PANTIP.COM : S9873069 [F1] ข่าวคราว F1 (ต่อ) และว่าด้วยการกลับมาของ Schumacher, และข่าวคราวน่าสนใจในวงการ F1 []

ความคิดเห็นที่ 5

แฟนรุ่นใหม่ อาจจะถามว่า Schumacher หรือที่แฟนเรียกกันติดปากว่า Schumi เก่งตรงไหน..

- Schumi เป็นนักกีฬาที่มี Invincible Mentality สูงที่สุดตลอดกาลคนหนึ่ง "ข้าเก่งที่สุด ข้าเร็วที่สุด ข้าแข็งแรงที่สุด ทุกสิ่งที่ข้าทำถูกต้อง และข้าทำได้ทุุกอย่างเพิ่อชัยชนะ..." นี่คือคำจำกัดความของ Schumacher ที่เราๆ ท่านๆ ไม่รักก็เกลียดเลย.. กับนักขับด้วยกันเอง นักขับร่วมรุ่นพี่ไม่ชอบขี้หน้า นักขับรุ่นเดียวกันไม่คบหา (โดยเฉพาะ Villeneuve, Irvine, และ Barrichello) นักขับรุ่นน้องแม้จะให้ความเคารพแกอย่างสูง แต่ก็พร้อมจะวัดรอยเท้าเสมอ

- นักขับด้วยกันไม่รักไม่เป็นไร ในทางตรงกันข้ามแกเป็นคนที่วิศวกร นักออกแบบ และคนงานในทีมที่แกเคยอยู่รักที่สุด ว่ากันว่าแกรู้จักวิศวกรนักออกแบบในทีมทุกคน จำชื่อลูกเมียคนในทีมได้หมด คนไหนญาติเสีย เจ็บป่วย หรือมีเรื่องเดือนร้อน แกจะรีบเข้าไปคุยเข้าไปช่วยเหลือเสมือนเป็นครอบครัวแกเอง (นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Raikkonen อยู่ Ferrari ไม่ได้นาน เพราะรายนี้ไม่เอาใครเลย มาขับอย่างเดียวแล้วก็กลับบ้าน)

- ในบรรดานักขับ F1 ทั้งหมดไม่มีใครรู้เรื่องวิศวกรรมรถยนต์ดีเท่า Schumi ว่ากันว่าแกรู้มากกว่า Engineer จบ PhD สะอีก สมัยแกอยู่เฟอรารี่ หลังจากทดสอบรถเสร็จแล้ว แกจะมาช่วยวิศวกรทำรถต่อเสมือนเป็นวิศวกรในทีมอีกคนนึง ด้วยความรู้ทางวิศวกรรมระดับสุดยอดนี่เอง แกจึงเป็นนักขับที่พัฒนารถได้ดีที่สุด ซึ่งทำให้นักขับในทีมอีกคนซวยมาก เนื่องจากวิศวกรในทีมจะเข้าใจฟีดแบ็กของ Schumi ได้ดีกว่า ตัวรถที่สร้างออกมาและการเซ็ทอัพรถจึงตรงกับสไตล์การขับของ Schumi มากกว่านักแข่งในทีมอีกคนเสมอ

- Schumacher เป็นนักขับคนแรกที่เน้นเรื่อง Fitness อย่างจริงจัง จนถึงตอนนี้อายุ 40 กว่า แกก็ยังแข็งแรงฟิตปั๋งกว่านักขับเด็กๆ แทบทุกคน

- สไตล์การขับโดยธรรมชาติของ Schumi เป็นสไตล์ Super Aggressive ใช้การเบรคลึกแล้วให้รถ Oversteer สไลด์เข้าโค้งไป ด้วยวิธีขับแบบนี้แกสามารถรีดประสิทธิภาพของรถออกมาได้ 110% แบบที่นักแข่งคนอื่นทำไม่ได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องเซฟยาง แกก็สามารถเปลี่ยนไปขับสไตล์อื่นได้ และสามารถเปลี่ยนสไตล์ไปเปลี่ยนสไตล์มาให้เหมาะสมกับสภาพรถและยางขณะนั้น ต่างกับนักขับคนอื่นที่มักขับสไตล์ที่ตัวเองถนัดได้สไตล์เดียว

- Schumi เป็น Rain Master ตัวจริงเสียงจริง ว่ากันว่าแกมีความสามารถในการอ่านน้ำที่ค้างอยู่บนผิว Track ได้ทะลุปรุโปร่งกว่านักชับคนอื่นมาก ช่วงแกขับเฟอรารี่ ถ้าสนามไหนฝนตกก็เตรียมยกแชมป์ให้แกได้เลย

- ว่ากันว่าแกเป็นคนที่วางแผนการขับของตัวเองได้ละเอียดที่สุด คิดแผนไปขับไป และแม่นเรื่องเวลาต่อรอบมาก ผู้จัดการทีมสามารถสั่งแกได้เป็นเสี้ยวของเสี้ยววิว่ารอบนี้ควรขับให้ได้เวลาเท่าไหร่ แล้วแกขับออกมาได้ตามสั่งเสมอ ถ้าเอาเวลาต่อรอบมานั่งดูกัน จะเห็นว่าช่วงพี่คของแก เวลาต่อรอบตั้งแต่รอบแรกถึงรอบสุดท้ายต่างกันน้อยมาก (สมัยนั้นยังเติมน้ำมันได้ เวลาต่อรอบเลยไม่ได้ลดลงเรื่อยๆ จากรอบแรกอย่างในปัจจุบัน)

- จากข้างบนที่แกเปลี่ยนสไตล์การขับได้หลายแบบ แกเลยเป็นนักขับที่เซฟยางไว้อัดในรอบหลังๆ ได้เก่งที่สุดคนนึง (ผมให้ Mika "Flying Finn" Hakkinen คนเดียวที่เหนือกว่าในจุดนี้)

- Schumi อาจจะโชคดีด้วยที่มีทีมงานระดับสุดยอดคอยสนับสนุนในช่วงที่แกครองความยิ่งใหญ่ สามประสานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาตร์ F1 ในนาม Dream Team มี - Jean Todt ผู้จัดการทีม/ Ross Brown, Chief Engineer/ และ Rory Byrne, Chief Designer

ปล. ขอมาต่อตอนเย็นนะ ไม่เสร็จจนได้ เดี๋ยวกลับมาว่ากันว่าปัจจุบันมีอะไรขาดหายไปจากข้างบนที่เล่ามา
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 13:10:41
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 12:54:08
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 12:41:43

จากคุณ : Lawเก้อ

เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 12:32:29

ความคิดเห็นที่ 13

2. ตัวรถ

ตั้งแต่ต้นปี ความเร็วรถ Mercedes ห่างจาก Red Bull, McLaren, Ferrari เยอะ รอบนึงเกิน 1 วิ ต่อให้เอา Schumi ช่วงพีคมาขับ ก็ไล่ไม่ทันอยู่ดี ถามว่าทำไมรถถึงไม่ดี เรื่องนี้น่าสนใจ

- ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2008 นู่น ก่อนจบปี 2008 ทีมนึ้ยังเป็นทีม Honda อยู่เลย ช่วงใกล้จบปี Honda ตัดสินใจถอนทีม ถอนเทคโนเโลยี ถอนทุนออกหมด โชคยังดีที่ได้ Ross Brawn เข้ามาซื้อและทำทีมต่อ แต่ก็ต้องลด Budget และเอาคนออกไปเยอะ จากทีมใหญ่เป้นอันดับต้นๆ กลายเป็นทีมเล็กเหลือคนไม่กี่คน ความสามารถในการทำรถเหลือนิดเดียว แต่ดันมีปาฏิหารย์ ทีมงานคิดนวัตกรรม Double Diffuser ออกมาได้ ทำให้ทีมเล็กๆ ที่จะรอดแหล่ไม่รอดแหล่ผงาดขึ้นมาเก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำช่วงเปิดฤดูกาล เพราะทีมอื่นยังทำ Double Diffuser มาสู้ไม่ทัน

- ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าวิศวกรในทีม F1 เค้าทำงานกันยังไง ตรงนี้น่าสนใจ ผมขออนุญาตเล่าเป็นเกร็ดนิดนึง ด้วยความที่กติกาเรื่องตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี ในทีม F1 ทีมนึงจะแบ่งวิศวกรเป็นสองทีม แยก Resource แยก Budget กัน สมมุติว่ามีทีม A กับทีม B ละกัน

สมมุติว่าตอนนี้เป็นปี 2008 วิศวกรในทีม A จะเริ่มศึกษากติกาของรถปี 2008 ตั้งแต่ต้นปี 2007 หลังจาก FIA สรุปกติกาเรียบร้อย ขึ้นเมษาพฤษภา 2007 ทีม A ก็จะเริ่มวิจัยตัวรถวิจัยชิ้่นส่วนใหม่ๆ ที่จะใส่รถปี 2008 (เอาว่ารถคันนี้โค้ด = TH08) มิถุนากรกฎาทำแบบจำลองในคอม สิงหากันยาทำโมเดลเอาเข้าอุโมงลมช่วง ตุลาพฤศจิกาสรุปโครงการพร้อมผลิตออกมาเป็นรถจริง และเปิดตัวรถ TH08 เดือนมกราปี 2008 หลังจากนั้นทีม A ทีมนี้ ก็จะดูแลรถ TH08 ในการแข่งไปตลอดฤดูกาล 2008 ทั้งในส่วนของการเซ็ทรถ การพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ มาใส่เพิ่มเพื่อแข่งกับทีมอื่น สรุปว่าลูปงานของวิศวกรทีม A เริ่มต้นปี 2007 จบปลายปี 2008 เป็นเวลา 2 ปี เต็ม

กลับมาที่ทีม B พอทีม A เปิดตัวรถ TH08 แล้ว วิศรกรทีม B ก็จะเปิดโปรเจ็คเริ่มทำรถปี 2009 และรับผิดชอบรถ TH09 ไปจนจบครบลูป ส่วนทีม A ที่เสร็จจากรถปี 2008 ก็จะเริ่มทำรถปี 2010 ต่อไป สลับกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมว่าผมเขียนงงงง แต่น่าจะพอเข้าใจกันได้

กลับมาที่เรื่องของ Mercedes ปัญหามีอยู่ว่าที่ปีที่แล้ว (2009) ทีมนี้ยังเป็นทีม Brawn ทีมเล็กๆ มีทีมงานไม่กี่คน แต่ดันทำแต้มได้เป็นกอบเป็นกำช่วงเปิดฤดูกาล พอเป็นแบบนี้ Ross Brawn ตัดสินใจดึงวิศวกรและบัดเจ็ตของทีมที่กำลังทำรถปี 2010 กลับมาทุ่มทำรถปี 2009 ที่กำลังใช้แข่งอยู่เกือบหมดเพื่อเอาแชมป์ให้ได้ ส่งผลให้การพัฒนารถปี 2010 หยุดชะงักไปยาว ด้วยเหตุนี้เองรถปี 2010 ถึงสู้ชาวบ้านเค้าไม่ได้เลย

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ รถปี 2009 ที่ Brawn ทุ่มทรัพยากรทั้งหมดทำนั้น ทำโดยอิงจากพื้นฐานสไตล์การขับของ Jenson Button ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าขับรถได้นุ่มนวลที่สุดและชอบให้รถติด Understeer รถปีนี้ของ Mercedes ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถ Brawn ปีที่แล้ว จึงมี character แบบ Button เต็มๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับสไตล์การขับ Aggressive ของ Schumacher อย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุนี้เอง Rosberg ที่มีสไตล์การขับใกล้ Button มากกว่า Schumi ถึงทำผลงานได้ดีกว่าอย่างพลิกตำราเกจิทุกสำนัก

ผมว่าเรื่องนี้น่าจะตอบข้อสงสัยของหลายๆ คนได้ว่าทำไมปีนี้ Schumi ถึงโดน Rosberg อัดกระจาย... หวังว่าปีหน้ารถคงเข้าสไตล์ Schumi มากขึ้น และตบเด็กกลับไปสำเร็จ..
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 11:57:06
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 11:25:10

จากคุณ : Lawเก้อ

เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 11:22:50