ความคิดเห็นที่ 1 ท่านเซอร์จัดปาฏิหารย์ให้แฟนๆได้ตามคำเรียกร้อง โดยสามารถเข็นเวย์น รูนี่ย์ผ่านการทดสอบความฟิตลงมาเป็นหน้าเป้าได้ตามที่สื่อหลายค่ายเล่นประเด็นนี้ไปก่อนล่วงหน้า แผนการเล่นนัดนี้วางแผน 4-3-3 เต็มรูปแบบเน้นเกมรุกเต็มที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์เฝ้าเสาเหมือนเดิม แผงแบ๊คโฟร์เกมนี้วาง ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า แผงมิดฟิลด์สามตัววันนี้มีเซอร์ไพรส์เล็กๆเมื่อจัด ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริค และดาร์รอน กิ๊บสัน ลงมายืนตรงกลาง โดยวางกิ๊บสันเป็นกลางตัวรุกค้ำหลังรูนี่ย์หน้าเป้าเอาไว้ ส่วนคาร์ริคและเฟล็ทเชอร์คอยไล่เพรสซิ่งพื้นที่กลางสนาม แผงแนวรุกข้างหน้าสามตัววางอันโตนิโอ วาเลนเซียทางขวา, นานี่ ทางซ้าย และค้ำรูนี่ย์เป็นหน้าเป้าตรงกลาง ดีเทลแพลนนิ่งที่ว่าทำไมถึงจัดทีมแบบนี้ ผมจะได้กล่าวถึงในส่วนของรูปเกมต่อไปครับ สำหรับผู้มาเยือนจากบาวาเรียที่ถือสกอร์เหนือกว่าในกระเป๋าก่อนมาโรงละครนั้น วันนี้หลุยส์ ฟาน กัล ก็ยังคงยืนพื้นนักเตะชุดเดิมจากเลกแรก โดยมีเปลี่ยนแปลงเพียงสองตำแหน่ง คือสามารถจับอาร์เยน ร็อบเบน ผ่านความฟิตลงสนามได้ และได้บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์กลับมาจากโทษแบน โดยฟาน กัล วางแผนการเล่นเหมือนเดิมจากเลกแรก คือ 4-4-2 ให้ฮันส์ ยอร์ก บุตต์ เฝ้าเสา แผงหลังสี่คนมี ฟิลลิปป์ ลาห์ม, ดาเนียล ฟาน บุยเต็น, มาร์ติน เดมิเคลิส และ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ กองกลางตรงกลางสนามสองคนให้ มาร์ค ฟาน บอมเมล ยืนคู่กับบาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ ที่ได้ลงมาแทน ดานิเยล ปรานยิชจากเลกก่อน ริมเส้นฝั่งซ้ายยังเป็น ฟรองก์ ริเบรี่ ฝั่งขวา และได้อาร์เยน ร็อบเบนลงมาแทน ฮามิต อัลตินท็อปจากเลกก่อนเช่นกัน ส่วนหน้าคู่เป็นคู่เดิม คือ อิวิก้า โอลิช และ โธมัส มุลเลอร์ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:32:06

ความคิดเห็นที่ 2 แผนการเล่นที่ท่านเซอร์วางมานั้น ต้องบอกเลยครับ ว่าได้ผลมาก และมีประสิทธิภาพจริงๆ ไม่ใช่ทำงานแบบไฟไหม้ฟางห้านาทีสิบนาที แต่สามารถยืนพื้นคุมเกมข่มเสือใต้แบบวันเวย์ได้ตลอดที่แผนการเล่นยังทำงานได้ตามหน้าที่ของมัน ท่านเซอร์ทำการบ้านจากเกมที่แล้วมาได้ดีมากๆ โดยมองว่าที่เราไล่เพรสซิ่งนักเตะเสือใต้ไม่ค่อยจน ส่วนหนึ่งก็คือนักเตะเสือใต้ไม่ยอมลงมาบู๊ในแดนกลางให้เราไล่บี้ แถมยังออกบอลเร็ว ใช้พื้นที่เต็มสนาม เคลื่อนที่เร็วหาช่องตลอดเวลา นักเตะแต่ละคนที่มีส่วนในเกมรับก็รูปร่างสูงใหญ่ ครองบอลแข็งแกร่ง เบียดลงยาก วิธีการแก้หมากในภาพรวมตรงนี้ที่ท่านเซอร์วางแผนมาก็คือ ใช้เกมเพรสซิ่งเร็วบีบพื้นที่ทั้งสนามแบบโททั่ลเพรสซิ่ง วางรูนี่ย์เป็นตัวไล่เพรสซิ่งตัวแรกตั้งแต่การออกบอลของคู่เซ็นเตอร์เสือใต้ไม่ให้ต่อบอลกับกลางรับได้ถนัด จากนั้น มิดฟิลด์สามคนตรงกลางวันนี้เลือกที่ physical มาก่อน skill/technical เพื่อใช้ร่างกายเข้าบดสู้ เบียดปะทะกับนักเตะของเสือใต้ ซึ่งเป็นจุดที่ปาร์ค ชี ซอง สู้ไม่ได้ในเลกก่อนนั่นเอง รวมกับความถนัดในการหาช่องยิงจากแถวสองของกิ๊บโบ้ ซึ่งนี่คืออีกเหตุผลที่เราเห็นดาร์รอน กิ๊บสันลงสนามแบบน่าเซอร์ไพรส์ในเกมนี้ นี่คือเกมแพลนที่วางมาทำลายแท็คติคของเสือใต้โดยเฉพาะ เกมของเสือใต้ที่เซ็ตเกมจากหลัง เมื่อถูกบีบเร็วจากรูนี่ย์, ตัวรับบอลแถวแรกถูกคุมแจจากวาเลนเซีย, นานี่, กิ๊บสัน จึงทำให้ทางเลือกของการเซ็ตบอลทำไม่ได้มากนัก นอกจากเปิดข้ามไปข้างหน้า แล้วโดนชิงเล่นกลางอากาศก่อนจากวิดิชและริโอ หรือไม่ก็ต้องย้อนกลับมาหาบุตต์ แล้วมาถูกรูนี่ย์วิ่งบดเข้าใส่จนบุตต์ออกอาการต้องเตะทิ้งเตะขว้างไปหลายดอก อีกทั้งยูไนเต็ดเมื่อได้บอลก็โหมเข้าใส่ไม่ให้เสือใต้ตั้งตัวได้ทันตลอด การเซ็ตเกมรุกมาจากทุกทิศทุกทางทั้งซ้ายกลางขวา หรือเปิดจากหลัง เกมนี้วาเลนเซียและนานี่มีอิสระจากคำสั่งท่านเซอร์ให้เลือกที่จะหุบเข้ามาด้านในในมากขึ้น เปิดทางให้ฟูลแบ๊คได้เติมขึ้นทางริมเส้น เพื่อป่วนแนวรับและทำให้แผงหลังเสือใต้สับสนกับตำแหน่งการยืนให้ได้มากที่สุด นั่นคือแผนการกระซวกประตูจากเสือใต้ที่วางลงมา ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ตลอดเกือบสี่สิบนาทีแรก แผนทำลายเกมเสือใต้ และทวงประตูให้ได้ของเรานั้น ได้ผลมีประสิทธิภาพดีมากๆ ร็อบเบน, ริเบรี่, โอลิช และมุลเลอร์ ได้บอลถึงเท้าแทบนับครั้งได้เลย จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:32:50

ความคิดเห็นที่ 3 ประตูแรกในนาทีที่ 3 ก็มาจากการขึ้นเกมตรงกลาง รูนี่ย์รับบอลจากการเปิดของราฟาเอล แปะขึ้นหน้าให้กิ๊บสันที่เติมขึ้นมาข้างๆ ก่อนจะฉากตัวออกมารับบอลด้านข้างซึ่งดึงกองหลังและสมาธิของบุตต์ไปได้มากทีเดียว กิ๊บสันเมื่อได้บอลจากรูนี่ย์ก็ลากขึ้นมาก่อนจะตัดสินใจยิงโดยมีเดมิเคลิสปรี่เข้ามาบังแต่ไม่ทัน กลายเป็นบังทางบุตต์ไปเสียอีก ซึ่งบุตต์เองนั้นก็ดันไปพะวงไลน์วิ่งรูนี่ย์จนเสียตำแหน่งการยืนปิดเสาแรกไปด้วย ทำให้บอลของกิ๊บสันพุ่งเบียดเสาเข้าไปได้ตั้งแต่สามนาทีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน จ้าบ้านก็ได้ประตูที่สองเมื่อรูนี่ย์สาดบอลสวนกลับยาวขึ้นมาทางขวาให้วาเลนเซีย วาเลนเซียโยกหลอกบาดสตูเบอร์สองสามครั้งก่อนจะดึงไปสุดเส้นแล้วเปิดเข้ากลางที่มีนานี่สอดจากทางซ้ายหลุดเข้ามาโล่งๆแล้วไขว้ด้วยขวาส่งบอลไหลเสียบโคนเสาสองอย่างสวยงาม เป็นสองประตูก่อนครบสิบนาทีที่ทำให้หลายๆคนฝันหวานทีเดียว รวมทั้งผมด้วย หายนะเริ่มส่อเค้าลางมาแต่ไกล ราฟาเอลที่ดันเกมขึ้นมาสุดเส้นถูกเกี่ยวล้มแต่ไม่ได้ฟาล์ว จึงไปสอยเขาคืนแล้วก็เลยต้องรับใบเหลืองไปก่อนแบบน่าเขกกะโหลก ช็อตนี้ริเบรี่ที่ถูกราฟาเอลประกบมาตลอดจึงเริ่มลูบปากขึ้นมาบ้าง แล้วหลังจากนั้นไม่นานนัก หายนะเริ่มส่งสัญญาณเตือนดังขึ้นมาอีก เมื่อรูนี่ย์ถูกปะทะเล็กน้อยตรงกลางสนามฝั่งซ้ายทำให้ข้อเท้าเกิดอาการเจ็บซ้ำขึ้นมา และหลังจากนาทีที่ 24 เป็นต้นมาถึงแม้รูนี่ย์จะยืนยันกับสต๊าฟฟ์ว่าเล่นไหว แต่รูนี่ย์กลับวิ่งไม่ได้เต็มที่เหมือนช่วงแรกอีกเลย และเริ่มทำให้เกมเพรสซิ่งที่ใช้กดเสือใต้ได้ผลมาตลอดนั้น เริ่มคลายความกดดันลงไปทีละนิดละหน่อย จนเสือใต้เริ่มขยับเกมรุกของตัวเองขึ้นมาได้บ้าง โดยมีการเปิดของร็อบเบนให้มุลเลอร์ได้แทงทะลุตัดหลังเข้ากรอบ แต่โอลิชแตะยาวไป ถูกน้าซาร์พรวดออกมาตะครุบไว้ได้ทันเป็นสัญญาณอพยพหนีภัยครั้งแรก จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:33:13

ความคิดเห็นที่ 4 แต่เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สามจากเกมเร็วที่เราได้ลูกทุ่มฝั่งขวาในแดนเสือใต้ ราฟาเอลวิ่งมาทุ่มเร็วขึ้นหน้าให้วาเลนเซียหลุดขึ้นไปก่อนจะกระดกบอลหลบผู้เล่นเสือใต้แล้วพุ่งเข้าหากรอบจากทางด้านขวา แล้วเปิดเรียดตบกลับเข้ามาหน้ากรอบโทษ บอลหลุดรูนี่ย์และตัวประกบเลยไปถึงบริเวณเส้นกรอบโทษ นานี่เติมขึ้นมาซัดด้วยขวาทันทีส่งบอลพุ่งเสยเพดานตาข่ายให้เจ้าบ้านออกนำไกลสุดกู่ในนาทีที่ 41 แต่แล้วสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นมาเต็มที่ในสองนาทีให้หลัง จากลูกเปิดเข้ามาหน้ากรอบในจังหวะขึ้นเกมรุกเร็วของทีมเยือน มุลเลอร์เทคขึ้นโหม่งเช็ดบอลย้อยมาทางกรอบโทษด้านขวา คาร์ริคเบียดโอลิชเข้าหาบอลในกรอบแล้วสู้แรงปะทะไม่ไหว คาร์ริคลงไปกองก่อนที่โอลิชจะควบตามบอลที่กำลังจะหลุดเส้นหลังประตูไปแล้วตวัดยิงสวนด้วยสัญชาตญาณทันที บอลพุ่งเร็วเรียดผ่านข้างตัวน้าซาร์ที่ไม่ทันได้ระวัง เสียบโคนเสาสองอย่างน่าตกตะลึง และเป็นประตูที่ทีมเยือนต้องการอย่างมาก เมื่อรูปเกมมันเริ่มกลับมาเข้าทางพวกเขาอีกครั้ง กับอีกประตูที่ต้องการเท่านั้น เพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป ครึ่งหลัง เมื่อแผนการเล่นที่วางมาถูกปรากฏการณ์ในสนามพาให้มันทำงานได้แย่ลง เนื่องจากการที่รูนี่ย์ไม่สามารถไล่เพรสซิ่งการเซ็ตบอลจากหลังของเสือใต้ได้เหมือนเดิม เมื่อหลังสามารถเซ็ตบอลให้แดนกลางได้ การเล่นของเสือใต้จึงเริ่มกลับมาเข้าสู่แบบแผนเดิมๆของตัวเอง งานก็จึงเข้าสำหรับบรรดากองกลางและกองหลังที่ต้องไล่เพรสซิ่งหนักหน่วงขึ้น การที่ราฟาเอลติดไข้เหลืองก็ยิ่งถือเป็นงานช้าง เพราะการตามคุมริเบรี่มีโอกาสเสียฟาล์วตลอดเวลาอยู่แล้ว และก็โดนจนได้ จากลูกที่ราฟาเอลตามพัวพันเหนี่ยวริเบรี่ไปถึงกลางสนามจนล้ม ริเบรี่ไม่รอช้า ลุกขึ้นฟ้องกรรมการทันที แล้วกรรมการก็ควักเหลืองที่สองให้ราฟาเอลตั้งแต่นาทีที่ 50 เท่านั้น ทำให้เจ้าบ้านเหลือสิบคนร่วมๆสี่สิบนาที เมื่อประกอบกับการที่เจ้าบ้านไม่สามารถเพรสซิ่งได้ดีเหมือนเคย แถมสมาธิและความมุ่งมั่นในเกมก็ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่รูนี่ย์เริ่มเจ็บ ทั้งหมดทั้งปวงนี้คือจุดที่ทำให้เกมของบาเยิร์นกลับมาขึงเจ้าบ้านได้เต็มๆจนต้องเล่นลิงชิงบอลกันสนุกเท้า จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:33:29

ความคิดเห็นที่ 6 ทีมเยือนมีการเปลี่ยนตัวโดยเอาโกเมซลงมาแทนมุลเลอร์ตั้งแต่พักครึ่ง ส่วนเจ้าบ้านถอดรูนี่ย์ที่เล่นไม่ได้เต็มที่ออก แทนที่ด้วยโอเชเพื่อมาทดแทนราฟาเอลที่โดนใบแดง ดันนานี่ขึ้นเล่นหน้าเป้า ตรงนี้ยิ่งทำให้เกมของบาเยิร์นดูดีมีระดับขึ้นมาทันที กลางของเจ้าบ้านที่เหลือเพียงเฟล็ทเชอร์, กิ๊บสัน และคาร์ริค ซึ่งต้องถ่างออกมารับภาระปีกซ้ายด้วย ยิ่งทำงานยากขึ้นไปอีก ในที่สุดก็มาเสียประตูที่ทำให้ตกรอบในนาทีที่ 74 จากลูกคอร์เนอร์ที่เราเคยใช้มาหลายครั้งกลับมาทำร้ายตัวเอง ริเบรี่เปิดคอร์เนอร์จากฝั่งขวาของน้าซาร์หลุดมาเสาสองบริเวณหน้ากรอบให้ร็อบเบนตั้งเท้าง้างแล้วยิงด้วยซ้ายแบบเต็มๆ บอลพุ่งวาบเบียดแผ่นหลังคาร์ริคที่พุ่งเข้าขวางแล้วลอยหายวับเข้าไปที่หน้าต่างเสาแรก ชนิดที่ผมรู้เลยว่าเข้าประตูตั้งแต่เห็นวิถีบอลออกจากเท้าร็อบเบนนั่นเลย นี่คือประตูที่ดับฝันของเจ้าบ้านอย่างสนิท เพราะรูปเกมมันสู้ไม่ได้ไปแล้วในตอนนั้น และหลังจากนั้น เสือใต้ก็ใช้กลยุทธ์ครองเกมถ่ายบอลวนไปมาเพื่อดึงเวลาให้หมดไป ฮามิต อัลตินท็อปถูกส่งลงมาแทนร็อบเบนเพื่อครองบอล และเล่นกับเวลามากขึ้น ในขณะที่เบอร์บาตอฟกับไรอัน กิ๊กส์ ก็ถูกส่งลงมาแทนกิ๊บสันและคารริค ดูเหมือนเป็นความพยายามเพื่อทวงประตูที่สี่ แต่กลับกลายเป็นไร้ค่ามากกว่า เมื่อสองคนที่ถูกส่งลงมานั้น ไม่ได้ช่วยให้เกมเพรสซิ่งไล่เอาบอลคืนมาเกิดเป็นผลสำเร็จได้ ยิ่งการเปลี่ยนครั้งสุดท้ายชองเสือใต้ที่ส่งปรานยิชลงมาแทนโอลิชเพื่อเพิ่มผู้เล่นแดนกลาง ยิ่งทำให้อาการเล่นเป็นลิงของเราดูหนักข้อมากขึ้นไปอีก จนกลายเป็นว่าทั้งๆที่ต้องการประตู แต่กลายเป็นลูกทีมของ ฟ่าน กัล เสียอีกที่ครองเกมฆ่าเวลาอยู่ฝ่ายเดียวจนหมดเวลา เป็นการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศของบาเยิร์น มิวนิค ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2001 และเป็นการตกรอบที่ชอกช้ำที่สุดครั้งหนึ่งของชาวแมนคูเนี่ยน เพราะเป็นการตกรอบด้วยอเวย์โกล์อีกครั้ง แถมยังมีหลากหลายสิ่งหลายอย่างให้พูดถึงในเกมทั้งสองเลกที่ผ่านไป จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:33:48

ความคิดเห็นที่ 7 ผมคงไม่โทษอะไรมากกับเกมในเลกนี้เกี่ยวกับเรื่องแผนการเล่น เพราะมันก็ดูสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ท่านเซอร์จะวางลงมาสู้แล้ว และมันก็แสดงให้เห็นชัดเจนตลอดครึ่งชั่วโมงแรกว่า มันทำงานได้ผลดีมาก จนรูนี่ย์เจ็บไป จนราฟาเอลถูกใบเหลืองแบบไม่น่าเสีย และใบแดงในท้ายที่สุด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ทั้งสิ้น รูนี่ย์ถูกเข็นลงมาในสภาพที่ทุกๆคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่เต็มร้อย ส่วนราฟาเอลก็เด็กเพิ่งอายุ 19 ที่ต้องรับมือริเบรี่และวิ่งขึ้นลงทำเกมรุกและรับตลอดเวลา เราจะไปตำหนิพวกเขาได้แค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น และการได้ถึงสามประตูนำไปก่อนอีกต่างหาก หากจะตำหนิ ก็คงเป็นเรื่องสมาธิเป็นอันดับแรกที่ทำให้เสียประตูแรกให้โอลิช ซึ่งการที่คาร์ริคต้องเบียดกับโอลิชไปทั้งๆที่เขาไม่ใช่กองหลังนั้นมันบ่งบอกอะไรบ้าง อย่างน้อยก็คือจังหวะโหม่งของมุลเลอร์ที่คงมีวิดิช (?) เป็นตัวเทคประกบ แล้วในจังหวะที่บอลมาถึงโอลิช ทำไมกลายเป็นคาร์ริคที่เข้าไปเบียด บอลที่ทะลักออกไปจนเกือบสุดเส้นหลังนั้น ทำไมไม่มีใครปรี่เข้าไปขวางทางเปิดเข้ามาของโอลิชสักคน หายไปไหนกันหมด ตรงนี้คือสิ่งที่น่าตำหนิที่มองเห็นได้ชัดว่า เหมือนจะชะงักกันไปหมดในจังหวะที่บอลทะลักออกมาจากโอลิช กลายเป็นโอลิชเพียงคนเดียวที่พรวดไปหาบอล แล้วตวัดยิงตามสัญชาตญาณแบบโล่งๆ ง่ายๆ ความจริงนี่คือลูกที่สองในรอบสัปดาห์ที่เสียแบบง่ายๆเกินไป ลูกที่โอลิชยิงคว้าชัยในนัดก่อนก็เช่นกัน ชะงักกันไปหมดตอนที่โอลิชแอบพรวดเข้ามาขโมยบอลจากเอวร่าไปยิงน้าซาร์แบบซึ่งๆหน้าแบบนั้น และทั้งสองครั้งเกิดจากชายที่ชื่อ อิวิก้า โอลิช เหมือนกัน แถมเป็นในนาทีที่ไม่ควรเสียประตูด้วยซ้ำไป กับช่วงทดเจ็บในเกมแรก และช่วงนาทีที่ 43 ในเกมนี้ การหลุดสมาธิและเสียประตูง่ายๆในรูปแบบที่น่าตำหนิแบบนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับทีมเรา ทีมที่เคยภูมิอกภูมิใจในแผงหลังที่เหนียวแน่น และเกมรับที่ขึ้นชื่อลือชามาตั้งแต่ปีก่อน มาปีนี้ดูเหมือนอาการบาดเจ็บที่พรากริโอไปบ้าง วิดิชไปบ้างนั้น จะทำให้เกมรับของเราแกว่งได้ง่ายขึ้น หลุดสมาธิได้ง่ายขึ้น และเสียประตูแบบที่ไม่น่าเสียบ่อยครั้งขึ้นด้วย นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าการที่เรามีกองหน้าเหลือน้อยหรือบาดเจ็บมากขึ้น เพราะต่อให้กองหน้ายิงไปเยอะแค่ไหน แต่ถ้าหลังบ้านยังเสียง่ายๆแบบนี้ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนในเกมนี้นั่นแล อีกทั้งการที่เสียประตูง่ายๆของแนวรับ ยังทำให้การวางแผนการเล่นทำได้ยากมากๆ อย่างน้อยการเล่นเกมรับแล้วสวนกลับคงทำไม่ได้ หากว่ารับแล้วยังมีโอกาสเสียประตูง่ายๆอยู่แบบนี้ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:34:10

ความคิดเห็นที่ 8 แต่หากมองถึงในภาพรวม องค์ประกอบของทีม และทีมอื่นๆที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้แล้ว ผมคงไม่อาย ที่จะบอกว่าตกรอบไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ทุ่มสมาธิกับเกมลีกให้เต็มที่กว่านี้ ถึงแม้โอกาสในลีกมันจะน้อยลงมากแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าจะเล่นแบบเผื่อโน่นเผื่อนี่ทั้งๆที่ทัพนักเตะก็ลูกผีลูกคนอยู่แบบนี้ ถึงแม้ผ่านเข้ารอบไปได้ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่า การที่มีรูนี่ย์คนเดียวที่สามารถเล่นในแท็คติค 4-3-3 หรือ 4-5-1 ได้ประสิทธิภาพสูงสุดแบบนี้ มันจะพาทีมเราไปได้ไกลถึงไหน เมื่อเห็นๆอยู่ว่าเบิร์บไม่ตอบสนองต่อแท็คติคหน้าเป้าตัวเดียวเช่นนี้ แล้วการวางแท็คติคนี้ในเกมยุโรปที่จำเป็นมากมาย จะไปได้ถึงไหนเมื่ออาการของรูนี่ย์จะไม่เต็มร้อยอยู่ตลอด ต่อให้ฝ่าด่านลียงไปได้ (ลียงที่เชือดเรอัลมาเนี่ยนะ) เราก็ต้องพบกับบาร์เซโลน่าที่เคยสอนบอลเรามาก่อนทั้งๆที่ฟอร์มของเมสซี่ตอนนั้นก็ยังไม่พีคเหมือนปีนี้ หากมาเจอกันปีนี้ผลจะเป็นอย่างไรเมื่อสภาพทีมเราเป็นอย่างนี้ หรือไม่ก็ต่อให้ได้เจออินเตอร์ มิลาน ที่ปีนี้มีเอโต้, สไนเดอร์ เป็นทีมที่ตอบสนองแท็คติคมูรินโญ่ได้ดีกว่าปีก่อนๆ คิดว่าเราจะผ่านได้ง่ายๆหรือเปล่า หลายๆคน โดยเฉพาะแฟนทีมอื่นๆอาจจะมองว่าผมปลอบใจตัวเอง หรือองุ่นเปรี้ยวก็ตามแต่ แต่ผมยืนยันว่า ผมมองเกมตามความเป็นจริง หากรูนี่ย์อยู่ในสภาพแบบนี้ การผ่านเข้ารอบต่อไปจะมีประโยชน์อะไร ขนาดเลกแรกที่รูนี่ย์เต็มถังตลอดเก้าสิบนาที เกมยังมีปัญหาต่อบอลกันขึ้นไม่ได้ แล้วถ้าสมมติผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ ผมก็คงต้องไปลุ้นต่อว่า รูนี่ย์จะฟิตไหม แท็คติคเกมนี้จะเป็นอย่างไร เพราะในเกมยุโรปเกมใหญ่ๆแบบนี้ บอกตามตรงครับว่า ทีมใหญ่ๆกุนซือเขี้ยวๆเขาอ่านเราออกหมดแล้ว ว่าทีมเราขาดนักเตะประเภททักษะ ประเภทสกิลล์สูงๆในแดนกลาง แต่อาศัยทีมเวิร์กที่มีนักเตะที่พละกำลังดี ฟิตพอจะไล่ได้ทั้งเกม เล่นบอลเร็วและหนักเข้ามาสู้ ซึ่งหลายๆทีมก็เลือกที่จะหนีเกมกลางสนามแล้วหันมาเล่นด้วยการต่อบอลออกบอลเร็ว การดึงโซนเพรสซิ่งของเราให้แตกแล้วเจาะทะลวงเข้าไป อย่างที่บาร์เซโลน่าที่เคยผิดหวังได้กลับมาแก้ตัวได้ในรอบชิงฯปีที่แล้ว อย่างที่เสือใต้ทำในเลกแรก และเลกที่สองหลังจากรูนี่ย์เจ็บไปนั่นเอง ผมมองว่านี่คือการมองโลกตามความเป็นจริงและยอมรับในสิ่งที่เราเป็นอยู่ ท่านเซอร์ก็คงต้องทำใจยอมรับเช่นนี้ และมองไปข้างหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:34:24

ความคิดเห็นที่ 9 ปีที่แล้วเกมของเราก็เป็นแบบนี้แหละ แต่โรนัลโด้คือผู้ที่พลิกเกมได้ด้วยตัวคนเดียว อีกทั้งเตเวซก็ยังคอยไล่กัดแดนหลังคู่ต่อสู้จนสามารถฉกฉวยความผิดพลาดให้เกิดประโยชน์ แต่มันเปล่าประโยชน์ที่จะพร่ำเพ้อถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ฟอร์มของโรนัลโด้ปีก่อนก็ไม่ได้ทะลุปรอทอะไร แรงมุ่งมั่นขับดันก็ตกลงไปจากปีที่ได้บัลลง ดอร์ การย้ายทีมจึงน่าจะเป็น วิน-วินโซลูชั่น และเราก็ต้องหาทางเดินหน้าต่อไป เช่นเดียวกับเตเวซที่เราไม่สามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงได้ แม้แต่เบอร์บาตอฟเองก็ไม่ได้โอกาสนั้นในปีนี้เช่นกัน ประกอบกับการทำลายเพดานค่าเหนื่อยที่ปัจจุบันก็สูงลิบลิ่วอยู่แล้วก็ไม่ใข่ทางออกที่ถูกต้องในสายตาผู้บริหาร การแยกทางกันจึงน่าจะเป็นทางออกเดียวที่เป็นไปได้ ดังนั้นทีมเราอ่อนลงแน่จากปีที่แล้ว ตรงนี้ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แต่กับทีมที่อ่อนลงแบบนี้ เราก็สามารถทะลุมาถึงรอบก่อนรองฯได้ ยังมีลุ้นแชมป์ลีก และได้ถ้วยคาร์ลิ่งมากอดแล้วใบหนึ่ง ก็ย่อมการันตีได้ระดับหนึ่งว่า สโมสรเราไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอก และยังคงหาทางออกใหม่ได้เรื่อยๆ สำหรับผมเอง การตกรอบวันนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต อาจจะเจ็บปวดจากการที่เห็นเราออกนำไปก่อนเยอะแล้วดันตกม้าตาย แต่มันก็ต้องยอมรับว่าบาเยิร์น มิวนิค ประคองสมาธิและความมุ่งมั่นในช่วงเวลาที่กดดันได้ดีกว่าเรามาก ถึงแม้ถูกนำไปสามลูกแต่ก็ไม่ได้ท้อถอย ถึงแม้จะยิงคืนได้สองลูกจนสามารถเข้ารอบต่อไปได้ แต่ก็ยังไม่ประมาท ไม่มีเตะทิ้งเตะขว้าง ใช้ทุกวินาทีที่มีลูกบอลให้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้แต่เมื่อตอนไปไม่ได้ต้องเตะออก ก็ยังเลือกเตะออกเส้นหลังฝั่งน้าซาร์จากครึ่งสนาม เพื่อกินเวลาแม้แต่ห้าวินาทีสิบวินาทีก็ยังดี นี่คือสิ่งที่บาเยิร์น มิวนิคเรียนรู้จากความผิดพลาดเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนได้อย่างน่านับถือ แล้วเราล่ะ ควรต้องเรียนรู้อะไรบ้างจากเกมสองเลกที่ผ่านไปอย่างเจ็บปวดนี้ อย่างน้อยก็คงเป็นเรื่องของสมาธิและความมุ่งมั่น ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้หล่นหายแม้เพียงเสี้ยววินาทีของเกมที่กลายเป็นสองประตูของโอลิช หรือการจบสกอร์บางจังหวะที่ต้องนิ่งและมองให้รอบด้านกว่านี้ ถึงแม้ผมจะเชื่อว่ารูปเกมแบบนี้ ต่อให้เรานำ 4:0 ไปก่อน ก็ไม่แน่ว่าจะเข้ารอบต่อไปได้ก็เถอะ แต่การจบสกอร์ที่ไว้วางใจได้จากโอกาสน้อยครั้งที่เกิด ย่อมเป็นตัวชี้วัดคุณภาพเกมรุกที่ดีไม่ใช่หรือ นี่อคือสิ่งที่ผมเองเรียนรู้จากสองเลกที่ผ่านไปของเรา และเป็นการเรียนรู้ด้วยความเจ็บปวดจริงๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:34:56

ความคิดเห็นที่ 10 สุดท้าย ทีมที่ดีกว่าก็ยังเป็นผู้ชนะ ผมยินดีกับบาเยิร์น มิวนิคด้วย พวกคุณทำได้ดีกว่าจริงๆ ทั้งสองนัด แต่ผมก็ยังหวังเช่นเดิมอยู่ว่า เราจะกลับมาได้อีกครั้งในปีหน้า และเป็นการกลับมาที่น่าจะดีขึ้นกว่านี้ได้อีก แต่ที่สำคัญ ภารกิจในปีนี้ยังไม่จบ เรายังคงต้องทุ่มเทเต็มที่ในห้านัดที่เหลือต่อจากนี้ แล้วหวังว่าเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างเราบ้าง หลังจากถูกเมินมาตลอดในช่วงหลังนี้ครับ แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:35:09

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ ยังช็อคกับลูกที่ร็อบเบนตั้งป้อมยิงไม่หายครับ เห็นแล้วมันช้ำครับ จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:37:13

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณที่ทักท้วงครับ คุณชาวบางนา แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 53 11:01:51 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:46:14

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีคะ ช้ำใจไม่หายเลย ช่วงเวลาที่ได้สามลูกแรก มีความสุขมาก คิดว่ายังไงก็ได้เข้ารอบชัวร์ๆ สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างหวัง พระเอกตกม้าตายตอนจบอีกแล้ว จากคุณ : ~ FoxiLiciOuz ~ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:52:06

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ จากคุณ : นายคิ้วเข้ม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:52:19

ความคิดเห็นที่ 15 คูณหงบครับ รบกวนลบความเห็นที่ 12 ออกดีกว่าครับ ไม่งั้น  พวกเกรียนมันจะได้ใจ ปล.สังเกตุดู พวกล็อคอินหลัก 5 กว่าๆ  มักจะชอบป่วนหรือชอบแสดงความเห็นไร้สาระ ( แต่คนดีๆก็มีแยะ ) แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 53 10:58:54 จากคุณ : ชาวบางนา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:56:21

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณนะคะ ปวดใจ แต่ใช่ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย จากคุณ : happybee เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:56:48

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบบทความของคุณสงบใจครับ เขียนได้ดีกว่าคอลัมนิสต์กีฬาบางคนแซะอีก จริงๆดูจากครึ่งแรกนึกว่าสกอร์จะไหลตลอดเกมส์แล้ว แต่บาเยิร์นก็กลับมา ได้อย่างเหลือเชื่อ จุดเปลี่ยนเกมก็คงเป็นใบแดงของราฟาเอล ผมว่าแมนยู กับ บาเยิร์น เป็นบอลที่เจอกันทีไร กองเชียร์หายใจไม่ทั่วท้องทุกทีครับ ปะภาพข้อเท้าขวาของรูนีย์ที่เป็นที่สนใจของช่างภาพครับ จากคุณ : เชียงคำ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:59:12

ความคิดเห็นที่ 18 รับฟังคำแนะนำครับ คุณชาวบางนา จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:01:28

ความคิดเห็นที่ 19 สู้ๆ กันต่อไปครับ จากคุณ : SpaceWeb เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:10:27

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับคุณ สงบใจ  แหม่...เหมือน  แมนฯยูเจอ พรก.ฉุกเฉินจากป๋าต้องเรียกรูนีย์ลงด่วนเลยนะครับ พอเห็นรายชื่อแทบสะดุ้ง  นี่มันเร็วเกินไปไหมป๋า... 3-0 ... อารมณ์ตอนนั้นยังไม่ไว้ใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้บอกว่าเป็นกูรูอ่านเกมส์ขาด แต่ที่ทำให้ไม่ไว้ใจคือ  กองหลังเราชอบทำให้เกมส์กลับมาสูสีอยู่เรื่อย  พลาดนิดพลาดหน่อย มานานแล้ว  และเมื่อเจอเวทีนี้มันมีแต่เสือสิงห์ กระทิง 11รด ... สุดท้ายก็พลาดจริงๆ ..  ลุกที่ไม่น่าก็ให้เขากลับมาซะงั้น สุดท้ายก็จบเห่ ... ปีหน้าฟ้าใหม่ก็ว่าใหม่ครับ เชียร์กันต่อไป  เหลืออีก 5 นัดก็เต็มที่ได้ไมได้อีกเรื่อง .. ปล.ตอนใกล้หมดเวลาป๋าเหมือนยอมแล้วกลับขึ้นไปนั่งที่ม้านั่งสำรอง แววตาเหมือนมีอะไรในใจครุ่นคิดบางอย่าง .. จะวางมือ...หรือจะกลับมา... ถ้าแฟนแมนฯยูเข้าเส้นเห็นหัวแม่ตรีนก็รู้ถึงชื่อพ่อ.. ขึ้นชื่อว่า.ก๊อดฟาร์เธอร์ ...  We will  be  back .. แน่ๆครับ จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:14:39

ความคิดเห็นที่ 21 คุณสงบใจคิดยังไงกับฟอร์มของ กิ๊บสัน เมื่อคืนบ้างครับ? ผมว่าเล่นใช้ได้เลย แต่ยังชอบยืนผิดที่บ่อยๆ ส่วนนานี่เมื่อคืนนี้ เทพไปเลย จากคุณ : PanywT เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:18:21

ความคิดเห็นที่ 22 ข่มตานอนแทบไม่หลับเลยครับ โดยลูก 3 - 1 ไปปั๊บนี่ลางสังหรณ์มาเลย ว่าวันนี้คงไม่รอด นั่งกัดเล็บเชียร์ไป แล้วสุดท้ายก็โดนจนได้ เฮ้อออออ อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจให้เราเลยจริงๆ พับผ่า ผมว่าเกมส์นี้น่าตำหนิรูนนะครับ เข้าใจว่าความกระหายอยากมีส่วนร่วมเยอะ แต่ก็ต้องดูสภาพของตัวเองด้วย ตั้งแต่โดนเตะแผลเก่าไป ก็วิ่งได้ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ไม่ไล่ในจังหวะที่ปกติแล้วเคยกัดไม่ปล่อย แต่กระนั้นก็ยังฝืนไม่ยอมออกทำให้ทีมเสียประโยชน์ไปในโควต้าของเขา ผมว่าถ้าเขายอมเสียสละว่าตัวเองทำหน้าที่ได้ไม่เต็มร้อยแล้ว ขอเปลี่ยนตัวให้ส่งคนที่สมบูรณ์กว่าลงมาแทน ทีมน่าจะได้ประโยชน์มากกว่านี้ ถึงแม้ว่าเิบิร์บอาจจะไม่เข้ากับแผนหน้าตัวเดียวก็เถอะครับ แต่ด้วยทักษะของเขาแล้ว อาจพอทำอะไรได้มากกว่านี้บ้างถ้าพอมีเวลาให้หน่อย การป้ายจังหวะเดียวของเขาอาจสร้างโอกาสให้นานี่หรือวาเลยเซียได้ทะลุแนวรับที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรของพี่เสือขึ้นไปบ้างก็ได้ แล้วเกมนี้นี่ราฟาเอลจะจำจนตายเลยแหละครับ ไม่แกร่งขึ้นผิดหูผิดตา ก็อาจเสียผู้เสียคนไปได้เลยนะเนี่ย แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ฟุตบอลไม่มีคำว่าถ้า กองเชียร์อย่างเราก็ปาดน้ำตาให้กับความเสียดายแล้วเงยหน้ามองฟ้าสู้ด้วยการส่งใจกันต่อไป มองมุมบวกไว้ตกรอบก็ดีครับ จะได้มีสมาธิกับพรีเมียร์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทัพชุดนี้ยังไม่แกร่งพอจะจับปลาหลายมือได้ตลอดรอดฝั่งอยู่แล้ว งั้นเอาที่เหลือให้เต็มที่ดีกว่า ขอบคุณน้าหงบสำหรับการวิพากษ์ดีๆ นะครับ แล้วเจอกันใหม่ฮะ จากคุณ : เอก โท ตรี เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:25:53

ความคิดเห็นที่ 23 คิดว่าป๋าเปลื่ยนรูนออกช้าไปหน่อยน่าจะเปลื่ยนตั้งแต่ครั้งหลังอยากให้มาเคด้าลงเป็นหน้าเป้า เพราะโอกาสหลุดเดียวมีเยอะ  แต่รูนได้แค่ยืนค้ำไม่ให้กองหลังเสือใต้เติมได้เท่านั้นเอง ได้บอลก็พลิกไม่ได้แล้วเพราะข้อเท้ามีอาการเจ็บ ทำให้ผีเหมือนเล่น10คนครึงกับเสือใต้   ใช่ครับมันเป็นนัดใหญ่ แต่เด็กอย่างมาเคด้าก็อยากลองคว้าโอกาสนั้นไว้สักครั้ง เบอบาตอฟกับกิ๊กลงมาแทบไม่เจอบอลแล้วนะที่ลงมาเวลาอย่างนั้น  น่าจะใช่เด็กที่เสือใต้ไม่ได้ศึกษาแนวทางเล่นเท่าไรมาบุกมากกว่า   แต่ก็ดีใจอย่างลบสถิติได้  ชนะเสือใต้ในบ้านเป็นครั้งแรก (ทำใจไว้ก่อนแล้วว่าตกรอบนะ) จากคุณ : M_Meng เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:30:36

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีครับ ตามอ่านมานานแต่ไม่เคยได้โพสตอบครับ เป็นแฟนหงส์นะครับ แต่ก็ชื่นชอบฟุตบอลเหมือนกัน ฟุตบอลแมตซ์นี้ผมให้เครดิตเสือใต้มากครับ คือ เป็นประเภทยอมโดนไม่ยอมสยบ ต่างจากโรม่า กับ มิลาน คือ ยิงได้ยิงไป อย่าให้ตรูตั้งลำได้ละกัน งงเหมือนกันทั้งๆที่ตรงนี้เป็น Signature ของแมนยูแท้ๆ แต่สองแมตซ์นี้เสือใต้กลับแสดงให้เห็นมากกว่าว่า "ตราบใดที่นกหวีดยังไม่เป่า ข้าก็ยังไม่ยอมแพ้" อีกจุดนึง คือ ความเขี้ยวลากดินของพวกเสือใต้ ตอนที่เตะออกหลัง ผมดูแล้วยังซี้ดปากประมาณว่า ขนาดนี้เมิงยังเอาอีกเหรอว่ะ ในส่วนแทคติกของทั้งสองทีม ผมไม่พูดไรมากเพราะคุณสงบใจ พูดได้ดีมากๆไปแล้ว ทำให้มันก็สะท้อนถึงจุดหนึ่งของแมนยูฤดูกาลนี้ได้ว่า ขาดรูนีย์เหมือนขาดใจจริงๆ ผมเป็นคนนึงที่เห็นต่างจากแฟนแมนยูหลายคน ย้ำนะครับว่าแค่เห็นต่างแต่ไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด เรื่องการขายเตฟ ผมยังคิดเสมอว่าแมนยูไม่ใช่ทีมที่เหนือกว่าทีมอื่นอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ที่ผลงานมันสุดลิ่มทิ่มประตูมากกว่าทีมอื่น ก็คือ หัวใจของนักเตะ และตัวสำรองที่ลงมาแล้วเปลี่ยนเกมส์ได้เสมอ จากแพ้เป็นเสมอ จากเสมอเป็นชนะ จากตกรอบเป็นผ่านเข้ารอบ ซึ่งเกมส์เมื่อคืนนั่นต้องการเป็นอย่างมาก แต่ก็เห็นแล้วว่าเบอร์บาตอฟไม่ใช่คำตอบจริงๆ ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นเตฟลงมาแทนเบอบาตอฟ อย่างน้อยลูกเตะมุมหรือลูกตั้งเตะน่าจะกดดันเสือใต้ได้มากกว่า จากการขาดตัวสำรองในการเปลี่ยนเกมส์ที่ดี ทำให้ฤดูกาลนี้ แมตซ์ไหนจะแพ้ก็แพ้ไปเลย แมตซ์ไหนเสมอก็กลายเป็นแพ้ก็มี คุยกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 53 11:45:47 จากคุณ : ขุนนางหนุ่มสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:32:58

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อคืนนอนน้ำตาซึม.........สู้ต่อไป. จากคุณ : ถูกทิ้งที่รังสิต เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:38:51

ความคิดเห็นที่ 26 จุดเปลี่ยนของเกม น่าจะอยู่ที่ประตูแรก ที่เปลี่ยนทุกอย่างในครึ่งหลังไปเลย  ซึ่งผมมองว่าเป็นความผิดของ แผงหลังที่ปล่อยให้โอลิชหลุดทะลุเข้าไปโดยกลายเป็นมิดฟิลด์วิ่งตามประกบไปแทน  บวกกับปฏิกิริยาของน้าซาร์ ที่ผมมองว่าผู้รักษาประตูระดับนี้  ไม่น่าพลาดให้ลูกที่แทบไม่มีมุมจะเข้าไหลผ่านเข้าไปได้เฉย ๆ (มันทำให้ผมนึกถึง 2 ลูกที่น้าซาร์เสียให้ สปาร์ตัก มอสโค นัดที่เสมอ 3-3 รอบแบ่งกลุ่ม) ลูกของร็อบเบนยังพอยอมรับว่าหมดสิทธิ์จริง ๆ เพราะได้ทั้งจังหวะ ทิศทาง การวางเท้า  แต่ลูกแรกมันเจ็บจี๊ดจริง ๆ ครับ เพราะดูยังไง ๆ ระดับนี้ก็ไม่น่าพลาด ทั้งแขนขาที่ยาวเหยียด แถมไม่ได้ยิงแรงแบบเข้าแสกหน้าอะไรสักนิด แต่ยังดีที่ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของน้าซาร์แกหดหายไปด้วย ยังคงเซฟช่วยชีวิตยื้อผีแดงไว้ได้จนถึงที่สุด ส่วนราฟาเอล ช่วงแรกเล่นได้ดีจนริเบรี่ไปแทบไม่เป็น แถมมีช็อตขโมยบอลจากเท้าริเบรี่ก่อนจะสวนกลับจนหลุดเดี่ยว แต่ก็ดันลุกลี้ลุกลนทำหมูหกไปเอง  แต่ด้วยความเด็กก็ดันเล่นไปตามอารมณ์มากกว่าจะเล่นตามเกม เลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทีมอย่างมหาศาล ส่วนกิ๊บสันเป็นเซอร์ไพรส์เช่นกันครับ แต่ก็ยังเดิม ๆ คือนอกจากลูกยิงไกลลูกแรกแล้ว ทุกอย่างยังเหมือนเดิมคือจ่ายเสียง่าย ๆ บ่อย ๆ (เป็นแผงกลางที่จ่ายบอลเสียมากสุดในทีม) โดยเฉพาะตอนเหลือสิบคน เตะทิ้งเตะขว้างมั่วไปหมด แถมยังมาพลาดลูกที่ได้ยิงจะจะ ตอนวาเลนเซียไหลมาให้หน้าเขตโทษซะอีก ถ้าเป็นคะแนนผมคงให้สัก 6 เกือบ ๆ 7 ครับ ตอนเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ผมยังนึกว่าป๋าจะใส่มาเคด้าลงมามากกว่า เพราะเห็น ๆ อยู่ว่า เบอร์บาตอฟ ช้ากว่ากองหลังบาร์เยิร์นเยอะ แทบไม่กดดันอะไรได้เลย สรุปว่า เสียดายมาก ๆ ครับที่อุตส่าห์นำไปได้ขนาดนี้แต่ยังตกรอบเพราะอะเวย์โกล์ (แถมเป็นประตูที่ทำพลาดกันเองทั้งนั้น ทั้งลูกแฮนด์บอลของเนวิลล์  ลูกยิงทดเวลาบาดเจ็บ จนถึงตีไข่แตกในเกมนี้)  แต่ก็เห็นด้วยว่าสภาพทีมแบบนี้ หากเข้ารอบไปได้ก็คงยากจะลุ้น เพราะโดยรวมดูยังเป็นรอง บาร์ซ่า หรือ อินเตอร์  (แม้กระทั่งลียง) อยู่กิ๊กนึง ต่อไปผีแดงเราก็คงได้พักเต็มที่หลังเกมกับแบล็คเบิร์น สามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายมาทุ่มสุดตัวในพรีเมียร์ลีก ช่วงทางตรง 50  เมตรสุดท้ายได้เสียที จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:39:07

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าแผงกลางยังเป็นชุดนี้  กินทีมจากยุโรปยากครับ จากคุณ : koonpalm เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:41:24

ความคิดเห็นที่ 28 English club dominant in UCL is officially over : Mourinho out-witted Chelsea Mezzi out-classed Arsenal Bayern out-numbered United จากคุณ : ปิโยชิคุง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:44:26

ความคิดเห็นที่ 29 ดีใจที่นานี่กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง ในฝั่งซ้ายด้วย พิสูจน์แล้วว่าความสามารถเฉพาะตัวของเค้าขอเพียงมีความมั่นใจ เจอกองหลังระดับยุโรปก็ผ่านได้สบายเหมือนกัน ไม่ใช่จะไปไม่เป็นเหมือนแต่ก่อนอย่างเดียว เห็นด้วยสุดๆค่ะเรื่องความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ที่เวลาเจอบอลระดับยุโรปที่ทักษะดีๆแล้วออกอาการเหวอเป็นลิงบ่อย ครองเกมส์ไม่ได้เลย แล้วนี่ถ้าต้องจัดพลัดจับผลูไปเจอบาร์ซ่านี่ นึกภาพไม่ออกจริงๆค่ะว่าจะชนะยังไง  ....ถ้าจะให้เจาะจงลงไปรายตัวหน่อย แอบติดใจตรงไมเคิล คาร์ริค น่ะแหละค่ะ รู้สึกว่าอาการหนักสุด เฟลทช์ยังมีลูกไล่ลูกนัวเนีย แต่คาร์ริคนี่พี่แกคิดช้าทำช้าแถมไม่คล่องแคล่วอีกต่างหาก แอบเห็นบอลเสียที่แกแล้วหลุดยาวววววไปจนถึงการเสียประตูเลยก็มีบ่อยมาก  ....คุณสงบใจเห็นว่ายังไงคะ  คิดว่าแมนฯยูฯควรจะหาล่ามิดฟิลด์ที่ทักษะความสามารถดีกว่านี้หรือเปล่า โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าจะหามิดฟิลด์ดีๆที่มีคุณสมบัติการจ่ายแบบคิลเลอร์พาส แต่มีทักษะการเอาตัวรอดที่ดีด้วย บวกยิงประตูดีอีกหน่อยไม่น่าจะหายากเกินไปนะคะ  อาจจะอคติไปหน่อย  ท้อค่ะ ขอโทษแฟนๆคาร์ริคด้วยละกันนะคะ  แต่ส่วนตัวเห็นว่าถ้าหากจะหวังกันในเวทียุโรปยาวๆ โดยเฉพาะหากต้องไปเจอทีมอย่างบาร์ซ่าหรือรีล มาดริด  อดฉุกคิดไม่ได้ว่าบางทีเราอาจต้องการมิดฟิลด์ที่ศักยภาพดีกว่านี้หรือเปล่า มาหวังเอาเฉพาะวันผีเข้าบางทีก็เสี่ยงไปนะคะ T__T   แพ้วันนี้  เสียใจมากค่ะ  แต่ก็คิดว่าทีมก็เล่นได้ดีแล้ว จุดเปลี่ยนสำคัญมันเป็นจุดใหญ่ซะด้วยแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอยากโทษอะไรมาก เพราะอย่างราฟาเอลจะว่าไปวันนี้เค้าก็เล่นดีเลยทีเดียว เด็กอายุ 19 ต้องมาประกบริเบรี่ เล่นได้อย่างนี้ก็หมดห่วงแล้วค่ะสำหรับความหวังตำแหน่งแบคขวาในอนาคต....   จริงๆเริ่มต้นฤดูกาลมา ด้วยตัวผู้เล่นในทีมแล้ว คงมีน้อยคนมากๆที่คาดหวังว่าฤดูกาลนี้เราจะได้แชมป์ถ้วยนี้  มาได้ขนาดนี้ แพ้แบบสมศักดิ์ศรีอย่างนี้ก็โอเคค่ะ  สู้กันต่อไป จากคุณ : ** Riviera ** เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:48:19

ความคิดเห็นที่ 30 นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ "ยืน" ลุ้นบอล (ที่บ้าน) ขอบอกว่า ผมไม่ได้นั่งเลย นับตั้งแต่ราฟาเอลโดนใบแดงออกไป ก็ผิดหวังนิดๆ เหมือนกัน หากดูจากรูปเกม 40 นาทีแรกที่ทำได้ดีมากๆ แต่ก็ยอมรับว่าบาร์เยิร์นก็ทำได้ดีจริงๆ และสมควรเข้ารอบไป เมื่อคืนก็คิดเหมือนคุณหงบว่า ที่เสียลูก 1-3 ทำไมถึงเป็นคาร์ริกที่เป็นคนไปไล่เบียด... ส่วนลูกที่ 2 ไร้ข้อกังขา สุดยอดทั้งคนเปิด คนยิง... แต่อย่างน้อยที่สุด ในคืนมืดมิดก็ยังมีแสงสว่างรำไร (เน่าสุดๆ) เอาละ ผมจะตัดสองประตูที่เค้าทำได้ออกไป (แต่ยอมรับ...ลูกแรกที่ไขว้เข้าไปนี่มันสุโค่ย) ผมมองแค่จังหวะการครองบอล การไปกับบอล การเล่นกับเพื่อนร่วมทีม ความทุมเท และปฏิกริยาที่กระหายในชัยชนะ "นานี่" ได้ใจผมไปเต็มๆ เสียดายจริงๆ ที่ เอฟร่า โดน รอบเบน กดดันอยู่ตลอด เลยไม่สามารถเติมขึ้นมาเล่นด้วยกันได้อย่างที่เคย ย้อนกลับมามองถึงเกมลีกที่เหลืออีก 5 ที่ผมมองว่าไม่ยากและก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ขอแค่กลับมามีสมาธิ (โดยเฉพาะเกมรับ) เล่นไปตามทางของเรา พยายามเก็บให้ได้ทุกๆ คะแนนที่เหลือ สุดท้ายบั้นปลายผลจะเป็นยังไง ก็แล้วแต่ฟ้าแล้วละครับ จากคุณ : next station เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:48:56

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบรูปเกมส์ครึ่งแรกมาก เราครองพื้นที่ได้ดีเลยค่ะ  เสียแต่ขัดใจอยุ่ไม่กี่จุดเท่านั้น - รูนี่ย์ไม่เต็มร้อย  ถึงไม่อยากให้ลงมาแต่ก็มองไม่เห็นใครดีกว่าเค้าแล้ว   - สงสารราฟาเอล เห็นชะตาแล้วว่าประกบริเบรี่  ประสบการณ์เงาะขวายังน้อย ยิ่งประกบรายนี้ยิ่งแล้วใหญ่  พี่แกเบียดบัง จนราฟาเอลทำไรไม่ถนัด สุดท้ายก็ขวางจนได้ไข้เหลืองไปเลย - เห็นด้วยกับจังหวะประกบ โอลิช  ทำไมถึงเป็นคาริก (?) แต่ชอบใจกิ๊บสัน เมื่อคืนนะ  ถึงจะหลุดๆไปบ้าง แต่ก็เริ่มเข้าท่ามากขึ้น สุดท้าย อาบัง .... ลื้อสุโค่ยปะเล้ย !!!! ปล.คิดเล่นๆ ...เกมส์เมื่อคืน ถ้าเอาปาร์คลงมาแทนรูนี่ย์คิดว่าจะช่วยได้ไหมคะ คุณสงบใจ ? จากคุณ : หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:50:15

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ คือนัดเเรกผมไม่ได้ดูเลยไม่รู้ว่าเล่นกันยังไง แต่เมื่อคืนเท่าที่เห็นก็อย่างที่คุณสงบใจพูดไว้ข้างบน แต่มีส่วนนึงที่ผมไม่เข้าใจว่าไม่เคยเห็นป๋าใช้แผน offside trapในสถานการณ์ที่ตัวน้อยกว่า ในการตั้งรับ เพื่อบีบพื้นที่แล้วสวนกลับ เราจะลงมารับลึกทุกครั้ง เวลาตัดบอลได้จะส่งบอลขึ้นหน้าก็โดนกลางเค้าตัดไปหมด ทำไมเราไม่สามารถทำอย่างนั้นเหรอครับ เมื่อคืนผมว่าทุกคนเต็มที่แล้วครับอีกอย่างปีนี้วาสนาไม่ถึงอย่างที่คุณหงบบอก แต่ลึกๆผมดีใจนะครับ เพราะที่ผมอยากเห็นคือเราชนะแบบชนะคะแนนด้วย เหมือนที่บาร์ซ่าทำ ไร้ข้อกังขา เพราะสองครั้งที่ผ่านมาที่เราได้ถ้วย ต้องยอมรับนะครับว่าดวงของเราแข็งจริงๆ และอีกอย่างคือว่าการเล่นของเรานั้นผมว่ายังไม่เต็มศักยภาพเท่าไหร่ ด้วยนักแตะชุดนี้ที่เรามีอยู่ ผมว่าน่าจะอยู่ที่ 80%  นะครับ ขอเวลาบ่มเพาะแล้วถึงเวลาออกของจะได้ไร้ข้อกังขา คุณหงบคิดว่าจะมีทางมั้ยครับ จากคุณ : มังกรเมา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:52:12

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์ดีๆครับ นัดนี้ผมไม่ได้ดู พอตื่นเช้าขึ้นมาเช็คผล เห็นว่า 3-2 คิดในใจเลย ตูว่าแล้ว ต้องออกแบบนี้ แพ้ประตูทีมเยือน เฮ้อ แต่ไม่รู้สิผมไม่ยักกะเสียใจแฮะ อาจจะเพราะเตรียมใจไว้แล้ว และหวังว่าถ้าปีนี้เราไม่ประสบความสำเร็จจนเกินไป จะยังผลให้ป๋ามีงบประมาณซื้อผู้เล่นตัวใหม่ๆเข้ามาได้ ยังหวังตั้งแต่ โรนัลโด้และเตเบซย้ายออกไปว่า จะมีตัวสดๆเข้ามาเสริมทีมบ้าง เพื่อเพิ่มชีวิตชีวาให้ทีม อาจจะหน้าหรือกลางรุกดีๆสักตัวนะ จากคุณ : RedBloodinYellowSuit เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:00:58

ความคิดเห็นที่ 34 ราฟาเอลนี่ยังขาดประสบการณ์อีกเยอะ ค่อย ๆ เก็บไปนะหนู ดันมาก๊อกหลุดในเกมสำคัญแบบนี้ซะด้วย ผมว่าที่ใช้รูนี่ย์กดดันกองหลัง เพราะรูนี่ย์สามารถทำให้ผู้รักษาประตูเสียสมาธิได้มากกว่าปาร์คครับ เพราะชื่อเสียงของรูนี่ย์ตอนนี้คงทำให้กองหลังและผู้รักษาประตูกริ่งเกรงได้ไม่น้อยครับ ถึงไม่อยากให้ตกรอบ แต่การตกรอบแบบนี้จะว่าไปก็มีข้อดีเหมือนกัน ไม่ได้แพ้น่าเกลียด ชนะด้วยซ้ำ ต่อไปจะได้ทุ่มเทให้ EPL ได้เต็มที่หน่อย จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:02:41

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบคุณขุนนางหนุ่มฯ เรื่องเตเวซผมได้บอกไปแล้วครับ ว่าเสียดายในตอนแรก แต่ด้วยเหตุผลที่ได้ตอบไปในความเห็ฯท้ายๆของบทความข้างต้น ก็ชัดเจนว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกันต่อไป เนื่องจากสาเหตุึด้านการการันตีตำแหน่งตัวจริง และปัญหาเรื่องค่าเหนื่อยครับ อันนี้ไม่พูดถึงเรื่องปัญหาส่วนตัวระหว่างกันเลยนะ -------------------------------------------------------- ตอบคุณ Riviara เรื่องมิดฟิลด์นี่ ปัญหาโลกแตกครับ เรามีปัญหามานานแล้ว จริงๆตั้งแต่สมัยคีน-สโคลส์ก็ใช่ว่าสองคนนี้จะมีทักษะที่สุดยอดอะไรนะ แต่สิ่งที่สองคนนี้มีมากมายก็คือความเข้าใจเกม, ความแม่นยำในการให้บอล และความสมดุลในเกมรุก-รับ ที่ทำมห้เข้าขากับคนอื่นๆในทีมได้อย่างกลมกลืน วันนี้ที่มีปัญหามาต่อเนื่องก็เพราะเราไม่มีนักเตะที่มีสมดุลทั้งรุกและรับมายืนตรงกลางมากกว่า ทั้งเฟล็ทช์ และคาร์ริค ยังมีปัญหาในการพลิกเกมจากรุกเป็นรับ โอเคว่าถ้ายืนรับอย่างเดียวหรือรุกอย่างเดียว เป็ฯตัวเชื่อมเกม อันนั้นไหวครับ แต่ถ้าให้พลิกเกมจากคนคนเดียว แค่หนึ่งหรือสองจังหวะแล้วทำให้เราได้เปรียบเป็นรุกทันที ตรงนี้ยังขาดอยู่มาก และคงต้องปรับอีกนาน ดีไม่ดีคาร์ริคเองอาจจะเกินที่จะปรับได้ไปแล้ว ความหวังจึงอยู่ที่เฟล็ทช์ที่จะปรับได้มากขึ้นอีกแค่ไหน และกิ๊บโบ้ที่จะทะลุกำแพงจากดาวรุ่งได้หรือเปล่า ฮาร์กรีฟส์เองก็ต้องลุ้นว่าจะกลับมาเหมือนเดิมอีกไหม เรื่องหาซื้อใหม่นี่มันก็คือการพึ่งทางลัดนั่นแหละ ถ้าได้ตัวที่ดีที่เหมาะมา มันก็ต่อยอดได้เลย ซึ่งถ้าต้องการจริงๆผมไม่มองหาตัวที่ทักษะสุดยอดหรอกครับ ขอตัวรุกดีๆสักคนก็พอ แล้วอาศัยที่มีอยู่เป็นตัวรับเต็มที่ไปเลย เล่นรุกคน รับคน หรือรับสองคน รุกคนหนึ่ง อย่างนี้แบบเต็มตัวน่าจะดีกว่าเดิมที่ไม่เป็นชิื้นเป็นอันเท่าไหร่ และมันยิ่งเห็นชัดยามออกศึกนอกประเทศแบบนี้ โจ โคล คือคำตอบหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าใช้ได้ ถ้าเจ้าตัวเล่นด้วย ผมเองยังเสียดายสไนเดอร์ ถ้าเราเอามา ผมว่าหมอนี่เด็ดดวงทีเดียวครับ -------------------------------------------------------- ตอบคุณหัวใจข้างซ้ายฯ เรื่องปาร์คได้บอกไปแล้วครับ ว่ามีปัญหาเรื่อง physical ที่ไม่สามารถเบียดสู้แรงปะทะนักเตะเสือใต้ได้เลย เกมเลกแรกก็เห็นกันชัดเจน ว่าล้มลุกคลุกคลานตลอด นักเตะเสือใต้แข็งเกินกว่าปาร์คจะเอาลูกคล่อง ลูกขยันเข้าไปสู้เพียวๆครับ กระเด็นออกมาตลอดเลย ------------------------------------------- ตอบคุณมังกรเมา เห็นด้วยครับ ว่าทีมนี้ยังไม่ถึงจุดพีค และยังต่อยอดออกไปได้อีกเยอะ แต่เรื่องกับดักล้ำหน้าเนี่ย ผมว่าป๋ษอาจจะเข็ดมาจากนัดที่แล้ว ที่ดักล้ำหน้าสำเร็จแล้วกรรมการดันตาถั่วหรือเปล่า จึงไม่อยากเสี่ยงใช้งานให้ต้องมานั่งเสียดายทีหลังอีก อันนี้ผมเดาเอาเองนะครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:08:53

ความคิดเห็นที่ 36 ผมว่าการแก้เกมส์ตอนครึ่งหลังของป๋าแปลกๆนะ เหมือนกับจะบอกว่า เชิญมาเรียงคิวฉันได้เลย เมื่อเอาโอเชียลงมาแทนรูน นั่นหมายความว่าป๋าต้องการเก็บประตูเดียวนี้ไว้ "กับทีมที่มีตัวจี๊ดๆเยอะขนาดนี้เนี่ยนะ" จะเห็นได้ว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยหลังจากเอารูนออก ต้องลงมาตั้งรับเต็มพิกัด ให้เค้านวด ให้เค้าส่องไปเรื่อยๆ มีลุ้นอยู่ลูกตอนที่นานี่วิ่งน้ำบานไปจับบอล แต่ก็ทำได้แค่นั้น ผมยังสงสัยว่าทำไมไม่ถอดกลางอย่างกิ๊บสันออก แล้วใส่เบอบาหรือมาเคลงมา ผมมองว่าอย่างน้อยจังหวะโต้กลับมาเรายังมีเบอบาคอยเก็บบอลรอเพื่อน แค่นี่พอเราได้ครองบอล หรือสาดยาวออกมา ข้างหน้าเราไม่มีใครแล้ว หลายจังหวะที่นานี่หรือวาเลนเซียห้อขึ้นมาเพื่อพบ...ความว่างเปล่า ผมเลยคิดว่า "ป๋าประมาทไป" กับลูกเดียวที่เรามี ป๋าคิดว่าเราจะตั้งรับได้จนละเลยการกดดันแผงหลังบาเยินไป กลายเป็นว่าเราโดนจับขึงพืดแบบวันเวย์ เมื่อคืนนอนแบบเซ็งเลย อิอิ จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:09:31

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ประทับใจคาร์ริคเลยอ่ะครับ ผมว่าในแผงกลางพี่แกเป็นจุดอ่อนเลยนะ เมื่อว่าน่าจะเล่นแย่กว่ากิ๊บสันด้วยครับ จังหวะจ่ายสวยๆแทบไม่มี แย่งบอลก็แทบจะไม่ได้ซักครั้ง แถมยังช้ามากอีกต่างหาก ไม่รู้ทำไมฟอร์มถึงตกลงไปได้ขนาดนี้ น้องเจี๊ยบโว๊ยทำไรอยู่ฟะ จากคุณ : ประธานชมรมคนรักFutari เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:22:19

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาอ่านด้วยความเศร้าใจ จุดอ่อนเรามีตรงราฟาเอลที่เด็กเกินไป และคาริคที่ฟอร์มดร๊อบลงไปมาก ส่วนหมูรูน พอโดนเตะเข้าที่ข้อเท้าจังๆ เลยไม่สามารถคุกคามบาเยิร์นได้ดีเท่าที่ควร จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:35:39

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องราฟาเอล  ไม่ขอพูดครับ คงได้บทเรียนที่ดีไปแล้วสำหรับนัดนี้ ความคิดเห็นเรื่องเปลี่ยนตัว   การเปลี่ยน  โอเชแทน รูนีย์  ถูกแล้วครับ ในช่วงที่ทีม เสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่น  การถอดรูนีย์ที่ไม่สมบูรณ์ออก เอาตัวที่ไล่ได้ลงมาดีกว่า แต่ผิดตรงที่ไม่ถอดกลางแล้วเอาหน้าลงมาเลย รอให้โดนก่อนถึงเปลี่ยน ผมคิดแบบเดียวกันว่าน่าจะเอา เบิร์บ หรือ กิ๊กโก้ ลงมาแทน กิ๊บสัน ตั้งแต่ตอนเปลี่ยน เอารูนีย์ออก   ให้มีหน้าค้ำเอาไว้ขู่ซักตัว  แล้วนานี่ กับ วาเลนเซีย เอาไว้ คอยเติมช่วย เพราะเบิร์บ กับ กิ๊กโก้ เก็บบอลได้ค่อนข้างดีเหมือนกัน พอไม่มีหน้าค้ำ     ปีก เหลือแต่ วาเลนเซีย   บาเยิร์นเล่นง่ายเลย ยิ่งช่วงหลัง  ลาร์ม  ช่วยเติมเกม ทำให้ร็อบเบ้น เล่นง่ายขึ้นกว่าครึ่งแรกทีเดียว แถมพอสกัดบอลได้  ไม่กองหน้าคอยเก็บบอลครองบอล เพื่อลดโมเมนตั้ม การบุกของ  บาเยิร์นเลย ตอนนี้รอลุ้นปีหน้า  ถ้ายืม เบนซ์ จาก มาดริต ได้ กับหากองกลางดีๆซักตัว  สบายแน่ๆ  แต่นึกไม่ออกว่าใครดี ที่สำคัญปีนี้เด็กปั้นเรา ได้ประสบการณ์ขึ้นเยอะ ดูจากปีนี้เริ่มทดแทน หมุนเวียนตัวหลักๆได้มากขึ้น   ไม่ว่าทั้ง  ราฟาเอล   อีแวนส์   กิ๊บสัน รวมทั้ง กิ๊กโก้ มาเคด้า ที่ยังฉายแววอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้กลับมาลุ้น  EPL  กันต่อ ...  อาิทิตย์นี้จะกลับเป็นจ๋าฝูงได้หรือไม่ มาลุ้นกัน จากคุณ : SRV เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:35:59

ความคิดเห็นที่ 40 ผมว่า กลางแมนยู ชุดนี้ คือปัญหาใหญ่สุด ถ้าเทียบกับการเจอทีมใหญ๋ๆๆ กลางเราจะสู้ไม่ได้เลย ฤดูกาลหน้าจะมีเงินซื้อนักเตะแบบ ดังๆหรือเปล่า ยังไม่แน่ใจเลยครับ ผมเห็นว่า กองกลาง ควรเปลี่ยนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ คู่กลางนะครับ เทพเฟชร พอได้ นอกนั้น ต้องเปลี่ยน !!! จากคุณ : Sebastian_คุง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:43:38

ความคิดเห็นที่ 41 คุณสงบใจเขียนได้ดีมากๆเลยครับ ขอชื่นชมจากใจเลยครับ ตามอ่านมาทุกๆครั้งเลยครับ ยอดเยี่มจริงๆครับ ผมเห็นด้วยกับหลายๆท่านเลยครับ เกี่ยวกับฟอร์มของ ไมเคิล คาร์ริค ครับ ไม่ใช่แค่นัดนี้นะครับ แต่ส่วนใหญ่ในฤดูกาลนี้ ที่ผมเห็นคาร์ริคลงแล้วไม่รู้สึกอุ่นใจเหมือนปีแรกๆที่คาร์ริคย้ายมาร่วมทีมเลย เพราะคาร์ริคช้าลงมากอย่างเห็นได้ชัด ลแะลูกเปิดของคาร์ริคแต่ละลูกก็ไม่แม่นยำราวกับจับวางแบบแต่ก่อนอีกแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่าจะเห็นคาร์ริคงัดฟอร์มออกมาให้ได้ในช่วง5นัดสุดท้ายของฤดูกาลเพื่อที่เราจะได้เป็นแชมป์ติดต่อกัน 4 ปี เอาใจช่วยนักเตะทุกๆคนครับ สู้ต่อไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากคุณ : Winraul เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:43:39

ความคิดเห็นที่ 42 ผมขอสั้นๆครับ เซ็งงงงงงงงงงงงงงงงงงง ถ้าแพ้แล้วตกรอบจะน้อยกว่านี้ แต่นี่ชนะโดยนำก่อนถึง 3-0 ผ่านมา 10 ปี ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของกองเชียร์ ยูเว่ปี 99 ที่โดนเราแซง 3-2 คาบ้านในรอบรองแล้วล่ะ ว่ามันเซ็งขนาดไหน จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:43:40

ความคิดเห็นที่ 43 ผมว่าการแก้เกมส์ หรือการจัดตัวครึ่งหลังพลาดไปนิดหนึ่งนะ ในใจผมคิดว่าป่าจะเปลี่ยนราฟาเอลออกตั้งแต่โดนเหลืองซะด้วยซ้ำ หรือไม่ก้อน่าจะเปลี่ยนตอนเริ่มครึ่งหลังเลย  บอกตามตรงเลยว่า เมื่อคืนผมผมนั่งลุ้นว่า ระหว่าง ราฟาเอลใบแดง กับรูนี่ย์เจ็บ อย่างไหนจะเกิดก่อนกัน และแล้ว ราฟาเอลก้อชนะไป การไล่ประกบริเบรี่แบบนี้ มีโอกาสสูงอยู่แล้วที่จะโดนเหลืองแดง ในเมื่อแพลนมาให้ประกบติดแบบนี้ ก้อไม่ควรจะเสี่ยง แต่ก้อเอาเหอะ ให้ราฟาเอลสะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ แต่ก้อไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ เพราะนี่ก้อน่าจะประสบการณ์ครั้งที่ 3 แล้ว ต่อไปก้อมุ่งหน้าสู่ถ้วยพรีเมียร์เต็มตัว จะไม่มีใครได้เปรียบแมตการแข่งขันกันแล้ว อยากให้ใช้ชุดเมื่อคืนบ่อย ๆ นะ ผมว่าเกมส์รุกมันส์ดี หรืออาจจะดร๊อปคาริคซักพัก ให้สโคล์ คู่ เฟรชเชอร์ไปก่อนก้อย่อมได้ จากคุณ : มุมมองเล็ก ๆ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:54:07

ความคิดเห็นที่ 44 เจ็บปวดครับแต่ก็จะอยู่เคียงข้างทีมต่อไป แมนฯยูเราผ่านความผิดหวังแบบนี้มาตลอดแล้วก็จะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ได้ตลอดเช่นกัน จากคุณ : โฮเซ่ ซานโตส โมราเลส เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:01:52

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบคุณ PanywT ฟอร์มของกิ๊บสันเกมนี้ผมว่าดีกว่าที่คาดหวังไว้พอสมควรครับ คือผมไม่คาดหวังว่ากิ๊บสันจะเล่นได้โดดเด่นอะไรมากมายนักอยู่แล้ว รู้ว่าลงมาเพื่อช่วยไล่บอลและเพิ่มตัวกันชนในแผงหลังบาเยิร์นไม่ให้ทำเกมได้ง่าย กับลูกยิงที่น่าจะถูกคาดหวังมาจากป๋าเหมือนกัน พอเปิดเกมมา กิ๊บสันยิงได้ ก็เลยถือว่าทำได้ตามเป้าไปแล้ว หลังจากนั้นก็คือเป็นผึ้งงานไล่บอลต่อเกมในแดนหน้า โดยไม่ได้เป็นตัวที่ทีมฝากความหวังไว้มากมายในฐานะคนที่ต้องทำ  อะไรๆ   มากนักอยู่แล้ว แต่ลูกยิงแปเบาๆติดตัวบุตต์นี่ก็ตำตาเหมือนกัน น่าจะยิงได้ดีกว่านี้นะครับ แต่ก็เอาเถอะ เทียบลูกยิงของคาร์ริคที่น่าซุกก้นตาข่ายมากกว่าก็เลยพอเข้าใจทำใจได้ เกมนี้ต้องบอกว่า คนที่น่าผิดหวังในฟอร์มคือคาร์ริคมากกว่ากิ๊บสันครับ ด้วยความที่เป็นแข้งซีเนียร์ที่ถูกฝากความหวังไว้ ไม่ใช่ว่าแกเล่นห่วย เพียงแต่ตกไปจากมาตรฐานเดิมเกินไปเท่านั้นเองครับ ทำให้กลางเรายวบไปพอสมควรในช่วงหลังๆ สำหรับผมคงประมาณนี้ครับ ปล. เพิ่งเห็นคอมเมนต์นี้ของคุณตอนไล่แจกกิ๊ฟ ต้องขออภัยด้วยครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:06:17

ความคิดเห็นที่ 46 เกลียด ริเบรี่ ครับ ... นานแล้วไม่ได้เกลียดใครอย่างนี้ บอกไม่ถูกจริงๆ เมื่อวานเพียงพอต่อการพิสูจน์แล้วว่าคุณภาพของทีม การเล่น และแนวทางของ united เหนือกว่ามากๆในครึ่งแรก ปีกสองข้างของเรา สู้กับสองปีกระดับโลกอย่าง ริเบรี่ กับ ร๊อบเบนได้สบายๆ แถมกองกลางเราก็ถือว่าดี แต่น่าคิดนะครับว่า ถ้าน้องแอน คืนฟอร์มสมัยอยู่ปอโต้ได้ ยูไนเต็ดจะติดปีกขนาดไหนเนี่ย แต่ผมว่า ไม่แคล้วโดนขายแน่ๆ แบ็กของเราทั้งเอฟร่าและราฟาเอล ด้านทักษะและความสามารถเฉพาะตัวก็จัดการทั้งคู่ได้อยู่หมัด แต่เราแพ้เพราะขาดประสบการณ์จริงๆ ราฟาเอลผมว่า ไม่น่าจะโดนไล่ออกเลย หวังว่า ยาขมตัวนี้จะทำให้พัฒนาเป็น world class player นะพ่อหนุ่มน้อย ปล. ไม่เข้าใจว่า เมื่อคืนทำไมไม่รีบเปลี่ยนรูนออกหว่า ถ้ารีบเอาตอฟหรือมาเคด้าลงน่าจะดีกว่านะครับ อย่างน้อยก็เก็บบอลได้ ปล2. ปวดจิตจริงๆ แมตช์แรกโดนนาที 90 + แมตช์นี้โดนไล่ออก แถมนำก่อน 3-0 เซ็งงงงงงงงงงงงงงงง มากมายฮะ แต่ยังไงก็ยินดีกับแฟนเสือใต้ด้วยครับ จากคุณ : the_architect เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:08:30

ความคิดเห็นที่ 47 ปีนี้มาได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่เรานำถึง 3-0 แล้วรักษาความได้เปรียบไว้ไม่ได้ ผมว่าแนวรับปีนี้รั่วบ่อย เสียประตูแบบไม่น่าเสียง่ายๆ อย่างนัดที่เจอกะเชลซีลูกแรกนั้นผมมองว่าเราไม่ควรเสียเช่นกัน แต่ถึงจะอย่างไรเราก็ยังส่งกำลังใจให้ทีมสู้ต่อไป จากคุณ : ปีศาจ ไม่มีเกิบ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:13:43

ความคิดเห็นที่ 48 ชักสงสารคาร์ริคแฮะ เมื่อคืนเบียดพลาดลูกแรกไปหนเดียว กลายเป็นแพะไปซะแล้ว (ทั้งที่น่าจะเป็นความรับผิดชอบของคู่เซนเตอร์มากกว่า) ครึ่งแรกผมว่าคาร์ริคเชื่อมเกมได้ดีทีเดียว ประสานงานกับเฟลทเชอร์ได้ลงตัว ขณะที่กิ๊บสันได้แค่ช่วยรับบอลแล้วแปะต่อให้คาร์ริค กับเฟลทเชอร์เดินเกม ในความคิดผมที่นั่งดูเมื่อคืน ถ้าไม่นับประตูแรกผมว่ากิ๊บสันจ่ายบอลเสียเยอะมากรวมถึงแทบกลืนหายไปกับเกม และเกมครึ่งแรกขับเคลื่อนโดยคาร์ริค เฟลทเชอร์ รวมถึงนานี่ และ วาเลนเซีย มากกว่าอีก แต่พอพลาดในลูกที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตัวเองก็กลายเป็นว่าฟอร์มตกไปเลย  (จริง ๆ แล้วนัดที่แพ้เชลซี แผงกลางที่ไม่มีคาร์ริคทั้งเกมผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะเล่นยกระดับขึ้นมาดีกว่านัดนี้ตรงไหน ออกจะแย่กว่าด้วยซ้ำ) จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:19:32

ความคิดเห็นที่ 49 ผมมองไม่ค่อยเหมือนใคร อาจจะเป็นเพราะ อคติทีมเยอรมันด้วยในช่วงหลังๆมานี้ เกมส์นี้ผู้ตัดสินไม่ค่อยเป่าฟาวล์เลย ทั้งๆที่ ผู้เล่นบาเยิร์น หลายๆคน เข้าบอลหนัก 50-50 ตลอด ด้วยความที่เค้าตัวใหญ่ ขายาว แถมจังหวะที่เราฟาวล์ เค้าก็แสดงออกเต็มที่ ทำเอาผู้เล่นเราหลายคนต้องระวัง ไม่ให้โดนใบเหลือง แต่พอเราโดนบ้าง กลับไม่มีใครเรียกฟาวล์ได้ หมายถึง ตบตากรรมการนั่นแหละ จริงอยู่ ว่าอาจจะดูไม่สวยงามนัก แต่การตบตากรรมการบางครั้ง มันได้ผลหลายต่อเลยทีเดียว อาจจะ ขี้แพ้ชวนตีไปหน่อย แต่คิดว่า ลูกที่ แบ๊คซ้าย บาเยิร์น เสียบ วาเลนเซียจากด้านหลัง ลูกนั้น ผมว่า ใบแดงเห็นๆเลย เศร้า แต่ปีนี้ทีมเราเจอปัญหาบาดเจ็บเยอะจริงๆเลย T_T จากคุณ : สักวันฉันจะอ้วนกลม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:24:37

ความคิดเห็นที่ 50 ขัดใจเหมือนกัน เรื่องเปลี่ยนตัวช้าเกินไป แก้ไขสายเกินการณ์ รูนี่ย์น่าจะถูกถอดออกตั้งแต่พักครึ่งแล้ว หลังจากแสดงให้เห็นว่าวิ่งได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม อย่างน้อยส่งเบิร์บลงมาเก็บบอล รอปีกสองข้างเติม หรือมาเคด้าลงมาไล่คู่เซ็นเตอร์ น่าจะได้น้ำได้เนื้อกว่านะ ในครึ่งหลังน่ะ ราฟาเอล ก็ควรถูกถอดตั้งแต่พักครึ่งเช่นกัน ถือว่าทำผลงานได้ตามเป้าแล้ว แต่ผมไม่ได้สังกตนักเตะสำรองว่ามีใครบ้าง มีแกรี่ที่จะลงมาเปลี่ยนหรือไม่ แต่ยังไงๆ โอเชก็เคยประกบฟิโก้มาก่อนแล้ว เหมือนราฟาเอลนี่แหละ ก็ไม่น่ายากเกินไป การถอดรูนี่ย์ออก เติมด้วยโอเชที่ถอยไปยืนแทนราฟาเอล มันคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เกิดขึ้นเมื่อเหลือสิบคน จะไล่เขาให้จนก็ยากแล้ว ขาดหน้าเป้าค้ำอีกต่างหาก การส่งเบอร์บาลงมาภายหลัง เท่ากับลดมิดฟิลด์ลงไปอีก งานก็ยิ่งยากึ้น แต่นี่คือการวิเคราะห์การเปลี่ยนตัวหลังเกม ที่เรารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในเกมบ้าง ผมจึงไม่ค่อยอยากพาดพิงเรื่องนี้ในบทความมากนักครับ เพราะนาทีนั้น ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครรู้ ว่ากรรมการจะมือเบาขนาดนั้น เหนี่ยวแขนจากข้างหลัง ไม่ใช่จังหวะหลุด แล้วก็ไม่ได้เป็นการแท็คเกิ้ลที่รุนแรงแต่อย่างใด ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นเหลืองแดง ผมเชื่อว่า หากลูกนั้นกรรมการเรียกราฟาเอลมาเตือน ว่าพอแล้วนะ คราวหน้าโดนแน่ ถ้าเป็นแบบนี้ ราฟาเอลโดนถอดออกทันทีแน่นอนครับ ผมคิดว่าป๋าก็คงคิดแบบนี้แหละ บทสัมภาษณ์หลังเกมถึงบ่นว่า ไอ้ใบแดงนัั้นน่ะแหละ ที่เขี่ยเราตกรอบ และเพราะใบแดงนั้นแหละครับ ทำให้การเปลี่ยนตัวของเรา กลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่กลับต้องมาเปลี่ยนตัวเพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน ทุกอย่างหลังจากนั้นก็เลยเป็น consequent ตามมาเป็นพรวน ปล. ตอนนั้น ป๋าน่าจะยังคิดอยู่ว่า รูนี่ย์ที่ไม่เต็มร้อย ยังขู่ได้มากกว่าเบิร์บหรือมาเคด้ามั้งครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:26:39

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ 9ปล่อยไก่ (nmcm) ครับ สำหรับผม คาร์ริคไม่ใช่แพะแน่นอน และเล่นในภาพรวมได้ดีกว่ากิ๊บสันครับ เพียงแต่ สำหรับผม มันมีการถ่วงน้ำหนักผู้เล่นเข้าไปด้วย เวลาดูฟอร์มการเล่น คารริคเป็นตัวยืนทีมสเปอร์สมาก่อน เป็นแข้งซีเนียร์ในทีมเรามาสามปีแล้ว เมื่อเทียบกับกิ๊บสัน ที่เพิ่งขึ้นมาจริงๆจังๆน่าจะปีนี้ แถมไม่กี่เกมอีกต่างหาก การเอาฟอร์มสดๆมาเทียบกัน จึงออกจะอยุติธรรมสำหรับมุมมองของผม ผมจึงมีการถ่วงน้ำหนักประสบการณ์ลงไปครับ และเมื่อถ่วงไปแล้วก็มาเทียบกัน กิ๊บสันที่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก กลับทำได้หนึ่งประตู และพัวพันได้บ้างไม่ได้บ้างตลอด ส่วนคาร์ริค เขาไม่ได้เล่นแย่อะไรอย่างที่ผมบอกไป เพียงแต่ฟอร์มเขาตกลงไปครับ ทำให้ดูเหมือนว่า เขาจะเล่นได้ต่ำกว่าที่ผมคาดหวัง เท่านั้นเอง ไม่ใช่แพะนะครับ สำหรับผม มันเป็ฯแค่ว่า ใครทำอะไรได้ตามที่ผมคาดหวังไหม แค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 53 13:32:11 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:31:24

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ คุณหงบ เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย มันทำใจยากมากจากที่นำไปก่อนตั้งสามลูก เซ็ง ประเด็นเมื่อคืนผมคิดว่าทีมเรา ขาดผู้นำ ในสนามตัวจริง ทำให้บางจังหวะที่มีการ ประท้วงหรือกดดันจากฝั่งตรงข้ามกับผู้ตัดสิน ไม่มีใครเข้ามาคุยหรืออธิบายสิ่งที่ เค้ากดดันเลย จากที่เคยเห็น คีโน่ ทุกครั้งจะวิ่งเข้าไปก่อนเลย ถ้ามีอะไรทำให้ทีมต้องเสียหาย จังหวะเมื่อวานนี้ ผมสงสาร ราฟาเอล มากๆ เค้ายังเด็กอยู่ และต้องรับมือกับนัก เตะระดับโลก ซึ่งรับได้ 10 ครั้งพลาดครั้งเดียวก็คือประตู หรือเสียฟาวล์ จังหวะ นั้นถ้ามีใครซักคนวิ่งเข้าไปอธิบายอาจยับยั้งใบแดงได้ หรือถ้าไม่ได้จริงๆ น่าจะ เข้าไปปลอบใจเค้าหน่อย เห็นเดินก้มหน้าส่ายหัวออกไปแล้ว น่าสงสารมาก เมื่อวานป๋าก็ดูแปลกๆ (ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า) รูนี่โดนฟานบุยเต็นเตะไปสามดอก ที่ข้อเท้าข้างขวา ที่ผ่านมาป๋าจะออกไปทำหน้าดำหน้าแดง โวยวายอยู่ข้างสนาม แล้ว (รึว่ากล้องไม่จับภาพมา) ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า เป็นแท็กติกรึเปล่า ฟานบุยเต็นคิดเอง รึว่าฟานกัลสั่ง รึเป็นแค่อุบัติเหต แต่ทำไมตั้งสามครั้ง พอรูนี่เจ็บซ้ำปั๊บ ผมนึกว่าจะโดนเปลี่ยน ออก รอตั้งนานก็ไม่เปลี่ยนทั้งๆที่วิ่งก็ไม่ได้ แปลกเหมือนกันป๋าเนี่ย จะว่ารูนี่ อยากเล่นเกินไปเลยเก็บอาการ แต่จากภาพมันน่าจะฟ้องว่าเจ็บมาก ระดับป๋าไม่ น่าเลย วันนี้ผมขอ 2 ประเด็นที่ติดใจ ส่วนแท็กติกที่ป๋าวางผมว่าเยี่ยมเลย อะไรจะใจ กล้าขนาดนั้นเอากิ๊บสันลงแทนปาร์ค จากคุณ : BPWarSea เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:37:40

ความคิดเห็นที่ 53 สวัสดีค่ะคุณสงบใจ ตอนที่ยิงนำลูกแรกแล้ว บอกตัวเองเลยว่า .. งานเข้าแล้วไง ยิงนำทีไร ต้องมีเรื่องทุกที.. ลูกสองตามมา ลูกสามมาอีก.. แต่บอกตามตรง.. ไม่ไว้วางใจเลย และแล้วมันก็มาจนได้ เค้ายิงได้ลูกแรก และน้องเงาะขวาโดนใบแดง ไอ้ที่กลัวไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแผลงฤทธิ์แล้วไง สุดท้าย เราก็ต้องตกรอบด้วยกฎอเวย์โกล์ ก็ทำใจไว้ล่วงหน้าพอสมควรว่าเราจะหยุดอยู่แค่รอบนี้ แล้วสิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ เอาเป็นว่าใครที่เล่นดีบ้าง โดยส่วนตัวก็เห็นว่านานี่ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนได้อย่างดี อีกคนก็คือน้องราฟาเอล ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์กับทีมและเกมส์ใหญ่ๆแบบนี้แต่เพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าทำหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี ก็ต้องให้เวลาเค้าได้ฝึกฝน เชื่อว่าเค้าต้องเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมได้ในอนาคตอย่างแน่นอน ส่วนรูนี่ย์ไม่เต็มร้อย แต่ยังฝืนเล่น คิดว่าเจ้าตัวเองก็อยากจะทำช่วยทีม และป๋าก็คงอยากจะเอารูนี่ย์เป็นตัวขู่กองหลังของบาเยิร์น แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก หลังจากราฟาเอลโดนใบแดง ก็ทำไงได้ .. ตกรอบไปแล้ว เศร้า เสียดาย เสียใจ แต่ไม่เสียขวัญ สู้ๆต่อไป ขอให้นักเตะแมนยูมองไปข้างหน้า และทำเกมส์ที่เหลือออกมาให้ดีที่สุด จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:44:59

ความคิดเห็นที่ 54 คาใจ คาร์ลิค จากคุณ : After Midnight เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:55:11

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณฮะลุงหงบ วันนี้ เฆ็นตอฟ แล้ว สแลงใจแหะ ในเกมส์ แบบนี้ เค้าน่าจะเป็นกองหน้าที่พึ่งพาได้ที่สุดในทีม แต่ กลับไม่เป้นแบบนั้นแหะ (ค่าตัวแพงสุดกู่ด้วย) ลูกกลางอากาศที่ กองกลังสาดขึ้นมาหรือน้าซาร์เปิดมาให้ พี่แก โดนกองหลังบาเยินเก็บกินหมด ลุงกิกส์ เปลี่ยนลงมาเจอเกมส์แบบนี้ ยังแปลกใจอยู่ครับ ที่ ตอน สกอร์เป้น 3-2 ป๋ากลับไม่คิด ส่งกองหน้า ถอกกองหลัง มาสวนแลกหมัด ไปเลยเพราะยังไงๆ จบ เท่านี้ เราตกรอบ สู้บุกแบบสู้ตายไปเลยดีกว่า พี่ติ๊ก ครึ่งหลังนี่เหมือนหมดก๊อก รึเปล่าครับ หลุดตำแหน่ง บ่อยมากๆ จังหวะที่เสียลูกสองให้รอบเบน ก็ไม่มีพี่ติ๊กประกบเลย - -* จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:56:00

ความคิดเห็นที่ 56 ครึ่งแรกนี่ความหวังเรืองรองเลยค่ะ มันทำใจลำบากจริงๆ จากคุณ : ดาวเคียงดอย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 13:57:40

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านมาเกือบๆหมดทุกๆความคิดเห็น ผมว่าเราตกรอบจะด้วยอะไรก็ตามแต่ ผมว่ามันดี่ที่สุดแล้วครับ เพราะเราไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังตั้งแต่3นัดที่ผ่านมา มันดูไม่เต็มที่ และสภาพทีมเราช่วงนี้ไม่ดีเท่าไหร่ หลายๆตำแหน่ง ยังทดแทนกันไม่ได้เต็มที่เช่น กองหน้า ขาดรูนเหมือนขาดใจ ยังไงก็สู้ต่อไป ยังไงก็รักผีแดง จากคุณ : aong_ha เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:09:30

ความคิดเห็นที่ 58 แพ้เชลซียังไม่เจ็บเท่าเมื่อคืนเลย ช่วงนี้เหมือน เทพธิดาแห่งชัยชนะจะไม่อยู่กับทีมเราเอาซะเลย เจ็บปวดมากจริงๆครับ ไม่มีอะไรจะเขียนมาก นอกจาก 1. นานี่ เมิงใจสู้มาก สุดยอด 2. ริเบรี่ กุเกลียดเมิงงงงง จากคุณ : หัตถาครองพิภพ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:20:36

ความคิดเห็นที่ 59 ผมมองว่าแมนยูเสียความมั่นใจไปเอง อาจเพราะการที่ไม่มีรูนีย์และการเหลือ 10 คน ในครึ่งแรกนักเตะทุกคนกล้าเล่น กล้าเข้าบอล กล้าครองบอล ประกอบกับเกมรับบาเยิร์นหลวมมาก เลยทำให้เกมรุกแมนยูดูจะอันตรายมาก แต่มาหลังเหลือ10คน เหมือนภาพรีเพลย์เกมแรกเลย ลงไปรับกันต่ำมาก แย่งบอลได้ก็เหมือยสาดทิ้งไปให้บาเยิร์นบุกต่อ ซึ่งเกมออกมารูปนี้ทีไร ผมแทบไม่เคยเห็นแมนยูยันอยู่เลย ถึงจะอ้างว่าเหลือ10คน ผมก็ยังคิดว่าควรจะทำได้ดีกว่านี้ ควรจะเก็บบอลไว้กับตัวให้มากกว่านี้ จุดนี้ผมว่าแมนยูทำตัวเองแท้ๆ เกมที่แล้วมีบทเรียนมาแล้วยังไม่เข็ด กล้าครองเกม กล้าบุกใส่หน่อย มีลุ้นประตูเพิ่มแน่ๆ เพราะบาเยิร์นเปิดหน้าสู้แล้ว จะมาบุกตอนนำ3-2ก็สายไปแล้ว เพราะบาเยิร์นปิดเกมไปแล้ว ซึ่งต้องขอชมว่าปิดเกมเนียนมาก ถึงแมนยูจะเหลือ11คนเท่ากัน ผมก็คิดว่าบาเยิร์นก็คงครองเกมจนจบได้ แต่กลับกันถึงแมนยูจะมี11คนครบ และยังนำ 3-1 แมนยูก็คงลงไปรับลึก ให้บาเยิร์นบุกใส่อยู่ดี ดูแล้วแผงกลางแมนยูความสามรถเฉพาะตัวไม่ดีเลยจริงๆ ถึงเข้ารอบไปได้ เจอบาร์ซ่าคงวิ่งหาบอลไม่เจอกันทั้งเกม ผมไม่ได้เสียดายที่ตกรอบ เพราะยังไงเราก็คงไปไม่ถึงแชมป์หรอกด้วยสภาพทีมตอนนี้ แต่เสียดายที่เห็นแมนยูเล่นดีมากๆอย่างที่ไม่เห็นมานานได้แค่40นาที ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมต้องเล่นเกมรับขนาดนั้น แถมไม่ใช่รับเพื่อรอสวนด้วย นี่มันรับอย่างเดียวแล้ว นักเตะชุดนี้ผมว่าดูดีกว่าชุด3แชมป์ปี1999อีกนะ แต่ใจเทียบกันไม่ได้เลย วันนี้แอบเห็นบางคนถอนหายใจแบบปลงๆตอนบาเยิร์นถ่ายบอลปิดเกม ไม่ต้องแปลกใจที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีประตูปาฏิหาริย์ท้ายเกมเหมือนก่อนแล้ว ขอบ่นหน่อยนะครับ อึดอัดกับทีมรักมานานแล้ว เหมือนสปิริตแมนยูมันหายไปไหนหมด เดี๋ยวนี้ดูแมนยูเล่นแล้วอึดอัดจริงๆ จากคุณ : สับขา...ตามหารัก เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:47:12

ความคิดเห็นที่ 60 ตอนนำเค้า 3-0 กระดี๊กระด๊ามาก ลั้ลลาสุด ๆ อีกทั้งรูปเกมส์ที่เหมือนเราจะบดอยู่ฝ่ายเดียว ริเบรี่ ร็อบเบนไม่ได้ออกจอ เหม่ เหม่... รอบตัดเชือกเจอกันแน่  อารมณ์นั้นสาวนาฝันเริ่ดแล้วค่ะ มาถูกโอลิชยิง 3-1 ก็ยังชิวชิว แหม ทีมเราเล่นดี แผนดี นำเค้าอยู่ด้วย นานี่องค์ลงน่าจะยิงได้อีก สบายน่า... จนเงาะขวาราฟาเอลมาโดนแดงเข้าไป รูปเกมส์เปลี่ยน ทีนี้นอนกัดเล็บจิกหมอนข้างดูแล้วค่า ไม่ได้หาแพะหรือพุ่งเป้าโทษความผิดไปที่ราฟาเอลคนเดียวนะคะ แต่ในความคิดเราการที่ราฟาเอลโดนแดง เราเหลือสิบคนมันคือจุดเปลี่ยนของทุกอย่าง และฟอร์มแบบครึ่งแรกก็ไม่กลับมาให้เห็นอีกเลย เหลืองแรกที่ไปฟาล์วเค้าคงเพราะยังไม่เก๋าพอที่จะคุมอารมณ์ คิดไม่ทันว่าได้ไม่คุ้มเสีย สอยเค้าไปแล้วเจอเหลืองแบบไม่น่าเจอ ส่วนเหลืองแดงใบที่สองก็ซีนเดิม ๆ ลูกแบบนี้สองศรีพี่น้องเคยโดนกรรมการเป่ามาแล้ว  หวังว่าจบจากเกมส์นี้จะทำให้เก๋าขึ้นได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น แต่เสียดายลูกที่ราฟาเอลตัดบอลได้แล้วเลี้ยงหลุดขึ้นหน้า มีรูนี่ย์วิ่งกลาง นานี่อยู่ทางซ้ายควบตามขึ้นไป ราฟาเอลดันเลือกยิงเองแบบน่าเบิ้ดกะโหลก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าถ้าจ่ายให้รูนี่ย์แล้วรูนี่ย์จะยิงเข้ารึเปล่า แต่ช็อตนั้นมันควรจะจ่ายเฟร้ยยยย สรุปแพ้นัดนี้ถึงกับซึมค่ะ ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางดีใจของร๊อบเบนยิ่งปรี๊ด  ดีใจได้กวนติงมากกกกก จากคุณ : นู๋ชม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:57:13

ความคิดเห็นที่ 61 ตอนเสีย 3:1 ผมเสียวแล้วนะจริงๆ เพราะว่า สกอร์มันไม่ใช่ว่าได้เปรียบเลย เพราะแค่เสียแค่ลูกเดียวก็ตกรอบทันที ในขณะที่รูนีย์ก็แสดงให้เห็นว่าสภาพยังไม่พร้อม... พอมาเสียราฟาเอลที่คอยตอด คอยสกัดริเบรี่ได้ตลอดออกไป ก็งานเข้าเลยครับ แต่การแพ้นัดนี้ ผมมองว่าจะเป็นประสบการณ์ให้ผู้เล่นรุ่นใหม่ๆในทีมอย่าง นานี่ วาเลนเซีย ราฟาเอล ได้มากครับ แล้วปีหน้าถ้าไม่เจอปัญหาเจ็บอะไรรบกวนมากนัก ผมว่าทีมชุดนี้จะน่ากลัวกว่านี้อีกเยอะเลยครับ จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 15:22:36

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อคืนคิดถึง หน้าหมี กับ โซลชา จับใจเลยครับ ถ้ามีโซลชา แบบสมัยยังหนุ่มแน่น และ หน้าหมี จอมเทคนิคระดับตำนาน น่าจะมีลุ้นมากกว่า ดู เฮียเบิร์บ จากคุณ : Hokkaido_H เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:05:21

ความคิดเห็นที่ 63 สวัสดีครับ คุณสงบใจ - ขอบคุณครับสำหรับคำวิจารณ์ ไม่มีอะไรครับ ก็แค่ความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีทีมไหนหรอกครับจะได้แชมป์ทุกรายการ ทุกฤดูกาล ถ้าทีมเราได้แชมป์ทุกรายการ ทุกฤดูกาล แบบแบเบอร์ เราก็คงไม่อยากตามเชียร์หรอกครับ แพ้ซะบ้าง เวลาที่ชนะจะได้ดีใจ จากคุณ : rachovii (Tahcus) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:24:39

ความคิดเห็นที่ 64 ยังช็อคไม่หายเหมือนกันค่ะ พูดไม่ออกเลย ยังไงๆก็ต้องสู้กันต่อไป มีหวังอันน้อยนิดก็ยังดีกว่าไม่มีเลยเน้ออออ T_T" จากคุณ : prettybua เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:27:16

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีครับ ก็แอบเสียดายเหมือนกันที่ตกรอบ กังวลตั้งแต่เสียลูก 3-1 แล้วครับว่าครึ่งหลังอาจเสียเพิ่มแล้วก็โดนจริงๆ  เหลือถ้วยเดียวแล้ว ก็สู้ๆครับ จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:56:42

ความคิดเห็นที่ 66 ผมมานั่งคิดวิเคราะห์ดูอีกที จุดเปลี่ยนจริง ๆ น่าจะอยู่ที่ใบแดง  เพราะพอเหลือ 10 คน เกมก็กลายเป็นวันเวย์ทิคเก็ทเลย ถึงประตู 3-1 จะทำให้เกมเปลี่ยนไป แต่ 11 คนเท่ากันในยามที่บาร์เยิร์นต้องเน้นรุกเอาประตู เราก็น่าจะสวนกลับแบบเจ็บ ๆ เอาประตูที่ 4 ได้ รวมถึงทางเลือกในการเปลี่ยนตัวเปลี่ยนแท็คติก ปกติดูบอลทีไรจบเกมมักตื่นเต้นนอนไม่หลับทุกที แต่เมื่อคืนเหมือนลุ้นจนหมดพลังงานไปเลย ปิดสวิทช์หลับแบบไม่อยากนึกอะไรสักอย่าง จากคุณ : 9ปล่อยไก่ (nmcm) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:59:05

ความคิดเห็นที่ 67 ดูเกมนี้จบข่มตาให้หลับไม่ได้จริงๆ ทำใจอยู่นาน แต่ก็ภูมิใจที่เห็นความมุ่งมั่นและการวิ่งแบบลืมตายในครึ่งแรก จนมาเหลือ 10 คนครึ่งหลัง เหนื่อยแทนกับการเจอทีมใหญ่ 3 นัด ในรอบสัปดาห์ ตอนนี้ห่วงแค่ว่าจะล้าจะแผ่วกันมากน้อยแค่ไหน เหลืออีก 5 นัดทำให้ดีที่สุดตามแบบฉบับแมนยูก็พอ จากคุณ : ห้องสี่เหลี่ยมไร้มุม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 17:14:29

ความคิดเห็นที่ 68 ผมมองจุดผิดพลาดได้ 2 จุดหลักคือ 1.เปลี่ยนรูนีย์ออกช้าไป ผมมองว่าทีมเราเล่นกันเพี้ยนไปตั้งแต่รูนีย์วิ่งไม่ออก เลยทำให้ตัวไล่บอลแดนหน้าลดลง ทำให้กองกลางเราต้องดันสูงขึ้นไปปิดทางการจ่ายบอลของบาเยิร์น จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแดนหลัง และ แดนกลางเพิ่มขึ้น  บาเยิร์นเลยมีโอกาส มีช่อง ในการต่อบอลเพื่อทำเกมรุกได้   ... ซึ่งการที่กองกลางเราต้องไล่บอลสูง จนมีพื้นที่ว่างมากขึ้นแบบนี้ ทำให้ ไมเคิล คาร์ริค ที่รับบทเป็นตัวเก็บกวาดหน้ากองหลังต้องรับภาระเพิ่มขึ้นอย่างมาก  เพราะพื้นที่ในการรับผิดชอบมันเยอะขึ้น กว้างขึ้น  และผลสุดท้าย รับมือไม่ไหว กลายเป็นแพะ   ส่วนเรื่องการต่อบอล เพื่อทำเกมรุก รึ ต่อบอลเพื่อหนีจากการเข้าประกบเร็ว   คาร์ริคที่มองว่าจ่ายพลาด จ่ายช้า  คงต้องมองว่า คู่ขาอีก 2 คน ไม่เอื้อประโยชน์กับคาร์ริคเลย  เพระเซนส์ในการจ่ายบอล คายบอล รึ การเข้าใจในเกม การเข้าใจในการจ่ายบอลเพื่อเอาตัวรอดหนีตัวประกบ  ทั้งเฟลทเชอร์ และกิ๊บสัน แทบจะไม่มีเลย  ไม่เหมือนกับตอนที่คาร์ริคลงเล่นกับ พอล สโคล ซึ่งคู่นี่มีความเข้าใจเกม และสามารถจ่ายบอลเปลี่ยนแกนได้ทันที   แต่ในเกมนี้ เวลาที่ทีมเราโดนบี้ โดนไล่หนักๆ ป๋ากลับไม่ส่ง พอล สโคล มาช่วยคาร์ริค ??? ส่วนลูกที่เสียท่าให้ อิวิกา โอลิช ... ลูกนั้นคาร์ริคพลาดตั้งแต่วิ่งตามไปประกบจนอยู่ต่ำกว่า ริโอ แล้วครับ  จากที่ริโอจะดักล้ำหน้า กลายเป็นคาร์ริคที่ทำให้กับดักล้ำหน้าเสียไป จนมาเสียประตู ... แต่ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า  แล้วกองหลังที่ต้องประกบ โอลิช อย่างวีดิช หายไปไหน ?  คาร์ริคจริงๆแล้วต้องไปรับผิดชอบ ชไวนี่ ไม่ใช่เหรอ ? 2. เปลี่ยนตัวไม่เข้ากับแผน  คือการถอดคาร์ริคและกิ๊บสันออก แล้วส่งกองหน้าลงมาคนเดียว ? ข้อนี้ผมอยากตั้งคำถามกับป๋ามาก ว่าการที่ส่ง ไรอัน กิ๊กส์ ลงมา...ป๋าคาดหวังอะไร ??? โอเค อาจจะมองว่าผมอคติกับไรอันกิ๊กส์  เพราะเท่าที่ผมดูแมนยูมา ปีนี้มีไม่กี่ครั้งที่จะเห็นประโยชน์จากการเอาไรอัน กิ๊กส์มายืนกลาง   เพราะน้าเค้าไม่ไล่บอล ไม่ขึ้นโหม่ง เบียดแย่งอะไรที่เป็นประโยชน์กับทีมเลย  เอาแต่ยืนรอรับบอล พอได้มาก็จ่ายบอลน้ำหนักไม่ดี โดนตัดให้เค้าบุกกลับมาได้   ก็เข้าใจว่าที่ผ่านมาทำประโยชน์กับทีมมาเยอะ  แต่อยากให้มองถึง ณ ตอนนี้ว่า ไรอัน กิ๊กส์ ไม่มีสปีด รึ พลังเพียงพอในการเปลี่ยนเกมส์ ยิ่งถ้าเทียบกับโอกาสที่ทำได้ กับโอกาสที่เสียไป  ผมยังมองว่า เอาปาร์คลงมาไล่บอล ถึงแม้จะล้มกลิ้ง คลุกคลาน แต่ปาร์คยังบีบช่อง บีบทางจ่ายบอลของคู่แข่ง  ทำให้เพื่อนเล่นง่ายกว่า คือ ถ้าจะ กิ๊กส์ลงมา ผมคิดไปว่า ถ้าส่ง มาเคด้า รึ ปาร์ค มาแทน น่าจะมีผลกับเกมมากกว่า ส่วนเบิร์บที่ลงมาท้ายเกม ก็มีไม่กี่ที ที่จะได้บอลมาถึงเท้า นอกนั้นก็เป็นจังหวะขึ้นโหม่งเช็ดบอลให้กองกลางมีโอกาสเติมเกมได้ แต่กองกลางเติมขึ้นไปไม่ถึงบอล จนพลาดโอกาสไป   ทั้งๆที่น่าจะเลือกแทคติค จ่ายบอลต่ำให้เบิร์บพิง แล้วหาช่องจ่ายมากกว่า  แต่ก็ไปโทษคนจ่ายไม่ได้ เพราะกลางบาเยิร์นยืนอยู่เยอะ ต้องโทษแทคติค ที่ไม่ส่งกองหน้า รึ ใครที่พอจะมาดึงตัวประกบออกจากเบิร์บลงสนาม ... เบิร์บขึ้นโหม่งที โดนประกบทั้งหน้าทั้งหลัง  โหม่งเช็ดได้ก็เก่งแล้ว ปล. ลูกที่รอบเบนยิง จะไปโทษเอฟร่ามันก็ใช่เรื่องที่ไหน  เพราะเอฟร่าต้องไปยืนเฝ้าเสาประจำอยู่แล้ว  ต้องไปโทษปีก รึ กองกลางคนอื่นๆมากกว่า ที่ไม่มีคนไปยืนบังนอกกรอบเลย ปล.2 ไม่อยากให้โทษราฟาเอล  อยากให้โทษกองกลางที่ต้องมาซ้อนราฟาเอลมากกว่า กิ๊บสัน กับเฟรทเชอร์ หายไปไหน  โดนประกบจนริเบรี่ต้องเปลี่ยนเข้ามาตรงกลางอย่างนั้น กองกลางกลับไม่ยอมมาซ้อน ? เฮ้อ บ่นซะยาว  จะมีใครอ่านจบมั้ยเนี่ย จากคุณ : o_extreme เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 17:14:41

ความคิดเห็นที่ 69 เศร้า จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 17:32:34

ความคิดเห็นที่ 70 ..เฮ้อ! ฟุตบอล ก็เป็น เกมบ้า ๆ แบบนี้ ล่ะครับ ..Bloody Hell!! เล่นได้ดีแล้ว ตั้งแต่ นัดแรก และ นัดที่สอง .. แต่ เสียประตู แบบ "โง่ ๆ" ทั้งสองประตู ในนัดแรก ..ก็คงจะ บ่งบอก ถึง "วาสนา" อย่างที่ คุณสงบใจ บอกไว้ว่า .. เราไม่มี แต่ บาร์เยิน มีมากกว่า!! ใครจะบอกว่า เป็นเรื่อง "บังเอิญ" ... Accident หรือ Co-incident ก็ตามที .. แต่ เรื่อง "ดวง" เรื่อง "วาสนา" นั้น .. ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่ .. มีให้เห็นมาตลอด บางครั้ง ก็บอกว่า "แพ้ทาง" ..หรือ อะไรก็แล้วแต่.. ณ ตอนนี้ ต้องบอกว่า โอกาส ที่จะ คว้า แชมป์ ที่เหลืออีกเพียงใบเดียว .. แต่ มี "ความหมาย" มากกว่า UCL ซะอีก ก็คือ พรีเมียร์ลีก... ก็ ขึ้นอยู่กับ "วาสนา" เช่นกันว่า .. 1 ใน 3 ทีม ลุ้นแชมป์ ใครจะมี "ดวง" ดีกว่ากัน ??? ตอบ ไม่ถูก หรอกครับ ... รู้แต่ว่า "บ่อนพนัน" ปีนี้ .. น่าจะรายได้ดี .. รับเละ จากพวก นักเสี่ยงโชค และ แฟน ๆ ของ ทีมใคร ทีมมัน ..ที่คงต่างก็คิดว่า ทีมรักของตน "มีหวัง" ด้วยกัน ทั้งสามทีม !! ฟุตบอล ก็เป็นเพียงแค่ "เกมกีฬา" ..แพ้ หรือ ชนะ ก็ เสียใจ หรือ ดีใจ ได้ไม่นาน ก็เหลือไว้แต่ "ความทรงจำ" เท่านั้น ... ลุ้นกันต่อไปครับ ... Keep up hope! จากคุณ : จิตตารมณ์ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 17:48:12

ความคิดเห็นที่ 71 ชนะแล้วตกรอบ แต่ไม่เสียใจครับ ออกจะดีใจด้วยซ้ำ จะได้มาเน้น EPL อย่างเดียว จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 18:09:53

ความคิดเห็นที่ 72 ที่จริงผมอยากให้ส่งมาเคด้าลงไปมากกว่าตอฟนะ ไม่ใช่ว่าตอฟไม่ดี แต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้อย่างสิ้นเชิง เพราะตัวก็น้อยกว่าเค้า เกมก็ตามอยู่ เสือใต้ก็ต้องเล่นลิงชิงบอลในพื้นที่กว้างๆแน่ๆ แล้วต่อให้ตอฟวิ่งเร็วที่สุดมันก็ยังไม่พออยู่ดี ขณะที่มาเคด้าเค้าจะมีความ "ห่าม" อยู่ในตัว เป็นพวกอีโก้จัด แบบโรนัลโด้ สังเกตได้ว่าจะกล้าลุยได้มากกว่าตอฟแน่ๆ ดูเค้าเล่นแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยดี ส่วนรูนี่ย์ ผมว่าถึงเค้าเจ็บก็ไม่มีใครกล้าประมาทนะ สังเกตได้ว่าหลังสองตัวของเสือไม่เติมเลยตอนรูนี่ย์ยังอยู่ แถมยังช่วยเป็นตัวดึงกองหลังให้เพื่อนทะลุขึ้นไปได้ด้วย จากคุณ : สุกิต MK เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 18:49:46

ความคิดเห็นที่ 73 เรื่องนึงครับ มีใครรำคาญคนพากษ์เมื่อคืนบ้างครับ คู่หูคู่ฮา เป็นกลางซะเหลือเกิ๊นนนน.....ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าพวกคุณเชียร์ทีมไหน เสียงพวกคุณตอนร็อบเบนยิงนี่ ราวกับดีใจที่ทีมคุณหนีตกชั้นได้ก็ไม่ปาน ผมว่ามันเกินไปนะ เก็บอาการบ้างก็ดี จากคุณ : สุกิต MK เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 18:51:59

ความคิดเห็นที่ 74 กว่าจะหลับลงเกือบ6โมง - - จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 20:03:59

ความคิดเห็นที่ 75 คำๆเดียวสำหรับนานี่ "สุดยอดดด" นายทำให้เราดีใจ กระโดดเย้วๆเป็นบ้าเป็นหลังจากลูกยิงทั้ง 2 ลูกของนาย ลูกแรกไขว้เทพมาก จากเมื่อก่อนอคตินาย มาปีนี้นายพัฒนาขึ้นมากๆๆ ป.ล.ไม่เคยดูเกมไหนความรู้สึกครึ่งแรกกับครึ่งหลังต่างกันขนาดนี้เลย จากคุณ : The SeCreT oF Loving Room เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 20:16:52

ความคิดเห็นที่ 76 หลับไม่ลงจริงๆครับ ลูกยิงรอบเบนมันติดตา บางที เราอาจจะใช้ดวงกันหมดแล้วก็ได้นะครับ จากเลกแรก ไหนจะฟรีคิกริเบรี่แฉลบ รูนี่ย์เจ็บ วิดิชโขกชนคาน ความจริงถ้าไม่มีอะไรจะเสีย น่าจะลองปล่อยมาเคด้าลงมานะครับ ผมรู้สึกว่า เซนส์ในการหาตำแหน่งทำประตู ของมาเคด้า น่าจะดีกว่า เบอร์บาตอฟ หรือกิ๊ก แอบเซ็งป๋าเล็กๆ ส่วนราฟาเอลผมว่าปีนี้ได้อะไรๆ ไปเยอะนะครับ เด็กอายุ ๑๙ ต้องเจอทั้งดินโญ่ ริเบรี่ ปีหน้า น่าจะมีอะไรๆ ดีขึ้นนะ ไปลุ้นเอาแชมป์ลีก ปีที่ ๑๙ ดีกว่า เฮ้อออ จากคุณ : หมี่เกี๊ยวต้มยำ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 20:33:48

ความคิดเห็นที่ 77 #73 ผมคนนึงละต้องเปลี่ยนไปฟังบรรยายภาษาอังกฤษ ฟังแล้วหงุดหงิดอะ ตอนสกอร์ 3-1 พูดอยู่นั่นแหละ ว่าบาเยิร์นเคยแพ้ 3-2 เข้ารอบมาแล้ว สุดท้ายสมใจเขาล่ะ จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 20:43:45

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดีๆ และทุกcomment ค่า จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 21:12:40

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์ค่ะ ปวดใจมากนะคะ สำหรับการเป็นผู้ชนะ แต่กลับต้องตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือนแบบนี้ ทั้งๆที่ต้นเกมส์เราก็ทำเกมส์กันได้ดีเลยทีเดียว แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เป็นใจ ทั้งโดนยิงในท้ายครึ่งแรก ทั้งอาการบาดเจ็บของรูนีย์ และการโดนเหลืองแดงของราฟาเอล หลายๆอย่างนี้ทำให้นักเตะเราโชว์ฟอร์มไม่ได้เต็มที่เหมือนในครึ่งแรก แต่เอาเถอะค่ะ ไหนๆเราก็ตกรอบไปแล้ว ยังไงต้องลืมความผิดหวังไปให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าเรายังมีลุ้นอีกหนึ่งถ้วยในประเทศ ถ้วยสำคัญเลยทีเดียว ความผิดพลาดและแรงผิดหวังจากถ้วยนี้อาจจะส่งผลให้เรากลับไปมุ่งมั่นจนประสบความสำเร็จกับถ้วยพรีเมียร์ลีก ก็เป็นได้ค่ะ จากคุณ : คุณหนูแพนด้าตัวน้อย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 22:01:28

ความคิดเห็นที่ 80 เล่นกันได้ดีแล้ว  เล่นได้ประทับใจทั้งนานี่ ราฟาเอล สู้ได้แต่มันไม่เข้าทางเราก็เท่านั้น ฟอร์มอย่างนี้  ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์กันมันส์ล่ะครับ    >,< จากคุณ : หมูอ้วนพุงดำ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 22:39:01

ความคิดเห็นที่ 81 เกมส์พลิกกระดาน เพราะ การเสียไลน์  เสียสมาธิ โดน 3-1 เริ่มครึ่งหลังมาก็โดนใบแดงเข้าไปอีก ทีนี้ทุกอย่างเปลี่ยนหมดเลย -.-" จากคุณ : Skyline_CII เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 06:53:22

ความคิดเห็นที่ 82 แวะมาสวัสดีวันใหม่ สวัสดีท่านสมาชิกทั้งขาประจำและขาจร รวมทั้ง บอกว่า กิ๊ฟหมดกลางอากาศครับ เดือนนี้ กิ๊ฟเปลืองมากกกกกกก --------------------------------------------------------------- จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 07:45:36

ความคิดเห็นที่ 83 แฟนปืนที่ติดตามคุณสงบใจประจำครับ นั่งเชียร์แมนฯ ยู อยู่ (เชียร์จริง ๆ) แข่งกับกองเชียร์บาเยิร์น(เฉพาะกิจ)ที่พากษ์บอลไปด้วย ผมคิดต่างจากท่านเซอร์ ในกรณีปล่อยให้รูนีย์ อยู่ในสนามทั้งที่ยังเจ็บอยู่ ถ้าจะบอกว่าเอาไว้ขู่กองหลัง ผมว่า กองหลังก็เห็นแล้วว่ารูนีย์ทำอะไรไม่ได้มาก มันมีเหตุผลมากมายที่จะถอดรูนีย์ออก (รวมทั้งการถนอมตัวกันผลกระทบกับพรีเมียร์ลีก...ยังดีที่ไม่เจ็บซ้ำมากกว่านั้น) แต่ผมไม่เห็นเหตุผลที่ให้รูนีย์อยู่ทั้งที่เจ็บ ตั้งแต่นำอยู่แล้ว 2-0 ถ้าเปลี่ยนรูนีย์ออกหลังจากเจ็บ ให้เบอร์บาตอฟ มาเก็บบอล หาจังหวะจ่ายเทพ ๆ ให้พวกนานี่ กิ๊บสัน เติมขึ้นมายิง จะสบายกว่าเยอะ รวมทั้งทำหน้าที่วิ่งไล่กดดันบาเยิร์นตั้งแต่แผงหลังไม่ให้ปั้นบอลได้ เหมือนช่วงต้นเกม ผมเห็นว่า บาเยิร์นเริ่มตั้งลำได้ตั้งแต่รูนีย์กดดันพวกเขาได้น้อยลงแล้ว ยิ่งแปลกใจขึ้นอีกเมื่อครึ่งหลัง รูนีย์ก็ยังไปยืนต่ออีก เหมือนต่อตัวผู้เล่นให้บาเยิร์นเลย (สภาพคล้ายเชส ในนัดแรกที่แม้บาร์ซ่า เหลือสิบตัว อาร์เซนอล ก็เหมือนเหลือสิบตัวเช่นกัน) และนั่นทำให้บาเยิร์นทำเกมได้มากขึ้น จนราฟาเอล ต้องทำฟาล์ว ได้ใบเหลืองที่สอง ซึ่งการแก้ไขหลังจากนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เบอร์บาตอฟ ลงมาในตอนนั้น ก็ไม่ได้มาทำหน้าที่ถนัด (ต้องไปเร่งเอาประตูเพิ่ม...ซึ่งผิดวิสัยของเขา) แต่อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยู ก็ยังจบด้วยชัยชนะ... แต่ปืนของผมเจอเมสซี่และผองเพื่อนทำเอาซะหมดสภาพเลย กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดใน EPL แล้วรอดูเพื่อนอีก 2 ทีม จากคุณ : The Old Gun เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 09:46:04

ความคิดเห็นที่ 84 ลูกที่สองของนานี่ ไขว้สุดยอดที่สุดแล้ว เสียดาย แต่ก็ไม่เสียขวัญครับ เพราะพรีเมียร์ลีกยังไม่จบ โชคมันไม่เข้าข้างเลย บังเอิญเป็นเกมเหย้า ทั้งที่นับลูกแล้วเท่ากัน รูนนี่ย์ ไม่รู้จะเจ็บแค่ไหนนะครับ ที่จริงก็อยากจะให้เบอร์บาตอฟลงแทนในเกมไวๆ จะได้ถนอมตัวรูนนี่ย์เอาไว้ เพราะเหลือไม่กี่นัด ที่ลุ้นกันจนหมดแม็ก จากคุณ : yyswim เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 11:47:25

ความคิดเห็นที่ 85 เจ็บปวดไม่เท่าเชลซีปีที่แล้วแน่............ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 12:06:45

ความคิดเห็นที่ 86 จุดเปลี่ยนของเกมส์มีอยู่ 2 จุดครับ ที่หลักๆก็คือ การเสียประตู 3-1 ไปแบบเสียสมาธิกันไปเอง และอีกจุดหนึ่งก็คือใบแดงของราฟาเอล ทำให้ป๋าไม่มีทางเลือกมากในการจัดทีมครับ จากคุณ : Roo_Ni_Gy เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:07:13

ความคิดเห็นที่ 87 ขอโทษครับ ความเห็นซ้ำ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 14:08:37 จากคุณ : Roo_Ni_Gy เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:07:46

ความคิดเห็นที่ 88 ผมเสียดายไมเคิล โอเว่นมากไม่น่ามาเจ็บตอนนี้เลย   ถ้าโอเว่นอยู่จะสามารถช่วยค้ำแทนรูนี่ย์และเหมาะที่จะเล่นโต้กลับได้มากกว่าเอียเบิฟซะอีก   พวกเยอรมันคงกริ่งเกรงน่าดู โดยเฉพาะแมตย์เผามิวนิคเมื่อหลายปีก่อน จากคุณ : ปีศาจValkyrie เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 53 20:56:40