Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
KOP BLOG : The Beginning เปิดฉากฤดูกาลใหม่ของหงส์แดงลิเวอร์พูล  

เดี๋ยวนี้ไม่ได้เขียนอะไรมากเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะไม่ค่อยว่าง แต่...เข้ามาอ่านกระทู้ในห้องศุภทุกวันเลยค่ะ ถ้าไม่ได้เข้ามา จะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ! ช่วงนี้ พอมีเวลาว่างเลยคิดจะกลับมาเขียนอะไรๆอีกครั้งค่ะ และเอามาโพสต์ให้พี่ๆเพื่อนๆในห้องศุภได้อาจกัน เขียนค่อนข้างยาวนะคะ แต่หากใครอาจจนจบและเขียนเสนอความคิดเห็นหรือคำวิพากษ์วิจารณ์ให้จะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ....

-----------------------------------


THE BEGINNING : เปิดฉากฤดูกาลใหม่ของหงส์แดงลิเวอร์พูล


ฤดูกาลใหม่ของลิเวอร์พูลซึ่งไร้ราฟาเอล เบนิเตซเริ่มด้วยนัดสำคัญกับอาร์เซนอล โดยนัดแรกนี้จะแสดงให้เห็นทิศทางใหม่ในการทำทีมของรอย ฮอด์จสัน อีกทั้งยังเป็นนัดที่เหล่า The Kop คาดหวังว่าจะได้เห็นความแตกต่างที่เป็นข้อพิสูจน์ว่า ฤดูกาลนี้จะไม่เป็นฝันร้ายเหมือนฤดูกาลที่แล้วภายใต้ El Boss เมื่อดูสถิติแล้ว ส่วนตัวก็ยอมรับว่าเสียวเหมือนกันค่ะ เพราะฤดูกาลที่แล้วพลพรรคหงส์แดงไม่สามารถเอาชนะเหล่าปืนใหญ่ได้แม้แต่นัดเดียว แพ้ทั้งในเกมส์ลีกและในคาร์ลิ่งคัพ แต่ก็นั่นแหละค่ะ...ทีมรักของเราก็ต้องตามเชียร์เป็นธรรมดา แม้จะชนะอย่างสุดยอดหรือแพ้แบบหลุดลุ่ยก็ตาม

รายชื่อนักเตะของรอย ฮอดจ์สันตอนก่อนเริ่มเกมส์คงสร้างความดีใจให้แก่ The Kop กันอย่างถ้วนหน้า อย่างแรกที่สะดุดตาเรา คือ นี่เป็นทีมที่ไร้จอมทัพลูคัส เบนิเตซ เอ๊ย! ลูคัส เลว่านั่นเอง ในฤดูกาลที่แล้ว สาวกหงส์แดงได้เห็นหน้าค่าตาลูกรักของราฟาในแทบทุกแมตช์ จนเรียกได้ว่า จากที่หมั่นไส้และงุนงงกับการจัดตัวเช่นนี้ จนกลายเป็นขบขันและปลงใจไปแล้วเมื่อเห็นลอนด์ผมบลอนด์ๆและหน้าตาที่มุ่งมั่นอย่างแปลกๆของนายราฟาน้อย เมื่อเห็นการจัดตัวของป๋ารอยในคืนวันอาทิตย์ The Kop ทั้งหลายคงทำเหมือนตัวเรา ซึ่งกระโดดลุกขึ้นยืนและบอกว่า “นั่นแหละ! สิ่งที่พวกเรารอคอย!”

นอกจากการให้ลูคัสนั่งม้านั่งสำรองแล้ว ฮอดจ์สันยังให้มิดฟิลด์จอมอึดซึ่งได้ออกมาบอกว่าตนต้องการเซย์กู้ดบายประเทศอังกฤษอย่างฮาเวียร์ มาสเคราโน่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ในยุคของราฟา เป็นที่วิจารณ์กันอย่างหนาหูว่า ลูคัสนั้นมีดีเป็นแค่ตัวสำรองของมาสเคเท่านั้น ถ้าเอาลงไปทั้งสองคนก็เหมือนยืนทับตำแหน่งกันเปล่าๆ มีมิดฟิลด์ตัวรับอยู่ตั้งสองคนในสนาม โดยหนึ่งในนั้นยังดูเหมือนเล่นฉุกละหุกชอบกล (ไม่บอกก็รู้ว่าใคร)

การให้มาสเคลงเป็นตัวจริง ลูคัสเป็นตัวสำรอง และโยวาโนวิชกับโคลเป็นตัวริมเส้นนั้น สร้างความแตกต่างให้กับเกมส์รุกของลิเวอร์พูลอยู่มากในระดับนึง แม้ความเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่ชัดเจนเท่าไหร่ในครึ่งแรก สิ่งหนึ่งที่โจ โคลนำสู่เกมส์การเล่นของลิเวอร์พูล คือ ความสร้างสรรค์ในเกมส์รุกที่ขาดหายไปฤดูกาลที่แล้ว ตัวอย่าง คือ ลูกที่โคลชิ่งบอลให้โยวานาวิชกระชากเข้าไปเกือบถึงกรอบเขตโทษ แต่หนุ่มเซิร์บของเรากลับเลือกที่จะยิงเองเป็นเหตุให้บอลย้อยออกหลังไปฆ่านกหลายตัวในกลุ่มคนดู  แม้ในครึ่งแรกลิเวอร์พูลซึ่งมี 11 คนจะดูเกร็งๆและเสียบอลง่าย แต่ก็มีจังหวะที่เราได้เห็นการชิ่งบอลสวยๆที่ทำให้สาวกหงส์แดงได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

ครึ่งแรก อาร์เซนอลครองบอลได้มากกว่า หากไม่เป็นเพราะกองหลังสปิริตแรง (ที่มาจากไหนไม่รู้) ของเหล่าลิเวอร์พูล ปืนใหญ่คงยิงตะข่ายหงส์จนพรุนครั้งสองครั้งแล้ว โอกาสยิงครั้งเดียวของลิเวอร์พูลในครึ่งแรก คือ ลูกที่เกล็น จอห์นสันบุกขึ้นมาจากกราบขวาและง้างยิงเต็มข้อติดมือของอัลมูเนีย (ซึ่งดูเหมือนจะชอบเซฟฟ์เป็นบ้าเป็นหลังเวลาเจอกับลิเวอร์พูล จนแฟนหงส์แดงอย่างเราอยากเห็นฝีมือฟาเบียงสกี้บ้าง !) ลิเวอร์พูลที่มี 11 คนเล่นเหมือนเกร็งและไม่ไหลลื่นอย่างไรไม่รู้ ฉะนั้น เมื่อกรรมการควักใบแดงออกมาสะบัดใส่หน้าโจ โคล ความรู้สึกแรกของเรา คือ “ให้ตายเหอะ! อะไรจะเลวร้ายได้ขนาดนี้” สิบเอ็ดคนยังสู้ปืนใหญ่ไม่ค่อยจะได้ แล้วแค่สิบคนจะมีปัญญาทำอะไรได้ !! (โดยเฉพาะเมื่อเห็นน้องก๊อกที่ทำเสียบอลอยู่ร่ำไปในแดนหน้า)

ใบแดงลูกนั้น เมื่อดูจากภาพช้าจะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่า โจ โคลไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคู่ต่อสู้ แต่การสกัดเช่นนั้น ก็เป็นการสกัดที่ยั้งคิดไปหน่อยและเมื่อเห็นจะๆตาครั้งแรกคงจะดูเลวร้ายไม่น้อย แต่การตัดสินใจกรรมการของรวดเร็วเหลือเกิน ควักแล้วควักเลย...ไม่มีการพิจารณาว่า ใบเหลืองจะเหมาะสมกว่าไหม เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เหล่า The Kop คงพากันโอดครวญว่า โอ๊ยย...หายนะอะไรฟระเนี่ย ที่มันคอยตามรังควาญทีมตรูอยู่ตลอดเลย! ตอนจบครึ่งแรกนั้น จิตใจก็ห่อเหี่ยวอยู่พอสมควรเพราะคิดว่า ถ้าผลตอนท้ายแค่เสมอก็โชคดีที่สุดแล้ววววว......

ทว่าครึ่งหลังลิเวอร์พูลกลับออกสตาร์ทด้วยสปิริตเกินร้อยมากกว่าครึ่งแรกซะอีก ตลอดทั้งเกมส์ เหล่านักเตะช่วยกันสกัดบอลของอาร์ซนอล ช่วยกันแย่ง ช่วยกันตัดทางจนเรียกเสียงปรบมือและโห่ร้องจาก The Kop ในแอนด์ฟิลด์ได้อย่างมากมาย แต่เมื่อน้องก๊อก (ที่เราพึ่งนั่งด่าด้วยความหงุดหงิดอยู่) ซัดลูกนั้นเข้าตาข่ายด้วยลีลาที่คล้ายๆตอร์เรสชอบกล เราก็ไม่อาจเชื่อสายตาตนเอง เพราะในที่สุด ! ความหวังก็กลับคืนมาแล้ว!

ช่วงแรกของครึ่งหลัง คือ ช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีที่สุดตลอดทั้งเกมส์ แม้ช่วงหลังจะแผ่วลงไปเพราะมีน้อยกว่าเขาหนึ่งคน แต่นักเตะก็แสดงสปิริตได้เกินร้อยจนทำให้สาวกหงส์แดงทุกคนคงใจพองโตด้วยความภาคภูมิใจ บรรดากองหลังที่ฤดูกาลที่แล้วดูรั่วๆอย่างไรไม่รู้ ในเกมส์นี้กลับต้านทานอาร์เซนอลได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยเฉพาะมาร์ติน เสคอเทล และแดนเนียล แอกเกอร์ที่ถึงขนาดใช้หน้ารับบอลไปอย่างเต็มๆ  บรรยากาศภายในแอนด์ฟิลด์และการที่นัดนี้เป็นนัดแรกคงมีส่วนช่วยไม่น้อย แฟนบอลส่งเสียงกระหึ่มทุกครั้งที่ลิเวอร์พูลตัดบอลได้หรือยืนปรบมือร้องเพลงทุกครั้งที่เจอร์ราดส่งบอลหรือสกัดตัดทางอาร์เซนอล เกมส์นี้ ขอบอกหน่อยว่า กัปตันทำแทบเกือบทุกอย่างยกเว้นยิงประตู ความทุ่มเทของเขาทำให้เรามองย้อนกลับไป ว่าเราเคยข้องใจได้อย่างไรว่า ผู้ชายคนนี้ที่ชื่อสตีเวน เจอร์ราดจะทิ้งลิเวอร์พูลไปค้าแข้งที่อื่น เมื่อเห็นเจอร์ราดในวันอาทิตย์ เรารู้เลยว่า เจอร์ราดจะใส่ชุดสีแดงเพลิงของลิเวอร์พูลต่อไปและจะใส่อย่างเต็มเกียรติเต็มภาคภูมิเหมือนที่เขาเคยทำมาตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา

ช่วงนาทีท้ายๆของเกมส์ เราลุ้นจนตัวโก่งเมื่ออาร์เซนอลบุกแล้วบุกอีก เพราะจากประสบการณ์เชียร์ลิเวอร์พูลช่วงนี้ อะไรร้ายๆมักเกิดขึ้นกับทีมของเราในช่วงนาทีสุดท้ายเสมอ และแล้ว...ปราการหลังที่ยึดมาอย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งเกมส์ก็เหมือนพังทลายลงเมื่อ เปเป้ เรน่า (ใช่ค่ะ...เรน่าของเราเอง ไม่ใช่ฟาเบียงสกี้หรือโรเบิร์ต กรีนที่ไหน) ทำผิดพลาดปล่อยให้บอลพุ่งเข้าไปตุงตะข่ายลิเวอร์พูลได้จนสำเร็จ วินาทีนั้น ความเสียดายนั้นท่วมท้น อะไรจะขนาดนี้ ! สาเหตุที่เสียดายมากเป็นพิเศษ เพราะตอนจบครึ่งแรกเราคิดว่า มีสิบคนแค่นี้อย่างมากก็เสมอ ไม่ก็แพ้อย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อน้องก๊อกปั่นลูกสไตล์ตอร์เรสเข้าตะข่ายไป ความหวังก็กลับคืนมาว่า เราสามารถชนะเกมส์นี้ได้ แต่เมื่ออาร์เซนอลตีเสมอสำเร็จ ก็เหมือนความหวังนั้นถูกทำลายไป

แต่โดยรวมแล้ว ลิเวอร์พูลก็ทำได้ดีแม้มีแค่สิบคน การที่โจ โคลติดโทษแบนคงเป็นปัญหาในภายภาคหน้าโดยเฉพาะในนัดหน้าที่เจอแมนซิตี้ แต่นัดแรกของลิเวอร์พูลภายใต้การนำของรอย ฮอด์จสันเป็นภาพสะท้อนเล็กน้อยให้เห็นถึงการตัดสินใจและการคุมทีมของฮอดจ์สัน ภายใต้การนำของเขา ลิเวอร์พูลเล่นบอลเร็วขึ้น กองหลังดูมีระบบขึ้น (อันนี้ไม่มากก็น้อยและยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป) และการเปลี่ยนตัวต่างๆของเขาก็ใช้ได้เลยทีเดียว ฮอด์จสันเปลี่ยนตัวตามตำแหน่งโดยไม่ใช่แค่เพื่อปรับปรุงเกมส์เท่านั้นแต่เพื่อให้โอกาสและเซฟฟ์นักเตะด้วย โยวาโนวิชที่เล่นดีพอใช้แต่คงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในพรีเมียร์ ลีกมากกว่านี้อีกซักหน่อยหลีกทางให้กับมักซี่ ร็อดริเกซ  มาสเคราโน่ที่อาจดูไม่ฟิตเท่าไหร่โบกมืออำลาแอนฟิลด์ เอ๊ย! แตะมือเปลี่ยนตัวกับลูคัส และหนูก๊อกก็เปิดทางให้กับรุ่นพี่นายเฟอร์นันโด ตอร์เรสที่ลงเหยียบสนามท่ามกลางเสียงร้องดีใจและเสียงปรบมือของแฟนบอลที่ลุกขึ้นยืนต้อนรับเขากลับสู่ถิ่นแอนฟิลด์อีกครั้ง เหล่าแฟนบอลยังแต่งเพลงต้อนรับใหม่ให้เขาอีกด้วย

Again he proved he was a Red, TORRES TORRES
He put the transfer talks to bed, TORRES TORRES
He told Hodgson where he stands, he loves the club, he loves the fans
FERNANDO TORRES, Liverpool's number nine

แม้แต่ตอร์เรสจะไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายในเกมส์นี้ แต่การต้อนรับของแฟนบอลและการที่ได้เห็นเขาในชุดลิเวอร์พูลอีกครั้งทำให้ซึ้งใจอยู่เหมือนกัน ไม่แตกต่างกับการที่ได้เห็นความทุ่มเทของกัปตันและเสียงสนับสนุนของแฟนบอล บรรยากาศเหล่านี้ เตือนให้เราตระหนักอีกครั้งว่า เราโชคดีแค่ไหนที่เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล อาจมีคนตั้งคำถามว่า ทำไมลิเวอร์พูลสิบคนถึงเล่นได้ดีกว่าลิเวอร์พูลสิบเอ็ดคน คำตอบ คือ เพราะสปิริตของนักเตะและแฟนบอลที่สุดท้ายแล้วเป็นตัวขับเคลื่อนเกมส์นั่นเอง

เกมส์เมื่อวันอาทิตย์อาจไม่ถือว่าเป็นเกมส์ที่ยอดเยี่ยมหรือเพอร์เฟ็คเลยแม้แต่น้อย ลิเวอร์พูลไม่ได้ยิงถล่มปืนใหญ่ 6-0 เหมือนเชลซี เกมส์นัดนี้ไม่ได้มันส์เหมือนเกมส์เปิดฤดูกาลระหว่างเสปอร์สและแมนซิตี้ และเราคนหนึ่งยังคงตั้งหน้าตั้งตารอวันที่อัลแบร์โต้ อควิลานี่จะได้วาดลวดลายบ้าง แต่เกมส์นี้แสดงให้เห็นเล็กน้อยถึงความเปลี่ยนแปลงภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่ แม้ลิเวอร์พูลอาจหวังอะไรไม่ได้มากในฤดูกาลนี้ แต่การเปลี่ยนแปลงของฮอด์จสันอาจทำให้อะไรๆดีขึ้นจากฤดูกาลที่แล้วก็เป็นได้ พวกเราทุกคนก็คงต้องรอดูและหวังกันต่อไป เพราะจริงอยู่ที่ว่า...เกมส์นัดเดียวไม่อาจพิสูจน์อะไรได้มากนัก แต่ในฐานะแฟนหงส์แดงคนหนึ่งซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้าของสโมสรและเสียดายกับผลการแข่งขันเหมือน The Kop ทุกคน เราดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นทีมรักลงสนามอีกครั้ง และเราก็มั่นใจว่า แฟนบอลหงส์แดงคนอื่นก็รู้สึกเหมือนเราเช่นกัน



KEEP THE FAITH



รูปจาก http://www.liverpoolfc.tv/news/latest-news/our-opening-day-in-pictures

 
 

จากคุณ : กระสอบทรายของผม
เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:07:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com