจ้าบ้านเท่าไหร่ ส่วนเบนายูนที่ผมกลัวนักกลัวหนานั้น ก็ลงมาแทนลูคัสเพื่อเพิ่มมิติเกมรุกแต่ก็ช้าไปแล้ว แถมยังทำโอกาสทองนาทีสุดท้ายหลุดมือเมื่อโหม่งบอลทะลักจากเท้าตอร์เรสไปให้น้าซาร์รับง่ายๆซะงั้น ทางฝั่งเจ้าบ้าน กิ๊กส์ที่ลงมาแทนนานี่ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าไหร่ เพราะนานี่เองเกมนี้ก็ไม่ได้เน้นเกมรุกหรือการจบสกอร์มากนัก ช่วยเกมรับซะมากกว่า แถมเอวร่ายังเติมได้น่ากลัวมากกว่าซะอีก สโคลส์เองที่มาแทนปาร์คก็เพื่อคุมจังหวะเกม และเน้นการวางบอลยาวที่หลังๆเริ่มไม่แม่นยำเอาซะเลย ซึ่งสโคลส์ก็ทำได้ดี จากนั้น ลิเวอร์พูลโหมบุกเป็นพายุแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จบเกมด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านครั้งแรกในรอบสี่เกม หลังเกมนี้ ทุกคนคงเห็นด้วย ว่าสามเกมที่ผ่านมา เราพ่ายลิเวอร์พูลหมดรูปเพราะเกมตรงกลางเราไม่สมบูรณ์เท่าเขา สิ่งที่น่าตกใจคือท่านเซอร์เองก็บอกว่าสามเกมที่ผ่านมานั้น เฟล็ทเชอร์ไม่ได้ลงสนามทั้งหมดเลย น่าเหลือเชื่อไหมครับ เกมแดงเดือดที่ไร้เงาเฟล็ทเชอร์ทำไมมันส่งผลรุนแรงขนาดนั้น แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งครับ นั่นก็คือปาร์คในวันนี้ได้กลับมาอยู่ในฟอร์มที่พีคที่สุดอีกครั้ง ซึ่งช่วยงานเฟล็ทเชอร์ได้ดีมากๆ และเป็นตัวหลักไล่บอลในแดนหน้าได้ดีที่สุด เกมนี้จะเป็นรองก็แค่เฟล็ทเชอร์เท่านั้น ถึงแม้ปาร์คจะไล่บอลได้ดีมากๆ และทำประตูชัยได้ แต่ผมขอยกเฟล็ทเชอร์ให้เป็นคนที่เด่นที่สุดในเกม ในขณะที่คาร์ริคมัวแต่สาละวนกับการเป็นสต๊อปเปอร์หน้าแผงหลังและสกรีนเป็นตัวสุดท้ายรวมทั้งเซ็ตจังหวะเกมจากแดนหลัง ถึงแม้ปาร์คจะไล่บอลข้างหน้าจนทำให้นักเตะลิเวอร์พูลตั้งเกมจากหลังไม่ค่อยติด แต่ผู้ที่รับภาระหนักที่สุดตรงกลางนั้นเป็นเฟล็ทเชอร์ครับ ไล่บอลทั้งซ้ายและขวา ทั้งหน้าและหลัง เป็นตัวไล่บอลซ้อนรองจากปาร์ค และเป็นตัวไล่บอลตัวแรกให้คาร์ริค เฟล็ทเชอร์นาทีนี้ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ รวมทั้งการถ่างออกไปทางขวาในครึ่งหลังคือหนึ่งแอสซิสต์ประตูชัยด้วยซ้ำไป จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:09:59

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับลิเวอร์พูลนั้น ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ไม่ได้สื่ออะไรมากนักนอกจากความสดและความฟิตที่เป็นรองเจ้าถิ่นอย่างมาก ความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวจึงไม่สามารถจุดแพสชั่นให้ติดได้ การเข้าถึงบอลก็ช้ากว่าเจ้าถิ่นอยู่ครึ่งก้าว และนั่นคือที่มาที่ครึ่งแรกลิเวอร์พูลเสียไปสามเหลือง แต่ครึ่งหลังราฟาปรับตรงนี้มาได้ดีขึ้นหน่อย การเข้าถึงบอลเริ่มสูสีกัน ทำให้นักเตะเจ้าบ้านเริ่มจะเสียเหลืองบ้าง เกมนี้บอกตรงๆเป็นเกมที่อึดอัด รูปเกมออกตึงๆทั้งสองฝ่าย ต่างเน้นระมัดระวังมากกว่าจะผลีผลามบุกอย่างเมามัน อรรถรสความมันอาจต่ำไปบ้าง แต่ผู้ที่นิยมดูบอลตามแท็คติคด้วยก็คงชอบ เพราะนี่คือการวัดกันที่วินัยในเกมอย่างแท้จริง และสุดท้ายทั้งสองฝ่ายพลาดคนละครั้ง ยูไนเต็ดพลาดที่จังหวะพาบอลขึ้นหน้าแล้วเสียบอลโดนสวนเร็ว ในขณะที่ลิเวอร์พูลพลาดเพราะมาสช์ตามไม่ทันรวมทั้งกองหลังคนอื่นๆไม่ช่วยเข้าสกัดตั้งแต่วาเลนเซียอยู่นอกเขต ส่วนประตูชัยควรให้เครดิตฝั่งเจ้าบ้านมากกว่าจะโทษนักเตะทีมเยือน แต่ถ้าหากจะหาให้ได้ ก็คงเป็นคำถามว่าทำไมปล่อยให้เฟล็ทช์ได้เปิดง่ายๆโล่งๆแบบนั้น ภาพรวมหลังเกมสัปดาห์นี้ เชลซีที่เริ่มออกอาการเร่งไม่ขึ้น ก็มาถูกแบล๊คเบิร์นตีเสมอใน 20 นาทีสุดท้ายจนได้ ทำให้ยูไนเต็ดกลายเป็นจ่าฝูงแบบเต็มตัวไม่ต้องกังวลถึงเกมตกค้างของเชลซีอีกต่อไป สัปดาห์นี้ จ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด ยึดหัวหาดที่ 69 แต้ม ตามมาด้วยอาร์เซน่อลที่ 67 แต้ม สองทีมนี้แข่งเท่ากันที่ 31 นัด ตามมาด้วยเชลซีที่สามมีคะแนน 65 แต้ม และแข่งที่ 30 นัด โดยเชลซีจะมีเกมตกค้างให้เล่นกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งเราคงต้องออกแรงเชียร์เจ้าบ้านปอร์ทสมัธอย่างสุดกำลัง หวังให้พวกเขาสร้างปาฏิหารย์ให้ได้ เพื่อแผ้วทางสู่ตำแหน่งแชมป์สี่สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ผู้ดีของเราได้สำเร็จ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:10:14

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:11:06

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าเกมนี้ราฟาแกกลัวนานี่เกินไปนะ... เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนานี่อยู่ GJ แทบไม่ได้เติมเกมเลย... พอเปลี่ยนนานี่ออก GJ ถึงกล้าเติมสูง(สงสัยเพราะเห็นน้ากิ๊กส์ไปเล่นปีกซ้ายแทนมั้ง อิ อิ) จากคุณ : บอนตะคุง เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:27:57

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาอ่านและขอบคุณค่ะ จากคุณ : K-modjung เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:31:54

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณสงบใจ ต้องบอกว่าเมื่อคืน กองกลาง แมนยู ทำกันได้ดีมาก เพราะสามเกมก่อนหน้านั้น กองกลางเราทำเกมกันไม่ได้ จึงเป็นผลพวงที่ทำแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รู้สึกว่าเกมเมื่อวาน ทั้ง วิดิชและรีโอ ดูจะระวังเป็นพิเศษ ยิ่งวิดิช ขณะระวังแล้วยังโดนใบเหลืองจากการเรียกฟาล์วของ ตอร์เรสซะงั้น รูปเกมในครึ่งแรกผมว่าเราก็ไม่ได้เหนือกว่าเขามากนะยังดีมาได้จุดโทษ ถ้าถามผมไม่ได้เป็นจุดโทษที่กังขาแน่นอนเพราะ มาสเคดึงวาเลนเซียตั้งแต่นอกกรอบยันเขตโทษเลย   เมื่อคืนปาร์ค เฟลช เล่นได้สุดยอดทั้งคน แต่ทำไมเฮีย บิ๊กจ๊ธ ว่าแกเล่นไท่ค่อยดี -*- รูนี่ย์เมื่อคืน เหมือนหวงบอลมากไปหน่อยแต่โดยรวมพวกรวมทำได้ดีกว่า ผมรู้สึกว่าหงส์แดงเมื่อคืนขณธเหลือช่วง 15 นาทีสุดท้ายผมเขายังบุกเราไม่ค่อยขึ้น จะมีแค่จังหวะเดียวที่ ตอร์เรสยิงว่าว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ แถมคู่เชลซี ยังเสมอ ถือว่าเมื่อคืนหลายอย่างเป็นใจให้กับทีมอย่างมากเลย จ่าฝูงหนาวมากกกกกกกกกก แล้วมาลุ้นกันต่อที่จะเจอกับ โบลตัน ครับ ปล.สวัสดีเพื่อนทุกคนด้วยครับ จากคุณ : Bierhoff เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:32:11

ความคิดเห็นที่ 13 โหวตจ้า จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:39:05

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากค่ะ เห็นอยู่เมื่อคืนว่าปาร์คเล่นไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย ^^ จากคุณ : happybee เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:51:34

ความคิดเห็นที่ 15 มีความสุขจริงๆคับ ตี๋ปาร์คสุดยอดดดดดดด จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:54:12

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับ คุณสงบใจ และขอบคุณครับสำหรับการวิจารณ์ ส่วนตัวผมคิดว่า ใช่, กลางเราเล่นได้ดี แต่ดีในแง่ตั้งรับมากกว่าการตั้งรับและสวนกลับ ผมสังเกตุเห็นกลางของเราเติมบอลช้ามาก ทำให้บอลจะอยู่ที่แดนกลางซะมากกว่า และเมื่อบอลถูกโยนไปฝั่งลิเวอร์พูล รูนีย์ก็มักไม่ค่อยได้บอล และถึงได้บอลก็ไม่มีตัวช่วย ทำให้เกมส์บุกไปต่อไม่ได้เท่าที่ควร จากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง  เกมส์รุกเรา น่าจะเล่นได้ดีกว่านี้ ช่วงท้ายของครึ่งหลัง ตอเรสก็ได้บอลโล่ง ๆ 2 ครั้ง ยังดีที่จับบอลไม่ติด และยิงแป๊ก ไม่อย่างนั้นผมเชื่อว่าเราอาจถึงแพ้ เพราะโมเม็มตั้มจะไหลไปทาง ทีมเยือนทันที ผมคิดตามแบบของผม หากไม่ถูกใจใครก็ขออภัยนะครับ ผมเองรอนัดนี้อย่างใจจดใจจ่อ ชนะนัดนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ความสะใจ แต่เหมือนได้ปลดปล่อยความอึดอัดจากการที่แพ้ 3 นัดหลังสุดซักที เฮ!!! จากคุณ : rachovii (Tahcus) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:58:57

ความคิดเห็นที่ 17 คิดเหมือนคุณสงบครับ เฟลชเด่นมากๆ จากคุณ : บะหมี่^^ผีแดง เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 10:59:34

ความคิดเห็นที่ 18 เทพเฟรทได้ใจมาก บู๊แบบไม่สนรูปร่างสลิมเพรียวของตัวเองเลย จากคุณ : benher เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:00:19

ความคิดเห็นที่ 19 พอขึ้นนำ 2-1 ผมนึกในใจว่าเดี๋ยวน่าจะมีลูกที่ 3 ตามมาแน่นอน เพราะเกมของหงส์ไม่น่ากลัวอะไร ได้แต่ทำชิ่งแถว ๆ กลางสนามแล้วก็เสียบอลให้ผีแดงสวนกลับ  แต่เสียดายที่จังหวะสวนกลับของผีได้แค่เสียว (ถ้าเปลี่ยนเอาตัวจ่ายเนียน ๆ แบบเบอร์บาตอฟลงมา น่าจะได้ลุ้นกว่านี้) ลูกสุดท้ายที่ตอร์เรสว่าว บอกตรง ๆ เสียวแว้บครับ จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:01:25

ความคิดเห็นที่ 20 ยินดีด้วยน่ะครับ คุณสงบใจ เกมส์เมื่อคืน อึดอัดทั้งสองฝ่าย เกมส์มันส์แค่ 15 นาทีแรก และ 10 นาทีสุดท้าย   ฝั่งหงส์แดง พกใจลงไปน้อยหน่อย แก้เกมส์ช้าไปมาก ส่วนผีแดง ต้องยอมรับว่า ยังคงมาตรฐานเหมือนเดิม แดงเดือดนัดนี้ เทพแฟลช และเทพพาร์ค เล่นได้ดีจริง ๆ ครับ จากคุณ : กัปตันหงส์แดง เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:05:39

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีค่ะคุณสงบใจ เมื่อคืน เปิดทีวีดูแมนยู และก็เปิดทีวีมือถือดูทัดดาว .. 5555 เสียบหูฟัง ฟังละครแต่ตาดูแมนยู หูก็ฟังทัดดาวพูดเจ้าฮะ ๆๆ ทัดรักเจ้า.. แต่ตาก็มองเฟลชเชอร์เกือบมีเรื่องกับเดิร์ค เคาน์ .. โอย.. แยกอารมณ์ไม่ถูก .. แต่ใจมันไปอยู่กับแมนยู (แล้วจะฟังทัดดาวทำไมก็ไม่รู้) มันตุ้มๆต่อมๆบอกไม่ถูก คาดว่าเพื่อนผีแดงหลายๆคนก็คงมีอาการไม่ต่างกัน.. จากที่ได้ดูเมื่อคืน คนข้างๆบ่นปาร์คตลอดเลยว่า เล่นไม่ดี ทำบอลเสียง่ายๆ แต่พอปาร์คยิงได้ ก็เลยหันไปกระเซ้าว่า เป็นไงล่ะ พ่อคนเล่นแย่ ยิงได้แล้ว.. เค้าก็ยิ้มอายๆ เห็นด้วยค่ะที่ว่าเทพเฟลชเราเล่น่ได้ดีเหลือเกิน โดดเด่นออร่าเปล่งประกาย วิ่งไล่บอลได้ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย .. นานี่ก็เล่น ok ไม่ถึงกับโดดเด่น แต่ก็ช่วยได้เยอะ ตอนที่สามผู้เฒ่าแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดอยู่ในสนามพร้อมกัน แอบหวั่นใจลึกๆ จะเอาอยู่ไหมหนอ.. ส่วนพระรองตัวจริงก็ออกลูกหงุดหงิดให้เห็นอยู่ประปราย ไม่บ่อยนักที่จะเป็นคาร์ริคออกอาการแบบนี้ .. ปกติมักจะเป็นเฮียลูกเจี๊ยบขึ้นมาส่องไกลอยู่บ่อยๆ แต่นัดนี้เฮียจะยืนประจำตำแหน่งอยู่แดนกลางอย่างเหนียวแน่น.. ซึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีมากเลยทีเดียว เฮียเต๊ะ ต้องยอมรับเลยว่า เกมส์นี้เฮียเล่นได้เข้าตามากๆ ช่วยเกมส์รับและเกมส์รุกได้ดี .. เป็นแมนยูไนเต็ดที่สุดยอดจริงๆ น้องหมู จริงค่ะที่ว่าเค้าเล่นเห็นแก่ตัว จังหวะควรจะจ่ายก็ไม่จ่าย แต่เลือกจะยิงเอง .. ลูกที่ได้ยิงฟรีคิกน่าจะให้นานี่ซึ่งยิงฟรีคิกได้ดีกว่ายิง ก็ไม่ทำ.. น้องหมู แกเป็นมาเฟียประจำทีมหรือเปล่าเนี่ย.. กองหลังของเราก็ยังแจ่มเชื่อใจได้ยกเว้นลูกที่เสียให้กับตอเรส .. พูดไม่ออกเลยทีเดียว.. ดีใจกับชัยชนะค่ะ.. ลุ้นนัดต่อไปกันค่ะ.. จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:12:21

ความคิดเห็นที่ 22 คุณปริ้นซ์เล่นดีจริงค่ะ ส่วนปาร์คก็โอเค ไม่ได้แย่มากมายขนาดลุงหนวดว่าซะหน่อย หมูได้บอลน้อยไปนิด ต้องชมคาราเกอร์ที่ตามติดจริงๆ ส่วนนัดนี้ผิดหวังนิดหน่อย (ถึงชนะก็เถอะ) คาดหวังไว้ว่ามันน่าจะสนุกกว่านี้ หรือเพราะเล่นระวังกันมากเกินก็ไม่รู้ รอดู GJ ด้วย ชอบแกเล่น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนไม่ได้บุกเลย คงเพราะมัวพะวงกับนานี่ด้วยมั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ดีใจที่สุดคงเป็นเรื่องที่เราชนะ และ BB เสมอเชลซีมากกว่าค่ะ ค่อยหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาหน่อย เพราะโปรแกรมที่เหลือก็โหดเกิ๊น แถม UCL ยังจับมาเจอบาเยิร์นอีก ต้องลุ้นกันอีกยาวแน่ค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 53 11:18:54 จากคุณ : Merlion เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:13:25

ความคิดเห็นที่ 23 ใช่ครับ เกมเป็นอย่างที่ผมบอกนั่นแหละ คือเราพยายามเล่นเน้นเกมรับเป็นหลัก ส่วนเกมรุก ก็จะทำตามที่จังหวะเปิดให้ ไม่เน้นเติม ไม่เน้นดันพื้นที่ขึ้นสูง เน้นรัดกุม คาร์ริคคอยอยู่กลางสนามตลอด เฟล็ทช์ไม่ห่าง ปาร์คเน้นไล่บอล รูนี่ย์ถอยต่ำ ปีกเน้นรับ นี่คือหลักการสำคัญที่เน้นทำลายเกมหงส์แดง แต่ข้อเสียคือเกมรุกจะหดหายแน่นอนครับ เพราะในสมองจะโปรแกรมมาอย่างเดียวว่า รับ พอตัดเกมได้ จะเติมก็ชะงัก จะจ่ายก็ไม่มีใครเติม มันก็เป็นเช่นนี้ครับ ผมเข้าใจว่าแพ้มาสามเกมติด เกมนี้ป๋าเน้นมาก และเลือกแต่ละคนวินัยเต็มร้อย ปาร์ค, วาเลนเซีย, เฟล็ทช์, แกรี่, คาร์ริค ชัดๆเลย วิดิชคุมตอร์เรสตลอดเวลา คาร์ริคห้อยตลอด นานี่ยังถูกเข็นลงมาเล่นรับเลยด้วยซ้ำไปครับ ดังนั้น จินตนาการเกมรุกให้พักไว้ก่อนครับ ยาก จะทำได้ก็จังหวะตามถนัดของแต่ละคนเท่านั้น ป๋าจงใจทิ้งความสวยงามของเกมรุกไปซะ แล้วหันมาเน้นการเล่นเพื่อผลการแข่งขันเต็มที่ เพื่อลบแค้นสามรอบนั่นออกไปครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:13:36

ความคิดเห็นที่ 24 หึหึหึ เทพเฟลทสุดยอดมากจริงๆครับ ตั้งแต่เริ่มเกมมา ทำได้ทุกอย่าง ทั้งดึงจังหวะ ม้วน ยก เชิด เคาะ ไล่ เปิด ฯลฯ สมบูรณ์แบบมากๆครับ จากคุณ : Sir Genii เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:15:48

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ / แล้วพอทราบไหมครับว่านัดนี้ใครได้ MOM? จากคุณ : rachovii (Tahcus) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:21:44

ความคิดเห็นที่ 26 มีสองกระแสครับ หนึ่งคือปริ๊นซ์ สองคือ ปาร์ค แต่ป๋าเราให้เฟล็ทช์นะ รวมทั้งเว็บ สกาย ด้วยครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:23:53

ความคิดเห็นที่ 27 ดูแล้วก็เกรงๆกันทั้งคู่แต่เราบุกได้เยอะกว่า ขยันกว่า จังหวะที่ หมูรูน กระชากเข้าไป แล้วล็อกบอลเข้าขวา ลูกนั้นก็น่าได้ น่าจะยิงไปเสาสอง จะได้ไม่ต้องเสียว จังหวะตอเรสวืด อย่างที่คุณสงบใจว่า เมื่อคืนเรารัดกุมมากกว่า 3 นัดที่เจอกันหลังสุด ไม่งั้น วีดิช แย่แน่ จากคุณ : karpin เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:26:53

ความคิดเห็นที่ 28 ผมดูแล้วรู้สึกเกร็งๆไงไม่รู้ แต่ยังไงเราก็ทำสำเร็จ รอแช่งกลางสัปดาห์ด้วยครับ จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:33:28

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากคับ วิพากษ์ได้ดีมากทุกเกมส์เลย ขอสมัครเป็นขาประจำเลยละกันนะคับ จากคุณ : เหมือนฝันแต่สวย เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:34:49

ความคิดเห็นที่ 30 ปาร์คถึงจะเก็บบอลไม่ค่อยอยู่ แต่ก็ตามไล่คืนทำลายจังหวะตลอด แถมตอนก่อนโดนเปลี่ยนออก ไข้วจ่ายหลบกองหลังสองคน อย่าง ฮามมมมม เสียดายน้องหมูยิงไม่ได้ลูกนั้น ไม่งั้นล่ะก็ สุดยอดเลย จากคุณ : After Midnight เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:35:33

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณเจ้าของทู้และเพื่อนๆ ที่ช่วยกันวิเคราะห์ เดี๋ยวนี้ทำไมทีมเราหวังแตะมุมกับฟรีคิกมันช่างยากจริงๆ ดูอย่างเมื่อคืนจังหวะแตะมุมเล่นแบบไม่มีลุ้นอะไรเลย จากคุณ : ผักทอดยอด เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:55:39

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณค่ะ ดูถึงคู่เชลซี พอเห็นเชลซีนำ เลยนอนดีกว่า 555 แต่ตื่นมาพร้อมข่าวดี เชลซีเสมอ ^^ จากคุณ : poojo_ke เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 11:56:17

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาอ่านครับ วันนี้กลางเล่นเราเล่นดีจริงๆครับ ปาร์คอาจจะครองบอลนานไม่ได้ โดนแซะบ่อยตามที่บิ๊กจ๊ะบ่น แต่ในการวิ่งไล่บอลก็ยังมีประโยชน์เสมอ แถมโหม่งประตูชัยด้วย ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าสามนัดที่เจอหงส์ก่อนหน้านี้ เทพเฟล็ทไม่ได้ลง เลยพาลนึกถึงนัดชิงที่เจอบาร์ซ่าด้วย นัดนั้นเฟล็ทโดนแบน กลางเราก็สู้ไม่ได้เลย เมื่อคืนดีใจที่เชลซีเสมอนะครับ แต่ว่ายังมีเกมเจอกันเอง แล้วยังบอลยุโรปคั่นนัดก่อนหน้า/หลังเจอเชลซี  แถมยังมีนัดเยือนซิตี้อีก หนักจริงๆครับ  ก็สู้กันต่อไป จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:05:19

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณค่ะ ไม่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้คุณสงบใจซะนานแต่แอบอ่านอยู่ตลอดเลย สำหรับรูปเกม เราคิดไว้แล้วแหละว่าต้องเป็นแบบนี้ แบบเกร็ง ๆ กันทั้งคู่ เพราะเกมแดงเดือดที่ผ่าน ๆ มาตั้งแต่ราฟาเข้ามาคุมลิเวอร์พูล เกมก็อึดอัด ๆ แทคติกจ๋าอย่างนี้มาตลอด แถมยูไนเต็ดดันแพ้มาก่อนหน้านี้สามเกมรวดที่เจอกัน เกมนี้คงไม่กล้าผลีผลามเหมือนเดิม นัดนี้เห็นด้วยกับคุณสงบใจเลยค่ะ ท่านเทพแกเด่นจริง ๆ แล้วตอนนี้เฟลชเชอร์ไม่ได้มีดีแค่ความขยันอย่างเดียวแล้วนะคะ ยังพัฒนาทั้งจังหวะผ่านบอล ครองบอล บังบอลทำได้ดีขึ้นมาก ๆ ส่วนคาร์ริคนัดนี้อาจจะดูเงียบ ๆ ไปหน่อยส่วนหนึ่งก็คงเพราะบทบาทที่ได้รับที่ต้องยืนหน้าแผงหลังตลอด ไม่ได้ขึ้นมาทำเกมรุกเท่าไหร่ แต่แกก็ทำหน้าที่ตรงนี้ไำด้ไม่ผิดพลาด ส่วนแผงหลังตั้งแต่ได้พี่วี กับริโอกลับมานี่อุ่นใจขึ้นเยอะเลยค่ะ แถมกลับมาในสภาพสมบูรณ์ด้วยไม่ได้เป็นปิศาจป่วยเหมือนก่อนหน้านี้ เพิ่งได้อ่านบทสัมภาษณ์ริโอค่ะถึงได้รู้ว่าอาการเจ็บของริโอนี่หนักกว่าที่เราคิดมาก อาการเจ็บหลังที่เรื้อรังจากฤดูกาลก่อนนั้นแหละค่ะ เจ้าตัวบอกว่าตอนนั้นหลังจากเกมแต่ละเกมนี่แกแทบเดินไม่ได้หรือนั่งไม่ได้เลยค่ะ แต่เจ้าตัวฝืนลงเล่นไม่ยอมบอกป๋ากับสตาฟเพราะคิดว่าตัวเองยังเล่นได้ จนเกมที่แพ้ลิเวอร์พูลเมื่อต้นฤดูกาลนั่นแหละที่ป๋าแกบอกว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนตอร์เรสไม่มีทางผ่านริโอไปยิงประตูนั้นได้แน่นอน ริโอถึงคิดได้ว่าถ้าปล่อยไปจะยิ่งแย่กับทั้งตัวเองและทีม เลยยอมสารภาพอาการตัวเองกับป๋า จนต้องหยุดไปรักษาตัวอย่างที่ผ่านนั่นแหละค่ะ อ้อเกือบลืมน้องหมู ถึงนัดนี้จะเล่นได้ไม่ดีมากเหมือนหลาย ๆ นัดที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เราว่ารูนี่เริ่มพัฒนาตัวเองสำหรับบทบาทกองหน้าตัวเป้าที่ป๋าพยายามปั้นให้เป็นได้ดีขึ้นมาก ๆ เลยค่ะ อย่างนัดนี้แม้จังหวะยิงหรือจังหวะผ่านบอลจะทำได้ไม่ดีมาก แต่การเก็บบอลนี่ทำได้ดีมากเลย ไม่ว่าเพื่อนจะส่งบอลมายังไงถ้ามาถึงตัวรูนี่แล้วสามารถเก็บบอลให้เพื่อนเล่นต่อได้ตลอด แล้วเราว่ารูนี่มีวินัยในการเล่นกองหน้ามากขึ้น รู้พื้นที่ตัวเองไม่วิ่งพล่านเหมือนสมัยก่อน แล้วหาพื้นที่เรากรอบเขตโทษได้ดีมากขึ้น จากคุณ : น้ำผึ้งพระจันทร์ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:07:06

ความคิดเห็นที่ 35 ไปดูที่ร้านมาเมื่อคืน ก่อนกลับ เห็น ดอกชบายิงนำ... เซ็งเลย คิดว่า คงไม่รอดแล้ว กลับมาดูข่าวตอนดึก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ปล. พี่หงบครับ ผมว่า กองหลังกะกองกลางเราแพ็คกันดีมากเลยครับ วินัยดี ดักทางปิดช่องได้หมด  จังหวะเสียวก็มาจากโดนโยนใส่ทั้งนั้น พี่วีก็ยังอุตส่าห์ได้ใบติดไม้ติดมือ จากคุณ : หัตถาครองพิภพ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:18:22

ความคิดเห็นที่ 36 ดีใจกับทุกคนด้วย  โหวตให้ครับ จากคุณ : เด็กแม่พิมพ์ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:29:43

ความคิดเห็นที่ 37 หวัดดีครับลุงหงบ (แอบลุ้นว่าวันนี้จะมีกระทู้ไหม) เกมวันนี้เหมือนจะไม่มีชีวิตชีวาเลย  รูปแบบเกมก็แน่นๆ  เน้นเจาะแบคทั้ง 2 ข้าง  แต่ทางทีมเยือนก็คงรู้ทันว่า แมนยูมาเน้นเกมด้านกว้าง(แหมก็เปิดโหม่งไปกี่ประตูเข้าไปแล้วละ) ประกบปีกสองข้างของแมนยูซะทำเกมลำบากเข้าถึงเร็วไม่ให้ปีกเรามีพื้นที่  ในทางเดียวกันวันนี้หงส์ดูจะเน้นเจาะทางพี่ติ๊กซะเหลือเกิน  (กลางเข้าไม่ได้  ขวาก็ไปนับครั้งได้)เพราะคงคิดว่าพี่ติ๊กจะเติมเยอะเลยเน้นตรงนี้เป็นพิเศษ การเคาะทำชิงในเกมนี้นับครั้งได้  ไม่รู้จะแน่นไปไหน  เกมด้านฝั่งหงส์ผมก็หงุดหงิดนิดหน่อยเอะอะก็โยนๆ  จับได้โยนทิ้งโยนขว้างเหมือนจะไม่เล่นแล้วซะงั้นเหอๆ จากคุณ : geno_nr เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:36:07

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณน้าหงบใจครับ จากคุณ : anurak_jun เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:36:26

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีครับ  คุณสงบใจและผองเพื่อน ได้ดูไม่เต็มเกม  เพราะต้องทำงาน ตอนแรกใจแป้วที่โดนนำก่อน  แต่ก็ยิงคืนได้เร็ว สุดท้ายก็ดีใจ  ที่ยิงชนะจนได้ และคนที่ยิงก็คือ  ปาร์ค  คนเอเชียเรานี่แหละ ขนลุกเลยตอนปาร์คยิงได้แล้ววิ่งตบอกไปหาแฟนบอล ดีใจที่แฟนบอลไม่แยกทวีปกันอีกแล้ว (ในเรื่องฟุตบอล) ยิ่งตอนโฆษกสนามประกาศชื่อคนยิงประตู  แฟนบอลเฮกันทั้งสนาม ดีใจที่นักเตะเอเชียได้รับการยอมรับจากคนยุโรป หวังว่าจะมีนักเตะจากเอเชีย  และถ้าเป็นไปได้  เป็นคนไทยจะดีที่สุด ไปประกาศศักดาให้คนทวีปอื่นได้ชื่นชมยกย่องกันอีกหลาย ๆ คน จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:38:18

ความคิดเห็นที่ 40 ผมแฟนผีมานานแย้ว แต่มีลางสังหรณ์ว่าปีนี้จะไม่ได้แชมป์อย่างฉิวเฉียด TT___TT จากคุณ : อยากหล่อครับ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:40:02

ความคิดเห็นที่ 41 เกมนี้ผมดูสนุกมาก ลุ้นตลอด ไม่ได้รู้สึกเลยว่าเราเหนือกว่าหงส์ เห็นเหมือนอย่างที่น้าหงบบอกครับคือเกมวัดกันที่วินัยกับความขยัน เราเล่นรัดกุม แล้วเป็นฝ่ายหาช่องเข้าทำ ส่วนเค้าก็รับแล้วโต้กลับ ทางหงส์เล่นเหมือนแมชต์ที่แล้วที่เจอกับเรา คือหลัง4ตัวแทบจะยืนเขตโทษเลย   ผมสังเกตว่ายูไนเต็ดเจอเกมปิดพื้นที่แบบนี้มักจะง่อยรับทานทุกที กว่าจะได้สักประตูยากเย็นจริงๆ แบ๊คเค้าไม่ยอมขึ้นเลย เวลาเราทำเกมจากปีก เค้าก็ถ่างมาไล่แล้วใช้กลางรับบีบพื้นที่ ถ้าขึ้นหน้าก็เจอแบ๊คที่รออยู่ ที่เหลือเราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่คายบอล แต่ก็ค่อนข้างแย่ คือจ่ายแบบให้เพื่อนเติมมารับบอล แต่ห๊างงงห่างงง แล้วก็โดนเค้าตัดไปง่ายๆเสมอๆ ฝากบอลที่หมูยิ่งแล้วใหญ่ รุมกันให้นัว ยังดีที่วาเลนเซียเปิดออกมาให้ได้ลุ้นบ้าง ไม่งั้นคงอึดอัดมากกว่านี้ ฝั่งเค้า เวลาทำเกมขึ้นมาก็ไม่หลากหลาย ฝากกลางตลอด ซึ่งเทพเฟรชเราก็รอตัดอยู่แล้ว   พอเค้าทำเกมตรงกลางไม่ได้ ก็วางยาวให้ตอเรส ถือว่าโอเคนะ เพราะได้เสียวอยู่บ้าง แต่ทางเราก็ซ้อมกันมาดี  กันตอเรสได้ก็จบการบุกไว้แค่นั้น ส่วนตัวชมปาร์คครับ  เรื่องความขยันนี่แน่นอนอยู่แล้ว ไล่ตลอดจนเค้ามักจ่ายเร็ว เหมือนเป็นกลางรุกหรือหน้าต่ำเลย  มีโอกาสทำประตูด้วย แต่ก็ยังจับบอลจังหวะแรกแย่ประจำ ส่วนตัวเอาใจช่วยสุดๆ  เหมือนกับทางหงส์ไม่ได้สนใจปาร์คอ่ะ หรือจับทางไม่ถูกก็ไม่รู้เพราะปาร์ควิ่งทั่วไปหมด พอทำประตูได้นี่ดีใจโคตรๆ อีกส่วนที่ช่วยให้ชนะ ผมยกให้ดวงฮะ  ลูกที่ตอเรสยิงแป๊กนี่ รู้สึกว่าโชคช่วยมาก ไม่คิดว่าจะพลาด เห็นตอเรสโล่งปุ๊บนึกในใจตุงแน่ แต่แป๊ก!!!  น้าซาร์ตระครุบได้ผมเฮพอๆกับหมูยิงลูกโทษอ่ะ อยากได้มนุษย์ต่างดาวมาอยู่ในทีมมั่งจัง เจอหลังแน่นๆจะได้แหวก2แหวก3เข้าไปได้บ้าง >.< จากคุณ : แมวเหมียวร่าเริง เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:43:52

ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อคืนคาร์ริกเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่นะครับ จ่ายบอลเสียบ่อย ยิ่งพอสโคลส์ลงมานี่เห็นความแตกต่างจากลูกจ่ายของทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว คาร์ริกไม่ใช่กองกลางสไตล์วิ่งสู้ฟัดและไม่มีความคล่องตัว ดังนั้น เกมที่ฝั่งตรงข้ามวางกองกลางมาเยอะๆ คาร์ริกจึงมักจะถูกเร่งจังหวะจนจ่ายบอลได้ต่ำกว่ามาตรฐาน รวมทั้งการที่คาร์ริกมักจะใช้การยืนสกรีนมากกว่าการวิ่งไล่บอล ซึ่งมักจะใช้ได้ดีกรณีที่เราตั้งรับ หรือฝั่งตรงข้ามเล่นแบบค่อยๆเซ็ตบอล ไม่เน้นสวนกลับเร็ว ซึ่งแบบนั้นพื้นที่ระหว่างกองกลางกับกองหลังจะมีไม่มาก ทำให้การยืนตำแหน่งของคาร์ริกจะมีส่วนช่วยสกรีนได้มาก แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ฝั่งตรงข้ามถอนกองกลางลงต่ำและรอสวนกลับ กลางเราจำเป็นต้องดันขึ้นสูงเพื่อครองบอลและสร้างโอกาสทำประตู เมื่อนั้นจะเกิดพื้นที่ระหว่างกองหลังกับกองกลางมากขึ้น(เช่นเกมเมื่อคืนรวมทั้งเกมกับฟูแล่มก็เป็นลักษณะเดียวกัน) กรณีนี้ การยืนตำแหน่งของคาร์ริกจะดูด้อยลงไปทันที เนื่องจากว่าพื้นที่ที่ให้ฝ่ายตรงข้ามจ่ายบอลมันมีเยอะขึ้น การยืนสกรีนของคาร์ริกจะไม่สามารถบังช่องจ่ายบอลได้เหมือนอย่างที่เคย หวังว่าคาร์ริกจะพัฒนาขึ้นอีก เกมรับคงเปลี่ยนยาก แต่การเชื่อมเกมผมหวังให้เค้าเล่นได้แบบที่สโคลส์เป็น แบบนั้นจะช่วยทีมเราได้อีกมากเลยครับ อีกอย่างที่ผมสังเกตได้จากเกมเมื่อคืนคือ การเก็บบอลของรูนี่ย์ ซึ่งทำได้ดีเอามากๆ และผมว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้สามแต้มเมื่อคืน ในเกมๆนึงมันย่อมมีเวลาที่เราโดนฝั่งตรงข้ามโหมบุกอยู่แล้ว โดยเฉพาะบอลที่สูสีกัน ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้เกมรับได้มีเวลาหายใจและจัดระเบียบใหม่ก็คือการเก็บบอลของกองหน้าตัวเป้า เมื่อกองหลังสาดบอลขึ้นมา ถ้าหน้าเป้าเก็บบอลพร้อมเล่นต่อได้ ก็จะทำให้เกมถูกเปลี่ยนจากรุกเป็นรับ ลดโอกาสโดนยิง พร้อมกับเพื่อโอกาสบวกสกอร์ไปในตัวครับ หวังว่ารูนี่ย์จะทำได้แบบนี้เรื่อยๆ ส่วนการเปลี่ยนตัว ผมว่าเมื่อคืนการเปลี่ยนกิ๊กซ์ลงไปเป็นการตัดสินใจที่พลาดพอสมควร เนื่องจากกิ๊กซ์พึ่งหายเจ็บกลับมาการประสานงานจึงดูขัดๆ อีกทั้งตอนเปลี่ยนตัว ป๋าคงกะให้กิ๊กซ์เป็นตัวเก็บบอลและจ่ายบอล แต่พอกิ๊กซ์ลงมา ลิเวอร์พูลก็เริ่มบุกมากขึ้น ทำให้หมากตานี้ของป๋าดูช้าไปหน่อยนึง จากตอนที่นานี่อยู่ เค้ามีความเร็วและความฟิตพอที่จะเล่นทั้งเกมรุกและรับ ทำให้GJไม่สามารถเติมเกมขึ้นมาสูงได้อย่างใจนึก เพราะต้องระวังจังหวะสวนกลับ แต่พอกิ๊กซ์ลงมาแล้วไม่สามารถกดGJเอาไว้ได้ GJจึงเติมเกมรุกได้สะดวกขึ้น และเราก็โดนเจาะทางด้านนี้เสียมาก สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าเราจะรักษาฟอร์มการเล่นและตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ได้จนจบฤดูกาลนะครับคุณสงบใจ จากคุณ : โค้วเต๊กซิม เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 12:47:28

ความคิดเห็นที่ 43 ลูกแรกของหงส์ กับลูกที่ 2 ของผี แสดงให้เห็นการเล่นโดยไม่มีบอลที่ยอดเยี่ยม ลูกแรก ตอเรสหลอกให้เฟอร์ดินานด์มาประกบ แล้ววิ่งลึกเข้าไปกดดันเนวิลล์จนยืนอยู่กับที่ จากนั้น ตอเรส ก็ ขยับมายืนอยู่ที่ว่างระหว่างเฟอร์ดินานด์กับเนวิลล์ แล้วเทคตัวขึ้นโหม่งไปได้ (คล้ายๆ ที่คุณสงบใจบอก) ส่วนลูกที่ 2 เฟล็คเชอร์ได้บอลตรงกรอบเขตโทษ กำลังจะเปิด ถูกผู้เล่นหงส์ 2 คนขยับเข้ามาปิดทาง เนวิลล์โอเวอร์แลบอ้อมหลังเข้ามา ทำให้ตัวประกบเฟล็ทเชอร์คนหนึ่งโดนดึงออกไป ทำให้มีที่ว่างให้เฟล็ทเชอร์โยนเข้ามาให้ปาร์คโหม่งเข้าไปได้ โดยมีรูนีย์คอยดึงตัวประกบของหงส์ออกไป จะเห็นได้ว่า ทั้ง 2 ประตู การเคลื่อนที่ของผู้เล่นที่ไม่มีบอลนั้นแสดงถึงคลาสของนักเตะ ตอเรสทั้งเร็ว ทั้งล่อหลอกกองหลังได้เก่ง (ตรงนี้รูนีย์ยังขาดอยู่) ถือว่าสุดยอดครับ ในขณะที่ลูกที่ 2 ของเรา ก็แสดงถึงทีมเวิร์คของการเล่นของคนมีบอลและไม่มีบอลที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ได้ดู 2 ลูกนี้ ก็คุ้มค่าแล้วกับการดูเกมส์ที่ค่อนข้างน่าอึดอัดแบบนี้ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:01:37

ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อคืนตั้ืงแต่ได้จุดโทษแล้วตีเสมอผมว่าผมดูบอลอย่างสบายใจนะครับ เพราะผีถนัดเกมส์แบบนี้มากกว่าหงส์ เกมส์ที่เน้นแท็กติก ค่อยๆนวด ค่อยๆหาจังหวะ แล้วพอมีช่องปุ๊บก็ัซัดเลย ตรงนี้ผมมั่นใจสุดๆว่าผีทำได้ดีกว่าแน่ๆ แค่กลางกับหลังอย่าเผลอให้หงส์เท่านั้นแหล่ะ และสุดท้ายก็จบเกมส์กับผลในแบบที่หวังได้ในที่สุดเหมือนที่เคย คล้ายๆเกมส์ที่เจอ บาร์ซ่าในรอบรองปีสองพันเจ็ด ที่ชนะหนึ่งศูนย์เลยครับ จากคุณ : เจ้าชายเท้าเปล่า เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:09:40

ความคิดเห็นที่ 45 คห #42 คาร์ลิกเป็นคนที่จ่ายบอลไปติดลิเวอร์พูล (ก่อนที่จะล้ม ไม่ใช่ถูกแซะล้มแล้วจ่ายบอลเสีย) พอลุกขึ้นได้ก็วิ่งไล่กลับมาไล่ตอเรส แต่ก็ไล่ไม่สุด ไปยืนกั๊กตำแหน่งกับเนวิล แล้วก็เสียประตูครับ - ตอนนั้นผมหงุดหงิดมากเลย :-( จากคุณ : rachovii (Tahcus) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:17:14

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ rachovii (Tahcus) ครับ ผมพูดถึงโดยรวมทั้งเกมนั่นแหละครับ ที่ว่าคาร์ริกจ่ายบอลได้ต่ำกว่ามาตรฐาน คือ ต่อให้ลูกที่จ่ายได้ตรง แต่น้ำหนักและทิศทางก็ยังไม่ 100% คือ จ่ายตรงแค่ให้เพื่อนจับบอลได้ แต่ไม่ได้ถึงขนาดเล่นต่อไปได้อย่างไหลลื่นเหมือนที่เค้าเคยทำได้ทุกที แต่ก็เอาเถอะครับ ไหนๆเราก็ชนะมาแล้ว นักบอลเองก็ย่อมมีวันที่เล่นดีเล่นแย่สลับกันไป อย่าไปโทษนักเตะมากเลยครับ จากคุณ : โค้วเต๊กซิม เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:27:03

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณน้าหงบค่ะ ดีใจมากที่ชนะหงษ์ได้ แล้วกรี๊ดอีกทีตอนเชลซีเสมอ แถมแฟร์มาเล่นโดนแบนอีก 3 นัด สงสัยที่พลังกรรมการ ทีี่ป๋าตกลงไว้ คงเริ่มออกฤทธิ์และมาถูกที่ถูกเวลา เจรงๆ อิอิ จากคุณ : ไม่ได้ขอบัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:36:45

ความคิดเห็นที่ 48 การที่รูนี่ย์เก็บบอลได้มากมาย โดยเฉพาะครึ่งหลัง ผมมองว่าเป็นเพราะคาร์ร่าถูกไข้เหลือง คาร์ร่าคือตัวประกบหลักของรูนี่ย์ และถูกวางมาให้ตามรูนี่ย์ตลอดเวลา แต่พอถูกไข้เหลืองกินแล้วดูเหมือนคาร์ร่าจะไม่กล้าผลีผลามเข้าบอลอีก ทำให้รูนี่ย์ได้พักบอลเก็บบอลง่ายขึ้น ส่วนคาร์ร่าก็หันไปเก็บจังหวะสองจังหวะสามแทน เพราะรูนี่ย์ที่เก็บบอลได้ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อันตราย ยังห่างประตูพอสมควร กว่าจะได้ยิงก็ต้องแหวกไปอีกพอสมควร แต่ก็ถือว่าเจ้าตัวทำหน้าที่ได้ดีแล้ว คาร์ร่าก็เช่นเดียวกับวิดิชที่มักโดนใบแดงตอนเจอตอร์เรสนั่นแหละ เกมนี้วิดิชคุมตอร์ได้เฉียบมากๆ แต่พอโดนใบเหลืองไป ก็เหมือนจะหลวมขึ้น เกมนี้จึงเหมือนเป็นการวัดกองหลังครับ ว่าใครจะสติหลุดก่อนกัน ซึ่งผลก็คือไม่มีใครหลุด แต่คนที่หลุดดันเป็นตอร์เรสนั่นแหละ ซึ่งเป็นผลเสียต่อเกมรุกหงส์แดง ตอร์เรสเวลาหงุดหงิดก็จะขาดความนิ่งไปเยอะ ส่วนคาร์ริค ผมมองว่า เขาไม่ได้เด่นที่การเล่นเกมรับอยู่แล้ว แต่น่าจะมีความสมดุลระหว่างรุกและรับ เชื่อมเกมในลักษณะคลาสสิค เงียบๆ มากกว่าจะเป็นมิดฟิลด์ที่ดูดความโดดเด่นมาที่ตัว หรือเล่นแล้วราศีจับอ่ะครับ กรณีคาร์ริค ถ้าจะเทียบก็คงเป็นคล้ายๆพวกปิดทองหลังพระมากกว่า พอมาอยู่ยูไนเต็ด มาจับกับสโคลส์ยังพอทำเนา สโคลส์บทมันเด่นกว่าอยู่แล้ว แต่พอมาจับกับเฟล็ทช์แล้วต้องรับบทผู้นำแทน นี่ถึงเห็นครับว่าคาร์ริคไม่ใช่สไตล์นี้ ช่วงหลังๆถึงเห็นเฟล็ทช์เริ่มจะเด่นกว่าคาร์ริคขึ้นเรื่อยๆ ในแง่บู๊ล้างผลาญ แต่ถ้าสองคนนี้จับคู่กันเล่น 4-4-2 กลางเราจะขาดตัวปั้นดีๆทันที แต่จะได้กลางที่เล่นรับดี รับส่งบอลไหลลื่น ง่ายสบาย มากกว่าจะเป็นกลางแบบรุกดุดัน จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:37:43

ความคิดเห็นที่ 49 ผมกลับมองว่าคาร์ริคเหมือนโดนเหนี่ยวข้างหลังในจังหวะกำลังเปิดอ่ะครับ ทำให้จังหวะเปิดเขาเสียไป แล้วตัวเองก็เสียหลักล้มลงไปเฉยๆ ลูกนั้นดูยังไงก็ไม่มีเหตุให้ล้มลงแม้แต่น้อย โดยเฉพาะคนอย่างคาร์ริค หากจำได้ คล้ายๆพอบอลมาถึงคาร์ริคแล้วจะมีตอร์เรสควบตัดหลังมา จังหวะเดียวกับที่คาร์ริคเปิดบอลแล้วขาจะเสียหลักไป บอลกระดอนผู้เล่นหงส์กลับมา ส่วนคาร์ริคก็ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นพยายามสกัด กว่าจะลุกมาก็กวดไม่ทันเขาแล้ว แล้วก็ไม่ได้เข้าไปกดดันตอร์เรสในจังหวะสุดท้ายด้วย ผมถึงบอกว่า ลูกนี้ไม่อยากโทษใครเป็นรายบุคคล มันเหมือนหลุดกันหมด และจากจังหวะที่บอลมาถึงเคาท์ ก็ควรยกความดีความชอบให้เคาท์-ตอร์ ด้วย ที่ประสานงานกันได้รู้อกรู้ใจจริงๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 13:53:23

ความคิดเห็นที่ 50 ส่วนประตูชัยควรให้เครดิตฝั่งเจ้าบ้านมากกว่าจะโทษนักเตะทีมเยือน แต่ถ้าหากจะหาให้ได้ ก็คงเป็นคำถามว่าทำไมปล่อยให้เฟล็ทช์ได้เปิดง่ายๆโล่งๆแบบนั้น จากคุณ : สงบใจ ^ ^ ที่เฟล็ทเชอร์ได้เปิดง่ายๆ นั้น ผมได้ rewind ดู  เห็นเฟล็ทเชอร์พอได้บอลถูกผู้เล่นหงส์ 2 คน เข้ามาบังไม่ให้เปิดบอลง่ายๆ  พอดีเนวิลล์โอเวอร์แลบอ้อมหลังเข้ามา ทำให้ตัวประกบเฟล็ทเชอร์ คนหนึ่งโดนดึงออกไปตามเนวิลล์ ทำให้มีที่ว่างให้เฟล็ทเชอร์โยนเข้าไปอย่างสวยงามครับ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 14:35:46

ความคิดเห็นที่ 51 ที่เฟล็ทเชอร์ได้เปิดง่ายๆ นั้น ผมได้ rewind ดู  เห็นเฟล็ทเชอร์พอได้บอลถูกผู้เล่นหงส์ 2 คน เข้ามาบังไม่ให้เปิดบอลง่ายๆ  พอดีเนวิลล์โอเวอร์แลบอ้อมหลังเข้ามา ทำให้ตัวประกบเฟล็ทเชอร์ คนหนึ่งโดนดึงออกไปตามเนวิลล์ ทำให้มีที่ว่างให้เฟล็ทเชอร์โยนเข้าไปอย่างสวยงามครับ --->  ก็เหมือนที่ผมวิพากษ์ในบทความแหละครับ คุณเลขาลิขิต การเคลื่อนที่ของเนวิลล์ตัดหลังเฟลทช์นั้นช่วยดึงสมาธิกองหลังหงส์แดงได้เยอะ แต่จริงๆแล้วตอนนั้นมีตัวคุมสองคนแล้วน่าจะเข้ามาปิดทางก่อนคนหนึ่ง เวลาที่บอลอยู่กับเฟล็ทช์เนี่ยนานมากนะครับ ก่อนเนวิลล์จะอ้อมหลังมาเนี่ย จริงๆแล้วน่าจะมีคนหนึ่งเข้ามาบังหรือพัวพันก่อนเลย อีกคนก็เข้าซ้อนตาม คล้ายๆจังหวะที่วาเลนเซียเจาะเข้าไปได้ลูกโทษนั่นแหละ มีมาสช์พัวพันตั้งแต่ไกลๆ กองหลังสองคนกลับยืนคุมโซนไม่ยอมออกมาช่วย คือผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่า ถ้าเข้ามาบังมาช่วยมันจะช่วยได้แค่ไหน หรือจะโดนหลอกหัวทิ่มตามไป แต่การปล่อยให้สู้ตัวต่อตัวในลักษณะแบบนั้น หรือปล่อยพื้นที่ให้เล่นแบบนั้น มันก็อันตรายอยู่ดี จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 14:59:59

ความคิดเห็นที่ 52 ผมมองว่า จังหวะที่ได้ ประตูที่ 2 นั้น เป็นการเล่นที่เข้าใจระบบ และการเข้าใจเกมส์ ของนักเตะแมนยู เองครับ ทั้งวิ่ง ทำทาง และดึงจังหวะที่จะเปิดบอลเข้าไปยัง เขตโทษ และความกล้าของปาร์ค ที่เขาหน้าไปปะทะ กับเท้า ในการทำประตู จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 15:04:51

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดีๆ และคอมเม้นท์ดีๆ ด้วยค่า จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 15:21:38

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับ จากคุณ : ทางสีฝุ่น เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 15:22:37

ความคิดเห็นที่ 55 ผมเห็นด้วยกะ#42นะ ที่ป๋าเปลี่ยนกิ๊กซ์ลงไปทำให้ GJ กล้าเติมเกมส์รุก ไม่เหมือนตอนที่นานี่อยู่เขาจะไม่ค่อยดันขึ้นสูง #32 ผมก็เหมือนกันพอดร็อกบายิงนำเลยเข้านอนคิดว่าสกอร์คงไหลแน่ๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าตื่นเช้ามาจะได้รับข่าวดีสิงห์ทำได้แค่เสมอ จากคุณ : ปีศาจ ไม่มีเกิบ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 15:57:36

ความคิดเห็นที่ 56 กิ๊ฟเดือนนี้หมดไปแล้ว  แต่แวะมาอ่านบทวิพากษ์ดีๆเช่นเคยค่ะ ขอบคุณค่า เย้ๆๆ จากคุณ : ดาวเคียงดอย เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 16:12:20

ความคิดเห็นที่ 57 คุณปริ้นซ์เทพขึ้นเรื่อยๆแล้ว ดีใจๆ ผมคิดเหมือนคุณสงบใจเลยครับ แอบกลัวตอนเบนายูนลงมา.. แต่สุดท้ายก็ชนะ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Winraul เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 16:25:31

ความคิดเห็นที่ 58 อีก 7 นัดที่เหลือ (ใช่มั้ยเนี่ย) ก็อย่าพลาดละกันครับ เก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ ลุ้นกันต่อไปครับ จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 16:41:21

ความคิดเห็นที่ 59 ปาร์คยิงได้ในเกมระดับห้าดาวอย่างนี้  ได้ใจแฟนผีไปอีกอื่้อซ่า โดยเฉพาะช็อตตบที่ตราสโมสรตรงหน้าอก ในการฉลองลูกยิง แถมยังทุ่มเทขนาดยอมเสียเลือดขนาดนี้ ให้พวกผู้ดีที่แอนตี้ต่างชาติแค่ไหน  ก็ต้องยอมซูฮกจิตใจของตี๋ปาร์คครับ จากคุณ : เดอะ ปูด เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 16:59:19

ความคิดเห็นที่ 60 คุณโค้วเต๊กซิม, คุณสงบใจ ขอบคุณครับ ผมเพียงแต่เครียดนิดหน่อยในช่วงที่เสียประตูแรก พอเกมส์จบผมก็เอาเทปมา replay แล้ว replay อีก ผมอ่านบอลไม่เก่งแต่ชอบเอาเทปมาดูซ้ำ ๆ แล้วหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไม? ทำไม? น่ะครับ จากคุณ : rachovii (Tahcus) เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 17:01:25

ความคิดเห็นที่ 61 คุณโค้วเต๊กซิม, คุณสงบใจ ขอบคุณครับ ผมเพียงแต่เครียดนิดหน่อยในช่วงที่เสียประตูแรก พอเกมส์จบผมก็เอาเทปมา replay แล้ว replay อีก ผมอ่านบอลไม่เก่งแต่ชอบเอาเทปมาดูซ้ำ ๆ แล้วหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไม? ทำไม? น่ะครับ จากคุณ : rachovii (Tahcus)   333333333333333333333333333333333333333333 อย่าให้เครียดครับ เรามุ่งหวังแค่ตรงนี้เท่านั้นแหละ มุมมองต่างกันได้ แลกเปลี่ยนกัน สนุกดีครับ คุณมองอย่าง ผมมองอย่าง คุณโค้วมองอย่าง มันคือปกติ แตกต่างได้ แต่คุยกันได้ ไม่ได้มาเกทับกันนะครับ ดูบอลแล้วดูให้สนุกครับผม อย่าเครียด แล้วหลังจากนั้น คุณจะรักมันขึ้นอีกเยอะ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 17:10:09

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีครับคุณหงบ เมื่อคืนเป็นเกมส์ที่น่าอึดอัดจริงๆ ครับ ก็เข้าใจว่าตอนนี้เราต้องเน้นผลงานมากกว่ารูปเกมส์นะครับ แต่นิสัยเด็กผีอ่ะครับ เห็นทีมรักเล่นเกมส์รับแล้วมันไม่ได้อย่างใจ หุหุ แต่ป๋าก็แสดงให้เห็นตั้งแต่ต้นเกมส์แล้วนะครับ ว่าเกมส์นี้หวังผลมากๆ รูนเองก็เหมือนกัน หลายๆ เกมส์ที่เขามักจะโวยวายเพื่อนที่ไม่ช่วยเติม แต่เกมส์นี้สังเกตว่าไม่มีโวยเลยนะครับ (แค่แอบทำหน้าเซ็งนิดๆ) แต่ยังไงก็ดีใจครับที่ทีมเราชนะมาได้ แล้วยิ่งเชลซีมาสะดุดเองแบบนี้แล้ว เหมือนได้ป๊อก 3 เด้งเลย สุดท้ายก็ต้องขอบคุณ คุณหงบสำหรับบทวิพากษ์ดีๆ เหมือนเคยครับ จากคุณ : กระต่ายน้อยเล่นโยคะ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 17:19:50

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนเสียลูกแรก เคืองกองหลังจริงๆ ปล่อยให้ ตอ ยื่นเ้ด่ เดี่ยวๆได้ไง ส่วนปาร์ค เล่นดีครับ แต่หลายจังหวะฝืนไปเองแล้วเสีย แต่บางทีเห็นว่าไปไม่น่ารอด กลับไปได้เฉยเลย อึ่งจริงๆ สรุป รวมๆแล้ว เฟลท ยังดีกว่าอยู่นะ ผมว่า แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 53 17:35:47 จากคุณ : ดาวเหิน เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 17:32:45

ความคิดเห็นที่ 64 เจ็ดนัดนับถอยหลังแล้ว จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 18:59:41

ความคิดเห็นที่ 65 แม้ว่า ระดับความมันส์..ของเกม เมื่อคืน.. จะได้แค่ 6 ตีนถีบ..เมื่อเทียบกับ เกมระดับ 10 ตีนถีบ ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ แมนฯ ซิตี้ ที่ผ่านมา... แต่ก็ดีใจ กับ ชัยชนะเหนือหงส์แดง ..แถม เชลซี เริ่ม "แผ่วปลาย" ให้เห็นอย่างไม่น่าเชื่อ..ซึ่งอาจเป็นเพราะ ขาดตัวหลัก ๆ อย่าง เอสเซียง โบซิงวา แอชลีย์ โคล และ คาร์วัลโย่ ไปพร้อม ๆ กัน ก็ได้... อย่างไรก็ตาม อีก 7 นัดที่เหลือ ..ก็ยังนับว่า มี "ศึกหนัก" รอให้พิสูจน์อีกหลายนัด..ซึ่งห้ามประมาทเด็ดขาด..!! ในช่วงโค้งสุดท้ายเข้าเส้นชัย หรือ run-in นี่.. ไม่ต้องมาพูดถึง "ความสวยงามของรูปเกม" กันแล้วล่ะครับ.. (ปล่อยให้ ปืนใหญ่ เข้า "บ้าความสวยงาม" ในการจ่ายบอล ทีมเดียวพอ..ฮ่า ๆ ๆ) ทุก ๆ เกม เน้นที่ "ชัยชนะ" และ 3 แต้ม เท่านั้น แบบฝรั่งเรียกว่า Grind it out ..กัดฟันสู้ บดบี้บู๊ ตลอดเกม เป็นพอ ..!! ตอนนี้ หลาย ๆ สำนัก ต่างก็ เริ่ม ยกให้ เด็กปืน.. มีโอกาส เป็น "ตาอยู่" มาก ๆ .. โดยเฉพาะ หลังจากเสร็จศึก UCL กับ บาร์ซ่า แล้ว ..ก็คงจะ "ว่าง" มากขึ้น..อิอิ.. ซึ่งจะทำให้ ปืนใหญ่ เหลือ ตารางการแข่งขัน น้อยกว่า ทุกทีม.. (เชลซี ยังเหลือ แชมป์ FA Cup ให้ลุ้นอยู่..แบบที่ เฮียมู แก "เสียดสี" เอาไว้ว่า เชลซี คงจะ win something..ขณะที่ อินเตอร์ win important thing ..หุห) ปีนี้ วัดกันไปเลยว่า "ดวง" ของ รูนี่ย์ กับ เชส ฟาเบรกราส.. ใครจะเป็น "นักเตะยอดเยี่ยม" .. แต่ผมว่า "ดวง" ของ เวย์น รูนี่ย์ น่าจะ เหนือกว่า เชส อยู่ นิด ๆ นะ ?? หรือพวกเรา ว่าไงครับ ?? ..... จากคุณ : จิตตารมณ์ เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 20:59:36

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับบทความแล้วก็ทัศนคติมันส์ๆดีๆหลังเกมนะครับ ชอบๆ จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 21:00:39

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดี ๆ ค่ะคุณสงบใจ เมื่อคืนนี้เป็นวันที่ดีสำหรับทีมเราจริง ๆ ค่ะ  อะไร ๆ ก็เป็นใจ  ขอให้เป็นใจไปจนจบฤดูกาลเลยน้าา  ^^ จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 22:02:32

ความคิดเห็นที่ 68 หวัดดีป๋าหงบ     หงส์เละ  TIA Column ก็เละ จากคุณ : ชายกลางเก่า เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 23:04:35

ความคิดเห็นที่ 69 ไม่รู้จะว่าไง ขอสั้นๆบ้างว่า นัดนี้วินัยนักเตะสุดยอดครับ จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 53 23:41:30

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณฮะ ลุงหงบ ปล. นัดนี้เจ้าหมูเล่นแบบเกร็งๆ ยังไงไม่รุแหะ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 08:59:02

ความคิดเห็นที่ 71 เฟอร์กี้   แก้เกม  ทำการบ้านมาดี ปาร์ค  และ เฟรช  ไล่บี้    พวกหงษ์ ทีตอนนี้ กรอบ อยู่แล้ว  ลิ้นห้อยเลย ปาร์ด ไปฝึก โหม่ง  มาจากไหนเนี่ย    ป๋าเรา จับฝึก เป็น อาวุธใหม่ โหม่ง กันทั้ง ทีมเลย เล่นแบบใช้หัวจริงๆ จากคุณ : จัตตาโร เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 10:50:34

ความคิดเห็นที่ 72 เฟล็ทเชอร์ เป็นกองกลางที่เราขาดไม่ได้แล้วจริงๆ ในเกมส์ใหญ่ๆ ไม่น่า้ชื่อนะครับ ป๋าปั้นได้จริงๆอะ จากคนที่ไม่มีแววรุ่งอะไรเลยอะ จากคุณ : dabodabo55 เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 10:51:56

ความคิดเห็นที่ 73 มีข่าวหมูเจ็บจากเวบสยามสปอร์ตครับ หวังว่าจะไม่จริงหรือไม่หนักมาก ถ้าเจ็บ เสาร์หน้าเจอโบลตัน สงสัยอาจไม่ได้ลง (เก็บตัวเจอบาเยิร์นด้วย) จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 12:03:15

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดีๆครับ   นัดนี้ผมก็ยกให้เฟล็ทเป็นMoMครับเพราะแกทำงานของแกได้เนียนจริงๆ แถมยังเติมเกมรุกไปเปิดเป็นประตูชัยให้ทีมได้อีก ส่วนปาร์คนัดนี้ ถ้าไม่นับประตูชัยที่โหม่งได้ ผมว่า ปาร์คเล่นแบบที่ไม่ใช่ตัวเองนะครับ คือ ปกติ ปาร์คจะเป็นผู้เล่นที่ไม่ค่อยครองบอล หรือ พาบอลไปกับตัวมากเท่าไหร่ จะเน้นจ่ายเร็วให้เพื่อนมากกว่า พอเปลี่ยนสไตล์มาครองบอลเยอะขึ้น ด้วยสรีระทางร่างกายที่เล็กไปหน่อย ทำให้บางจังหวะโดนแซะหรือโดนเบียดแล้วเสียบอลแบบง่ายๆหลายครั้งมาก แม้บางจังหวะจะทำให้ได้ฟาล์วก็ตามครับ ส่วน7นัดที่เหลือ กังวลกับตาอยู่อย่างอาร์เซนอลมากกว่าเชลซีครับ เพราะโปรแกรมที่เหลือของเค้าไม่หนักเท่าไหร่ ยังไงก็ช่วยกันลุ้นต่อไปครับ จากคุณ : gigzy เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 15:52:25

ความคิดเห็นที่ 75 บอกตามตรง อ่านไปก็ขำไปไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่า เทพเฟลทช์ผู้เป็นแกนนำของสี่จตุรเทพเก่า จะกลายมาเป็นแกนนำของทีมแมนยูได้่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ จากคุณ : torwat_fc เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 53 16:47:45