 |
ทุน 10 ล้าน ฟอร์ม 100 ล้าน ปลาทูคะนอง
|
|
อ่านแล้วชอบ เลยเอามาให้เพื่อนๆใน pantip ได้อ่านกันครับ
เครดิต คุณ ปูเป้ จากสยามสปอร์ต
http://www.siamsport.co.th/Column/100427_042.html
การลงทุนทำทีมในฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 พอจะจำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆดังนี้ครับ
กลุ่มบนเป็นทีมที่ใช้งบประมาณในการสร้างทีม ซื้อตัวผู้เล่น ทำระบบการบริหารจัดการในระดับ 50 ล้านขึ้นไปจนแตะๆ 100 ล้านบาทต่อปีในไทยลีกปีนี้มีอยู่ 5 ทีมด้วยกัน เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส, บุรีรัมย์ พีอีเอ, ชลบุรี และ อินทรีเพื่อนตำรวจ
กลุ่มกลางระดับ 30 ล้าน อัพ ทีโอที แคท เอฟซี, บีอีซี เทโรศาสน, ทีทีเอ็ม พิจิตร, พัทยา ยูไนเต็ด, โอสถสภา เอ็ม 150, การท่าเรือไทย เอฟซี, ราชนาวี ระยอง และ ศรีสะเกษ เอฟซี กลุ่มล่าง 10-20 ล้านบาท มีทีมอย่าง เอสซีจี สมุทรสงคราม, ทหารบก, แบ็งคอก ยูไนเต็ด
ตามปกติ ผลงานของทีมมักจะสอดคล้องกับงบประมาณในการลงทุน ทีมใหญ่ๆ เม็ดเงินหนาๆ มีปัญหาหาซื้อตัวผู้เล่นระดับบิ๊กเนมมาสู่ทีมได้มาก ขนาดของทีมใหญ่ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เยอะกว่า
แต่ปีนี้ทำท่าจะไม่เป็นอย่างนั้นครับ หากมองไปที่ตารางคะแนนหลังจากผ่าน 5 นัด ทีมที่มีงบประมาณการลงทุนในกลุ่มล่างอย่าง เอสซีจี สมุทรสงครามกลับทำผลงานได้อย่างองอาจ สง่าผ่าเผยเหลือเชื่อด้วยการเก็บได้ 12 แต้ม จากชัยชนะ 4 นัด พ่ายแค่นัดเดียว
เป็นผลงานในระดับเดียวกับทีมที่มีการลงทุนร่วมๆร้อยล้าน อย่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, ชลบุรี และเป็นผลงานที่เหนือกว่าทีมฟอร์มใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ หรือ บางกอกกล๊าส ซะด้วย ทั้งที่ก่อนจะเริ่มต้นฤดูกาล พวกเขาถูกวางตำแหน่งไว้ที่จะเป็นทีมที่ต้องหนีการตกชั้น
เอสซีจี สมุทรสงคราม เริ่มต้นฤดูกาลนี้แบบเจียมเนื้อ เจียมตัว พวกเขาไม่ได้มีสปอนเซอร์เงินถุง เงินถัง นักเตะที่สร้างชื่ออยู่กับทีมเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วอย่าง ทรงวุฒิ บัวเพชร, คะนึง บุราณสุข, ทศพร ศรีเรือง ฯลฯ ทยอยออกจากทีมไปอยู่สังกัดใหม่ ที่ใหญ่กว่า เพราะสมุทรสงครามไม่มีความแน่นอนในเรื่องของงบประมาณ
แต่ต้องนับถือหัวใจของ สมชาย ชวยบุญชุม "โค้ชฉ่วย" เอาตัวเองเป็นประกันด้วยการยื่นกู้เงินสวัสดิการของการท่าเรือฯ ที่ตัวเองทำงานอยู่ มาจุนเจือจ่ายเงินเดือนนักเตะในทีมในช่วงที่ยังไม่มีสปอนเซอร์ ซึ่งสายป่านเส้นเล็กๆใกล้จะขาดเต็มที นักเตะบางคนจึงต้องขยับไปหาสโมสรใหม่ที่มั่นคงกว่า ผู้เล่นที่เหลืออยู่ จึงล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่อยู่ด้วยใจ และเชื่อมั่นในความเป็น "ปลาทูคะนอง" จริงๆเท่านั้นว่าจะไปได้ ในที่สุด ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสมุทรสงคราม ก็ถูกต่อออกซิเจน โดยเอสซีจี ที่เข้ามาให้การสนับสนุนด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท
สำหรับทีมใหญ่ เงินแค่นี้อาจจะน้อย แต่สำหรับทีมน้อยๆ อย่างแม่กลอง เงินแค่นี้บันดาลให้พวกเขาพลิกชีวิต "โค้ชฉ่วย"มีอาวุธเพียงพอที่จะเสาะหานักเตะในระดับเกรดบี แต่มีคุณภาพ ที่ทีมอื่นโละออกมาเข้ามาสู่ทีม สร้างทีมในรูปแบบของ "ดรีมทีม" ที่ไม่จำเป็นต้องมีซูเปอร์สตาร์ ใช้ความฟิตและทีมเวิร์ก เอาชนะคู่แข่ง
เชื่อไหมครับ? นักเตะที่เก่งที่สุดของสมุทรสงคราม เงินเดือนสูงสุด 3 หมื่นบาท น้อยกว่านักเตะตัวสำรอง คนที่ 17-18 ของทีมใหญ่อย่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส, บุรีรัมย์ พีอีเอซะอีก
ทุกเกมของ เอสซีจี สมุทรสงคราม สร้างความลำบากใจให้กับคู่ต่อสู้ ด้วยแท็กติกอันยอดเยี่ยมของกุนซือตาปรือรายนี้ ที่เคี่ยวกรำลูกทีม จนเล่นฟุตบอลอย่างเป็นระบบ ดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่จุดเด่นอยู่ที่เกมรับแน่น เสียประตูยาก แล้วสามารถฉวยโอกาสโต้กลับได้ดี
โดยเฉพาะเกมในบ้าน พวกเขาแพ้ยากเหลือเกิน กำลังใจจากแฟนบอลชาวแม่กลองที่แม้จะไม่มากมายมหาศาลเพราะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่ซื้อตั๋วเข้าไปดูนัดละ 3-4 พันคน เป็นแรงผลักดันที่ดี
ผมไม่เชื่อว่า ระยะยาวถึงปลายซีซั่น สมุทรสงครามจะยืนระยะเกาะกลุ่มหัวตารางได้อย่างนี้ เพราะข้อจำกัดเรื่องตัวผู้เล่นที่ในการแข่งขันระบบลีกขนาดทีมต้องใหญ่กว่านี้ ต้องมีตัวสำรองที่ทดแทนตัวจริงได้ใกล้เคียงกันมากกว่านี้ จึงจะทนแรงเสียดทานได้จนจบฤดูกาล
พวกเขาอาจจะเหมือนฮัลล์ ซิตี้, เวสต์แฮม หรือ เบิร์นลี่ย์ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มักจะออกสตาร์ตได้ดีแต่นานๆไปมียุบ "โค้ชฉ่วย"บอกว่า ปีนี้ปลาทูคะนอง มีงบประมาณทำทีมแค่ 15 ล้านบาท ผลงานขนาดนี้ยังไม่ได้อย่างใด เขามองออกว่าควรจะเติมอะไรลงไปอีก หากมีงบอีกสัก 5 ล้านบาท ประกาศแบบไม่ได้โม้ว่า สมุทรสงครามลุ้นแชมป์ได้แน่ ถึงวันนี้แม้จะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าแม่กลองจะไปได้ถึงไหนในซีซั่นนี้
แม้จะเชื่อเหมือนกับที่หลายๆคนเชื่อว่า ออกสตาร์ตดีแค่ไหน ก็ยากที่ เอสซีจี สมุทรสงครามจะไปถึงแชมป์ แต่ก็แอบลุ้นลึกๆอยากให้พวกเขา เป็น "แจ็กผู้ฆ่ายักษ์" สร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการฟุตบอลเมืองไทย พิสูจน์ให้ทีมจนๆได้มีกำลังใจว่า "เงิน" ไม่ได้ซื้อความสำเร็จในเกมฟุตบอลได้เสมอไป
| จากคุณ |
:
narnkata 
|
| เขียนเมื่อ |
:
28 เม.ย. 53 09:03:26
|
|
|
| |
