Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[F1] เราได้อะไรจากเทคโนโลยี่ของ F1 และว่าด้วยเรื่องของ Schumacher VS Barrichello{แตกประเด็นจาก S9537669}  

ผมติดไว้ในกระทู้เดิมตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้พอมีเวลาเลยมาเขียนให้อ่านกันสนุกๆ

เอาเรื่องอะไรก่อนดี เอาเรื่องเทคโนโลยีก่อนละกัน เรื่องนี้เคยมีสกูปพิเศษความยาวแปดหน้าลง F1 Magazine เมื่อปีที่แล้ว ผมไม่มีหนังสืออยู่กับตัวตอนนี้ เลยเขียนเอาจากความทรงจำที่พยายามนึกได้

ถ้าถามว่า F1 คืออะไรกับแฟนสมัยใหม่ หลายคนคงตอบว่า "ก็เอารถมาวิ่งวนไปรอบๆ น่าเบื่อไม่เห็นมีแซงกันเลย" แต่ถ้าถามแฟนรุ่นก่อนปี 1994 คนส่วนใหญ่คงจะตอบว่า F1 คือ "ความเร็วและความตาย" จากปี 1952 ถึงปี 1994 มีนักขับ F1 ตายคาสนามไป 43 คน เฉลี่ยเกินปีละคน (ไม่รวมถึงผู้ชมและเจ้าหน้าที่สนามที่ตายอีกจำนวนหนึ่ง) จนเมื่อ Ayrton Senna ตายในปี 1994 F1 ถึงเข้าสู้โหมด Super Safety เต็มตัว ซึ่งก็แลกกับความสนุกในการแข่งขันที่ลดลงไปไม่น้อย

จากที่ว่ามาข้างบน ถามว่า F1 ให้อะไรกับคนทั่วไปอย่างเราๆ มั่ง สรุปได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ Safety, Performance, และ Environment

เซฟตี้
- เทคโนโลยีการซับแรงของรถขณะชน การทำตัวถังชั้นในเป็น Monocoque (ชิ้นเดียวที่แข็งมาก) แยกกับส่วนอื่นๆ ของบอดี้ที่อ่อนกว่า เพื่อซับแรงและซับความเสียหายที่จะเกิดกับคนในรถ ก็เกิดจากการชนกันบ่อยๆ ของ รถ F1 นี่แหละ
- เทคโนโลยีหมวกกันน็อคที่เบาแต่แข็งแรง
- เทคโนโลยี่เบาะและเข็มขัดนิรภัย

ความเร็ว
- เทคโนโลยี Turbo อัดอากาศ แม้ไอเดียเรื่อง turbo จะเกิดมาก่อนนั้น แต่มาถูกพัฒนาจริงจังโดยทีม F1 ช่วงปี 1977-1989
- เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนแบบต่างๆ เช่นเกียร์ออโต้ เซมิออโต้ ควิกชิฟ ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันทุกวัน
- เทคโนโลยีเครื่องยนต์ ทีม F1 ต้องสร้างเครื่องให้ทนทาน หาวัสดุที่เหมาะสมที่สุดต่างๆ มาลอง หาระบบที่ดีกว่าทีมอื่น และเทคโนโลยีพวกนี้ก็ถูกถ่ายทอดลงมาสู่รถบ้านต่อไป เช่น V-Tec ของฮอนด้า
- เทคโนโลยีอุโมงลมและการออกแบบตัวถังเพื่อสร้าง Aerodynamic ที่มีประสิทธิภาพ สร้างรถที่ลู่ลมประหยัดน้ำมันแต่เกาะถนนเข้าโค้งได้ดี ตรงนี้มี gimmick เล็กๆ ว่า ขนาด Airbus และ Boeing ที่สร้างเครืองบินลำละหลายพันล้าน ยังต้องมาจ้างวิศวกรในทีม F1 ให้วิเคราะห์และพัฒนา Aerodynamic ของเครื่องบินให้ เพราะว่า Aerodynamic ของล้อรถ F1 ขณะวิ่งหนึ่งข้างนั้นซับซ้อนกว่า Aerodynamic ของเครื่องบินทั้งลำ
- เทคโนโลยีโช้คและสปริง
- เทคโนโลยี Sensor วัดข้อมูลภายในรถ รถ F1 คันนึงมี Sensor เป็นพันตัว
- เทคโนโลยียางรถ
- เทคโนโลยีน้ำมันเครื่อง และน้ำมันเชื้อเพลิง

สิ่งแวดล้อม (จุดนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งมาสนใจกันช่วงสิบปีหลัง)
- การประหยัดน้ำมัน ถ้าเครื่องยี่ห้อไหนกินน้ำมันมาก รถก็ต้องแบกน้ำมันไปด้วยเยอะ ทำให้รถช้า ผู้ผลิตต้องแข่งกันสร้างเทคโนโลยี่ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน โดยที่ performance ไม่ตก ยิ่งจากกฎปีนี้ที่ห้ามรถเติมน้ำมัน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก
- KERS (Kinetic Energy Recovery Systems) การส่งพลังงานที่เกิดจากการเบรคของรถกลับไปสู่เครื่องยนต์ แม้อุปกรณ์ตัวนี้จะใช้แค่ปีที่แล้วปีเดียว แต่เทคโนโลยีที่ทีม F1 คิดค้นขึ้นมา ได้ถูกส่งออกไปให้หลายวงการพัฒนาต่อเรียบร้อย โดยเฉพาะผู้ผลิตรถไฟ รถไฟฟ้า และรถขนส่งขนาดใหญ่
- เครื่องยนต์ขนาดเล็กพลังงานสูงราคาถูก เดิมเครื่องรถ F1 เคยมีขนาดถึง V12 4.5L แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้อยุ่ท่ี่ตอนนี้ V8 2.4L ซึ่งก็ยังห่างไกลจากรถบ้านทั่วไปมาก แต่อีกสามปีข้างหน้า FIA กำหนดมาแล้วว่าให้ทีม F1 ใช้เครื่อง V4 1.5L + Turbo 2 ตัว ซึ่งขนาดไม่ต่างจากรถบ้านทั่วไปมากนัก (แม้ข้างในจะต่างเยอะ) เครื่องยนต์เล็กลงก็ถูกลง การส่งต่อเทคโนโลยีมายังรถบ้านก็ง่ายขึ้นและรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น


เอาที่จำได้แต่นี้ละกัน ถ้าถามผมว่า F1 เปลืองน้ำมันไหม ผมตอบว่าเปลือง เปลืองแน่นอน แต่เป็นการเปลืองต่อหน่วยที่คุ้มที่สุดในโลก คุ้มกว่าเราๆ ท่านๆ ขับไปกินเหล้าทองหล่อเยอะ น้ำมันทุกลิตรของ F1 สร้างเทคโนโลยีและสร้างงานให้คนทั่วโลกมหาศาล


เดี๋ยวดึกๆ มาต่อเรื่อง Schumi VS Barichello ละกัน


**แก้เป็น V8 2.4L แล้วครับ ผมเบลอเองจริงๆ**

แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 21:02:48

แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 20:23:37

จากคุณ : Lawเก้อ
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 20:11:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com