ความคิดเห็นที่ 1 ลาห์ม : เราต้องทำให้ได้เหมือนปี 1990 ตอนที่ โลธ่าร์ มัทเธอุส กัปตันทีมชาติเยอรมันชูโทรฟี่แชมป์โลกขึ้นฟ้าที่กรุงโรมเมื่อ 8 ก.ค. 1990 ฟิลิปป์ ลาห์ม จ้องเขม็งทางโทรทัศน์ที่บ้านของเขาแกร์น ส่วนหนึ่งของนครมิวนิค  ตอนนั้น กัปตันทีมชาติอินทรีเหล็กอายุเพียงแค่ 6 ขวบ แต่เขายังจดจำภาพในตอนนั้นได้ติดหูติดตา “แน่นอนที่การวาดภาพของปัตันทีมของผมได้รับการเสริมสร้างจาก โลธ่าร์ มัทเธอุส เป็นอย่างมากด้วย” ฟิลิปป์ ลาห์ม กล่าวออกมา “เขาเป็นคนที่เยี่ยมที่สุดที่ผมเคยเจอมาตอนเป็นเด็ก  แถมเขายังพาทีมคว้าแชมป์โลก  ในสนามมัทเธอุสทำตัวเป็นแบบอย่างอยู่เสมอ แน่นอนที่ผมนำเสนอในรูปแบบเช่นนี้ด้วย” นักเตะเสือใต้คนนี้มองทีมชุดแชมป์โลก 1990 ในขีดสมรรถนะอันโดดเด่นลำดับต่อไป ที่ทีมชาติชุดปัจจุบันคงจะเอาไว้เป็นแนวทางสำหรับบอลโลกที่แอฟริกาใต้ “ทีมในตอนนั้นลงสนามด้วยความคลั่งไคล้ในเกมแบบสุดขั้ว  พวกเขามีความเชื่อมั่นแต่ต้นว่าสามารถคว้าแชมป์ได้  ถ้าพวกเขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง” ลาห์มเอื้อนเอ่ยเอาไว้  “ในเรื่องของคุณภาพเช่นนี้ เราต้องทำให้ได้เหมือนทีมชาติชุดปี 1990  ว่าเราอยากประสบความสำเร็จ” ปัจจุบัน ห์มอาจจดจำชื่อนักเตะชุดดังกล่าวอยู่ในหัวได้ครบครัน ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น  นอกจากมัทเธออุส แล้วก็มีนักเตะอย่าง กีโด บุ๊ควัลด์, อันเดรียส เบรห์เม่ หรือ รูดี้ โฟลเลอร์ ที่สามารถข้ามารับผิดชอบร่วมกับกัปตันทีมเสื้อใต้ “มันฟังก์ชั่นได้กับเราด้วย” ลาห์มคิดเอาไว้  กับ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่, อาร์เน่ ฟรีดริช และ แพร์ แมร์เคชัคเคอร์ น่าจะมีคนในสภานักเตะที่ต้องร่วมรับผิดชอบได้ แต่มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น “กับ โอซิล, โทรอฟสกี้, โครส หรือ มารีน  ในที่สุดปัจจุบันเราก็มีนักเตะที่มีสไตล์อย่างเฮสเลอร์ หรือ ลิตบาร์สกี้” ลาห์มกระตุ้นเอาไว้  “พวกเขาเลี้ยงลูกได้แกร่งในในสถานการณ์ดวลกันแบบตัวต่อตัวนั้น แค่ละคนสามารถเอาชนะคู่แข่งได้” แน่นอนที่สุด ที่กัปตันทีมคนนี้รู้ด้วยว่า ทีมมีอายุน้อยที่สุดนับแต่บอลโลก 1934 เป็นต้นมา ซึ่งแนนอนสิ่งที่ต่างไปจากทีมชาติอินทรีเหล็กชุอื่นๆ ในทัวร์นาเมนต์ คือ การขาดประสบการณ์ ที่ลาห์มมองว่า “นักเตะอย่างชไวน์สไตเกอร์, โพลโดสกี้, แมร์เตซัคเตอร์, ฟรีดริช และผม ที่ลงเตะในทัวร์นาเมนต์มาบ้างแล้ว ต้องทำตัวให้บรรดานักเตะหนุ่มๆ รุ่นน้องให้เห็นเป็นแบบอย่าง” แม้ว่า โอลิเวอร์ คาห์น ผู้ซึ่งออกมาแสดงความกังขาในการนำทีมนั้น  แบ็คชั้นดีคนน้ยังมีความทรงจำในทางบวกอยู่ “ในฐานะนายทวาร แน่นอนที่โอลลี่นำเสนอบทบาทของกัปตันทีมต่างออกไปจากนักเตะเอาต์ฟิลด์  การใช้ชีวิตให้เป็นตัวอย่างต่อทีม  นักเตะอาชีพที่ต้องทำงานหนัก  ในเรื่องเหล่านี้กัปตันทีมต้องเป็นแบบอย่างด้วย” ส่วนการทำงานนั้น ในทีมลาห์มคงไม่ต้องไปกลัวใคร  เพราะในยุคสมัยของ โยกี้ เลิฟ นั้น  ลาห์มเป็นนักเตะที่ได้ลงสนาม 3,356 นาที  ไม่มีนักเตะด๊อยท์ชคนใดทำเท่ากับ ฟิลิปป์ ลาห์ม ผู้ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่กัปตันทีมแทน มิชาเอล บัลลัค ผู้บาดเจ็บ ซึ่ง อูลี่ เฮอเนส ประธานเสือใต้ก็ออกมาหนุนให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ในเรื่องของวินัย ลาห์มทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เกมทีมชาติ 64 นัด  กอลหลังคนนี้แทบไม่ได้ใช้วิธีการที่ไม่แฟร์เลย  ฟาวล์ 37 ครั้ง  รับใบเหลือไปแค่ 5 ใบ การเข้ามาของลาห์ม ทำให้บทบาทการเป็นกัปตันทีมเปลี่ยนแปลงไป “ผมเน้นเรื่องการสื่อสาร  มันเป็นจุดที่ผมมองเห็นว่ามีควารมสำคัญมากเลย  แน่นอนที่ฝีเท้ามีความสำคัญที่สุดตลอดมา  การพูดคุยกันเยอะทำให้เข้าใจกันและป้องกันความผิดพลาด” หลายอย่างที่ทีมคนหนุ่มทีมนี้คงทำไม่ได้ ถ้าพวกเขาอยากประสบความสำเร็จที่โจฮันเนสเบิร์ก “เราฝันไว้เช่นนั้น”  กัปตันทีมร่างเล็กกล่าวออกมา  อย่างน้อยเขาอยากพาทีมทะลุไปถึงรอบลึกๆ เหมือนปี 2006 ที่ลาห์มบอกว่า “รอบรองชนะเลิศเป็นเป้าหมายที่เป็นความจริง” ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง อายุเฉลี่ยทีมชาติเยอรมันในบอลโลก ปี         เจ้าภาพ           อายุเฉลี่ย/ปี               ผล 2010   อาฟริกาใต้              24.96                ? 2006   เยอรมัน                  26.30          อันดับ 3 2002   ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้        28.23           รองแชมป์ 1998   ฝรั่งเศส                  28.23           รอบ 8 ทีม 1994   สหรัฐอเมริกา           29.84           รอบ 8 ทีม 1990   อิตาลี                     27.75          แชมป์โลก 1986   แม็กซิโก                 28.32          รองแชมป์ 1982   สเปน                     26.80           รองแชมป์ 1978   อาร์เยนติน่า             27.43          รอบแบ่งกลุ่มรอบ 2 1974   เยอรมัน                  27.28          แชมป์โลก 1970   แม็กซิโก                 27.81          อันดับ 3 1966   อังกฤษ                   25.60          รองแชมป์   1962   ชิลี                         25.94          รอบ 8 ทีม 1958   สวีเดน                     27.33         อันดับ 4 1954   สวีส                        28.10         แชมป์โลก 1938   ฝรั่งเศส                   26.46          รอบ 16 ทีม 1934   อิตาลี                      26.16         อันดับ 3 Credit : สยามกีฬา สตาร์ซอคเกอร์  คอลัมน์โดย : ช่อคูณ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 11:57:56

ความคิดเห็นที่ 2 สถิติยิงจุดโทษในฟุตบอลโลก เชื่อว่าชั่วโมงนี้ไม่มีกระแสไหนแรงเท่ากระแส ฟุตบอลโลกฟีเวอร์อีกแล้ว คอบอลพันธุ์แท้ทั้งหลายต่างหายใจเข้าหายใจออกเป็นมหกรรมเวิลด์คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้ และต่างนับเวลาถอยหลัง รอชมเกมการแข่งขันเต็มแก่แล้ว นับตั้งแต่มีการนำระบบดวลจุดโทษมาใช้ตัดสินเกมเป็นครั้งแรก ในศึกฟุตบอลโลก 1982 ที่สเปน เป็นต้นมา การยิงจุดโทษกับฟุตบอลโลกก็แทบจะแยกกันไม่ออก ก่อนหน้านี้ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย มีการดวลจุดโทษตัดสินแชมป์โลกกันมาแล้ว 2 ครั้ง คือ บอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งบราซิลยิงเป้าเฉือนชนะอิตาลี 3-2 เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของทัพนักเตะแซมบ้า จากนั้นอีก 12 ปีต่อมา ในศึกเวิลด์คัพหนล่าสุด ปี 2006 ที่เยอรมนี ก็มีการดวลจุดโทษตัดสินแชมป์กันอีกครั้ง ซึ่งปรากฏว่าพลพรรคนักเตะ "อัซซูรี" ทีมชาติ อิตาลี ดวลจุดโทษเอาชนะ "ตราไก่" ฝรั่งเศส 5 ต่อ 3 ส่งผลให้อิตาลีเถลิงแชมป์โลกสมัยที่ 4 แต่หากดูสถิติ "ยิงเป้า" ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งที่ผ่านๆมา นับตั้งแต่ปี 1982 เป็นต้นมา ซึ่งมีการยิงจุดโทษกันทั้งสิ้น 20 ครั้ง จาก 7 ทัวร์นาเมนต์ ปรากฏว่า "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ กลายเป็นทีมที่มีสถิติแย่มากในการดวลจุดโทษในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หลังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการดวลเป้าแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม จากโอกาสทั้งหมด 3 ครั้ง และมีสถิติยิงเข้าเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น "สิงโตคำราม" อังกฤษ ไม่ประสบความสำเร็จเลยในการดวลจุดโทษในศึกฟุตบอลโลก โดยพวกเขาพ่ายแพ้เรียบวุธหมดทั้ง 3 ครั้ง ในฟุตบอลโลกปี 1990, 1998 และ 2006 รวมทั้งยังยิงเข้าเพียง 7 จาก 15 ลูกเท่านั้น โดยครั้งที่ติดตาตรึงใจแฟนบอลมากที่สุด น่าจะเป็นการที่อังกฤษพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษต่อ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนีตะวันตก 3-4 ในเกมฟุตบอลโลก 1990 รอบรองชนะเลิศ ที่อิตาลี ส่งผลให้ทีมสิงโตคำรามชวดเข้าชิงอย่างน่าเสียดาย เชื่อว่าหลายคนคงจำภาพ "เจ้าอ้วนซ่า" พอล แกส คอยน์ อดีตมิดฟิลด์อัจฉริยะของอังกฤษ เดินร้องไห้กลางสนามอย่างไม่อายใคร และมีเซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน กุนซือทีมสิงโตคำรามขณะนั้น เข้าไปปลอบ ได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้น อังกฤษก็ยังพบฝันร้ายต่อเนื่องในการดวลจุดโทษในบอลโลกอีก 2 ครั้ง โดยในเวิลด์คัพปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ซึ่งอังกฤษพ่ายดวลเป้าต่อ "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา 3-4 และในบอลโลก 2006 ทีมสิงโตคำราม ก็พ่ายจุดโทษต่อโปรตุเกส 1-3 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี กลายเป็นทีมที่มีสถิติสวยหรู เมื่อเป็นฝ่ายคว้าชัยทุกครั้งในการดวลเป้า เยอรมนีคว้าชัยครบหมดทั้ง 4 ครั้งในการดวลจุดโทษ คิดเป็น 94 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับทำสถิติยิงเข้าไปถึง 17 จาก 20 ลูก ส่วนทีมที่มีสถิติเป็นอันดับ 2 คือ "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา ที่ชนะดวลเป้า 3 จากทั้งหมด 4 ครั้ง แพ้ไป 1 ครั้ง คิดเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ สถิติการดวลจุดโทษของทีมชาติต่างๆในฟุตบอลโลก มีดังนี้ 1. เยอรมนี ดวลจุดโทษทั้งหมด 4 ครั้ง ชนะ 4 แพ้ 0 คิดเป็น 94 เปอร์เซ็นต์ 2. อาร์เจนตินา ดวลเป้า 4 ครั้ง ชนะ 3 แพ้ 1 คิดเป็น 72 เปอร์เซ็นต์ 3. บราซิล ดวล 3 ครั้ง ชนะ 2 แพ้ 1 คิดเป็น 77 เปอร์เซ็นต์ 4. ฝรั่งเศส ดวล 4 ครั้ง ชนะ 2 แพ้ 2 คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ 5. สเปน ดวล 3 ครั้ง ชนะ 1 แพ้ 2 คิดเป็น 71 เปอร์เซ็นต์ 6. อังกฤษ ดวล 3 ครั้ง ชนะ 0 แพ้ 3 คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ Credit : คุณ El-Ba-Bo www.thaigermanfanclub.com จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 11:58:58

ความคิดเห็นที่ 3 10 ประเด็นอันตรายของทีมชาติเยอรมัน สรุปปัญหา 10 ประเด็น ที่บุนเดสเทรนเนอร์ โยอัคคิน เลิฟ ต้องระวังก็คือ 1. นักเตะชุดปัจจุบัน มีอายุเฉลี่ยประมาณ 25 ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าอ่อนประสบการณืมากที่สุด  นับตั้งแต่ร่วมศึกฟุตบอลโลกในปี 1934  ตัวอย่างนี้ ดูได้จากโธมัส มุลเลอร์ นักเตะดาวุร่งกองหน้าของทีมชาติเยอรมัน ที่ผลงานกับต้นสังกัดเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค มีขึ้นๆ ลงๆ เนื่องจากยังขาดประสบการณ์อยู่มาก 2. สัญญาของนักเตะต้องได้ข้อสรุปเรียบร้อยก่อนการเดินทางไปแอฟริกาใต้ 3. ในทีมชาติชุดนี้ไม่มีผู้นำที่บัญชาเกมเหมือนอย่างที่ มิชาเอล บัคลัค เคยสวมบทบาทนี้มาก่อน ในเรื่องนี้ มัทเธอัส ซามเมอร์ อดีตกองหลังทีมชาติเยอรมัน ชุดแชมป์ฟุตบอลยูโร 1996 ที่ประเทศอังกฤษ  ได้ออกมาห้ข้อสังเกตว่า เมซุต โอซิล มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมันของแวร์เดอร์ เบรเมนนั้น ไม่น่าจะรับบทเป็นผู้นำชี้ทิศทางเกมได้ 4. สไตล์การเล่นของนายประตู มานูเอล นอยเออร์ที่ชอบออกมาตัดบอลนอกกรอบประตูตัวเองนั้น ที่ผ่านมากับทีมราชันสีน้ำเงิน ชาลเก้ 04 ก็มีบ่อยครั้งที่ เมื่อออกมาแล้วก็ผิดพลาด ทำให้ทีมเสียประตูได้ทันที  แต่จะอย่างไรก็ตาม บุนเดสเทรนเนอร์โยอัคคิม เลิฟ ก็ยังให้คำชมน้อยๆ ว่า มานูเอล นอยเออร์ เป็นผู้รักษาประตูยุคใหม่ 5. เจอโรม บัวเต็ง เป็นนักเตะกองหลังเลือดหนุ่มที่มักตัดฟาว์ เสียฟรีคิกอยู่เนืองๆ และเคยยถูกไล่ออกจากเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่รัสเซียมาแล้ว 6. มิดฟิลด์คู่กลางีเป็นไสตล์หมายเลข 8 คู่ คือ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ทำงานคู่กับ ซามิ เคห์คิร่า นั้น  ทั้งสองคนนี้ยังไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน  เกมทดสอบครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนวันจริงก็คือ แมทช์อุ่นเครื่องกับบอสเนียฯ ในคอมแมร์ซบังก์ อารีน่า แห่งเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต 7. นายประตู ทิม วีเซ่ ไม่พอใจที่บุนเดสเทรนเนอร์ โยอัคคิม เลิฟ ตัดสินใจเลือก มานูเอล นอยเออร์ เป็นเบอร์ 1  เขาออกมายอมรับว่า ผิดหวังและไม่พอใจ  แต่ก็ต้องทนกล้ำกลืนด้วยสปิริต โดยมีเป้าหมายือการช่วยกันทำผลงานให้ทีมชาติเยอรมันประสบความสำเร็จ 8. บรรยากาศที่เหงาในเวลมอร์แกรนด์ หากไม่สามารถหากิจกรรมดีๆ มาสร้างสีสันได้  นักเตะก็คงจะอยู่ในอารมณ์เซ็ง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำหน้าที่ในสนามแข่งขัน 9. อารมณ์ของแฟนบอลแอฟริกาใต้ ที่ไม่พอใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเยอรมันที่ตำหนิแอฟริกาใต้ ในเรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย  เรื่องนี้อาจทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นผูกใจเจ็บและเก็บมาแก้แค้น โดยหันไปเชียร์ทีมคู่แข่ง เป็นการกดดันให้เยอรมันต้องแบกรับ 10. การวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและบรรดาเกจิอาจารย์ที่จ้ออยู่หน้าจอทีวี มีสิทธิทำให้นักเตะเด็กหนุ่ม เกิดความหวั่นไหว ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งไปเป็นผลดีต่อเกมเลย credit : สยามกีฬาสตาร์ซอคเกอร์   โดย ก.ป้อหล่วน รูป credit : คุณ July19 จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:00:33

ความคิดเห็นที่ 4 บัลลัคได้ยาดีเมียนุ่งบิกินีอวดหุ่นสยิว ได้ยาใจชั้นดีมีหวังหายไวไม่ธรรมดา มิชาเอล บัลลัค ห้องเครื่อง "อินทรีเหล็ก" พักฟื้นอาการเจ็บข้อเท้าแบบสุดโรแมนติก ควงเมียหุ่นเช้งวับไปนวยนาดริมหาดไมอามี่ แถมแจกอึ๋มกระหึ่มทะเลเมืองลุงแซม โชว์นุ่งบิกินี อวดเนื้อนางนวลเนียน เจออย่างนี้มีหวังสามีดีวันดีคืนชัวร์ป้าด   มิชาเอล บัลลัค กองกลาง เชลซี ดับเบิ้ลแชมป์เมืองผู้ดี ที่เพิ่งประสบโชคร้ายได้รับบาดเจ็บข้อเท้าจนต้องพลาดโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติเยอรมันนำลูกทีมปะทะแข้งในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-11 ก.ค.นี้ ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ดอดขึ้นเครื่องบินไปพักร้อนไกลสบายใจเฉิบถึงชายหาดเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับครอบครัว   ดูเหมือนภาพถ่ายปาปาราซซี่จะฟ้องว่าแม้จะไม่สบายกายนัก เพราะข้อเท้าต้องเข้าเฝือก แต่ บัลลัค ยังพอจะสบายใจได้อยู่ เมื่อได้มาเปลี่ยนบรรยากาศริมทะเล สวมแว่นตาดำนั่งอาบแดดอย่างสุดสำราญ แถมมีวิวดีที่น่ามองมากมาย ทั้งสายลม, แสงแดด, หาดทราย และน้ำทะเลเมืองลุงแซม   ยิ่งไปกว่านั้น ซิโมเน่ ลัมเบ้ ศรีภรรยาของห้องเครื่อง "สิงห์บลูส์" ยังกลายเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ดีๆ สำหรับเจ้าตัวอีกต่างหาก เมื่อคุณเธอนุ่งบิกินีสีขาวเดินนวยนาดอวดความสบึมส์ของเรือนร่างขณะเล่นน้ำทะเล เสมือนหนึ่งเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับสามีโดยเฉพาะ แม้กายจะไม่สบาย แต่ใจของ บัลลัค ก็ยังแช่มชื่นอยู่ได้ด้วยประการฉะนี้นั่นเอง credit : www.soccersuck.com จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:03:40

ความคิดเห็นที่ 5 "ลาห์ม" เยอรมันพร้อมสู้สึกฟุตบอลโลกแล้ว ฟิลิปป์ ลาห์ม ฟูลแบ๊กกัปตันทีมชาติเยอรมนี ยืนยันพลพรรค "อินทรีเหล็ก" ไปทำศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่แอฟริกาใต้ ด้วยความมั่นใจ หลังปิดท้ายการอุ่นเครื่องด้วยการถล่ม บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ผู้มาเยือน 3-1 ที่แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อ 3 มิ.ย. ฟิลิปป์ ลาห์ม ฟูลแบ๊กกัปตันทีมชาติเยอรมนี เผยขุนพล "อินทรีเหล็ก" ไปทำศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ด้วยความสุข และความมั่นใจ หลังเปิดบ้านเชือด บอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ผู้มาเยือน 3-1 ในการเตะอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย ที่แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อ 3 มิ.ย. แบ๊กจาก บาเยิร์น มิวนิค วัย 26 ปี ซึ่งเป็นกัปตันทีมชาติเยอรมนี ชุดทำศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ฉลองการสวมปลอกแขนผู้นำทัพครั้งแรก ด้วยการทำประตูตีเสมอ 1-1 ในแมตช์ล่าสุด หลังก่อนนี้เสียท่าให้ เอดิน เซโก้ ทำประตูส่ง บอสเนียฯ ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ครึ่งแรก และท้ายเกม "อินทรีเหล็ก" ก็ได้อีก 2 ประตู จากการสังหารจุดโทษของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ลาห์ม เผยว่า "ในครึ่งหลังเราสามารถสร้างโอกาสทำประตูได้หลายครั้ง ดังนั้นหลังจบเกมนี้ ทุกคนจึงเดินทางไป แอฟริกาใต้ ด้วยความสุข และความมั่นใจ พวกเราต่างฟิตกันเต็มที่ และโดยส่วนตัว ผมก็ไปเตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยความรู้สึกที่ดี" สำหรับฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ แอฟริกาใต้ หนนี้ เยอรมนี อยู่กลุ่ม ดี ร่วมกับ เซอร์เบีย, กานา และ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นคู่แข่งรายแรกที่จะเจอกันในวันที่ 13 มิ.ย. www.siamsport.co.th จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:06:13

ความคิดเห็นที่ 6 ไกเซอร์ฟร้านซ์ไม่เชื่อเบียร์สอยแชมป์ ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเอร์ อดีตนักเตะระดับตำนานของบาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมัน เปิดเผยว่าตนไม่คิดว่าขุนพล “อินทรีเหล็ก” ชุดนี้ จะประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2010 ในแอฟริกาใต้ได้ เนื่องจากต้องขชาด มิชาเอล บัลลัค จอมทัพกัปตันทีมที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บจนชวดช่วยทีม “เมื่อไม่มีมิชาเอล บัลลัค มันเป็นเรื่องยบากเสมอ” ไกเซอร์ ฟร้านซ์ เผย “ทีมของเราอ่อนแอ เราต้องทำงานหนักสุดๆ เพื่อไปให้ถึงแค่รอบรองชนะเลิศ” กระนั้นก็ดี เยอรมันภายใต้การคุมทีมของ โยอัคคิม เลิฟ ยังโชว์ผลงานได้ดีในนัดอุ่นเครื่องที่แฟร้งค์เฟิร์ต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยการพลิกกลับมาเอาชนะ บอสเนียฯ ถึง 3-1 จึงทำให้ “แดร์ ไกเซอร์” มองว่า แม้จะเล่นได้ไม่สวยงาม แต่ยังคาดหวังจากประสิทธิภาพที่แน่นอนได้ ก่อนแย้มว่า “เราไม่เคยมีศิลปินในสนามเหมือนบราซิล แต่เรามีการร่วมแรงร่วมใจที่ยอดเยี่ยม” Credit : สยามกีฬา สตาร์ซอคเกอร์ จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:07:56

ความคิดเห็นที่ 7 มิโรสลาฟ โคลเซ่ ยอมรับประเมิณสถานการณ์ผิดพลาด" มิโรสลาฟ โคลเซ่ ยังคงต้องค้นหาฟอร์มเก่งของเขาต่อไป  โดยช่วงที่ผ่านมานั้น เขาต้องยอมรับว่า ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยทีมได้เลย  แต่จะอย่างไรก็ตาม นักเตะกองหน้าของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ก็พร้อมที่จะต่อสู้ เพื่อใช้โอกาสที่มีอยู่อย่างเต็มกำลัง "ผมขอยอมรับเลยว่า ได้ประเมิณสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง" มิโรสลาฟ โคลเซ่ วัย 31 ปี ก็ผ่านประสบการณ์เวทีฟุตบอลโลกมาแล้ว ไม่ว่าปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หรือปี 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพเอง  ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับการปรับตัวเพื่อเข้าสู่ฟอร์มที่ต้องการ "ในความเป็นจริงที่เชื่อมั่นนั้น ผมไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรใหม่  แต่สิ่งที่ต้องทำให้ได้ ก็คือ ความรู้สึกที่ดีขึ้นสำหรับการทำงานร่วมกับทีม  ในเรื่องนี้ผมคิดเอาเองว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่เอาเข้าจริงกลับทำไม่ได้" ช่วงเวลาของการฝึกซ้อมร่วมกับทีมนั้น มิโรสลาฟ โคลเซ่ พร้อมกับเพื่อนนักเตะ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค อีก 6 คน เข้ามาสมทบทีมในภายหลัง เนื่องจากต้องทำหน้าที่ในเกมชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ต้นสังกัด เอฟซี บาเยิร์น มิวนิค ทำให้มีเวลาน้อยมากสำหรับการเรียนรู้ระหว่างกัน  ดังนั้น มิโรสลาฟ โคลเซ่ จึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก  โดยในช่วงพักหลังจบเกมกับบอสเนีย และ เฮอร์เซโกวีนา ที่นักเตะทุกคนได้รับอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนกับครอบครัวในช่วงสั้นๆ  ห้วงเวลานี้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ต้องเคี่ยวตัวเองด้วยการวิ่งรีดเหงื่อ รวมทั้งสิ้น 3 พีเรียด ทั้งนี้เพื่อเติมความฟิต โดยเจ้าตัวได้บอกว่า "ผมจำเป็นต้องเรียกสปีดต้นกลับคืนมาโดยเร็ว และจะต้องกลับมากระหายในเกมให้ได้ เพื่อที่หวนคืนสู่เกมของผมที่เคยทำได้" สำหรับบุนเดสเทรนเนอร์ โยอัคคิม เลิฟ นั้น ยังมั่นใจในศักยภาพของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดในฟุตบอลโลก 2006 โดยหมายมั่นปั้นมือที่จะจัดเป็นตัวจริงในเกมเจอกับออสเตรเลีย วันที่ 13 มิถุนายน นี้  เลิฟยังปักใจที่ให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ลงเล่นทั้งๆ ที่คาเคาของ "ม้าขาว" สตุ๊ตการ์ทนั้น ทำผลงานดีได้อย่างต่อเนื่อง credit : สยามกีฬาสตาร์ ซอคเกอร์  โดย : ก.ป้อหล่วน แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 53 12:24:36 จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:23:20

ความคิดเห็นที่ 8 ลาห์มเชื่อเลือดใหม่เบยร์พร้อมแทนตัวเก๋า ฟิลิปป์ ลาห์ม กองหลังกัปตันทีมชาติเยอรมัน มั่นใจบรรดานักเตะรุ่นใหม่ จะก้าวขึ้นมาผนึกกำลังร่วมกับบรรดานักเตะตัวเก๋า ช่วยพาทีมประสบความสำเร็จในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ได้แน่ โออัคคิม เลิฟ เทรนเนอร์ "อินทรีเหล็ก" นำลูกทีมออกเดินทางจากสนามบนินครแฟร้งค์เฟิร์ด ด้วยเครื่องบินโดยสารลำใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง แอร์บัส เอ 380 ของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เพื่อไปไล่ล่าแชมป์โลก สมัยที่ 4  หลังเคยทำสำเร็จมาแล้วในปี 954, 1974 และ 1990 เลิฟวัย 50 ปี กำลังนำทัพนักเตะเมืองเบียร์ ที่มีอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 25 ปี ซึ่งน้อยที่สดในรอบ 78 ปี ของประวัติศาสตร์ทีม ไปส้ศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ หลังจากการถอนตัวของ มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีม  ส่งผลให้ความคาดหวังถูกลดระดับลงมาด้วย ทว่การที่ยังมีนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์อย่าง สเตียน ไวน์สไตเกอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่, อาร์เน่ ฟรีดิช และ แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ อยู่ในทีม   ทำให้ฟูลแบ็คบาเยิร์น มิวนิคเชื่อว่าจะผสมผสานการเล่นร่วมกับนักเตะร่นใหม่ได้อย่างลงตัว ลาห์ม วัย 26 ซึ่งรับหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนบัลลัค ที่ถอนตัวออกจากทีมไปเนื่องจากเจ็บข้อเท้า เผยว่า "สายเลือดใหม่ของเราพร้อมแล้ว  ผมมีความรู้สึกที่ดีเมื่อครั้งก่อน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2006  แต่ตอนนี้ผมมีความรู้สึกที่ดีกว่าเดิมซะอีก" "แน่นอนว่า เราไม่ได้มีผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดไปเล่นที่แอฟริกาใต้  แต่เราจะมีทีมที่ดีมากๆ  ทีมอื่นๆ ต่างต้องการจะเอาชนะเราให้ได้แต่เนิ่นๆ แต่ทุกๆ ทีมต่างก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นั่นทำให้ผมมีความมั่นใจ  และเป้าหมายหลักของเราคือผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้  หากเราทำสำเร็จ แน่นอน เราจะต้องการมากกว่านั้น" "นี่เป็นภารกิจที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง  ผมเคยได้ยินเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเครื่องบนิลำใหม่มาแล้วมากมาย  ผมรู้สึกว่า มันเป็นเที่ยวบินที่พิเศษสุดๆ ซึ่งเราจะได้บินเป็นเที่ยวแรก" จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:35:06

ความคิดเห็นที่ 9 เลิฟโวเบยร์ม่นใจสุดๆ ด้าน โยกี้ เลิฟ ซึ่งกำลังจะตัดสินใจอนาคตการต่อสัญญาทำทีม โดยขึ้นอยู่กับผลงานฟุตบอลโลกครั้งนี้ เผยว่า ขุนพลอินทรีเหล็ก กำลังมั่นใจมากในการลงทำศึกใหญ่ "ศักยภาพของทีมยอดเยี่ยมมาก  เรามีทีมที่ดี พร้อมกับความมุ่งมั่นที่ยอดเยี่ยม มีบรรยากาศที่ดีภายในทีม  ทุกคนต่างแสดงความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการซ้อม  ดังนั้น ผมมั่นใจว่าเราจะทำผลงานได้เป็นอย่างดี ผมมีความมั่นใจเต็มที่" ทีมาติเยอรมันนีถึงนครโจฮันเนสเบิร์ก ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 6 มิ.ย. และมีกำหนดการเริ่มซ้อมในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 7 มิ.ย.  ก่อนจะมีคิวประเดิมรอบแรก กลุ่ม ดี โดยพบกับทีมชาติออสเตรเลีย ในเมืองเดอร์บัน วันอาทิตย์ที่ 13 มิ.ย. นี้ต่อไป credit : สยามกีฬา สตาร์ซอคเกอร์ ===== มีชีวิตอยู่เพื่อเชียร์ผีแดงทุกฤดูกาล  เพื่อเชียร์อินทรีเหล็กทุกทัวร์นาเม้นท์  และเพื่อเชียร์ทีมชาติไทยตลอดไป ===== จากคุณ : เลขาลิขิต เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:39:46

ความคิดเห็นที่ 10 ดำ-แดง-ทอง  สู้ๆๆๆๆ จากคุณ : รุมเมนิกเก้ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 12:56:15

ความคิดเห็นที่ 11 อินทรีย์เหล็กสู้ตาย จากคุณ : ออกหลวงมงคล เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 16:36:34

ความคิดเห็นที่ 12 เยอรมันไว้ลาย จากคุณ : HammyZX เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 22:07:19