Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"วิทยา เลาหกุล" ชำแหละลูกหนังไทย ติดต่อทีมงาน

ASTVผู้จัดการรายวัน - ขณะที่กระแสความนิยมฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกเพิ่มสูงขึ้นทุกเรื่อยๆ ทว่า "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล อดีตตำนานลูกหนังทีมชาติไทย ที่ผ่านประสบการณ์ทำงานกับสโมสรดังอย่าง แฮร์ธา เบอร์ลิน แห่งบุนเดสลีกา และ กัมบะ โอซากา จากเจลีก กลับหวาดวิตกกับการพัฒนาแบบไร้ทิศทางของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงอาสาพาตัวเข้าสู่ตำแหน่งประธานเทคนิคของสมาคมลูกหนังไทย แต่จนแล้วจนรอดก็ถูกปฏิเสธในตอนท้าย
     
       โดย วิทยา เลาหกุล กล่าวเปิดใจกับ MGR Sport ว่า "ที่ผ่านมาผมพูดคุยกับ คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ เป็นมั่นเป็นเหมาะ พร้อมเซ็นสัญญาทำงานในตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิคของสมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อย เพราะผมอยากเป็นคนวางโครงสร้างการพัฒนาที่ถูกต้องให้กับวงการฟุตบอลไทย แต่ก็เกิดปัญหาเรื่องของการทำงาน จึงเลิกล้มสัญญากันไป"
     
       "ผมอยากให้สมาคมฟุตบอลฯ เข้าใจถึงหน้าที่ของประธานพัฒนาเทคนิคอย่างถ่องแท้ เพราะสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาฟุตบอลไปได้ถูกทาง เราต้องไปเน้นที่การพัฒนานักฟุตบอลระดับเยาวชน ยกระดับผู้ฝึกสอนอาชีพ อีกทั้งต้องวางโครงสร้างให้กับสโมสรฟุตบอลอาชีพ ซึ่งตำแหน่งนี้จะสามารถช่วยวงการฟุตบอลได้มาก แต่ตอนนี้สมาคมฟุตบอลฯ ไม่ได้ทำ ปล่อยให้แต่ละทีมไปทำกันเอง ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน ต่างทีมต่างทำ ถึงทุกวันนี้ผมยังสงสัยอยู่ว่าสมาคมฟุตบอลฯ ทราบหรือยังว่าตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิคมีหน้าที่อะไร เพราะผมเห็นว่ามีตำแหน่งนี้ แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรกัน"
     
       นอกจากนี้อดีตดาวเตะทีมชาติไทยกล่าวต่อว่า "ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราเอาแต่คิดว่าจะไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ท่องกันเป็นสูตรคูณเหมือนเด็กๆ แต่ไม่เห็นมีใครพูดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องมาปลูกฝังกันให้ถูกต้องตั้งแต่ยังเป็นนักฟุตบอลเยาวชน ลองย้อนไปดูในอดีตโรงเรียนต่างๆ ผลิตนักฟุตบอลขึ้นมาเล่นในระดับชาติ หรือระดับสโมสรมากมาย แต่สมาคมฟุตบอลฯ เคยนำผู้ฝึกสอนที่อยู่ในระดับโรงเรียมมาอบรมแนวทางที่ถูกต้องกันหรือไม่ ถ้ามันมีตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิค คนนั้นต้องทำเพราะมันจะช่วยให้เรามีนักฟุตบอลที่มีพื้นฐานดีมาตั้งแต่ระดับเยาวชน แต่ก็นั่นแหละ เราไม่เคยทำ กลับเอาแต่อยากไปฟุตบอลโลก ก็ตลกดีเหมือนกัน"
     
       "โค้ชเฮง" กล่าวต่อไปด้วยว่า "ทุกวันนี้ผู้เล่นระดับเยาวชนไทยมีทักษะ และพัฒนาการที่ดีกว่าในอดีต แต่สังเกตได้ว่าผู้เล่นยุคหลังๆ จะมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ ดูได้เลยว่ามีนักเตะไทยหลายคนมีโอกาสไปเล่นกับสโมสรในต่างประเทศ แต่อยู่ได้ไม่ยืด สุดท้ายต้องกลับบ้าน เพราะจิตใจไม่แข็งแกร่งมั่นคง ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาทั้งฝีเท้า และจิตใจควบคู่กันไป ทุกวันนี้เราใช้นักจิตวิทยากันหรือยัง ผมยังสงสัยอยู่"
     
       ขณะเดียวกันประธานพัฒนาเทคนิคของสโมสร ชลบุรี เอฟซี กล่าวต่อไป "เรายังคงเป็นประเทศโลกที่ 3 มีการพัฒนาแต่ทีมฟุตบอลอย่างเดียว ไม่ได้พัฒนาทั้งองค์กรและโครงสร้างอย่างจริงจัง มาตรฐานผู้ตัดสินหรือทีมฟุตบอลต่างต้องเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน เราเห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ธชตวัน ศรีปาน, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ หรือแม้แต่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ต่างเป็นนักฟุตบอลโด่งดัง มีประสบการณ์ในสนามสูงมาก แต่พอมาเป็นผู้ฝึกสอนกลับต้องบอบช้ำจากงานนี้ เพราะไม่มีใครไปปูพื้นฐานให้คนเหล่านี้ เขาเป็นทรัพยากรที่มีค่า แต่สมาคมฟุตบอลฯ อบรมให้เพียงแค่เรียนรู้การเป็นโค้ช ทว่าไม่ได้เสริมกระบวนการเรียนรู้เรื่องอื่น อาทิ เรื่องการจัดการและการบริหารคนซึ่งมีความสำคัญมากกว่าการบริหารทีม"
     
       "ทุกวันนี้ผมอยากให้คุณวรวีร์ มะกูดี ใช้เวลาในการทำงานให้มากกว่านี้ ไม่ต้องไปดู พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาก เพราะที่นั่นเขาใช้เวลาพัฒนาฟุตบอลกันมาเป็นร้อยปี กว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีกได้ในวันนี้ เราไปดูตอนเขาเจริญแล้ว ดูงานบ่อยๆ ต้องรู้จักคิดว่าจุดเริ่มต้นและความเป็นมาจนพัฒนามาถึงตอนนี้เขาทำอย่างไร ตอนนี้เห็นหรือไม่ว่านักธุรกิจไทยคนไหนมีเงินก็อยากซื้อทีมฟุตบอล มันเหมือนที่อังกฤษแล้ว ผมฝากบอกเลยว่า ถ้ามีเงินเยอะกรุณานำเงินเหล่านั้นไปสนับสนุนทีมฟุตบอลเยาวชนในจังหวัดตัวเองจะดีกว่า อาจใช้เวลานาน 5-7 ปี แต่ว่าความมั่นคง และยั่งยืนกว่าการซื้อทีมฟุตบอล ทางที่ถูกเราควรหันกลับมาพัฒนาอคาเดมีอย่างจริงจัง ยกตัวอย่าง ชลบุรี เอฟซี เป็นทีมเดียวที่มีอคาเดมีที่ดี โดยมีการเตรียมนักฟุตบอลอายุ 10-18 ปี พร้อมทดแทนรุ่นพี่อยู่ตลอดเวลา"
     
       จากนั้นอดีตดาวเตะทีมแฮร์ธา เบอร์ลิน ยืนยันว่าเหตผลที่ทำให้ฟุตบอลไทยได้รับความนิยมถึงทุกวันนี้เป็นเพราะสโมสร ชลบุรี เอฟซี "สมาคมฟุตบอลฯ ต้องไปขอบคุณทีม ชลบุรี เอฟซี เพราะเขาสร้างทีมอย่างมีระบบ และมีโครงสร้างที่ชัดเจน ก่อนหน้านี้มีทีมอะไรบ้างที่ทำได้อย่าง ชลบุรี เอฟซี นอกจากนี้ผมยังได้พาฝ่ายบริหารของทีมไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยๆ ศึกษางานจากทีมอย่าง กัมบะ โอซากา, เซเรโซ โอซากา หรือ วิสเซล โกเบ เราทำงานหนักกันมาตลอด ถึงวันนี้ไทยลีกมีทีมอย่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด และพวกเขาพัฒนากันได้ดี"
     
       ทั้งนี้ "โค้ชเฮง" เผยอนาคตตัวเองด้วยว่า "หากสมาคมฟุตบอลฯ ไม่รับผมเข้าทำงานตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิค ก็คงทำงานกับสโมสร ชลบุรี เอฟซี ต่อไป แม้จะมีข้อเสนอมาจากทาง โตโตริ ในดิวิชั่น 3 ของญี่ปุ่น ที่หยิบยื่นค่าจ้างจำนวนมากพร้อมบ้านพักริมภูเขา แต่ต้องเซ็นสัญญาระยะยาว 6-7 ปี ซึ่งผมคิดว่าพอแล้ว ขณะที่ผู้บริหาร ชลบุรีฯ ได้ให้ข้อเสนอที่ผมพอใจเช่นกัน เพราะปัจจุบันผมไม่สนเรื่องเงินมากเหมือนเมื่อก่อน แต่ผมอยากสานต่อโดยการพัฒนาโครงสร้างสโมสรในประเทศมากกว่า เพื่อสร้างรากฐานให้วงการฟุตบอลไทย"

http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9530000146242

เครดิต ไทยแลนด์สู้สู้


"จากนั้นอดีตดาวเตะทีมแฮร์ธา เบอร์ลิน ยืนยันว่าเหตผลที่ทำให้ฟุตบอลไทยได้รับความนิยมถึงทุกวันนี้เป็นเพราะสโมสร ชลบุรี เอฟซี "สมาคมฟุตบอลฯ ต้องไปขอบคุณทีมชลบุรี "  โดนใจจริงๆ

แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 13:39:09

 
 

จากคุณ : Longinus
เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 13:38:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com