ความคิดเห็นที่ 1 การจัดทัพเกมสุดท้ายในบ้านของป๋าอเล็กซ์นี้ จัดทัพมาด้วยระบบ 4-4-2 นัยว่าเน้นเกมบุกเพื่อยิงประตูเป็นการเอ็นเตอร์เทนแฟนๆในบ้านนั่นเอง โดยนัดนี้ไม่ได้มีการวางแท็คติคอะไรมากมายระหว่างเกม แต่เหมือนเปิดโอกาสให้ลูกทีมมีอิสระและเล่นตามจินตนาการของตัวเองอย่างเต็มที่ เหมือนเป็นการปลดปล่อยในนัดสุดท้าย เกมนี้ผู้รักษาประตูยังคงเป็นเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ แผงหลังสี่ตัวเป็นชุดใหญ่ ได้แก่แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช และปาทริซ เอวร่า มิดฟิลด์ตรงกลางสองตัวเลือก พอล สโคลส์ และดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ วางไรอัน กิ๊กส์ ลงเลื้อยทางฝั่งซ้าย และหลุยส์ นานี่ทางฝั่งขวา ส่วนคู่กองหน้าเลือกเวย์น รูนี่ย์ และดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ว่ากันถึงซุมม้านั่งสำรองก็เป็นที่ยินดีที่ได้เห็นชื่อปาร์ค ชี ซองคนหนึ่ง ที่เหลือก็มีเบน ฟอสเตอร์, โจนาธาน เอแวนส์, จอห์น โอเชีย, ไมเคิล คาร์ริค, ดาร์รอน กิ๊บสัน และเฟเดริโก้ มาเคด้า สำหรับผู้มาเยือนอย่างสโต๊ค ซิตี้ ที่มีโทนี่ พูลิสกำกับการเล่นอยู่นั้น มีอัสเมียร์ เบโกวิช เป็นผู้รักษาประตู แผงหลังสี่คนประกอบไปด้วย แอนดี้ วิลกินสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์, โรเบิร์ต ฮูธ และ แดนนี่ ฮิกกิ้นบ๊อตท่อม มิดฟิลด์มีรอรี่ ดีแลป, ดีน ไวท์เฮด, เกล็น วีแลน และ แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน ศูนย์หน้ามี มามาดี้ ซิเดเบ้ และ ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ รายละเอียดคงต้องขออนุญาตสงวนสิทธิ์ที่จะพูดถึง เพราะข้อมูลในหัวเกี่ยวกับทีมนี้มีน้อยมากครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:33:55

ความคิดเห็นที่ 2 เกมการเล่นที่เกิดขึ้นในสนามนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นการเปิดเกมบุกของเจ้าบ้านเพื่อเอาใจแฟนๆ แต่ดูเหมือนแฟนๆเองก็มัวแต่ใจจดใจจ่อกับการเงี่ยหูฟังรายงานวิทยุการแข่งขันจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ซะมากกว่าจะลุ้นสนามของตัวเองนะ ยิ่งมีข่าวว่าเชลซีออกนำตั้งแต่ไก่โห่แล้วยิ่งเหมือนเกมในโรงละครจะออกอาการกร่อยอย่างชัดเจน ยูไนเต็ดเจ้าบ้านเดินหน้าเปิดเกมบุกใส่ทีมเยือนแบบเต็มๆ โดยที่ทีมเยือนนั้นเน้นตั้งรับลึกและเพรสซิ่งกดดันในแดนตัวเองอย่างขยันขันแข็ง โดยเกมนี้สโต๊คทิ้งผู้เล่นห้อยไว้ในแดนยูไนเต็ดเพียงสองคนคือ ซิเดเบ้ และฟูลเลอร์ เกมนี้เมื่อเจ้าบ้านเปิดเกมรุกแบบไม่ลืมหูลืมตาและทีมเยือนก็เน้นตั้งรับลึกนั้น ทำให้ผู้เล่นในแนวรุกของเจ้าบ้านได้เล่นเกมรุกอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผมเห็นเลย ไรอัน กิ๊กส์, นานี่, สโคลส์ และ เฟล็ทช์สลับกันเติมกันสอดขึ้นหน้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา แกรี่ เนวิลล์ และปาทริซ เอวร่าก็ช่วยกันเติมทางริมเส้นกันสนุกสนาน โดยที่รูนี่ย์ และเบอร์บาตอฟเองก็ถอยลงมาต่ำสลับกันกับผู้เล่นแดนกลาง การเคลื่อนที่ในเกมรุกวันนี้ หากไม่มองว่าสโต๊คเองเน้นเกมรับมากเกินไปแล้วล่ะก็... คงต้องบอกว่าเป็นการเคลื่อนที่ที่ค่อนข้างรวดเร็ว ลื่นไหล และจัดจ้านดีจริงๆ ผมอยากให้สังเกตการเคลื่อนที่ของรูนี่ย์ และเบอร์บาตอฟในเกมนี้ เพราะเป็นการเคลื่อนที่ที่ลบจุดบอดของปีก่อนและช่วงต้นฤดูกาลได้ดีมากๆ ถ้าจำกันได้นะครับให้นึกภาพเมื่อก่อนหน้านี้ ที่เวลาโดนคู่ต่อสู้มาตั้งเกมรับวางกำแพงสองชั้นป้องกันลงล็อคอย่างแน่นหนา เราจะตื้อทันที และเหมือนจะหาทางเจาะไม่เข้า เพราะจ่ายเข้าไปให้รูนี่ย์ ให้เบอร์บาตอฟก็จะโดนรุมกินโต๊ะจนบอลเสีย หรือเสียจังหวะ โยนเข้าไปก็ติดกองหลังเคลียร์ออกมา ยิงไกลก็ไม่มีจังหวะว่างๆ มักถูกบล๊อคไลน์วางเท้าตลอด ก่อนหน้านี้เราจึงต้องพึ่งมหัศจรรย์แห่งโรนัลโด้กันมากหน่อย พอช่วงต้นซีซั่นที่ไม่มีโรนัลโด้ บางเกมเราจึงดูตื้อๆ แต่เริ่มที่จะปรับหมากหาทางออกได้ดีขึ้นเรื่อยๆจนมาเกมนี้ที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างหน่อยนี่แหละครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:34:09

ความคิดเห็นที่ 3 การเปิดโอกาสให้ลูกทีมมีอิสระในการเล่นมากขึ้นวันนี้ และผสานกับความพยายามในการเคลื่อนที่ลบจุดบอดที่เคยมี ค่อนข้างได้ผลมากทีเดียว รูนี่ย์ และเบอร์บาตอฟไม่ยอมอยู่เป็นเป้าในกรอบให้ถูกรุมกินโต๊ะได้ง่ายๆ กลับมีการถอยร่นลงมาเพื่อเชื่อมเกมตรงแดนกลางมากขึ้น แง่หนึ่งก็เพื่อหนีการประกบจากกองหลังออกมาหาที่ว่างรับบอล แง่ที่สองก็มีประโยชน์ในการดึงตัวประกบออกมาจากพื้นที่สุดท้าย ซึ่งเท่ากับถ่างเกมรับของคู่ต่อสู้ให้มีที่ว่างมากขึ้น แง่ที่สามก็คือสร้างความสับสนให้กองหลังของคู่ต่อสู้ เมื่อศูนย์หน้าถอยออกจากพื้นที่ประจำการแล้วมีผู้เล่นแดนกลางสอดเติมขึ้นไปแทนแบบนี้ การเคลื่อนที่ในเกมต้องยอมรับว่าทำได้ดีมากๆ แต่สิ่งที่ยังขาดไปแบบเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ความเข้าใจกันในการเคลื่อนที่แต่ละคน และความแม่นยำในการออกบอลให้กัน รวมทั้งลูกแอ๊คอาร์ททั้งหลายที่วันนี้แสดงออกมาจากนานี่และกิ๊กส์แทนที่จะเป็นเบอร์บาตอฟ ทั้งนานี่และกิ๊กส์เหมือนจะพยายามเล่นลูกเล่นตลอดเวลาทั้งไขว้หลัง, ข้ามบอล, ส่งคนละด้านกับที่ตามอง หรือแม้แต่พยายามใช้ทริคในการดริบเบิ้ลผ่านคู่ต่อสู้มากเกินไป หากจะมองในแง่ดีก็คือนี่เป็นนัดที่ป๋าอนุญาตให้ปล่อยของได้เต็มที่ หลายคนก็เลยต้องการระบายออกมาบ้าง เพราะถ้าไม่หลอกตัวเองเกินไปนัก ก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าโอกาสที่เชลซีจะพลาดท่าคาบ้านนั้น เกิดได้ยากมากๆ ยิ่งถ้าจับอาการกองเชียร์บนอัฒจรรย์นี่ยิ่งจะเห็นชัดเลยว่าเงียบฉี่ เป็นที่รู้กันว่าที่ลอนดอนคงไม่มีปาฏิหารย์เกิดขึ้น ทำให้พอขึ้นนำไปแล้วผู้เล่นบางคนเลยอยากจะปล่อยของออกจากตัวกันบ้าง เหมือนเป็นการปลดปล่อยสิ่งที่เก็บกดมานาน ความต้องการในการเล่นตามใจอยากที่ถูกกดด้วยแท็คติคและวินัยในการเล่นมาตลอด มันก็จะถูกระบายออกมาตอนนี้แหละครับ ดังนั้นเราจึงเห็นตลอดเลยว่าการเคลื่อนที่ของผู้เล่นถึงแม้จะทำทาง และสอดประสานตำแหน่งแทนกันได้ค่อนข้างไหลลื่น แต่การให้บอลระหว่างกันยังไม่แม่นยำและเข้าใจกันมากพอ จนหลายครั้งกลายเป็นปิดโอกาสจะจบสกอร์ของตัวเองไปซะ แต่ในแง่ดีก็คือ มีน้อยครั้งมากครับที่แต่ละคนจะโวยวายหรือหงุดหงิดกัน หากจะย้อนรอยกันสักนิด ผมพอนึกออกสองจังหวะที่จะจะตาหน่อย จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:34:23

ความคิดเห็นที่ 4 หนึ่งก็คือจังหวะที่นานี่สลัดตัวประกบหลุดขึ้นมาทางสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะปาดเรียดเส้นหลังเข้ามาทางเสาแรกแล้วถูกผู้รักษาประตูป้องกันไว้ได้โดยรูนี่ย์ที่รออยู่ตรงกลางประตูทำสีหน้าแบบว่า อะไรของเมิงเนี่ยอาบัง เปิดเรียดเส้นยังงี้ก็เสร็จโกล์ดิฟะ แล้วนานี่ก็โวยรูนี่ย์คืนทันทีพร้อมทำภาษามือสองข้างชี้นิ้วสวนไขว้กันประกอบด้วยว่า “อารูน อีนี่ลูกนี้นี่ฉานว่านายผิดเต็มประตูนะ อีนี่ลูกนี้นายต้องสลัดตัวประกบสอดมาเสาแรก แล้วปาดหน้าโกล์สะกิดบอลนินาย” เห็นท่าทางเถียงของนานี่แล้วผมก็ขำครับ ประมาณว่าบังน่ะทำของบังถูกแล้ว หมูต่างหากที่เข้าสอดผิดที่ไปเอง ซึ่งผมค่อนข้างพอใจนะครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าในการฝึกซ้อมของเรานั้น มีการฝึกฝนการยืนตำแหน่งและสอดหาที่ว่างทดแทนกันและกัน รวมทั้งฝึกฝนความเข้าใจว่าหากผู้ที่ได้บอลหลุดเข้ามาทางนี้ ตำแหน่งอย่างนี้ ตัวเข้าทำต้องไปรอในจุดไหน (ที่เรียกว่าจุดนัดพบนั่นแหละ) เพียงแต่ว่ามันอาจจะมีให้จดจำกันมากจุดมากตำแหน่งไปหน่อย ในเกมจริงจึงอาจจะสับสนไปบ้าง แต่ผมเข้าใจนะ เพราะผมจำได้ว่าถ้าจังหวะนี้เป็นอันโตนิโอ วาเลนเซียหลุดขึ้นไป วาเลนเซียจะเปิดเรียดกลับเข้ามากลางกรอบ แทนที่จะเปิดเรียดเส้นหลังแบบนานี่ ก็ว่ากันไปครับ ที่เหลือก็ไปเคลียร์กันในสนามซ้อมแล้วกันนะ ส่วนจังหวะที่สองนั้น คือจังหวะที่เบอร์บาตอฟถูกผู้เล่นสโต๊คสอยเอาจนเจ็บ ต้องลงไปนั่งกุมข้อเท้า ก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้น สองมือเท้าพื้นสนามก่อน ค่อยๆยันโก่งบั้นท้ายขึ้นมา ลองทิ้งน้ำหนักดู ค่อยๆยันตัวขึ้น ลองเดิน ลองวิ่งเหยาะๆ ลงน้ำหนักดู ซึ่งอากัปกิริยาทั้งหมดนี้ ไม่พ้นสายตาของรูนี่ย์เลยครับ ตั้งแต่เฮียอาร์ตแกลงไปนอนกุมข้อเท้าแล้วรูนี่ย์ก็เหมือนว่าจะรู้แล้วว่าจะเห็นอะไรต่อไป รูนี่ย์เลยก้มหน้าก้มตาส่ายหัวนิดๆ แล้ววิ่งกลับไปช่วยเกมรับต่อ โดยไม่ได้หยุดตำหนิหรือต่อว่าเบิร์บ นัยหนึ่งก็อาจเป็นเพราะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเบิร์บเป็นแบบนี้ คือค่อนข้างระแวงอาการบาดเจ็บมากกว่าคนอื่น อาจเป็นเพราะว่าตัวเองเป็นนักเตะในสไตล์ที่ไม่ได้มีพละกำลังมากมาย แต่ใช้ทักษะมากกว่า ดังนั้นอาการบาดเจ็บจึงอาจเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าพวกที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายสูง แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็เป็นไปได้ที่รูนี่ย์อาจจะระอา เพราะตัวเองเป็นนักเตะที่พอเสียบอลแล้วจะรีบลุกไปแย่งคืนทันทีนั่นเอง และรูนี่ย์เองนี่แหละที่ออกมาป่าวประกาศให้สโมสรรีบหาดาวยิงระดับโลกมาเพิ่มอีกคน เพื่อแบ่งเบาภาระ คงเพราะรู้ดีว่า สภาพของโอเว่นและเบอร์บาตอฟนั้นไม่สามารถฝืนเล่นได้แบบเต็มที่ได้ยาวตลอดซีซั่นแน่ๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:34:37

ความคิดเห็นที่ 5 ประตูที่เกิดขึ้นในเกมประตูแรกก็คงไม่มีอะไรให้พูดถึงมากมาย เป็นจังหวะที่มีโชคนิดๆผสมอยู่ เมื่อบอลจากลูกเตะมุมมันกระดอนไปมาแล้วมาเข้าทางเฟล็ทเชอร์ที่ยืนคุมเสาแรกอยู่จึงซัดเสยเพดานเข้าไปง่ายๆ ส่วนลูกที่สองก็เกิดจากการประสานงานที่ดี บอลจากเบอร์บาตอฟที่หลุดมาทางซ้ายของกรอบโทษแล้วถูกเปิดเข้ามา นานี่โดดข้ามปล่อยบอลไหลมาถึงทางขวาถึงกิ๊กส์ที่บรรจงสไลด์บอลลอดตัวเบโกวิชเข้าไปง่ายๆ ลูกที่สามนั้นมาเกิดในครึ่งเวลาหลัง ที่รูนี่ย์พาบอลลัดเลาะลุยขึ้นไปถึงเส้นหลังทางฝั่งซ้ายแล้วเปิดยัดเข้ามากลางประตู มีฮิกกิ้นบ๊อตท่อมพุ่งเข้ามาสไลด์บอลทิ้งแต่กลายเป็นเสียบตาข่ายตัวเองซะงั้น หลังจากนั้นยูไนเต็ดก็ส่งกิ๊บสันลงมาแทนสโคลส์ และมาเคด้าแทนเบิร์บ ส่วนสโต๊คก็ส่งแดนนี่ พิวจ์, แดนนี่ คอลลินส์ และซาลิฟ ดิเยาลงมาแทน ไวท์เฮด, ฮิกกิ้นบ๊อตท่อม กับ ซิเดเบ้ ให้หลังอีกไม่นาน รูนี่ย์ก็ส่งสัญญาณเจ็บและขอเปลี่ยนตัว จึงถูกแทนที่ด้วยปาร์ค ชีซอง แล้วลูกที่สี่ก็มาตามนัด เมื่อกิ๊กส์เปิดบอลข้ามมาจากฝั่งซ้ายข้ามนานี่มาถึงปาร์คที่ลอยตอร์ปิโดบกมาแต่ไกลโขกบอลตุงตาข่ายก่อนครบเก้าสิบนาทีไม่นานนัก จากการเปลี่ยนตัวที่เกิดขึ้นนี้ คงต้องบอกว่ากิ๊บสันยังต้องมีงานให้เรียนรู้และพัฒนาตัวอีกมากทีเดียว ทั้งน้ำหนักการให้บอลเพื่อนยังขาดไปเยอะ บอลระยะกลางจ่ายขาดแทบทุกลูก ทั้งการอ่านตำแหน่งคู่ต่อสู้ในทิศทางการจ่ายบอลที่ไม่แม่นยำ บอลที่กิ๊บสันจ่ายระยะยาวจึงมักถูกคู่ต่อสู้พุ่งมาตัดได้กลางทางบ่อยมาก แถมเมื่อถูกตัดบอลได้แล้วยังต้องตั้งสติสักระยะนึงก่อนจะรู้ตัวอีกต่างหาก กว่าจะไปไล่บอลก็ไม่ทันเขาแล้ว เขาไปนู่นนนนนแล้ว เรียกว่าคนละเรื่องกับสโคลส์เลย ส่วนมาเคด้า ผมเห็นว่าเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังคงต้องปรับปรุงทางด้านการอ่านเกมและเลือกไลน์วิ่ง เพราะในเกมชุดใหญ่ กองหลังคู่ต่อสู้เขาเขี้ยวๆและมักอ่านทางของมาเคด้าออกได้ง่าย มาเคด้าต้องเรียนรู้ที่จะหาวิธีตัดสินใจเล่นในจังหวะพวกนี้ให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพกว่านี้ครับ ส่วนปาร์คนั้นไม่ต้องพูดถึง การอ่านเกมของเขาแต่ละซ็อตแต่ละจังหวะยังถือว่าแม่นยำเป็นเบอร์ต้นๆของทีมเรา เพียงแต่จุดอ่อนของเขาคือร่างกายที่เล็กและแรงปะทะมีน้อย ทำให้ถึงแม้จะเลือกตำแหน่งถูก ถึงบอลก่อน แต่ก็ขืนสู้แรงปะทะไม่ไหว นี่เองที่ผมเดาว่าเป็นเหตุผลที่บาเยิร์นให้ความสนใจเขา ถึงแม้ปาร์คจะโดนเบียดกระแทกตลอดเลกแรกจนไปไม่เป็น แต่การที่เขามักอยู่ในจุดที่ได้สัมผัสบอลบ่อยมาก ย่อมแสดงให้เห็นถึงเซนส์การอ่านเกมของเขานั่นเอง จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:34:54

ความคิดเห็นที่ 6 หากจะให้เลือกชื่นชมนักเตะคนไหน ในเกมนี้ผมขอชื่นชมวิดิชกับน้าซาร์สองคนมากเป็นพิเศษ ความเข้าขารู้ใจตอนนี้ระหว่างวิดิชและน้าซาร์นั้น น่าจะเป็นกิ๊กกันได้แล้ว จังหวะที่วิดิชเบียดบังฟูลเลอร์เพื่อเปิดทางให้น้าซาร์เข้ามารับบอลนั้นค่อนข้างได้เปรียบ และบังฟูลเลอร์ให้อยู่ในไลน์เสียเปรียบได้ตลอด ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ผมเห็นจังหวะนี้สองสามครั้งทีเดียวในเกม เล่นเอาฟูลเลอร์ถึงกับเซ็ง และวิดิชต้องออกอาการกับแคล็ตเท่นเบิร์ก เพราะฟูลเลอร์อยู่ในไลน์เสียเปรียบตลอดแต่ไม่เคยหยุดตัวเอง ทำให้น้าซาร์ต้องตีลังกาทุกครั้งซึ่งมันคือการเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ นอกจากสองคนนี้แล้ว รองลงมาก็เป็นรูนี่ย์ที่มีการเคลื่อนที่ทำทางช่วยเพื่อนร่วมทีมได้ค่อนข้างดี และเล่นได้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆมาก ถึงแม้ตัวเองจะมีโอกาสอยู่ในตำแหน่งที่ทำประตูได้น้อยลง แต่เขาก็เต็มใจที่จะทำเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนๆได้ยิงประตูเพื่อทีมได้มากกว่าที่จะเห็นแก่ตัวไว้คนเดียว ทั้งๆที่ตัวเองยังมีลุ้นดาวซัลโวก่อนเกมเริ่มด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ผมค่อนข้างเห็นใจนะครับ รูนี่ย์เองกวาดรางวัลส่วนตัวมาเพียบในซีซั่นนี้ ทั้งของสาธารณชน หรือแม้แต่ของสโมสรเอง หากเจ้าตัวที่ครองผู้นำดาวซัลโวร่วมกับดร็อกบาอยู่ก่อนจะเห็นแก่ตัวและเลือกที่ปักหลักจ้องจะยิงก็คงได้ แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะทำเพื่อทีมก่อน ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะลดทอนโอกาสของตัวเองที่จะได้สับไกลงไปเยอะก็ตาม สิ่งที่ผมเห็นในเกมทำให้ผมนับถือหัวใจรูนี่ย์ยิ่งนัก และหากให้ผมเดา ผมก็คงเดาเอาว่า ไอ้อยากได้น่ะคงอยากได้อยู่หรอก แต่ถ้าทีมไม่ได้แชมป์ซะแล้ว ไอ้รางวัลที่จะไปชื่นชมมีความสุขเพียงคนเดียวมันจะไปมีประโยชน์อะไร เพื่อนๆกำลังเศร้าโศกเสียใจที่พลาดแชมป์ แล้วจะให้เราดีใจมีความสุขที่ได้รางวัลดาวซัลโวทั้งๆที่อีกมุมในใจก็เศร้าที่พลาดแชมป์น่ะรึ เป็นผมผมก็คงทำใจลำบากเหมือนกัน แต่ถ้าหากเราหมดลุ้นแชมป์ไปก่อนหน้านี้สักเกมสองเกมแล้วสิ ผมก็คิดว่าสถานการณ์ตรงนี้อาจจะเปลี่ยนไปครับ รูนี่ย์อาจจะกระหายที่จะคว้าอะไรสักอย่างมาทดแทนการพลาดแชมป์ก็เป็นได้ เพราะมันทำใจเรื่องแชมป์ไปก่อนแล้ว แต่กับเกมนี้ เรายังมีหวังแชมป์ และเพิ่งมาชวดเอาก็ตอนกำลังเล่นในเกมนี่แหละ สถานการณ์มันจึงต่างไป จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:35:15

ความคิดเห็นที่ 7 การพลาดแชมป์ในปีนี้ ถึงแม้ผมจะเสียใจอยู่พอสมควร เพราะอุตส่าห์มีลุ้นมาได้ถึงนัดสุดท้าย และเราก็เพิ่งมาพลาดท่าเสียทีในโค้งสุดท้ายนี่เองถึงสองนัดติดต่อกัน แต่อยากให้ทุกคนได้คิดเหมือนป๋าครับ หนึ่งคือป๋าไม่เคยมองเกมแบล๊คเบิร์นว่าเป็นการพลาด (จากการให้สัมภาษณ์) เพราะมันก็ชดเชยกับที่เชลซีได้พลาดท่าให้สเปอร์สไปพร้อมๆกันแล้ว ป๋าคงคิดเหมือนผม (เหมาเอาเองเนี่ย) ว่า ถ้าเราไม่พลาดเกมกุหลาบ สถานการณ์เชลซีในเกมกับสเปอร์สก็คงเป็นอีกแบบ เชลซีอาจจะทำในสิ่งที่แตกต่างไปก็ได้ และผลลัพธ์มันก็เกินคาดเดา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงตอนนั้นหลังจากเราพลาดให้กุหลาบแล้วมาเฉือนซิตี้ได้ก็คือ เชลซียังมีโอกาสพลาดได้หนึ่งครั้ง ซึ่งเขาก็พลาดไปในเกมสเปอร์สนั่นเอง และหลังจากนั้น เมื่อเขาไม่มีโอกาสพลาดเหลืออีก เขาก็เร่งเอาจนได้จริงๆ ผมเชื่อครับ ว่าถ้าเราเก็บสามแต้มจากอีวู้ด ปาร์คได้ เชลซีก็จะไม่พลาดในเกมสเปอร์สครับ แล้วป๋าเรามองโค้งสุดท้ายว่าอย่างไร แกมองว่าเราพลาดในเกมรับมือเชลซีต่างหาก เรามัวแต่สมาธิแตกซ่านจากการตกรอบบอลยุโรปแบบชอกช้ำระกำทรวงทั้งๆที่นำไปก่อน 3:0 แล้วเราก็ปล่อยให้ความหดหู่นั้นครอบงำเราตลอดเกมครึ่งแรกกับเชลซี ป๋าบอกว่าถึงแม้ผู้ตัดสินจะมีเป่าพลาดไปบ้าง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะเก็บเอามาคิด นั่นคือ ป๋ายอมรับว่าผลการแข่งขันนัดนั้นมันคือการตัดสินแชมป์นั่นแหละครับ ไม่ใช่นัดแบล๊คเบิร์นหรอก ซึ่งผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เรามัวแต่มองผลลัพธ์ระหว่าง เชลซี-สเปอร์ส มากซะจนกลายเป็นให้น้ำหนักเกมที่เราพลาดท่าแบล๊คเบิร์นจนเกินจริงไปมาก ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เกมระหว่างเรากับเชลซีที่เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของการลุ้นแชมป์นั่นต่างหาก ที่เป็นเกมที่เราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะการพลาดเกมนี้ มันเท่ากับส่งให้เชลซีเป็นแชมป์กลายๆนั่นแหละ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:35:38

ความคิดเห็นที่ 8 ว่าถึงเชลซีบ้าง การที่เชลซีได้แชมป์ในปีนี้ ผมก็มองว่าสมควรด้วยประการทั้งปวง และผมคงขอยกเหตุผลที่ทำให้ผมต้องยอมรับเชลซีด้วยความจริงใจมาประกอบ และหวังว่า แฟนๆผีแดงทุกๆท่าน จะคล้อยตามและเลือกที่จะชื่นชมแชมเปี้ยนเชลซี ที่เขาทำได้ดีกว่าเราจริงๆ ดังนี้ 1 เชลซีทำคะแนนได้สูงกว่าเรา อย่าหัวเราะครับ เพราะสถิติมันบอกว่า ตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีกมา ทีมที่ทำคะแนนเหนือเราได้แล้วไม่ได้แชมป์นั้นมีน้อยครั้งมากจริงๆ จนอาจจะพูดได้ว่า หากคุณอยากได้แชมป์ล่ะก็...ทำคะแนนให้สูงกว่าพวกยูไนเต็ดสิ 2 เขาได้ทำในสิ่งที่ผมอยากร้องไห้ นั่นคือยิงประตูเกินร้อยลูก ผมลุ้นให้ทีมรักของผมยิงเกินร้อยมาเป็นสิบปีตั้งแต่เป็นดิวิชั่นหนึ่ง บางปีควรจะยิงได้ แต่ก็หันมาเน้นผลการแข่งช่วงปลายซะก่อน มากที่สุดที่เราทำได้คือ 97 ลูก และผมไม่คิดว่าใครจะทำลายได้นอกจากเราเอง แต่สุดท้ายเป็นลูกทีมอันเช่ ที่ทำไป 103 ประตู ผมยกนิ้วให้เลยครับ 3 ผลงานการเจอทีมในกลุ่มบิ๊กโฟร์ (ที่ไม่ใช่ท็อปโฟร์) เชลซีกวาดเรียบครับ และมันหมายความว่า พวกเขาชนะเราไป-กลับ ซึ่งนั่นก็เหมาะสมแล้ว ที่เขาจะคว้าแชมป์ในปีนี้ไปครอง ใช่ไหมครับ 4 มีดาวซัลโวของลีกอยู่ในทีม ซึ่งเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงครับ 5 สไตล์... บอกตรงๆว่า ก่อนเปิดซีซั่น ผมไม่ได้ให้ราคาเชลซีเลย เพราะจากฟอร์มสองปีล่าสุด นักเตะของเชลซีไม่ได้แสดงคาแรกเตอร์ที่เหมาะสมและคงเส้นคงวา แถมยังเริ่มแก่ขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่ผ่านมาที่ชัดมากๆ แต่พอมาได้อันเชล็อตติ ที่เชี่ยวชาญในการดึงศักยภาพนักเตะได้มากที่สุดคนหนึ่งของโลกมาทำทีม ผมก็เริ่มหวั่นใจ และมันก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ อันเช่สามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับนักเตะ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ดีโดยไม่ทำให้ระบบมันเพี้ยน การครองบอลและการรุกของเชลซีกลับมามีสีสันและจัดจ้าน ดุดัน มากขึ้นเยอะ นักเตะให้บอลเคลื่อนที่มากกว่าจะวิ่งปุเลงๆไปเอง และสุดท้าย ไม่หยุดยิงจนกว่าจะหมดเวลา นี่คือสิ่งผมยอมรับนับถือจริงๆ และคงต้องยอมรับอีกด้วยว่า ไม่ใช่งานง่ายๆเลย ที่จะโค่นบัลลังก์นี้ในปีหน้า แต่เราก็ยังหวังว่าจะทำให้ได้ วันนี้ ผมขอยอมรับคุณอย่างเต็มหัวใจครับ เชลซี คุณเหมาะสมกับแชมเปี้ยนในปีนี้จริงๆ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:36:01

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับซีซั่นหน้า ผมคงตั้งความหวังไว้สูงกว่านี้ เนื่องจากการชวดแชมป์นี้น่าจะกระตุกผู้บริหารสโมสรได้ดี และน่าจะกระตุ้นให้ทีมต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อกู้คืนศรัทธาจากแฟนๆ อย่าปล่อยให้ดีลโรนัลโด้กลายเป็นอากาศธาตุไป อย่าปล่อยให้ราคาคำพูดที่ว่า “เรามีเงิน แต่อเล็กซ์ไม่ต้องการใช้มัน” นั้นกลายเป็นคำพูดที่ไร้ราคา ผมมองว่าการชวดแชมป์ลีกปีนี้ในนัดสุดท้าย และการตกรอบยุโรปแบบน่าเจ็บปวด น่าจะให้เราสำนึกได้เสียที ว่าเราต้องปรับปรุงทีมด้วยความกระหายด้วย และด้วยศักยภาพบ้าง ไม่ใช่ด้วยการเติมเพียงนักเตะมากประสบการณ์แต่ร่างกายไม่ไหว หรือนักเตะที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่กระดูกยังไม่แข็งพอ เราต้องยอมรับความจริงเสียที ว่าซีซั่นนี้ เราไม่ได้เติมทีมให้เพียงพอและไม่ได้มีทีมที่เหมาะสมพอจะคั่วแชมป์สามสี่รายการในปีเดียวครับ ซึ่งปีหน้าก็คงต้องมาดูอีกที ว่าเราจะปรับอะไรในทีมได้บ้าง เพื่อสู้ศึกครั้งหน้า แล้วมาลุ้นกันนะครับ สงบใจ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:36:19

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ แล้วบอลโลกน้าสงบใจจะมาวิพากษ์ทีมไหมมั้ยครับ จากคุณ : HamyLee เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 10:56:16

ความคิดเห็นที่ 11 บอลโลก ถ้าเป็นกิจลักษณะจริงๆ คงไม่ครับ เพราะมีนักเตะหลายคนที่ผมไม่ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง หากไปวิเคราะห์วิจารณ์เข้า ก็อาจเกิดความผิดพลาด ข้อมูลไม่แน่นพอ หรือพูดไม่ตรงจุดได้ครับ แต่ถ้าแมทช์ไหนได้ดู แล้วอยู่ในวิสัยที่ทำได้ ก็อาจจะเขียนถึงนะ เมื่อก่อนเชียร์ ฮอลแลนด์ สมัยน้าแวนยังโลดแล่น แต่ก็ไม่ได้ติดตามต่อ หันมาเชียร์อังกฤษแทนเพราะมีตัวแทนผีแดงยั้วเยี้ยไปหมด ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีแล้ว เลยไม่ได้ติดตามมากนักครับ แต่ถ้าถามว่าจะเชียร์ใคร ก็คงอังกฤษกับสเปนนะ ผมชอบอังกฤษเพราะยังมีกลิ่นอายที่คุ้นเคย นักเตะที่คุ้นตา และชอบสเปนเพราะทรงบอลสวยงาม กับการพลิกชะตาตัวเองได้สำเร็จ หลังจากที่เคยเป็นหมูสนามจริงมาตลอดนั่นเองครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 11:05:58 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:04:48

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ  สำหรับ ข้อเขียน ดีๆๆ ตามอ่านตลอด ยินดีกับ แฟนเชลซี ด้วยครับ   จากคุณ : กล้าชามู (กล้าชามู) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:05:35

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณสำหรับบทวิพากษ์ดีๆครับ เท่าที่ได้ดูเชลซีช่วงหลังที่ยิงระเบิด น่าจะเป็นเพราะอันเช่จับเอามาลูด้าเข้ามาตรงกลาง ซึ่งเจ้าตัวทำได้ดีมากๆ ทั้งแข็งแกร่ง และมีความเร็ว ทำให้เกมสวนกลับช่วงหลังทำได้ดีมากๆ ก็ต้องยอมรับกับความสำเร็จของเค้าในปีนี้ครับ แต่ยังไงก็เชื่อว่า ปีหน้าป๋าจะปรับจูนทีมดาวรุ่งบวกดาวโรยของเราให้กลับมาทวงแชมป์ได้ครับ P.S. ยังมีเรื่องที่น่าภูมิใจอยู่ครับ ถ้าดูจำนวนประตูที่เสียของเราแค่28ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในลีก แม้เราจะแทบไม่เหลือกองหลังให้ใช้งานเลยในหลายๆนัดก็ตาม จากคุณ : gigzy เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:05:38

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากๆนะครับ คุณสงบใจ ที่กรุณาวิเคราะห์หลังเกมส์แข่งแมนฯยูให้แฟนๆได้ตามอ่านกัน  เป็นระยะเวลา 2 ปี มาแล้ว ... ขอบคุณจากใจจริงๆครับ คนเราถ้ารักจะทำ และมีความสุขที่ได้ทำ งานจะออกมาดีแน่นอน และ งานวิเคราะห์คุณสงบใจก็เป็นอย่างนี้ซะด้วย ไม่แปลกครับที่จะมีคนตามอ่านกันมากมาย ... ขอบคุณแมนฯยู  ขอบคุณสต๊าฟทุกคน  ขอบคุณผู้บริหารที่หอกหักและไม่หอกหัก และที่สุด ขอบคุณป๋าครับ ที่ยังมีแรงสร้างแมนฯยูต่อไปให้แฟนๆทั่วโลกได้ลุ้นได้ติดตามในฤดูกาลหน้า และสุดท้าย ขอบคุณเชลซีที่ทำให้แมนฯยูได้มีแรงกระตุ้นอีกครั้งในฤดูกาลหน้า .. และท้ายสุด ขอบคุณ คุณสงบใจที่สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ(ตามความรู้สึกผม) มาให้เรดอาร์มี่เราๆท่านๆได้ ตามอ่านกัน   ขอบคุณจากใจจริงๆครับ ... จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:06:05

ความคิดเห็นที่ 15 เขิลลลล ........  อ่ะครับ   แต่ก็ขอบคุณที่ชื่นชมนะครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:09:24

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ มาให้หอมแก้มทีหนึ่ง ซิ!!!! จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:13:27

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณน้าหงบด้วยนะครับ ติดตามมาตลอดเลย จากคุณ : benher เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:15:21

ความคิดเห็นที่ 18 ^      ^      ^      ^ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:18:57

ความคิดเห็นที่ 19 ถามนิดนึงครับ เชลซีเล่นในบ้านยิงไป 68 ลูก ออกนอกบ้านยิงไป 35 ลูก ทำไมมันต่างกันเกือบเท่าตัวเลยครับ ต้องมีสาเหตุ จากคุณ : benher เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:31:31

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นผู้แพ้ที่ดีมาก ไม่อ้างโน่นอ้างนี่เหมือนบางทีม จากคุณ : ไอ้ก้านยาว เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:55:55

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ คงต้องแสดงความยินดีกับเชลซีจริงๆ ขอให้ป๋าซื้อตัวเจ๋งๆเข้ามาซักตัวสองตัวเถอะ ฤดูกาลหน้าอยากให้แมนยูยิงเป็นร้อยลูกมั่งอ่ะ จากคุณ : นายคิ้วเข้ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:56:29

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเห็นสิ่งหนึ่งที่คงเส้นคงวาตลอด นั่นคือ เบอบาตอฟ ยิงยังไง ก็เหมือนเทพีแห่งโชคจะไม่เข้าข้างเขาสักที เมื่อคืน ไม่ชนคานก็โดนบล็อค T T แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 11:57:54 จากคุณ : ขอบตะวัน เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:56:58

ความคิดเห็นที่ 23 ยินดี กับ เชลซี ด้วยจริงๆ ครับ จากคุณ : ac_boykung เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:58:10

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องในบ้านนอกบ้าน คงต้องดูที่ความรัดกุมของโค้ชด้วยครับ ผมเดาว่าอันเช่ยังใหม่ต่อบอลอังกฤษ ออกนอกบ้านเลยยังไม่กล้าผลีผลาม เพราะไม่รู้ว่าแต่ละทีมเล่นกันยังไง แฟนเป็นไง บรรยากาศเป็นไง อย่างน้อยเล่นบ้านเขา เขามีแรงฮึดมากกว่า กระหายมากกว่า บุกได้มากกว่า ผมว่าต่อให้มีทีมงานทำรายงานละเอียดยังไง ก็ไม่เท่าการรับรู้เรียนรู้ด้วยตัวเอง อันเช่จึงน่าจะลองสังเกตสังกาอย่างจริงจังก่อนสักปีกับเกมเยือนครับ แต่กับเกมในบ้านที่คู่แข่งล้วนมาปิดเกม ตั้งรับแน่น ไม่คิดลุยแหลก มันก็น่าจะทำให้เชลซีครองเกมบดได้สบายๆ รอแค่จังหวะปิดสกอร์อย่างเดียว ซึ่งเราก็เห็นว่า เวลาเชลซีครองเกมได้นั้น เขาเน้นครองในแดนคู่ต่อสู้นะ ถ่ายไปมา สอดรับ เคลื่อนที่ ทดแทน เผลอแป๊บๆ แทงเข้าเขตโทษอีกแล้ว แต่มีอีกแง่มุมนะครับ การเล่นบอลลีกมันสลับกันเหย้าเยือนทีละนัด และวัยวุฒินักเตะเชลซีอาจจะไม่สามารถยืนระยะเล่นเกมเร็วได้ทุกนัด การผ่อนเกมเยือนลงหน่อย จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะเน้นผลบ้าง แล้วยังมีแรงเหลือเก็บมาอัดเต็มที่ในบ้านที่ค่อนข้างมั่นใจ ปล. อันนี้ผมเดานะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 12:01:30 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 11:58:22

ความคิดเห็นที่ 25 คุณสงบใจจะไม่พูดถึงเรื่องซื้อขายตัวผู้เล่นหน่อยเหรอครับ อยากฟัง ^ ^ จากคุณ : kirofsky เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 12:04:38

ความคิดเห็นที่ 26 ยินดีน้อมรับด้วยประการทั้งปวง... ผมแฟนเชลซี. จากคุณ : Mr RAWAI เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 12:09:40

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณคุณสงบใจ สำหรับกระทู้วิพากษ์ที่มีมาให้อ่านตลอดทั้งฤดูกาลครับ ฤดูกาลหน้ามาติดตามลุ้นเชียร์กันต่อครับ จากคุณ : บูรพาอสูร เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 12:17:36

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณป๋าหงบครับ และก็ ยินดีกับแชมป์ด้วย ปีนี้ เรายังไม่ดีพอที่จะคง้าแชมป์ โอกาสมาถึงเรามากมาย แต่ก็ปล่อยให้หลุดมือเองไปหมด จากคุณ : Sifer2002 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 12:48:08

ความคิดเห็นที่ 29 ปกติเวลาแมนยูนำขาดแล้วมักส่งดาวรุ่งลงมาเก็บเวลเสมอๆ ครับ นั่นเป็นเหตุหนึ่งที่มักไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ คือผมไม่ได้ติดตามดูเชลซีเลย อยากทราบว่าเชลซีเค้าเปลี่ยนดาวรุ่งลงมาอย่างเราบ้างรึเปล่าครับ เห็นเกมไหนชนะขาด ก็ขาดกระจุยไปเลย จากคุณ : Eriochrom Black-T เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:02:36

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องซื้อขายนักเตะ ปีที่ผ่านมาผมก็กึ่งๆพลาดมาแล้วนะครับ คือผมเชื่อสนิทใจว่า ดีลของโรนัลโด้ น่าจะทำให้เราได้บิ๊กเนมมาทดแทนการจากไปของเขาและเตเวซได้สักคนสองคน เพราะถ้าไม่ซื้อ ป๋าเองน่ะแหละ ที่จะเป็นเป้าให้ถูกด่า แต่สุดท้าย ป๋าก็ไม่ซื้อ แล้วก็มีกระแสตำหนิออกมาจริงๆด้วย (รวมทั้งจากผม) เพราะผมถือว่า ต่อให้ถูกโก่งก็เถอะ แต่เมื่อมันต้องซื้อ มันก็ต้องซื้อครับ จะมามัวเขียมกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมันก็ไม่ค่อยถูกนัก หากมองว่าริเบรี่ควรมีราคา 25 ล้าน แต่กลับถูกโก่งไปที่ 35 ล้าน (สมมติ) แล้วมันจะคุ้มไหมกับการซื้อตัว ถ้าหากว่าเขาสามารถทำให้เราได้แชมป์ โอเคนั่นมันเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น เรื่องในจินตนาการมันก็สุดแท้แต่จะเป็นความคิดใคร แต่ตอนนี้พอไม่ซื้อก็มานั่งเสียดายกัน ดังนั้น เราควรซื้อแล้วเสียดายเงิน หรือเสียดายที่ไม่ได้แชมป์เพราะไม่ซื้อล่ะ หลายๆคนคงมีคำตอบ สำหรับผม ผมถือว่าเราควรซื้อตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วล่ะ จะเป็นใครก็ตามที เพราะรู้แต่แรกแล้วว่า วาเลนเซียไม่ใช่เครื่องถล่มประตูสำหรับเราแทนที่โรนัลโด้ อบต. ยิ่งแล้วใหญ่ โอเว่นนี่คาดการณ์ไว้เลย ว่าดี แต่คงลงได้เพียงสิบนัดสิบห้านัดจากหกสิบนัดที่ต้องลงแข่ง แล้วนอกนั้นเป็นเด็กทั้งหมด มันจะไหวเร้อ คุณลองหลับตาเอาประตูที่ โรนัลโด้ยิง+เตเวซยิง มารวมกัน คุณจะพบเลยว่า โอเว่นตอบโจทย์ได้แค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเขาเล่นได้หนึ่งนัด พักไปสามแบบนี้ --------------------------------------------------------------------------- มาว่ากันถึงปีนี้ ถ้าไม่ซื้อ คงโบกมือลาถ้วยอีกปีล่วงหน้าได้เลย ปีหน้านี้อันเชล็อตติเขารู้แล้วว่าการเป็นทีมเยือนเป็นอย่างไร เขากำลังจะปรับทัพนักเตะใหม่ตามที่เขาต้องการ เขาจะโละนักเตะสูงวัยออก แทนที่ด้วยตัวที่เขาคิดว่าใช่ แล้วเราจะมาอยู่เฉยๆต่อไปได้หรือไม่ ก็คิดดูเอานะครับ สำหรับผม ตำแหน่งที่ควรต้องหามาในปีนี้ก็คือ 1 แบบด่วนๆประมาณว่าซื้อมาเพื่อแชมป์ นั่นก็คือตำแหน่ง   +++ ตัวรุกข้างหลังกองหน้า ในสไตล์มิดฟิลด์ตัวรุกธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์การเล่นเปิดเกมบุกให้มันลงตัวกว่านี้ ตำแหน่งนี้จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อคุณปรับแท็คติคมาเป็น 4-5-1 หรือ 4-2-3-1 นั่นแหละ กลางรับสองตัวนี่มีล้นทีมแล้ว ไม่ห่วง  แต่ขอกลางรุกแจ่มๆหน่อย ที่สามารถทำเกมรุกได้ ยิงได้ และที่สำคัญเซนส์บอลไปได้กับกองหน้า (เห็นชัดๆนะ กาก้า, สไนเดอร์, เชส, อลองโซ่) พวกนี้อ่ะครับ ขอหน่อย แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเลย ว่าพอทำลายเกมคู่ต่อสู้ได้แล้ว เราก็สามารถต่อเกมรุกเข้าทำสวยๆได้ด้วย ตำแหน่งนี้ขอตัวเดียว ส่วนกำลังทดแทนให้นักเตะในทีมได้เรียนรู้ค่อยๆปรับตัวตามเขาไปก็ได้    +++ ริมเส้นที่ไม่ใช่ ปีก อีกหนึ่งตัว เพื่อตอบโจทย์ในแท็คติคที่ว่าข้างบนนี่แหละ วาเลนเซียไม่ใช่ตัวริมเส้นที่ตอบโจทย์นี้ได้ แต่เขาเป็นปีกที่ตอบโจทย์ 4-4-2 ได้ดี ยังสามารถเก็บไว้เปลี่ยนโจทย์ได้ ตัวริมเส้นที่ว่าถึงนั้นต้องเป็นในสไตล์โรนัลโด้ หรือริเบรี่/ร็อบเบน คือกระชากลากเลื้อยได้ มีความเร็ว มีความสามารถที่จะหุบเข้ามาเล่นตรงกลางได้ดีและยิงจากกรอบโทษได้ดี    -----> สองตำแหน่งนี้ ถ้าได้ซิลบาคนเดียวจบครับ อิอิอิ เจ้าตัวก็อ่อยซะขนาดนั้นแล้ว 2 แบบระยะยาวหน่อย ไม่ใช่เพื่อเฉพาะหน้าปีหน้า แต่เป็นเผื่ออนาคตด้วย    +++ โกล์มือหนึ่งคนใหม่ อันนี้พอเข้าใจนะครับ คุสแซ็ค กับฟอสเตอร์ ดูแววแล้ว ไม่น่ามีบารมีพอจะเป็นมือหนึ่งของเรา แต่ดีพอจะเป็นให้ทีมระดับรองๆลงมาที่ความคาดหวังและความกดดันมีน้อยกว่าได้สบายๆ และปีนี้คาดว่าบิ๊กเบนคงโบกมือลาค่อนข้างแน่ (อคินเฟเยฟ หรือ โยริสคือคนที่ผมเล็งไว้)    +++ กองหน้าคู่รูนี่ย์ เพราะเบิร์บ และโอเว่นไม่ใช่คำตอบระยะยาวแน่นอน ด้วยวัยและสภาพร่างกาย ปีนี้ผมเชื่อว่า ถ้าเราเติมตำแหน่งกลางรุกหรือริมเส้นดีๆได้ กองหน้าใหม่ยังจะไม่จำเป็นครับ สมดุลทีมมันจะปรับเข้าหากันเองได้ แต่ปีนี้ที่เราเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะกองหน้าของเราทำทุกอย่างมากเกินไป จนมีเพียงรูนี่ย์เท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ได้ แต่ถ้าเราเติมตัวรุกดีๆมาช่วยแบ่งเบาแล้ว มันจะช่วยกองหน้าเราได้แน่นอน และถ้ามองระยะยาวสองสามปีข้างหน้า เราควรเติมตัวสดๆฝีเท้าดีๆมาเพิ่ม ถ้าเด็กที่ดันขึ้นมาตอบโจทย์ได้ไม่ดีพอ ผมขอแค่นี้แหละครับ ดังนั้น ปีนี้ถ้างบจำกัดล่ะก็... ขอซิลบาคนเดียวก่อนเลย เป็นตัวกำจัดจุดอ่อนที่มองเห็นได้ชัดๆเลยครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:08:44

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องของเด็กที่ส่งลงมาเก็บเลเวล ผมมองว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ ถึงแม้มันอาจส่งผลให้ยิงประตูยากขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลให้มันขาดลอยขนาดนั้น เพราะเกมของทีมเราปีนี้ก็ไม่ได้มีมากมายนัก ที่เราส่งเด็กลงมายืดเส้นยืดสาย สิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะใช่ มันสืบเนื่องมาจากวัฒนธรรมการเล่นเกมรุกในปรัชญาของเรานั่นแหละ คุณลองตั้งอกตั้งใจพิจารณาเกมรุกของเราให้ดี คุณจะพบว่า การประสานงานที่เกิดขึ้น ร้อยทั้งร้อย มีเพียงสามประการเท่านั้น ที่เป็นจุดที่เกิดประตูให้เรา 1 การขึงเกมคู่ต่อสู้ ของเราจะทำได้เมื่อเจอทีมที่มาตั้งรับ หรือระดับชั้นเป็นรองเรามากหน่อยเท่านั้น และยังเป็นการขึงแบบยืนตำแหน่ง ไม่ใช่การขึงในรูปแบบของอาร์เซน่อล, บาร์เซโลน่า หรือ เชลซี การเคลื่อนที่ทดแทน สอดรับ หรือเติมให้กันสวยๆของเรา พบได้เพียงริมเส้นระหว่างแบ๊คกับปีกเท่านั้น นี่คือเหตุผลหลัก ที่การเซ็ตเกมรุกของเรามักจะถูกบล๊อค หรือดักทางจ่ายได้บ่อยในจังหวะสุดท้าย เพราะการเคลื่อนที่มันถูกคาดเดาได้ง่ายกว่านั่นเอง แต่ในเรื่องนี้ เกมนี้เราทำได้ดีแล้วครับ ผมยอมรับ แต่ก็ยังไม่ลงตัว 2 การสวนกลับเร็ว ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อันนี้เข้าใจได้ง่าย บอลสวนกลับถ่ายบอลสองสามครั้งจบที่ตาข่าย 3 การเล่นเกมรุกเร็ว ที่ไม่ใช่สวนกลับ นึกภาพตามว่า บอลถูกเซ็ตมาจากกลางสนาม ถ่ายมาเรื่อยๆ อยู่ดีๆวูบออกปีก กระชาก เปิดเข้ากลาง เข้าฮอส จบ หรือไม่ก็...ถ่ายบอลขวางสนามไปมา จ่ายทะลุช่องพรวดเดียว ป้ายบอลคืน สอดมารับ จบสกอร์ นี่คือรูปแบบการเข้าทำของเรา ที่ดูให้ดีๆจะพบว่า เราไม่มีแพ็ทเทิร์นเกมบุกด้วยการครองบอลกดดันแบบพวกบาร์ซา หรือเชลซี ประเภทถ่ายบอลวนหนีการเพรสซิ่งไปเรื่อยๆจนโซนเพรสซิ่งระส่ำแล้วก็ฉวยโอกาสเข้าทำทันที ตรงนี้เราไม่มีครับ นี่คือเหตุผลที่บาร์ซ่าและเชลซีทำไมจึงยิงได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะธรรมชาติเกมพวกเขาคือครองบอลหนีการไล่แล้วค่อยๆคืบเข้าแดนคู่ต่อสู้ เคลื่อนที่ทดแทนกันไปทั้งสนามในแดนรุก ดร็อกบาซ้ายมั่งขวามั่ง อาเนลก้าออกมาช่วย มาลูด้าหุบเข้าใน เดโก้เปลี่ยนแกน แลมพ์สอดมารับ คือมันไม่ใช่การถ่ายบอลหนีธรรมดาอย่างเดียว แต่เป็นกลยุทธ์การเคลื่อนที่ในรูปแบบที่ทำให้คู่ต่อสู้หลงตำแหน่งได้ง่าย และสุดท้ายก็โดนลงโทษ แล้วพอเริ่มเขี่ยใหม่ ก็เข้าสู่วังวนเดิมๆ แย่งบอลได้ เคลื่อนที่วนหาช่องไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราใช้กองหน้าเกินบทบาทและศักยภาพที่เขามี เราคาดหวังในประสิทธิภาพที่สูงเกินกว่ากองหน้าส่วนมากจะทำได้ นั่นคือทะลุทะลวง แข็งแกร่ง โหม่งดี ยิงคม หลอกล่อได้ เบียดกองหลังร่วง โอ้โห กองหน้าประเทศไหนจะทำได้มากขนาดนี้ แล้วทีมเรามีรูนี่ย์ที่ทำได้คนนึงแล้วจะหามาเพิ่มอีกมันจะทำได้ง่ายๆไหม กว่ากองหน้าเราจะหนีตัวประกบลงมาเอาบอล พาขึ้นหน้า ทำชิ่ง หาช่อง เบียดกองหลัง แหวกหลุดเข้าไปยิง ทำขนาดนี้แล้วยังไปโทษเบิร์บอีกว่าขาอ่อนตอนยิง ไม่รู้เลยว่าเราใช้เบิร์บเกินสเป็คอยู่นะเนี่ย แล้วโอเว่นนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ทำไม่ได้ขนาดนั้นแน่นอน ผมถึงบอกว่า เราต้องการกลางรุกดีๆที่เป็นธรรมชาติ ถึงจะตอบโจทย์ในแท็คติคที่เราใช้หน้าเดี่ยวได้ครับ เพราะคนนี้จะเคลื่อนที่ได้เป็นธรรมชาติตามเซนส์บอลของเขา เรียกบอล หาช่อง วิสัยทัศน์ในการให้บอลสุดท้ายจะต่างไปจากมิดฟิลด์ที่เรามี ขอเพียงศูนย์หน้าจูนคลื่นเขาได้เมื่อไหร่ รับรองว่าไม่ต้องเหนื่อยเยอะแบบปีนี้อีกแล้ว และคนนี้แหละที่จะทำลายโซนเกมรับคู่ต่อสู้ได้ง่าย นึกถึงสิ่งที่กาก้าเพียงคนเดียวทำกับกองหลังเราสิครับ พอดักไลน์จ่ายไว้พี่แกก็พาบอลพรวดๆเข้าไปแหวกยิงง่ายๆ พอเปลี่ยนมารุมสองรุมสาม พี่แกก็ดึงมาหาแล้วจ่ายคิลเลอร์ออกให้เพื่อนซะงั้น นี่แหละ คือสิ่งที่เราต้องการครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:32:03

ความคิดเห็นที่ 32 สำหรับผม - กองหน้า ที่มีความคม แข็งแกร่ง และความสูง เร็วด้วยยิ่งดี (เบนเซม่า/ตอเรส/เซโก้/ดาเรน เบน) - กองกลาง ที่มีเทคนิคดีทั้งรับและรุก บวกความเร็ว แข็งแกร่ง  (ดิยาร่า/???) - ปีกซ้ายธรรมชาติ ที่มีความเร็ว ลากเลื้อยไปกับบอลได้ (ซิลบา/ริเบรี่/ร็อบเบน) ที่สำคัญก่อนจะกล้าซื้อ ต้องกล้าขายด้วย จากคุณ : นัวร์ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:42:14

ความคิดเห็นที่ 33 #16  *0* จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:43:43

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีครับ ส่วนตัว ยอมรับว่าปีนี้เสียดายไม่น้อยครับที่ไม่ได้แชมป์ ๔ สมัยติดเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ เชลซีพลาดก็หลายหน  เรามีโอกาสนำจ่าฝูงก็หลายหนแต่ก็คว้าไม่ได้ นัดแพ้เชลซีคาบ้านสำคัญจริงๆครับ แต่ก็ยอมรับว่าเชลซีแข็งแกร่งจริงๆ ยิงตั้งร้อยกว่า ชนะบิ๊ก ๔ ไปกลับได้หมด  สมควรเป็นแชมป์แล้ว ไม่ได้แชมป์ปีนี้ ป๋าและพวกเกลเซอร์จะได้มีแรงฮึด เสริมทีมให้ดีกว่าเดิม เพราะเทียบกับเชลซีแล้วขนาดทีมและขุมสำรองเราด้อยกว่า edit : ลบคำถามเกี่ยวกับการเสริมทีมออก เพราะคุณสงบตอบไปแล้ว ^^ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 13:48:28 จากคุณ : SamuDi Knight เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:47:23

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณค่ะคุณสงบใจ ยินดีกับทีมเชลซีและแฟนเชลซีด้วยค่ะ พวกคุณแน่มาก ส่วนแมนยูของพวกเรา .. ลุ้นกันใหม่ฤดูกาลหน้าเนอะ.. จากคุณ : รัศมีจันทร์ดารา เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 13:51:49

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณ คุณสงบใจ สำหรับการวิเคราะห์ วิจารณ์หลังเกมส์ดีๆ แบบนี้นะครับ คอยตามแอบอ่านมานานแระ ส่วนเรื่องเสริมทีม เห็นด้วยกับคุณสงบใจ หมดทุกข้อเลยฮะ ลุ้นๆกัน ฤดูกาลหน้า กันต่อไป ขนาดว่าองค์ประกอบของทีมเรา ดูแล้วด้้อยกว่า เชลซี ป๋าเรา ยังพามาได้ จนลุ้นถึงแมต สุดท้าย ก้อนับว่า ทำได้ดีที่สุดแล้ว ส่วนเชลซี คุณทามได้แบบนี้ก้อสมควรทุกประการ กับแชมป์นี้แล้วจิงๆ จากคุณ : gifie เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:24:41

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณ คุณสงบใจ สำหรับบทวิจารณ์ดีๆครับ ต้องบอกว่าช่วงโค้งสุดท้าย เชลซีดีกว่าจริงๆ ส่วนแมนยูก็ไม่คงเส้นคงวาพอเอง ขอแสดงความยินดีกับเชลซีด้วยครับ ส่วนเรื่องของการเสริมทัพฤดูกาลหน้า ถ้าได้กลางรุกดีๆ เพิ่มอีกซักคน ผมว่าก็พอแล้วมั้ง เพราะตำแหน่งอื่นก็เยอะซะจนต้องขายทิ้งก่อนเท่านั้นแหละครับ ถึงควรจะซื้อใหม่ กลางรุกดีๆตอนนี้ ผมก็มองไปที่ ซิลบา กับ โมดริช สองตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่โอเคเลยครับ หลังจบฟุตบอลโลกแล้ว หวังว่าจะเห็นการเสริมทัพที่ถูกใจแฟนอสูรแดงทั้งหลายนะครับ จากคุณ : outman เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:43:39

ความคิดเห็นที่ 38 .. ขอบคุณ คุณ สงบใจ สำหรับ บทวิพากย์ดี ๆ ตลอดฤดูกาลครับ... อย่างที่คุณ สงบใจ บอก .. เมื่อ ป๋าเฟอร์กี้ ไม่ซื้อนักเตะ ระดับ World Class เข้ามา..และ เพิ่งแต่ รูนี่ย์ เป็นหลัก มากเกินไป..ไม่ใช่ว่า นักเตะไม่ดีพอ หรือ ขุมกำลังไม่มากพอนะครับ..เพราะ รวม ๆ แล้ว ปีนี้ ปีศาจแดง ก็ "ทำได้ดีกว่าที่คาดคิด" แล้วครับ.. เพียงแต่ รูปเกม ในหลาย ๆ เกม มันสะท้อนให้เห็นว่า การผ่านบอล และ การปิดสกอร์ Finishing Passes and Scoring in the final third of the pitch ยังไม่ดีพอจริง ๆ .. พลาดกันง่าย ๆ มากเกินไป บ่อยเกินไป .. ถ้าได้ นักเตะ กองหน้า ระดับ World Class มาอีกคนเดียว ก็พอแล้ว.. กองกลาง ถ้าได้ระดับ ดีพอ ที่จะแทน พอล สโคลส์ และ ไรอัน กิีกส์ ได้ ก็จะเยี่ยม .. ผู้รักษาประตู ต้องหาใหม่ เตรียมแทน น้าซาร์ ได้แล้ว..เบน ฟอสเตอร์ ยังไม่ดีพอครับ!! ปีหน้า 5-6 ทีม บนของ ตาราง ก็คง "เบียด" กันสูสี แบบ ปีนี้ ..หรือ อาจ เข้มข้น ขึ้นก็ได้ .. ถ้าอาร์เซนอล เสริมทีม แมนซิตี้ฯ เสริมทีม..และ หงส์แดง รีเทิร์น ??? เสน่ห์และสีสันของ พรีเมียร์ลีก ปีที่ผ่านมาคือ Twists and Turns ตำแหน่ง ลุ้นแชมป์ ลุ้นที่ 4 และ ลุ้นตกชั้น พลิกไป พลิกมา จนถึง โค้งสุดท้าย.. ปกติแล้ว แมนยูฯ มักจะ run in หรือ เข้าโค้งสุดท้ายได้ดีกว่า ทุก ๆ ทีม แต่ปีนี้ .. ทีมที่เข้าโค้งสุดท้าย ได้ดีกว่า เพื่อน น่าจะเป็น Everton!!! (ถ้าแข่งต่ออีกสัก 2-3 นัด อาจเห็น ทอฟฟี่ แซง หงส์แดง ก็ได้นะ?? ฮ่า ๆๆๆๆๆ..) ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งที่ 19 และ UCL กันใหม่ .. ปีหน้าครับ !! (มีลางสังหรณ์ว่า เชลซี น่าจะ Peak ไปแล้ว จะเริ่ม "แผ่ว" ในปีหน้าแล้วมั้ง??? อิอิ ) จากคุณ : จิตตารมณ์ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 14:49:48

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องการซื้อตัวในปีหน้า ถ้ามีดีล บีย่า-ซิลบา ขึ้นมานี่นะ... ปัญหาในปัจจุบันจบเลย จากคุณ : HamyLee เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:03:16

ความคิดเห็นที่ 40 ผมลืมโมดริชไปได้ไงเนี่ย เป็นดีลที่น่าสนใจ และน่าจะเหมาะมาก ถ้าได้โมดริชมายืนกลางคู่กับคาร์ริคหรือเฟล็ทเชอร์ โดยปรับเล็กๆมายืนในระบบ 4-1-3-2 บ้าง 4-2-3-1 บ้างเพราะเฟล็ทเชอร์นั้นเหมาะจะเป็นตัวสกรีนบอลห้อยหลังมากกว่าจะคุมบอลตรงแดนกลางคอยขับเคลื่อนเกม คาร์ริคนั้นไม่ใช่มิดฟิลด์สไตล์รุกหรือรับอย่างแท้จริง แต่เป็นพวกตัวเชื่อมเกมมากกว่า  จึงไม่แปลก ที่พอปรับมาเล่นในระบบปีนี้แล้วฟอร์มคาร์ริคจะดร็อปไปเยอะ หน้าที่การเชื่อมเกมมันหายไป กองหน้าลงมาต่ำมากจนแทบจะมารับบอลเองอยู่แล้ว หน้าที่ของคาร์ริคจึงเหมือนเป็นเพียงตัวประกอบในแดนกลาง ไม่เหมือนช่วงปีแรกๆที่เขาทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ ตอนนั้นโด้อยู่ เตอยู่ กองหน้าไม่ต้องถอยต่ำ คาร์ริคจึงเดินเกมตรงกลางได้เป็นธรรมชาติกว่า ถ้าได้โมดริชหรือซิลบามาขับเคลื่อนเกมตรงกลางคู่กับคาร์ริคที่เป็นประเภทชอบถ่ายบอลให้บอลระยะสั้นและกลางเป็นหลักอยู่แล้ว ผมว่าน่าจะลงตัวทีเดียว และมันยังมีความสมดุลมากๆอีกด้วย จะปรับตำแหน่งยังไงก็ลงตัวกว่าตอนนี้ เช่น -----------------------------รูนี่ย์------------------------------ ซิลบา/โมดริช-------------สโคลส์--------------------------นานี่ ------------เฟล็ทช์/ฮาร์-----------------คาร์ริค--------------- --------------------รูนี่ย์--------------------เบิร์บ--------------------- นานี่---------------------ซิลบา/โมดริช------------------------อันโต --------------------------เฟล็ทช์/ฮาร์------------------------------- นี่ยังไม่นับริมเส้นที่จะเข้ามาในกรณีที่เงินถึงด้วยนะครับ เอามาลงแทนอันโตหรือนานี่ สลับตำแหน่งกันได้เลย ผมเชื่อว่าการปรับแบบนี้ เราน่าจะได้ทีมที่สมดุลและยืดหยุ่นมากขึ้นเยอะครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 15:07:02 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:03:55

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วในทัศนะของคุณสงบใจ มอง สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ลาส ดิยาร่า โยฮัน กูคุฟฟ์ ที่เคยเป็นข่าวนี่ เป็นอย่างไรบ้างครับ ขอบพระคุณ คุณ สงบใจ และ ยินดีกับเชลซี ด้วยครับ ปล  โดยส่วนตัว อย่างนึงที่ผมสะใจในฤดูกาลนี้ คือ การมาของ นานี่ นักเตะ ที่ผมไม่เคยมองข้ามเลย ไม่รู้จะมากไปมั๊ยถ้าผมคิดว่า นานี่ จะเป็น คีย์แมน ที่พาแมน ยู กระหน่ำ แชมป์ Non stop ในอนาคตครับ จากคุณ : milanello เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:26:41

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับคุณสงบใจ มีเรื่องอยากถามความเห็นก่อนที่อาจจะไม่ได้มีโอกาสคุยกันนานทีเดียว - คุณสงบใจว่า ทีมเรามีโอกาสกลับมาคว้าแชมป์ แซงหน้าเชลซีได้ในฤดูกาลหน้าไหมครับ โดยส่วนตัวคิดว่า ภาพรวมเชลซีไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในช่วงที่เคยได้แชมป์ 3 ปีหลังสุด คือผมว่าบางเกมที่เชลซี ตกเป็นรอง คู่แข่งกลับมาตีเสมอได้ เชลซีมักไปไม่เป็นครับ ผมมองว่าอัลเชล็อตติ การแก้เกมครับ คือถ้าเตรียมมาแล้วเป็นไปตามแผน ทุกอย่างจะไปได้สวยตลอด ตั้งแต่การถล่มทีมบิ๊ก 4 มาได้โดยทีนำไปก่อนตลอด แถมส่วนใหญ๋จะเกมศูนย์ด้วย หรือเกมที่ถล่มคู่แข่ง 7-8 ลูกก็มาจากการวางแผนทีดีตั้งแต่เกมต้นแล้วทำได้เช่นกัน ถ้าอัลเชล็อตติ ยังแก้รายละเอียดตรงนี้ไม่ได้ในฤดูกาลหน้า ผมว่าก็น่าจะมีปัญหาแบบนี้ให้เห็นอีกแน่ครับ เพียงแต่อาจจะน้อยลงไปแล้ว 2. เรื่องอายุตัวผู้เล่น ส่วนใหญ่แกนหลัก 30 ขึ้นหมดแล้วก้ไม่แน่ว่าจะรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้อีกหรือไม่ ที่น่าสังเกตคือตัวผู้เล่นแกนหลักก็ยังมาจากชุดสร้างของมูริยโญ่ทั้งนั้น ซึ่งผมยังไม่ค่อยเห็นนักเตะวัยรุ่นขึ้นมาทดแทนเท่าไหร่ ตรงนี้น่าห่วงครับ ส่วนที่น่าจะดีขึ้นของเชลซีในฤดูกาลหน้าคือ การขาดหายของนักเตะคนสำคัญอย่างเอสเซียง คนนี้น่ากลัวมากครับในความเห็นของผม คือเขาจะกลับมาช่วยทำให้ เชลซีสมดุลดีขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว และอาจจะทำให้เชลซีมีผลการแข่งขันที่มั่นคงมากขึ้น ริคาร์โด คาร์วัลโญ๋ และ โบซิงวา ก็น่าจะทำให้แนวรับเชลซีแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ยิ่งถ้านักเตะแนวรุกฟอร์มยังดีเช่นในฤดูกาลนี้ แล้วก็ยังน่ากลัวและครบเครื่องเหมือนเดิมครับสำหรับเชลซี - คุณสงบใจได้พูดถึง นักเตะที่น่ามาเสริมแล้ว ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะครับ ได้มาตามนั้นก็ใช่ได้เลยทีเดียวครับ แล้วนักเตะทีควรไปจากทีมละครับ คุณสงบใจมีความคิดว่าอย่างไรบ้างครับ โดยเฉพาะแดนกลางและแดนหน้า ได้ขึ้นชื่อว่าเยอะแต่หาคุณภาพเด่นขึ้นมาจริงๆแทบไม่เจอ - คุณสงบใจ มีความเห็นยังไง เกี่ยวกับนานี ครับ เขาจะสามารถพัฒนาตัวเองให้เป็น THE Next Rolnaldo ได้หรือไม่ครับ -สุดท้ายคือ ชุดแข่งของแมนยูในฤดูกาลหน้าครับ มีความเห็นว่ายังไงครับ ส่วนตัวคิดว่า กลับไปใช้ UMBRO ดีกว่าครับ เห็นแล้วเซ็งจริงๆ ยิ่งได้สปอนเซอร์ชื่อดันเป็นมงคลซะงั้น 5555+++ ขอบคุณครับแล้วจะรอติดตามอ่านครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 15:32:46 จากคุณ : Title-PANTIP เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:30:04

ความคิดเห็นที่ 43 พวกนี้ใช้ได้ครับ ไอร์แลนด์นี่เล่นในเกาะสบายๆเลย แต่เอาตามจริงแล้ว ต้องถามไอร์แลนด์ก่อนว่าเต็มใจเปลี่ยนสีเสื้อไหม และอีกข้อคือ ชั้นของเขาผมว่ายังไม่ถึงระดับเวิลด์คลาสนะ ถ้าออกไปซ่านอกเกาะ ต้องลุ้นหน่อยครับ ตรงนี้ถ้าเป็นเฟล็ทช์ที่ชอบทำลายเกมเป็นหลักยังน่าจะทำงานง่ายกว่าเพราะไล่สอยอย่างเดียว ถ้าเทียบกับตัวรุกที่ต้องหนีพวกกองหลังหรือกลางรับระดับเซียนๆ ส่วนดิยาร์ร่า ผมว่าถ้าเราต้องการตัวรับน่ะเป็นคำตอบได้ ในขณะที่กูร์กุฟฟ์ต้องถามต้นสังกัดก่อน ส่วนตัวผมชอบนะ แต่ถ้าจะเอามาเพิ่มเนี่ย ต้องหาคนถูกเลหลังด้วย มุมมองผมคือเอาตัวรุกที่ใช้ได้เลยเข้ามา ซึ่งนั่นไม่กระทบเท่าไหร่ พวกแอนนี่ พอสเซบอน ยังได้เรียนรู้จากเขา แต่ถ้าเอาตัวรับเข้ามาอีกนี่คงต้องโละเยอะ เพราะที่มีใช้มันไม่ใช่ตัวรุกเลยครับ คาร์ริค/เฟล็ทช์/ฮาร์โก้/กิ๊บสัน/แอนนี่เวอร์ชั่นปัจจุบัน พวกนี้มีหนาวแน่ๆ ยิ่งถ้ากองหน้าระดับบีย่ามาเพิ่ม เบิร์บกะโอเว่นนี่งานเข้าทันที ส่วนเด็กกองหน้าคงต้องมีขอย้ายกันมั่ง ------------------------------------------------------------- เรื่องเชลซี อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่ทีมของอันเชล็อตติ และท่าทางเสี่ยหมีจะตบรางวัลอันเช่ด้วยการให้เสริมทีมตามใจชอบ แลกกับการปล่อยนักเตะแก่ๆออกไป ดังนั้นให้สังเกตการเสริมทีมของอันเช่เป็นหลัก ว่ามีโละพวกแก่ๆออกไปไหม เดโก้, บัลลัค, คาร์วัลโญ่, อาเนลก้า ถ้ามีปล่อยออกไป แล้วเสริมได้แจ่มๆ เช่นตอร์เรส, ริเบรี่ แล้วได้เอสเซียงคัมแบ๊คอีก รับรองเลยครับ ว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วเราไม่เสริมทีมสู้ เราอาจจบเกมตั้งแต่กุมภามีนาแน่ๆ ส่วนเรื่องการแก้เกมของอันเช่ ผมว่าเป็นเพราะเขายังไม่คุ้นนักเตะมากพอจะปรับกลางอากาศระหว่างเกมมากกว่าครับ แต่ปีหน้าเป็นปีที่สองแล้วคิดว่าน่าจะดีขึ้น ยิ่งถ้าได้ตัวที่เขาต้องการอาจจะทำได้ดีจริงๆเลยก็ได้ และอย่าลืมว่า บอลสไตล์อันเช่ก็ไม่ต่างกับบาร์ซ่า คือบทจะแพ้มันแพ้ได้เลย เนื่องจากไม่ใช่การทำทีมที่เน้นรัดกุมในการป้องกัน แต่อาศัยการครองบอลกับตัวเพื่อปิดโอกาสการทำเกมรุกของคู่ต่อสู้ หากวันไหนเจาะไม่ได้จริงๆแล้วถูกสวนเจ็บๆก็อาจจะถึงแพ้ได้ เพราะเชลซีไม่ใช่ทีมที่เล่นในแท็คติคที่เน้นการป้องกันเหมือนสมัยจ่ามูคุมทีมในปีหลังๆ ส่วนนักเตะที่ควรออกไปจากทีมเรานั้น หากถามตรงๆ พวกตัวหลักปีนี้ผมอยากให้โอกาสไปก่อน เพราะปีนี้เหมือนเราปรับแท็คติคโดยไม่ได้ดูความถนัดและสไตล์ของนักเตะเลย คาร์ริคไม่มีพื้นที่ให้เล่นเหมือนเดิม ถูกห้อยต่ำตลอด เบิร์บต้องทำงานในสไตล์รูนี่ย์ วาเลนเซียต้องเล่นในระบบมิดฟิลด์ริมเส้น ไม่ใช่ปีก มันเลยเพี้ยนไปหมด แล้วจะหวังอะไรกับฟอร์มของแต่ละคน ที่ป๋าเข็นทีมสภาพนี้มาได้ลุ้นขนาดนี้ผมก็นับถือแล้ว แต่ถ้าจะให้เลือกปล่อยเพื่อคงจำนวนนักเตะที่พอเหมาะเอาไว้ ผมจะเลือกปล่อยกองหน้ากับมิดฟิลด์เด็กๆออกไปบ้าง อาจเป็นสัญญายืมตัว หรือขายโดยมีออปชั่นซื้อกลับ เช่นพวกพอสเซบอน, แอนนี่, อบต., โทซิช, กิ๊บสัน, เว็ลเบ็ค, มาเคด้า, ดิยุฟ เลือกเอาครึ่งหนึ่งปล่อยออกไป เพราะพวกนี้ต้องยอมรับว่ากระดูกยังไม่แข็งพอจะสอดแทรกในทีมชุดใหญ่ ส่วนที่ยังเหลืออยู่ก็ให้เรียนรู้จากตัวดีๆที่เราซื้อเข้ามาครับ สำหรับโอเว่น ถ้าเขาเต็มใจรับค่าจ้างแบบนี้อยู่ ผมก็ว่าไม่เสียหายที่จะเก็บไว้หรอกครับ เบิร์บและคาร์ริคก็ด้วย ถ้าได้ปรับระบบให้กลับมาเอื้อต่อทุกฝ่ายก็เชื่อว่าสองคนนี้จะกลับมาพีคได้อีกครั้ง ส่วนฮาร์กรีฟส์อยากให้เก็บไว้แต่ปรับรายละเอียดสัญญาจะดีกว่า จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:59:36

ความคิดเห็นที่ 44 สำหรับผมแล้ว  ป๋าไม่ต้องซื้อไรมากมายหรอกครับ ดันๆเด็กที่ซื้อมาหน่อย  ดิยุฟงี้  โอแบร์ตองงี้ ผมว่าดันดีๆ  ระดับโลกได้เลยนี่ครับเนี่ย เชื่อใจ และให้โอกาสเด็กบ้างครับ    >,< จากคุณ : หมูอ้วนพุงดำ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 15:59:40

ความคิดเห็นที่ 45 ชุดแข่ง ทำใจแล้วครับ ผมเองชอบ SHARP มากที่สุด แต่ตอนนี้มันกู่ไม่กลับเสียแล้ว เฮ้อ.... ส่วนนานี่ ผมเชื่อเต็มใจเลย ว่าเราได้เล่นในระบบที่คงที่เมื่อไหร่ เขาจะรุ่ง แต่ต้องไม่ใช่วันนี้ซ้าย พรุ่งนี้ขวา มะรืนตัวฟรี อย่างนี้นานี่ปรับตัวตามไม่ทันหรอก เพราะเขาเองยังไม่ได้เคยเล่นอย่างคงเส้นคงวาจนมีความมั่นใจเต็มที่ที่จะแสดงฝีเท้าอย่างมั่นอกมั่นใจเลยครับ ------------------------------------------------------------------------------- ผมเองอยากให้โอกาสเด็กนะครับ ถึงได้ให้ป๋าเติมทีมแค่คนเดียว หรืออย่างมากก็สองคน เพราะเด็กที่จะถูกดันขึ้นมาตอนนี้ สภาพทีมไม่สามารถรองรับในจุดนั้นได้มั่นคงพอ เด็กขึ้นมาเล่นก็ต้องแบกอะไรที่มันเกินศักยภาพมากเกินไป จึงไม่สามารถลงเล่นได้แบบเป็นธรรมชาติและมีความมั่นใจเต็มที่ ผมเชื่อครับว่าถ้าเราเติมทีมได้อย่างพอเหมาะ และเหมาะสม เมื่อทีมมีสมดุลที่ดีและยืดหยุ่นเพียงพอแล้ว ผมเชื่อว่า เมื่อนั้นเด็กที่ถูกดันลงมาจะสามารถตอบสนองต่อระบบทีมและแท็คติคได้ดีกว่านี้ สุดท้ายเด็กก็จะมีความมั่นใจและแสดงผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ครับ เมื่อนั้น การดันเด็กลงสนาม ก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดเต็มที่ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 16:06:31 จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:02:30

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีครับคุณสงบใจ ขอถามสั้นๆว่า คิดยังไงกับฟอร์มของโทซิซที่โคโลญน์ช่วงปลายฤดูกาลครับ ?? ไหวมั๊ยถ้าจะให้โอกาสเค้าเหมือนกับที่ป๋าให้นานี่ จากคุณ : sirpepo เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:10:17

ความคิดเห็นที่ 47 “เรามีเงิน แต่อเล็กซ์ไม่ต้องการใช้มัน” อ่านแล้วเจ็บใจจริงๆ เห็นๆกันอยู่ตั้งแต่ขาย โด้ เตเวซ ออกไปแล้ว แล้วซื้อเกรดcเกรดbเข้ามา ทดแทนกันไม่ได้ สรุป ผมว่าป๋าแกเฮ้าเลี่ยนไปหน่อย ส่วนหลายคนที่อยากให้ปั้นเด็ก ขอให้ได้แชมป์สมัยที่19หนึ่งเดียวของอังกฤษก่อนได้ไหม(โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ) แล้วจะปั้นกี่คนก็เชิญเลย แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 16:22:03 จากคุณ : โจผี เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:19:29

ความคิดเห็นที่ 48 เรื่องโทซิช คงไม่ต่างกับฟอร์ลัน หรือ รอสซี่ แม้แต่ปิเก้ เรื่องแรกคือชะตาวาสนา ปิเก้วาสนาเหมาะที่จะอยู่บาร์ซ่า ปีที่เขาถูกดันขึ้นมากับเรานั้น วิดิชกับริโอไม่ยอมเจ็บไม่ยอมแบน จนสุดท้ายปิเก้รอไม่ไหว ขอย้ายไปบาร์ซ่า ซึ่งดันเขาเป็นตัวหลักแทบจะทันที แล้วเขาก็ได้แชมป์ด้วย แล้วปีนั้นแหละ ที่วิดิชกับริโอเจ็บแล้วเจ็บอีกจนต้องดันเอแวนส์มาเล่นตลอด รอสซี่กับฟอร์ลันและโทซิชมันก้ำกึ่งระหว่างสไตล์บอลอังกฤษเรื่องหนึ่ง และอีกเรื่องคือโอกาสที่ได้เล่น อยู่อังกฤษเวลาและพื้นที่มันไม่อำนวยให้คุณได้ใช้มันมากนัก คุณต้องคิดเร็วทำเร็วและแม่นยำ ไม่งั้นก็ต้องแข็งแกร่งแบบดร็อกบา ถึงจะต่อกรกองหลังแข็งๆได้ดี ซึ่งพวกนี้ รอสซี่-ฟอร์ลัน-โทซิชยังไม่มี ทีนี้ โอกาสที่เราเปิดให้ มันต้องดูว่าผสมผสานกับระบบทีมที่เอื้อต่อเด็กด้วยไหม ถ้าโอกาสกับระบบมันเอื้อ เด็กก็แสดงผลงานออกมาดีได้ไม่ยาก ไม่ว่าระบบลีกมันจะเร็วหรือช้า แต่ปัญหาของเราตอนนี้คือระบบทีมเองยังไม่ลงตัว นานี่เองยังไม่รู้เลยว่าเกมหน้าเขาจะอยู่ซ้ายหรือขวา กิ๊กส์ยังไม่รู้เลยว่าตำแหน่งเขาควรจะเป็นกลางรุกหรือปีกซ้าย คือแง่ดีมันมีที่ว่าทดแทนกันได้หมด แต่แง่เสียคือคุณเค้นประสิทธิภาพมันออกมาได้ไม่เต็มที่หรอก กับผู้ใหญ่คงไม่เท่าไหร่ แต่กับเด็กที่ต้องการความมั่นใจและกำลังใจ มันเหมือนจะไปทำลายขวัญเด็กมากกว่าเมื่อลงไปแล้วทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ มีความผิดพลาดมากกว่าปกติ  ทั้งๆที่ระบบในทีมสำรองมันคงลงตัวแน่นอนว่าใครควรเล่นตรงไหนอย่างไร แต่พอถูกดันขึ้นชุดใหญ่กลับต้องมาลุ้นว่าจะลงตรงไหน เล่นอย่างไร แท็คติคไหน กรูจะเล่นได้เปล่า อย่างโทซิชลงมาก็ละล้าละลัง อบต.ลงมาก็ตัดสินใจไม่ค่อยถูก ไม่เหมือนตอนลงเล่นให้ทีมอื่นในช่วงยืมตัวหรือถูกขายไป เพราะทีมเขาอาจจะลงตัวแล้ว คุณไปก็ลงตำแหน่งที่เจาะจงตายตัว ลงเล่นสม่ำเสมอ ก็ไม่แปลกที่จะเรียกความมั่นใจและฟอร์มกลับมาได้ง่าย (ดูเตเวซสิ ชัดเจนมาก) ผมจึงบอกว่าอันดับแรกคุณจะดันเด็กได้ ระบบทีมคุณต้องลงตัวก่อน เด็กมันจะได้รู้ว่าลงมาทำอะไร ตรงไหน อย่างไร โดยอัตโนมัติ แล้วตรงนั้นล่ะ ถึงจะวัดศักยภาพเด็กได้เต็มๆครับ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:36:15

ความคิดเห็นที่ 49 เออ เป็นคำถามอาจจะยังไม่มีใครเคยถามคุณสงบใจ หรือถามไปแล้วหลายคนอาจไม่รู้ อะไรเป็นแรงบัลดาลใจให้คุณเชียร์ แมนยูไนเต็ดครับ จากคุณ : Title-PANTIP เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:45:28

ความคิดเห็นที่ 50 อะไรเป็นแรงบัลดาลใจให้คุณเชียร์ แมนยูไนเต็ดครับ จากคุณ : Title-PANTIP   เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 16:45:28     ---------------------------------------------------------------------------- อันแรก คำว่า ปิศาจแดง ที่คุณพ่อบอกผม ตอนข่าวกีฬามา ชื่อมัน...เท่ค่อดๆ อันที่สอง ต่อมา คือ ลูกยิงของลี มาร์ติน จากการเปิดของนีล เว็บบ์ ผมจำได้ว่าวันนั้นไปพิษณุโลก คุณพ่อมีงาน ตจว. แล้วหนีบผมไปด้วย แต่ผมเบื่อรอเลยขออยู่โรงแรมนอนรอ แล้วพอดีมีถ่ายทอดสดเกมนั้น ผมเลยได้ดู เป็นการตอกย้ำปิศาจแดงในใจให้ลึกลงไปอีก อันที่สาม คือเกมชิงชนะเลิศคัพวินเนอร์ส คัพ ที่ได้ดูสดๆ (แอบแม่ดู มันดึก) ทำให้รู้ว่าเรารักทีมนี้จริงๆ ไม่ใช่รักเล่นๆนะเฟ่ย เพราะเชียร์เอาจริงมากเลย อันสุดท้าย เชียร์แล้วได้แชมป์สิครับ หลังจากรอมานาน ลุ้นมานาน ถูกลีดส์ปาดหน้า จนเกือบถอดใจ แต่ไม่เคยท้อ สุดท้ายก็สมหวัง ดีใจมากๆ จากเดอะคิงคนนั้นนั่นแหละ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของตำนานยุคนี้ หมดแล้ว จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 17:09:17

ความคิดเห็นที่ 51 แมนยูเราแพ้ภัยตัวเองครับ ถ้าไม่พลาดง่ายๆไปหลายนัด เช่น นัดเจอเบิร์นลี่ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยกันจนนัดสุดท้ายหรอกครับ ปีหน้าเอาใหม่ สู้ๆ จากคุณ : WiseChocolate เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 17:19:08

ความคิดเห็นที่ 52 ออกคห.หน่อยครับ ปีนี้ผมพอใจมากๆหลายเรื่อง แม้จะไม่ได้แชมป์ -รูนี่ยที่พิสูจน์ตัวแล้วว่าเป็นกองหน้าระดับโลก และหากจะรับบทกองหน้าเต็มตัว เขาก็จะยิงระเบิดได้ -อวตารของนานี่ หากปรับการเล่นทางซ้ายได้เท่าเทียมทางขวา จะกลายเป็นอาวุธร้ายแรงของทีมไปอีกหลายปี -วาเลนเซีย ที่แม้จะมีมิติเดียว แต่ประสิทธิภาพสูงล้น -เฟลทเชอร์....กลายเป็นกองกลางยอดเยี่ยมของลีคไปแล้ว!!!! -เอวร่า แบ็คซ้ายระดับโลกเสียที -วิดิช ยังพึ่งได้เสมอ ขอเพียงฟิต -ฟานเดอร์ซาร์ อายุไม่ใช่ปัญหาเสมอไป โกลที่นิ่งและเล่นบอลด้วยเท้าดีที่สุดตั้งแต่เคยมีมาในปวศ.สโมสรเลยก็ว่าได้ -ปาร์ค แสดงให้เห็นว่าเป็นทางเลือกสำหรับเกมใหญ่ และเพิ่มแท็คติคใหม่ให้ทีม ด้วยตำแหน่งกลางตัวรุกที่ทำหน้าที่หลักคือทำลายเกมของเพลยเมคเกอรฝ่ายตรงข้าม -สามผู้เฒ่าของทีมยังพึ่งพาได้เสมอในเกมใหญ่และจังหวะกดดัน -กลุ่มดาวรุ่งที่ดูดีที่สุด นับตั้งแต่หมดยุคคลาส 92 -เฟอรกี้ ที่ยังมีไฟในการล่าความสำเร็จ และปรับเปลี่ยนแท็คติคตามสมัยเสมอ -จิตวิญาณความเป็นนักสู้ของแมนยูที่ยังอยู่ในการยิงประตูท้ายเกม ส่วนที่อยากจะให้ปรับเปลี่ยนในปีหน้า -ตำแหน่งกองหน้า คงถึงเวลาจากกันของเบิร์บ คิดว่าสไตล์แบบนี้ไปเล่นในกัลโช่อาจจะรุ่งกว่านี้ก็ได้ มีข่าวว่ามิลานสนใจอยู่ด้วย -กองกลางตัวรุก หรือกองกลางที่สร้างเกมได้ ตอนนี้สโคลส์โรยเกินแล้ว ส่วนคารคิก็ฟอรมรูด แอนเดอรสันเองก็ไม่รู้ปีหน้าจะรุ่งได้ไหม น่าจะลองหากองกลางชั้นดี ที่ทำเกมได้มาเสริมอีกสักคน -กองหลังที่มีตัวเลือกน้อยเกินไป แต่ปีหน้าได้สมอลลิ่งมา น่าจะมีทางเลือกตอนตัวหลักเจ็บไปมากขึ้น และอาจต้องเริ่มหาตัวแทนริโอได้แล้ว -ตัวแทนของฟานเดอรซาร์ หากหมดสัญญาปีหน้า -ต้องหาผู้ช่วยของเฟอรกี้ ที่เก่งกในด้านแท็คติคมาช่วย โดยเฉพาะเกมยุโรปที่บอลคอนโทรลปีนี้ด้อยลงไปกว่าสมัยมีเคยรอช แต่รวมๆแล้วก็ถือว่าสุดยอดแล้ว เพราะเชลซีปีนี้เจ๋งจริงๆ ต้องซูฮก ส่วนนักตะที่อยากได้นั้น ผมว่าที่มีโอกาสและน่าจะมาด้วยคือ เบนเซม่า ถ้ามาได้จะน่าสนใจมาก รองๆมาก็ เซโก้ โมดริช ซิลบา ถ้าได้มาสักสองคนในทั้งหมดนี้ ปีหน้ามันส์แน่ๆ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 17:32:18 จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 17:25:24

ความคิดเห็นที่ 53 เข้ามาขอบคุณ คุณสงบใจ ที่เขียนบทวิเคราะห์ให้อ่านมาตลอด ถึงผมจะไม่ใช่สาวกผี ผมสาวกเรือใบ แต่ชอบการวิเคราะห์ของคุณ ตรงไปตรงมา ไม่เอียงเหมื่อนคนอ่านข่าวแถวช่อง 3 ตอนเช้าๆ รายนั้นผมรับไม่ได้ ถึงผมจะเป็นแฟนเรื่อใบ แต่ชื่นชอบคุณมากๆ ต้องขอคาราวะ มา ณ. ที่นี่ด้วย ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ ครับ ฤดูกาลหน้าคงมาติดตามการวิเคราะห์ ของคุณต่อ จากคุณ : augie เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 18:41:53

ความคิดเห็นที่ 54 ของผม ผมก็ประทับใจแรกมาจากชื่อเช่นกันครับ แต่จะต่างจากคุณสงบใจ ตรงที่ประทับใจชื่อ MANCHESTER UNITED ครับ เวลาฝรั่งออกเสียงตอนนั้น มันจะฟังแล้วรู้สึกเท่มากๆครับ   ผมเชียร์ครั้งแรกตอนช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ปี1993 ที่สะดุดแรกเห็นคือ แคแรคเตอร์นักเตะในทีมชุดนั้นมันดึงดูดทุกคนเลยครับ คือมันภาวะความเป็นผู้นำ กล้าชนกับคู่แข่ง โวยวายผู้ตัดสินก็ช่วยมารุม ผมว่าใครดูฟุตบอลช่วงนั้นจะรู้สึกได้ ปีเตอร์ ชไมเคิล พอล อินส์ คันโตน่า มีสะดุด นึงคนคือ ไรอันกิ๊กส์ คือหมอนี้ มันเป็นตัวจิ๊ด วัยรุ่นอยู่คนเดียว ลีชาร์ป ดันไม่เห็นแฮะ สงสัยสำรอง แถมชุดสีแดง ถุงเท้าดำ ดูดีมีชาติตระกูลสุดๆครับ คิดถึงสมัยก่อนเลยครับว่า ชุดแมนยูสมัย UMBRO มันดูดีสไตล์คลาสสิค แบบอังกฤษจริงๆ ตอนแรกที่ได้ยินว่าเปลี่ยนเป็นไนกี้ ไอ้เราก็ดีใจ ที่ไหนได้ เฮ้อ......   นี่คือความประทับใจแรกเกี่ยวกับแมนยู แล้วทำให้เป็นแฟนทีมนี้จนถึงตอนนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 18:47:23 จากคุณ : Title-PANTIP เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 18:43:03

ความคิดเห็นที่ 55 "Joe Cole" คือคำตอบสุดท้าย คับ พี่หงบ ถ้าได้ตัวนี้มา เหมือนได้ เกมส์ รุก ออลราวนด์ เลยละ ซ้าย ขวา หน้า หลัง พี่แก เล่นได้หม๊ด ป๋าแพนด้า จัดมาให้ที นะคร๊าบบบบบ จากคุณ : ชายเหวง เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 21:19:40

ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อวานเนตตัดกลางคัน เซ็งเลย ยังไงก็ปีหน้าเจอกันใหม่นะคร้าบ ปล.ยินดีกับเชลซีด้วยนะครับ จากคุณ : yutei เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 22:20:38

ความคิดเห็นที่ 57 นัดสุดท้ายของปีแล้ว เข้ามาขอบคุณสักหน่อยครับ :) อยากบอกอย่างเดียว (เพราะอย่างอื่นคนอื่นพูดไปหมดแล้ว) ผมอยากเห็นนานี่คนแรก ไม่ใช่โรนัลโด้คนที่สอง แค่นี่แหละครับ :D จากคุณ : Skyline_CII เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:14:38

ความคิดเห็นที่ 58 โจอี้ โคล ใช้ได้เลยครับ แหล่มด้วย จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 08:38:33

ความคิดเห็นที่ 59 คิดเหมือนกันว่าต้องการ ประตู กองกลางตัวรุก กองหน้า แต่ขอเพิ่มกองหลังที่ยืนตรงกลางหรือเล่นแบ็คได้อีกตัวครับ เผื่อว่าปรากฎการณ์กองหลังเจ็บยกแผงมันจะกลับมาอีกรอบ จากคุณ : Zero_Fight เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:29:54

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณคุณสงบใจกับบทวิพากษ์ดี ๆ ตลอดฤดูกาลนี้นะคะ ฤดูกาลหน้าลุ้นกันใหม่ เชียร์กันใหม่  และหวังว่าจะได้อ่านกระทู้ดี ๆ แบบนี้ทุกนัดเช่นเคยค่ะ  ^^ จากคุณ : Noey :p เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 12:00:40

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณคุณสงบใจมากๆค่ะ  ชอบอ่านมากๆ เลยค่ะ กระทู้ดีๆแบบนี้ ปีนี้เราไม่ได้ ปีหน้าเาเอาใหม่เน้ออออ ยินดีกับเชลซีด้วยนะคะ จากคุณ : prettybua เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 14:53:58

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณน้าสงบใจ สำหรับการวิเคราะห์ตลอดฤดูกาลด้วยครับ ปีนี้เราไม่แชมป์ ปีหน้าเราก็จะเชียร์ใหม่ เสียดาย  UCL. จริง ๆ พรีเมียร์ก็เสียดาย จากคุณ : jeakja เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 18:18:25

ความคิดเห็นที่ 63 สมบัติผลัดกันชมครับ ปีหน้าว่ากันใหม่ จากคุณ : PEDestrain เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 22:21:59

ความคิดเห็นที่ 64 ปิดฤดูกาลคงคิดถึงกระทู้น้าหงบน่าดูครับ ขอบคุณที่คอยเขียนบทความดีดีให้พวกเราอ่านมาตลอดครับ ขอบคุณจริงๆ จากคุณ : Roo_Ni_Gy เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 08:41:05

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณมากครับป๋าหงบ สำหรัยบทวิเคราะห์ดีๆและเป็นกลาง ที่มีให้ตลอดปี เป็นปีที่น่าเสียดายมากครับ แต่ไม่น่าเสียใจเลย และขอแสดงความยินดีกับเชลซีด้วยครับ คุณเป็นทีมที่ดีกว่าจริงๆในปีนี้  ปีหน้ามาว่ากันใหม่ครับ จากคุณ : คนเมืองชล เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 09:46:45