Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
: : [ ไทย - สิงคโปร์ แมตช์นี้ มีเนื้อมากกว่าน้ำ ] : :  

เพิ่งจบไปหมาดๆ สำหรับแมตช์กระชับมิตรระหว่าง ทีมชาติไทย และ ทีมชาติสิงค์โปร์ ที่สนาม ยามาฮ่า สเตเดี้ยม อารมณ์เดียวกันกับเหล่านานาชาติที่ก็กำลังเตะอุ่นเครื่องกันทั่วโลก..

หากจะให้เกริ่นนำ อย่างแรกที่นึกออก คงเป็นภาวะที่ค่อนข้างซึมเซาและเงียบเหงา สำหรับกระแสความนิยมในหมู่แฟนฟุตบอลไทยกับทีมชาติ ซึ่งก็พอเข้าใจได้ เพราะช่วงหลังๆ มีแต่ข่าวให้แฟนบอลต้องหดหู่ท้อใจมากกว่าข่าวดีๆ มากมายนัก

กระนั้น.. วันนี้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า แฟนบอลไทยท่านไหนที่ได้ดูเกมกระชับมิตรระหว่างทีมช้างศึกของเรากับเพื่อนบ้านอย่างทีมลอดช่องสิงค์โปร์ ก็คงจะทั้งรู้สึกดีและมีความสุขขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่ง นั่นก็ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะผลการแข่งขันและรูปเกมที่ออกมาน่าชื่นใจเพียงเท่านั้น..

แต่ยังรวมถึง "คุณภาพ" ของเกมอีกด้วย..


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เกมนี้อาจไม่ใช่เกมที่ถึงกับดีที่สุดของทีมชาติเรา เพียงแต่หากแค่มองย้อนกลับไปเปรียบกับเกมโชว์แขกอย่างแมตช์อุ่นเครื่อง รวมดาราไทยลีก - แอตเลติโก มาดริด แล้วล่ะก็ ผมก็เชื่อว่าเกมของทีมชาติไทยเรานี้ ยังมีอะไรให้ดูมากกว่าเกมนั้นเสียอีก..

เกมนี้ ไบรอัน ร็อบสัน จัดระบบ 4-4-2 ลงฟัดกับเพื่อนบ้านแดนใต้ที่ก็ใช้ระบบเดียวกันกับเรา และมีกองหน้าร่างยักษ์ชาวเซิบเป็นตัวทีเด็ดในลูกกลางอากาศเหมือนเดิม

ส่วนรายชื่อผู้เล่นทีมชาติไทยเราประกอบไปด้วย..

ผู้รักษาประตู - กวิน

เซ็นเตอร์ฯ - ณัฐพร คู่กับ ชลทิศ

แบ็คสองข้าง - สุทธินันท์ และ รังสรรค์

มิดฟิลด์ตรงกลาง - ดัสกร คู่กับ ภูริทัต

ปีก - สุเชาวน์ และ วิชยา เดชมิตร

คู่หน้า - ธีรศิลป คู่กับ ศรายุธ ชัยคัมดี


เกมเริ่มท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ทำให้สภาพสนามค่อนข้างเปียกแฉะ แต่ก็ถือว่าทั้ง 2 ทีมไม่ถึงกับมีปัญหามากนัก พูดได้ว่า แม้จะมีจังหวะผิดพลาดเพราะพื้นสนามอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนความสนุกของเกมลงไปเลย

เกมเริ่มแบบเนือยๆ ทั้ง 2 ทีมมีจังหวะได้ลุ้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็พลาดกันไปหมด จุดที่ยังเห็นได้ชัดและส่วนตัวผมรู้สึกอึดอัดใจอยู่ก็คือ รูปแบบการพาบอลไปแดนหน้าของเรา ที่ยังนิยมการทิ้งบอลไปที่คู่กองหน้าเอาดื้อๆ เหมือนเคย และผลที่ได้ก็เหมือนเคยๆ ก็คือเราเสียบอลเป็นส่วนมาก กระนั้นทีมชาติไทยก็ถือว่าครองบอลในแดนตัวเองได้ดี บอลสั้นจากเท้าสู่เท้าพอจะแสดงให้เห็นความแน่นอนและน่าจะเป็นความหวังได้

ทางด้านสิงค์โปร์ มีบอลเท้าสู่เท้าในแดนตัวเองที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าทีมชาติไทยนัก เสียแต่ว่า สิงค์โปร์ยังคงมาในรูปแบบเดิม ก็คือเน้นการเอาบอลไปให้ถึงริมเส้นทั้ง 2 ข้างให้ได้มากที่สุด และใช้หมัดเด็ดในการเปิดบอลเข้ากลาง

สิงค์โปร์ จะให้วิธีการพาบอลทุกวิธีเพื่อให้ไปถึงสุดเส้นหลังทั้ง 2 ด้าน ไม่ว่าจะบอลระยะกลางจากมิดฟิลด์ หรือจะบอลยาวตรงๆ จากแผงหลังเลย ซึ่งแม้จะประสบผลสำเร็จในการได้บอลที่ริมเส้นอยู่บ้าง แต่ก็ได้โอกาสเปิดไม่มาก และไม่สามารถกดดันแผงหลังทีมช้างศึกเราได้เท่าไหร่

ทางด้านทีมเจ้าบ้าน หลังจากค่อยๆ เล่นไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนว่าจะมีการพัฒนาการใช้บอลสั้นมากขึ้น และใช้ประโยชน์จากพื้นที่ริมเส้นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน การเปิดบอลวัดดวงในแดนหน้ามีน้อยลง ครองบอลได้มากขึ้น แม้จะยังไม่ค่อยเห็นการ Overlap หรือการเติมริมเส้นของแบ็คทั้ง 2 อย่าง สุทธินัน และ รังสรรค์ มากนักก็ตาม


ที่สุดแล้ว ทีมชาติไทยก็มาได้ประตูที่ไม่ว่าใครจะว่าฟลุ๊คหรืออะไรก็ตาม ก็คงต้องยอมรับว่าเป็นการสร้างและประสานงานจนได้ประตูที่น่าจะสวยที่สุดประตูนึงในรอบหลายๆ ปีของทีมชาติไทยก็ว่าได้..

..โดยบอลเริ่มจากริมเส้นฝั่งขวาลึกในแดนของทีมเจ้าบ้าน ก่อนที่จะตบเข้ากลางบริเวณกลางสนามให้ ดัสกร และเจ้าโก้ก็ตวัดลูกไขว้ให้ ธีรศิลป์ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าไปเล็กน้อย ก่อนที่ธีรศิลป์จะป้ายบอลพร้อมหนีการสไลบอลของนักเตะลอดช่อง บอลต่อไปถึง สุเชาว์ ที่วิ่งไล่เรี่ยไปกับกองหลังสิงค์โปร์แถวริมกรอบเขตโทษตรงกลางเยื้องซ้ายเล็กน้อย ก่อนที่จะป้ายต่อจังหวะเดียวอีกครั้งไปทีมริมกรอบเขตโทษด้านขวาของตัวเองให้กับ ศรายุธ ที่ซัดจังหวะเดียวบอลพุ่งวาบไซด์ก้อยเล็กน้อยเข้าประตูเสาแรกไปอย่างสวยงาม

เจ้าบ้านนำหลังผ่านครึ่งชั่วไปหมาดๆ


ทุกจังหวะก่อนที่จะได้ประตูของเราต่อบอลจังหวะเดียวชนิดไม่ต้องจับ และก็จบด้วยการยิงที่คมกริบ ดูแล้วเชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลไทยคนไหนที่ดู คงอดไม่ได้ที่คงต้องเฮผสมปนทึ่งไปด้วยไม่มากก็น้อย


แม้นั่นเป็นเพียงจังหวะเดียวทีมชาติไทยเจาะประตูทีมเยือนได้และเป็นประชัยในเกมนี้ แต่นั่นอาจไม่สำคัญเท่ากับรูปแบบการเล่นรวมไปถึงคุณภาพของเกมนี้

หลังจากได้ประตูนั้นไปแล้ว ทีมชาติไทยเราก็ยังเล่นได้แบบเดิม นั่นก็คือบอลเท้าสู่เท้าที่วันนี้ทำได้ดีจริงๆ แต่จุดที่น่าจะชมเช่นเดียวกันก็คงเป็นเรื่อง "การเคลื่อนไหวโดยไม่มีบอล" ที่นักเตะแทบทุกคนทำได้ดี ทดแทนตำแหน่งและสอดประสานกันได้ ส่งผลให้มีช่องให้ส่งบอลกันได้เรื่อยๆ จนมีเกมที่ดูเพลินตลอดแทบทั้ง 90 นาที

ทางด้านสิงค์โปร์เองก็ไม่ได้ถึงกับหลุดฟอร์มชนิดไม่เหลืออะไรเลย เพราะหากมองกันตามจริง ทีมชาติไทยเราก็มีหลายๆ จังหวะที่ต้องลนลานกับเกมรับที่แม้อาจไม่ผิดพลาดมากมายจนน่าตำหนิ แต่สิงค์โปร์ก็สร้างโอกาสได้ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งถ้าหากนับการครองบอลแล้วล่ะก็ ในบางช่วงของเกม ทีมชาติไทยก็ตกเป็นฝ่ายต้องไล่บอลเสียเป็นส่วนมากก็มี

ด้านดีก็คือแม้ว่าหลายๆ ครั้งในเกมนี้ทีมชาติไทยจะต้องตกอยู่ในภาวะกดดันและสุ่มเสี่ยงต้องเสียประตูหลายๆ ครั้ง แต่ทีมก็ยังเล่นด้วยทัศนคติเดิม คือมุ่งมั่นอดทนกับเกมรับและเมื่อได้บอลก็ยังได้บุก-โต้กลับสวยๆ ให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเกมจนจบ ไม่ใช่ว่าหมดมุกบุกไม่ขึ้นไปดื้อๆ แบบที่เราคงเคยกันในหลายๆ นัด

ใน 11 ตัวจริงของทีมเจ้าบ้านนั้น คงจะหาใครที่เล่นไม่ดีชนิดขี้เหร่ไม่ได้เลยในวันนี้ พูดให้กลับกัน คนที่เล่นได้เด่นก็อาจจะมี ธีรศิลป์ แดงดา ที่แมตช์นี้คงพูดได้ว่าเขาเป็น 1 ในหัวใจของทีมอย่างแท้จริง ส่วนแดนกลางนั้น ดัสกร ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ได้จ่ายบอลสวยๆ ที่พาไปสู่โอกาสของเราหลายครั้ง ส่วน กวิน ที่แม้ไม่ได้ทำงานมากนัก แต่ก็ทำได้ดีเมื่อจำเป็น

อีกรายอย่าง ภูริทัต นักหวดจากชลบุรี ก็รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้ดี และดูมาตรฐานกลมกลืนกับทีมชาติชุดนี้ได้ดีเลย คนที่หวาดเสียวว่าเกือบจะแป๊กไปแล้วก็คือ ปีกซ้ายหน้าใหม่จากบีจีอย่าง วิชะยา เดชมิตร ที่ทั้งครึ่งแรกไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย จนล่วงเลยมาครึ่งหลังถึงได้เริ่มมั่นใจและเล่นได้ดีขึ้น

นอกนั้นคือพวกตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาดูเหมือนว่าจะยังวัดอะไรไม่ค่อยได้เพราะเวลาและโอกาสน้อยเกินไปหน่อยอย่าง พลวัฒน์, แลง, รณชัย ฯลฯ หลังจากที่เปลี่ยนตัวสำรองไปหลายคน ก็ดูเหมือนว่าเกมจะตื้อๆ ลงไปบ้าง แต่ก็อย่างที่บอกว่าก็เห็นใจพวกนักเตะใหม่ๆ เหมือนกัน เพราะขนาด วิชะยา ยังเกร็งจนเล่นไม่ออกตลอดครึ่งแรก ก็หวังว่าพวกหน้าใหม่ๆ จะได้โอกาสอีกนะ

บรรยากาศในเกมนั้น แรกๆ แฟนบอลยังไม่มาก อาจเพราะด้วยสายฝนที่โรยรินลงมาไม่ขาดสาย ก่อนที่จะค่อยๆ มากขึ้นๆ และได้ส่งเสียงเชียร์ไทยแลนด์ๆ ผ่านออกมาทางการถ่ายทอดสดให้แฟนบอลคนอื่นๆ อย่างเช่นผมได้รู้สึกดีตามไปด้วย

การตัดสิน กรรมการในเกมนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรค้านสายตาถึงขนาดต้องเป็นที่พูดถึง แม้ความผิดพลาดจะมีบ้าง แต่ก็ถือว่ารับได้ และน่าจะพูดได้ว่าเป็นอีกเกมที่ราบรื่นได้ส่วนหนึ่งเพราะการตัดสินของกรรมการ


สิ่งที่ทำให้สิงค์โปร์ต้องพ่ายแพ้ในวันนี้ อาจเป็นเพราะความ "ทื่อ" และ "ซื่อ" เกินไปของพวกเขา โดยตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม สิงค์โปร์ยังเชื่อใจในการทิ้งบอลไปที่ริมเส้นทั้ง 2 ข้างและลุ้นกับการเปิดบอลเข้าตรงกลางตลอด ที่ซึ่งยิ่งนานไปยิ่งล้มเหลวมากกว่าดี ซึ่งคงต้องชมแผงหลังเราด้วยที่ทั้งเช็คล้ำหน้ากันได้ดีและสลับตำแหน่งไปบีบตลอด

นอกจากหมัดเด็ดในการบอมม์จากริมเส้นของทีมเยือนแล้ว ก็อาจจะมีจังหวะยิงไกลอีกประปรายเพียงเท่านั้นเอง ส่วนการเล่นชิ่ง-ต่อบอลสั้นทะลุช่อง เราแทบจะไม่ได้เห็นจากเขาเท่าไหร่


เกมรับของทีมเยือนจะว่าไปจริงๆ ก็ถือว่าทำได้ดี เพียงแต่ว่าอาจจะเปิดพื้นที่ให้เราได้เล่นมากเกินไป และยิ่งแนวรุกเรามีเวลามากเท่าไหร่ ความอันตรายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าเกมนี้นักเตะไทยวิ่งหาช่องและส่งบอลสั้นเท้าสู่เท้ากันได้ดี แต่กุญแจที่ทำให้ผมแอบทึ่งอยู่เงียบๆ ตลอดก็คงจะเป็น ธีรศิลป์ ที่ยิ่งนานวันดูเหมือนทีมชาติไทยเราจะขาดเขาไปไม่ได้เสียกระมัง เช่นเดียวกับ ดัสกร ที่วันนี้เล่นได้ดี อาจด้วยเพราะเขาไม่โดนประกบและมีเวลาให้ได้ปั้นบอลสวยๆ อยู่เนืองๆ ก็เป็นได้


สิ่งสำคัญที่ได้จากการดูแมตช์นี้ ไม่ใช่เพียงได้ย้ำเตือนกับตัวเองว่า ทีมชาติไทยเราเหมาะจะเล่นบอลกับพื้นจริงๆ หรือว่านักเตะอย่างธีรศิลป์, ดัสกร ฯลฯ นั้นเล่นได้ดีเพียงใดแค่นั้น แต่ผมคิดว่านัดนี้ยังเป็นการส่งข่าวออกไปยังแฟนบอลทีมชาติไทยเราด้วยว่า การดูทีมชาติไทยเตะนั้น แม้จะแค่เพียงแมตช์กระชับมิตรกับทีมบ้านใกล้เรือนเคียงธรรมดาๆ เหมือนๆ เรา แต่มันก็เป็นการแข่งขันที่ดี และสนุกได้ไม่แพ้ การดูทีมใหญ่ๆ มาเตะในบ้านเราครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 21:09:41

จากคุณ : art_sarawut
เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 21:06:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com