ความคิดเห็นที่ 1 ยากพอกันครับ ยูโรเปี้ยนคัพสมัยก่อน เข้าร่วมยาก (ต้องเป็นแชมป์ลีกเท่านั้น) และการเล่นน็อคเอาท์ทุกรอบ จะพลาดกันไม่ได้เลยแม้แต่รอบเดียว UCL เข้าร่วมง่ายกว่า และรอบแรกแบบแบ่งกลุ่มอาจจะพลาดได้ 1-2 นัด (บางทีมไม่ชนะ 3 นัดยังเข้ารอบได้เลย) แต่ก็จะมีทีมเก่งๆ เข้าร่วมมากขึ้น ทำให้คู่แข่งในรอบน้อคเอาท์แทบไม่มีหมูเลย จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 03:43:51

ความคิดเห็นที่ 2 อืม... ตอบยากครับ แต่ถ้าถามว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน ผมชอบแบบเมื่อก่อนมากกว่า เพราะมันคือ "แชมเปี้ยนส์ลีก" ของแท้ มีแต่ทีมแชมป์มาแข่งกัน ปล. ช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อ UCL ก็ยังจะเป็นเฉพาะทีมแชมป์เท่านั้น ที่สามารถเข้าร่วมได้ นะครับ จากคุณ : seifiros เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 03:58:16

ความคิดเห็นที่ 3 UCL ง่ายกว่าเยอะครับ เพราะการแข่งขันที่แท้จริงมันเริ่มในรอบ 16ทีมสุดท้ายนะในมุมมองผม ส่วนรอบแบ่งกลุ่มเหมือนเป็นการวอร์มอัพของทีมใหญ่ๆมากกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความยากในการเข้าร่วมแข่งขันเลย ยูโรเปี้ยนคัพต้องเป็นแชมป์ลีกเท่านั้น ดังนั้นทีมๆนึงหากพลาดตกรอบแล้วกว่าจะได้มาแข่งอีกอาจต้องรอไปอีกหลายปีทีเดียว ไอ้คำพูดประเภท "ไม่เป็นไรปีหน้าเอาใหม่" นั้นไม่ใช่พูดได้ง่ายๆเหมือนปัจจุบัน ใน10ปี ทีมชั้นนำซักทีมนึงอาจได้โอกาสมาเล่นไม่เกิน2-3ครั้งเท่านั้น ไม่ใช่มาร่วมเป็นประจำทุกปีแบบเดี๋ยวนี้ ไม่ว่ามองมุมไหนยูโรเปี้ยนคัพสมัยก่อนก็ยากกว่าครับ UCL สมัยนี้ทีมใหญ่ๆมาร่วมเยอะก็จริง แต่การจะเป็นแชมป์ได้นั้นก็ไม่จเป็นต้องชนะทีมเหล่านั้นทั้งหมดแต่อย่างใด เพราะแต่ละทีมก็ต้องไปตัดกันเองมาก่อนอยู่แล้ว เราจะได้เจอทีมแข็งจริงๆก็ไม่กี่ทีมเท่านั้น จำนวนรอบในการแข่งขันแบบซีเรียสๆ UCLสมัยนี้ผมว่าเริ่มที่รอบ16ทีมสุดท้าย ต้องผ่านคู่แข่งแค่3ทีมเท่านั้นก็ได้เข้าชิงแล้ว แต่ยูโรเปี้ยนคัพสมัยก่อน รอบน๊อคเอาท์น่าจะมากกว่ารอบ16ทีมนะ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 04:14:31 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 04:11:38

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อก่อนมันคือคอนเซ็บของ "แชมป์เปี้ยน" ลีคจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้มันคือคอนเซ็บของ "ธุรกิจ" จากคุณ : ขุนนางหนุ่มสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 04:59:58

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ ณ วันนี้ผมว่า UCL ได้แชมป์ยากกว่านะครับ แบ่งกลุ่มรอบแรกถึงจะมีทีมจากลีกรองๆ มาร่วมแต่พวกนี้ก็ทำให้ทีมใหญ่ร่วงให้เห็นเป็นประจำ พอถึง 16 ทีมบางทียังหลุดตามไปอัดทีมใหญ่แบบล็อกถล่มอีก โอเคของจริงอาจเริ่มประมาณรอบแปดทีม ซึ่งพอถึงตอนนั้นต้องบอกว่า ไม่ว่าใครเจอใครก็ยากพอกันแน่นอน....เทียบง่ายๆ ถ้าปัจจุบันยังเอาแชมป์มาชนแชมป์ ถามว่า บาซ่ามันจะไมลูบปากเลยเหรอครับ ถ้าเจอแชมป์จากฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส สก๊อตแลนด์ จากคุณ : Always Red เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 07:46:16

ความคิดเห็นที่ 6 ยูโรเปี้ยนคัพ ยากตรงการเข้าร่วมครับ เพราะต้องเป็นแชมป์ลีกในประเทศเสียก่อน   แต่ได้แชมป์ไม่ยากครับ เพราะ ทีมที่เก่งพอจะคว้าแชมป์ได้ก็มีไม่กี่ทีม เช่นทีมจากลีกอิตาลี อังกฤษ สเปน หรือฮอลแลนด์(สมัยก่อน) เท่านั้น  นอกนั้น ทีมอะไรครับ อีเอเค เอเธนส์,  มัลโม, วิดซอว์ ลอดจ์ ฯลฯ ส่วน UCL ง่ายตรงเข้าร่วมครับ  แต่ได้แชมป์ยากกว่า เพราะมีทีมเก่ง ๆ เขี้ยว ๆ เยอะมาก แต่โดยรวมแชมป์ก็วนอยู่แถว ๆ อิตาลี อังกฤษ สเปน อยู่ดี จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 08:21:35

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นตรงกับ คห 6 แหละครับ สมัยก่อนเข้าร่วมแข่งยากกว่า ... แต่สมัยนี้เป็นแชมป์ยากกว่า ... ทีมเขี้ยวๆ ที่หลุดมาจากลีกที่ไม่ค่อยรู้จักเยอะขึ้น แนวทางการเล่นจับยากขึ้น และแน่นอน ทีมโนเมนเจอกะทีมใหญ่มันเล่นเกินร้อยทั้งนั้น ---- รอบแบ่งกลุ่มเจอหมูเขี้ยวตัน หลังจากนั้นก็เหลือแต่ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งนั้น บางทีมก็สบักสบอมมาตั้งแต่รอบแรกแล้ว แมทช์แข่งเยอะขึ้น แถมบางทีในลีกตัวเองยังหนักอีก ถ้าไม่เก่ง + เฮง จริงๆ ยากสสสสส์ จากคุณ : Always Red เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 08:38:10

ความคิดเห็นที่ 8 5สมัยของหงส์แดง นี่แหละยากสุดๆครับ ฝีมือสุดๆจริงๆ คุยได้ถึงเหลนบวชเลยละครับ ยิ่งตอนที่ได้แชมป์ แล้วปีนั้นในลีกอันดับไม่ถึง ยังขอร้องยูฟ่าให้ไปป้องกันแชมป์ได้เลยละครับ สุดยอดไหมละ ทีมเขาเจ้ายุโรปตัวจริงเสียงจริง ใครอย่าเถียง เผลอๆปีนี้ ได้ต่ำกว่าที่4 อาจจะไป ucl ได้อีก ใครจะรู้ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 08:48:28 จากคุณ : Realize เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 08:44:43

ความคิดเห็นที่ 9 UCL ได้แชมป์ยากกว่า สมัยก่อน แชมป์ลีกที่เจ๋งๆมีอยู่แค่ไม่กี่ประเทศ4-5ประเทศได้ จะมีทีมเก่งๆแค่ 4-5 ทีมเท่านั้น แต่ UCL จะมีทีมเก่งเพิ่มเข้ามาอีกนับ10ทีม เพราะทีมที่ได้อันดับ2-3ในลีกใหญ่ไม่ได้ต่างจากแชมป์เท่าไร ไม่ว่าจะเป็น รีล บาซ่า เชลซี แมนยู ปืน เสือใต้ ยูเว่ มิลาน อินเตอร์ ลิเวอร์พูล วาเลนเซีย ลาซิโอ เลเวอร์ เป็นต้น ถ้าสมัยก่อนจะมีได้แค่4ทีมเท่านั้นมีได้สิทธิ์ ถ้าผ่านทีมใหญ่ได้รอบต่อไปก็สบายแล้ว แต่สมัยนี้ต่อให้ชนะรีลได้รอบต่อไปอาจจะเจอบาซ่าอีก จากคุณ : Cigarette Smoking Man เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 09:00:00

ความคิดเห็นที่ 10 ยูโรเปี้ยนคัพยากกว่าในแง่ของการเข้าร่วม เพราะต้องเป็นแชมป์ลีกในประเทศมาก่อนเท่านั้น โดยเตะแบบนอกเอาท์ เริ่มที่รอบ 32 ทีม (มี 2 ปีสุดท้าย 1991 กับ 1992 ที่รอบ 16 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม แล้วเอาแชมป์แต่ละกลุ่มมาชิงชนะเลิศกัน ซึ่งผมว่าได้แชมป์ง่ายกว่าเพราะทีมที่จะมาจากลีกใหญ่ๆ ก็จะมีน้อยลงไปด้วย ทีมใหญ่ๆมาเจอกันเองก็เป็นรอบลึกๆเหมือนกันครับ แต่ UCL การเข้าร่วมง่ายกว่าเพราะเอาทีมอันดับ 3-4 ด้วย แต่ผมว่าได้แชมป์ยากกว่าเพราะกว่าจะผ่าน ทั้งรอบแบ่งกลุ่มที่ต้องเจอกับแชมป์ลีกรองๆ และทีมอันดับ 3-4 จากลีกใหญ่ แล้วยังต้องมาเล่นรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมอีก ซึ่งแทบไม่ต่างกับรอบน็อกเอาท์แบบเก่าทีมเลย เพราะทีมใหญ่ๆยังอยู่เกือบครบเหมือนกัน จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 09:11:58

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนแรกจะมาตอบเหมือนกันว่า UCL ได้ยากกว่า แต่พอคิดถึงหลักที่ว่า แชมป์ลีกแต่ละประเทศเท่านั้น ที่จะได้แข่ง ยูโรเปี้ยน คัพ แล้ว ระบบเก่าเขี้ยวกว่าชนิดเทียบกันไม่ได้เลย UCL อนุญาตให้ทีมอันดับ 2-4 ลงแข่งมาตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งถ้าใช้กฎเดิม จะไม่ปรากฏชื่อทีมเหล่านี้ในฐานะแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1999 Manchester United 2000 Real Madrid 2003 Milan 2005 Liverpool 2007 Milan 2009 Barcelona จากคุณ : waanjorjae เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 09:16:23

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าในแง่ของทีมใหญ่ ผมว่า UCL ง่ายกว่า เพราะมีโอกาสเล่นทุกปี แต่ถ้าทีมเล็ก UCL ก็แค่ได้เล่นโอกาสได้แชมป์แทบไม่มี ลองดูสิครับ UCL ปัจจุบันแชมป์ผูกขาดอยู่กับไม่กี่ทีม เหตุผลก็คงเปนเพราะในสมัยก่อนที่เปนยูโรเปี้ยนคัพ แต่ละชาติได้ทีมเดียว และที่สำคัญก็คือโควตานักเตะต่างชาติมีได้แค่ 3 คน ทำให้ทีมใหญ่ไม่สามารถสร้าง "ทีมรวมดาราโลก"  ได้เหมือนปัจจุบัน ทำหให้ทีมจากชาติเล็ก ๆ เช่นพวกยุโรปตะวันออกจึงมีสิทธิ์ได้บ้าง จากคุณ : RAKANG เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 09:18:09

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่า สมัยก่อนดูขลังกว่านะ จากคุณ : northside gang เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 10:02:43

ความคิดเห็นที่ 14 ยูโรเปี้ยนคัพยากกว่า จากคุณ : 123 ปลาฉลามขึ้นบก เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 10:11:16

ความคิดเห็นที่ 15 แบบเก่า ทีมจากสก๊อต ฮอลล์แลนด์ ยังเคยได้แชมป์ ไม่ใช่เหรอครับ แบบใหม่ รอบแรกแรก ทีมใหญ่โดนหมูกัดตกรอบก็มี จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 11:04:39

ความคิดเห็นที่ 16 ช่วงจะเข้ามาเล่นสมัยก่อนยากกว่า (ต้องแชมป์ลีกเท่านั้น) แต่พอมาเล่นแล้วสมัยนี้ได้แชมป์ยากกว่า (ทีมโหดเยอะกว่า) จากคุณ : the gooner เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 11:04:39

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ว่า Schemas ของคำถามจะเป็นแบบไหน ผมก็ว่ายูโรเปี้ยนคัพเป็นแชมป์ง่ายกว่า UCL เพราะแข่งไม่กี่นัดก็เข้าชิงและเป็นแชมป์ได้แล้ว ดูน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์สิครับ เคยได้แชมป์ลีกในประเทศ 1 ครั้ง แต่เป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 2 สมัย เรามีชื่อของทีมจากประเทศต่างๆที่นอกเหนือจากประเทศที่เป็นลีกใหญ่ๆ เป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพมากมาย ถ้า UCL ง่ายกว่า ทำทีมที่มีศักยภาพสูงอย่างเชลซี(หรืออาร์เซน่อล, อินเตอร์ฯ) ในปัจจุบัน ถึงทำได้แค่ดูทีมอื่นเข้าชิง จากคุณ : z2k เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 11:12:44

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าเราต้องพูดถึงระบบนักเตะในเครือEUด้วยนะครับ สมับก่อนนักเตะที่ไม่ใช่คนชาตินั้น ก็ถือว่าเป็นโควต้านักเตะต่างชาติหมด (ลงได้3คน) ระบบนักเตะในEUไม่นับเป็นโควต้านักเตะต่างชาตินี่น่าจะเริ่มพร้อมๆกับการเปลี่ยนจาก Eurpean Cup มาเป็น UCLนะ ทีมที่ได้เเชมป์UCLบางทีมีนักเตะชาติตัวเองไม่ถึงครึ่ง จากคุณ : Johnny Black เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 11:14:52

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยครับ การแข่ง UCL พวกทีมที่เป็นไม้ประดับก็จะกระเด็นตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ^^ ทีมไม้ประดับทั้งหลายก็เลยต้องไปแข่งยูโรป้าซึ่งน่าจะมีลุ้นมากกว่า จากคุณ : Happy Wanderer เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 11:29:29

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วเห็นด้วยกับหลายความเห็นครับ สำหรับผม คิดว่า การคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนสมัยก่อน น่าจะยากกว่า เริ่มจากการเข้าร่วม เพราะต้องเป็นแชมป์ลีกในประเทศเท่านั้น  ขนาดแชมป์เก่าเป็นแชมป์ลีกด้วย ยูฟ่ายังไม่ยอมให้ทีมอันดับ 2 ของลีกไปแข่งในนามประเทศนั้นๆ เลย  (ยกตัวอย่าง ปี 1977 ลิเวอร์พูลเป็นทั้งแชมป์ลีก และแชมป์ยูโรเปี้ยนด้วย    แต่ปีถัดไป อังกฤษก็ส่งทีมแข่งได้ทีมเดียว คือ ลิเวอร์พูล จนกระทั่งในปี 1978 ลิเวอร์พูลได้แชมป์ยูโรเปี้ยนอีก ในขณะที่ฟอเรสต์ได้แชมป์ลีก ปี 1979 อังกฤษ จึงมีทีมเข้าร่วมยูโรเปี้ยน 2 ทีม ซึ่งผลรอบแรกทั้งคู่ก็โคจรมาพบกันพอดี) สำหรับการประกบทีม ถ้าเป็นสมัยก่อนไม่มีทีมวาง ไม่มีการจัดอันดับ ตามค่าสัมประสิทธิ์  ทีมใหญ่ทีมเล็ก ทุกอย่างขึ้นกับการจับสลาก  เพราะฉะนั้น โอกาสเข้ารอบลึกๆ หรือตกรอบเป็นไปอย่างเท่าเทียม  (ยกตัวอย่าง 2 ทีมจากเกาะอังกฤษมาเจอกันตั้งแต่ รอบแรก ในปี 1979   และการจับให้แชมป์ลีกอังกฤษอย่างลีดส์ มาเจอกับแชมป์จากลีกเยอรมันอย่างสตุ๊ตการ์ทในรอบแรกของปี 1992 เป็นต้น)   จากที่ว่ามา ทำให้การเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนนั้น ต้องเน้นกันทุกนัด ในขณะที่ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกนั้น  ความเข้มข้นจะเริ่มขึ้นในรอบน้อคเอาท์ แต่ก็ยังมีทีมวางไม่ให้เจอของแข็งกันไปก่อน ในขณะที่สมัยก่อนเจอทีมแข็งเป็นเจอไม่มีหลบกัน   ระบบใหม่ของยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก จึงเอื้อต่อทีมใหญ่มากกว่าโดยเฉพาะในรอบแรก ไม่ต้องเต็มสูบมาก แค่ประคองตัวเก็บแต้มในบ้านทั้ง 3 นัด ผสมกับเล่นนัดเยือนดีๆหน่อยสัก 1-2 นัด ก็เข้ารอบแล้ว เผลอๆ บางทีแพ้ 3 นัด ยังได้เข้ารอบเลย  จะเห็นได้นะครับ ว่า เมื่อถึงรอบ 8 ทีม หรือรอบรอง สุดท้ายมันก็ไอ้หน้าเดิมๆอยู่นั่นแหละ  ซึ่งทุกทีมในรอบลึกๆนั้น ล้วนแต่มีศักยภาพที่จะเป็นแชมป์ได้พอๆกันหมด อยู่ที่ว่าวันนั้นจะเล่นได้ดีขนาดไหน หรือว่า มีโชคมีอะไรคอยช่วยอยู่หรือเปล่า อย่างเช่น  เชลซีตกรอบรองปีที่แล้ว เพราะกรรมการเป็นต้น ท้ายสุด ผมอยากเล่าดีกรีของความเข้มข้นของฟุตบอลทั้ง 2 รายการนี้ในมุมมองของทีมเล็กๆ ที่เคยมีโอกาสเข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นครับ ปี 1992 ลีดส์ได้แชมป์ลีก เข้าร่วมยูโรเปี้ยนปีถัดไปดันจับสลากเจอแชมป์บุนเดสลีกาอย่างสตุ๊ตการ์ท นัดแรกไปเยือนลีดส์แพ้ 0-3 พอกลับมาเล่นที่เอลแลนด์โร้ด ลีดส์เน้นสุดๆ เอาชนะไป 4-1 ซึ่งจริงๆแล้วก็ต้องตกรอบด้วยประตูทีมเยือน   แต่ไม่ครับ เพราะความกดดันที่ต้องเน้นกันสุดๆ เลยทำให้ คริสตอฟ ดอร์ม ผจก.ทีมสตุ๊ตการ์ท ลืมตัวส่งผู้เล่นต่างชาติเกิน 3 คน และคู่นี้ต้องเพลย์ออฟกันใหม่ ก่อนลีดส์ชนะ 2-1 เข้ารอบ ถ้าเป็นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก จะไม่มีเหตุการ์ณดราม่าแบบนี้แน่นอน เพราะแชมป์จากลีกอังกฤษ จะต้องอยู่คนละสายกับแชมป์เยอรมันแน่นอน ปี 2000 ลีดส์เข้าแข่งยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และทำผลงานได้ดี เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ในความเป็นจริง ถ้าเอาระบบเดิมมาใช้ ผมว่า ลีดส์ตกตั้งแต่รอบแรกแล้วครับ เพราะนัดแรกก็เจอบาร์ซ่าขย่มเสียเละเทะที่คัมป์นู 4-0 หาทางกลับบ้านไม่เจอ ถึงกลับมาเล่นที่เอลแลด์โร้ด ยังไง ผมว่าลีดส์ก็ยิงบาร์ซ่าไม่ถึง 4 ลูกแน่ๆ (และในความเป็นจริงก็เสมอกัน 1-1) แต่ด้วยความที่เป็นระบบแบ่งกลุ่ม เมื่อบาร์ซ่าดันฟอร์มหลุดไปแพ้เบซิคตัส ในขณะที่ลีดส์ไล่ตบเบซิคตัส 2 นัด เสีย 10 ประตู สุดท้ายแล้ว ในกลุ่มนั้นก็กลายเป็นมิลานกับทีมที่แพ้ยับนัดแรกอย่างลีดส์ครับ ที่เข้ารอบ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 11:53:16 จากคุณ : อาร์คีมิดิส เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 11:50:56

ความคิดเห็นที่ 21 ปี 2000 ลีดส์เข้าแข่งยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก นัดแรกก็เจอบาร์ซ่าขย่มเสียเละเทะที่คัมป์นู 4-0 --- แสดงว่า UCL ยากกว่า เพราะขนาดชนะนัดแรก 4 - 0 ยังไม่สามารถเข้ารอบต่อไปได้ เหตุผลผมใช้ได้ป่าว จากคุณ : z2k เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 12:17:10

ความคิดเห็นที่ 22 แบบเก่ายากกว่าครับ  เน้นทุกนัด ไม่มีโอกาสแก้ตัว ไม่มีการจัดทีมวาง หรืออะไรทั้งสิ้น โอกาสเจอกันมาก่อนหรือการรู้ทางกันน้อยมาก วัดกันรอบต่อรอบ นัดต่อนัด เกิดช่วงนั้น นักเตะบาดเจ็บไม่สมบูรณ์ก็เสร็จ ต้องแชมป์เท่านั้นที่ได้เข้ารอบ ที่ว่าแบบใหม่ ทีมใหญ่ ๆ โดนทีมรองอัดตกรอบได้ ก็แล้วถ้าเป็นแบบเก่าจะไม่ตกรอบหรือไง จากคุณ : nickvp เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 12:17:45

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่าเมื่อก่อน UEFA Cup ยังได้ยากกว่า European Cup อีก ที่ 2-4 เขี้ยว ๆ ของลีกอื่น ๆ มันมาเยอะ... จากคุณ : Myryuko เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 12:21:14

ความคิดเห็นที่ 24 สมัยก่อนพวกทีมเล็กๆนี่ไม่หมูนะครับ ด้วยความที่มีกฏนักเตะต่างชาติไม่เกิน3คน ทำให้ทีมประเทศเล็กๆก็มีมาตรฐานไม่ห่างมาก สามารถเขี่ยทีมจากชาติใหญ่ๆตกรอบได้ไม่ยากเลย อีกอย่างความกดดันแต่ละรอบยูโรเปี้ยนคัพเดิมมีสูงกว่ากันเยอะ เพราะจับสลากน็อกเอาท์แบบไม่มีทีมวางเลย แถมหากแพ้ตกรอบก็ไม่ใช่แค่ตกรอบธรรมดา แต่อาจต้องห่างหายจากเวทียูโรเปี้ยนคัพไปอีกนานเลยถ้าไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกกลับมาได้อีก เรียกว่าความกดดันนี่น้องๆบอลโลกเลยนะครับ พลาดตกรอบไปก็ไม่รู้จะได้แก้ตัวอีกเมื่อไหร่ เลยจะเห็นได้ว่าแต่ละแมทช์แต่ละรอบ ทุกทีมวิ่งสู้กันอย่างลืมตายถึงพริกถึงขิง แฟนบอลก็เชียร์เอาเป็นเอาตาย ไม่มีแมทช์ให้ดึงกั๊กๆหรือเล่นชิวๆพักตัวผู้เล่นแบบปัจจุบันหรอก ผมได้อ่านเรื่องราวของยูโรเปียนคัพเมื่อก่อน ความคลั่งไคล้+บ้าคลั่งของแฟนบอล ความมุ่งมั่นของนักกีฬามันสุดยอดจริงๆ อ่านแล้วขนลุก มีแมทช์ประวัติศาสตร์ที่ต้องอึ้งเยอะมากๆ ในปัจจุบัน ทีมขาประจำต่างเข้าร่วมได้ทุกปีจนเป็นของสนุกไปแล้ว ไม่มีความขลังเลยซักนิด แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 13:02:19 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 12:54:22

ความคิดเห็นที่ 25 ทำเนียบแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ/ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก -------------------------------------------------------------------------------- 2008 - 2009 FC Barcelona 2007 - 2008 Manchester United FC 2006 - 2007 AC Milan   2005 - 2006 FC Barcelona   2004 - 2005 Liverpool FC   2003 - 2004 FC Porto   2002 - 2003 AC Milan   2001 - 2002 Real Madrid CF   2000 - 2001 FC Bayern München   1999 - 2000 Real Madrid CF   1998 - 1999 Manchester United FC   1997 - 1998 Real Madrid CF   1996 - 1997 BV Borussia Dortmund   1995 - 1996 Juventus   1994 - 1995 AFC Ajax   1993 - 1994 AC Milan   1992 - 1993 Olympique de Marseille 1991 - 1992 FC Barcelona 1990 - 1991 FK Crvena Zvezda 1989 - 1990 AC Milan 1988 - 1989 AC Milan 1987 - 1988 PSV Eindhoven 1986 - 1987 FC Porto 1985 - 1986 FC Steaua Bucureşti 1984 - 1985 Juventus 1983 - 1984 Liverpool FC 1982 - 1983 Hamburger SV 1981 - 1982 Aston Villa FC 1980 - 1981 Liverpool FC 1979 - 1980 Nottingham Forest FC 1978 - 1979 Nottingham Forest FC 1977 - 1978 Liverpool FC 1976 - 1977 Liverpool FC 1975 - 1976 FC Bayern München 1974 - 1975 FC Bayern München 1973 - 1974 FC Bayern München 1972 - 1973 AFC Ajax 1971 - 1972 AFC Ajax 1970 - 1971 AFC Ajax 1969 - 1970 Feyenoord 1968 - 1969 AC Milan 1967 - 1968 Manchester United FC 1966 - 1967 Celtic FC 1965 - 1966 Real Madrid CF 1964 - 1965 FC Internazionale Milano 1963 - 1964 FC Internazionale Milano 1962 - 1963 AC Milan 1961 - 1962 SL Benfica 1960 - 1961 SL Benfica 1959 - 1960 Real Madrid CF 1958 - 1959 Real Madrid CF 1957 - 1958 Real Madrid CF 1956 - 1957 Real Madrid CF 1955 - 1956 Real Madrid CF จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 13:58:11

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ z2k... ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ  เพราะผมอธิบายไว้ในย่อหน้าสุดท้ายแล้วนะซิครับว่า  ด้วยระบบของยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม  ถ้าไม่ดวงแตกจริงๆแล้ว ทีมใหญ่ๆ มักไม่ค่อยร่วงรอบแรกหรอกครับ  (อย่างกรณีของแมนยู หรือว่า ลิเวอรืพูล ในบางปี เป็นข้อยกเว้นนะครับ อิ...อิ...อิ..) ในปีนั้น ถ้าดูกันจริงๆแล้ว บาร์ซ่าควรจะเข้ารอบไปพร้อมกับมิลาน แต่เกิดอุบัติเหตุที่เบซิคตัสก่อน (นัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่ม บาร์ซ่าที่ชนะนัดแรกมา 4-0  ดันไปแพ้ที่เบซิคตัส ในขณะที่ลีดส์แก้ตัวจากนัดแรกด้วยการพลิกล็อคชนะมิลาน 1-0 ด้วยลูกเหวอของดิด้า) ) แล้วต่อมา ลีดส์เตะนัดที่ 3และ 4 ลงไปขย่มเบซิคตัส 10 ลูกอย่างที่ว่า แล้วกลับเป็นฝ่ายเข้ารอบแทนครับ จากคุณ : อาร์คีมิดิส เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 15:19:01

ความคิดเห็นที่ 27 ผมแซวเล่นนะครับ ผมฟังทุกความเห็นนะ ยิ่งเห็นอธิบายยาวๆผมก็ยิ่งนับถือในความพยายาม ในที่นี้หมายถึงเคารพในความคิดเห็นด้วย จากคุณ : z2k เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 16:03:14

ความคิดเห็นที่ 28 สมัยยูโรเปี้ยนคัพ แชมป์เก่าป้องกันแชมป์ได้เป็นว่าเล่น เพราะถึงจะเป็นแชมป์เท่านั้นที่มาแข่งจริงๆ แต่มันก็มีเก่งอยู่ไม่กี่ชาติหรอก จะบอกว่าแชมป์ไซปรัสเก่งกว่าที่4อิตาลีเหรอ  เหอๆ   แค่ไม่กี่ปีมานี้ตั้งแต่ยูฟ่าคัพหรือเปลี่ยนเป็นยูโรป้าลีก ยอมให้พวกตกรอบแบ่งกลุ่มมาเตะ ก็ยังเอาชนะพวกแชมป์ลีกเล็กๆที่ไม่ได้เตะแชมเปี้ยนลีกได้แต่เตะถ้วยนี้ได้สบาย  ลองไปดูคู่ชิงยูฟ่าคัพตั้งแต่เปลี่ยนกฏสิ ส่วนยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ตั้งแต่เปลี่ยนกฎมาเป็นแชมเปี้ยนลีก แชมป์เก่าไม่เคยป้องกันได้เลยสักครั้ง แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 53 16:05:32 จากคุณ : Mica เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 16:04:26

ความคิดเห็นที่ 29 UCL ยากยังไง แต่หงส์ก็ยังมีลุ้นได้ทุกปี แต่เปลี่ยนไปเป็นยูโรเปี้ยนแบบเดิม สงสัยชาติ(ราฟาแอนด์ลูกรัก)นี้จะไม่ได้เข้าไปแข่ง ...55** จากคุณ : Kill11by1pass เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 53 17:17:36

ความคิดเห็นที่ 30 จริงๆ ถ้าจะให้ UCL รอบแบ่งกลุ่มเข้มข้นกว่านี้ ต้องตัดรอบ 16 ทีมไปครับ แบ่งกลุ่มแล้วเอาเฉพาะแชมป์กลุ่มทีมเดียวที่เข้ารอบ ส่วนที่สองก็ไปเตะยูโรป้าลีก รับรองรอบแรกเตะกันดุเดือดกว่าเดิมแน่ เพราะจะพลาดไม่ได้เลย ระบบปัจจุบันที่เอาสองทีมเข้ารอบ บางทีทีมใหญ่ชนะ 4 นัดรวดก็เข้ารอบแล้ว สองนัดสุดท้ายขนตัวสำรองลงวอร์มอัพกันเลย จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 53 11:40:52