ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตครับ ผมว่า วินัยและความเขี้ยวครับ รายละเอียดแกดีมากเลย รวมทั้งการยืนตำแหน่งของผู้เล่น คนไหนขอบเขตที่ไหน ไล่โซนได้แค่ไหน ช่วงนี้ต้องไล่หรือไม่ ทำได้ดีครับ มีส่วนที่ทีมฟอร์มดีด้วย เลยดูว่าแกเก่งมาก แต่ต้องยอมรับครับ แกรู้ว่าจังหวะไหนควรเลือกทำอะไร ที่สำคัญส่วนมากแกจะเลือกถูกซะด้วย จากคุณ : อะไรของคุณ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:09:28

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใช่สงบใจ แต่ ของตอบได้ไหมครับ ...... ตอบสั้นๆ เลยว่าเก่ง (เก่ง = มีประสบการณ์ + มองเกมส์ออก + แก้เกมส์เป็น + สนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทีอาจมีผลต่อเกมส์ + ดึงศักยภาพของนักเตะออกมาได้สูงสุด เป็นที่เคารพยำเกรงและคุมนักเตะได้ + จิตวิทยาสูง รับแรงกดดันได้ดี) และองค์ประกอบทีมมีศักยภาพถึงครับ .... ถ้าให้เค้าคุมทีมหนีตายก็ประมาณว่าพาทีมหนีตกชั้นสำเร็จแต่คงพาทีมเป็นแชมป์ไม่ได้เพราะสภาพทีมไม่พร้อมขนาดนั้น ประมาณเนี้ยครับ อีกอย่าง serie A ช่วงเวลานี้ ขั้วอำนาจมันค่อนไปทางอินเตอร์มั้งครับ ใครมาคุมก็เป็นแชมป์ได้ แต่ใน UCL ต้องยอมรับบว่าแกเก่งครับ จากคุณ : Always Red เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:10:06

ความคิดเห็นที่ 3 อยากให้ลองคุมทีม ที่สภาพการเงินหรือจำกัดงบบ้างนะครับ ไม่ใช่ไม่เชื่อมือนะ แต่อยากดูบ้างว่าแกจะจัดการยังไง เพราะแต่ละทีมที่แกคุม เงินถึงทั้งนั้น ทุกอย่างพร้อม หมด แต่ก็อย่างว่าคงเป็นไปได้อยากเพราะ ประวัติการทำงานของแกไม่ใช่ขี้ไก่แล้ว แชมป์UCL สองครั้ง กับสองทีม โพรไฟล์เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย จากคุณ : พริบพรรณดาว เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:14:12

ความคิดเห็นที่ 4 ขอแจมครับ ผมคิดว่าเพราะความฉลาด และการมองเหตุการณ์ข้างหน้าได้แม่นยำนะครับ ซึ่งนอกจากประสบการณ์และศาสตร์แล้ว ผมว่าเป็นพรสวรรค์ของแกเลยทีเดียว         อีกอย่างบุคลิกและท่าทางแกมีส่วนเสริมทำให้นักเตะเกิดความยำเกรง ทำให้เวลาแกสั่งการอะไร นักเตะจะทำตามและมอบใจให้ ทำให้แกวางแผนหรือแก้เกมส์อะไรได้มีประสิทธิภาพครับผม จากคุณ : แมวพันทิป เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:17:10

ความคิดเห็นที่ 5 ^ เรื่องเงินไม่น่าจะเป็นข้ออ้างเพราะแกพิสูจน์แล้วสมัยคุมปอร์โต้ จากคุณ : milchschokolade เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:17:17

ความคิดเห็นที่ 6 ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทีมของตัวเองเล่นได้ดี   และขยัน ทำงานของตัวเองมากกว่าที่ตาเห็น ไม่ใช่แค่สั่งๆนักเตะอย่างเดียว แต่ศึกษาข้อมูลของคู่แข่งอย่างดีแล้วเอามาบอกจุดอ่อนให้ลูกทีม แล้วรวมสปิริตของลูกทีมได้ดี  กระตุ้นลูกทีมให้สู้ได้ดีมาก เค้าบอกไม่อยากได้นักเตะที่เก่งล้นเหลือ แต่อยากได้นักเตะที่เล่นเป็นทีม เล่นตามที่เค้าสั่งได้ ผมเสียดายมาก  กับ เชลซี  ที่เค้ายังไม่ได้ถ้วย UCL แต่ เชลซี ก็กลายเป็นยอดทีมของอังกฤษก็เพราะเค้า แล้วที่สุดยอดที่สุด ตั้งแต่คุมปอร์โต้ รู้สึกจะไม่เคยแพ้เกมส์ลีกในบ้านของทีมที่ตัวเองคุมทั้งหมด  ปอร์โต้ > เชลซี > อินเตอร์ รวมหมด 7 ฤดูกาล *เคยแพ้บาร์ซ่า ในแสตมฟอร์ด บริดจ์ ถ้วย UCL ไม่ใช่เกมส์ลีก เพราะนักเตะเชลซี โดนใบแดง จากจังหวะไปเล่นคนกับเมสซี่ + เทอร์รี่ทำเข้าประตูตัวเอง แล้วปีนี้กับ อินเตอร์   ปราบ เชลซี แชมป์ อังกฤษ อดีตทีมเก่าของเค้า ปราบ บาร์ซ่า แชมป์ สเปน ปราบ บาเยิร์น  แชมป์ เยอรมัน แล้วทีมพวกนี้  นักเตะ ที่เป็นหัวใจของแนวรุก ที่ฟอร์มดีๆทำอะไรอินเตอร์แทบไม่ได้เลยครับ  โดนหยุดอยู่หมดแทบทุกคน ไล่ไปก็  ดรอกบา แลมพ์พาร์ด อดีตลูกทีมสุดรักของเค้า ชาบี้ เมสซี่  กระดิกทำอะไรแทบไม่ได้ ทั้งที่เล่นในบ้านบาร์ซ่า มาจนรอบชิง  โอลิช กับ ร็อบเบน ที่เป็นฮีโร่ ของบาเยิร์นมาตลอด ก็เล่นไม่ออกตามคาด แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 53 08:33:15 จากคุณ : Angelus เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:29:22

ความคิดเห็นที่ 7 เก่งเรื่องจิตวิทยาครับ แกทำท่าทางหยิ่งๆ แบบนั้น เป็นการดึงความกดดันของผู้เล่นมาอยู่ที่โค้ชแทนครับ เวลาทีมแพ้ ทีมฟอร์มตก สื่อก็จะมาเล่นที่โค้ชครับ ไม่ใช่นักเตะ เพราะ บุคลิกของแก มันดึงดูดให้สื่อเขียนข่าวมากกว่า จากคุณ : Game pro เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 08:32:08

ความคิดเห็นที่ 8 ปอร์โต้ เงินน้อย แกยังทำเป็นแชมป์ UCL ได้เลยอะ สุดๆ....ในสนามเมื่อคืน แกเด่น รองจากมิลิโต้เลยนะครับ จากการให้ความสำคัญของสื่อและตากล้อง จากคุณ : dabodabo55 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 09:05:35

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่า มู แกคนละสไตล์กับ เฟอร์กี้ เลยจริงๆอะ เพราะแกเป็นประเภทเก็บทุกเม็ด ทุกรายละเอียด แทบจะบอกเลยว่า นักเตะต้องวิ่งไปที่ไหนบ้าง แต่ เฟอร์กี้ จะเป็นแนว วางแท็คติกมา อธิบายแนวคิดกว้างๆ แล้วปล่อยลงน้ำให้จัดการกันเองมากกว่า ที่เหมือนกันคือ ทั้ง 2 คนนี้ " กล้า " ที่จะเล่นในแท็คติกที่แปลกใหม่ คู่ต่อสู้คาดไม่ถึง ซึ่งผมชื่นชมโค้ชสไตล์นี้มากนะครับ เพราะปัจจุบันหาได้ยากแล้ว ที่เห็นๆอีกคนนึงก็น่าจะเป็น เป๊ป กวาดิโอล่า ที่อาจต่างกันคือ เฟอร์กี้ ชอบวางแผนแบบคาดไม่ถึง เพราะบุคลิกเป็น " นักทดลอง " แต่สำหรับ มูรินโญ่ ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อ " ชัยชนะ " สำหรับ อินเตอร์ ชุดนี้ ผมว่าดูการเล่นมันก็คล้ายๆ แมนฯยู ยุค 2007 - 2009 จริงๆ รับแน่น บอลโต้อันตรายสุดๆ แผงหลังยืนแน่นกันการเจาะทะลุช่อง กลางแย่งบอลได้ก็ออกบอลเร็วไปที่ว่าง ส่วนแนวรุกก็อย่างที่รู้ๆกัน เล่นกันแค่ 2 - 3 คนก็ทำเอากองหลังคู่แข่งหน้ามืดกันเป็นแถว ที่ต่างกันจะเป็น แมนฯยู เล่นเกมรุกได้อันตรายกว่า บุกมันกว่า แต่ อินเตอร์ เหนียวแน่นกว่า ลูกเล่นกวนโอ๊ยคู่แข่งมีเยอะกว่า สุดท้ายก็ขอ สดุดี มูรินโญ่ ครับ... คุณเป็นโค้ชที่ทำงานเพื่อเป็นแชมป์อย่างเดียวจริงๆ จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 09:50:29

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ดูครูแกแต่ละคนสิครับ ลูกศิษท์ตั้งใจแถมมีพรสวรรค์เลยรับมาเต็มๆ ชอบมาดแก เท่มาก จากคุณ : monrol เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 10:17:13

ความคิดเห็นที่ 11 1. ได้ใจลูกทีม ทุกคนที่แกไปคุม ( ใครขบถก็ออกไป ) ลูกทีมแก เต็ม 100% เพื่อแกเสมอ 2. แทคติกที่เก็บทุกเม็ด ละเอียดสุดๆ 3. ลูกทีมหมดไฟ แกกระตุ้นได้ภายในเวลาไม่นาน ตรงนี้เป็นจุดแข็งแกเลย จิตวิทยาสูงมากๆ อันนี้ยังมีปลีกย่อยอีกเยอะมากๆ จากคุณ : เด็กสิงห์ (Gappiatty) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 11:00:21

ความคิดเห็นที่ 12 จะบอกว่าเพราะว่าน้ามูอยู่กับทีมที่พร้อมเงินถึง ก็ไม่ได้นะครับ เพราะคนที่อยู่กับทีมที่พร้อมและเงินถึง ล้มเหลวมาแล้วหลายราย ต้องให้เครดิตแกจริง ๆ เก่งมาก จากคุณ : Killing Me Softly เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 11:03:08

ความคิดเห็นที่ 13 รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง มูริณโญ่ทำการบ้านหนักมาก ดูวีดีโอการเล่นทีมที่จะเล่นด้วยหลายนัดย้อนหลัง วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง วิธีทำเกม วิธีตั้งรับ ทุกอย่าง บุคลิกมูริณโญ่เป็นพวกบ้าควบคุม(Control Freak)ทุกอย่างต้องตามที่แกสั่งเท่านั้น ดังนั้นวิธีตั้งรับ หรือวิธีเข้าทำประตู แกบอกนักเตะหมดครับ สมองระดับแกเห็นจุดอ่อนจุดแข็ง แล้วแกสั่งนักเตะได้ดั่งใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ จากคุณ : Pieces of the Silver Shining เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 11:06:33

ความคิดเห็นที่ 14 "ฝีมือ" และ "จิตใจ"+"จิตวิทยา" ครับ ฝีมือในการวางแทคติก การอ่านเกม การแก้เกม การเปลี่ยนตัว การจัดการทีม จิตใจที่มุ่งมั่น กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว รับมือต่อภาวะกดดันได้ดี จิตวิทยา ที่สามารถบิ้วอารมณ์ให้ลูกทีมฮึดสู้ หรือการไซโคให้ฝ่ายตรงข้ามเสียสูญ มูริญโญ่เรียกว่ามีครบครับ ผจก.ที่ยืนหยัดในระดับนี้ได้จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ให้ครบครับ ลองดูอย่างราฟาละกันครับ ฝีมือดี แต่จิตใจไม่นิ่ง จิตวิทยาไม่ดี จึงทำทีมได้ดีเป็นพักๆ วูบไปวูบมา จากคุณ : โค้วเต๊กซิม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 11:23:58

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าต้องการแชมป์ล่ะก็ เชื่อมูเค้าเถอะ ทุกๆอย่างที่เค้าทำเพื่อชัยชนะอย่างเดียว ไม่ต้องเล่นสวย ไม่ต้องเอนเตอร์เทน ขอแค่ชนะก็พอ คือ ยุคโมเดิร์นฟุตบอล แกเป็นคนที่ทำลายขนบเก่าได้ชัดเจนที่สุด ทั้งสไตล์การคุมทีม และแท๊คติกที่ใช้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันได้ผลค่อนข้างดีกับทุกทีมที่แกคุม ผมว่ายิ่งแกคุมทีมอ่อนแกยิ่งเขี้ยวครับ ต้องเน้นมากขึ้น เหมือนตอนคุมปอร์โต ยิงก่อนได้นี่หายห่วง รับลูกเดียว ยังไงก็ไม่แพ้ ต่อเนื่องมาจนถึงยุคเชลซี และอินเตอร์ ก็ยังแบบเดิม แต่ผมว่าเขี้ยวน้อยลงมาเยอะแล้วนะ ผมว่าที่เค้าเป็น "สเปเชียล วัน" นอกจากลีลา และความสามารถของแกแล้ว ผมว่าไทม์มิ่งของแกมันดีมาก แมตช์สร้างชื่อของแกก็คือตอนเขี่ยแมนยูตกรอบ UCL แถมทีมใหญ่ๆปีนั้นก็ปิ๋วไปเองหมด ก็เลยคว้าแชมป์มาได้ สำหรับผมแล้วเหมือนจังหวะชีวิตของแกมันได้พอดี จากนั้นก้เข้ามาคุมเชลซีสร้างความสำเร็จได้อีกแย่งแชมป์จากแมนยูได้อีก ทีนี้แกก็ฉุดไม่อยู่แล้วครับ จากคุณ : LL cool P เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 11:29:00

ความคิดเห็นที่ 16 โค๊ชเทพ จากคุณ : tonky96 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 11:38:16

ความคิดเห็นที่ 17 รอดูตอนมาคุมาดริดครับ จะได้เห็นรายละเอียดการทำทีมของเดอะสเปเชียลวันอย่างชัดๆซะที ก่อนหน้านี้ดูแบบผ่านๆมาตลอด แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 53 12:30:06 จากคุณ : ซาโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 12:28:58

ความคิดเห็นที่ 18 ปัจจัยความสำเร็จคือเงินครับ เพราะถ้าแกไม่ได้เงินค่าจ้างก็คงไม่ทำงาน อิอิ จากคุณ : โอไซริส เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 13:38:04

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นเพราะโลกยุคปัจจุบันด้วยมั้ง ที่ทำให้มูริญโย่โด่งดังได้ขนาดนี้  ยังมีโค้ชดังๆอีกมากมายที่เก่งพอๆกับเค้าได้ไม่ได้รับการยกย่องเท่านี้ อันเนื่องจากประสบความสำเร็จในยุคที่ไม่Globalisation   อย่างเช่น   มาเชลโล่ ลิปปี้   นำทีมยูเวนตุสเข้าชิงUCL 3 ปีติดต่อกัน  ซึ่งเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก ก็ไม่ได้โด่งดังเท่า มูริญโย่ เลย ออตม่า ฮิตเฟล  ผลงานกับดอร์ทมุน ที่น่าเซอร์ไพร์ พอๆกับ มูริญโญ่ พาปอร์โต้เป็นแชมป์UCL ก็ไม่ได้โด่งดังมาก ตัวอย่างทั้ง 2  ลองไปถามพวกดูบอลใหม่ๆหรือเด็กม.ปลายทั้งหลายสิ เค้าคงไม่รู้หรอกครับ  ในสมองที่เค้ารู้จักก็มีแต่ เฟอร์กี้  มูริญโญ่  ราฟา  หรือพวกที่ปรากฏตามสื่อบ่อยๆ จากคุณ : sutthisan เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 13:55:36

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ก็มันคนละยุค คนละช่วงเวลานี้นะ แต่อย่างลิปปี้ถ้าเป็นคนที่ดูบอลมาในช่วง 4-5 ปี ผมว่ารู้จักหมดแหละ เพราะมีผลงานคุมอิตาลีได้แชมป์โลกด้วย ส่วนในสมัยที่คุมยูเวนตุส แกก็เป็นเต้ยคนหนึ่งของโลกในยุคนั้น ร่วมกับพวก คาเปลโล่ ฮิตเฟลด์ เฟอรกี้ ฟานกัล ตราปัตโตนี่ สกาล่า ฮิดดิ้ง พอช่วงปลายปี 90 ถึงต้นยุค 2000 ที่กระแสอำนาจบอลเริ่มเปลี่ยนจากพวกกัลโช่และบอลละตันมาทางฝั่งอังกฤษ เยอรมัน และสเปนมากขึ้นก็พวก สโคลารี่ เวนเกอร์ เรห์ฮาเก้ล เดลบอสเก้ อันเชล็อตติ อีริคสัน แล้วช่วงที่ผ่านมาก็มีพวก มูริญโญ่ มากัธ เป๊ป มันชินี่ สปัลเล็ตติ ราฟา(?)  ฯลฯ ส่วนพวกที่เตรียมจะรุ่งขึ้นมา ก็คงไม่พ้นพวก บล็องค์ เดชองส์ เปเยกรินี่ รามอส และอีกหลายๆคนที่ดูจะมีแวว มันเป็นยุคๆน่ะ ซึ่งถ้าเก่งจริงก็จะได้รับการยอมรับจากในยุคสมัยนั้นๆเอง จากคุณ : eagle1000 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 15:05:13

ความคิดเห็นที่ 21 คห. 20  คุณ  eagle1000   ผมหมายถึง เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอะครับ  เนื่องจากยุคปัจจุบันเป็นGlobalisation  การติดต่อสื่อสารอะไรก็ทำง่ายๆ  ผิดจากช่วงปี 1990-2000 ซึ่งการติดต่อสื่สารยังลำบากอยู่   ทำให้โค้ชยุคเก่าๆชื่อเสียงดังก็คงเฉพาะในยุโรปเท่านั้น ผิดกับปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จในยุโรปปุ๊ปชื่อเสียงก็ดังไปทั่วได้เนื่องจากGlobalisation จากคุณ : sutthisan เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 15:45:45

ความคิดเห็นที่ 22 ตั้งเป้าหมาย แล้วพยายามเอาชนะตัวเอง...เรามองเห็นน้ามูในแบบนั้นค่ะ จากคุณ : หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 19:47:34

ความคิดเห็นที่ 23 น้ามูแพ้ โรม่า ในเกมลีคในบ้านตัวเองไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ส่วนเรื่องทำไมแกถึงเก่ง คงเพราะแกเคร่งในระเบียบ และ ละเอียดในแทคติกมาก *แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 53 20:58:47 จากคุณ : PanywT เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 20:56:23

ความคิดเห็นที่ 24 #23 ผมแฟนหมาป่า ขอตอบว่าไม่เคยนะครับ คือไม่แพ้ แต่ก็ไม่ชนะเช่นกัน นับเฉพาะเกม เซเรีย อา ที่ ซาน ซิโร่ 2008-09 อินเตอร์ เสมอ โรม่า 3-3 2009-10 อินเตอร์ เสมอ โรม่า 1-1 จากคุณ : il giallorossi เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 21:57:41

ความคิดเห็นที่ 25 ชื่นชมทุกคคห. ว่าแต่ตุณสงบใจตัวจริงไปไหน เหอๆ จากคุณ : M11 3FF เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 01:00:33

ความคิดเห็นที่ 26 มาแล้ววววว... สถานการณ์ไม่ปกติ เข้าออฟฟิศเล่นเน็ตไม่ได้มาอาทิตย์กว่าๆแล้ว แทบลงแดงแหนะครับ ในมุมมองผม สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้มูรินโญ่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ เกิดจากปัจจัยต่อไปนี้ครับ 1 ความที่มีอีโก้สูง อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ทั้งๆที่สมัยเป็นนักเตะก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย ทำให้แกขวนขวายและใฝ่หาความรู้จากที่ต่างๆ ไม่ว่าตำรับตำรา หรือครูพักลักจำสมัยเป็นล่ามบ้าง ผู้ช่วยโค้ชบ้าง ทำให้พอมีความรู้ในศาสตร์ฟุตบอลทั้งทางทฤษฎีจากตำรับตำรา และทางปฏิบัติจากการดูและศึกษาแนวทางของโค้ชแต่ละคนที่แกทำงานด้วย นี่คือสิ่งที่ผมมองว่าเป็นพื้นฐานข้อแรกของแก ที่ช่วยปูทางมาสู่ข้อต่อๆไป 2 ความที่แกไม่มีเซนส์หรือจินตนาการมากพอ และการที่แกไม่สามารถมีประสบการณ์ตรงผ่านสนามฟุตบอลได้มากพอ ทำให้แกต้องดิ้นรนหาแนวทางอื่นมาใช้ในการจัดการทีม ก็ในเมื่อวัตถุดิบที่แกมีคือข้อหนึ่งข้างบน บวกกับความต้องการเอาชนะ และศิลปะในการเป็นหัวหน้าอันเนื่องมาจากการผสมผสานของสไตล์โค้ชแต่ละคนที่แกทำงานด้วยนั่นเอง สิ่งนี้ผสมผสานกันทำให้แกเลือกที่จะบริหารจัดการทีมด้วยการเน้นไปที่แผนการเล่นและระเบียบวินัยในการเล่นเป็นหลัก การเล่นด้วยจินตาการและความคิดสร้างสรรค์ของนักเตะเป็นสิ่งนอกเหนือความเข้าใจของแก ดังนั้นลืมไปได้เลย ทีมของแกต้องเล่นด้วยระบบที่แกวางมาในแต่ละนัดเป๊ะๆ คู่แข่งถูกชำแหละจุดแข็งจุดอ่อนเป็นรายบุคคลด้วยการอดหลับอดนอนดูเทปอย่างเอาเป็นเอาตาย  นี่คือหลักที่แกใช้วางแผนต่อสู้มาตลอด 3 ทีมของแก ต้องเป็นทีมที่มีนักเตะในสไตล์ที่แกเลือกเท่านั้น เพื่อตอบสนองต่อระบบระเบียบและวินัยในการเล่นที่แกวางแผนมาได้อย่างมีศักยภาพเต็มที่ ดังนั้นหากคุณต้องการได้แชมป์และเลือกมูรินโญ่มาทำทีม คุณต้องให้เขาเลือกนักเตะเอง วางแผนเอง แก้เกมเอง นั่นคือจุดที่เขาทำได้ดีที่สุด หากองค์ประกอบทีมยังไม่เอื้อมากพอ การวางแผนและแก้เกมของมูรินโญ่ก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายมากนัก 4 จิตวิทยาในการปกครองทีม ที่แกมักจะดึงโฟกัสทุกๆสายตาให้พุ่งมาที่แกเพียงคนเดียว เป็นการดึงความสนใจออกจากนักเตะ ให้นักเตะสามารถเน้นไปที่เรื่องในสนามได้เต็มที่ นอกนั้น มูจัดการเอง ออกหน้าเอง รับเองทั้งหมด ไม่ต้องไปแหยมลูกทีมของเขา และเมื่อรวมข้อนี้เข้ากับข้อสองเรื่องที่ว่าแกทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้ลูกทีมได้ลงสนามไปเชือดคู่ต่อสู้ให้ได้ง่ายที่สุดนั้น ย่อมบอกได้เลยว่า นี่คงเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องทั่วๆไปใฝ่ฝันจะมี ยกเว้นก็เพียงลูกน้องที่มีหัวอาร์ตติสม์ หรือพวกควบคุมยากนั่นเอง 5 ความกล้าได้กล้าเสีย นี่คือสิ่งที่วัดใจกุนซือได้เป็นอย่างดี ผมกล้าพูดว่า กุนซือที่ไม่กล้าได้กล้าเสีย จะไม่สามารถยิ่งใหญ่ได้ไปกว่ากุนซือที่กล้าได้กล้าเสียหรอก จะหากุนซือคนไหน ในเกมที่ตามหลัง ที่จะกล้าเปลี่ยนตัวลูกทีมจนเหลือกองหลังเพียงสองคน ดันกองหลังคนหนึ่งขึ้นเล่นกองหน้า กลายเป็นมีตำแหน่งกองหน้าในสนามพร้อมๆกันสี่ห้าคนแบบที่มูรินโญ่ทำบ้าง นี่คือหลักๆครับ ที่ผมมองต่อมูรินโญ่ จากคุณ : สงบใจ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 08:58:48

ความคิดเห็นที่ 27 # 24 อย่างนั้นเหรอครับ สงสัยผมจะจำผิด เข้าใจว่า เสมอในบ้านโรม่า แล้วมาแพ้ในบ้านตัวเอง จากคุณ : PanywT เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 22:35:48