ความคิดเห็นที่ 1 มันชินี่ยันไม่เคยคิดทิ้งเรือใบกลับบ้านเกิด โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ยืนยันทุกวันนี้ยังมีความสุขดีกับการกุมบังเหียนในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะย้ายกลับไปทำงานในอิตาลี อย่างที่ตกเป็นข่าวแน่นอน พร้อมกระตุ้นลูกทีมรักษาผลงานเหมือนเกมถล่ม เบิร์นลี่ย์ 6-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อโอกาสในการติดท็อปโฟร์ โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียรี์ลีก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่อ้างว่าเขาพร้อมที่จะย้ายกลับไปทำงานในบ้านเกิดอีกครั้ง ยืนยันต้องการอยู่กุมบังเหียนในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ต่อไป "มันโช่" เพิ่งจะคุมทัพ "เรือใบสีฟ้า" โชว์ฟอร์มเทพถล่ม เบิร์นลี่ย์ 6-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่าน กำลังตกเป็นข่าวหนาหูว่าเตรียมที่จะย้ายกลับไปอิตาลี ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกุมบังเหียน ยูเวนตุส อย่างไรก็ตาม  มันชินี่ ยืนยันว่ายังมีความสุขดีกับการทำงานในเมืองผู้ดี หลังสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนตอนนี้มีลุ้นติด 4 อันดับแรก คว้าตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้า อดีตเทรนเนอร์ อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ กล่าวว่า "ยูเวนตุส เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน ผมไม่เคยพูดเรื่องอะไรทั้งนั้น ผมเป็นผู้จัดการทีมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และผมก็มีความสุขกับการอยู่ที่นี่" สำหรับการลุ้นติดท็อปโฟร์นั้น แมนฯ ซิตี้ มีเกมที่หนักพอสมควรเพราะต้องพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แอสตัน วิลล่า, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย มันชินี่ ให้ความเห็นว่า "เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่เราต้องเอาชนะทุกเกมที่เหลืออยู่ให้ได้ ถ้าเราเล่นได้แบบนี้ และพัฒนาฟอร์มการเล่นให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เราก็มีโอกาสดีเช่นกัน" http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100405_027.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:33:17

ความคิดเห็นที่ 2 ผีเปิดศึกเรือล่าบัวเต็งเสริมแนวรับ สื่อเมืองผู้ดีตีข่าว แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมทุ่มเงิน 550 ล้านบาท ดึงตัว เยโรม บัวเต็ง กองหลังดาวรุ่ง ฮัมบูร์ก เข้ามาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังโชว์ฟอร์มเยี่ยมจนติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ไปแล้ว แต่ต้องแข่งกับ แมนฯ ซิตี้ ที่อยากได้มาเสริมแนวรับเช่นกัน "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่า สนคว้า เยโรม บัวเต็ง กองหลังดีกรีทีมชาติเยอรมันของ ฮัมบูร์ก เอสเฟา ในศึก บุนเดสลีกา เข้ามาเสริมทัพ แต่ต้องแย่งชิงกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง ที่กำลังให้ความสนใจเช่นเดียวกัน ตามรายงานจาก "นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์" แท็บลอยด์เล่มดังเมืองผู้ดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา รายงานระบุว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ "ปีศาจแดง" อยากได้ตัว บัวเต็ง วัย 21 ปี ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟและฟูลแบ็ก หลังจากโชว์ฟอร์มเยี่ยมจนก้าวขึ้นไปติดทีมชาติเยอรมัน และมีลุ้นไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย โดยคาดว่าจะมีค่าตัวอยู่ที่ราว 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 550 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ พร้อมที่จะตัดหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าดาวเตะ ฮัมบูร์ก ไปเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้เช่นกัน หลังจากที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือชาวอิตาเลียน วางแผนที่จะเสริมทัพแนวรับ "เรือใบสีฟ้า" ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100404_120.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:35:06

ความคิดเห็นที่ 3 ลอว์สขอโทษแฟนคลาเร็ตส์โดนอัดครึ่งโหล ไบรอัน ลอว์ส กุนซือ "เดอะ คลาเร็ตส์" เบิร์นลี่ย์ ต้องออกมาขอโทษแฟนบอลหลังลูกทีมโชว์ฟอร์มสุดเลวร้าย โดน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมายิงขาดลอย 3 ลูกตั้งแต่ 7 นาทีแรก ก่อนโดนถล่มคาบ้านเละเทะไม่มีชิ้นดี 6-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไบรอัน ลอว์ส ผู้จัดการทีมเบิร์นลี่ย์ ทีมรองบ๊วยแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกโรงมาขอโทษบรรดากองเชียร์เป็นการใหญ่ หลังจากทำผลงานย่ำแย่เกินบรรยาย ไม่สามารถต้านทาน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังลุ้นอันดับ 4 ได้เลย จนพ่ายคาถิ่น เทิร์ฟ มัวร์ 6-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา "เรือใบสีฟ้า" กระหน่ำยิงไม่เลี้ยง 3 ลูกตั้งแต่ 7 นาทีแรก จนทำให้ แฟนบอล "เดอะ คลาเร็ตส์" บางส่วนพากันออกจากสนามไป ก่อนทีมเยือนจะทำได้อีก 2 ประตูก่อนพักครึ่ง จากนั้น แว็งซ็อง ก็องปานี มาบวกลูกที่ 6 ก่อนที่ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ จะมายิงลูกปลอบใจให้แฟนเจ้าบ้านมีอะไรให้เฮกันบ้าง ลอว์ส ยอมรับว่า ลูกทีมทำให้เขาผิดหวัง และ ออกปากขอโทษบรรดากองเชียร์ที่ต้องมาเห็นฟอร์มแบบนี้ "เกมจบตั้งแต่ผ่าน 7 นาทีแรก กองเชียร์ และตัวผมเองไม่คาดคิดเลย พวกเขาเจาะเกมของเรา และปิดเกม ผมอยากขอโทษกองเชียร์สำหรับฟอร์มที่เลวร้ายนี้ มันไม่ดีพอ และ ยอมรับไม่ได้" "ผมรู้สึกว่านักเตะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผมเสียใจและรู้สึกผิดหวัง ทุกคนช็อกกันมาก มันไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ผมต้องดึงพวกเขาขึ้นมา เพราะเรามีเกมสำคัญกับ ฮัลล์ รออยู่ในสัปดาห์หน้า" อดีตกุนซือเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ พยายามกระตุ้นลูกทีมทิ้งท้าย http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100404_086.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:36:27

ความคิดเห็นที่ 4 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2553 เบอร์มิงแฮม  1 - 1  ลิเวอร์พูล สนาม : เซนต์ แอนดรูว์ส เบอร์มิงแฮม ไม่มีการปรับทัพจากนัดก่อนที่เสมอ อาร์เซน่อล แนวรุกยังใช้ เจมส์ แม็คฟาดเด้น กับ คาเมรอน เจอโรม เหมือนเดิม ขณะที่หงส์แดงได้ มักซี่ โรดริเกซ กลับมาเป็นตัวจริง ส่วน ยอสซี่ เบนายูน กับ โซติริส คีร์เกียคอส ก็ได้ออกสตาร์ตตั้งแต่ต้นเกมด้วย   รูปเกมในครึ่งแรกหาโอกาสเข้าทำประตูกันได้ค่อนข้างน้อย เพราะทั้งสองทีมต่างไม่กล้าเปิดเกมรุกแลกหมัดกัน มีเพียงลูกยิงไกลที่ยังไม่ได้ลุ้นกันทั้งสองฝ่าย   นาทีที่ 31 เป็นจังหวะขึ้นเกมรุกสวยๆ ของหงส์แดง ยอสซี่ เบนายูน ถ่ายบอลออกทางขวาให้ มักซี่ โรดริเกซ รีบยิงจากหน้าเขตไปติดบล็อกอีก ถัดจากนั้นไม่นาน เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้แปหน้าเขตโทษก็โด่งข้ามคาน   ถัดมาเป็นโอกาสทองของลิเวอร์พูล ในนาทีที่ 35 ตอร์เรส เปิดบอลจากฝั่งขวาของเขตโทษให้ มักซี่ โรดริเกซ ล้มตัวชาร์จไปติดเซฟ โจ ฮาร์ท กระเด้งชนคานกระดอนออกมา   เบอร์มิงแฮม เองก็หาโอกาสตอบโต้ได้บ้างในนาทีที่ 38 เจมส์ แม็คฟาดเด้น เตะมุมให้ โรเจอร์ จอห์นสัน เติมขึ้นมาโหม่งข้ามคาน จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0   เริ่มครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น และเป็น หงส์แดง ที่พังประตูนำทันทีในน.47 จากลูกเตะมุมทางด้านซ้าย เจอร์ราร์ด โยนเข้ากลางก่อนถูกสกัดบอลมาเข้าทาง เกล็น จอห์นสัน เบิ้ลคืนให้ เจอร์ราร์ด ทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนที่กัปตันเบอร์ 8 ลากเข้าในกรอบเขตโทษแล้วล็อกหลบสองจังหวะตะบันด้วยเท้าขวามุมแคบบอลเสียบหน้าต่างเสาไกลงดงามหมดจด อย่างไรก็ดี เบอร์มิงแฮม ตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จในน.56 เป็น เจมส์ แม็คฟาดเด้น ที่พาบอลขึ้นไปทางกราบขวาก่อนล็อกกลับแล้วโยนมาที่เสาสอง แนวรับ หงส์แดง ประกบตัวแย่ปล่อยให้ เลียม ริดจ์เวลล์ ยืนโล่งๆ อยู่คนเดียวใช้ตัวพุ่งชนบอลที่เสาสองระยะ 2 หลาเข้าไป   ผ่านมาถึงน.64 ราฟา ตัดสินใจถอด ตอร์เรส ออกแล้วส่ง ดาวิด เอ็นก๊อก ลงมาเล่นแทน โดยแฟนบอลเจ้าถิ่นโห่กันเกรียว เนื่องจากในนัดแรกที่แอนฟิลด์ ดาวยิงฝรั่งเศสแกล้งพุ่งล้มตบตาเอาจุดโทษ ขณะที่ เดอะ ค็อป ก็โห่ ราฟา ที่ถอดเอา ตอร์เรส ออก แต่แท้จริงแล้วหัวหอกสแปนิช มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่หัวเข่าต้องใช้น้ำแข็งประคบ   อีก 3 นาทีต่อมา เอ็นก๊อก เกือบแผลงฤทธิ์เมื่อ จอห์นสัน เปิดบอลจากด้านขวามากลางประตูให้ เอ็นก๊อก โถมโขกระยะ 8 หลาบอลเฉียดเสาแค่คืบ นาทีต่อมา เบอร์มิงแฮม โต้ได้หนัก ริดจ์เวลล์ เปิดบอลจากด้านซ้ายมาหน้าประตู ลี โบว์เยอร์ ที่ยืนโล่งๆ แประยะ 2 วืดอย่างไม่น่าเชื่อ   ในน.70 ราฟา เปลี่ยน เบนายูน ออกแล้วส่ง ไรอัน บาเบิล เล่นแทน จังหวะต่อมาหงส์แดงทิ้งโอกาสทองอีกครั้ง กองหลังเจ้าถิ่นทำบอลเสียในเขตโทษ เค้าท์ ได้บอลก่อนหักกลับให้ มักซี่ ไหลต่อไปถึง เอ็นก๊อก กระหน่ำด้วยขวาระยะ 8 หลาบอลเฉียดเสาชนตาข่ายด้านข้าง   ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ส่ง อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ แทน เค้าท์ อีก 2 นาทีต่อมา หงส์แดง เกือบได้ประตูอีกครั้ง เอ็นก๊อก หลุดเข้าไปในเขตโทษด้านซ้ายก่อนตบเข้ากลางให้ มักซี่ แปเน้นๆ สุดชีวิตระยะ 8 หลา แต่บอลชนตัว อาควิลานี่ อย่างจังทั้งที่ โจ ฮาร์ท หมดสิทธิ์เซฟไปแล้ว   ท้ายเกม หงส์แดงนวด เจ้าถิ่นจนน่วมทั้ง เจอร์ราร์ด และ มักซี่ ได้ยิงในเขตโทษแต่ข้ามคาน   นาทีสุดท้าย จอห์นสัน โยนไปเสาสองให้ บาเบิล ยิงเสาแรกบอลเข้าข้างตาข่าย จังหวะต่อมา เจอร์ราร์ด โยนยาวให้ เอ็นก๊อก พักบอลในเขตโทษแต่ยิงโดนบอลแค่ปลายเท้าทำให้ ฮาร์ท เซฟสบาย จบเกมเสมอ 1-1 ทำให้ลิเวอร์พูลแทบหมดหวังการลุ้นอันดับ 4 ด้วย พร้อมเพิ่มสถิติ 8 นัดของ ราฟา ที่พบกับ เบอร์มิงแฮม ในพรีเมียร์ลีก ยังไม่เคยเอาชนะได้เลย รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม   เบอร์มิ่งแฮม : โจ ฮาร์ท, สตีเฟ่น คาร์, โรเจอร์ จอห์นสัน, สกอตต์ แดนน์, เลียม ริดจ์เวลล์, เคร็ก การ์ดเนอร์, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, ลี โบวเยอร์, คีธ ฟาฮีย์, คาเมรอน เจอโรม, เจมส์ แม็คฟาดเด้น   ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาราเกอร์, โซติริออส คีร์เกียคอส, เอมิเลียโน่ อินซัว, ยอสซี่ เบนายูน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลวา, มักซี่ โรดริเกซ, เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์ สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟูแล่ม  ชนะ  วีแกน  2-1 เอฟเวอร์ตัน เสมอ เวสต์แฮม 2-2 http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100404_176.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:43:46

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณสำหรับข่าวค่ะ จากคุณ : คุณแม่pp (anwan) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:44:54

ความคิดเห็นที่ 6 ราฟาโอ่!หงส์แดงยังมีลุ้นติดท็อปโฟร์ ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยังคุยโตบอกพวกเขาจะติดท็อปโฟร์แน่นอน แม้เกมล่าสุดจะทำงามหน้าเสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชี้ผลการแข่งขันน่าผิดหวังเพราะลูกทีมของเขามีโอกาสยิงประตูเป็นว่าเล่นแต่ดันไม่เข้าไปซุกก้นตาข่าย ราฟายังไม่ยกธง-บอกยังมีลุ้นคว้าที่สี่ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยังเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าโอกาสที่ทีม "หงส์แดง" จะคว้าที่สี่เพื่อสิทธิ์ในโควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังมีอยู่แม้ว่าทางลูกทีมจะทำได้แค่บุกไปเสมอ เบอร์มิงแฮม 1-1 ทำให้มีแต้มตามหลังทีมอันดับสี่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงสี่แต้ม แถมลงเล่นมากกว่าอยู่หนึ่งนัด   "ใช่ ถูกต้อง มันเป็นงานที่ยากมากที่จะทำได้" กุนซือหนวดเข้ม กล่าว   "แต่พวกเราก็ยังพร้อมต่อสู้ มันยังคงมีอีกหลายคะแนนที่ให้เราได้เล่นและคว้ามา เราเคยพูดว่าจะชนะในหกเกมที่เหือ แต่เราน่าจะเสมอได้หนึ่งเกมและตอนนี้เราก็ต้องเอาชนะในห้าเกมที่เหลือให้หมด"   "เราเชื่อว่าจะสามารถเอาชนะเกมที่เหลือได้หมดและเชื่อว่าทีมคู่แข่งต้องพ่ายแพ้บ้าง" สุดเซ็งชี้ทีมน่าชนะ นอกจากนี้ทาง ราฟาเอล เบนิเตซ ยังบอกอีกว่ารู้สึกผิดหวังกับผลเสมอในเกมนี้ ชี้ทีมของตนน่าจะเป็นฝ่ายกำชัยมากกว่า หลังมีโอกาสสับไกนับไม่ถ้วนในเกมนี้   "เรามีโอกาสที่ดีมากในครึ่งแรกและมีจังหวะที่น่าจะทำได้อีกหลายครั้งในครึ่งหลัง เรารู้ดีว่ามันเป็นเกมที่ยากแต่มันน่าเสียดายมาก เพราะว่าเราสมควรได้รับชัยชนะหลังจากทีเพิ่งผ่านเกมที่ยากลำบากมาในวันพฤหัสที่ผ่านมา" แจงเหตุเปลี่ยนตอร์ออกเพราะล้า ในเกมนี้ทาง เบนิเตซ ได้สร้างข้อข้องใจแก่บรรดาแฟน หงส์แดง อีกครั้ง หลังทำการเปลี่ยนตัว ตอร์เรส ออกในนาทีที่ 65 โดยเอา ดาวิด เอ็นก็อก ลงมาแทน   "เขาหมดแรง เขาเหนื่อยล้ามากและที่ข้างสนามเรายังมีผูเล่นคนอื่นอีก   "เฟร์นานโด รู้ดีว่าเราต้องชนะในเกมนี้และเขาก็รู้ตัวเองด้วยว่าเหนื่อยลามาก ผู้เล่นทุกคนล้วนแต่ต้องการอยูเล่นจนจบเกมในสนามและสร้างความแตกต่างให้กับทีม แต่คุณจะเห็นได้ว่าทั้ง เอ็นก็อก และ บาเบล มีความสดที่มากกว่า และสารมารถสร้างสิ่งที่แตกต่างได้ในข่วงเวลาที่น้อยนิดท้ายเกมได้เช่นกัน"     "คุณต้องดูแลนักเตะในทีมให้ดีและ เอ็นก็อก เองก็ทำผลงานได้ดี เราต้องการความสดชื่น หวังว่าแค่นี้ทุกคนคงเข้าใจเหตุผล" ราฟา ตอบข้อสงสัย สุดเซ็งเสียประตูหมูตู้ ราฟา ยังได้ให้กล่าวผิดหวังถึงการป้องกันของแผงหลัง ทีถูกตีเสมอจาก เลียม ริดจ์เวลล์ กองหลัง เดอะ บลูส์ ที่ใช้ร่างกายชนบอลเข้าไปง่ายๆ   "เมื่อคุณเสียประตูในลักษณะแบบนี้ก็ต้องทำใจยอมรับมันทำให้เราผิดหวังโดยเฉพาะลูกแบบนี้ เราป้องกันได้อย่างย่ำแย่และเลวร้ายมาก" http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100405_033.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:46:41

ความคิดเห็นที่ 7 โอนีลยันไม่ทิ้งวิลล่าแม้งบชอปน้อย มาร์ติน โอนีล โค้ชคนเก่ง แอสตัน วิลล่า ยันชัดเจน จะไม่หันหลังให้ทัพ "สิงห์ผงาด" หากได้รับงบประมาณซื้อนักเตะน้อยกว่าที่หวังไว้ในซัมเมอร์นี้ และจะพยายามมองหาทางเลือกอื่น เพื่อปรับปรุงทีมให้แข็งแกร่งกว่าเดิมแทน มาร์ติน โอนีล กุนซือไอริชของ แอสตัน วิลล่า ยืนยันงบประมาณการทำทีมในฤดูกาลหน้า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการอยู่คุมทัพในถิ่น วิลล่า พาร์ค ต่อไป โดยเขาจะเข้าถกแผนการอนาคตของสโมสรกับ แรนดี้ เลอร์เนอร์ เจ้าของทีมหลังจบซีซั่นนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า เทรนเนอร์จอมวางแผน พร้อมเดินออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ดี เขาออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมยอมรับว่า รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่งกับการหนุนหลังของแฟนๆ นับตั้งแต่ข่าวลือเกิดขึ้น โอนีล หวังได้รับเงินก้อนโตนำมาปรับปรุง "สิงห์ผงาด" ในซัมเมอร์นี้ กระนั้น หากไม่เป็นดังหวัง เขาก็ไม่หันหลังให้กับทีมแน่ "หากสถานการณ์มันเป็นไปแบบนั้น นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะจากไป หยุดทำงาน และบอกว่า "เอาล่ะ ฟังนะ พวกเราไม่อาจเดินหน้าต่อไปอีกแล้ว สิ่งที่คุณคงทำคือ มองดูว่า มีหนทางอื่นหรือไม่" "บางที อาจเป็นแผนการดันเหล่าดาวรุ่งก้าวขึ้นมา หรืออาจใช้เงินเล็กน้อยไปกับตรงนั้นตรงนี้ บางทีก็ต้องเสี่ยงกับนักเตะชื่อดังที่ถูกขายออกมาเพื่อขจัดปัญหาต่างๆ คุณคงไม่หยุดทำงาน มันไม่ใช่ธรรมชาติของผมในการทำแบบนั้น ผมไม่อาจคาดการณ์สิ่งเหล่านั้น โยนของเด็กเล่นออกมาจากรถเข็น บางที ผมรู้สึกว่า ในอาชีพของผม ผมควรพูดมากเท่ากับคนอื่น นี่เป็นประเด็นที่ผมพยายามทำ แน่นอนว่า ผมไม่ได้พูดฉลาดเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก" นอกจากนั้น อดีตเทรนเนอร์กลาสโกว์ เซลติก ยังยอมรับว่า น่าจะพิจารณาคุณค่าของตัวเองให้มากขึ้น "ผมไม่คิดว่า ในช่วงเวลาการจัดการทีมของผม จะได้ให้เวลาพิจารณาคุณค่าของตัวเองอย่างเหมาะสม ด้วยความสัตย์จริง ผู้คนสามารถหันไปรอบๆ แล้วบอกคุณว่า คุณเป็นพวกหัวสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ผมไม่คิดว่าผมเป็นแบบนั้นจริงๆ" "ผมไม่มีนายหน้า ผมไม่เคยมีนายหน้าด้วยซ้ำ ผมอาจเป็นผู้จัดการทีมคนเดียวในยุโรปที่ไม่มีเอเยนต์ส่วนตัว แล้วผมควรทำอย่างไร ผมควรพิจารณาคุณค่าของตัวเองอีกซักหน่อยนั่นแหละ" นายใหญ่ "สิงห์ผยอง" กล่าวในที่สุด http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/100405_012.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:49:24

ความคิดเห็นที่ 8 ไอเดียของผู้ใหญ่ในเมืองไทย ต้องการผนึกกำลังกับมาเลเซีย และสิงคโปร์ เสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก เป็นเรื่องที่บอกได้ว่า ความคิดดี แต่ปฏิบัติโคตรยาก ทำไมถึงยาก? ถ้าพลิกดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไทย และมาเลเซีย เป็น 2 ชาติที่เคยเสนอตัวจัดโอลิมปิก แต่ทั้งคู่อกหักโดยเฉพาะไทย สอบตกเกือบทุกข้อ ยกเว้นข้อมูลด้านโรงแรมที่พัก ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ว่า แจ๋ว ส่วนความพร้อมสนามแข่งขัน ระบบสาธารณูปโภค ภาคการเมือง ยังสู้ชาติอื่นไม่ได้ ในเมื่อไม่สามารถก้าวไปจัดโอลิมปิกเกมส์ได้ จึงทำให้ไทย สร้างจุดแข็งด้วยการร่วมมือกับมาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นสิ่งที่มีการคาดหวังว่า เป็นการเปิดโอกาสในการเป็นเจ้าภาพอยู่แค่เอื้อม แต่...จงพึงระวังไว้ว่า การทำงานของคนที่พูดจากันคนละภาษา จะต้องมีปัญหา ปัญหาจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่การเริ่มต้นของความร่วมมือกันทำงานในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ทุก ๆ ชาติ จะต้องนั่งคุยกัน ถกเถียง ตำหนิ ติเตียนข้อมูลที่แต่ละชาตินำมาเสนอ เพื่อทำให้ตกผลึก บรรจุไว้ในเอกสารเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ในเอกสารที่เตรียมไว้เสนอต่อไอโอซีนั้น ต้องระบุสถานที่สำหรับจัดพิธีเปิด-ปิด, สนามกีฬาแห่งไหนใช้รองรับกีฬาอะไร รวมถึงหมู่บ้านนักกีฬา และอื่น ๆ อีกมากมาย ครับ...การันตีได้เลยว่า ตีกันตายตั้งแต่เริ่มต้นประชุม การระบุสถานที่จัดพิธีเปิดและปิด ถือเป็นเรื่องสำคัญ ทั้ง 3 ชาติ ไม่มีใครยอมกัน เพราะมันเกี่ยวข้องถึงศักดิ์ศรีของชาติตัวเอง หมู่บ้านนักกีฬา เป็นปัญหาที่จะมองข้ามไม่ได้ ตามกฎและกติกาในการพิจารณาเลือกเมืองเจ้าภาพของไอโอซี ระบุไว้ชัดว่า หมู่บ้านนักกีฬาต้องอยู่ใกล้สนาม และไม่กระจายกันมากเกินไป แต่ปรากฏว่า ทั้ง 3 ชาติ ต้องสร้างหมู่บ้านนักกีฬาของใครของมัน   การกระจายต้องกระจายไปยัง 3 ชาติ การดูแลต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่ของชาติต่าง ๆ ทั่วโลก ย่อมไม่ทั่วถึง สนามกีฬาเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน การระบุสนามกีฬา สำหรับรองรับกีฬานั้น ๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้ง 3 ชาติ ต้องการจัดกีฬาสำคัญ และยอดฮิตไว้ในเขตแดนของตัวเอง เพราะมันหมายถึงรายได้จากการขายบัตร และรายได้จากส่วนอื่น ๆ อาทิ ค่าโฆษณา จึงทำให้เห็นได้ว่า การร่วมมือกันของ 3 ชาติ มีปัญหาตั้งแต่เริ่มแรก ถ้าร่วมมือกันแค่ 2 ชาติ ดูแล้ว น่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า 2 ชาติ คุยกันง่ายกว่า 3 ชาติ แต่ก็ต้องระวัง เพราะตัวอย่างจากฟุตบอลโลก ปี 2002 ที่เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ภาพที่ปรากฏต่อหน้าประชากรโลก ดูแล้วสวยหรู จัดได้เยี่ยม ไม่มีที่ติ แต่เบื้องหลัง มีแต่ปัญหาให้คอยแก้ ไม่ว่าจะเป็นการนำชื่อประเทศมาเป็นชื่อแรกในการเรียกขาน เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรี ถ้าได้รับการพูดถึงเป็นลำดับแรก รวมถึง การเจรจาจัดพิธีเปิด เกมนัดชิง และการเกลี่ยแมตช์ต่าง ๆ คุยกันหนัก ทะเลาะกันบ่อย จึงเป็นสิ่งที่ทำให้บิ๊กกีฬาในเมืองไทยต้องดูไว้เป็นกรณีศึกษา ไอเดียการร่วมมือของ 3 ชาติในการเสนอตัวจัดโอลิมปิกเกมส์ เป็นสิ่งที่ดี ถือเป็นจุดขายที่ทำให้ไอโอซีสนใจ แต่จะทำอย่างไร ในการรับมือกับปัญหาที่คาดว่า จะต้องเกิดแน่ ๆ ในระหว่างการเจรจาร่วมมือ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก ต้องคิดให้รอบคอบ และต้องรับให้ได้ หากต้องทะเลาะกันกลางวงประชุม กลัวว่าผู้ใหญ่ในวงการกีฬาทั้ง 3 ชาติ จะมองหน้ากันไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นตัวการ คนพวน http://www.siamsport.co.th/Column/100401_152.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:53:59

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเท้าความถึง ไอโอซี คณะกรรมการโอลิมปิก มีหลักการจะตัดกีฬาที่มีความรุนแรงและใช้การตัดสินด้วยสายตาของกรรมการผู้ตัดสินออกไป เพื่อให้เหลือพื้นที่ประเภทกีฬาใหม่ๆ เข้ามาทดแทน ก็เผอิญเจ๊าะเด่ตรงกับ ข่าวที่ ดร.ณัฐ อินทรปาณ ในฐานะกรรมการไอโอซี เอเชีย ให้ข่าวว่า การประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ไอโอซี ในปี 2013 หลังลอนดอนเกมส์ 2012 ค่อนข้างชัดเจนว่า กีฬาเทควันโด จะถูกตัดออกในประเภทกีฬาโอลิมปิก 2016 ครั้งต่อไป กีฬาที่อยู่ในลิสต์คือ มวยปล้ำกับยิมนาสติก มวยสากลสมัครเล่น ก็เป็นอีกประเภทกีฬาหนึ่งที่มี "ข้อด้อย" ในสายตาของไอโอซี แต่ยังไม่มีโผ ก็อาจเพราะ ภาคีสมาชิกไอบายังเหนียวแน่นมีทั้งโลกแต่ผมเชื่อว่า ถ้าประธานไอบาคนใหม่ที่เป็นไต้หวัน  ไม่มีเพาเวอร์พอ ไม่สามารถคุมเกม "คลื่นใต้น้ำ" ในโอลิมปิกลอนดอนเกมส์ 2012ได้  มีข่าวหลุดฉาวโฉ่ มีมูลอีกว่า ขบวนการ "กรรมการชุดขาว" อึมครึม สามารถล็อกผลตัดสินได้ ดังที่เกิดในปักกิ่งเกมส์ กีฬามวยสากลสมัครเล่นก็มิสิทธิ์ปิ๋วไปจากกีฬาโอลิมปิกในอนาคตอีกประเภทหนึ่ง นั่นก็หมายความว่า ประเภทกีฬาที่คนไทยถนัดและมีโอกาสสัมผัสเหรียญทองโอลิมปิกมากที่สุด มีอัตราเสี่ยง ที่จะไม่มีอีกแล้วในกีฬาโอลิมปิก ไม่ว่าจะเป็นเทควันโด หรือมวยสากลสมัครเล่น เป็นธรรมดาที่ เราก็ต้องเตรียมคิดคร่าวๆ ว่า ในอนาคตวิถี นักกีฬาไทยพิชิตเหรียญทองโอลิมปิกนั้น จะเป็นประเภทกีฬาใดเข้ามาแทนที่ แล้วก็สร้าง Road Map วางแนวทาง หลักการโครงสร้างที่จะไปสู่เป้าหมายนั้นในอนาคต ดูเหมือนว่า ดร.ณัฐ และ พล.ต. จารึก อารีราชการัณย์ จะให้ข่าวแย้มมาบ้างแล้วว่า ประเภทกีฬาเป้าหมายคือ ฟิกเกอร์สเกตฟิกเกอร์สเกต ว่ากันแบบไทยๆ ก็คือ  สเกตน้ำแข็งประเภทลีลา ครับ เป็นประเภทกีฬาในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว Winter Olympic (ปีนี้ มีการแข่งขัน ที่ เมืองแวนคูเวอร์ , แคนาดา เสร็จกันไปเมื่อปลายเดือน ก.พ.) คนละเรื่องกับ กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน Summer Olympic ที่เราถือว่าเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง (อีกสองปีข้างหน้า ลอนดอน,อังกฤษก็จะเป็นเจ้าภาพ Olympic 2012) ทำโร้ดแม็ป หนทางทุ่งไปสู่ เหรียญทองกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว  ฟังดูทะ:-)ไหมครับ กับ ประเทศที่อยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร มีแต่ฤดูร้อนกับร้อนฉิบหอยตับแล่บ เมื่อสิบกว่ามาแล้ว มีภาพยนตร์เรื่อง Cool Runnings  ของวอลต์ ดิสนีย์ เล่าถึง คนสิบกว่าคนกลุ่มหนึ่ง ในประเทศจาเมก้า เขตศูนย์สูตร พวกนี้มีความฝันที่จะลงแข่งทีมสเลจ (เลื่อนน้ำแข็ง นักกีฬาทีมนั่งแล้วพุ่งวิ่งไปตามลู่ที่เหมือนท่อน้ำแข็ง มีความเร็วสูงมาก) ในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งพลอตเรื่องหนักตลก ฝันย่อมเป็นจริง แม้จะไม่ได้เหรียญทอง ก็ยังได้เข้ารอบชิง เพื่อพิสูจน์กับโลกว่า..พวกเขาทำได้ นั่นมันภาพยนตร์ เกือบจะเป็นการ์ตูน ไม่ใช่ความเป็นจริงหรือความเหมาะสมที่จะเป็นได้อย่างนั้น แต่ทำไมเราจะสร้างนักฟิกเกอร์สเกตไม่ได้ ถ้าคิดทำจริง มันไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน ไม่ใช่เรื่องการ์ตูนลานน้ำแข็งฝึกฝนกีฬาประเภทนี้ก็มี สมาคมฯ ก็มีแล้ว กิจกรรมส่งเสริมทีมชาติก็มี ส่งแข่งระดิบอินเตอร์ก็ทำแล้ว เป็นประเภทกีฬาที่ มีเด็กเชื้อชาติไทยในสหรัฐอเมริกา เล่นกันมาก ฝึกฝนกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งต่อไปจะติดต่อมาสเกตให้ทีมชาติไทย หรือปั้นเด็กไทยเก่งๆ  ฝึกฝนเต็มที่ ควานหา "ช้างเผือก" มาสร้างมุ่งสู่โอลิมปิกฤดูหนาว ก็น่าจะทำได้ ผมเชื่อว่า ที่ดร.ณัฐและ เสธ.จารึก ยกเรื่องกีฬาประเภทนี้ขึ้นมา เพื่อเหรียญกีฬาโอลิมปิก (ฤดูหนาว) ในอนาคต ก็อาจจะเพราะ "อิน" กับนักกีฬาฟิกเกอร์สเกตเด็กสาวของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ที่ประสบความสำเร็จ กวาดเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่แวนคูเวอร์กันตรึม ชนะพวกฝรั่งยุโรป อเมริกัน ก็เลยคิดเป็น "สูตรสำเร็จ" ว่า นักกีฬาของไทยก็น่าจะทำได้ตาม "ต้นแบบ" ญี่ปุ่น, เกาหลี  ตัวเล็กๆ รูปร่างความแข็งแรงไม่ได้เสียเปรียบ แถมยังสวยน่ารักด้วย ฝึกเต็มที่ ฝึกหนัก ทำให้ได้อย่างนักกีฬาสาวญี่ปุ่นหรือเกาหลี  เราก็มีสิทธิ์สัมผัสเหรียญทองโอลิมปิก (ฤดูหนาว) ง่ายกว่า ปะเภทกีฬาโอลิมปิก (ฤดูร้อน) อื่นๆ แน่ๆ กีฬานี้ยังเล่นกันวงแคบมาก กีฬาฟิกเกอร์สเกต ในบ้านจะมีคนเล่นสักกี่คน? เผลอๆเป็นกีฬาของ คนกรุงเทพฯ เฉพาะกลุ่ม ด้วยซ้ำ  ผมเองรู้จักอยู่สองคนคือ คุณกบ สุวนันท์ คงยิ่ง ที่ชอบเล่นกีฬานี้ กับ หนูอะไรก็จำชื่อไม่ได้ แต่นามสกุล อารีราชการัณย์ หลานของเสธ.จารึก กีฬาประเภทนี้ ไม่น่าจะให้ความรู้สึกกับคนไทยมีปฏิสัมพันธ์เติมเต็มกับกีฬานี้  ผมว่า ท่านจะเข้าใจว่า คนไทยแฮปปี้กับมูลค่าของเหรียญทองโอลิมปิก  ขอให้ได้มาเถอะ ดีใจโลดทั้งนั้น ไม่ใช่นะครับ กีฬานั้นต้อง "อิน" กับความรู้สึกและสามัญสำนึกแบบไทยๆ ของคนไทยด้วย โดยเฉพาะสามัญสำนึกของความยิ่งใหญ่  เหรียญทองโอลิมปิก ก็เทียบไม่ได้ระหว่าง กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน กับโอลิมปิกฤดูหนาว ชื่อกีฬาโอลิมปิกน่ะใช่  แต่ฟิลลิ่งมันคนละเรื่องซีกโลกเลยแหละครับ -ยอดทอง- http://www.siamsport.co.th/Column/100404_089.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:58:06

ความคิดเห็นที่ 10 ตามเชียร์กันต่อไป ขอบคุณครับ จากคุณ : [Sakura] เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 08:58:32

ความคิดเห็นที่ 11 จากปากกายอดทอง โดย..ยอดทอง : "ในความทรงจำ" แม้จะมีบทความเขียนรำลึกถึง คุณปรีดา จุลละมณฑล บ้างแล้ว และในวันจันทร์ที่ 5 เม.ย. ร่างของคุณ ปรีดา จะเป็นเถ้าธุลีคืนสู่มารดรแห่งธรรมชาติ จบบทบาทของชีวิตในโลกนี้ไป ผมก็ขออนุญาตเขียนถึง ด้วยเป็นจารีต ที่จะระลึกถึงผู้ที่จากไป ผู้เป็นวีรบุรุษวงการกีฬาอย่างคุณปรีดา เมื่อครั้งที่กรุงเทพฯ เป็นเจ้าภาพกีฬา เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2509 สี่สิบสี่ปีมาแล้ว ประสาเด็กวัยสิบสองขวบ ผมก็ไม่ต่างกับคนไทยในยุคกระโน้น ที่ตื่นเต้นฮึกเหิมอย่างมากกับ ชัยชนะของนักกีฬาทีมชาติไทย ผู้ที่สามารถเอาชนะนักกีฬาเก่งๆ ของเอเชีย โดยเฉพาะกับญี่ปุ่นที่เป็น "เจ้าเอเชีย" จนขึ้นแป้นรับเหรียญทอง เอเชียนเกมส์ เก่งที่ สุดในเอเชีย "เขาเหล่านั้นคือ วีรบุรุษนักกีฬาของพวกเรา" ที่ผมจำได้แม่นมั่นที่สุดก็คือ คุณปรีดา จุลละมณฑล เพราะครองเหรียญทองถึง 4 ทอง 2 เงินในการแข่งขัน จักรยาน อีกคนก็คือ คุณชัยยะ สุขจินดา นักยกลูกเหล็กสามเหรียญทอง (สมัยก่อนให้เหรียญทั้งสแนตช์, เจิร์กและคะแนนรวม) คุณปรีดา แข่งจักรยานประเภทสปินต์ ทั้งบุคคลและทีม ซึ่งการแข่งเดี่ยวเปอร์ซูต เขาจะปล่อยรถคนละครึ่งของสนาม แล้วให้ขี่ไล่กัน ฝ่ายใดที่เป็นไล่ประชิดเป็นแมวไล่หนูย่อมชนะ ยิ่งรอบสุดท้ายที่กรรมการตีระฆัง ที่เรียกว่า สปินต์ก็ตอนนี้แหละ คือมีเท่าไหร่ใส่ให้หมด ตื่นเต้นมาก สมัยนั้น จักรยานไม่ได้แข่งที่เวลโลโดรม หัวหมาก หากแข่งกันในลู่ดินลูกรังอัด (ลู่กรีฑา) ในสนามศุภชลาศัยนั่นแหละ ดังนั้นจักรยานจะแถกล้มหลุดตรงทางโค้งจึงมีบ่อยๆ ต้องฝีมือจริงๆ ถึงจะรักษาได้ทั้งสปีดทั้งไม่แหกโค้ง คุณปรีดานี่แหละสุดยอด ทำให้คนไทยได้ฟังเพลงชาติหลายครั้ง แล้วจากครั้งนั้น คุณปรีดาก็เป็นวีรบุรุษนักกีฬาที่ฝังใจคนไทยในยุคนั้น เป็นอีกชื่อหนึ่งที่จารึกเล่าขานใน ประวัติศาสตร์กีฬาหน้าหนึ่งของเรา ภาพแห่งความประทับใจ ย่อมผนึกในความทรงจำ นั่นเพียงแค่ภาพที่ผมจำจากวัยเด็ก แต่เมื่อเติบโต ทำงานเป็นนักข่าวกีฬาหนุ่ม สิ่งที่เพิ่มเติมจากเพียงแค่ภาพ ก็คือเรื่องเล่าขานของวิถีทีมนักปั่นทีมชาติในยุค เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5 ที่จะเรียกว่า Seri Babes - ลูกน้อยของเสรี ก็ได้ เสรี ในที่นี้คือ อาจารย์เสรี ไตรรัตน์ ปูชนียบุคคลแห่งกีฬาจักรยานไทย (ผู้ล่วงลับ) ผู้สร้างนักปั่นทีมชาติรุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งศิษย์เอกที่ ''ปั้นมากับมือ'' ประสบความสำเร็จที่สุดของท่านคือ คุณปรีดา นักข่าวรุ่นพี่ เล่าตำนานให้ผมฟังว่า นักปั่นทีมชาติ ลูกศิษย์ก้นกุฏิของอาจารย์เสรีชุด เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5 เก็บตัวกันที่หัวหมาก ในยุคนั้นมีอาคารเพียงสองอาคารคือเวลโลโดรม กับ อินดอร์สเตเดี้ยม อยู่กลางทุ่ง มีบึง มีลำ คลอง ถนนดำเพียงสายเดียว ไกลจากความเจริญของเมืองหลวงลิบๆ อาจารย์เสรี บอกว่า นักปั่นต้องกินข้าวเหนียว ทำให้อยู่ท้อง แข็งแรงมีพลัง นักปั่นทีมชาติชุดนั้น แม้แต่ ราชนิกุลอย่าง ม.ร.ว.เกรียงศักดิ์ วรวุฒิ ก็ต้องปั้นข้าวเหนียวกิน ข้าวเหนียวกินกับอะไร? ก็น้ำพริกผักจิ้ม ปลาต้มปลาย่าง ที่ยามพักจากการซ้อม ทั้งโค้ชทั้งนักกีฬาจะออกไปลงเบ็ดเหวี่ยงแหกันจากบึง ลำคลอง ผักบุ้ง ดอกขจรก็มีถมถืด กลับมาทำกับข้าว ข้าวเหนียวนึ่งก็สุกพอดี สุมหัวกินกันร้อนๆ  กล่าวกันว่า เหรียญทองจักรยานที่ได้ทุกเหรียญใน เอเชียนเกมส์ ครั้งนั้น มาจาก "พลังข้าวเหนียว" ของ อาจารย์เสรีทั้งสิ้น ไม่ต่างกับ ชัยยะ สุขจินดา ที่มี "พลังน้ำพริกปลาทู" อาหารประจำที่เขากิน จนนำไปสู่ความเป็น จอมพลังยอดนักยกน้ำหนักสามเหรียญทอง หากเปรียบเทียบกับวิถีนักกีฬาทีมชาติในยุคนี้ เหมือนประชด "ความติดดิน" สู้ด้วยใจของคนกีฬาในยุค กระโน้น กับ "ความเลิศลอย" สู้ด้วยเงินอัดฉีดของคนกีฬาในยุคนี้ แต่อีกมุมหนึ่ง ผมว่านี่แหละคือ ตำนานแห่งความเข้มข้นของคนรุ่นเก่า ความทรนงที่ยิ่งใหญ่ หล่อหลอมกัน ด้วยหัวใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่ไม่มีอีกแล้ว อันจะทำให้ชื่อของท่านเหล่านี้ จารึกเล่าขานกันนานเท่านาน วิถีของคุณปรีดาก็ยังนับว่าเข้มข้นหลังจากนั้น ไม่ว่าถูกทาบทามให้เป็นดาราหนัง เพราะความดังความหล่อ สมาร์ต ซึ่งคนทำหนังเขาก็เอาไป "ขาย" แค่นั้น จำได้ลางๆ ก็เพียงฉากที่คุณปรีดาปั่นจักรยานหลุนๆ ไล่ตามผู้ร้าย เท่านั้นเอง ชื่อของคุณปรีดา ก็ยังถูกมองว่า "ขายได้" ในวิถีธุรกิจ อันเป็นที่มาของ "จักรยานปรีดา" แต่ก็กลับไม่ได้รับการตอบสนอง ที่สุดก็พับฐานไป คุณปรีดายังชอบความเร็ว เข้าสู่วงการรถยนต์ทั้งทางเรียบและวิบาก จากนักขับก็สามารถใช้ประสบการณ์เป็น นักบริหารผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเล่ากันว่า ในการสำรวจเส้นทางรถวิบากครั้งหนึ่งที่ต้องเข้าป่า ลุยน้ำ คุณปรีดาไปติดเชื้อโรค ร้ายราย ตระกูลเดียวกับโรคฉี่หนู ล้มป่วยหนัก อาการของโรคและยาที่ทานเข้าไปฆ่าเชื้อ ได้ทำลายไตอย่างรุนแรงนับแต่นั้นมา จากคนที่ร่างกายแข็งแรง ก็ กลายเป็นคนอ่อนแอเพราะโรคไตวาย ครอบครัวคุณปรีดาเป็นครอบครัวที่เข้มแข็ง ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่เคยดูแลคุณปรีดาที่อ่อนแอจากโรคไตวายรุนแรงนับเป็นสิบปี จากคุณปรีดาไปก่อนด้วยโรคมะเร็งเมื่อสามปีก่อน น่าจะเป็นความทุกข์ที่กัดกร่อนมาตลอดในเวลาที่เหลือ ผมได้เห็นคุณปรีดา ที่ยืนอย่างสง่างาม ดวงตารื้นด้วยความปิติ เมื่อขึ้นไปรับรางวัล ฮอล ออฟ เฟม สยาม กีฬาอวอร์ดส์ เมื่อปีก่อน เขาขอบคุณที่ สังคมไม่ลืมนักกีฬาเก่าๆ อย่างเขา ผมได้ยกมือไหว้คุณปรีดา ที่มาร่วมงาน สยามกีฬาอวอร์ดส์ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คุณปรีดาก็ยังยิ้ม ละไมและสง่างามเช่นเดิม วันนี้ ต้นเดือนเมษายน ผมเขียนคารวะ วีรบุรุษยอดนักกีฬา นับแต่วัยแด็กของผม ที่คืนร่างเป็นเถ้าสู่มารดา ธรรมชาติ จบวิถีหน้าที่ตัวเองในโลกนี้ในวัยหกสิบสี่ ผมเพียงขอจำภาพ ปรีดา ในสนามศุภฯ เมื่อสี่สิบสี่ปีก่อน กับ ปรีดาใน ฮอล ออฟ เฟม เท่านั้นไม่ใช่ภาพวันนี้หรอกครับ -ยอดทอง- http://www.siamsport.co.th/Column/100404_087.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 09:02:30

ความคิดเห็นที่ 12 ตารางคะแนน จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 09:03:11

ความคิดเห็นที่ 13 แมนฯ ยูฯ หรือเชลซี ? คอลัมน์ คุยกับเอกราช โดย เอกราช เก่งทุกทาง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลืออีก 6 นัดสุดท้าย ใครจะเป็นแชมป์ระหว่างแมนฯ ยูฯ กับเชลซี ยังบอกไม่ได้ กระทั่งผ่านนัดที่เจอกันเองวันเสาร์นี้ไป ก็ไม่แน่ว่าจะตัดสินได้หรือเปล่า ผมยอมรับในทีมปีศาจแดง ซูฮกว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมหลังยุค คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเชลซีพลาดแชมป์ปีนี้ ก็ต้องโทษตัวเองเป็นอย่างแรก บอลของเชลซีมีคุณภาพระดับแชมเปี้ยน หากเป็นแชมป์ก็จะเป็นแชมป์ที่ทุกคนยอมรับนับถือ เนื่องจากมีครบทุกอย่าง ทั้งความสวยงาม เฉียบขาด เอ็นเตอร์เทน แฟน ๆ นักเตะก็ฝีเท้าระดับโลกแทบทั้งทีม แต่เล่นไปเล่นมา กลับมีหลายครั้งที่เชลซีทำให้เกิดความรู้สึก สวยแต่รูปจูบไม่หอม แข็งนอกอ่อนใน เกมรวม ๆ ดูดี เผลอหน่อยเดียวดันเล่นผิดพลาด เสียประตูแบบไม่น่าเสีย เกมที่น่าจะชนะสบาย ๆ ก็กลายเป็นเสมอบ้าง แพ้บ้าง จนกระทั่งไปเปิดโอกาสให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แซงหน้าได้สำเร็จ แมนฯ ยูฯ สู้ด้วยลูกอึด มีความเก๋า มีมาตรฐานที่เชื่อใจได้มาหลายปี ทีมนี้อาจจะสะดุดหัวทิ่มไปบ้าง และปีนี้ก็แพ้เยอะไปหน่อย แต่ปีศาจแดงไม่เคยเสียความมั่นใจ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เปิดให้นิดหน่อยได้คุ้มค่าเสมอ ที่สำคัญ, แมนฯ ยูฯได้ประโยชน์จากผลงานสุดยอดของเวย์น รูนีย์ ซึ่งยิงกระจายรวม 34 ประตู แบบเต็ม ๆ รูนีย์ พร้อมทั้งแนวรุกอย่าง นานี่, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ปาร์ก จี ซอง เป็นตัวประคอง ยูไนเต็ด ปีศาจแดงขายเกมรุกนำหน้าเกมรับเหมือนเชลซี และเกมชนช้างวันเสาร์ ก็น่าจะตัดสินกันตรงจุดนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ปัญหาก็คือ แมนฯ ยูฯ จะมีรูนีย์ไหม, ไอ้หมูบินเจ็บข้อเท้าจากนัดเจอบาเยิร์น มิวนิก กลางสัปดาห์ ถ้าเซอร์อเล็กซ์เข็นลงสนาม มันก็เสี่ยงเกินไป แต่ถ้าไม่มีรูนีย์ในเกมใหญ่แบบนี้ แมนฯ ยูฯ อาจไม่ใช่ แมนฯ ยูฯ สิครับ 6 นัดสุดท้าย แมนฯ ยูฯที่มีกับไม่มีรูนีย์ ส่งผลกระทบทั้งกับตัวเองและคู่ต่อสู้ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ อาจจะลงมาแล้วช่วยทำเกมได้ราบรื่น ดูเหนือชั้นและแน่นอน ขณะที่พวกมิดฟิลด์ตัวรุกทั้งหลายก็ยังพอช่วยยิงประตูได้ เหมือนหลายนัดที่ผ่านมา รวมทั้งเกมล่าสุดที่ถล่มโบลตัน 4-0 แต่มันก็ไม่อุ่นใจ เพราะเบอร์บาตอฟไม่ใช่เพชฌฆาตโดยธรรมชาติเหมือนรูนีย์ ในเกมที่ต้องการทีเด็ดทีขาด ยังไง ๆ ปีศาจแดงก็ต้องการเจ้ารูนอยู่ดี แมนฯ ยูฯขาดรูนีย์ ก็เหมือนเชลซี ขาด ดิดิเยร์ ดร็อกบา คือรวม ๆ แล้วยังไปได้ แต่ไม่อุ่นใจ เล่น ๆ ไปเหมือนอยู่ไม่ครบทีม ไม่ใช่แค่เกมวันเสาร์เท่านั้น แฟนปีศาจแดงต้องติดตามสถานการณ์ของรูนีย์ ช่วง 2 เดือนสุดท้ายดี ๆ มีกับไม่มี อาจหมายถึง แชมป์-ไม่แชมป์ ! http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02spo01050453&sectionid=0219&day=2010-04-05 จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 09:05:23

ความคิดเห็นที่ 14 เสปอร์เจอทั้ง scum สิง ปืน ขอให้มัน ชนะ scum ก็พอที่เหลือแพ้ให้หมด จากคุณ : shounenheart เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 09:48:43

ความคิดเห็นที่ 15 ชัยชนะ อยู่แค่เอื้อม ต้องคว้ามาให้ได้ด้วยลำแข้ง ตัวเอง จากคุณ : CityEagle เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 14:18:11

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเอาจากสถานการณ์ตอนนี้ โอกาสของหงส์คือเสมอเชลซีแล้วมาลุ้นให้ซิตี้เสมอไก่ โอกาสของวิลล่าคือ 6 นัดที่เหลือแพ้ได้แค่้นัดเดียว โอกาสของไก่คือ 3 นัดใหญ่ เชลซี แมนยู อาร์เซนอล เก็บให้ได้ 2 - 3 แต้มแล้วมาออกไปชนะซิตี้ให้ได้ โอกาสของซิตี้ตอนนี้ ดีที่สุดแต่ก็ยังไม่แน่ 4 นัดแรก H-เบอร์มิงแฮม A-อาร์เซนอล H-แมนยู H-วิลล่า เก็บให้ได้ 10 แต้มแล้ว 2 นัดที่เหลือจะไม่มีความหมาย ถ้าทำไม่ได้หรือไำ่ก่เก็บแต้มทีมใหญ่ๆได้ก็ต้องมารอลุ้นนัดเปิดบ้านเจอไก่ และนัดออกไปเยือนเวสต์แฮมครับ อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S9082694/S9082694.html#13 จากคุณ : ซิตี้ สู้ สู้ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:12:26

ความคิดเห็นที่ 17 ก็อย่างที่ คุณ ซิตี้ สู้ สู้ บอกนั้นแหล่ะ ต้องชนะ 4นัดแรก ถึงจะการันตี ที่4 ได้ ซึ่ง เบอร์มิงแฮม นัดต่อไปไม่หมูนะครับ เพราะอะไร อาเซนอล ก็ หืดจับมาแล้วเสมอ   หงส์ ยิงนำยังโดนตีตามเสมออีก   ฉะนั้น  เบอร์มิงแฮม แม้เรือเล่นในบ้าน ก็ ไม่ได้เปรียบอะไรมากมาย ซะด้วยสิ มานัดถัดมา อาเซนอล นี่ก็ ไม่ใช่ ขี้ๆอีก เห็นแล้วก็เหนื่อยแล้วยิ่งไปเล่นในบ้าน ปืนอีก เรือลุ้นหนักกว่าอีกนะ นัดถัดมา เจอผี ดาร์บี้แมทช์ แห่งเมือง แมนเชสเตอร์  งานนี้ เรือก็ไม่ยอมง่ายๆหรอก แถมผีก็กำลังลุ้นแชมป์อยู่ งานนี้ มันพะยะค่ะ วิลล่า ทีมที่มีคะแนน แบบหายใจรดต้นคอ ซิตี้ โอ้ ช่างเหนื่อยใจจริงๆ เลยนะ สรุป สี่นัดที่จะถึงนี้ ซิตี้ ต้องลุ้นให้ได้ทุกนัด เพื่อเป็นการทิ้งห่างให้ทีมที่จะตามหมดกำลังใจ ให้ห่อเหี่ยวไปเอง ครับ ปีนี้ชิงที่ 1 พรีเมียร์ลีค ช่างมันแน่แท้   ส่วน ชิง อันดับ 4 ยิ่งมันเข้าไปใหญ่ มีทีม ถึง 4 ทีม ที่ต้องลุ้น จากคุณ : CityEagle เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 16:35:47

ความคิดเห็นที่ 18 นัดหน้าเบอร์มิงแฮม  ไม่หมูแน่นอน  แต่เราต้องชนะให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องเหนื่อยกว่านี้อีก จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:12:13

ความคิดเห็นที่ 19 แวะมาดู จากคุณ : Mister ManCity เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:13:46

ความคิดเห็นที่ 20 ซิตี้ชนะรูด เสมอไก่นัดเดียว เข้าป้ายที่สี่แน่นอน จากคุณ : Mister ManCity เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:32:50

ความคิดเห็นที่ 21 ปูด"เรือ-งู"เริ่มถกอนาคตมาริโอแล้ว ออกหัวหรือก้อยกันหล่ะงานนี้หลังมีรายงานข่าวเข้ามาว่า"อินเตอร์ มิลาน"และ"แมนซิตี้"เริ่มถกรายละเอียดขั้นต้นในการดึงตัว"มาริโอ บาโลเตลลี่"ดาวยิงเจ้าปัญหาสู่เวทีพรีเมียร์ชิพระหว่างที่ตลาดซัมเมอร์ใกล้เปิดทำการ โดยบางทีแข้งวัย 19 ปีอาจจะยอมรับข้อเสนอย้ายไปเล่นกับแมนซิตี้ก็เป็นได้โดยเขาจะได้กลับไปร่วมงานกับ"โรบอร์โต้ มันชินี่"อดีตเจ้านายเก่าที่เขารักและเคารพเปรียบเสมือพ่อคนที่สองเลยเดียว ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาดาวยิงเกรียนเทพเพิ่งจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับ"โชเซ่ มูรินโญ่"นายใหญ่เนรัซซูรี่ แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้จะคลี่คลายลงแล้ว และจากคำกล่าวอ้างที่ว่าอินเตอร์ได้บอกกับ"เรือใบสีฟ้า"ว่าพวกเขาอาจตัดสินใจแยกทางเดินกับหอกผิวสีรายนี้หากมีข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อเข้ามา โดยเงินจำนวน 15 ล้านปอนด์น่าจะเพียงพอต่อความต้องการของงูใหญ่ที่จะปล่อย"มาริโอ"ออกจากถิ่น"จูเซปเป้ เมียซซ่า" จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:33:12

ความคิดเห็นที่ 22 เมกะโปรเจ็ค!เรือเตรียมเพิ่มความจุสนามใหญ่สุดในอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำลังเตรียมที่เพิ่มความจุสนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี๊ยมของพวกเขา ให้มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ ซึ่งนั่นก็คือจะแซงหน้าสนามของอริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย บริษัทอาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ปได้วางแผนที่จะพัฒนาสนามครั้งใหญ่ ด้วยการเพิ่มความจุของสนามให้ใหญ่ที่สุดในลีกอังกฤษ แมนฯซิตี้จะขยายความจุของสนามเพิ่มขึ้น 30,000 ที่นั่ง ซึ่งจะทำให้สนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี๊ยมของพวกเขามีความจุเมื่อผู้ชมเต็มสนามอยู่ที่ 80,000 ที่นั่ง มากกว่าสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ประมาณ 5,000 ที่นั่งด้วยกัน “เจ้าของสโมสรต้องการที่จะสร้างสโมสรที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยใน หรือนอกสนาม” แหล่วข่าววงในสโมสรแมนฯซิตี้กล่าว “ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนที่เพิ่งจะเริ่มคิดกัน และตอนนี้อย่างเดียวที่เรากำลังพัฒนาอยู่ก็คือถนน ซิตี้ที่อยู่นอกสนาม โซนของแฟนบอลในสไตล์ยุโรป แต่เจ้าของสโมสรก็มักจะมองหาสิ่งที่ต้องพัฒนาให้แก่สโมสรอยู่เสมอ รวมทั้งการเพิ่มความจุของสนามด้วย” “แต่มันไม่ใช่แค่การเพิ่มขนาดความจุของสนามเท่านั้นนะ เรายังมองไปถึงประสบการณ์ที่จะมอบให้แก่แฟนบอลของเรา และความใส่ใจของบุคคลภายในบริษัทที่มีให้กับแฟนบอลด้วย” _________________ ## จากคุณ : ทุ่งเกวียน เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:35:43

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาอ่านข่าวครับ จากคุณ : yellow fins เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 17:48:35

ความคิดเห็นที่ 24 นัดหน้าต้องเอาชนะ  เบอร์มิงแฮม  อย่างเดียวครับ จะชนะลูกเดียว  สองลูก  หรือเท่าไร  ก็ต้องเอาชนะ เตพ  บาย้อ และคนอื่นๆใส่เต็มร้อย เล่นได้อย่างครึ่งแรกวันที่ถล่ม เบิร์นลี่   สามารถที่จะเอาชนะได้ครับ... จากคุณ : yut เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:38:59

ความคิดเห็นที่ 25 นัดเจอแมนยู  ถ้ารูนี่ ไม่ได้ลง จะแจ่มมั่กๆ ผมเองรู้สึกว่า เจ้ารูนี่ มาเก่งเว่อ ตั้งแต่นัดที่เจอกับซิตี้ในลีกคัพ ที่เตะในบ้านซิตี้เราเนี่ยแหละครับ  ตั้งแต่นั้นมา รู้สึกเจ้ารูนี่ หาตำแหน่งดีมาก ยิงกระจาย ถ้าเล่นในบ้านเราอีก ไม่มีรูนี่ ผมว่าเราชนะแมนยูได้นะ  ตอนนี้ จอนสัน เหมือนเริ่มเล่นเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆ  ฟอร์มดีแทบทุกนัด จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 18:50:06

ความคิดเห็นที่ 26 ซิตี้เจองานหนักกว่าเพื่อนเลย..........หวังว่าจะผ่านไปได้ครับ จากคุณ : กลาง. เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:13:19

ความคิดเห็นที่ 27 ขอให้จบที่ 4 อย่างสมศักดิ์ศรีนะครับ ต้องชนะแมนยู ชนะล้างตาสเปอร์ ส่วนเอาคืนเอฟ ต้องเป็นฤดูกาลหน้าครับ จากคุณ : CondoPro เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 19:24:34

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาให้กำลังใจครับ ^^ จากคุณ : dnasiam เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 20:05:43

ความคิดเห็นที่ 29 thank for news จากคุณ : mooagiko เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 20:35:59

ความคิดเห็นที่ 30 อย่าแพ้ใจ ตัวเองเป็นพอ ความนิ่งสยบทุกสิ่ง จริงๆ จากคุณ : บาเต้า เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:02:45

ความคิดเห็นที่ 31 นัดหน้านี้แหละ จุดเริ่มต้นของจริง ว่าจะเอาที่ 4 ไหวไหม จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 22:29:29

ความคิดเห็นที่ 32 นัดหน้าโจฮาร์ท ไม่ได้ลงน่าจะไหวนะครับ ตอนนี้ทีมเวิร์คเราดูดีขึ้นมากแล้ว จากคุณ : นายจวบ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:11:49

ความคิดเห็นที่ 33 ขอให้ฟอร์มร้อนแรงต่อไปเรื่อยๆน้า จากคุณ : unami เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:15:37

ความคิดเห็นที่ 34 เล่นแบบแมนยูได้ก็ Ok แล้วครับ แพ้ทีมใหญ่ประจำ แต่ทีมเล็กทีมน้อย พี่แกไม่เคยพลาด ชนะได้คะแนนจากทีมใหญ่รวมกันยังไม่เท่า 1/4 ของคะแนนที่โกยจากทีมเล็กเลย เคล็ดลับของท่านเซอร์หน้าเบค่อนในการลุ้นแชมป์ทุกปีก็มีง่ายๆแบบนี้แหละ จากคุณ : i_saw_u_standing_alone เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 04:33:45

ความคิดเห็นที่ 35 กระทู้วันใหม่ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S9086356/S9086356.html จากคุณ : still solo one เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 08:14:44