Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"ตราช้างทีมไทย" หรือ "ลูกเนรคุณพ่อ" ติดต่อทีมงาน

"ตราช้างทีมไทย" หรือ "ลูกเนรคุณพ่อ"        
 


พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงโปรดเกล้า ฯ พระราชทาน "ตราพระมหามงกุฎ" ให้เป็นเกียรติยศการรักชาติแก่ทีมชาติสยาม เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๕๘ ณ สนามสามัคยาจารย์สมาคม




นับจากปัจจุบันนี้ อีก 6 ปี คณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม หรือ "ทีมชาติไทย" ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และของคนไทยสายเลือดสยามทุกผู้นาม จะมีอายุครบรอบ 100 ปี คณะกรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ควรต้องทบทวนในการอัญเชิญ "ตราพระมหามงกุฎ" ให้กลับมาประทับบนอกเสื้อเบื้องซ้ายของเหล่านักฟุตบอลผู้แทนของชาติ สมดังพระราชประสงค์ "องค์บิดาแห่งฟุตบอลเมืองสยาม" และปฐมบทแห่งทีมชาติสยาม







ในการนี้ สำนักพระราชวังอนุญาตให้สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทยจัดแสดง "พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม" ณ พระตำหนักทับแก้ว พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม   เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในพระราชกรณียกิจด้านการสนับสนุนและส่งเสริมกีฬาฟุตบอลของสยามประเทศ และโอกาสที่ทีมฟุตบอลชาติไทยในสมเด็จพระมหาธีราชเจ้า จะมีอายุครบรอบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2558 อันจะแสดงให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ได้เห็นถึงพระอัจริยภาพของพระองค์ท่านในฐานะสภานายกคณะฟุตบอลแห่งสยาม (1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458) ต่อมา จึงทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทาน "ตราพระมหามงกุฎ" ให้เป็นเกียรติยศการรักชาติของนักฟุตบอลทีมชาติไทย

ดังคำกล่าว ของพระประสิทธิ์ศุภการ (ต่อมา คือเจ้าพระยารามราฆพ) แก่คณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม (ทีมชาติไทย) เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 ณ สนามสามัคยาจารย์สมาคม (สนามฟุตบอลภายในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) ความว่า

"...หมวก เครื่องหมายความสามารถฟุตบอลที่ท่านจะได้รับไปในเวลาอีกสักครู่นี้ ก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราพระมหามงกุฎ ซึ่งควรรู้สึกว่าเปนเกียรติยศการรักชาติ ย่อมจะแสดงได้หลายสถาน แต่การที่ท่านตั้งใจเข้าเล่นแข่งขันให้ถึงซึ่งไชยชนะให้แก่ชาติในคราวนี้ ก็เปนส่วนหนึ่งแห่งการรักชาติ..."

อนึ่ง ในรัชสมัยของพระองค์ มีเหตุการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนสิ่งของเป็นเหรียญรางวัลในการกรีฑาของกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวคือ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดี ได้มีหนังสือกระทรวงศึกษาธิการที่ ๓๐/๕๔๘๘ ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เรื่อง เห็นควรเปลี่ยนเหรียญรางวัลของแก่นักเรียนผู้ชนะในการกรีฑาเป็นเหรียญรูปพระอินทร์ทรงช้าง โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแส พระราชทานมาวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๔๖๗ ความว่า

"ที่คิดเปลี่ยนเปนเหรียญรางวัลนั้น เห็นชอบด้วย แต่ที่จะทำเปนรูปพระอินทร์ทรงช้างนั้น ยังไม่เห็นด้วย, เพราะเมื่อทำเปนเหรียญจะเห็นแต่ช้างมากกว่าพระอินทร์, ควรคิดหารูปอย่างอื่นจะดีกว่า."

ในปัจจุบัน เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2545 สภากรรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์  อ้างเหตุว่า "ทีมชาติไทยไม่เคยมีตราประจำทีมชาติ" จึงได้จัดการประกวดตราทีมชาติไทยขึ้นพร้อมทั้งนำ "ตราช้าง" ที่ชนะเลิศมาใช้แทน "ธงไตรรงค์" (ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สมาคมฟุตบอลฯ เปลี่ยนจาก "ตราพระมหามงกุฎ" มาเป็น "ธงไตรรงค์") โดยรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นธงประจำชาติไทย

ขณะที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอบทความเกี่ยวกับปฐมบท "ตราพระมหามงกุฎ" กล่าวถึงการไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง กับตราที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของทีมชาติไทย นอกจากผิดไปจากพระราชประสงค์ของล้นเกล้าฯ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า หากแต่ไม่ได้รับการชึ้แจงต่อสาธารณชนและสังคมส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับทราบเรื่องที่ถูกต้องอย่างแพร่หลาย จึงขออัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เพื่อเตือนสติการกระทำดังกล่าว ไว้ดังนี้


“..... เจ้าเหล่านี้ ข้าถือเหมือนลูกของข้า  ส่วนตัวเจ้า    เจ้าก็ต้องรู้สึกว่าข้าเป็นพ่อเจ้า
ธรรมดาพ่อกับลูก   พ่อย่อมอยากให้ลูกดีเสมอ   ถ้าลูกประพฤติตัวดีสมใจพ่อ  พ่อก็มีใจยินดี   ถ้าลูกเหลวไหลประพฤติแต่ความเสื่อมเสีย  พ่อก็โทมนัส  ลูกคนใดที่ประพฤติตนเลวทรามต่ำช้า  เป็นเหตุให้พ่อได้ความโทมนัส  ลูกคนนั้นเป็นลูกเนรคุณพ่อ......”


มีคนไทยอีกหลายล้านคน หรืออย่างน้อย 7,000 กว่าคน ที่ได้ลงความเห็นในสมุดเยี่ยมชม "พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม" แสดงความเห็นด้วยกับ "ตราพระมหามงกุฎ" ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของ "องค์บิดาแห่งฟุตบอลเมืองสยาม".


จิรัฏฐ์  จันทะเสน ผู้เขียน


http://www.siamfootball.com/

หวังว่านายกมีหัวนอนบางคนและสื่อมีหัวนอนบางตัว "จะสำนึกถึงพระราชนิพนธ์อันนี้"

"..... เจ้าเหล่านี้ ข้าถือเหมือนลูกของข้า  ส่วนตัวเจ้า    เจ้าก็ต้องรู้สึกว่าข้าเป็นพ่อเจ้า
ธรรมดาพ่อกับลูก   พ่อย่อมอยากให้ลูกดีเสมอ   ถ้าลูกประพฤติตัวดีสมใจพ่อ  พ่อก็มีใจยินดี   ถ้าลูกเหลวไหลประพฤติแต่ความเสื่อมเสีย  พ่อก็โทมนัส  ลูกคนใดที่ประพฤติตนเลวทรามต่ำช้า  เป็นเหตุให้พ่อได้ความโทมนัส  ลูกคนนั้นเป็นลูกเนรคุณพ่อ......”

 
 

จากคุณ : Longinus
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 02:49:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com