TIA Column : ก็แค่พลุนัดเดียว กับ ปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้
|
|
เฮ้อ...................
ขอถอนหายใจยาวๆไว้อาลัยให้ฟอร์มการเล่นของทีมรักอีกครั้ง แพ้อีกแล้ว การเสมอกับวีแกนเมื่อกลางสัปดาห์และการแพ้สโต๊คเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้การชนะเชลซีไร้ความหมายไปเลย อย่างที่บอก เกมกับเชลซีกลายเป็นพลุนัดเดียวที่ดังสนั่นท้องฟ้า ให้เราชื่นชมความสว่างไสว และตื่นเต้นดีใจ แล้วมันก็ดับวูบไป เหลือไว้แต่ท้องฟ้ามืดๆอย่างเดิม
บางทีมันอาจเป็นความคาดหวังที่พุ่งสูงจนเกินไปของแฟนบอล เมื่อเราเอาชนะทีมจ่าฝูงได้ ย่อมเกิดอาการเหลิงบ้างเป็นธรรมดา แต่ลึกๆก็รู้ว่า เรายังไม่ได้เล่นดีขนาดนั้น และกับโลกของฟุตบอล 90 นาที อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าทุกอย่างมันเดินเป็นเส้นตรง มีเหตุมีผลอยู่ตลอดเวลา มันคงเป็นกีฬาที่น่าเบื่อ และคงไม่มีใครติดตามสนใจกันขนาดนี้
สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลแล้ว ถ้าได้ดูเกมกับเชลซี แน่นอน...มันทำให้ทุกคนมีความหวังสูงมาก ทั้งแท็กติกและหัวใจสู้ มันมาพร้อมกัน ไม่มีอะไรที่ต้องตำหนิทีมซักนิดเดียว แต่เพียง 3 วันคล้อยหลัง เกมกับวีแกน แม้จะเป็นเกมเยือน มันกลับน่าใจหายที่สิ่งดีๆหลายอย่างหายไป เราไม่ได้ดูเกมนั้นเต็มๆ ได้ดูเพียงไฮไลท์สั้นๆ แต่แค่นั้นก็เห็นและสัมผัสได้ถึงอะไรดีๆหลายอย่างนะ แม้จะเป็นเกมทีคนส่วนใหญ่ผิดหวังมากก็ตาม เราก็ยังรู้สึกว่านักเตะของเราทุกคนต้องใจเล่น และได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด ส่วนแท็กติกของเกมเนี่ย ยอมรับว่า "ไม่ปลื้มอย่างแรง" แต่มันก็ชัดเจนว่าผู้จัดการทีมเลือกวิธ๊การไหนในการเล่น
แน่นอนว่า เราไม่ชอบหรอก กับการตั้งรับลึก ถ้านำก่อน เราก็ยังปรารถนาให้ทีมกระหน่ำบุกต่อไป ได้ประตูแรกแล้ว ก็ยิงอีกประตูสิ แล้วก็ยิงอีกต่อไปให้มากที่สุด แต่วีแกนก็มี 22 ตีน (อุ๊ย หยาบไปหน่อย) เอาเป็น 22 เท้าเหมือนๆกับเราเหมือนกัน ผู้จัดการทีมและนักเตะของวีแกนเองก็ไม่ใช่ควาย (อุ๊ยย ขอดทษ หยาบอีกแล้ว) เอาเป็นไม่ใช่กระบือก็แล้วกัน พวกเขาก็มีสติปัญญาจะต่อสู้กับเราเหมือนที่เราสู้กับเชลซีนั่นแหละ ดังนั้น แม้กระแสจะแรงพอตัว แต่เกมกับวีแกน เราก็โอเคกับมันอยู่บ้างนะ
แหม ถ้ากัปตันไม่ยิงชนคาน ก็คง 3 แต้มไปแล้ว เสียดายนะ แต่พูดกันจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่า เสมอก็บุญแล้วล่ะ
มาที่เกมแพ้สโต๊ค คือ...ยังไงดีล่ะ คงปลงล่ะมั้ง ตั้งแต่เห็นรูปเกมตอนเริ่มเตะนั่นแหละ และมันก็เป็นปัญหาเดิมๆที่กี่ปีกี่ชาติก็ไม่เคยแก้ไขได้ซักที
ลิเวอร์พูลไล่เพรสซิ่งเชลซีมายังไง สโต๊คก็ไล่เพรสซิ่งลิเวอร์พูลแบบนั้นเลย ซึ่งอีก 19 ทีมเขารู้กันหมดแล้วว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน และที่เชลซีไม่ใช้วิธีการแบบนั้นกับเรา อาจเป็นเพราะเราเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่แล้ว ในเมื่อเขาได้บุก จะต้องไล่เพรสซิ่งทำไม แต่กระนั้น ในครึ่งหลังกับเชลซี เราก็โดนไล่บีบหนักไม่น้อย จนเกือบเสียประตูด้วยซ้ำ แต่โชคดีรอดมาได้ จากความยอดเยี่ยมของเรน่ากับคานช่วยชีวิต แต่เกมกับสโต๊ค เขาใช้วิธีแบบนี้กับเราตลอด 90 นาที เมื่อไหร่ก็ตามที่นักเตะลิเวอร์พูลได้ครองบอล จะมียักษ์ เอ้ย นักเตะสโต๊คอย่างน้อย 2 คนวิ่งมาบีบพื้นที่ ปิดทางจ่ายบอล ซึ่งถ้าเราไม่เสียบอล ก็จะจ่ายพลาดกันไปเอง
สาบานว่า 90 นาที พล๊อตเรื่องมีแค่นี้จริงๆ และไม่รู้เหมือนกันว่า คนข้างสนามได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ และได้สั่งความอะไรให้นักเตะเปลี่ยนแปลงอะไรในครึ่งหลังหรือไม่ รู้แต่มันไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆที่ดีขึ้นเลย แม้แต่นิดเดียว
ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่เป็นความจริงที่ในเกมกับสโต๊ค ตอร์เรสไม่ได้โอกาสยิงประตูเลยแม้แต่ครั้งเดียว เศร้ามั้ยล่ะ
ไม่ได้ทำอวดเก่งหรอกนะ แต่ปัญหาเจอเกมเพรสซิ่งของคู่แข่งแล้วเล่นไม่ออกแบบนี้ ลิเวอร์พูลเจอมาจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บมันไว้เป็นอนุสรณ์ให้จดให้จำไปนานแค่ไหน แต่แฟนบอลไม่ปลื้มเลยนะคะ ไม่แปลกที่เราจะมีวันเล่นแย่หรือถูกกดดันอย่างหนัก ไม่ว่าแข่งกับใคร แต่มันควรมีการแก้ไขให้ดีขึ้น
ครึ่งหลังของเรากับเชลซี เชลซีเล่นดีขึ้นชัดเจน กดเราซะเกือบตาย แต่ครึ่งหลังของเรากับสโต๊ค ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากครึ่งแรกเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ชนะ ไม่ว่า แต่แค่จะหวังให้เล่นดีขึ้น แก้ปัญหาที่ประสบในครึ่งแรกได้บ้าง ยังไม่ได้เลย ให้ตาย...แล้วเราจะหวังอะไรได้บ้างคะ
หวังว่าจะไม่ตกชั้นงั้นหรือ ...ขออนุญาตหัวเราะเป็นภาษาสเปนให้ราฟาได้ยินหน่อยได้มั้ย
เราทุกคนน่าจะมีความเห็นที่ตรงกันว่า พวกเราปลื้มกับการจัดตัวของฮอดจ์สันมากกว่าราฟา แต่ถามหน่อยว่า การวางแผนและแก้เกมล่ะ จะมีใครมั้ยคะที่ปลื้มฮอดจ์สันมากกว่าราฟา (เป็นกบเลือกนายอีกแล้ว ตรู...)
บางคนอาจไม่ปลื้มทั้งคู่ แล้วจะปลื้มใครดีล่ะ ใครคนไหนที่เราปลื้มนักหนาจะมาแก้ปัญหาทีมให้เราหรือ...ก็เปล่า
ฉะนั้น...เราก็คงได้แต่สวดภาวนาให้ผู้จัดการคนนี้ของเราต่อไป สาบานเลยว่าไม่เคยออกปากไล่นักเตะหรือผู้จัดการทีมคนไหนของทีม และไม่คิดอยากจะไล่ผู้จัดการทีมคนนี้ด้วย เพราะมันผิดอุดมการณ์ของตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่
สำหรับวันนี้...ยังทนได้อยู่ค่ะ ยังเอาใจช่วยอยู่จริงๆ แม้เขาหลายสิ่งที่เขาทำ พูดหรือแสดงออก จะทำให้เราหมดความนับถือ ศรัทธาก็ตาม แต่ก็ยอมรับนะว่าเราคิดถึงราฟา คิดถึงมากจริงๆ เพราะอะไรบางอย่างในหัวใจมันยังคงเชื่ออยู่เสมอว่า ถ้าราฟายังอยู่ ทีมเราจะไม่แย่ถึงขนาดนี้ มันอาจเป็นความเชื่อที่ไร้เหตุผล (เพราะราฟาก็ไม่ได้ทำทีมอินเตอร์ฯ ดีเยี่ยมอะไรนักหนา ถ้าดูจากผลการแข่งขัน แม้จะยังอยู่หัวตารางก็ตาม) แต่มันเป็นความศรัทธาที่ยังไม่จางหายไป พอดีกว่า...กบเลือกนายอีกแล้ววุ้ย
แพ้นัดนี้ มันก็เศร้าอย่างที่เคย แต่ทนได้มั้ย ก็ทนได้ รับได้ เพราะสำหรับเรา ความเจ็บอย่างที่สุดมันได้เกิดขึ้นไปแล้วจากเกมแพ้เอฟเวอร์ตัน และเชื่อว่าจนจบฤดูกาลนี้ จะไม่มีวันไหนเจ็บเท่าวันนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าจะจบฤดูกาลแบบไหน และทีมจะเป็นยังไงต่อไปก็พร้อมเชิดหน้าเผชิญทุกๆสถานการณ์จริงๆ
หลายคนอาจเลิกหวังติดท๊อป 4 ไปแล้ว เราก็อยากจะเลิกหวังนะ แต่ยังทำไม่ได้ ถ้ายังคงมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง ไม่เคยเลยที่จะเลิกหวัง และถึงทีมเป็นแบบนี้ก็จะยังหวังต่อไป โดยที่พร้อมรับกับผลที่จะเกิดขึ้นในทุกทาง
ถ้าถามว่าอยากเห็นอะไรจากทีม เราไม่หวังจะเห็นเกมรุกสวยงาม เดินหน้าฆ่ามันหรอก และแม้ว่าแนวทางของฮอดจ์สันจะเป็นแบบไหนก็ตาม เราก็จำเป็นต้องยอมรับและเรียนรู้มัน แต่ที่สำคัญคือ อยากเห็นความละเอียดในการวางแผน แก้เกมบ้างอะไรบ้าง ทุกอย่างในเกมมันมีเหตุผลของมัน แม้บางที ผลการแข่งขันจะไร้ซึ่งเหตุผลก็ตาม (เช่นเสมอแบบแน่แพ้วีแกน) แต่ทุกอย่างมีที่มาที่ไป
คิดให้ละเอียดหน่อย ราฟาอาจละเอียดจนน่ารำคาญ แต่ความละเอียดของเขาทำให้เราได้แชมป์และรองแชมป์ และได้เห็นทีมที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลรองแชมป์ (เซ็งตัวเองจริงๆ ให้ตาย ...พูดถึงราฟาอยู่ได้ )
เอาเถอะ ยังไงก็ตาม รอย ออดจ์สัน ถึงคุณจะอายุ 63 ปีแล้ว แต่ถ้าคุณจะสู้สุดใจแบบตาแก่ขึ้โมโหใน Animation เรื่อง UP แล้วล่ะก็ The kop จะรักคุณนะ รักอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย
พร้อมจะรอเสมอนะคะ Boss แม้จะไม่ค่อยปลื้ม Boss ก็ตาม
จากคุณ |
:
howk_ky
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 53 16:34:00
|
|
|
|