 |
ความคิดเห็นที่ 142 |
ผมอ่าน คห.129 แล้วก็อยากแสดงความเห็นอีกทางหนึ่ง
เด็กที่จบจากนอกมีสองแบบ แบบแรกคือจบมาแล้วมีบาปเจ็ดประการติดตัวมา มีความยะโส มีความละโมบ มีตัณหา มีความต้องการสูงและต้องการอยู่เหนือผู้อื่น
พวกนี้จะทำอย่างไรก็ได้ที่พยายามยกระดับความคิดและความสำคัญของตนที่ตนคิดว่าอยู่เหนือคนอื่น จนกระทั่งลามปามลากยาวทั้งๆ ที่ชีวิตนักเรียนนอกนั้นมีไว้เพื่อ เรียนรู้ lifestyle ชีวิตที่แท้จริงของตะวันตกที่เข้าใจธรรมชาติและความเรียบง่ายของชีวิต เรียนรู้หลักความคิดเบื้องต้นและความเป็นจริงของคน
ดังนั้นสิ่งที่เห็นได้ชัดคือต่างประเทศที่ไปร่ำไปเรียนมาส่วนใหญ่กลับมาแต่ละคนกลายเป็นเหมือนวุฒิบัตรไว้อ้างอิง "ฉันจบนอก ฉันเรียนนอกมาสูง" อันนี้สำรากและเลวร้ายแม้แต่ในระดับข้าราชการที่เรียนเก่งเรียนดีแต่วุฒิภาวะและจิตใจแสนเสื่อมทราม จึงไม่แปลกทำไมต่างประเทศถึงได้มีระบบจิตวิทยาเข้ามาใช้ตั้งแต่เด็กก่อนเข้าเรียนจนกระทั่งระดับก่อนอุดมศึกษาเพื่อปรับพฤติกรรม ส่วนตัวแค่เรียนอุดมศึกษาและเจอนักศึกษาในสถาบันที่สอบเข้าได้ของรัฐมาก็ต่างจิตต่างใจและมีระดับปมปัญหาส่วนตัวและปมด้อยในหลายๆ เรื่องเยอะมาก เหมือนกับจิตวิทยาเด็กเนิร์ทในนี้...
มันเป็นสิ่งที่เสื่อมทรามเมื่อพวกนี้ใช้วุฒิมาต่อเป็นบรรไดแล้วพยายามยัดเยียดในขณะที่เด็กนอกมากมายที่จบนอกมาเหมือนกันและเรียนรู้อะไรมาในหลายๆ สิ่งเหมือนกันกลับเข้าใจและมีความสุขุมมีความเรียบร้อยไม่อวดโอ้ไม่โลภโมโทสัน ทำธุรกิจธุรกรรมเพื่อครอบครัวและสังคม พวกนี้เรียนมาเพื่อรับผิดชอบสังคมในแบบอย่างที่เขาเรียนมา
เด็กที่จบจากสวีเดนมากมาย เด็กที่จบจากเยอรมันมากมาย เด็กที่จบจากฮอลแลนด์ เดนมาร์ก สเปน อิตาลี หรือแม้แต่เด็กทุนของออสเตรียในส่วนพระองค์และส่วนอื่นๆ มากมาย พวกเขาเหล่านี้กลับไม่ฟู่ฟ่าและจบแล้วทำในสิ่งที่จรรโลงตามแบบที่ตนไปเห็นไปเจอ
เราได้เห็นบุคลากรเสื่อมทรามที่ว่ามาได้ชัด ไม่ว่าจะเรียนเก่งได้ทุนมหิดลสุดท้ายเจอความเลวความเสื่อมในตัวเองไม่นำพาการสั่งการสอน พวกนี้ก็จะได้มาแค่ เอามาต่อความโลภและความเลวความไม่พอของตนไม่สิ้นสุด ทุนกพ.ที่ทุกวันส่งไปเรียนต่อเสร็จแล้วหนีทุนเป็นอย่างไร ประเทศนี้มันถึงได้หลงแนวคิด
ประเทศไทยไม่ได้สร้างด้วยวินัย เมื่อไม่มีวินัย ทั้งการใช้ความคิดและการใช้ชีวิตเลยหาวินัยไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่มีวินัยไม่พอไม่เข้าใจโลกไม่เข้าใจสังคมไม่เข้าใจคำว่ารับผิดชอบ มันก็เลยส่งผลมาที่เรื่องเดียวคือ ... มันเข้าใจแต่ตัวมันเองว่ามันจะได้หรือมันจะเสีย
..........
พระราชดำรัสของในหลวงทีเป็นทางการหรือที่พระองค์ทรงสั่งสอนแล้วเด็กเรียนนอกมากมายที่อยู่ตามสมาคมเด็กนักเรียนเยอรมัน ฝรั่งเศส ฯลฯ พวกเขาเหล่านี้นำสิ่งเหล่านี้มาแลกเปลี่ยนความที่สำคัญและชอบนำมาบอกเล่าสม่ำเสมอก็คือ หลักคิดในสามเรื่องสำคัญ
H O W = Honestly, Openmindedness และ Willingness หาใครมานิยามคำสอนเหล่านี้ได้บ้างในหมู่พัฒนาบุคคล
หลายคนไปสัมมนาอบรมพัฒนาบุคลิคภาพและความคิด มี 5 ฉ ของโรงงานมีนั่นมีนี้ 3 อ อะไรมากมาย มันไม่ต้องนิยามมาให้ดูดีดูเท่ห ดูเป็นคนมีความคิด
นำสามคำของพระดำรัสในหลวงที่ฝรั่งฟังยังงง ว่าพระองค์ทรงมีพระดำรัสสอนคนของพระองค์เช่นนี้ได้อย่างไร ซื่อสัตย์ เปิดใจให้กว้าง และเต็มใจที่จะทำจะช่วยหรือจะทำการใดๆ ด้วยความเต็มความสามารถ
ทุกคนได้ยินสิ่งแปลกใหม่ของสังคมมากมาย กังหันน้ำชัยพัฒนา โครงการแก้มลิง มีใครในนี้ได้พึงคิดบ้าง
พระองค์ทรงดำริเรื่องเขื่อนเพื่อที่จะได้ดำเนินการให้มีน้ำและเก็บกักน้ำ ฝ่ายที่เข้าใจและไม่เข้าใจตีกระทบเทียบจนสำรากมาเป็นเวลากว่าสิบปี แต่ไม่ทำหลังเขาก็ตัดไม้จากพวกนายทุนจนไม่เหลือสภาพที่จะให้น้ำไหลลงมาได้ สรุปพระราชดำริของพระองค์มีประโยชน์อะไรเมื่อมันมีขบวนการผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องตลอด
มีใครเล่นเครื่องดนตรี หรือแต่งเพลงได้เท่ากับที่พระองค์ทรงดนตรีและประพันธ์บทเพลงไพเราะและเป็นอมตะได้ขนาดนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ฟังแต่เป็นสิ่งจับต้อง
พวกที่จบนอกหลายคนจะนิยมศิลปะและวัฒนธรรม ส่วนไอ้พวกกเลวราชสำรากพวกติดกับวัตถุและคิดว่า การพัฒนาคือสเก็ตบอร์ด บีบี สามจี พวกนี้ คือพวกมักง่ายและสำรากความคิด ในขณะที่เด็กอีกบางกลุ่มที่จบนอกไปรับเอาวัฒนธรรมส่งเสริมหันมองย้อนตนเมื่อเขามีศิลปะดีๆ และมีอะไรดีๆ มากมาย เด็กเหล่านี้เรียนจบมาก็นำกลับมาเพื่อช่วยธำนุร่วมกับพระองค์ท่านในการสนองตอบแผ่นดิน
ศูนย์ปฏิมากรรมของไทย หาเด็กพวกสายวัตถุ พวกสามจี พวกอาร์ซีเอไปดูไม่มี หอศิลป์แห่งชาติกลายเป็นแท่งโด่เด่ที่บอกเรื่องราวอะไรไม่ได้ หนักไปกว่านั้น ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมมีการนำศิลปวัฒนธรรมชั้นสูง ย้ำว่าชั้นสูงที่ฝรั่งเข้าไปเห็นต่างอึ้งและตกใจกับการแกะสลักที่แปลกพิศดารที่สุดในหมู่ช่างสิบหมู่ เครื่องทอง ถมทองที่หาไม่ได้จากพวกคนยุคใหม่ เดี๋ยวนี้เมืองไทยหลายส่วนเริ่มขยับคำว่าตามรอยพระราชดำรัสมากขึ้นในเรื่อง อย่าโกหกสังคมให้มาก บอกว่าต้นทุนสูงแต่กำไรปลายไตรมาสล้นเหลือเพียงเพื่อสนองตอบความโลภโมโทสันและความไม่รู้จักพอ
ส่วนตัวไม่เข้าใจคำสอนของพระองค์ในเรื่องพอเพียง แต่เข้าใจโดยอนุมานตามความคิดที่น้อยของตนว่า พระองค์ต้องการสอนสั่งคนของพระองค์ให้รู้จักพอบ้าง... การอยู่กับตัวเองตัวตนของตัวเอง รู้จักตัวเอง และให้รู้จักพอ และรับผิดชอบต่อสังคมและตนเอง นำพาความเจริญอย่างยั่งยืนแบบนี้ต่างหากที่น่าจะเกิดในหมู่สังคมนี้
ถามกันวันนี้ว่าเมื่อหนก่อนไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ไปเขียนอะไรไว้บ้างที่ต้นไม้ของพ่อ วันนี้จำได้หรือไม่ ทุกวันนี้ไม่ต้องคิดหรือนึกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นมันเกิดขึ้นจริงและมันก็เห็นได้จริง อยู่ที่พวกคุณจะคิดอย่างไรกับการปกป้องสถาบันที่สำคัญของชาติ เด็กรุ่นใหม่นี้ผมไม่รู้น่ะว่าการศึกษาเบื้องต้นสอนอีกไหมว่า "สถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศไทยคือสถาบันอะไร... สมัยผมตั้งแต่เล็กจนโตมามีสิ่งเดียวคือสถาบันพระมหากษัตริย์.. ดังนั้นธงสีน้ำเงินจึงเป็นริ้วที่ใหญ่ที่สุดในหมู่ริ้วสามสี
ทุกวันนี้เป็นคนหลากสีอย่างไม่กลัวใครแต่ไม่เคยนำพาการเมือง แม้จะที่สุดแล้วแต่สิ่งที่ส่วนตัวทำแน่นอนคือ รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรีทุกพระองค์
จะโวยวายหรือร้องอะไรในทางการเมือง มันแฝงโดยสิ้นเห็นชาติกับคำว่าผลประโยชน์ทั้งนั้นแต่บางส่วนบางคนเขาถึงได้ออกมาเพื่อร้องเพื่อบอกว่า
ขอพระองค์จงทรงพระเจริญและถ้าใครคิดข่มเหงสถาบันกษัตริย์ก็ขอให้ข้ามศพไปก่อนเลย ถ้าต้องตายตกตามกันไปแล้วทำให้แผ่นดินไทยสูงขึ้นก็ถือว่าคุ้ม
จากคุณ |
:
danielle
|
เขียนเมื่อ |
:
29 เม.ย. 53 10:20:16
|
|
|
|
 |